ตอนที่ 8
งานเลี้ยงฉลองสมรสถูกจัดขึ้นที่โรงแรมอย่างอลังการในตอนหัวค่ำ ทั้งกองทัพนักข่าวและแขกจำนวนมากที่มาร่วมงาน ทำให้พลอยรัตนาต้องหลบฉากออกมา แล้วยืนมองคู่บ่าวสาวถ่ายรูปกับแขกอยู่ที่มุมหนึ่ง ซึ่งจัดไว้อย่างสวยงาม วันนี้หลังจากเสร็จพิธีหลั่งน้ำสังข์และจดทะเบียนสมรสแล้ว เธอมีโอกาสได้คุยกับมุกอันดาสั้นๆ แค่ในห้องแต่งตัว เพราะนักข่าวที่รุมสัมภาษณ์คู่บ่าวสาวอยู่นาน หากก็ทำให้เธอได้รู้ว่าตรัยคุณรู้จักกับน้องสาวของเธอมานานแล้ว เพราะเขาเป็นอาของสร้อยขิมเพื่อนสนิทของมุกอันดานั่นเอง
แม้จะไม่มีคำว่ารักจากปากเจ้าบ่าวตลอดการสัมภาษณ์ แต่ทุกคำที่เขาตอบก็บอกให้รู้ว่ามุกอันดาเป็นคนสำคัญสำหรับเขา และเขาจะดูแลเธอตลอดไป ไม่ต่างจากน้องสาวของเธอที่บอกว่าเจ้าบ่าวคือชายในฝัน และอายุก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญใดๆ สำหรับทั้งคู่เลย ก่อนจะปิดท้ายด้วยภาพบ่าวสาวหอมแก้มกันหลายต่อหลายครั้ง ที่ทำให้เธอต้องเบือนหน้าหนีจากภาพนั้นทันที
หญิงสาวยกแขนขึ้นกอดอกเมื่อรู้สึกได้ถึงแอร์ที่ค่อนข้างเย็น และมันช่างเหมือนกับคืนนั้น ที่อากาศเหน็บหนาวในประเทศที่เธอไปเรียนต่อเพียงลำพัง เธอไม่รู้ว่าคือโชคดีหรือโชคร้ายเมื่อเดินออกมาซื้อของ แล้วโดนคนเมาจะเข้ามาลวนลาม ก่อนที่ชายหนุ่มคนหนึ่งจะเข้ามาช่วยไว้ เขาเป็นคนไทยที่มาติดต่อธุรกิจที่นี่และแวะออกมาหาเพื่อนก่อนจะกลับโรงแรม และบังเอิญได้ผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
ชายหนุ่มถอดเสื้อนอกของตัวเองให้เธอ เมื่อเสื้อของเธอโดนกระชากจนขาด และอาสาไปส่งเธอจนถึงที่พัก การคุยกันระหว่างทางทำให้เธอได้รู้ว่าเขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่เธอกำลังเรียนอยู่ แถมยังรู้จักกับรุ่นพี่คนไทยอีกหลายคนในเมืองนี้
ใส่ไว้เถอะครับ จากตรงนี้กว่าจะเดินเข้าไปถึงด้านในคงหนาวแย่ ผมไปล่ะ เขาบอกเมื่อเธอจะถอดเสื้อคืนให้ แล้วผละไปขึ้นรถของตัวเองก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เธอเดินกลับขึ้นห้องด้วยอาการเหมือนตัวลอยๆ อย่างที่ไม่แน่ใจว่า ตัวเองยังไม่หายตกใจตอนที่ถูกคนเมาพยายามจะลวนลาม หรือเพราะได้เจอคนมีน้ำใจคนนี้เข้ากันแน่ กระทั่งวันต่อมาเธอจึงได้คำตอบว่าเป็นอย่างหลัง เมื่อได้พบเขาอีกครั้งที่ร้านอาหารไทยซึ่งเธอทำงานพิเศษอยู่ เขาเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านและทุกครั้งที่มาก็จะมาทานอาหารไทยที่นี่ นั่นทำให้เธอได้เจอเขาทุกวันตลอดสองสัปดาห์ และทำให้เธอรู้ว่าเขามีชื่อว่า ตรัยคุณ
