Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ห้วงวิวาห์รักร้อย ตอนที่ 7 vote ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะ หายไปนานเพราะโพสไม่ได้ จนเกือบถอดใจอยู่แล้ว เพราะโพสทีไรระบบแจ้งว่าข้อความยาวไปทุกที ขนาดตัดสั้นจนเหลือครึ่งหน้าต่อหนึ่งกรอบความคิดเห็นแล้วก็ยังไม่ได้ ฮือๆ แต่จะพยายามแก้ไขต่อไปนะคะ

สามารถอ่านตอนเก่าได้ที่ลิงก์นี้นะคะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pariyatorn&month=10-2012&date=18&group=25&gblog=1

ตอนที่ 7

ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง มุกอันดาก็ต้องรีบวางของเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังอยู่ก่อนแล้ว ทว่าพอวิ่งไปรับมันกลับเงียบไป หยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นกรวีร์ที่โทร.เข้ามาร่วมร้อยครั้ง กำลังจะตัดสินใจว่าจะโทร.กลับไปดีหรือไม่ ชายหนุ่มก็เป็นโทร.เข้ามาเองเสียก่อน

“มุกเหรอ พี่โทร.หาทั้งวันทำไมไม่รับ” เสียงเขาบ่นมาเป็นประโยคแรก

“มุกไปลองชุดแต่งงานค่ะแต่ลืมมือถือไว้ที่ห้อง พี่วีร์มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“มุกตอบพี่มาก่อนว่ามุกเชื่อใจพี่ไหม?”

“เรื่องอะไรกันล่ะคะ?” น้ำเสียงเขาจริงจังจนเธอนึกแปลกใจ

“พี่รู้เรื่องที่รีสอร์ทหมดแล้ว” กรวีร์ตอบ เขาแน่ใจว่าเธอต้องโดนสร้อยขิมหลอก ว่าเลือดไก่นั่นเป็นเลือดตัวเอง ถึงได้ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก

“พี่วีร์...” มุกอันดาฟังอย่างตกใจ กรวีร์เป็นพระเอกนามสกุลดังคนหนึ่ง เขาอยู่วงการมานานจนรู้จักกับสื่ออย่างกว้างขวาง และมันคงไม่ใช่เรื่องยากหากเขาต้องการสืบเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ ชายหนุ่มคงจะนึกสงสัยว่าทำไมเธอถึงยอมแต่งงานกับตรัยคุณทั้งที่ไม่ได้มีอะไรกับเขา

“มุกฟังพี่นะ ล้มเลิกงานแต่งงานซะ แล้วพี่จะช่วย...”

“มุกรักคุณตรัยค่ะ” หญิงสาวขัดขึ้นอย่างหนักแน่นก่อนที่อีกฝ่ายจะทันพูดจบ “เขาเป็นรักแรกของมุก ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงมุกก็จะแต่งงานกับเขา”

“พี่ไม่เข้าใจ มุกไปรักเขาได้ยังไง หรือว่าขิมคอยเป็นแม่สื่อ” ชายหนุ่มถามพลางนึกหงุดหงิดไปถึงสาวแว่นที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ มิน่าสร้อยขิมจึงพยายามกีดกันเขากับมุกอันดานัก

“มุกเจอคุณตรัยครั้งแรกตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งแล้วค่ะ” เมื่อเขาอยากรู้นักเธอจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง “มุกเป็นฝ่ายไปชอบเขาก่อนเองค่ะ ไม่เกี่ยวกับขิมหรอก”

“พี่ว่ามันไม่ใช่ความรัก มุกแค่ประทับใจที่เขามาช่วย และถ้าพี่อยู่ตรงนั้นพี่ก็ต้องช่วยมุกเหมือนกัน”

“แต่สำหรับมุกมันคือความรักค่ะ มุกไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างที่รู้สึกกับคุณตรัย มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขา และครอบครัวเขาก็ดีกับมุกมาก ขอบคุณพี่วีร์ที่เป็นห่วงนะคะ แต่มุกไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”

“แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่มุกจะยอมแต่งงานกับเขาง่ายๆ แบบนี้”

“มุกรู้ค่ะ ว่าการตัดสินใจของมุกมันดูง่ายเกินไปในสายตาของคนอื่น แต่มุกรู้ว่าหัวใจตัวเองต้องการอะไร และพร้อมจะยอมรับหากว่าวันหนึ่งจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้”

“มุกฟังเหตุผลของพี่ก่อนนะ ถ้ามุกฟังแล้วมุกจะต้องเปลี่ยนใจ” เขาเชื่อว่าเธอก็คงไม่อยากโดนหลอก

“เว้นแต่คุณตรัยจะเป็นคนขอยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้เอง นอกนั้นไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ทำให้มุกเปลี่ยนใจไม่ได้หรอกค่ะ ขอโทษนะคะพี่วีร์ มุกคงต้องวางสายแล้ว”

“เดี๋ยวมุก...” กรวีร์เรียกก่อนจะรีบโทร.กลับไปหาหญิงสาวอีกครั้ง ทว่าเธอกลับปิดเครื่องไปแล้ว ชายหนุ่มจึงได้แต่เดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด ถ้าเหตุผลอะไรก็ห้ามเธอไม่ได้ ยังเหลือทางไหนอีกบ้างที่เขาจะได้มุกอันดากลับคืนมา



“อ้าว แกกลับมานานแล้วเหรอ?” สร้อยขิมทักเมื่อเข้ามาแล้วเห็นเพื่อนนั่งมองโทรศัพท์อยู่ “รอโทรศัพท์อาตรัยอยู่เหรอ?”

