Box Office สุดสัปดาห์ที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2543
(updated ประมาณบ่ายวันอังคารของทุกสัปดาห์)


box office สุดสัปดาห์นี้มาล่ากว่าปกติ 2 วัน เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 5 วันในช่วง Independence Day ซึ่งยังคงเป็นช่วงทำเงินของหนังหลายเรื่องเช่นเคย โดย box office สุดสัปดาห์นี้เป็นทีของ Warner Bros. ได้เฮบ้าง อันดับหนึ่งนำลิ่วมาคือหนังแอ็คชั่นผจญภัย The Perfect Storm ที่พาคนดูไปลุ้นระทึกกับพายุเฮอริเคนกลางทะเลกว้าง หนังทำเงิน 5 วันนี้ไปถึง $62.7M จากวันศุกร์ถึงวันอังคาร ส่วน The Patriot หนังเกี่ยวกับสงครามอังกฤษของค่าย Sony ที่ปลุกเลือดรักชาติของอเมริกันชน ในช่วงเทศกาลวันชาติพอดี ถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นอันดับหนึ่ง แต่ก็ทำเงินมหาศาลเช่นกัน ด้วยรายได้ $35.2M จากช่วง 5 วันเดียวกัน เฉพาะหนังอันดับ 1 และ 2 บนตาราง box office สุดสัปดาห์นี้ ก็กวาดเงินไปแล้วเฉียดร้อยล้าน ในเวลาแค่ 5 วันเท่านั้น หลังจากที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอเมริกาซบเซามาหลายเดือน

อันดับหนึ่ง box office สุดสัปดาห์วันชาติ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว 5 วันของอเมริกันชน เป็นของ The Perfect Storm จากค่าย Warner Bros. เปิดฉายในจำนวน 3,407 โรง ทำรายได้เฉลี่ยจากช่วง 5 วันนี้ไปถึง $18,415 และเมื่อคิดจากรายได้ 3 วัน ตามมาตรฐานการเปรียบเทียบ box office หนังทำเงินไป $41.3M (หรือเฉลี่ย $12,129 ต่อโรง) นับเป็นหนังที่เปิดตัวสัปดาห์แรก ด้วยรายได้สูงที่สุดของ George Clooney ไม่นับ Batman and Robin หนังตระกูลมนุษย์ค้างคาวเมื่อปี 1997 The Perfect Storm ดัดแปลงจากหนังสือขายดีที่เขียนจากประสบการณ์จริง The Perfect Storm เรื่องราวการผจญภัยกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ของชาวประมงกลุ่มหนึ่งในเรือชื่อ Andrea Gail แต่ต้องไปเจอกับพายุเฮอริเคนลูกใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยพบมาในประวัติศาสตร์ หนังนำแสดงโดย George Clooney, Mark Wahlberg, และ John C. Reilly ร่วมด้วย Diane Lane, Mary Elizabeth Mastrantonio กำกับโดย Wolfgang Petersen (Air Force One, Das Boot) หนังเรื่องนี้วางโปรแกรมฉายในไทยไว้ 18 สิงหาคม

รายงานข่าวว่า The Perfect Storm ลงทุนสร้างไประหว่าง $120-140M โดยประมาณ นับเป็นหนังที่เปิดฉายด้วยจำนวนโรงสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ รองจาก Mission: Impossible 2 และ Scream 3 ที่ใช้โรงไป 3,653 และ 3,467 ตามลำดับ แต่สำหรับ Warner Bros. เองแล้ว The Perfect Storm ทำรายได้สูงที่สุดจากการเปิดฉายสัปดาห์แรก (ไม่นับหนังตระกูลมนุษย์ค้างคาว) และอยู่ในระดับเดียวกับหนังเกี่ยวกับภัยธรรมชาติอีกเรื่องเมื่อปี 1996 คือ Twister ที่ทำรายได้สัปดาห์แรกไป $41.1M (รายได้ใกล้เคียงกันมาก แต่พายุทอร์นาโดเปิดฉายในจำนวนโรงน้อยกว่าร่วมพันโรง)

และเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ Mel Gibson ไม่อาจครองอันดับหนึ่ง box office ได้ รวมวันหยุด 5 วัน ศุกร์ถึงอังคาร The Patriot ทำเงินไป $35.2M จากจำนวน 3,061 โรง หรือกว่า 5,000 ก็อปปี้ เฉลี่ยต่อโรง $11,510 (คิดที่ 5 วัน) หนังเปิดฉายตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ล่วงหน้าหนังเรื่องอื่นในสุดสัปดาห์เดียวกันถึง 2 วัน รายได้รวมจากวันแรกที่ฉายคือวันพุธ ทำเงินไปแล้ว $44.5M ส่วนรายได้ 3 วัน จากศุกร์ถึงอาทิตย์ ทำไปได้ $22.4M เฉลี่ยต่อโรง $7,322

ความหวังของ Sony ในปีนี้ ตกอยู่ในเงื้อมมือของ Mel Gibson, The Patriot จากค่าย Sony ซึ่งมีแนวคล้าย Braveheart ที่เกิดขึ้นในปี 1776 แต่ย้ายมาที่อเมริกาแทน หนังสงครามปลุกใจอเมริกันชนเรื่องนี้ กำกับโดย Roland Emmerich (Independence Day, Godzilla) สร้างโดย Dean Devlin โดย Mel Gibson รับบทคุณพ่อลูกดก อดีตวีรบุรุษสงครามฝรั่งเศสและศึกอินเดียนแดง ที่จำต้องกลับเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้งในสงครามอังกฤษ เพื่อช่วยลูกชาย และปลดปล่อยอิสรภาพของอเมริกา ที่แสดงโดยดาราหนุ่มอนาคตไกล Heath Ledger ร่วมด้วย Joely Richardson, Jason Isaacs

อันที่จริงแล้ว หนังที่มีเนื้อหาแบบนี้น่าจะเหมาะกับเทศกาล Independence Day ซึ่งคนดูจะมีอารมณ์ร่วมได้ อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ด้วยความที่หนังมีความรุนแรงของสงครามปรากฏอยู่มาก จึงทำให้ได้เรต R ไป มีผลให้คนดูส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงและเด็ก ต้องหันกลับไปเลือกดูหนังเรื่องอื่นแทน รวมกับการที่หนังมีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งทำให้ฉายได้น้อยรอบกว่าในแต่ละวัน รายได้หนังจึงโดน The Perfect Storm ทิ้งห่างขนาดนี้ แต่ก็ยังได้ในระดับสมน้ำสมเนื้อ หนังเรต R เรื่องก่อนๆ ของนักแสดงคนเก่งผู้นี้คือ Ransom, Lethal Weapon 4 และ Lethal Weapon 3 ก็ทำเงินสุดสัปดาห์แรกได้ในระดับ $33-35M เช่นกัน ส่วน Braveheart เมื่อปี 1995 เปิดตัวสัปดาห์แรกด้วยตัวเลขเพียง $12.9M จาก 4 วันในช่วงเดียวกันนี้ และไปหยุดที่ $75.6M ทาง Sony Pictures ผู้จัดจำหน่ายรายงานว่า ผู้ชมจำนวน 2 ใน 3 มีอายุมากกว่า 25 ปี และมีชายกับหญิงในจำนวนใกล้เคียงกัน และนักวิจารณ์ให้ความเห็นถึงตัวหนังว่าดีมาก จึงคาดว่าหนังน่าจะได้รับความนิยม จากกระแสชื่นชมแบบปากต่อปากในสัปดาห์ถัดๆ ไป และจากการที่ในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า มีแต่หนังที่ไม่ได้มุ่งมาที่คนดูกลุ่มเดียวกัน เช่น Scary Movie, Disney's The Kid และหนังฟอร์มใหญ่อีกเรื่องของปีนี้ X-Men ซึ่งเล็งกลุ่มเป้าหมายคนดูที่มีอายุน้อยกว่า 25 จึงพอจะมีความหวังจะตีตื้นขึ้นมาได้บ้าง

รายได้ของ The Patriot อยู่ประมาณครึ่งเดียวของ The Perfect Storm มาตลอด ทั้งที่หลายฝ่ายประมาณการว่า ตัวเลขรายได้ของทั้ง 2 เรื่องนี้ จะไม่ทิ้งห่างกันมากนัก โดยดูจากผลการสำรวจความสนใจระหว่างหนังทั้ง 2 เรื่อง และเก็งกันว่า The Patriot น่าจะชนะ The Perfect Storm ด้วยซ้ำไป เพราะมีดาราที่น่าจะดึงดูดผู้ชมได้มากกว่า แต่พอถึงโรงหนัง กลายเป็นว่าผู้ชมเลือกที่จะจ่ายเงินให้ The Perfect Storm ก่อน, ผู้จัดจำหน่ายวางโปรแกรมฉาย The Patriot ในเมืองไทยไว้ 1 กันยายนนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมของหนังดูได้ที่นี่

