ความคิดเห็นที่ 1 |
|
~~ Lover in Firenze ~~
สนามบินอเมริโก เวสปุชชี่ ยามย่ำค่ำยังคงมีผู้โดยสารมากมายจากหลายเชื้อชาติต่างพากันเดินทางมาเยี่ยมชมเมืองแห่งสถาปัตยกรรมงามเลิศไม่ขาดสาย ชานนท์และเอรินก็เป็นหนึ่งในจำนวนผู้คนมากมายที่ได้เหยียบย่างลงบนผืนแผ่นดินนี้ เอรินได้แต่มองไปรอบๆสนามบินด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เป็นไง..แค่เหยียบสนามบินที่นี่เธอถึงกับตะลึงเลยเหรอ ชานนท์ที่รอรับกระเป๋าเดินทางเสร็จเรียบร้อยเดินมาหาเอรินที่ยืนรออยู่หน้าประตูสนามบินด้วยท่าทีหันรีหันขวางมองไปทั่วอย่างขำขัน
คุณรู้มั๊ย..คุณอเล็กซ์ ฉันตะลึงตั้งแต่เครื่องบินจะลงจอดแล้ว คุณว่ามั๊ยฟลอเรนซ์นี่สวยคลาสสิคเหมือนเมืองโบราณ หรือเมืองในตำนานเลย สวยมาก เอรินลากเสียงยาวท้ายประโยคอย่างตื่นเต้น
ก็แหงอยู่แล้ว เธอไม่รู้รึไง ที่นี่น่ะเป็นเมืองแห่งสถาปัตยกรรมของโลกเมืองหนึ่งเลยนะ ส่วนมากเป็นศิลปะสไตล์โกธิคกับเรอเนสซองส์ที่ยังคงความสวยงามอยู่จนทุกวันนี้เลยล่ะ ชานนท์ร่ายยาวจนเอรินได้แต่มองชายหนุ่มจนเพลิน
นี่..น้ำลายหกแล้ว เช็ดซะมั่งเถอะ มองอยู่ได้ ชานนท์เอ่ยล้อเลียนหญิงสาวที่เหม่อมองริมฝีปากเขาอยู่นานสองนานอย่างนึกขัน
หนุ่มใหญ่ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจจากลอนดอนเสียสนิท เพราะได้มากับสาวน้อยจอมจุ้นอย่างเอริน...หญิงสาวน่ารักช่างพูดที่เด็กกว่าเขาถึงสิบปี
อ๊ะ!! ขอโทษค่ะ พอดีฟังเพลินไปหน่อย ฉันไม่ได้น้ำลายหกซะหน่อย คุณอย่ามามั่ว เอรินยู่ปากอย่างหมั่นไส้ ชานนท์ได้แต่หัวเราะเบาๆ
ว่าแต่เราจะไปพักกันที่ไหนเหรอคะ เอรินรีบกลบเกลื่อนด้วยการถามถึงที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ ซึ่งหล่อนติดสอยห้อยตามชายหนุ่มตรงหน้ามาโดยไม่รู้อะไรแม้แต่น้อย
บรูเนลเลสคี ชานนท์ตอบนิ่งๆไม่แสดงท่าทีอะไร สองมือก็สะพายกระเป๋าของตนหนึ่งใบและลากกระเป๋าของเอรินเดินนำไปก่อน หญิงสาวได้แต่เดินแกมวิ่งตามขายาวๆของชายหนุ่มตรงหน้า
อะไรคีคีนะคุณ..คุ๊ณ!! เอรินถึงกับเบรคกระทันหันทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยคดี ชานนท์ก็หยุดกึกหันมาทำหน้ารำคาญใส่ เอรินเบรคไม่อยู่เลยชนปุเข้ากับแผงอกแกร่งของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจัง
โอ๊ย!! คุณจะหยุดเดินก็ไม่บอก เจ็บนะเนี่ย เอรินคลำจมูกที่เริ่มจะแดงป้อยๆ อย่างนึกโกรธนิดๆ
พูดมาก ตามมาเร็วๆ แล้วก็ไม่ต้องมาแต๊ะอั๋งฉันเลย เดี๋ยวทิ้งไว้เนี่ยไม่รอ ชานนท์ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างหงุดหงิดเล็กๆ
ไม่พูดก็ได้ ว่าแต่เราจะไปยังไงล่ะคุณ เอรินก้าวยาวๆมาเดินเคียงข้างคนที่เดินฉิวไปไม่รอหล่อนแม้แต่น้อย ปากยังคงเจื้อยแจ้วไม่หยุด
เดินไปมั้ง เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า เฮ้อ!! คิดผิดรึเปล่านะยอมให้มาด้วยเนี่ย น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายของชานนท์ทำให้เอรินหน้าเสียเล็กน้อย หญิงสาวได้แต่เดินตามด้วยสีหน้าจ๋อยเงียบๆไปตลอดทาง