“เปล่า แต่เมื่อกี้พี่วีร์โทร.มา ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องจัดฉากที่รีสอร์ตนั่นแล้ว เขาก็เลยมาห้ามไม่ให้ฉันแต่งงาน”

“เฮ้ย จริงเหรอ?” สร้อยขิมถามพลางเดินมานั่งตรงหน้ามุกอันดาที่พยักหน้ารับ “เขาอาจจะสืบมาจากพวกพนักงานในรีสอร์ตก็ได้ แล้วแกตอบเขาไปว่าไง?”

“ก็บอกไปว่าฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจ แล้วก็ขอตัววางสายเลย แต่ยิ่งรู้ว่าเขาคิดยังไงฉันก็ยิ่งอึดอัด ฉันไม่รู้จะทำหน้ายังไงตอนเอาการ์ดเชิญไปให้เขา”

“โธ่ ไม่เห็นต้องไปคิดมากเลย คาสโนว่าอย่างพี่วีร์จะเฮิร์ตได้สักกี่วันกัน ไม่แน่ป่านนี้อาจจะร่อนแลมโบกินี่ออกไปหาสาวแล้วก็ได้ แต่ถ้าแกไม่สบายใจเดี๋ยวฉันจัดการให้เอง ไม่ต้องห่วงนะ” สร้อยขิมรีบเสนอตัว พลางคิดหาทางตอกตะปูปิดฝาโลง ไม่ให้กรวีร์มายุ่งกับว่าที่อาสะใภ้ของเธอได้อีก

“ขอบใจนะขิม ฉันก็หวังว่าพี่วีร์จะไม่คิดมากจริงๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งอึดอัดใจเวลาทำงานด้วยกัน”

“เชื่อเถอะว่าฉันพูดไว้ไม่ผิดหรอก เออ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งคือแกห้ามบอกอาตรัยเด็ดขาดเลยนะ ว่ารู้เรื่องครูคนนั้นมาจากฉัน ไม่งั้นฉันคอขาดแน่ เพราะรับปากอาตรัยไปแล้วว่าจะไม่เล่าให้แกฟัง”

“แต่ถึงฉันรู้ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ก็คุณตรัยบอกฉันเองว่าเขากับครูคนนั้นเป็นแค่เพื่อนกัน”

“ต่อให้อาตรัยยังรักครูคนนั้นจนปานจะกลืน เขาก็ไม่บอกให้เด็กอย่างแกรู้หรอก ผู้ชายที่ไหนจะชอบให้ภรรยามาคอยเซ้าซี้เรื่องคนรักเก่า ดังนั้นเราต้องทำตัวเป็นผู้หญิงที่ฉลาด คือยอมแกล้งโง่กับบางเรื่อง เชื่อฉันแล้วทุกอย่างจะดีเอง”

“สรุปฉันรู้อะไรได้บ้างเนี่ย”

“รู้แต่ปัจจุบัน ไม่ต้องสนใจอดีต เท่านั้นจบ”

“แล้วเรื่องคราบเลือดที่เอาไปตรวจล่ะ ขอฉันดูหน่อยสิจะได้โทร.ไปบอกคุณตรัยด้วย”

“ไม่ต้องๆ ฉันโทร.ไปบอกให้แล้ว จริงๆ มันคือเลือดไก่นั่นแหละ แต่ฉันบอกไปว่าเป็นเลือด...แก”

“เฮ้ย แล้วแกไปโกหกเขาทำไม อย่างนี้คุณตรัยไม่ตกใจแย่เหรอ?”

“แกเลิกห่วงอาตรัยแล้วห่วงตัวเองก่อนเถอะ เท่าที่ฉันมองอาตรัยเขายังคิดว่าแกเป็นเด็กอยู่เลย ให้พูดตรงๆ ก็คือเขายังไม่ได้มองแกแบบคนรักนั่นแหละ ฉันเลยอยากให้อาตรัยคิดว่าแกเป็นของเขาแล้ว จะได้ผูกพันกันได้ง่ายขึ้น”

“แต่ถ้าแต่งงานกันยังไงฉันก็ต้องเป็นของคุณตรัยอยู่ดี”

“ก็รอไว้ให้เป็นจริงๆ ก่อน ตอนนี้ยังไม่ได้แต่ง อะไรมันก็เกิดขึ้นได้”

“หมายความว่าคุณตรัยเขามีท่าทางว่าจะเปลี่ยนใจเหรอ?”

