_____________ดอกกงในดงดาว_____________( ตอน 1 )
|
|
ติชมกันมาได้เลยนะคะ ------------------------------------
ดอกกงในดงดาว
ตอนที่ 1
เด็กหญิงอาศัยอยู่ในบ้านไม้หลังเล็กๆหลังหนึ่งบ้านไม้ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาที่แสนจะห่างไกลจากความเจริญมันเป็นบ้านหลังเล็กมากหากเทียบกับยุคสมัยปัจจุบันแล้ว บ้านที่ผนังเป็นไม้ขัดแตะ หลังคามุงสังกะสีพื้นปูด้วยเสื่อน้ำมันลายพื้นๆและจะปูทับด้วยเสื้อไม้ขัดแตะในช่วงที่อากาศหนาวเย็นเด็กหญิงดาวเรืองกำลังนั่งมองกองไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่หน้าบ้าน เสียงไฟเผาฟืนแตกดังเปรี๊ยะเกิดประกายไฟกระเด็นออกมาจากกองไฟ
“ดาวเรืองอย่าไปนั่งใกล้มากลูกเดี๋ยวประกายไฟกระเด็นเข้าตา” เสียงยายตะโกนออกมาจากใต้ยุ้งข้าวยายที่กำลังก้มๆเงยๆหาฟืนมาเพิ่มเชื้อไฟเพื่อดับความหนาวในคืนนี้ ในขณะที่แม่และลุงๆป้าๆทยอยกันเข้ามานั่งที่ใต้ยุ้งฉางป้าคำอ้ายพี่สาวคนโตของแม่เอามือมาผิงไฟ เมื่ออบอุ่นจนพอใจแล้วป้าก็กลับเข้าไปนั่งที่ใต้ยุ้งฉางเด็กหญิงดาวเรืองมองตาใสแล้วทำเลียนแบบป้า พี่เกตลูกสาวคนเล็กของป้าพิมสะกิดเจ้าตัวเล็ก
“น้องดาวเดี๋ยวพี่จะทำอะไรให้ดู”พี่สาวทำหน้าตื่นเต้น แล้วยิ้มกริ่ม หล่อนใช้นิ้วชี้ตัดผ่านเปลวไฟ แล้วรีบชักมือออกมาจากกองไฟเด็กหญิงดาวเรืองทำตาโตตบมือชอบใจใหญ่
“โหไม่ร้อนหรอพี่เกต”เด็กหญิงถามอย่างสงสัย
“นางฟ้าเท่านั้นแหละที่จะทำได้”พี่เกตยิ้มแล้วกอดอกอย่างภูมิใจเจ้าตัวเล็กก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ จึงเอานิ้วจิ้มเข้าไปในกองไฟ แถมยังแช่ไว้นานกว่าพี่เกตด้วยดาวเรืองคิดอยากเป็นนางฟ้า สักพักสีหน้าเด็กน้อยเริ่มเหยเก พี่เกตจึงรีบคว้ามือหล่อนออกมาจากกองไฟ
“ไอ้บ้าน้องดาว”พี่เกตเรียกเมื่อเด็กน้อยรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่นิ้วมือ หล่อนก็อ้าปากหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดแม่ ป้า ยายพากับมาดู ป้าคำอ้ายกอดหล่อนไว้ ส่วนแม่ก็เอาแต่ดุหล่อนยายรีบวิ่งไปตัดว่านหางจระเข้ที่ปลูกไว้ข้างบ้าน ฝานแล้วล้างยางออกเพื่อที่จะนำมาประกบนิ้วเจ้าตัวเล็กไว้
เช้าวันหนึ่งซึ่งก็เหมือนกับทุกวันๆบรรดาหลานๆมาแต่งตัวกันอยู่ที่ระเบียงบ้าน เด็กหญิงดาวเรืองเงยหน้ามองพี่เกตที่กำลังม้วนผ้าสามเหลี่ยมอย่างตั้งใจ
“พี่เกตน้องดาวอยากม้วนผ้าแบบพี่เกตมั่ง”เจ้าตัวเล็กกระตุกชายกระโปรงเรียกพี่สาว
“ตัวเองก็เรียนลูกเสือสิ เดี๋ยวก็ได้ใส่”
“ยาย...น้องดาวอยากเรียนลูกเสือ”เด็กหญิงหันมามองยายตาแป๋ว
“ต้องโตกว่านี้ก่อนลูก ตอนนี้เด็กอยู่คุณครูยังไม่ให้เรียน” ยายพยายามอธิบายให้ฟัง