โรงแรมบรูเนลเลสคี เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าไม่ไกลจากถนนเดลคอร์โช แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังที่อุดมไปด้วยแบรนด์ชื่อก้องโลก เอรินได้แต่จับจ้องมองอย่างสนใจตลอดทางที่รถแท็กซี่แล่นผ่านจนมาถึงปากทางเข้าโรงแรมซึ่งเป็นซอยค่อนข้างแคบ หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างนึกทึ่งในสถาปัตยกรรมแสนงามรอบทิศ โดยไม่ทันได้สนใจชานนท์ที่กำลังจ่ายค่าแท็กซี่และลำเลียงกระเป๋าเดินทางลงจากรถ
เอริน!! ระวัง ชานนท์คว้าแขนหญิงสาวที่เดินเพลินจนไม่ทันดูทางที่ค่อนข้างแคบ และมอเตอร์ไซค์ขวักไขว่ไปมา
อ๊ะ!! ขะ..ขอโทษค่ะ ทันทีที่หันมาสบตาชายหนุ่มที่คว้าตัวหล่อนเอาไว้จนปะทะเข้ากับอ้อมกอดเข้าอย่างจังแล้ว เอรินถึงกับหน้าแดงซ่านเป็นลูกตำลึงสุก พูดตะกุกตะกักไปทันที
ระวังหน่อยสิ ที่นี่ถนนแคบ คนเดินเต็มไปหมด รถมอเตอร์ไซค์ก็เยอะคุณรู้มั๊ย ถ้าเดินไม่ดูตาม้าตาเรืออาจจะเป็นอันตรายได้ ชานนท์ร่ายยาวอย่างโมโหภาระตัวโตตรงหน้านิดๆ เอรินได้แต่ก้มหน้าหลบตางุดไม่กล้าสบตา
เอาเถอะ บ่นไปก็เท่านั้นเธอมันดื้อด้าน มานี่ ตามมา ชานนท์คว้ามือน้อยของหญิงสาวมากุมไว้แน่นก่อนจะลากให้หล่อนเดินตามกันไป
เป็นภาพที่น่ารักและดูทุลักทุเลไม่น้อยในสายตาคนทั่วไปที่มองมา เพราะนอกจากมือข้างหนึ่งของชายหนุ่มจะกอบกุมมือน้อยของหญิงสาวข้างกายแล้ว มืออีกข้างก็คอยลากกระเป๋าเดินทางไปด้วยอีกหนึ่งใบพร้อมกระเป๋าเดินทางสะพายหลังด้วยอีกหนึ่งใบ
ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็เดินลัดเลาะมาจนถึงหน้าโรงแรมบรูเนลเลสคี บนถนนเปียสซ่า ซานตา อลิซาเบธ เอรินมองโรงแรมตรงหน้าอย่างตกตะลึงในความงามสไตล์โกธิคที่ประดับประดาด้วยไฟสีเหลืองนวลตา เอรินเผลอบีบมือชานนท์แน่น จนชายหนุ่มรู้สึกตัวหันมามองหน้าหญิงสาวข้างกายนิ่งอย่างนึกเอ็นดูนิดๆ ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในตัวโรงแรม
อะไรนะ ผมจองไว้สองห้องทำไมได้แค่ห้องเดียว เสียงเข้มของชานนท์ดังก้องไปทั่วบริเวณล็อบบี้ เอรินได้แต่มองแววตาดุดันของชานนท์ด้วยสีหน้าแตกตื่นก่อนจะสะกิดเขาเบาๆ
คุณคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ เอรินเอ่ยถามชานนท์ด้วยแววตาตื่นตระหนกทันทีที่เห็นสีหน้าหงุดหงิดของเขา
ทางโรงแรมบอกว่าเกิดความผิดพลาดน่ะสิ ห้องที่จองไว้เราได้แค่ห้องเดียว แล้วห้องก็เต็มหมดแล้ว เราไปพักที่อื่นก็แล้วกันนะ ชานนท์ถอนหายใจอย่างอารมณ์เสีย
ไม่เป็นไร เราเอาห้องเดียวก็ได้ค่ะ คุณคะช่วยจัดการให้เราด้วยนะคะ หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากชานนท์ เอรินก็ส่งภาษาแบบงูๆปลาๆ คุยกับพนักงานต้อนรับสาว ซึ่งหล่อนก็กุลีกุจอจัดการให้โดยดี
นี่!! พักห้องเดียวกันไม่กลัวฉันจับปล้ำรึไง ชานนท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เอรินได้แต่บอกให้เขาเงียบเสียง ก่อนจะลากจูงมือชายหนุ่มขึ้นไปบนห้องหลังจากได้กุญแจ