“ใครจะรู้ล่ะในเมื่อตอนนี้อาตรัยยังไม่ได้รักแก เราก็ต้องหาทางป้องกันความผิดพลาดเอาไว้ก่อน แล้วหลังแต่งงานแกก็ต้องทำให้อาตรัยลืมครูคนนั้นไปให้ได้ ฉันว่าก่อนถึงวันแต่งงานเรายังมีเรื่องที่ต้องเตรียมอีกเยอะเลยล่ะ” สร้อยขิมว่าพลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเพื่อนดู ก่อนจะส่ายหน้าเมื่อเห็นชุดนอนของมุกอันดามีแต่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นบ้างยาวบ้าง แต่ไม่มีแบบที่ยั่วตายั่วใจเลยสักชุด ทั้งที่รูปร่างแบบมุกอันดานี่แหละที่ช่างภาพแนววาบหวิวทั้งหลายเห็นแล้วตาลุก เพราะถ่ายภาพออกมาได้สวยโดยแทบไม่ต้องรีทัช

“มุกแกเตรียมตัวเข้าคอร์สการเจ้าสาวแบบเร่งด่วนได้เลย ฉันจะติวเข้มให้แกเอง”

มุกอันดามองเพื่อนที่ไฟแห่งความมุ่งมั่นกำลังลุกโหม ทั้งที่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้แต่งงาน แถมยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของเพื่อนแล้วเธอก็ได้แต่พยักหน้ารับ “เฮ้อ เอาไงก็เอากัน”



ม่านไหมผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงภายในห้องที่ปิดไฟมืด ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา เสียงสนทนาระหว่างเธอและเสี่ยชาญชัยก็ยังก้องอยู่ในหัว จนเธอต้องลูบเนื้อลูบตัวด้วยความขยะแขยง อย่างที่อาบน้ำล้างตัวเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้สึกว่าจะสะอาดขึ้น  น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และข้อเสนอที่จำต้องตอบรับออกไปอย่างไม่มีทางเลือก

           ‘ผมได้ยินมาว่าคุณนายเป็นแม่เลี้ยงของมุกอันดานางเอกชื่อดัง แล้วยังจะได้รับมรดกก้อนใหญ่ในอีกไม่กี่เดือนนี้ มันเป็นความจริงใช่ไหมครับ?’ เจ้าของเสียงทุ้มห้าวนั้นเป็นชายผิวคล้ำ อายุมากกว่าเธอไม่มากนัก รูปร่างท้วมใหญ่ นัยน์ตาคมกริบเหมือนงูที่กำลังจ้องเหยื่อ ริมฝีปากค่อนข้างหนา เมื่อรวมเข้ากับจมูกแบนจนแทบไม่มีดั้ง ทำให้ใบหน้านั้นไม่มีอะไรชวนมองเป็นพิเศษ ทว่าสิ่งที่เหนือกว่าลักษณะภายนอกคือความเด็ดขาดมีอำนาจ ที่มองดูแข็งกร้าวและโหดเหี้ยม จนทำให้คู่สนทนาถึงกับตัวสั่นมือไม้เย็นเฉียบ

           ‘ชะ...ใช่ค่ะ เสี่ยไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้นะคะ รับรองว่าดิฉันหามาใช้ให้จนครบแน่’ เธอตอบเสียงเบา อึดอัดกับห้องที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ และสายตาของบอดี้การ์ดอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกฝ่าย

           ‘แล้วทราบหรือยังครับว่ามรดกที่จะได้น่ะมันเท่าไหร่ เพราะหนี้ที่ติดผมอยู่มันก็ไม่ใช่น้อยๆ กว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม ก็คงเพิ่มเกินสิบล้านไปแล้ว’

           ‘เสี่ยลดดอกเบี้ยให้ดิฉันบ้างไม่ได้เหรอคะ มันอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะเปิดพินัยกรรมได้’

           ‘ถ้างั้นก็ไปขอจากลูกเลี้ยงมาจ่ายผมก่อนสิครับ ตอนนี้มุกอันดากำลังดัง เงินแค่สิบล้านยังไงก็ต้องมีจ่ายอยู่แล้ว เอ้า โทร.ไปหาตอนนี้เลย” เสี่ยชาญชัยว่าพลางเลื่อนโทรศัพท์บนโต๊ะให้

           ‘เอ่อ ดิฉันจำเบอร์หนูมุกไม่ได้’ เธอก้มหน้าตอบปิดแววตาลอกแลก

           ‘หึ จำไม่ได้หรือว่าขอไม่ได้กันแน่ ผมรู้นะว่าคุณนายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกเลี้ยงมานานแล้ว งั้นก็เหลือแค่เงินจากมรดก ไหนบอกผมซิว่าจะได้อะไรมากน้อยแค่ไหน”

           ‘ดิฉันไม่ทราบ ต้องรอจนกว่าจะเปิดพินัยกรรมก่อน’

           ‘เท่าที่ผมรู้มาคุณนายกับแม่ผัวก็ใช่ว่าจะดีกันนัก บ้านที่อยู่ตอนนี้ก็ติดจำนอง แล้ววันนี้คุณนายไปทำอะไรที่สำนักงานทนายความ” เขาถามพลางกดบุหรี่ลงในที่เขี่ยจนดับมอด ก่อนจะกระดิกนิ้วให้ลูกน้องรินเหล้าให้

           ‘คือ...ไม่มีอะไร เอ๊ะ’ ม่านไหมร้องเมื่อโดนแย่งซองเอกสารในมือไป

           ชาญชัยรับซองจากลูกน้องมาเปิดออกดู ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก ‘ถ้าผมเดาไม่ผิด นี่คงเป็นพินัยกรรมปลอม ที่คุณนายจะไปขอความร่วมมือจากทนายพิเชษสินะ’

           ‘ไม่ใช่นะ นั่นพินัยกรรมตัวจริงที่คุณแม่ให้กับดิฉันไว้’ เธอเถียงน้ำเสียงลนลาน

           ‘อย่าคิดว่าคนอื่นโง่สิครับ และถ้าผมเดาไม่ผิดทนายพิเชษคงไม่เล่นด้วย เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นทนายใจซื่อมือสะอาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และถ้าเป็นอย่างนี้ท่าทางหนี้ของผมคงจะสูญซะแล้วกระมัง’