จนกระทั่งถึงวันกลับเขามาลาเพื่อนและลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย วันนั้นเองที่พลอยรัตนารู้สึกได้ว่าใจของเธอได้หายตามเขาไปด้วย และแม้จะเฝ้ารอหากชายหนุ่มก็ไม่ได้กลับไปที่ร้านนั้นอีก ข่าวคราวของเขาที่เธอรู้มีแค่ว่า เขาเป็นนักธุรกิจที่ต้องสานงานต่อจากพ่อ และคงวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเองจนอาจจะลืมเธอไปแล้ว ทว่าเมื่อยังไม่มีข่าวว่าเขามีคนรักแล้ว เธอจึงคิดว่าตัวเองยังมีความหวัง ก่อนจะกลับมาเมืองไทย เพื่อนของเขาฝากความระลึกถึงมาให้ เธอจึงคิดจะใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อไปพบเขา แต่ไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นน้องเขยของเธอเอง
พลอยรัตนามองไปทางเจ้าบ่าวที่จับมือสลับกับโอบเอวเจ้าสาวเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ตรัยคุณคงรักน้องสาวของเธอจริงๆ และในเมื่อต่างฝ่ายต่างรักกันขนาดนี้ เธอในฐานะพี่สาวก็คงต้องตัดใจแล้วจริงๆ
พี่พลอย เสียงเรียกและมือที่แตะลงมา ทำให้พลอยรัตนาที่เบือนหน้าหนีถึงกับสะดุ้ง หันไปมองก็เห็นบ่าวสาวปลีกตัวจากแขกเข้ามาหา ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะคะ?
ก็พี่ไม่รู้จักใครในงานเลยนี่จ๊ะ เธอตอบน้องสาว ก่อนจะหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มทั้งที่เจ็บแปลบอยู่ในใจ
งั้นไปนั่งโต๊ะเดียวกับขิมก็ได้ค่ะ อย่ามายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวเลย มุกอันดาบอกอย่างเป็นห่วง แม้เธอจะไม่ชอบม่านไหม แต่พลอยรัตนาต่างจากแม่อย่างสิ้นเชิง เธอเป็นพี่สาวที่น่ารักคนหนึ่งทีเดียว
พี่ขออยู่ช่วยมุกต้อนรับแขกที่หน้างานดีกว่าจ้ะ จะได้มีโอกาสกระทบไหล่ดารากับเขาบ้าง
ได้สิคะ ไปค่ะไปถ่ายรูปด้วยกัน
ตรัยคุณมองตามสองพี่น้องที่เดินจูงมือไปด้วยกัน หญิงสาวสองคนมีส่วนคล้ายกันอยู่บ้าง แม้จะเป็นลูกคนละแม่ มุกอันดาสูงกว่าพี่สาวค่อนข้างมากทว่าผอมกว่า เท่าที่เขารู้มาจากสร้อยขิม พี่น้องคู่นี้อายุห่างกันห้าปี เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก ก่อนที่พลอยรัตนาจะไปเรียนต่อเมืองนอก แม้สองพี่น้องจะดูเข้ากันได้ดี หากสร้อยขิมก็ยังไม่วายห่วงว่าพี่สาวจะร้ายไม่ต่างจากแม่เลี้ยง ดังนั้นเมื่อเห็นพลอยรัตนาเข้ามายืนด้วย สร้อยขิมจึงรีบควงแม่ของเขาเดินตรงเข้ามาหาทันที
แหม คิดไม่ถึงเลยนะคะ ว่าพี่พลอยกับอาตรัยจะเคยรู้จักกันมาก่อน สร้อยขิมเอ่ยขึ้นยิ้มๆ เมื่อเข้ามาช่วยจัดกระโปรงเจ้าสาวให้เพื่อน
นั่นสิจ๊ะ พี่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน พลอยรัตนาตอบ ก่อนจะหันไปยิ้มกับชายหนุ่มและคุยกับแม่ของเขาอย่างสนิทสนม ในฐานะที่เธอเป็นญาติเพียงคนเดียวของเจ้าสาว
ยินดีด้วยนะคะคุณตรัย เสียงหญิงสาวในชุดราตรีสีเขียวอ่อน ที่เดินเข้ามาพร้อมชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง เรียกให้ตรัยคุณหันกลับไปต้อนรับอย่างยินดีทันที เขาแนะนำเจ้าสาวและถ่ายรูปคู่กับแขกผู้มาใหม่ ก่อนจะอาสาพาทั้งก้องภพและอรกานต์ไปที่โต๊ะด้วยตัวเอง
