ความคิดเห็นที่ 1 |
 |
บทที่ 1 : เรกิวลุส ( Chapter I : The Regulus )
หลายเดือนก่อนการออกเรือของดิอีเว้นท์ฮอไรซอน มีกัปตันเรือผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของเรกิวลุสถูกจองจำอยู่...
กับตันเฟียรอน ฟาลโลว์ แห่งราชอวกาศนาวีเรกิวลุสนั้นเกิดในตำบลกรีนิชที่เงียบสงบในเขตชนบททางภาคกลางของเรกิวลุส เท่าที่เป็นที่รู้กัน เด็กชายฟาลโลว์นั้นฉายแววความเป็นผู้นำมาตั้งแต่ในวัยเด็ก และเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดเกินอายุเป็นที่กล่าวขานกันของคนที่ได้รู้จัก เด็กชายฟาลโลว์ใฝ่ฝันมาตั้งแต่ครั้งนั้นว่าจะรับใช้ดาวของตนด้วยการเข้าเป็นทหารเรือในกองทัพ ที่ซึ่งยินดีต้อนรับเขาเป็นอย่าดียิ่ง เขาเรียนจบจากโรงเรียนนายเรืออวกาศของเรกิวลุสด้วยคะแนนที่ดีเยี่ยม และเข้ารับราชการในราชอวกาศนาวีได้ดังทีตั้งใจ และหลังจากภารกิจการแกะรอยที่น่ามหัศจรรย์ระหว่างรบที่อีตาคาริเน* ฟาลโลว์ก็ขึ้นเป็นหนึ่งในกัปตันที่อายุน้อยที่สุดของประวัติศาสตร์อันยาวนานของเรกิวลุส ทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี กัปตันผู้ที่ทุกคนในเวลานั้นเชื่อว่าจะมีอนาคตไกล ก็กลับถูกตัดสินโทษทรยศต่อเรกิวลุส เนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชาในการรบที่ดูห์ร**ทำให้หลังจากนั้นเขาก็ถูกจองจับในเรือนจำทหารของเรกิวลุสเรื่อยมา
ตลอดเวลาเกือบปีที่ถูกกักขัง ไม่เคยมีใครเอ่ยถาม แม้ตัวกัปตันเองก็ไม่เคยปริปากบอก ถึงเหตุผลที่แท้จริงของการฝ่าฝืนคำสั่งในครั้งนั้น สิ่งที่คนทั้งหลายรู้ก็มีเพียงว่าระหว่างที่อยู่ในเรือนจำกัปตันก็ปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ เป็นปกติเช่นเดียวกับนักโทษคนอื่นๆ โดยไม่เกี่ยงหรือบ่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
และในวันที่จะถูกกล่าวถึงต่อไปนี้ กัปตันฟาลโลว์ในฐานะนักโทษ ถูกผู้คุมพาตัวมาที่ห้องเยี่ยม ผู้คุมแจ้งแก่เขาว่าจะมีคนมาเยี่ยม ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความแปลงใจแก่เขามากนัก เพราะแม้กัปตันจะมีญาติพี่น้องไม่มากนัก แต่บรรดาอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะนายทหารที่มีนามว่า เบอร์นาร์ด โลเวลล์ ที่เคยปฏิบัติงานในฐานะผู้ช่วยของเขา ก็มักจะเดินทางมาเยี่ยมเขาอยู่เสมอๆ
ทว่าครั้นผู้เยี่ยมของเขาเดินเขามาในห้อง นักโทษผู้เคยเป็นกัปตันกลับแปลกใจ ผู้เยี่ยมของเขาในวันนั้นไม่ใช่คนที่เคยเยี่ยมเขามาก่อน ไม่ใช่แม้แต่คนที่เขาเคยพูดคุยด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อาจปฏิเสธว่าไม่รู้จักได้ก็ตาม