“อีกตั้งนาน” เจ้าตัวเล็กทำหน้ามุ่ย
แม่และยายพาดาวเรืองไปรอรถโรงเรียนที่ร้านค้าประจำหมู่บ้านเด็กหญิงสงสัยมากเลยว่าทำไมหล่อนจึงไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกับบรรดาพี่ๆที่เป็นลูกๆของป้าดาวเรืองอิจฉาพวกพี่ๆมากที่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกันแถมโรงเรียนก็อยู่ใกล้บ้านนิดเดียว ไม่เหมือนหล่อนที่ต้องนั่งรถโรงเรียนไปประมานเกือบสิบนาทีกว่าจะถึงหล่อนไม่สนุกกับการเรียนในห้องเรียนของตัวเองเท่าไร เด็กหญิงมักจะหนีไปหาเด็กชายโบเขาเป็นเพื่อนของหล่อนเองบ้านทั้งคู่อยู่ใกล้กัน เด็กชายโบนั้นอยู่ห้องเรียนชั้นสอง
“น้องดาวเรืองหายไปไหนแล้วคะเด็กๆ”คุณครูสาวถามหาเด็กหญิงที่หายออกไปจากห้อง
เด็กหญิงนัยต์ตาซุกซนแอบยืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องถือกล่องนมมองเด็กชายโบที่กำลังปูผ้าปูที่นอนอยู่ใบหน้าที่ประแป้งจนเหลือแต่ลูกตายิ้มร่าให้เด็กชาย เมื่อเด็กชายโบเห็นเข้า เขาก็ยิ้มมาให้ฉันอย่างดีใจมือน้อยๆกวักมือเรียกหล่อน เด็กหญิงตัวน้อยรีบวิ่งเข้าไปนอนในที่นอนของเด็กชายโบ
“ขอเค้านอนด้วยนะ”
“ได้สิ”เด็กชายโบรีบลงมานอนข้างๆดาวเรือง หล่อนดึงผ้าห่มมาคลุมโปงไว้เพื่อกันคุณครูมาเห็น ทั้งสองคนหัวเราะคิกคักกันอยู่ใต้ผ้าห่มตามประสาเด็กที่แอบทำผิดแล้วทำสำเร็จไม่นานเด็กหญิงและเด็กชายก็หลับสนิท
เสียงกริ่งปลุกเด็กๆให้ตื่นขึ้นหล่อนลืมตาขึ้นมามองข้างๆ แต่ก็ไม่เห็นเด็กชายโบแล้ว หล่อนเรียกหาเด็กชายโบอยู่พักใหญ่จนมองเห็นว่าหล่อนกลับมาอยู่ที่ห้องตัวเองนานแล้ว คุณครูอุ้มดาวเรืองกลับมาตอนที่หล่อนหลับสนิทนั่นเอง
ระหว่างนั่งอยู่บนรถโรงเรียนเด็กหญิงมองเห็นเด็กชายโบปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยตัวเองหล่อนตะโกนเรียกเขาอยู่หลายครั้ง จนรถโรงเรียนแซงจักรยานของเด็กชายวัยสามขวบไปเด็กหญิงชะโงกหน้าออกไปนอกรถ ทีนี้เด็กชายโบมองเห็นหล่อนแล้ว มือน้อยๆโบกหยอยๆให้เขาเด็กชายโบเร่งฝีเท้าปั่นจักรยานตามรถโรงเรียนมา เขากำลังจะแข่งกับหล่อนว่าใครจะถึงบ้านก่อนกัน
“ไม่ทันเค้าหรอก”เด็กหญิงตะโกนออกไปเด็กชายโบก้มหน้าก้มตาปั่น ลมตีจนผมตั้ง รถโรงเรียนจอดส่งเด็กลงที่ป้ายแรกทำให้เด็กชายโบปั่นแซงรถโรงเรียนไป
“ห้ามจอดนะเห็นไหมว่าโดนแซงแล้ว”เด็กหญิงดาวเรืองตะโกนบอกคนขับทั้งจักรยานและรถโรงเรียนผลัดกันแซงอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดทั้งเด็กหญิงและเด็กชายโบก็ถึงยังร้านขายของหน้าหมู่บ้านพร้อมกัน