คนนั้นแหละครูอรกับสามี สร้อยขิมรีบเข้ามากระซิบเพื่อน
มุกอันดามองตามเจ้าบ่าวของเธอไปด้วยแววละห้อย เมื่อคิดว่าเขายังลืมรักครั้งเก่าไม่ลง แม้ว่าเธอจะมาพร้อมกับสามีก็ตาม
มุกอย่าคิดมากเลยนะลูก เพ็ญนภาเอ่ยพลางจับมือลูกสะใภ้เอาไว้ ตรัยเขาก็แค่ไปดูแลในฐานะเพื่อน ไม่มีอะไรหรอก
ค่ะ มุกเข้าใจค่ะ
ขอบใจนะลูก ตรัยน่ะไม่ใช่คนใจแข็งนักหรอก แต่การที่เราจะเข้าไปอยู่ในใจใครคนหนึ่งได้ ไม่ใช่รอให้เขาเปิดโอกาสให้เราเข้าไป แต่เราต้องรักเขาอย่างที่เขาเป็นก่อน ถ้าเราหวังจะให้เขาเปลี่ยนแปลง มันก็ต้องเกิดจากการที่เขาอยากทำเอง ไม่ใช่เพราะเราไปเรียกร้องหรือกดดันเขา และการที่เราจะเปลี่ยนแปลงใครสักคนได้ ก็ต้องใช้ความรักเท่านั้น มันอาจจะมากมายมหาศาลอย่างที่ใครก็ตอบไม่ได้ว่าต้องมากแค่ไหน แต่แม่เชื่อว่ามุกต้องทำได้ เพราะมุกมีความรักเต็มเปี่ยมที่เก็บไว้ในใจมาตลอดอยู่แล้ว จริงไหมจ๊ะ?
คะ? มุกอันดามองรอยยิ้มของแม่สามีอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
แม่รู้เรื่องของหนูจากขิมหมดแล้ว เธอว่าพลางหันไปทางหลานสาวที่ยิ้มแหยๆ ให้เพื่อน ตรัยแค่ยังลืมความรู้สึกที่เคยมีในใจไม่ได้ หนูต้องให้เวลาเขาหน่อย แต่เรื่องแบบนี้น่ะแก้ไม่ยากหรอก เดี๋ยวแม่จะสอนวิธีให้
ทำยังไงคะ? มุกอันดารีบถามด้วยความอยากรู้ โชคดีที่ตอนนี้แขกส่วนใหญ่เข้าไปในงานหมดแล้ว เธอจึงไม่ต้องกังวลเรื่องคอยรับแขกมากนัก
เหตุผลหลักที่คนเราอยากลืมแต่ลืมไม่ลงน่ะ ส่วนใหญ่เป็นเพราะยังไม่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่ามาให้จดจำ ดังนั้นสิ่งที่มุกต้องทำก็คือใช้ความรักสร้างเรื่องใหม่ๆ ให้เขาจดจำแทนเรื่องเก่า ทำปัจจุบันทุกวันให้เป็นวันที่น่าจดจำอยู่เสมอ พอปัจจุบันเริ่มสำคัญกว่าอดีต สุดท้ายเขาก็จะลืมอดีตไปได้เอง ตรัยน่ะถึงจะอายุมากกว่าหนู แต่เขาก็ยังไม่ใช่คนสายตายาว ที่จะมัวแต่มองของไกลๆ โดยที่ไม่เห็นค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวหรอกจ้ะ
ค่ะคุณแม่ หญิงสาวรับคำอย่างมีกำลังใจขึ้นมา ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะไปหึงหวงผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยคนนั้น หรือใช้ความเป็นภรรยาบังคับให้เขาเปลี่ยนใจมารักเธอ แต่เธอจะใช้ความรักที่มีนี่แหละ เข้าไปแทนที่ความรักเก่าในหัวใจเขาให้ได้
