ใกล้ถึงวันที่งานประชุมจะเริ่มต้นขึ้น อภิเศกต้องออกมาปฏิบัติงานยังสถานที่จัดเตรียมการประชุมสุดยอดผู้นำเพื่อตรวจสถานที่จริงและกำหนดจุดเพื่อวางกำลังรักษาความปลอดภัยพร้อมกับทีมงานอารักขาบุคคลสำคัญคนอื่น ๆ และนอกจากทีมอารักขาบุคคลสำคัญของประเทศไทยแล้ว ผู้นำแต่ละชาติก็จะมีบอดี้การ์ด หรือทีมอารักขาประจำตัวมาด้วย ซึ่งอภิเศกนั้นอยู่ในทีมที่ต้องร่วมงานกับทีมอารักขาของสหรัฐอเมริกา ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้บังคับบัญชามีความเห็นว่า อภิเศกนั้นเคยฝึกปฏิบัติและเคยทำงานร่วมกับหน่วยงานของสหรัฐฯ มาแล้วน่าจะทำงานด้วยกันได้ราบรื่น
รายชื่อทีมงานอารักขาของสหรัฐที่แจ้งชื่อเข้ามาครับผม ลูกทีมของเขาส่งแฟ้มมาให้ดู อภิเศกรับแฟ้มรายชื่อเหล่านั้นมาเปิดดู ก็แปลกใจอยู่บ้าง
ฝรั่งอะไร ชื่อยาวจัง
สวัสดีครับ ผู้พัน อภิเศกหันไปตามเสียงเรียกห้าว ๆ ก็พบเข้ากับชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่ง ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวคลุมด้วยแจ็คเก็ตหนัง กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินอ่อน และสวมแว่นตากันแดดบังไปครึ่งใบหน้าตามสมัยนิยม
เฮ้ย ไอ้วิน มายังไงเนี่ย อภิเศกร้องทักเมื่อคนตรงหน้าถอดแว่นตาออก
เดินมามั้ง นั่งเครื่องบินมาสิวะ แล้วชายหนุ่มสองคนก็โผเข้ากอดพร้อมตบหลังตบไหล่ทักทายกันตามประสานักเรียนนอก
แล้วยังไงถึงได้มาเมืองไทยได้ อภิเศกทักทาย วินธัย เพื่อนร่วมรุ่นหลักสูตรอารักขาบุคคลสำคัญสมัยที่เขาศึกษาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และยังเป็นเพื่อนร่วมงานในทีมอารักขาประธานาธิบดี ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้พบหน้ากันตั้งแต่อภิเศกขอลาออกเพื่อกลับมารับราชการในกองทัพเรือของราชอาณาจักรไทย
ไอ้พวกนั้นมันส่งมาทำงาน ด้วยตรรกะที่ว่า ที่นี่เป็นประเทศไทย ฉันเป็นคนไทย มันคิดว่าฉันคงจะรู้พื้นที่ดี แต่ที่มันไม่รู้คือ ฉันไม่ได้กลับเมืองไทยมาตั้งกี่ปีแล้ว ไม่ได้นับว่ะ วินธัยหัวเราะ
อย่างน้อยแกก็พูดไทยได้ไง เขาเลยให้แกมา แต่แกคงไม่ได้มานานจริง ๆ ไม่รู้หรือวะ ว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ใส่มาทำไมวะไอ้เสื้อหนังเนี่ย
ไม่รู้เหรอวะ เห็นคนไทยก็ใส่สูทไปทำงานกันไม่ใช่เหรอ ฉันเลยนึกว่ามันหนาว นี่ก็ใส่ให้มันโก้ ๆ ไปอย่างนั้นแหละ หล่อมั้ยล่ะ ฝ่ายที่ถูกทักยังมีหน้าหันมาถาม ก่อนจะบ่นพร้อมขยับเสื้อไปมา จริง ๆ ร้อนจะตาย แล้วนี่เลิกงานแล้วมีนัดหรือเปล่าวะ
ทำไม
หาคนเลี้ยงมื้อเย็นอยู่
ทำไมใคร ๆ ก็ชอบให้ฉันเลี้ยงอยู่เรื่อย อภิเศกบ่น
