Box Office สุดสัปดาห์ที่ 13 - 15 ธันวาคม 2545
(updated ประมาณบ่ายวันอังคารของทุกสัปดาห์)


หนัง romantic comedy ของ Jennifer Lopez เรื่อง Maid In Manhattan ครองอันดับหนึ่งหนังทำเงินสุดสัปดาห์นี้ ตามมาติดๆ ด้วยภาคที่ 10 ของหนัง Sci-Fi ชุดยาวในตอน Star Trek: Nemesis ในขณะที่หนังเกี่ยวกับวงดุริยางค์อย่าง Drumline มาเป็นอันดับสามแบบเหนือความคาดหมาย

J. Lo กลับมาฮิตในวงการหนังอีกครั้งกับ Maid In Manhattan หนังแนวรักเบาสมองจาก Sony ที่เธอแสดงคู่กับ Ralph Fiennes กำกับโดย Wayne Wang (Anywhere But Here, The Joy Luck Club) เขียนบทและอำนวยการสร้างโดย John Hughes ด้วยรายได้ $18.7M ซึ่งเป็นตัวเลขหนังเปิดตัวได้ดีที่สุดของเธอ หนังเปิดฉายในจำนวน 2,838 โรง ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงออกมาแบบเแน่นๆ ถึง $6,593 สถิติหนังเปิดตัวของ Jennifer Lopez เคยทำไว้ $17.5M โดย The Cell เมื่อปี 2000

Maid In Manhattan เป็นเรื่องของสาวใช้หัวใจแมนฮัตตัน ที่ตกหลุมรักนายจ้างสุดหล่อ แถมยังรวยแบบสุดๆ Sony ฉีกแนวมาเปิดตัวหนังแนวรักเบาสมองเรื่องนี้ ในช่วงกลางเดือนธันวาคม และคาดหวังว่า รายได้คงไปได้สวย เช่นเดียวกับที่หลายเรื่องก่อนหน้านี้ทำได้ เช่น You've Got Mail เมื่อปี 1998 เปิดตัวด้วยรายรับ $18.4M ก่อนจะไปหยุดที่ $115.8M และ What Women Want เมื่อปี 2000 เปิดตัวอย่างมโหฬารที่ $33.6M และไปได้ถึง $182.8M (ทั้ง 2 เรื่องทำรายได้รวมไปประมาณ 6 เท่าตัวของรายได้สุดสัปดาห์แรก !) สำหรับในไทย โปรแกรมฉายวางไว้ 7 มีนาคมโน่น

อันดับสอง Star Trek: Nemesis เปิดตัวตามหลังแชมป์มาแบบติดๆ Paramount เปิดฉายตอนที่ 10 ของหนัง sci-fi (ซึ่งห่างจากภาค 9 ถึง 4 ปี) ที่มีแฟนพันธุ์แท้ตามดูอย่างต่อเนื่องเรื่องนี้ ในจำนวน 2,711 โรง ทำรายได้ออกมา $18.5M ซึ่งต่ำกว่าทุกตอนที่ผ่านมาในอดีต หนังกำกับโดย Stuart Baird (U.S. Marshals, Executive Decision) แสดงนำโดยทีมลูกเรือยานเอนเตอร์ไพรซ์จาก The Next Generation ฉบับโทรทัศน์ เมื่อเทียบกับตอนที่ผ่านมา Insurrection เปิดตัวด้วยรายได้ $22.1M เมื่อปี 1998, First Contact เปิดตัวที่ $30.7M เมื่อปี 1996 และ Generations เปิดตัวได้ $23.1M เมื่อปี 1994 รายได้เฉลี่ยต่อโรงของ Star Trek: Nemesis ทำได้เพียง $6,829 ซึ่งน้อยกว่าที่ Paramount คาดไว้มาก สัปดาห์หน้ารายได้คงหล่นแบบฮวบฮาบ เนื่องจากโดน The Lord of The Rings: The Two Towers ตามบี้ และเป็นปกติของหนังแนว Sci-Fi ที่จะร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่สอง กรณีนี้บรรดา Trekker คงตีตั๋วดูไปในสัปดาห์แรกจนหมดแล้ว จะร่วงลงแค่ไหนต้องตามดู ส่วนในไทย วางโปรแกรมไว้ 28 กุมภาพันธ์