พลอยรัตนานิ่งฟังขณะที่สายตามองไปทางอื่น ไม่ให้ใครรู้ว่าเธอแอบฟังอยู่ด้วย และจากสิ่งที่เห็นและคำพูดทั้งหมด ทำให้เธอพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวเองได้ ผู้หญิงที่ตรัยคุณหลงรักแต่งงานไปแล้ว ส่วนมุกอันดาก็เหมือนจะรักเขาข้างเดียว และระหว่างทั้งคู่ยังมีตัวแปรอีกคนคือกรวีร์ พระเอกหนุ่มที่มาร่วมงานเป็นคนท้ายๆ ด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ในตัวเจ้าสาวอย่างเปิดเผย เมื่อตรัยคุณเดินกลับมาช่วยเจ้าสาวต้อนรับแขกที่หน้างาน เขาก็เพียงแต่มองโดยไม่ว่าอะไร ยิ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าข่าวที่แม่เธอเล่าให้ฟัง น่าจะมีความจริงอยู่บ้าง
หญิงสาวมองคู่บ่าวสาวอย่างครุ่นคิด ก่อนจะขอตัวเข้าไปในงาน โดยเลือกนั่งโต๊ะเดียวกับอรกานต์ และความที่ต่างคนต่างก็ไม่รู้จักแขกในงานมากนัก จึงคุยกันอย่างถูกคอไปตลอดงาน ทำให้ไม่ได้พบกับทนายพิเชษที่พาภรรยาและลูกชายมาร่วมงานนี้ด้วย
กรวีร์มองบ่าวสาวที่เปิดฟลอร์เต้นรำกันอย่างมีความสุข ก่อนจะหันไปมองเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมองเขาอยู่ แล้วก็เห็นสร้อยขิมที่รีบหันหน้าหนีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการให้เขามานั่งตรงนี้ จุดที่มองเห็นภาพบาดตาได้ชัดเจนที่สุด ทั้งตอนตัดเค้ก ป้อนเค้ก เต้นรำ ทุกช่วงในงานที่บ่าวสาวแสดงความรักต่อกัน สร้อยขิมจงใจจะให้เขาเห็น ตั้งแต่วันที่เอาการ์ดมาให้นั่นแล้ว ที่เธอมานั่งคุยฟุ้งให้ช่างแต่งหน้าที่กำลังแต่งหน้าเขาอยู่ ฟังว่าตรัยคุณขอมุกอันดาแต่งงานด้วยวิธีไหน
เฮอะ...พระเอกหนุ่มทำเสียงหมั่นไส้อยู่ในใจ ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อว่าที่ฟังมาจะเป็นความจริง ผู้ชายอย่างตรัยคุณน่ะเหรอ ที่จะยอมลงทุนไปหาซื้อตุ๊กตามาขอผู้หญิงแต่งงาน ยัยแว่นนั่นปั้นเรื่องขึ้นเองทั้งนั้น อย่าหวังเลยว่าจะหลอกเขาได้
กรวีร์หันกลับมาทางคู่บ่าวสาวอีกครั้ง เมื่อเสียงเพลงจากวงออร์เคสตราจบลง ก่อนจะลอบถอนใจเบาๆ หรือว่าเขาจะต้องยอมตัดใจจริงๆ
อาขอตัวกลับก่อนนะมุก ยินดีด้วยอีกครั้งขอให้มีความสุขมากๆ นะ พิเชษเดินเข้ามาบอกกับเจ้าสาวก่อนงานเลิกเพียงเล็กน้อย
ขอบคุณมากค่ะคุณอา เดินทางปลอดภัยนะคะ มุกอันดาไหว้สองสามีภรรยาและลูกชาย ที่เธอสนิทสนมและนับถือเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
แล้วเจอกันอีกทีวันเปิดพินัยกรรมนะ พิเชษบอกกับหญิงสาว ก่อนจะหันไปลาเจ้าบ่าวอีกครั้ง แล้วจึงเดินนำภรรยาและลูกชายออกไปจากงาน
มุกจัดงานได้อลังการดีนะครับพ่อ ผมว่าต้องถือเป็นงานใหญ่งานหนึ่งของคนในวงการบันเทิงเลยล่ะ แขกกี่พันคนก็ไม่รู้นะครับเนี่ย ปุลวัชรเอ่ยกับบิดา หลังจากเข้ามานั่งประจำที่คนขับรถเรียบร้อยแล้ว
ธรรมดา นางเอกดังแต่งงานกับนักธุรกิจชื่อดัง ถึงเจ้าบ่าวจะอายุมากกว่าอยู่หลายปีก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่พ่อว่างานนี้คงทำเอาคุณไหมเจ็บใจไปอีกนานเลยล่ะ
แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงก็แบบนี้แหละค่ะคุณ ฉันเห็นมาเยอะแล้ว กานดาที่นั่งอยู่เบาะหลังเอ่ยขึ้นมาบ้าง ก่อนจะร้องด้วยความตกใจเมื่อรถโดนกระแทกจากทางด้านหลัง จนเธอกระแทกเข้ากับเบาะหน้าเต็มแรง