           ‘ไม่หรอกค่ะ ดิฉันรับรองว่าจะหามาจ่ายเสี่ยจนครบทุกบาททุกสตางค์ทีเดียว’

           ‘จ่ายเหรอ? คุณนายจะมีสิทธิ์ในมรดกที่ว่านั่นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย’ เสียงเขาเข้มขึ้น ‘เอาอย่างนี้เพื่อไม่ให้หนี้ของผมพลอยสูญไปด้วย ผมจะช่วยจัดการกับทนายพิเชษให้ แล้วสับเปลี่ยนพินัยกรรมฉบับนี้กับฉบับจริงเอง’

           ‘สะ...เสี่ยจะทำยังไงคะ?’

           ‘ขั้นแรกเราต้องเก็บไอ้พิเชษก่อน’ เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย เหมือนกำลังสั่งพ่อค้าให้ฆ่าปลาสักตัว ก่อนจะเล่าแผนการคร่าวๆ ต่อจากนั้นให้ฟัง ‘แค่นี้มรดกทั้งหมดก็จะตกเป็นของคุณนายกับลูกสาว’

           ‘มะ...ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันกลัวจะมีความผิด’

           ‘แล้วที่คุณนายตั้งใจจะใช้พินัยกรรมปลอมนี่มันไม่ผิดหรือไง เชื่อผมเถอะน่า ระดับผมแล้วไม่เคยทำงานพลาด คุณนายเลือกเอาแล้วกัน ว่าจะให้ไอ้พิเชษตายหรือว่าคุณนายจะตายซะเอง เพราะไม่มีเงินจ่ายหนี้ผม เอ หรือจะให้ผมไปทวงกับลูกสาวคุณนายที่กำลังจะกลับมาดี’

           ‘อย่านะคะ ลูกสาวดิฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วย’ ม่านไหมร้องห้ามเสียงหลง แทบจะลืมความกลัวไปชั่วขณะ

           ‘งั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง ขอแค่ค่าขนมให้เด็กๆ ของผมนิดหน่อยเท่านั้น”

           ‘เสี่ยจะเอาเท่าไหร่ แค่สิบล้านดิฉันก็แทบจะหมดตัวอยู่แล้ว ขืนมากกว่านี้ดิฉันคงต้องขายตัวใช้หนี้เสี่ย’ เธอประชดออกไปโดยไม่คิดว่าจะเข้าทางเขา

           ‘ก็เป็นวิธีที่ไม่เลวนะ’ เขายิ้มกริ่มพลางส่งสัญญาณให้ลูกน้องออกไปจากห้อง ส่วนตัวเองก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย เขาพอใจม่านไหมมานานแล้ว แม้จะอายุเข้าวัยสี่สิบปลาย หากเธอยังดูสวยล้ำสมกับที่เคยเป็นนางงามมาก่อน ในวันที่เธอขึ้นเวทีเขาก็นั่งชมอยู่ที่ด้านล่างด้วย เสียแต่ที่เขาออกตัวช้าไปนิดเดียว จึงต้องเสียเธอให้คมสันไป แต่ก็ไม่เสียแรงที่เขาวางแผนหลอกล่อให้เธอมาติดกับได้ในวันนี้

           ‘เสี่ยจะทำอะไร?’ ม่านไหมถามอย่างตื่นตระหนก พลางถอยหนีอย่างรู้สึกได้ถึงภัยที่กำลังมาถึงตัว

           ‘ทำอย่างที่คุณนายเสนอไง’ เขาเชยคางเธอขึ้นอย่างพึงใจ “ใช้ตัวคุณนายแลกกับดอกเบี้ยไม่ให้ขึ้นไปมากกว่าเดิม ผมว่ามันคุ้มเกินคุ้มนะ’

           ‘อย่าเลยค่ะ ดิฉันไม่ใช่สาวๆ แล้ว มุกอันดาไงคะทั้งสาวทั้งสวย ดิฉันจะหาทางพาตัวมาให้เสี่ยเอง’

           ‘มุกอันดาสวยก็จริง แต่เสียดายที่ผมไม่ชอบเด็ก และไม่อยากเสี่ยงที่จะมีปัญหากับคู่หมั้นของเธอด้วย ผมมันพวกชอบไก่แก่ หนังมันเหนียวเคี้ยวได้นานดี’ ชาญชัยแสยะยิ้มพลางรั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามาหาเต็มแรง

           ม่านไหมกรีดร้อง แม้เธอจะไม่ใช่สาวพรหมจรรย์หากการใช้เรือนร่างใช้หนี้ ก็เป็นสิ่งผิดและขยะแขยงเกินกว่าจะรับได้ ทว่าด้วยแรงที่น้อยกว่าแถมยังอยู่ในบ้านของเขา สุดท้ายเธอจึงต้องกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ทั้งที่ไม่เต็มใจแม้แต่น้อย

           เธอทิ้งตัวลงบนเตียงซบหน้าลงกับหมอน นึกรังเกียจตัวเองที่ต้องยอมนอนกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก และยังรู้สึกผิดจนไม่อาจมองรูปสามีได้ ทั้งกลัวทั้งลังเลสารพัด หากเธอก็อยากได้เงิน เพื่อปลดเปลื้องหนี้สินให้พ้นตัว จากนั้นเธอจะชวนลูกสาวให้อพยพไปอยู่เมืองนอกด้วยกัน และหวังว่าเรื่องราวร้ายๆ ในชีวิตจะจบลงแค่นี้                                                                                                                                                                                                                                                    