อันดับสาม พาเหรดเข้าสนามแบบสวยงามเกินคาด หนังดราม่าเบาสมองเรต PG-13 เกี่ยวกับการแข่งขันดุริยางค์เรื่อง Drumline จากค่าย Fox แสดงนำโดย Orlando Jones, Nick Cannon, Zoe Saldana ทำรายได้ไปถึง $12.6M จากจำนวนแค่ 1,836 โรง ตัวเลขเฉลี่ยต่อโรงเลยสูงถึง $6,865 ซึ่งสูงที่สุดใน top-20 ผู้ชมและนักวิจารณ์เทคะแนนความสนุกให้หนังอย่างเต็มที่ คาดว่าคงจะยังไปได้สวยอีกหลายสัปดาห์ ด้วยกระแสปากต่อปาก

อันดับสี่ แชมป์เก่าสองสัปดาห์ (ไม่ติดกัน) อย่างสายลับ เจมส์ บอนด์ จาก MGM ในตอนที่ชื่อว่า Die Another Day ซึ่งกำลังลงโรงในไทย ในที่สุดหนังเรื่องนี้ ก็กลายเป็นหนังชุด James Bond ที่ทำรายได้สูงที่สุดไปแล้ว หลังจากโลดแล่นบนจอเงินมานานถึง 40 ปี สัปดาห์นี้เก็บไปอีก $7.8M ฉายมา 24 วันทำรายได้รวมไป $131.9M เป็นการทำลายสถิติเก่าที่ตอนที่ 19 คือ The World Is Not Enough ทำไว้ $126.9M ทั้งนี้ยังไม่ได้คิดราคาค่าตั๋วและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งแชมป์ตัวจริงน่าจะเป็นของหนังบอนด์ในยุค 60 ที่แสดงโดย Sean Connery อย่าง Thunderball และ Goldfinger ซึ่งทำเงินแบบถล่มทลายในยุคนั้น สำหรับในตลาดโลก Die Another Day ทำรายได้รวมไปแล้วอีก $115M

หนังใหม่แนวถนัดของ Rob Schneider เรื่อง The Hot Chick เปิดตัวได้ไม่สดใสเท่าที่ควร โดยทำรายได้มาที่อันดับ 5 ด้วยเงิน $7.4M ในจำนวน 2,217 โรง เฉลี่ยต่อโรงออกมาแค่ $3,338 หนังเบาสมองเรื่องนี้จัดจำหน่ายโดย Buena Vista เป็นเรื่องของหญิงสาวสวยสุดเซ็กซี่ ต้องอยู่ในร่างชายวัยสามสิบกว่าๆ แถมยังหน้าตาสุดเห่ยอย่าง Rob Schneider กำกับโดยผู้กำกับ The Animal และ Deuce Bigalow: Male Gigolo แต่ทำรายได้ออกมาห่างไกลอย่างผิดคาด เพราะทั้งสองเรื่องเปิดตัวด้วยรายรับมากถึง $12.2M และ $19.6M ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม หนังแนวนี้คนไทยคงชอบ มีกำหนดฉาย 24 มกราคมนี้

Harry Potter and the Chamber of Secrets ร่วงจาก top-5 ในสัปดาห์ที่ห้าของการฉาย โดยหล่นจากอันดับ 3 มาอยู่ 6 ทำเงินไปอีก $6.3M หรือลดลง 37% จากสุดสัปดาห์ที่แล้ว Warner Bros. เก็บไปแล้ว $222.6M และขึ้นไปติดอันดับ 32 ของหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอเมริกาเหนือ ตามหลังหนังตลกสุดฮิต Rush Hour 2 ที่ทำสถิติไว้ $226.1M คาดว่า Harry Potter and the Chamber of Secrets คงไปหยุดรายได้ในโรงใหญ่ที่ตัวเลขประมาณ $255M น้อยกว่าภาคแรก Harry Potter and the Sorcerer's Stone ที่ทำไว้ $317.6M ถึง 19% ซึ่งก็ยังนับว่าดีแล้วสำหรับหนังภาคต่อ สำหรับในตลาดโลก หนังทำเงินทะลุหลัก $300M ไปแล้วเรียบร้อย