คุณเป็นสุภาพบุรุษ ฉันรู้ค่ะ คุณไม่ทำอะไรฉันหรอก เอรินยิ้มเอาใจทั้งที่แววตาหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย แต่เพื่อตัดปัญหาเพราะค่าห้องที่ชานนท์เสียไปเป็นจำนวนเงินถึงเกือบสองหมื่นบาท หล่อนจึงไม่อาจจะทำตัวเป็นภาระได้มากกว่านี้
ฉันไม่ใช่คนดี เธอก็เห็น ดวงตาคมเข้มจ้องมองเอรินที่เดินข้างกันอย่างนึกแปลกใจไม่น้อย ที่หล่อนยังคงอารมณ์ดีได้อยู่อีกทั้งที่ต้องอยู่กับเขาเพียงลำพังสองต่อสองในห้องเดียวแท้ๆ
เพราะฉันเห็นไง ฉันเลยไว้ใจคุณ ดวงตากลมโตพร้อมรอยยิ้มสดใสถูกส่งมายังชานนท์ ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไปเพราะความน่ารักของหญิงสาวตรงหน้าที่เขาไม่เคยสังเกต
ห้องพักที่ชานนท์เลือกเป็นห้องพักชั้นบนสุดของโรงแรม ถึงแม้จะค่อนข้างเก่าแต่ก็สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะดูโอโมที่อยู่ใกล้มาก เขาบรรจงคัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อมินตราแต่หล่อนก็ไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยกลับกลายเป็นเอรินมาแทน
ห้องสีครีมตัดขาวสว่างสดใสท่ามกลางแสงไฟนวลตาภายในห้อง เอรินได้แต่มองอย่างตะลึงในความงดงาม แต่เมื่อเหลือบมาเห็นเตียงกว้างสีขาวหลังใหญ่กลางห้อง หญิงสาวถึงกับอึ้ง
คุณ...มันมีเตียงเดียว แล้วเราจะทำไงดีล่ะ เอรินหันมามองชายหนุ่มข้างกายที่กำลังสำรวจห้องอย่างพอใจ
จะทำไง ก็นอนอย่างนี้แหละ อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอน่ะ หึหึ ชานนท์หันขวับมาเจอแววตาตื่นตะหนกของหญิงสาว จึงได้แต่หัวเราะออกมาอย่างนึกขำ
ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ เกิดคุณหน้ามืดฉันจะทำไง ดวงตากลมโตค้อนขวับชานนท์ที่หัวเราะเยาะตน ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าห้องมันจะน่ารักแถมโรแมนติกขนาดนี้ เกิดหล่อนเผลอใจขึ้นมาเสียเองคงแย่แน่ๆ
อย่าห่วงไปเลย ฉันไม่มีวันที่จะหน้ามืดกับเด็กอย่างเธอแน่นอน ชานนท์เลิกต่อปากต่อคำกับเอรินทันทีเมื่อสายตาเผอิญมองผ่านไปเห็นยอดดูโอโมที่เห็นได้ชัดจากทางหน้าต่าง
ชายหนุ่มเดินออกไปยังระเบียงจ้องมองไปยังยอดดูโอโม ยอดโดมสีน้ำตาลแดงของมหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร มหาวิหารที่สูงโดดเด่นที่สุดในฟลอเรนซ์ และใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกอย่างนึกถึงใครบางคน
เอรินเดินตามชายหนุ่มออกมาอย่างสงสัย อยู่ดีๆชายหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นเงียบขรึมจนหล่อนตั้งตัวไม่ทัน
มีอะไรกับที่นี่เหรอคะ เอรินทำหน้างง ทันทีที่มองตามสายตาของชานนท์ที่นิ่งงันไปอย่างเหม่อลอย ชายหนุ่มรู้สึกตัวเหลือบมองสาวน้อยข้างกายชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย
เพราะมินอยากมา เค้าอยากเห็นดูโอโม ฉันอยากพาเค้ามา แต่..
