Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมฆซ่อนตะวัน ตอนที่ 5 vote ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 5 การเดินทาง

หลังจากที่ผม  ตัดความสัมพันธ์  กับสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจออก
ก็เริ่มหาหนทางของตนเอง  เพื่อความก้าวหน้า
อะไรที่ทำให้ผมจากที่แห่งนี้ไม่ได้
มีสองสิ่ง หนึ่งนั้นคือความกังวลเรื่องที่จะดูแลสุสานของอาแปะซา  
อีกสิ่งคือ นรี  เพื่อนสนิทที่สุด เพียงคนเดียวที่ผมมี สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้
คือแรงผลักดัน  จากสิ่งรอบข้าง
ผมสัญญากับอาแปะว่า  
'ผมต้องประสบความสำเร็จ  ให้ทุกคนเห็นว่า  นายธนูคนนี้ คือลูกของอาแปะซา  ที่ได้ดีเพราะมีคนอบรมสั่งสอน  ชื่อนายซา แซ่อึ้ง'

ตอนนี้ผมต้องมีเสบียง เพื่อเคลื่อนทัพ ......
ผมตัดสินใจอย่างแน่นอน  ที่จะไปสมัครเป็น พลทหาร เพียงวูบหนึ่งที่เขาได้ยิน จากพี่ทองที่พูดว่า
"ในตอนนี้... บ้านเมืองกำลังต้องการ กำลังพล  เพื่อต่อสู้กับผู้รุกราน
ถ้าข้าไม่ติดต้องดูแล  ย่าละก็  ข้าไปเป็นทหารแล้ว"
เรานั่งคุย ขณะผมกำลัง คิดถึงอนาคตตัวเอง
"แล้วอย่างผม  จะเข้าไปสมัครเป็นทหาร... ได้ไหม?.."
ผมขอความคิดเห็น จากพี่ทอง
"ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด  แต่ที่เดาได้อย่าง  คือกำลังทหาร น่าจะเป็นที่ต้องการ ของกองทัพ"
ผมขาดเสบียง จึงไปคุยกับคนที่รู้จักในตลาด  แน่นอนมีบางคนที่ทราบข่าว
ก็รู้สึกเวทนา ในชะตากรรมของผม บ้างก็ให้เป็นเงิน หรือสิ่งของ
เพื่อให้ผมได้มี ทุนในการ ดำเนินชีวิตต่อไป  ไม่ยกเว้น แม้แต่บ้านของนรี
ผมก็เข้าไป โดยเลือกเวลาที่ ลุงพรต และนรีไม่อยู่
โชคเป็นของผม ทั้งลุงพรต นรา นรี และพี่ดวงจันทร์ ไม่อยู่
เหลือเพียง ป้าศรีนวล.. แม่ของนรีเท่านั้น
เธอเป็นหญิงใจดี แต่หัวอ่อน เชื่อฟังสามีของเธอ
ข้อสำคัญ เป็นคนขี้สงสาร แล้วผมก็ได้เงินจาก ป้าศรีนวล มากพอสมควร
ตอนที่เดินออกมา  ผมพบนรี กำลังจะเข้าบ้าน
เธอรู้สึกดีใจ ที่ได้เจอกับผม อีกครั้ง... เหมือนเธอจะพูด แต่ก็ไม่พูดออกมา
ผมส่งยิ้ม ที่ห่างเหินให้เธอ  แล้วจากเธอไปอีกครั้ง....
เธอไม่มีโอกาสเห็น.... น้ำตาของผม... ที่ไหลออกมา.. เมื่อผมเห็นสายตาของเธอ
ผมรับรู้ได้ ถึงความผูกพันธ์ ที่มีให้.... แต่ผมแสดงให้ นรีเห็นไม่ได้ ว่าผมยังรู้สึก
อย่างไร.... กับ เธอ คน นี้.....

ผมได้เข้าเป็นพลทหารสมใจ  หลังจากไปสมัคร เป็นทหารกองเกิน เพื่อเสริมกำลังพล  ถึงมีเบี้ยยังชีพ ที่ถูกจน ใช้ดำรงค์ชีพมิได้ แต่อย่างน้อย ก็กินฟรี อยู่ฟรี
ผมทำการฝึกภาคสนาม ทั้งเรื่องเตรียมกำลัง
ฝึกความเป็นระเบียบ
รู้ในเรื่องผลของการ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ความพร้อมเพรียง และการใช้อาวุธปืน

ผมได้คะแนนดีเยี่ยม จากการประเมิณ ของครูฝึก ผมพร้อมแล้ว ที่จะไปปฏิบัติหน้าที่
ในสถานที่ ....ที่เรียกว่า.... แนวรบ...
ผมได้อยู่ในสังกัดกองกำลังผสม โดยมี ร.อ. อดุลย์ อริพ่าย เป็นผู้บังคับบัญชา
ในหน่วยรบแห่งนี้ บุคลิกของเขานั้น ภายนอกเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดกับใครถ้าไม่จำเป็น  แม่นยำเรื่องการประเมิณสถานะการณ์ เชี่ยวชาญเรื่องทฤษฎีการรบทุกแขนง เป็นที่ยำเกรงของทหารในสังกัด
รวมทั้งตัวผม ข้อสำคัญ
เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว ของท่านตุลย์  อริพ่าย อดีตรองผู้บังคับชาทหารบก
ความจริงท่านต้องได้ขึ้นตำแหน่ง
แต่ด้วยเหตุบางประการ ทำให้ท่านต้องไปเป็นจเรทหาร
หลายปี จนได้มาเป็น ผู้อำนวยการโรงเรียนนายร้อยทหาร....

