ในกระแสของภาพยนตร์ 'โหมโรง' ที่ค่อยแรงขึ้น ๆ ชื่อของ 'ณรงค์ฤทธิ์
โตสง่า' ผู้มาสวมบทบาท 'ขุนอิน' นักระนาดแห่ง เมืองบางกอก ผู้เป็น 'นักระนาด'
ทั้งในชีวิตจริงและบนแผ่นฟิล์ม โดยรับบทบาทเป็นคู่ปรับของ 'ศร' พระเอกของเรื่อง
ซึ่งมีบทในภาพยนตร์เพียงแค่ 3 ฉาก หากฝีไม้ลายมือในการตีระนาดและการสวมบทบาทนักแสดงได้อย่างสมจริง
จึงทำให้เขาได้รับการกล่าวถึงทุกครั้งที่มีการพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ และดูเหมือนความนิยมชมชอบจะก่อให้เกิดกระแส
'ขุนอินฟีเวอร์' ไปเรียบร้อยแล้ว
จะ 'ฟีเวอร์' จริงหรือไม่ มากน้อยขนาดไหน--ในวันที่เรานัดพูดคุยกับเขา ช่วงเย็นวันหนึ่ง
ณ โรงละครแห่งชาติ ด้วยเวลา เพียงแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ทำให้เราได้พบเห็นผู้คนที่มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้ามาทักทาย...
ชื่นชม... และหลั่งไหลเข้ามาขอลายเซ็นเขาไม่ขาดระยะ
ตอนนี้ถ้าพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง 'โหมโรง' คนก็จะนึกถึง 'ขุนอิน' ไปพร้อม
ๆ กัน ในฐานะที่อาจารย์รับบทเป็น 'ขุนอิน' อาจารย์รู้สึกอย่างไรคะ
รู้สึกดีครับ ผมไม่ได้คิดว่าผมโด่งดังแล้วดีใจเพราะเป็นขุนอิน แต่ผมดีใจที่ว่าผมเป็นคนพลิกให้ดนตรีไทยกลับมาอีกครั้งมากกว่า
ตอนนี้ดนตรีไทยกระแสมาแรงมากเพราะภาพยนตร์เรื่องโหมโรง คนชอบผมมากเลยตอนนี้
ชอบเพราะผมตีระนาด แต่ถ้าไม่มีระนาดคนไม่ชอบผมแน่
อาจารย์สอนดนตรีไทยอยู่ที่นครปฐม
ครับ ผมสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดห้วยจรเข้วิทยาคม ที่จังหวัดนครปฐม ตำแหน่งอาจารย์
2 ระดับ 7 และก็สอนพิเศษโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่ง
ผมไปเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ครุศาสตร์ จุฬาฯ ประมาณ ปี '36-'38
อยากให้อาจารย์เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นนักดนตรีไทยค่ะ
เกิดมาผมก็เห็นวงดนตรีไทยอยู่แล้ว ได้ยินเสียงระนาดตั้งแต่อยู่ในท้อง เท่าที่จำความได้ประมาณ
2 ขวบผมก็เริ่มตีฉิ่งฉาบแล้ว จังหวะได้แล้ว ตีออกทีวีด้วย พอสักสี่ขวบก็เริ่มตีระนาดได้แล้ว
ตอนเด็ก ๆ เวลาได้ยินเสียงระนาดแล้วมันกระทบความรู้สึกอย่างไรคะ
รู้สึกว่ามันสนุก อย่างไปดูเขาตีเวลาเขาเล่นเป็นวงนี่ อยากตี จะคิดว่าเมื่อไหร่เขาจะลุกซะทีจะไปนั่งตีแทนเขา
จะนั่งจ้องเขา แต่พอเขาลุกไปปุ๊บก็ไม่กล้าอีก อย่างเวลาเห็นเขาประชันวงกัน
