CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGang
เลือกดูกระทู้ใน Cafe         

Box Office สุดสัปดาห์ที่ 18 - 20 พฤศจิกายน 2548


พ่อมดหนุ่มน้อยกับผองเพื่อน ในการผจญภัยครั้งที่สี่ Harry Potter and the Goblet of Fire เปิดตัวอย่างเป็นประวัติการณ์กว่าทุกภาคที่ผ่่านมา ส่วนหนังดราม่าชีวิตของ Johnny Cash เรื่อง Walk the Line เปิดตัวหลบหลีกกลุ่มเป้าหมายเดียวกันได้อย่างสบาย ในขณะที่หนังเรื่องอื่นๆ ในโปรแกรม โดนเวทมนตร์จากพ่อมดน้อย จนรายร่วงลงกว่าครึ่งเกือบทั้งสิ้น

Warner Bros. ถล่ม Box Offiice อย่างรุนแรง ด้วยการเปิดตัว Harry Potter and the Goblet of Fire อย่างมโหฬารถึง $102.3M เพียงในช่วงสามวันสุดสัปดาห์ กลายเป็นตัวเลขสุดสัปดาห์ที่สูงที่สุดอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนโรงมากถึง 3,858 โรง ยังทำตัวเลขเฉลี่ยต่อโรงได้สูงลิ่วถึง $26,525 โดยก่อนหน้านั้น มีหนังเพียง 3 เรื่อง ที่ทำได้ดีกว่า คือ Spider-Man ทำได้ $114.8M เมื่อปี 2002, Star Wars: Episode III - Revenge of the Sith ทำได้ $108.4M เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และ Shrek 2 ทำได้ $108M เมื่อปีที่แล้ว และจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีหนังที่ไม่ได้เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม (อันเป็นช่วงต้นซัมเมอร์ ที่หนังใหญ่ระดับบิ๊กลงโรงกัน) เปิดตัวได้มากกว่าร้อยล้าน และ Harry Potter and the Goblet of Fire คือเรื่องแรก..! นอกจาก Harry Potter and the Goblet of Fire จะเข้าฉายในโรงธรรมดาประมาณ 8,000 จอแล้ว ยังเปิดตัวในโรงจอยักษ์แบบ Imax อีก 66 โรง ทำรายได้อีกถึง $2.8M ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับโรงจอยักษ์อีกด้วย

นอกจากการที่ Harry Potter and the Goblet of Fire ทุบสถิติเก่าที่หนังเดือนพฤศจิกายนทำไว้ ยังทำผลงานได้ดีกว่าภาคก่อนๆ ของพ่อมดน้อยเอง โดย Harry Potter and the Sorcerer's Stone ทำสถิติไว้ $90.3M เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2001, Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ทำไว้ $93.7M เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2004 และ Harry Potter and the Chamber of Secrets เปิดตัวที่ $88.4M เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2002 (สรุปแล้ว Harry Potter and the Goblet of Fire เปิดตัวได้แรงกว่าภาคแรก Harry Potter and the Sorcerer's Stone ถึง 13%, แรงกว่าภาคที่สอง Harry Potter and the Chamber of Secrets ถึง 16% และดีกว่าภาคที่สาม Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ถึง 9%) ส่วนภาคที่ 5 คือ Harry Potter and the Order of the Phoenix มีกำหนดถล่มจอ 1 มิถุนายนปี 2007

นอกจากนี้ Harry Potter and the Goblet of Fire ยังเปิดตัวในอีก 19 ประเทศทั่วโลก และครองความเป็นหนึ่งได้ราบคาบ โดยกวาดรายได้รวมไปถึง $85.5M ในจำนวนนี้ เก็บจากอังกฤษไป $24.9M, เยอรมัน $21.6M, ส่วนในญี่ปุ่น, อิตาลี, สเปน และบราซิล ซึ่งเป็นตลาดหลักไม่แพ้กัน มีกำหนดลงโรงสุดสัปดาห์หน้า ส่วนฝรั่งเศสและออสเตรเลีย ก็จะเข้าฉายในสุดสัปดาห์ถัดไป

หนังภาคที่สี่นี้ ได้ Mike Newell (Four Wedding and a Funeral, Mona Lisa Smile) เป็นผู้กำกับ ด้วยทุนสร้างถึง $130M และจากการที่ Harry Potter and the Goblet of Fire มีเนื้อหาที่เริ่มจะเข้มข้นขึ้นในทางดุดัน ทำให้หนังได้เรตในอเมริกาเหนือระดับ PG-13 เป็นภาคแรก ส่วนในอังกฤษก็ได้เรต 12A ไป แต่จากการสำรวจความเห็นพบว่า ผู้ชมค่อนข้างจะพึงพอใจตัวหนังในระดับสูง

เมื่อดูโปรแกรมลงโรงของหนังภาคนี้ พบว่าไปใกล้เคียงกับภาคแรก Harry Potter and the Sorcerer's Stone ที่ลงจอก่อนจะถึงวันหยุดยาว Thanksgiving ที่กินช่วงยาวถึง 5 วัน ทำให้คาดว่า Harry Potter and the Goblet of Fire จะทำรายได้ในสุดสัปดาห์ที่สองแบบมโหฬารหายห่วงเช่นกัน ซึ่งคาดว่า อาจจะทำรายได้รวมตอนท้ายโปรแกรม แซงหน้าภาคที่สองและสามไปได้