หนังภาคต่ออีกเรื่อง จากค่าย Warner Bros. เหมือนกัน แต่เป็นหนังแนวตลกเกี่ยวกับมาเฟียและจิตแพทย์คือเรื่อง Analyze That ไปได้ไม่สวยเหมือนภาคแรก รายได้ในสัปดาห์ที่สองของการฉายร่วงลงถึง 50% คือได้ไปอีก $5.5M หลังจากที่ออกสตาร์ทอย่างน่าผิดหวังไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน หนังเรื่องนี้ ยังคงเป็นฝีมือของผู้กำกับคนเดิมคือ Harold Ramis แสดงนำโดยคู่เดิมคือ Robert De Niro และ Billy Crystal ฉายมา 10 วันเพิ่งเก็บไปได้เพียง $19.8M ในขณะที่ภาคแรก Analyze This เมื่อปี 1999 เก็บไปได้แล้วถึง $39.9M คาดว่า Analyze That คงไปได้แค่ประมาณ $35M หรือเพียง 1 ใน 3 ของภาคแรกที่ทำเงินอย่างน่าประทับใจถึง $106.8M หนังมีกำหนดลงโรงในไทย 10 มกราคมนี้

หนังภาคต่ออีกเรื่อง แต่เป็นของค่าย Disney อย่าง The Santa Clause 2 แสดงนำโดย Tim Allen เจ้าเก่า คงได้แรงหนุนจากเทศกาล แม้จะร่วงจากอันดับ 6 มาอยู่ 8 แต่รายได้ลดลงน้อยกว่าใครใน top-10 คือแค่ 24% ได้เงินไปอีก $4.1M รวม 7 สัปดาห์กวาดไปแล้ว $125.4M คาดว่าอาจจะไปได้ถึงหลัก $140M โน่น พอๆ กับภาคแรกที่ทำรายได้รวมไปถึง $144.8M เมื่อปี 1994

ในทางกลับกัน หนังแอนิเมชั่นจาก Treasure Planet กลับไม่ประสบความสำเร็จ สัปดาห์นี้รายได้ร่วงลง 44% ได้ไปอีก $3.1M ฉายมา 19 วันหรือ 3 สัปดาห์ ทำเงินไปได้เพียง $27.9M คาดว่าคงไปได้แค่ประมาณ $35-40M ปิดท้ายอันดับสิบ ด้วยหนังดราม่าแนวอาชญากรรมจาก Universal เรื่อง Empire ที่แสดงโดย John Leguizamo, Denise Richards, Isabella Rossellini เก็บไปอีก $3M ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 53% รวม 10 วันทำเงินไปแล้ว $10.9M คาดว่าคงไปได้ถึง $20M

หนังอินดี้สุดฮิต My Big Fat Greek Wedding ยังเดินหน้าสร้างสถิติไปเรื่อยๆ สัปดาห์นี้อยู่ที่อันดับ 12 ทำรายได้ไปอีก $1.7M ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้วเพียง 15% รวมรายได้ล่าสุด $215.6M จากที่ยืนโรงมานานถึง 35 สัปดาห์

หนังหวังกล่องจากค่าย New Line ที่แสดงนำโดย Jack Nicholson เรื่อง About Schmidt เปิดตัวแบบชิมลางได้ไป $282,367 จากแค่ 6 โรงใน New York, Omaha และ Los Angeles เฉลี่ยต่อโรงออกมาสูงลิ่วถึง $47,061 หนังเรื่องนี้เพิ่งได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก Los Angeles Film Critics Association มาหมาดๆ กำลังเป็นตัวเก็งเข้าชิงรางวัลอีกหลายสถาบัน

หนังดราม่าเบาสมองจาก Sony เรื่อง Adaptation กำกับโดย Spike Jonze (Being John Malkovich) แสดงโดย Nicolas Cage, Meryl Streep, Chris Cooper เก็บไปอีก $277,184 จากแค่ 7 โรงเท่าเดิม ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 29% เฉลี่ยต่อโรงออกมาสูงถึง $39,598 Sony เก็บไปแล้ว $858,055 จากที่ฉายนาน 10 วัน

หนัง 4 เรื่องที่หลุดจาก top-10 ไปก็คือเรื่องแรก Adam Sandler's 8 Crazy Nights รายได้ร่วงรวดเดียว 63% ได้ไปอีก $1.8M รวมรายได้ $22.6M จาก 3 สัปดาห์ , หนังตลกเรื่อง Friday After Next ของ New Line กวาดไปแล้ว $31.1M คาดว่าจะไปหยุดแถวๆ $34M โน่น