หนังตลกเรื่องล่าสุดของพระเอกหน้ายาง Jim Carrey, Me, Myself & Irene ผลงานของสองพี่น้อง Farrelly ทุนสร้าง $52M โดยค่าย Fox รายได้ลดวูบลง ตกมาจากอันดับ 1 ลงมาอยู่อันดับ 3 ทำรายได้ไป $19.4M จากสุดสัปดาห์ 5 วัน หรือ $13.3M จากสุดสัปดาห์ 3 วัน ลดลงถึง 45% จากสุดสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับช่วงวันศุกร์ถึงอาทิตย์ด้วยกัน ผ่านไป 12 วัน ทำเงินไปแล้ว $55.3M และคงจะไปจบโปรแกรมบนจอเงินที่ตัวเลขประมาณ $75-85M ตอนนี้กำลังฉายในเมืองไทย

ที่ประคองตัวเองได้ดีกว่าใครเพื่อน ก็เห็นจะเป็น Chicken Run จาก DreamWorks ที่ได้เพิ่มโรงอีก 360 โรง ถึงจะตกจากอันดับ 2 มา 4 ในการฉายเป็นสัปดาห์ที่สอง แต่ก็ทำรายได้ไปอีก $21.4M จากช่วง 5 วัน หรือ $13.2M จากสุดสัปดาห์ 3 วัน ลดลงเพียง 25% เมื่อเทียบกับสุดสัปดาห์ 3 วันด้วยกัน อาจจะเป็นเพราะหนังได้เรต G ซึ่งเข้าถึงคนดูได้ทุกเพศทุกวัย รวม 12 วันฟันไปแล้ว $49.8M คาดว่าน่าจะไปได้ถึงเฉียดทะลุร้อยล้าน..

The Adventures of Rocky and Bullwinkle หนังอนิเมชั่นที่ใช้เทคนิคแสดงกับคนบนจอเดียวกัน (แนวเดียวกับ Who Framed Roger Rabbit? เมื่อ 12 ปีก่อน) ทุ่มทุนสร้างสูงลิบลิ่วไป $76M โดยค่าย Universal เป็นงานเก่าสุดฮิตจากจอโทรทัศน์เมื่อปี 1960 นำมาสร้างใหม่โดย Robert De Niro ที่แสดงเอง ร่วมด้วย Rene Russo และ Jason Alexander เรื่องของกระรอกบินได้ กับกวางมูซอารมณ์ดี เปิดฉายสุดสัปดาห์นี้เช่นกัน ชนกับฝูงไก่โดยตรง ก็เลยทำรายได้ไม่เป็นที่น่าพอใจนัก ทำเงินได้เพียงอันดับ 5 ด้วยรายรับ $10.3M จากช่วง 5 วัน ศุกร์ถึงอังคาร ในจำนวน 2,458 โรง ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงไปแค่ $4,205 เมื่อดูรายได้ 3 วันตามมาตรฐาน box office พบว่าทำเงินไปเพียง $6.8M เฉลี่ยต่อโรง $2,770 เท่านั้น ได้รับการตอบรับที่เงียบเหงา เช่นเดียวกับ The Flintstones in Viva Rock Vegas, Titan A.E. และ Fantasia 2000 ฉบับ 35 มม. ที่กำลังอยู่ในโปรแกรม คนไทยจะได้ดูกระรอกกับกวางมูซคู่นี้ ราวกลางเดือนสิงหาคมนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมของหนังดูได้ที่นี่

หนังแอ็คชั่นรีเมคแนวอาชญากรรมจาก Paramount, Shaft นำแสดงโดย Samuel L. Jackson ฉายเป็นสัปดาห์ที่ 3 ตกจากอันดับ 3 มาอยู่ 6 ทำรายได้สุดสัปดาห์นี้ไป $9.7M จากช่วง 5 วัน หรือ $6.7M จากช่วง 3 วัน รายได้เมื่อเทียบกัน 3 วันกับของสุดสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 48% รวม 19 วันฟันไปแล้ว $56.5M ส่วนหนังตลกของ Martin Lawrence, Big Momma's House จากค่าย Fox ตกจากอันดับ 5 มาอยู่ 7 ทำเงินไปอีก $8.8M จาก 5 วัน หรือ $6.1M จาก 3 วัน รวมรายได้ 5 สัปดาห์ $98.1M อันดับ 8 เป็นของหนังแอ็คชั่นสร้างใหม่ ที่ตอนนี้กำลังฉายอยู่ในเมืองไทย, Gone in 60 Seconds ผลงานสร้างของ Jerry Bruckheimer นำแสดงโดย Nicolas Cage ตกมาจากอันดับ 4 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำเงินในช่วง 5 วันนี้ไปอีก $7.9M หรือ $5.3M จากช่วง 3 วัน รวมแล้วตอนนี้ ทำเงินให้ Buena Vista ไปแล้ว $81.4M จาก 4 สัปดาห์