         

           “ผมเอาการ์ดแต่งงานมาเชิญครับ” ตรัยคุณส่งการ์ดให้ก้องภพและอรกานต์ เมื่อได้โอกาสแวะมารับหลานสาวที่โรงเรียนอีกครั้ง

           “ขอบคุณค่ะ รับรองว่าเราสองคนไปร่วมงานแน่นอนค่ะ ยินดีด้วยนะคะคุณตรัย” อรกานต์ยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างโล่งใจ ที่เห็นเขาจะแต่งงานมีความเสียที แม้จะได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับตัวเขาและเจ้าสาวมาบ้าง หากเธอก็รู้จักตรัยคุณดีพอ จนไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง

           “สองคนที่ไหนกัน เราจะไปกันสามคนเลยต่างหาก” ก้องภพแก้แทนภรรยายิ้มๆ ก่อนจะเฉลยว่า “ตอนนี้อรเขากำลังจะมีน้องแล้วครับ คุณตรัยก็รีบมีลูกนะครับ ลูกเราจะได้มาเป็นเพื่อนเล่นกัน”

           “นั่นสิคะ ไว้คุณตรัยพาน้องมุกมาโชว์ตัวบ้างสิคะ อรจะได้ขอลายเซ็นบ้าง”

           “อย่าไปสนใจเลยครับคุณตรัย พวกบ้าดาราก็อย่างนี้แหละ” ก้องภพขัดภรรยาอย่างขันๆ ก่อนจะโดนคนบ้าดาราค้อนเข้าให้วงใหญ่

“ไม่เห็นแปลกเลย น้องมุกออกจะน่ารัก ใครๆ ก็ชอบเธอกันทั้งนั้น ฝากบอกเธอด้วยนะคะว่าอรชอบละครที่เธอแสดงมากเลยค่ะ แต่เพิ่งรู้นะคะว่าคุณตรัยก็รู้จักกับดาราด้วย” อรกานต์ทักขึ้นอย่างตื่นเต้น เพราะจำได้ว่าตอนแถลงข่าวเขาบอกว่ารู้จักกับว่าที่เจ้าสาวมานานแล้ว

           ตรัยคุณได้แต่ยิ้มอย่างไม่สนิทนัก ตอบไม่ออกว่าเจ้าสาวของเขาเป็นเพื่อนกับหลานสาว และอายุน้อยกว่าเขาเป็นรอบ จึงได้แต่เลี่ยงไปว่า “แล้วผมจะบอกมุกให้ ยินดีกับคุณอรคุณก้องเช่นกันนะครับ”

****

ม่านไหมรีบเบี่ยงตัวหลบริมฝีปากที่กำลังพรมจูบที่ไหล่ของเธอ แม้จะอยู่ในรถและเวลานี้ก็ดึกมากแล้ว หากเธอก็ไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองนั่งรถมากับผู้ชาย

           “เอาเงินไว้ใช้นะ เผื่ออยากได้อะไร ถ้าไม่พอก็บอกผม” ชาญชัยบอกพลางหยิบเงินส่งให้โดยไม่นับ เมื่อมีครั้งแรกในวันนั้นแล้ว ครั้งต่อๆ มาระหว่างเขากับม่านไหมก็เกิดขึ้นไม่ยาก และการต่อต้านของเธอก็ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าการสมยอมของผู้หญิงอีกหลายคนที่เลี้ยงไว้

           ม่านไหมมองเงินตรงหน้าคอแข็งขึ้นมาทันที เพราะรู้ดีว่ามันคือเงินค่าตัวของเธอ

          “อย่าคิดมากน่า ผมรู้ว่าไหมกำลังลำบากก็แค่อยากให้เงินเอาไว้ใช้จ่ายบ้าง ไหมก็รู้แล้วนี่ว่าผมรักไหมมาตั้งนานแล้ว” เขาดักขึ้นเสียงหวานอย่างเอาใจ

        ประโยคนั้นค่อยทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้น วันนี้หลังจากจบบทรักอย่างฝืนใจลงแล้ว ชาญชัยยังคงนอนกอดเธอเอาไว้อย่างทะนุถนอม ก่อนจะเล่าว่าเขาหลงรักเธอมาตั้งแต่สมัยเป็นนางนพมาศของอำเภอ เช่นเดียวกับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อีกหลายคนที่แวะเวียนเข้ามา แต่เธอกลับเลือกแต่งงานไปกับคมสัน ทำให้เขาเสียใจแทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่นาน เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขารัก

       แม้จะไม่รู้ว่าคำหวานที่ได้ยินเป็นความจริงหรือไม่ หากก็ทำให้ม่านไหมปลื้มใจอยู่ไม่น้อย อย่างคนที่มั่นใจในรูปโฉมของตนเองมาแต่ไหนแต่ไร ความรังเกียจเดียดฉันท์ในตัวอีกฝ่ายจึงค่อยลง เมื่อเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองมีค่ามากขึ้น

      “คืนนี้อย่าค้างที่นี่เลย กลับไปค้างกับผมที่บ้านดีกว่า” เขาเอื้อมไปโอบไหล่เมื่อเห็นว่าเธออ่อนลงมากแล้ว แม้ม่านไหมจะยอมเป็นของเขา แต่ก็เป็นอย่างไม่เต็มใจและไม่เคยยอมค้างคืนด้วย เขาชอบเธอก็จริง หากที่ดินซึ่งเป็นมรดกของแม่สามีเธอ ก็เป็นสิ่งที่เขาหมายตามานานเช่นกัน

           ม่านไหมเกือบจะยอมให้อีกฝ่ายรั้งตัวเข้าไปจูบ หากไม่เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินลากกระเป๋าตรงมาเข้าเสียก่อน เธอผลักตัวชาญชัยออกทันทีด้วยความตกใจ

           “พลอย...”