ผู้ที่มาเยี่ยมกัปตันในวันนั้นเป็นชายวัยกลางคน ผิวขาวซีดและมีใบหน้าอวบอูมสีแดงเรื่อๆ ซึ่งตัดกับหนวดสีเข้มที่ตัดเล็มไว้อย่างปราณีต และศีรษะที่เริ่มล้านตรงกลางกระหม่อม เสื้อผ้าของคนผู้นั้นเป็นเสื้อนอกยาวหรูหราที่ตัดเย็บอย่างดี ตะเข็บบางเส้นเดินด้วยดิ้นทอง และที่กระเป๋าเสื้อข้างหนึ่งก็ห้อยแว่นตาแบบตาเดียวกรอบทองเอาไว้ รองเท้าหนังของเขาขัดจนมันวับ ภาพของผู้แต่งกายเช่นนี้อย่าว่าแต่ระหว่างการเข้าเยี่ยมนักโทษเลย แม้แต่ตามท้องถนนของเมืองใหญ่ๆ ในเรกิวลุสก็ยากที่จะได้เห็น เพราะว่ามีเพียงขุนนางผู้มั่งคั่งเท่านั้นที่จะแต่งกายเช่นนี้ได้
กัปตันฟาลโลว์ลุกขึ้นยืน และกล่าวทักก่อนตามมารยาท อรุณสวัสดิ์ครับ ลอร์ดไอรี เป็นเกียรติของตัวผมอย่างยิ่งที่ท่านได้ให้เกียรติมาเยี่ยมเยือนผมเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะกล่าวคำพูดทั้งหมดนี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร่ความรู้สึก แต่ภายในใจของนายทหารกลับรู้สึกขัดยิ่งนัก ด้วยว่าเขาไม่ชอบขุนนางผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
นั่งลงเถอะ กัปตันฟาลโลว์ ขุนนางผู้ร่ำรวยพูด ไม่ต้องถือเป็นเกียรติอะไรมากมายหรอก เพราะว่าฉันต่างหากที่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากเธอในวันนี้
มีอะไรที่กระผมจะช่วยเหลือท่านได้กระนั้นหรือครับ อีกครั้งที่กัปตันพูดไปตามมารยาทโดยไม่มีความหมายใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานะเช่นนี้
บางทีฉันคงจะต้องท้าวความก่อนกระมัง กัปตันเกริ่น แต่ฉันเชื่อว่ากัปตันคงเคยได้ยินบริษัทอาร์มเอกซ์พลอเลอร์ของฉันมาบ้าง
กัปตันฟาลโลว์ตอบรับ ไม่มีใครในเรกิวลุสที่ไม่รู้จักบริษัทอาร์มเอกซ์พลอเลอร์ที่ลอร์ดไอรีควบคุมอยู่ แต่การจะเข้าใจความรุ่งเรืองของบริษัทนี้และการขึ้นสู่อำนาจของลอร์ดไอรีนั้นจำเป็นต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อน ที่เรกิวลุสใช้ความได้เปรียบจากปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงสินแร่ที่มี ในการชิงความได้เปรียบและครอบครองดาราจักรไปมากกว่าครึ่ง ทว่าหลังจากสินแร่ในดวงดาวหมดลง อำนาจของเรกิวลุสก็เสื่อมถอย และเงินในท้องพระคลังก็ร่อยหรอ
จังหวะนี้เองที่ลอร์ดไอรีก้าวเข้ามา เขาใช้มรดกของตระกูลในการตั้งบริษัทอาร์มเอกซ์พลอเลอร์ขึ้นเพื่อทำการสำรวจและขุดแร่ในดวงดาวที่ยังไม่มีการสำรวจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรกิวลุสเคยละเลยมาตลอด กิจการนี้นำความมั่งคั่งมาสู่ลอร์ดไอรีเป็นอันมาก และเขาก็นำเงินส่วนหนึ่งมอบให้แก่ท้องพระคลังของเรกิวลุส ซึ่งทำให้ทั้งนักการเมืองและเชื้อพระวงศ์ของเรกิวลุสนำเขาขึ้นสู่อำนาจระดับสูง
แต่ก็มีเสียงต่อต้านลอร์ดไอรีดังอยู่ในเรกิวลุสไม่น้อยเช่นกัน เพราะเขาใช้อำนาจที่ได้มานี้กีดกันไม่ให้มีบริษัทสำรวจและขุดแร่อื่นเกิดขึ้นมาเป็นคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในขณะนั้น กิจการของลอร์ดไอรีนำเงินเข้าสู่ท้องพระคลังของเรกิวลุสมากกว่ากิจการอื่นใด จึงไม่มีใครคิดจัดการหรือลงโทษอย่างจริงจัง อีกทั้งลอร์ดไอรียังแถลงต่อสภาขุนนางอยู่เสมอด้วยข้อเท็จจริงที่ไม่อาจมีใครปฏิเสธได้ว่า