อ้าว แกก็ต้องเลี้ยงสิวะ แกเป็นเจ้าบ้าน ให้ฉันเลี้ยงได้ไง เดี๋ยวจะว่าฉันไม่ให้เกียรตินายทหาร
ไม่ต้องให้เกียรติกันมากก็ได้ นายทหารไทยหัวเราะนิด ๆ เออ อยากกินอะไรก็บอกแล้วกัน แต่ตอนนี้ขอทำงานก่อนนะ แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ อภิเศกถามต่อ เพราะถ้าเห็นวินธัยเดินทางมาอย่างนี้ เขาย่อมไม่ได้มาคนเดียวเป็นแน่ งานอารักขาบุคคลสำคัญนั้นจะต้องทำงานเป็นทีม
แยกกันไปน่ะ วินธัยตอบเพียงเท่านั้น แต่ด้วยสัญชาตญาณบอดี้การ์ดและความเคยชินที่ได้ร่วมงานกันมาทำให้นายทหารเรือถามกลับเบา ๆ แต่จริงจังว่า
มาถึงนี่แสดงว่ามีเรื่องใช่มั้ย
นิดหน่อยว่ะ มันได้ข่าวไม่ค่อยดีมาก็เลยให้มาตามดู หนุ่มไทยที่เพิ่งมาจากอเมริกันยักไหล่ก่อนจะพูดต่อไปว่า แต่อย่ากังวลไป ไอ้พวกนี้มันมีเรื่องตลอดเวลาแหละแก อภิเศกเลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนสนิทที่พูดเหมือนกับว่าตนเองไม่ได้ทำงานอยู่ในองค์กรที่เขาบ่นอย่างนั้นแหละ
หลังจากเลิกงาน เพื่อนสนิทสองคนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานก็นัดมารับประทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้โรงแรมที่พักของวินธัย โดยอภิเศกนั้นยังติดใจเรื่องข่าวไม่ดีที่เพื่อนของเขาพูดถึงอยู่
ก็ข่าวพวกผู้ก่อการร้ายนั่นแหละ เรื่องเดิม ๆ วินธัยพูดเหมือนไม่ใส่ใจเช่นเคย แล้วเขาก็เป็นฝ่ายชวนอภิเศกคุยเรื่องอื่น ๆ จิปาถะ ตั้งแต่เรื่องสารทุกข์สุกดิบ หน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัวอย่างออกรส
ไงไอ้แขก แกเจอคนที่เขาเรียกแกให้กลับเมืองไทยแล้วยังวะ วินธัยออกปากถามพร้อมยกแก้วขึ้นดื่ม
เจอแล้ว อภิเศกตอบยิ้ม ๆ แต่เพื่อนของเขาถึงกับสำลักเครื่องดื่ม
พูดเป็นเล่น มีจริง ๆ หรือวะ ไม่อยากจะเชื่อ วินธัยถึงกับยกมือเช็ดเครื่องดื่มที่สำลัก ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่อภิเศกพูดกับตนเองก่อนที่จะตัดสินใจทิ้งตำแหน่งในทีมอารักขาประธานาธิบดี เพื่อเดินทางกลับมาทำงานที่ประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า ผู้หญิงในฝัน เรียกให้กลับ ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นมีจริง ถ้าเพื่อนของเขาบอกว่า มีปัญหาอะไรสักอย่างในเรื่องของการทำงาน ยังจะน่าเชื่อและดูเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า แต่เมื่อเพื่อนของเขาพูดว่า เจอผู้หญิงในฝันคนนั้นแล้ว เขาก็อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเธอคนนั้นเป็นอย่างไร
ไหนมีรูปมั้ย ขอดูหน่อยว่าหน้าตาเป็นยังไง น่ารักหรือเปล่า วินธัยเห็นเพื่อนของเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วก็หยุดไว้แค่นั้น