           ชาญชัยมองตามอย่างหัวเสีย ก่อนจะยิ้มอย่างรู้ทัน “ลูกสาวคุณสินะ มิน่าสวยเหมือนแม่ไม่มีผิด”

           “เสี่ยกลับไปก่อนเถอะค่ะ แล้วฉันจะแวะไปหาอีกที” เธอรีบบอกเขาอย่างไม่สบายใจ เกรงว่าอีกฝ่ายจะพอใจลูกสาวของเธออีกคน ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงไม่มีปัญญาจะปกป้องลูกได้แน่ ที่สำคัญเธอจะยอมให้พลอยรัตนารู้เรื่องระหว่างเธอกับเขาไม่ได้เป็นอันขาด

           “ได้ พรุ่งนี้ผมรอที่บ้านนะ” เขาบอกก่อนจะแตะริมฝีปากที่แก้มเธอเร็วๆ คล้ายจะแกล้ง ก่อนจะยอมปล่อยให้ลงจากรถไป พร้อมเงินที่ถูกใส่ลงในกระเป๋า

           “แม่ไปไหนมาคะ แล้วนั่นนั่งรถใครมา?” พลอยรัตนาถามพลางมองตามรถสปอร์ตคันหรูที่แล่นจากไป

           “แม่ไปธุระกับเพื่อนมา แล้วพลอยกลับมาทำไม แม่โทร.ไปบอกแล้วนี่ว่าถึงวันเปิดพินัยกรรมแล้วค่อยมา” เธอรีบโทร.ไปห้ามลูกสาวทันที ตั้งแต่วันที่ต้องใช้ร่างกายจ่ายดอกเบี้ยให้กับชาญชัย

           “ก็พลอยคิดถึงแม่คิดถึงบ้านนี่คะ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างประจบ พลางตรงเข้าไปโอบเอวแม่เอาไว้

           ม่านไหมมองลูกสาวแล้วก็อดไม่ได้ที่เอื้อมมือไปแตะที่แก้มเบาๆ พลอยรัตนามีเค้าหน้าเหมือนเธอมากกว่าคมสัน ตั้งแต่เด็กใครๆ ก็ชมว่าสวยเหมือนแม่ ผิวขาวใส ตาหวานกลมโต รับกับริมฝีปากอิ่ม จะต่างไปจากเดิมก็คือผมม้วนเป็นลอนสีน้ำตาลเข้ม ไม่ใช่ดำขลับเหยียดตรงอย่างแต่ก่อน แต่ที่น่าขัดใจคือการเอาลูกสาวเธอไปเปรียบกับลูกนังรัมภา แถมยังมาชมต่อหน้าเธออีกว่ามุกอันดา สวยน่ารักราวกับตุ๊กตา คิดถึงเมื่อไหร่เธอก็แค้นใจเมื่อนั้น

           “เข้าบ้านเถอะลูก แล้วนี่ทำไมมาดึกๆ เพิ่งลงจากเครื่องเหรอ?”

           “พลอยมาตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้วค่ะ เห็นบ้านปิดเงียบเลยเดินไปนั่งเล่นที่บ้านคุณย่า อ้อ เห็นป้าสายว่ามุกจะแต่งงานแล้วเหรอคะ แม่รู้ไหมคะว่าเจ้าบ่าวเป็นใคร ถามป้าสายแกก็ตอบแต่ว่าเป็นเจ้าของรีสอร์ต” พลอยรัตนาถามอย่างสนใจ เพราะไม่คิดว่าน้องสาวคนเดียวจะแต่งงานเร็วถึงเพียงนี้ ทว่าเมื่อก้าวเข้ามาแล้วเห็นสภาพในบ้าน เธอก็ลืมความตั้งใจเดิมไปทันที

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ ข้าวของในบ้านหายไปไหนหมด”

           “เอ่อ วันก่อนแม่ไปเที่ยวฮ่องกงกับเพื่อน กลับมาบ้านก็โดนขโมยขึ้น มันขนของไปจนหมดอย่างที่เห็นนี่แหละ” ม่านไหมตอบโดยไม่ยอมสบตาลูกสาว

           “แล้วแม่แจ้งตำรวจรึยังคะ? พลอยน่าจะกลับมาเร็วกว่านี้จะได้ช่วยแม่ได้” หญิงสาวมองแม่อย่างสงสาร พร้อมกับนึกเสียดายข้าวของต่างๆ ที่พ่อของเธอสะสมเอาไว้

           “แจ้งแล้วลูก แต่ก็คงไม่ได้เรื่องหรอก พวกข้าวของเดี๋ยวค่อยไปหาซื้อเอาใหม่” เธอแตะกระเป๋าอย่างอุ่นใจ เมื่อคิดถึงเงินที่ยอมรับจากชาญชัยมา “แล้วนี่พลอยกินอะไรมารึยัง?”