ท่านทั้งหลายบอกว่าไม่ต้องการให้กิจการของข้าพเจ้าผูกขาดเป็นผู้ประกอบการสำรวจและขุดแร่เพียงผู้เดียวในเรกิวลุส ทั้งที่ท่านทั้งหลายก็ทราบดีอยู่แก่จว่ากิจการเช่นนี้นำความมั่งคั่งมาให้กับทั้ง วีกา*** และเดเนบ****มาแล้ว อีกท่านท่านยังได้เห็นอีกว่า หลังจากที่อัลแตร์*****เข้ายึดครองวีกาและทำลายกิจการเช่นนั้นไปจนสิ้น กิจการของวีกาก็ไม่อาจเทียบชั้นกิจการของเดเนบมาได้จนทุกวันนี้ เมื่อทราบเช่นนี้แล้วท่านจะยังคิดเอาเองอยู่อีกหรือว่าเรกิวลุสของเราจะหนีพ้นจากชะตากรรมเช่นวีกาไปได้พ้นหากกิจการของข้าพเจ้าถูกทำลายไป
กัปตันคงทราบอยู่แล้วว่า ขุนนางผู้มั่งคั่งเอ่ยขึ้น งานบริษัทอาร์มเอกซ์พลอเลอร์ของฉันนั้นนอกจากจะมีการขุดแร่ตามดาวดวงต่างๆ แล้ว ยังมีงานที่เกี่ยวกับการออกสำรวจแหล่งแร่ใหม่ๆ ด้วย
กัปตันพยักหน้ารับ ไม่แสดงอาการอื่นใด
ที่นี้มันมาเกิดเรื่องตรงที่ว่า เมื่อสักสองสามเดือนก่อนได้กระมัง เรือสำรวจแหล่งแร่ของฉันได้บังเอิญไปพบเรืออวกาศแปลกๆ เข้าที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง
เรืออวกาศแปลกๆ อย่างนั้นหรือครับ กัปตันฟาลโลว์ทวนคำ
ใช่ กัปตันเองก็คงรู้ดีว่าเรืออวกาศควรมีลักษณะเป็นอย่างไร มีหัวเรือ มีท้ายเรือ มีเสากระโดง มีใบเรือพลังงานแสงอาทิตย์และมีอะไรอื่นๆ ลอร์ดไอรีพูด แต่ว่าเรือที่พบเข้าวันนี้มันไม่มีอะไรที่เหมือนอย่างนั้นเลย ตัวเรือมันแบนเหมือนกับจาน และมีหางยื่นออกไปเหมือนกับแมงดาทะเล
มันเป็นเรืออวกาศแน่หรือครับ กัปตันมีท่าทีคลางแคลงใจ
มันเป็นเรืออวกาศแน่นอน ขุนนางผู้มีอำนาจยืนยัน วิศวกรของฉันตรวจสอบมาแล้ว รอยไหม้ของมันสอดคล้องกับการตกลงมาผ่านชั้นบรรยากาศ
มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ กัปตันแย้งขึ้นมา จากลักษณะที่ท่านว่ามา มันจะเอาพลังงานจากไหนมาใช้ในการขับเคลื่อน บางที่มันอาจจะเป็นแค่ชิ้นส่วนอะไรบางอย่างที่ตกผ่านชั้นบรรยากาศลงมาก็ได้
ชักถึงตอนที่น่าสนใจแล้วสินะ กัปตัน ขุนนางยิ้มอย่างมีเลศนัย เพราะว่าวิศวกรของฉันได้ตรวจสอบส่วนที่น่าจะเป็นเครื่องยนต์ของเรืออวกาศลำนั้น และเขาก็ได้บอกอะไรที่น่าสนใจกับฉันมาอย่างหนึ่ง กัปตันอย่างรู้ใช่ไหมล่ะ
ท่านก็บอกมาสิครับ กัปตันฟาลโลว์ตอบอย่างเบื่อๆ
วิศวกรของฉันบอกว่า ลอร์ดไอรียิ้มอย่างมีชัย เรือลำนั้นขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากปฏิสสาร
ถึงตอนนั้นกัปตันผู้นิ่งเฉยมาตลอดก็จับโต๊ะไว้และผุดลุกขึ้นทันที ท่านอย่ามาหลอกผม การนำพลังงานจากปฏิสสารมาใช้ยังไม่ได้แม้แต่ในการทดลองเลยด้วยซ้ำ แต่ครั้นตั้งสติได้แล้วเขาก็นั่งลงตามเดิม ก่อนจะพูดต่อ ผมมั่นใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครในห้วงอวกาศของเราที่คิดค้นวิธีการนั้นขึ้นมาได้โดยไม่มีใครรู้หรอกครับท่าน
ข้อนั้นฉันก็เชื่อเหมือนกัปตันนะ
แต่ท่านบอกว่า...
จากคุณ |
:
Haruki.13 (Haruki13)
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ธ.ค. 55 17:29:26
|
|
|
|