ส่วนอีกสองเรื่องคือ The Ring หนังสยองขวัญของ DreamWorks ที่กวาดไปแล้ว $125.4M จาก 9 สัปดาห์ คาดว่าจะไปจบที่ตัวเลขประมาณ $130M และอีกเรื่อง หนังดราม่าที่แสดงโดย Eminem คือ 8 Mile เก็บไปอีก $1.4M ลดลง 47% จากสัปดาห์ที่แล้ว รวมรายได้จากที่ฉายนาน 6 สัปดาห์ $113.4M ทั้งสองเรื่องมีคิวฉายในไทย เดือนมกราคมปีหน้านี้

หนังเข้าใหม่สุดสัปดาห์หน้า สิ้นสุดการรอคอยเมื่อตอน 2 ของมหากาพย์ The Lord of The Rings: The Two Towers ออกสตาร์ทก่อนตั้งแต่พุธที่ 18 ธันวาคม ตามด้วยวันศุกร์สุดสัปดาห์ Gangs of New York หนังดราม่าแนวอาชญากรรม นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio, Daniel Day-Lewis, Cameron Diaz และ Liam Neeson ฝีมือกำกับของ Martin Scorsese, Two Weeks Notice หนัง romantic comedy ระหว่างทนายสาวเจ้าอารมณ์ กับลูกความสุดหล่อ นำแสดงโดย Sandra Bullock, Hugh Grant กำกับโดย Marc Lawrence (ผู้เขียนบท Miss Congeniality, Forces of Nature) และอีกเรื่อง The Wild Thornberrys หนังแอนิเมชั่นแนวผจญภัยสำหรับครอบครัว จากซีรีส์ยอดฮิตทาง Nickelodeon ของParamount Pictures


ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 13 - 15 ธันวาคม 2545

# Title Dec 13 - 15  Dec 6 - 8  % Chg.  Theaters  Weeks  AVG  Cumulative  Distributor 
1 Maid in Manhattan $ 18,711,407 2,838  1 $ 6,593  $ 18,711,407 Sony
2 Star Trek: Nemesis 18,513,305 2,711  1 6,829  18,513,305 Paramount
3 Drumline 12,604,705 1,836  1 6,865  12,604,705 Fox
4 Die Another Day 7,785,055 12,843,007 -39.4 3,377  4 2,305  131,851,422 MGM
5 The Hot Chick 7,401,146 2,217  1 3,338  7,401,146 Buena Vista 
6 Harry Potter and the Chamber of Secrets 6,324,387 10,086,264 -37.3 3,025  5 2,091  222,619,375 Warner Bros. 
7 Analyze That 5,467,471 11,034,422 -50.5 2,635  2 2,075  19,779,760 Warner Bros. 
8 The Santa Clause 2 4,051,966 5,327,205 -23.9 2,207  7 1,836  125,424,182 Buena Vista 
9 Treasure Planet 3,102,173 5,547,431 -44.1 2,192  3 1,415  27,905,575 Buena Vista 
10 Empire 2,963,290 6,281,415 -52.8 869  2 3,410  10,883,390 Universal
11 Eight Crazy Nights 1,785,832 4,854,255 -63.2 2,177  3 820  22,552,415 Sony
12 My Big Fat Greek Wedding 1,704,285 2,013,029 -15.3 1,230  35 1,386  215,640,319 IFC Films 
13 8 Mile 1,354,575 2,548,975 -46.9 1,375  6 985  113,357,310 Universal
14 The Ring 1,344,695 2,519,379 -46.6 1,282  9 1,049  125,358,069 DreamWorks
15 Friday After Next 1,259,953 2,800,165 -55.0 1,104  4 1,141  31,077,567 New Line 
16 Frida 868,088  1,251,136 -30.6 498  8 1,743  18,478,584 Miramax
17 They 835,060  2,346,792 -64.4 1,271  3 657  12,224,342 Miramax
18 The Emperor's Club 770,325  1,545,405 -50.2 694  4 1,110  12,962,995 Universal
19 Far From Heaven 722,430  945,818  -23.6 270  6 2,676  7,981,302 Focus
20 Bowling for Columbine 562,410  629,154  -10.6 234  10 2,403  13,769,089 MGM/UA

เรียบเรียงจาก : Weekend Box Office โดย Box Office Guru

ข้อมูลเพิ่มเติม :

top