ขับยังไงมาชนท้ายคนอื่นได้ แม่ไม่เป็นไรนะครับ ชายหนุ่มว่าอย่างหัวเสีย พลางจะเปิดประตูรถลงไป
ปุลนั่งอยู่นี่แหละ เดี๋ยวพ่อลงไปคุยเอง พิเชษรีบห้ามเพราะรู้นิสัยใจร้อนของลูกชายดี ทว่าเพียงก้าวลงจากรถเขาก็ต้องรีบยกมือขึ้นป้องตา เมื่อแสงไฟจากมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งสาดเข้าใส่ใบหน้า ก่อนจะพุ่งเข้าชนด้วยความเร็วสูง แล้วขับหนีไปอย่างรวดเร็ว เกือบจะพร้อมกับรถยนต์ที่ขับมาชนท้ายก่อนหน้านี้
พ่อ... ปุลวัชรร้องด้วยความตกใจ พลางเข้ามาประคองพ่อที่ล้มหน้าคว่ำอยู่กับพื้น ก่อนจะรีบพาส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที
คืนแรกของการส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าหอ คือบ้านริมน้ำของครอบครัวฝ่ายชาย ที่ทั้งคู่ตั้งใจจะใช้พักผ่อนแทนการไปฮันนีมูน ซึ่งต่างฝ่ายต่างยังไม่พร้อมเพราะติดงานด้วยกันทั้งคู่ นอกจากญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายแล้ว ยังมีพลอยรัตนาที่มาในฐานะผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง หลังจากให้พรจบลงผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงเดินทางกลับ ปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
ปกติบ้านนี้มีใครอยู่ไหมคะ? มุกอันดาถามทำลายความเงียบขึ้น พลางมองไปรอบห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ทว่าสวยงามและน่าอยู่
ส่วนใหญ่ใช้เอาไว้พักผ่อนมากกว่า ใครอยากมาก็มาได้แค่ขับรถจากกรุงเทพฯ แป๊บเดียว ที่ดินข้างๆ นี่ให้เขาเช่าทำสวนผลไม้ ก็เลยฝากให้เขาช่วยดูแลบ้านให้ด้วย ตรัยคุณตอบพลางดึงหูกระต่ายที่คอออก เขาเลือกที่นี่เพราะรู้มาจากหลานสาวว่ามุกอันดาชอบบ้านสวน
มุกชอบบ้านนี้จังค่ะ ได้ยินเสียงแมลงด้วย เธอบอกเมื่อเดินไปที่หน้าต่างซึ่งไม่ได้เปิดรับลม หากเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ภายนอกมองเห็นเงาไม้สลัวลางอยู่ท่ามกลางความมืด
มุกจะอาบน้ำก่อนไหม? ผมให้เด็กมาจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ไว้ให้แล้ว
เอ่อ ค่ะ หญิงสาวหมุนตัวกลับจากข้างหน้าต่าง หากความประหม่าในคืนแรกทำให้เผลอเหยียบชายกระโปรงจนเสียหลัก ก่อนจะเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มที่เหมือนจะคอยระวังให้อยู่แล้ว
กำลังจะชมเลยว่าวันนี้อยู่ในงานมุกไม่เหยียบชายกระโปรงตัวเองเลย แต่กลับจะมาล้มในบ้านซะอย่างนั้น เขาเย้าเจ้าสาวด้วยน้ำเสียงเอ็นดู และไม่ได้ปล่อยทันทีเมื่อเธอทรงตัวได้
ขอบคุณนะคะที่วันนี้คุณตรัยคอยจับมือมุกไว้ตลอดเลย
ผมจะปล่อยให้เจ้าสาวตัวเองล้มได้ยังไง จะคอยจับไว้อย่างนี้แหละตลอดไป