ปิดท้ายอันดับ 9 และ 10 ด้วยหนังทำเงินสูงสุดแห่งปีทั้งคู่, Mission: Impossible 2 หนังแอ็คชั่นของ Tom Cruise ตกจากอันดับ 6 มาอยู่ 9 ทำเงินไปอีก $7.5M ในช่วงวันหยุด 5 วัน หรือคิดเป็น $4.9M จากช่วง 3 วันมาตรฐาน รวมแล้วตอนนี้ $199.7M จาก 6 สัปดาห์ อีกแค่คืบก็จะทะลุหลัก $200M แล้ว ตอนนี้ติดอันดับที่ 30 หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอเมริกาเหนือ จวนเจียนจะแซง Armageddon หนังฮิตเมื่อปี 1998 ที่ทำเงินไว้ $201.6M ส่วนหนังที่โดนเบียดตกไปอยู่อันดับ 31 หมาดๆ ก็คือหนังทำเงินเมื่อปี 1989 ที่กำลังมีข่าวจะทำภาค 4, Indiana Jones and the Last Crusade ซึ่งเป็นภาคล่าสุด ทำเงินไว้ $197.2M

ส่วนอันดับ 10 สุดสัปดาห์วันชาติของอเมริกาปีนี้เป็นของ Gladiator จาก DreamWorks/Universal ตกมาจากอันดับ 7 ทำเงินไปอีก $3.9M จากช่วง 5 วัน หรือ $2.4M จาก 3 วัน ทิ้งห่างจากอันดับ 9 พอสมควร รวมรายได้ขณะนี้ $171.2M จาก 9 สัปดาห์ นับเป็นหนังที่อยู่ใน top-10 ได้นานที่สุดของปีนี้ และจวนเจียนจะเข้าสู่ top-50 หนังทำเงินสูงสุดในอเมริกาเหนือแล้ว หนังที่จะโดนเบียดตกจากอันดับ 50 ไปก็คือ The Matrix นี่แหละ

หนังสามเรื่องที่โดนหนังใหม่ฟอร์มสด เบียดร่วงจาก top-10 ไปก็คือ Dinosaur หนังอนิเมชั่นเรต PG จาก Disney ตกจากอันดับ 9 ทำเงินไปอีก $2.2M รายได้รวมขึ้นไปถึง $130.8M ในขณะที่ลงทุนสร้างไประหว่าง $125-200M คาดว่าน่าจะทำเงินเฉพาะในอเมริกาเหนือไปประมาณ $135-140M ในขณะที่ Tarzan หนังอนิเมชั่นจากค่ายนี้เมื่อปีที่แล้ว ทำเงินไปได้ถึง $171M หรือ $435M เมื่อรวมจากทั่วโลก (ดูรายละเอียดของหนังได้ที่นี่)

อีก 2 เรื่องคือหนังที่จับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นโดยตรง และอยุ่ใน top-10 ได้แค่ 2 สัปดาห์ทั้งคู่ Boys and Girls และ Titan A.E. ทำเงินในช่วงวัยหยุดยาว 5 วันไป $2M และ $1.9M ตามลำดับ โดยหนังวัยรุ่นของ Miramax ทำรายได้รวมไป $18.5M คงจะปิดบัญชีที่ประมาณ $20-25M ส่วนหนังอนิเมชั่นผจญภัยในอวกาศของ Fox (มีข่าวว่าลงทุนสร้างไปประมาณ $75-90M) เพิ่งจะทำเงินไปได้แค่ $20.8M เท่านั้น คงจะจบโปรแกรมบนจอเงินที่ตัวเลขประมาณ $25M ไปหวังจากตลาดวิดีโอต่อ วางโปรแกรมฉายในไทย ต้อนรับปิดเทอมเดือนตุลาคมโน่น ไล่เลี่ยกับ Dinosaur