แต่เค้าไม่มากับคุณ เฮ้อ!! คุณอเล็กซ์ คุณเลิกฝันถึงคนที่เค้ารักคนอื่นเถอะค่ะ ฉันสงสาร เอรินเอ่ยออกมาลอยๆ ชานนท์ถึงกับหันขวับแววตาวาวโรจน์
ไม่ต้องมาสงสาร เธอไม่มีสิทธิ์มาสงสารฉัน ชานนท์จับไหล่เอรินแน่นอย่างโมโหขึ้นมาจนหล่อนนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บ
โอ๊ย!! คุณ..ฉันเจ็บ ฉันก็แค่สงสารคุณเท่านั้นเอง เอรินน้ำตาไหลออกมาอย่างน้อยใจชานนท์อยู่ครามครัน จนชายหนุ่มรู้สึกตัว
คุณมันใจร้าย ไม่มีใครรักคุณก็สมควรแล้ว เอรินถอยกรูดทันทีที่ชานนท์ปล่อยมือออกจากไหล่ของตน ชานนท์ถึงกับอึ้งกับการกระทำของตน ชายหนุ่มคว้าสาวน้อยมากอดไว้อย่างปลอบใจ
ขอโทษนะ..เอริน ขอโทษ คำปลอบโยนเบาๆจากชายหนุ่มทำเอาเอรินถึงกับน้ำตาซึมออกมาอีกครั้ง
ฉันก็แค่อยากปลอบใจคุณ อยู่กับคุณตอนที่คุณเสียใจ ฉันเป็นห่วงเป็นใจคุณมันนผิดใช่มั๊ย เอรินขืนตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มตรงหน้า แววตาตัดพ้อและริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อสั่นระริก ทำให้ชานนท์อดใจไม่ไหว
เธอไม่ผิด ไม่ผิดหรอก ขอบคุณนะที่อยู่กับฉัน ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบางนุ่มทันที เอรินถึงกับเบิกตาค้างอย่างตกตะลึงกับการกระทำของชานนท์
คะ..คุณ!! จูบฉัน เอรินถึงกับไปไม่ถูกทันทีที่ชานนท์ถอนจูบบางเบาไม่ล่วงล้ำ หญิงสาวถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก ทันทีที่เห็นสายตาเยิ้มแกมขบขันของชายหนุ่มตรงหน้าที่จ้องเขม็งมายังหล่อนพร้อมกับเอ่ยกระเซ้าให้บรรยากาศดีขึ้น
หวานดีนะ..จูบของเรา
*******************************************************
เวลาผ่านไปสักพัก เอรินกับชานนท์นั่งอยู่กันคนละมุมภายในห้องสีครีมขาวด้วยท่าทีขัดเขินกว่าเคย ชานนท์นั่งเหยียดยาวพิงพนักหัวเตียงดูโทรทัศน์ไปอย่างใจจดจ่อและเหลือบมองหญิงสาวเป็นระยะๆ
ส่วนเอรินนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่างบานใหญ่กำลังขะมักเขม้นกับการเก็บภาพดูโอโมที่เห็นไม่ไกลจากทางหน้าต่างและเหลือบมองชานนท์ตอนเผลอเป็นระยะเช่นเดียวกัน
เวลาผ่านไปนานจนชานนท์รู้สึกว่ามันเปล่าประโยชน์ ชายหนุ่มจึงหาเรื่องก่อกวนก ลั่นแกล้งหญิงสาวอีกครั้ง
จะถ่ายให้หมดแบตเลยรึไง ชานนท์เอ่ยทำลายความเงียบ เอรินเหลือบมองชายหนุ่มเล็กน้อยแต่ก็ยังทำทีเป็นไม่สนใจเขา
ก็สวยนี่..อยากไปเที่ยวจัง เอรินยังคงจับจ้องไปยังดูโอโมอย่างไม่วางตา ชานนท์ลุกมายืนข้างๆเก้าอี้ที่หล่อนนั่งอยู่แล้วเอื้อมมองดูโอโมจากด้านหลังเอริน จนหญิงสาวถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นใบหน้าของชานนท์ลอยอยู่ใกล้ๆ