ก็จะตื่นเต้นมาก ตอนผม 4 ขวบ ผม เคยตามพ่อไปดูเขาประชันที่อยุธยา โอ้โห...สนุก
ตื่นเต้นมาก กลัว กลัวพ่อจะแพ้ ตอนหลังพอมาตีเองก็รู้ว่ามันเป็นยังไง
นอกจากตีระนาดเอก อาจารย์ยังตีระนาดทุ้มด้วย
ครับ ตีทั้งระนาดทุ้มระนาดเอก ผมตีทุกชนิดละครับ ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่
วงเล็ก เพราะบ้านผมเป็นบ้านระนาด คนเรียนระนาดเยอะมาก อะไร ๆ ก็จะตีกันแต่ระนาด
บางทีจะไปโชว์งานปุ๊บไม่มีคนตีระนาดทุ้ม ผมก็ต้องไปตีระนาดทุ้ม บางทีไม่มีคนตีฆ้องเล็กผมก็จะตีฆ้องเล็กให้เขา
ตีอะไรก็ได้ ผมจะถนัดทุกชนิดเลยขอให้เป็นเครื่องตี ยกเว้นขิม ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าผมตีได้ทุกชิ้น
และทุกชิ้นที่ตีผมอยู่แนวหน้าหมด
สไตล์การตีระนาดของอาจารย์จะดุดันเหมือนในหนังไหมคะ
ไม่เหมือนครับ สไตล์ผมจริง ๆ จะแบบไหว ร่อน พลิ้ว ผมจะชอบตีแบบเบา ๆ ไม่หนัก
จะเป็นความคล่องตัว
การเป็นนักระนาดต้องฝึกซ้อมอย่างไรคะ
สมัยเด็ก ๆ ผมจะตื่นตีห้า บางทีก็เจ็ดโมง ตื่นมาก็ซ้อม เย็นกลับมาก็ซ้อมอีก
เช้าเป็นการฝึกกำลัง เย็นเป็นการซ้อมต่อเพลง ทบทวนเพลง
ช่วงวัยรุ่น อาจารย์มีชีวิตแบบวัยรุ่นเหมือนเพื่อน ๆ วัยเดียวกันไหมคะ
เหมือนครับ ผมชอบเตะฟุตบอล แต่ผมก็รู้ว่าผมเป็นใคร ทำอะไรอยู่ ผมเป็นนักระนาด
ผมก็จะไม่หักโหม กลัวแขนหักแล้วตีระนาดไม่ได้ จะรู้จักเล่นครับ
ตอนเด็ก ๆ อาจารย์เคยฝันอยากเป็นนักฟุตบอลบ้างไหมคะ
ใช่ แต่สายเลือดผมมาเป็นแบบนี้ ถ้าผมไม่มีสายเลือดนักดนตรีคิดว่าผมคงเป็นนักฟุตบอล
แต่ก่อนก็ดูฟุตบอลอังกฤษ เมื่อก่อนยังไม่ชอบ แมนยูฯ แต่ตอนนี้ชอบเบคแฮม เก่งมาก
แล้วการเลี้ยงดูลูกแบบครอบครัวนักดนตรีไทยเป็นอย่างไรคะ
ที่บ้านผมคุณพ่อจะเลี้ยงลูกศิษย์เอาไว้ อยู่ที่บ้านกินอยู่ด้วยกัน พอพ่อผมเสียชีวิตผมก็ทำต่อ
ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม มีเด็กหัดมาเป็นรุ่น ๆ ไป คือกินอยู่ด้วยกัน เป็นวงเป็นหมู่คณะ
อยู่ด้วยกัน 10 กว่าคน เป็นเด็กที่มาเรียนระนาดเพื่อเป็นอาชีพ มีงานก็ไปด้วยกัน
ได้เงินด้วย
อาจารย์ทำอย่างไรในการเป็นผู้สืบสานวงดนตรีไทยต่อจากคุณพ่อคะ
คุณพ่อผมเสียตอนที่ผมอายุประมาณ 29-30 ครับ เรื่องการสานต่อมันจะยากในเรื่องการดำรงชีวิต
หมายถึงว่าจะเอาอะไรกินกันเพราะเป็นครอบครัวใหญ่ ภาระจะตกอยู่ที่ผม ผมต้องหาเงินมาเดือนหนึ่งก็ประมาณ