วันหนึ่งเราได้ข่าว
จากหน่วยข่าวกรอง ว่าจะมีการขนอาวุธ ผ่านทางเส้นทาง ที่กองกำลังของพวกเราดูแล
ผู้กองจึงให้ผม กับหน่วยทหาร ที่เชี่ยวชาญพื้นที่
ไปเฝ้าระวัง พื้นที่ดังกล่าว  และวันนี้ ก็ไม่ใช่วันของพวกเรา.....

กองลาดตระเวนมีไปทั้งหมด 20 นาย รวมผู้กองด้วย มีพายุเข้ามา ทำให้การ
การเดินทางไปถึงพิกัดคลาดเคลื่อน และกองลาดตระเวนของเรา
ปะทะกับกองลาดตะเวนของข้าศึก ทหารที่มาด้วยกัน พลีชีพในการรบ เกือบทั้งหมด
เหลือเพียงจ่าผิว ผม และ ร.อ.อดุลย์ สามคนที่เหลือ ผู้กองได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะครั้งแรก
"พวกนายหนีไปก่อน ทิ้งผมไว้ที่นี่ จะได้ไม่ต้องมาตาย กันหมด.."
เขาพูด ในขณะที่ผมทำแผลให้  
"ผู้กอง... ยังไงพวกเราก็ไม่ไปไหน ถ้าไม่มีผู้กองไปด้วย ถ้าเราต้องตายในวันนี้... เราก็ต้องตายด้วยกัน.. ตอนนี้ผู้กองเข้มแข็งไว้ก่อน.."
ผมพูด เพื่อให้กำลังใจ จ่าผิว ผู้ได้ชื่อเชียวชาญพื้นที่ มากที่สุด และผ่านการรบ มานับครั้งไม่ถ้วน เอ่ยขึ้น
"ผู้กองไม่ต้องกังวล  พื้นที่แถวนี้ ผมหลับตา ก็ออกไปได้  เดี๋ยวผมเช็คพิกัด ก็จะรู้ตำแหน่งที่จะออก..."
จ่าผิวลุกขึ้น เพื่อเดินไปเช็ค ทิศทาง แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น กระสุนเจาะร่าง จ่าผิวทะลุพื้น ถึงสี่ นัด เขาสิ้นใจทันที ผมผลัก ผู้กอง
นอนราบกับขอนไม้ ให้อยู่แนวเดียวกัน
"ผู้กองอย่าเพิ่งออกไป มันยังไม่แน่ใจ ว่าพวกเราเหลือกี่คน ผมคิดว่า มันจะต้องยิงร่างจ่าผิวอีกหลายนัด และเฝ้ารอ  จนมันแน่ใจ จึงเผยตัวออกมา...เพื่อเก็บอาวุธ.."
แล้วก็เป็นไปตามนั้น พวกข้าศึก ระดมยิงร่าง จ่าผิว หลายนัด จากนั้นก็สงบนิ่ง รอจนเวลาผ่านไป ห้าชั่วโมง พวกนั้นก็เผยโฉม กองลาดตระเวน ของข้าศึก มีเหลือ 16 นาย ซึ่งน่าจะ เสียชีวิตใน การปะทะกันครั้งแรก
"ถึงเวลาของเราแล้ว... ผู้กอง"
เขา นั้นเข้มแข็ง เกินคนทั่วไปจริงๆ
ถึงเขาจะถูกยิง เข้าที่ขาจนเห็นกระดูก แต่ก็อดทนกับความเจ็บปวด ได้ถึงบัดนี้
เมื่อเขาพยักหน้า รับทราบ ผมก็ค่อยๆคลาน ไปอีกตำแหน่ง ข้าศึกนั้น กำลังยุ่ง กับการเก็บของในกระเป๋าสะพายของ จ่าผิวจนไม่ทันสังเกตุ
เมื่อได้ระยะสังหาร
ผมก็จัดการยิงไปที่ข้าศึกเหล่านั้น  จนตายไปถึงห้าคน พวกที่เหลือ ก็กระโดดหลบ หลังขอนไม้ที่ บริเวณนั้น พร้อมระดมยิงใส่ ตรงที่ผมหลบอยู่
ข้าศึกมิได้ระวังด้านข้าง เป็นตำแหน่งเปิด... แล้วผู้กองก็เลือกยิง จนทั้งหมด
จบชีวิตตรงนั้นหมด  ผมโดนกระสุนถากเป็นแผลมากมาย  ค่อยๆเดินไปหา ผู้กองที่นอนตรงนั้น
ผมพิงร่าง  อย่างอ่อนแรง กระสุนปืนผมหมดแล้ว ผู้กองก็เช่นกัน
เราทั้งคู่หยิบมีดสนามออกมา ผมประครองให้เขาลุกขึ้น เพื่อเดินออกไป....

จากคุณ : kasareev
เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 01:45:01




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com