เอ่อ ไม่มีว่ะ อภิเศกตอบออกไปแล้วก็ต้องหัวเราะ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่เขารู้จักกับพริกแกง จนคบหากัน ถึงขั้นจะแต่งงานกัน เขาและเธอไม่เคยถ่ายรูปคู่กันแม้แต่ครั้งเดียว ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวแสบแอบถ่ายรูปเขาไว้ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แต่เขากลับไม่มีรูปเธอสักรูป ไม่ต้องรูปคู่หรอก รูปเดี่ยวทั้งที่เป็นรูปถ่ายหรือแม้จะรูปในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่มีมาให้เพื่อนของเขาดู
เป็นแฟนกันยังไงวะ ไม่มีรูปแฟนสักใบ โม้หรือเปล่าวะเนี่ย
เขาเคยแต่แอบถ่ายฉันว่ะ ฉันไม่เคยแอบถ่ายเขาสักที
แอบถ่าย? วินธัยทวนคำอย่างพิศวง แฟนแกเป็นอะไรวะ ชอบแอบถ่าย อภิเศกหัวเราะเมื่อเพื่อนสนิทของเขาถามอย่างสงสัย
เรื่องมันยาวน่ะแก แกเชื่อมั้ยว่าฉันกับเขาเจอกันที่งานพระเมรุ คนเป็นหมื่น ๆ ที่มางาน ฉันกับเขายังเจอกันเลย แล้วฉันยังเคยกระโดดลงเจ้าพระยาเพื่อช่วยเขาตอนเขาจะจมน้ำอีกนะเว้ย นี่มันเนื้อคู่กันชัด ๆ อภิเศกเล่าอย่างภาคภูมิ แต่คนฟังกลับส่ายศีรษะและบอกว่า
เว่อร์สุด ๆ ฉันว่าแกเข้าข้างตัวเองมากกว่าว่ะ สงสัยแฟนแกต้องหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำแน่เลยว่ะ เลยไม่กล้าอวดใช่มั้ยล่ะ แกบอกว่าเขาเคยจมน้ำด้วยนี่หว่า วินธัยหัวเราะขบขัน แต่อภิเศกไม่สนใจเพียงแต่บอกต่อไปว่า
เออ เดี๋ยวแกก็ได้เจอคุณพริกแกงตัวเป็น ๆ เขามาทำงานนี้เหมือนกัน
ชื่ออะไรนะ
ชื่อคุณพริกแกง เขาทำงานนิตยสาร
โห ชื่อน่ากินว่ะ วินธัยให้ความสนใจที่ประโยคหน้า
เฮ้ย น้อย ๆ หน่อยแฟนฉันนะเว้ย
ก็แค่แฟน แต่งงานแล้วยังเลิกกันได้เลยนี่หว่า
ไอ้วิน แกอยากมีเรื่องกับฉันใช่มั้ย วินธัยหัวเราะลั่นเมื่อเขาได้ยั่วโมโหเพื่อนผู้แสนนิ่งขรึม เหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเวลาคนนี้สำเร็จ
ว่าแต่ ชื่อน่ากินขนาดนี้ กินไปแล้วหรือยังวะ
เฮ้ย ยังไงวันนี้แกกับฉันได้มีเรื่องกันแน่โว้ย อภิเศกโวยวาย ก่อนจะลดเสียงลงเมื่อเห็นโต๊ะอื่นมองมา แกเห็นฉันเป็นคนยังไงวะ
อ้าว จะไปรู้เรอะ ก็เห็นแกทำเป็นเล่นตัวกับสาวอื่น ก็นึกว่าเจอคนที่ใช่แล้ว ก็จะไม่ปล่อยให้รอดมือ เออ ฉันก็ลืมไปปกติแกไม่ชอบกินเผ็ดนี่หว่า แล้ววินธัยก็หัวเราะขบขันอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนของเขาปฏิเสธสาว ๆ ทั้งหลายที่มาข้องแวะด้วย หรือไม่ก็สานสายสัมพันธ์กันได้ไม่ยืนยาว ด้วยเหตุผลว่าเธอเหล่านั้นไม่ใช่ นางในฝัน ของเขา