3 หมื่น บางเดือนมีงานเยอะก็พอ บางเดือนก็ไม่พอ บางเดือนก็จะเหลือ จะต้องรู้จักเก็บไว้กินตอนหน้างานน้อย
ก่อนหน้านี้อาจารย์เคยท้อไหมคะกับอาชีพนักดนตรีไทย ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะไม่ได้รับการยอมรับเท่าตอนนี้
ผมไม่เคยท้อนะครับ ถ้าคนเป็นดนตรีไทยโดยสายเลือด หมายถึงว่าพ่อแม่เป็น ลูกเป็น
คนเหล่านี้จะไม่มีการท้อ ไม่ใช่ผมคนเดียวนะ ใครไม่ฟังก็จะรู้สึกก็เรื่องของเขา
เราจะเล่นของเรา ไม่เกี่ยวกับกระแส
ครอบครัวอาจารย์สืบสานงานดนตรีไทยต่อกันมากี่รุ่นแล้วคะ
ตั้งแต่ปู่ทวดแล้วครับ ถ้าผมมีลูกก็ต้องให้ลูกสืบสานต่อ
ได้วางแผนเรื่องจะมีครอบครัวไว้แล้วไหม
จ ริง ๆ ต้องมีแล้ว อยากจะมีตั้งนานจนไม่อยากจะไม่มีแล้ว ยังไงก็ต้องมีครับ
ถ้าบอกไม่มี เดี๋ยวก็หาว่าผมเป็นเกย์อีก ลูกศิษย์ผมเยอะมากนะ เวลาไปไหนผมจะเดินแต่กับเด็กผู้ชาย
กลัวเหมือนกัน พอเริ่มดังแล้วไปกับเด็กผู้ชายเริ่มกลัวเพราะผมไม่เคยไปไหนกับแฟน
ถ้าคนอยากไปเรียนกับอาจารย์จะต้องทำอย่างไรคะ
ส่วนใหญ่เด็กที่ไปเรียนกับผมจะไปเรียนเพื่อเป็นอาชีพ เอาจริงเอาจัง บางคนพ่อมีวงก็ส่งมาเรียนอยากให้ลูกเก่ง
ตอนนี้ก็มีคนเรียกร้องมา ผมก็ตั้งใจว่าจะเปิดโรงเรียนสอน จะเปิดตามห้างฯนี่แหละ
มีคนจะจัดการให้แล้ว ผมจะบริหารงาน ดำเนินงาน คิดว่าประมาณกลาง ๆ ปีน่าจะเปิดได้
เพราะถ้าจะให้ไปเรียนที่บ้าน บ้านผมก็ไกลมาก
กับในวงการภาพยนตร์ ถ้าเป็นภาพยนตร์ที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีไทย หลังจากนี้ผู้ชมจะมีโอกาสเห็นอาจารย์แสดงอีกไหมคะ
คงมี ก็ติดใจนะ สนุกดี แต่ผมไม่ได้ซีเรียสนะ มันเป็นงานอดิเรกของผม อีกอย่างผมเป็นข้าราชการซึ่งผมคงอยู่อีก
6-7 ปีก็คงจะเกษียณแล้ว แต่ผมจะทำประโยชน์ให้วงการศึกษา ผมมีโปรเจกต์ของผมที่จะทำการขับร้องไทย
ๆ รูปแบบบูรณาการ คือร้องเพลงไทยเดิมเหมือนเดิม แต่แทนที่ดนตรีจะเป็นระนาดอย่างเดียวก็เป็นไลน์สตริง
สากล เป็นไลน์ไวโอลิน แต่ร้องแบบเดิมเลย ส่วนเรื่องผลงานอัลบั้มเร็ว ๆ นี้ผมจะมีงานออกมาอีกชุดชื่อ
'ขุนอิน ระนาดบางกอก' ออกมา และจะมีพิเศษเป็นเดี่ยวระนาดเชิดนอกที่พิฆาตเจ้าศรที่เจ้าศรแพ้ในเรื่องอยู่ด้วย
"วันนี้ผมจะพยายามทำให้กระแสขุนอินอยู่ได้ยาวนานที่สุด ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อความดังของตัวเอง
หากแต่เพื่อจะให้คนไทย หันมาสนใจและรักดนตรีไทย... อย่างน้อยก็สักช่วงหนึ่งของชีวิต"
:: อ่านต่อในฉบับ ::
Source : รัชชา
:: กลับไปหน้าหลัก ::
|