โอ๊ย!! คุณ จะใกล้อะไรนักหนาเนี่ย ฉันยิ่งระแวงๆอยู่นะ เอรินรีบผลุนผลันลุกขึ้นทันทีแต่เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดขาเก้าอี้เสียจนหน้าคะมำจนชานนท์ต้องคว้าตัวไว้ก่อนที่หล่อนจะล้มลงไป
แล้วจะลุกพรวดพราดทำไมเนี่ย เกือบหน้าทิ่มไปแล้วมั๊ยล่ะ ชานนท์ถึงกับโวยวายทันทีที่เอรินตั้งสติได้แล้วรีบผละออกจากเขา หล่อนได้แต่หน้าแหยอย่างเสียฟอร์มจึงรีบกลบเกลื่อน
หิวแล้วคุณ ไปหาอะไรกินกันเถอะ นะ..นะ หญิงสาวแก้เก้อด้วยการเดินนำชายหนุ่มออกมายืนรออยู่หน้าห้อง ก่อนไปยังไม่วายที่หล่อนจะโดนบ่นเช่นเคย
เธอนี่ทำอะไรรีบเร่งจนเคยตัวรึไง กินข้างล่างก็ได้ อาหารอร่อยพอใช้ได้ ชานนท์คว้ากระเป๋ากล้องใบย่อมขึ้นมาสะพายพร้อมทั้งหยิบกระเป๋าเงินมาถือไว้ก่อนจะออกจากห้อง
คุณ..แล้วเราไปเดินเที่ยวกันด้วยนะ ฉันอยากเห็นดูโอโมใจจะขาดแล้ว เอรินไม่วายกระแซะชายหนุ่มที่กำลังปิดประตูห้องอย่างเซ้าซี้เพราะความตื่นเต้น จนชานนท์หันมามองหล่อนอย่างเซ็งๆ แต่แล้วสายตาของเขาก็พลันสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง
เมื่อกี้ว่าจะไปไหนนะ น้ำเสียงฉงนของชายหนุ่มทำให้เอรินยู่ปากอย่างหมั่นไส้
ไปดูโอโม..ได้ยินชัดรึเปล่าเอรินทวนคำตอบเมื่อครู่เสียงยานคางก่อนจะตบท้ายด้วยประโยคคำถาม
งั้นกลับเข้าห้องไป...เปลี่ยนกางเกงเดี๋ยวนี้ คำสั่งเด็ดขาดของชานนท์ทำให้เอรินก้มมองดูกางเกงของตนอย่างสงสัย ยังไม่ทันจะอ้าปากถาม ชายหนุ่มก็สวนทันควัน
ใครเค้าใส่ขาสั้นเข้าวิหารกัน ไม่เคยรึไงเวลาไปวัดพระแก้วเค้ายังไม่ให้ใส่ขาสั้นรองเท้าแตะน่ะ หรือว่าร้อยวันพันปีไม่เคยเข้าวัด ชานนท์ร่ายยาวเป็นชุดๆอย่างขัดใจสาวน้อยตรงหน้า เอรินถึงกับหน้าเหวอรีบวิ่งปรู๊ดไปเปลี่ยนแทบไม่ทัน
ก็ฉันไม่รู้นี่ เสร็จแล้วๆ ไปกันเถอะคุณ หญิงสาวออกมาในชุดทะมัดทะแมงเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ห้าส่วนสีฟ้าค่อนข้างฟิต พร้อมหมวกปีกไว้สวมกันแดดใบโต
ชานนท์ได้แต่มองอย่างขัดใจเพราะมันช่างขัดกันกับตัวเขาที่ใส่ชุดสุภาพค่อนข้างเต็มยศเสียจริง เพราะที่อิตาลี หรือแม้แต่ฟลอเรนซ์ เวลาจะทานอาหารมื้อใหญ่สักมื้อโดยเฉพาะมื้อเย็น ไม่ว่าใครก็มักจะแต่งกายกันอย่างสุภาพกันไม่เว้นแม้เด็กและคนชรา ชานนท์ได้แต่มองแล้วส่ายหน้ากับชุดสบายจนเกินไปของหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเดินเคียงกันไปอย่างเซ็งๆ ไม่ได้พูดอะไรมากเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ
**************************************************
คุณ ไม่เอาร้านนี้นะ เอรินคว้าข้อมือชายหนุ่มไว้แน่นก่อนจะลากจูงให้เดินออกมาจากร้านทั้งที่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปพ้นประตูเสียด้วยซ้ำ ชานนท์ได้แต่มองอย่างขัดใจที่ถูกสาวน้อยขัดใจอีกจนได้
ร้านไหนๆก็ไม่เอา แล้วจะกินอะไร น้ำเสียงหงุดหงิดและใบหน้าเกรี้ยวกราดของชานนท์ทำให้เอรินหันรีหันขวางมองไปรอบๆอย่างตัดสินใจ
อย่าบ่นมากเลย หาอะไรกินง่ายๆเถอะ ที่นี่อะไรๆก็แพง ฉันจะช่วยคุณประหยัดอยู่นะ ไม่เข้าใจกันซะเลย เอรินเหลือบค้อนตาคว่ำใส่ชานนท์ก่อนจะเดินนำไปทางซอยแคบด้านซ้ายฝั่งที่ทะลุไปยังลานกลางแจ้งที่ผู้คนขวักไขว่
ทันทีที่ก้าวพ้นซอยแคบ เอรินถึงกับตกตะลึงกับความงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของมหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร ซึ่งเป็นที่ตั้งของดูโอโม โดมขนาดใหญ่ที่สุดในฟลอเรนซ์ และหอระฆังที่ตั้งเคียงกันกับยอดโดม หญิงสาวถึงกับเคลิ้มไปกันความใหญ่โตโอ่อ่าที่ได้เห็นกับตาตนเองตรงหน้า
คุณ..เร็วๆสิ ฉันอยากจะเห็นฟลอเรนซ์ในมุมกว้างใจจะขาดอยู่แล้วนะ ดวงตาลุกลนแฝงไว้ด้วยความซุกซนของสาวน้อยตรงหน้า ชานนท์ได้แต่มองอย่างนึกสนุกไปกับหล่อน
หาอะไรกินก่อน แล้วค่อยขึ้นไป เดี๋ยวได้ตายกลางทาง รู้มั๊ยต้องขึ้นบันไดกี่ขั้นกว่าจะถึง ชานนท์จูงมือสาวน้อยกึ่งลากกึ่งจูงให้เลี้ยวซ้ายไปอีกทางซึ่งมีร้านอาหารจำพวกคาเฟเทอเรียอยู่เป็นระยะตลอดแนว
ก็แค่สี่ร้อยกว่าขั้นเอง ไม่ตายหรอก อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลย ว่าแต่ทำไมเค้าไม่ทำลิฟท์นะคุณ จะได้ขึ้นสะดวกๆไม่ต้องเป็นลมกลางทางไปซะก่อน คำถามของเอริน ชานนท์หันกลับมามองแวบหนึ่งอย่างเซ็งๆ กับความช่างคิดที่สร้างสรรค์ของสาวน้อย
ตลกแล้ว...เหลือเชื่อจริงๆ เด็กเอ๊ย ชานนท์กระตุกมือหญิงสาวให้รีบเดินเคียงกันไป โดยเอรินหันกลับมามองดูโอโมอย่างเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้ขึ้นไปยลในทันทีอย่างใจคิด
ชานนท์และเอรินนั่งทานอาหารอิตาเลียนง่ายๆอยู่ที่โต๊ะด้านนอกของร้านซอร์จิโอบาร์ ซึ่งเป็นคาเฟ่ห้องแถวเล็กๆหน้าลานกลางเมือง ด้านหน้าร้านเต็มไปด้วยแผงลอยขายของจุกจิกนานาชนิด ชานนท์นั่งจิบกรัปป้าแก้วเล็กหลังจากทานพาสตาอบชีสหมดไปหนึ่งจาน ชายหนุ่มนั่งมองเอรินเคี้ยวแซนด์วิชตุ้ยๆอย่างชอบใจ