แล้วไม่ดีรึไง เขาไปจากฉันก็ไปหาแกไม่ใช่เหรอ อภิเศกย้อนถามก่อนจะลดเสียงลงเมื่อพูดประโยคต่อไป คุณแกงเขาใจแข็ง เมื่อจบคำตอบเรียบ ๆ นั้นอภิเศกก็ยกแก้วขึ้นดื่มอย่างอยากจะตัดบท และวินธัยก็หยุดตั้งคำถามในเรื่องนี้ เพราะได้คำตอบในใจตัวเองแล้วว่า
เพราะอย่างนี้นี่เอง ถึงได้หวงนัก
แล้วเขาก็นึกต่อไปว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันนะที่ทำให้เพื่อนของเขาแสดงอาการหึงหวงออกหน้าออกตาขนาดนี้ อยากจะเห็นหน้านัก และในเมื่อวันจัดการประชุมมาถึง ก่อนที่การประชุมในวันแรกจะเริ่มต้นขึ้น วินธัยก็มีโอกาสได้รู้จักกับแฟนสาวสุดหวงของอภิเศก
คุณแกงครับ อภิเศกเรียกแฟนสาวเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินเลยไปที่อื่นลงทะเบียนแล้วหรือครับ
เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณแขกคะ แกงมีอะไรจะอวด พริกแกงหยิบกล้องที่คล้องอยู่ที่คอมาถือไว้ในมือ เลนส์ตัวใหม่ค่ะ แกงเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน ดูสิซื้อปุ๊บก็ได้ออกงานเลย แล้วอภิเศกก็เห็นหญิงสาวลูบ ๆ คลำ ๆ เจ้าลูกชายตัวโตในมืออย่างปลาบปลื้ม
ไปเที่ยวมาไม่เห็นชวน ถึงชายหนุ่มจะพูดเหมือนตัดพ้อเล็ก ๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกอะไร แถมยังย้อนกลับให้อีกว่า
คุณแขกว่างให้ชวนซะที่ไหน จริง ๆ แล้วถึงเขาและเธอตกลงคบหากันก็แทบจะไม่ได้ใช้เวลาว่างร่วมกันอีกเลย ตั้งแต่กลับจากบ้านบางปะอินครั้งนั้น
ถึงตอนนี้แล้ว แกงก็ยังต้องมาเจอคุณตามงานอยู่ดี หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ
คุณแกงไม่อยากเจอผมเหรอ คุณบอดี้การ์ดพูดเสียงอ่อน ๆ
ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แกงหมายถึงว่า ขนาดเราเป็นแฟนกันแล้ว เราก็ยังเจอกันเฉพาะเวลามาทำงานอยู่ดี
ว่าไงนะครับ
คะ
ประโยคแรกน่ะว่ายังไง พริกแกงขยับจะพูดซ้ำเพราะคิดว่าเขาคงได้ยินไม่ถนัด แต่พอเห็นสายตากรุ้มกริ่มของคนตัวโต ก็เริ่มรู้ว่า เธอโดนล้อ เข้าเสียแล้ว พริกแกงก็เลยไม่พูดอะไรต่อ แต่เสไปขยับเนคไทกับสาบเสื้อสูทสีเข้มของเขา ก่อนจะถ่ายภาพของเขาเอาไว้เป็นการประเดิมเลนส์
ขอดูหน่อยสิครับ อภิเศกพูดพร้อมเดินเข้าก้มดูภาพจากกล้องของพริกแกง
ของเขาดีมั้ยคะ ถ่ายคุณแขกออกมาล้อ หล่อ พอได้ยินประโยคนั้นชายหนุ่มก็ถึงกับมองค้อน
คนเขาหล่ออยู่แล้วต่างหาก พริกแกงหัวเราะที่ชายหนุ่มทำท่าเหมือนกับงอนที่เธอชมฝีมือตัวเองแทนที่จะชมนายแบบ
คุณแกงครับ เชิญทางนี้หน่อย อภิเศกบอกแฟนสาว
มีอะไรหรือคะคุณแขก
จากคุณ |
:
ธ.ศ.ร. (Thomket)
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ธ.ค. 55 01:31:14
|
|
|
|