หนังดราม่าจาก Paramount Classics นำแสดงโดย Ralph Fiennes, Sunshine ได้โรงเพิ่มจาก 58 เป็น 76 โรง ทำรายได้ไป $508,200 จากช่วง 5 วันเช่นกัน นับจากการเปิดฉายตั้งแต่เริ่มชิมลางรวม 4 สัปดาห์ รายได้รวมตอนนี้ได้ไปแล้ว $1.2M ส่วนหนังดราม่าสะเทือนใจ The Virgin Suicides อยู่อันดับ 42 หลังจากฉายแบบเงียบๆ มา 11 สัปดาห์ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ตอนนี้รายได้รวมขยับมาอยู่ที่ $4.32M แล้ว

หนังเข้าใหม่สุดสัปดาห์หน้า เรื่องแรกคือ หนังตลกล้อเลียนหนังสยองขวัญและหนังดังๆ ทั้งหลาย Scary Movie รายชื่อหนังดังที่โดน"ยำ"ก็มี Scream, I Know What You Did Last Summer, The Blair Witch Project, The Sixth Sense และ The Matrix กำกับโดย Keenen Ivory Wayans นำแสดงโดย Marlon และ Shawn Wayans, Carmen Electra, Shannon Elizabeth, Anna Faris, and Kimberly Jones อีกเรื่องที่เปิดฉายสุดสัปดาห์นี้คือ หนังใหม่แนวแปลกของ Bruce Willis ใน Disney's The Kid เรื่องของที่ปรึกษาด้านภาพพจน์ (image consultant) วัย 40 ที่ไปพบกับ"ตัวเอง"เมื่ออายุ 8 ขวบ!! ร่วมแสดงด้วย Spencer Breslin ในบทตัวเขาเองในวัยเด็ก


ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2543
# Title Jun. 30 - Jul. 2 Jun. 23 - 25 % Chg. Theaters  Weeks AVG Cumulative Dist.
1 The Perfect Storm $ 41,325,042 3,407  1 $ 12,129  $ 62,742,422 Warner Bros. 
2 The Patriot 22,413,710 3,061  1 7,322  44,546,404 Sony
3 Me, Myself, and Irene 13,329,769 24,209,385 -44.9 3,087  2 4,318  55,292,489 Fox
4 Chicken Run 13,192,897 17,506,162 -24.6 2,851  2 4,627  49,767,108 DreamWorks
5 The Adv. of Rocky and Bullwinkle 6,814,270 2,460  1 2,770  10,344,410 Universal
6 Shaft 6,665,815 12,707,835 -47.5 2,433  3 2,740  56,457,295 Paramount
7 Big Momma's House 6,063,039 8,548,299 -29.1 2,392  5 2,535  98,062,166 Fox
8 Gone in 60 Seconds 5,320,271 9,452,195 -43.7 2,651  4 2,007  81,439,105 Buena Vista 
9 Mission: Impossible 2 4,909,248 7,588,416 -35.3 2,667  6 1,841  199,706,573 Paramount
10 Gladiator 2,426,872 3,851,924 -37.0 1,411  9 1,720  171,247,508 DreamWorks
11 Dinosaur 1,404,282 3,258,118 -56.9 1,389  7 1,011  130,825,066 Buena Vista 
12 Boys and Girls 1,342,473 3,230,493 -58.4 1,601  3 839  18,484,142 Miramax
13 Titan A.E. 1,227,227 3,735,300 -67.1 1,922  3 639  20,754,754 Fox
14 Shanghai Noon 715,032  2,012,696 -64.5 790  6 905  53,716,690 Buena Vista 
15 Road Trip 713,905  1,528,133 -53.3 801  7 891  65,568,673 DreamWorks
16 Fantasia 2000 692,841  1,477,958 -53.1 1,313  3 528  57,696,297 Buena Vista 
17 Michael Jordan to the MAX 412,876  408,392  1.1 50  9 8,258  6,518,824 Giant Screen 
18 Sunshine 312,914  349,531  -10.5 76  4 4,117  1,235,982 Par. Classics 
19 Croupier 297,354  312,888  -5.0 116  11 2,563  2,105,803 Shoot. Gallery 
20 Small-Time Crooks 227,090  556,705  -59.2 249  7 912  16,339,956 DreamWorks

เรียบเรียงจาก : Weekend Box Office โดย Box Office Guru

ข้อมูลเพิ่มเติม :

top