มุกอันดาสบตาชายหนุ่มที่ยิ้มให้เธอ หน้าร้อนผ่าวจนแดงปลั่ง แหม ถ้าเปลี่ยนเป็นจะรักเธอตลอดไปก็ดีสิ
อยู่นิ่งๆ ก่อนนะ เดี๋ยวผมช่วยเอาดอกไม้ด้านหลังนี่ออกให้ เขาบอกพลางรั้งร่างบางไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
มุกอันดาได้แต่ยืนตัวแข็งแทบจะชิดแผ่นอกกว้าง แม้น้ำเสียงและแววตาของชายหนุ่มจะไม่มีแววกรุ้มกริ่ม หากแค่ความอ่อนโยนที่เขามีให้ ก็ทำเอาใจเธอเต้นแรงผิดจังหวะจนกลัวว่าเขาได้ยิน แต่อยู่ใกล้กันแค่นี้เธอจะยกแขนขึ้นกอดเขาดีไหมนะ แต่จะกอดเอวหรือโอบคอดีล่ะ หรือจะทำแบบที่อบรมมาจากคอร์สของสร้อยขิม จู่โจมเขาก่อนแบบไม่ให้ทันตั้งตัว แต่ถ้าทำแบบนั้นเธอก็เป็นฝ่ายปลุกปล้ำเขาก่อนน่ะสิ หญิงสาวคิดหนักอย่างลังเล หากยังไม่ทันได้ตัดสินใจศีรษะของเธอก็ถูกรั้งให้พิงอกกว้างเอาไว้
เจ็บหรือเปล่า? ชายหนุ่มกระซิบถามอยู่เหนือศีรษะ มือก็ค่อยๆ ดึงกิ๊บที่ตรึงดอกไม้ออกให้ทีละตัว
หญิงสาวส่ายหน้า แล้วตัดสินใจยกมือขึ้นจับชายเสื้อของเขาเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ขยับขึ้น หากยังไม่ทันถึงที่หมายก็ต้องรีบปล่อย เพราะเสียงทุ้มที่ดังขึ้นว่า
เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว หนุ่มใหญ่บอกพลางวางดอกไม้ประดับมวยผมลงบนโต๊ะ แถมยังช่วยถอดตุ้มหูเพชรคู่งามออกให้อีกด้วย เขาจับมือเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง มองใบหน้าหวานที่ช้อนตาขึ้นมองเขาเหมือนเด็กขี้อาย ก่อนจะก้มลงจูบข้างแก้มนวลระเรื่อเบาๆ หากก็ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งหลับตาปี๋ ทำหน้าเหมือนกินของเปรี้ยวเข้าไป
ตรัยคุณมองกิริยานั้นด้วยรอยยิ้มขันๆ โถ เด็กหนอเด็ก น่าเอ็นดู
มุกไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน เสร็จแล้วผมจะได้อาบบ้าง
อ่า ค่ะ ใช่ๆ ต้องอาบน้ำก่อนสินะ อาบน้ำเสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกที
น้ำเสียงของเจ้าสาวมือใหม่ที่ยังไม่คลายความตื่นเต้น ทำให้ชายหนุ่มอดลอบยิ้มขันๆ กับท่าทางลุกลี้ลุกลนไม่ได้ เขาจึงปล่อยเธอให้เดินหยิบเสื้อผ้า แล้วช่วยจับกระโปรงให้จนเธอเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
มุกอันดายืนพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ คิดไม่ออกเลยว่าคืนนี้จะเป็นยังไง ทั้งที่โดนเพื่อนติวเข้มเรื่องคืนแรกของการเข้าหอมาแล้ว ชุดนอนกับชุดชั้นในก็ถูกจัดใหม่ยกชุด ต่อให้เขาใจแข็งแค่ไหนก็ต้องสยบให้เธอในคืนแรกนี่แหละ
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จนเธอนึกสังหรณ์ใจรีบก้มลงดู
กรี๊ด!...งานเข้า
*****
จากคุณ |
:
ปริยาธร (นารีจำศีล)
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ธ.ค. 55 08:21:32
|
|
|
|