“นั่งจักรยานไหมดาวเรือง”เด็กชายโบถามหล่อนด้วยเสียงเหนื่อยหอบ เจ้าตัวน้อยพยักหน้าหงึกๆเขาลงจากจักรยานแล้วดันหล่อนขึ้นไปบนที่นั่ง แล้วจูงจักรยานผ่านทางเดินถนนลูกรังที่สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าดอกหญ้าโอนเอนตามแรงลม ปุยดอกหญ้าบินว่อนในอากศ เสียงลำธารขนาดเล็กที่กำลังไหลไปยังทุ่งนาต่างๆแมลงปอฝูงใหญ่บินล้อลมอยู่ด้านบน เด็กหญิงดาวเรืองเงยหน้ามองทำปากจู๋เป่าลมออกมา หวังจะให้ถึงแมลงปอทั้งหลายลมหนาวที่พัดเข้ามาประหน้าทำให้แก้มแดงๆเย็นเฉียบจนฉันต้องดึงมือน้อยๆขึ้นมากุมแก้มทั้งสองไว้ เด็กชายโบหยุดรถจักรยานแล้วอุ้มหล่อนลงมาเขาเดินไปที่ดงหญ้าริมข้างทางแล้วดึงก้านดอกหญ้าออกมาหลายๆก้าน
“ทำอะไรหรอโบ”
“ทำบ้านตั๊กแตน”เขาทำเสียงสูงที่ท้ายประโยค
“ทำยังไงหรอ”เด็กหญิงช่างสงสัยถามเด็กชายเขายิ้มแล้วนำก้านดอกหญ้าสอดสับหว่างเข้าไปในนิ้วซ้อนกันไปมาจนเป็นระนาบแล้วพับปลายก้านทั้งสองด้านเข้าหากันเกิดเป็นช่องว่างรูปสามเหลี่ยมขึ้นแล้วผูกไว้ด้วยก้านดอกหญ้า
“บ้านตั๊กแตนหรอทำไมเหมือนขนมเทียนเลย”เด็กหญิงขมวดคิ้ว
“ไม่เหมือนสักหน่อยขนมเทียนมันทึบๆ แต่อันนี้มันโล่งๆมีรู ตั๊กแตนเข้าไปอยู่ได้”เขาพูดเสร็จก็แขวนมันไว้ที่ดงหญ้าตามเดิมเด็กหญิงดาวเรืองนั่งยองๆ กำมือค้ำคางตัวเองไว้จ้องมองบ้านตั๊กแตน
“ไม่เห็นมีตั๊กแตนมาอยู่เลย”เด็กหญิงขมวดคิ้วเข้าหนักกว่าเดิม
“ก็ดาวไปจ้องแบบนั้นใครจะกล้าไปอยู่เล่า ตั๊กแตนมันอาย” เด็กชายกอดอกมองดาวเรืองจึงเขยิบออกมายืนมองอยู่ไกลๆ แต่ก็ยังไม่เห็นตั๊กแตนเข้าไปอยู่ในนั้นเสียทีเขาเกาหัวแกร่กๆนึกสงสัยทำไมวันนี้ไม่มีตั๊กแตนสักตัวเข้ามาอยู่ในบ้านเลยนะเด็กหญิงเดินเข้าไปใกล้ดงหญ้าแล้วคว้าหมับไปที่ตั๊กแตนตัวสีเขียวซึ่งเกาะอยู่บนยอดใบหญ้าแล้วยัดมันเข้าไปอยู่ในบ้านตั๊กแตน
“เห้ย”เด็กชายอุทาน
“เค้าขี้เกียจรอ”เด็กหญิงเอ่ย แล้วเดินออกมาสักพักตั๊กแตนมันก็กระโดดออกจากบ้านกลับมาอยู่ที่ใบหญ้าตามเดิม“เจ้าตั๊กแตนดื้อ”เด็กหญิงทำหน้างอตะโกนใส่ตั๊กแตนตัวนั้นเด็กชายส่ายหน้าแล้วชวนกันเดินไปต่อ จนมาหยุดลงตรงสะพานข้ามลำธารไปสู่บ้านของพวกเขาเป็นสะพานไม้ไผ่ซางสามต้นวางพาดกว้างประมาณสามเมตรด้านใต้ลึกลงไปประมาณสองเมตรเป็นลำธารขนาดเล็กเด็กหญิงดาวเรืองเดินกางแขนทรงตัวนำไปก่อน เด็กชายโบปั่นจักรยานข้ามตามไปดาวเรืองตบมือแปะๆที่เห็นเด็กขับจักรยานข้ามมาได้ด้วยดาวเรืองวิ่งขึ้นเนินหญ้าไปจนถึงด้านบนแล้วโบกมือลาให้กับเด็กชาย
“บ๊ายบายโบ”จากนั้นเด็กชายโบก็ปั่นจักรยานต่อเพื่อมุ่งสู่บ้านที่อยู่ลึกกว่า
จากคุณ |
:
ราตรีอธิษฐาน
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ธ.ค. 55 12:38:41
|
|
|
|