           “ป้าสายหาข้าวให้ทานครบสามมื้อแล้วค่ะ นี่ถ้าพลอยไม่บอกว่าจะเดินมาดูแม่ที่บ้าน ป่านนี้คงมีรอบดึกให้อีกมื้อ” เธอว่าพลางเดินตามเข้าไปในครัว แล้วรับแก้วน้ำจากแม่มาดื่ม

           “ก็ยังดีนะ นึกว่าจะมัวโอ๋แต่นังมุกคนเดียวซะอีก”

           “ป้าสายแกก็ดีค่ะแม่ ว่าแต่มุกแต่งงานเร็วจังเลยนะคะ เห็นป้าสายว่าเจ้าบ่าวแก่กว่ามุกหลายปี แต่ก็ดูรักใคร่ให้เกียรติมุกดี แม่รู้ไหมคะว่าเขาเป็นใคร?”

           “รักใคร่อะไรกัน นังมุกมันตามไปให้ท่าเขาถึงรีสอร์ต พอเป็นข่าวขึ้นมาเขาก็เลยต้องยอมแต่งงานด้วย เขาลือกันให้แซ่ดว่าทีแรกผู้ชายจะไม่ยอมเล่นด้วย ตอนแถลงข่าวนังมุกมันถึงได้ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ผู้ชายน่ะดูดีอยู่หรอก ไม่น่ามาเสียท่าเด็กเมื่อวานซืนเลย”

           “เรื่องมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้นะคะแม่”

           “จะหาว่าแม่ใส่ร้ายนังมุกมันหรือไง”

           “เปล่าค่ะ แต่พลอยรู้ว่าแม่ไม่ชอบมุกนี่คะ”

          “ใช่ ใครใช้ให้มันมาเกิดเป็นลูกนังรัมภาล่ะ ถ้าไม่มีนังสองแม่ลูกนี่ป่านนี้พวกเราสบายไปแล้ว ดูคุณย่าซิทำพินัยกรรมไว้ป่านนี้ยังเปิดไม่ได้ ช่างไม่คิดบ้างเลยว่าคนข้างหลังเขาจะลำบาก”

           “ลำบากอะไรคะ สมบัติของพ่อทั้งหมดก็ตกเป็นของแม่คนเดียวนี่คะ”

           “ก็พ่อเราเขารู้น่ะสิ ว่าคุณย่าน่ะลำเอียงรักแต่ลูกนังเมียน้อย นังมุกเลยสบายใจเฉิบ เต้นกินรำกินหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำอยู่แล้ว ยังมาได้มรดกจากคุณย่าอีก”

         “เอาไว้เปิดพินัยกรรมแล้วเราค่อยมาว่ากันเถอะค่ะ แต่พลอยจะไปงานแต่งมุกนะคะ แม่จะไปด้วยกันไหม?” หญิงสาวถามพลางเดินไปลากกระเป๋าเดินทางที่อยู่หน้าประตูเข้ามา

           “จะไปทำไม หน้ามันแม่ยังไม่อยากจะเห็น พลอยก็ไม่ต้องไปหรอก มันไม่ได้เชิญเราสักหน่อย”

           “แต่พลอยเป็นพี่นี่คะ ก่อนตายคุณพ่อฝากให้ดูแลน้อง เพราะท่านไม่ได้สนใจน้องเท่าไหร่ พลอยรับปากคุณพ่อมาแล้ว ยังไงก็ต้องไป”

           “งั้นก็ตามใจเถอะแม่ไม่ไปด้วยหรอก อ้อ พลอยมีแฟนรึยัง จะมีเป็นฝรั่งแม่ก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ขอที่มันดูดีมีชาติมีตระกูลหน่อย จะได้ไม่โดนนังมุกมันหัวเราะเยาะเอาว่ามันหาได้ดีกว่า”

          พลอยรัตนาฟังแม่ว่าแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “พลอยยังไม่มีแฟนหรอกค่ะแม่ แต่ถ้าจะมีก็ไม่ใช่ฝรั่งแน่ค่ะ เพราะพลอยชอบคนไทย เข้านอนกันเถอะค่ะดึกแล้ว ในห้องเก่าพลอยยังนอนได้ใช่ไหมคะ?”

           “ได้ลูกได้ ห้องพลอยตู้เตียงอะไรยังอยู่ครบ แม่เอาผ้าคลุมไว้ให้ แค่ดึงผ้าออกก็นอนได้เลย บนพื้นคงมีฝุ่นหน่อย ไว้ค่อยทำความสะอาดกันอีกทีแล้วกัน เดี๋ยวแม่ทำให้เอง”

           “แม่ไม่น่าให้จิตออกไปเลยนะคะ งานบ้านเยอะแยะทำเองคนเดียวเหนื่อยแย่”

           “แม่ไม่เหนื่อยหรอก พลอยไปอาบน้ำอาบท่าเถอะจะได้พักผ่อนเสียที” ม่านไหมตัดบท

พลอยรัตนารับคำก่อนจะยกกระเป๋าแล้วเดินตามแม่ขึ้นไปชั้นบน ทว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็ยังนอนไม่หลับ ด้วยเวลาที่ต่างกันหลายชั่วโมงกับประเทศที่ไปอยู่มาหลายปี หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่าง คำพูดของแม่ทำให้เธออดคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ใครบางคนที่ฝากความประทับใจไว้ให้เธอจนถึงวันนี้ และหวังว่าเธอจะได้พบเขาอีกครั้งอย่างที่ฝันถึงมาตลอด



           ขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวถูกตั้งขึ้นที่หน้าโรงแรม กระทั่งได้เวลาตามฤกษ์จึงเคลื่อนขบวนเข้าไปด้านใน ท่ามกลางแสงแฟลชจากช่างภาพที่รัวชัตเตอร์กันไม่นับ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยที่สุดตลอดงานไปลงในหนังสือของตน หากตรัยคุณก็เริ่มชินเสียแล้ว เพราะนับแต่แถลงข่าวว่าจะแต่งงานกับหญิงสาว เขาก็กลายเป็นที่สนใจของสื่อขึ้นมาทันที จนต้องปฏิเสธทั้งนิตยสารและรายการโทรทัศน์ที่ติดต่อขอสัมภาษณ์ไป

          ด้านหน้าของประตูชั้นแรกก่อนจะเข้าไปถึงห้องจัดงานนั้น ถูกกั้นไว้ด้วยประตูเงินประตูทองหลายชั้น และชั้นสุดท้ายก็คือสร้อยขิมซึ่งวันนี้ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เสียงชัตเตอร์ถูกกระหน่ำอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มเดินไปรับหญิงสาวในชุดเดรสสั้นสีขาวระบายลูกไม้ออกมา แม้เคยเห็นเธอใส่ชุดนี้มาแล้วในวันลองชุด แต่ตรัยคุณก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า วันนี้มุกอันดาน่ารักราวกับเจ้าหญิงจริงๆ ก่อนจะจูงมือเธอไปนั่งพับเพียบลงบนพื้นพรมด้านหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย

สิ่งที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มและหญิงสาวนั้นคือ พานรองกล่องกำมะหยี่สีแดงสดของแหวนหมั้น ถัดมาคือพานรองขันบรรจุหมากดิบและพลู ตามด้วยพานรองขันใส่ของหมั้นซึ่งประกอบไปด้วยทองรูปพรรณ เครื่องประดับต่างๆ ห่อไว้ด้วยผ้าสีแดง ซึ่งบัดนี้ถูกเปิดออกเพื่อให้สักขีพยานได้เห็นโดยทั่วกัน พานรองขันสุดท้ายคือขันประกอบโดยบรรจุใบเงิน ใบทอง และถุงเล็กถุงน้อยที่ใส่ข้าวเปลือก ข้าวตอก ถั่วเขียวและงาเอาไว้ เพื่อความเป็นสิริมงคล ทุกพานทุกขันถูกตกแต่งอย่างประณีตด้วยใบตองจับจีบ ประดับด้วยมาลัยดอกรักและบานไม่รู้โรยตามประเพณีไทยทุกประการ

มุกอันดากะพริบตาถี่ๆ เมื่อชายหนุ่มสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ ไม่ใช่เพราะแสงแฟลชจากกล้องจำนวนมาก หากเป็นความเต็มตื้นอยู่ในอกจนขอบตาร้อนผ่าว ก่อนจะเป็นฝ่ายสวมแหวนของเธอให้กับเขาบ้าง แล้วจึงประนมมือไหว้ลงบนมือใหญ่ที่รอรับ เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเขายิ้มให้ และบัดนี้เขาและเธอเป็นคู่หมั้นกันแล้วอย่างสมบูรณ์

หลังจากเสร็จพิธีหมั้นหญิงสาวจึงกลับเข้าไปเปลี่ยนชุด เป็นชุดไทยห่มสไบสีกลีบบัว สวมเครื่องทองที่แม่เจ้าบ่าวจัดเตรียมไว้ให้ลูกสะใภ้ ก่อนเข้าสู่พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร มงคลแฝดและพวงมาลัยถูกสวมให้คู่บ่าวสาว มุกอันดาหันไปมองเจ้าบ่าวที่ประธานกำลังเจิมหน้าผากให้ ไม่นานสายน้ำจากหอยสังข์ก็ไหลรินลงสู่มือ เป็นความฉ่ำเย็นที่อาบชโลมหัวใจ เมื่อคนที่นั่งอยู่เคียงข้างกันนั้น คือชายหนุ่มที่ทำให้คำว่ารักมีความหมายงดงามขึ้นในใจของเธอ หญิงสาวก้มลงรับพรด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุขสมกับพรทุกพรที่เธอได้รับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อแขกที่เธอคิดไม่ถึงก้าวเข้ามา

“พี่ยินดีด้วยนะจ๊ะมุก” พลอยรัตนายิ้มให้น้องสาว เพราะต้องเตรียมตัวอย่างกะทันหันและยังไม่ชินทางในกรุงเทพฯ ทำให้เธอมาถึงงานช้ากว่าที่คิดไว้ จนพลาดพิธีหมั้นไป หากยังดีที่ยังมาอวยพรให้น้องสาวได้ทัน

“มีความสุขมากๆ นะพี่ขออวยพรมุกแทนคุณพ่อด้วย” เธอยิ้มให้น้องสาวต่างมารดา ก่อนจะขยับไปยังเจ้าบ่าว แล้วก็ชะงักเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นให้เห็นเต็มตา

“คุณตรัย...”

จบตอนที่ 7

จากคุณ : นารีจำศีล
เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 08:16:33




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com