ฮ๊า.. อร่อยจังเลย ทำไมถึงอร่อยอย่างนี้เนี่ย หรือว่าฉันหิวก็ไม่รู้นะคุณ เอรินลูบท้องเบาๆอย่างสบายอารมณ์หลังจากกัดกินตราเมซซินี่ แซนด์วิชขนาดกลางจนหมดชิ้น แล้วตามด้วยเจลาโต้ ไอศกรีมชื่อดังที่สุดของอิตาลีถ้วยขนาดกลางอีกหนึ่งถ้วยจนหมด
กินซะพุงกาง แสดงว่าอร่อยจริง เอามั๊ยกรัปป้า ชานนท์จะรินเหล้าแก้วเล็กๆ ให้เอริน หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธด้วยไม่คุ้นเคยธรรมเนียมของอิตาลีที่หลังจากทานอาหารแล้วต้องตบท้ายด้วยเหล้านัก
ฉันขอน้ำนางเอกก็แล้วกันค่ะ เอรินยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าหวานจับใจ หล่อนรู้สึกขำไม่น้อยหลังจากที่เห็นสีหน้างงๆของเขาที่ไม่เข้าใจความหมายของมัน
อะไร น้ำนางเอก สีหน้าฉงนของชายหนุ่มทำให้เอรินถึงกับหัวเราะชอบใจ
เอ้า..ก็น้ำส้มไงคะ ก็ฉันเป็นนางเอกก็ต้องคู่ควรกับน้ำส้มน่ะสิ คุณลุง...นี่ไม่เข้าใจอะไรเล้ย หญิงสาวพูดแขวะเสร็จก็ลุกไปดูแผงลอยภาพศิลป์ที่ตั้งอยู่หน้าร้านโดยไม่สนใจสายตาที่มองมาของชานนท์อีก ชายหนุ่มได้แต่มองตามกิริยาร่าเริงราวกับเด็กได้ของเล่นถูกใจของหล่อนอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาเสียเฉยๆ
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ ชานนท์ก็เดินตรงมาหาเอรินที่กำลังเพลิดเพลินกับการดูสินค้าในแผงลอยอย่างถูกใจ แล้วยื่นน้ำส้มแก้วใหญ่แนบแก้มหล่อน พร้อมด้วยคำพูดจิกกัดนิดๆพอเป็นกระสัย
ฉันไม่ใช่ลุงเธอนะ แล้วก็อ้ะ..น้ำนางเอกได้แล้ว
โอ๊ย!!..คุณจะฆ่ากันเหรอ เย็นเฉียบเลยนะ หน้าสวยๆของฉันสะดุ้งหมด คุณๆ นี่.. ดูสิกำไลหนังถักนี่น่ารักจังเลย ฉันชอบ เอรินคว้ามือใหญ่ของชายหนุ่มลากให้มายืนดูกำไลใกล้ๆกันโดยไม่ทันคิดอะไร
ชานนท์ได้แต่มองมือของตนที่ถูกหญิงสาวกุมไว้แน่นอย่างอึ้งๆ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานานแล้ว ชานนท์ได้แต่ยืนอึ้งอย่างนิ่งงันจนเอรินสงสัยจึงหันมามอง แล้วหล่อนก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ชวนให้ใจไหวหวั่นนั้นอย่างจัง
คะ..คุณมองอะไร เอรินพูดตะกุกตะกักทันทีที่เห็นสายตานั้นที่มองมาอย่างไม่รู้ตัว
เธอเหมือนดอกกุหลาบสีชมพู ที่บริสุทธิ์ จริงใจ ใสซื่อและอ่อนเยาว์ ชานนท์พร่ำออกมาเบาๆอย่างเคลิ้มจน เอรินถึงกับอึ้งไป
กุหลาบสีชมพูเลยเหรอ หวานไปมั๊ย เอรินถามอย่างสงสัยใคร่รู้ในคำเปรียบเปรยของเขา
หวานสิ..เหมือนจูบของเราไง...จูบของเราหวานเหมือนกุหลาบสีชมพู
*************************************************** เดี๋ยวมาต่อค่ะ ^ ^
จากคุณ |
:
lovereason
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ธ.ค. 55 22:14:37
|
|
|
|