มาที่หนังเข้าใหม่อีกเรื่อง ที่อาจหาญท้าชนกับพ่อมดน้อยอย่างไม่เกรงขาม หนังดราม่าเรื่องราวชีวิตของ Johnny Cash เรื่อง Walk the Line จาก Fox เปิดตัวทำรายได้ห่างกันเหลือไม่ถึงหนึ่งในสี่ แต่ก็ยังไปได้ดีที่รายได้ $22.3M เฉลี่ยออกมาสูงถึง $7,547 จาก 2,961 โรง หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย Joaquin Phoenix ในบทศิลปินนักร้องคนดัง Johnny Cash และ Reese Witherspoon มารับบทหญิงในดวงใจของเขา หนังได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก และหลายฝ่ายเก็งว่า Joaquin Phoenix มีลุ้นรางวัลออสการ์กับเขาบ้าง จากการสำรวจพบว่า หนังสามารถหลบหลีกกลุ่มเป้าหมายหลักให้ไม่ไปปะทะกับพ่อมดน้อยได้ คือ 57% ของผู้ชมคือเพศหญิง และ 62% มีอายุเกินกว่า 25 ปี

การเปิดตัวของหนัง อยู่ในระดับเดียวกับหนังดราม่านักดับเพลิงเรื่อง Ladder 49 ที่ Joaquin Phoenix ประชันกับ John Travolta เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และเปิดตัวไปด้วยรายได้ $22.1M และยังดีกว่าหนังดราม่าชีวิตศิลปินเหมือนกันอย่าง Ray ที่เปิดตัวได้ไป $20M ต่างกันเพียงแต่ว่า Ray เปิดฉายในจำนวนโรงน้อยกว่าคือ 2,006 โรง ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อโรงออกมาสูงกว่าคือ $9,990 ก่อนที่ Jamie Foxx จะขึ้นครองตำแหน่งผู้แสดงนำชายรางวัลออสการ์ไปในเวลาต่อมา คาดว่า Walk the Line จะทำรายได้แซงต้นทุนสร้างของหนังคือ $28M ในช่วงปลายสัปดาห์นี้

หลังจากครองแชมป์มาสองสัปดาห์ซ้อน เจ้ากุ๊กไก่ Chicken Little ของ Disney ก็โดนพ่อมดน้อยเบียดลงมาอยู่อันดับ 3 เก็บไปได้ในสุดสัปดาห์นี้อีก $14.7M รายได้ลดลงไปถึง 54% ซึ่งหนักมากเมื่อเทียบกับที่ลดลงในสุดสัปดาห์ที่แล้วแค่ 21% หลังจากฉายมา 17 วัน หนังทำเงินไปแล้ว $99.1M คาดว่า Chicken Little จะทะลุผ่านร้อยล้านได้ในราววันอังคาร และคงไปหยุดที่ประมาณ $140-150M อาจจะยังไม่ถึงกับกลายเป็นหนังแอนิเมชั่นที่ทำเงินสูงสุดของ Disney ที่ไม่มีเครดิตของ Pixar มาเสริม โดยสถิติสูงสุดยังคงเป็นของ Tarzan ที่ทำไว้ $171.1M เมื่อปี 1999

หนังระทึกขวัญของ Jennifer Aniston เรื่อง Derailed ที่มี Clive Owen และ Melissa George ร่วมแสดง หนังเหนียวกว่าทุกเรื่อง ด้วยรายได้ที่ลดลงไปเพียง 47% เก็บไปอีก $6.5M ในสุดสัปดาห์ที่สองของการฉาย หลังจากลงโรงมาสิบวัน หนังทำรายได้รวมให้ Weinstein Company ไปแล้ว $21.8M จากทุนสร้าง $22M คาดว่าจะไปได้ถึงประมาณ $40M ซึ่งจะเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 3 ของ Jennifer Aniston รองจาก Bruce Almighty และ Along Came Polly

อันดับ 5 หนังผจญภัยแฟนตาซีจาก Sony เรื่อง Zathura โดน Harry Potter and the Goblet of Fire เบียดรายได้วูบลงไปถึง 62% ทั้งที่ฉายเป็นสัปดาห์ที่สองเท่านั้น รายได้ทำไปอีก $5.1M ฉายมาสิบวันเพิ่มทำเงินไป $20.3M คาดว่าคงไปได้แค่ประมาณ $35M ตามด้วยอันดับ 6 หนังดราม่าสงครามจาก Universal เรื่อง Jarhead รับไปอีก $4.8M หรือลดลงจากสุดสัปดาห์ที่แล้ว 60% ทำรายได้รวมไปแล้ว $54.3M จากที่ฉายมาสามสัปดาห์

หนังแอ็คชั่นดราม่าของ 50 Cent เรื่อง Get Rich or Die Tryin' รายได้ร่วงลงถึง 63% ทำเงินไปอีก $4.4M หลังจากลงโรงมา 12 วัน Paramount รับไปแล้ว $24.5M คาดว่าจะไปได้ถึง $35M ยังห่างชั้นกับเรื่องราวของ Eminem ที่รับไปทั้งสิ้น $116.7M จาก 8 Mile เมื่อสามปีที่แล้ว ส่วนหนังสยองขวัญภาคต่อ Saw II รับไปอีก $4M ลดลงจากสุดสัปดาห์ที่แล้ว 57% ทำเงินให้ Lions Gate ไปแล้วถึง $79.9M คาดว่าจะไปจบเกมที่ประมาณ $90M

The Legend of Zorro รายได้ลดลง 63% ได้ไปอีก $2.4M ในสี่สัปดาห์ทำเงินให้ Sony ไปแล้ว $42.8M คาดว่าจะไปได้ถึงราวๆ $48M จากทุนสร้าง $75M ปิดท้าย top ten ด้วยหนังดราม่าพีเรียด Pride and Prejudice จากอังกฤษ ที่ยังอยู่อันดับเดิม ด้วยรายได้ $2.1M โดยลดลงจากสุดสัปดาห์ที่แล้วเพียงแค่ 25% เฉลี่ยต่อโรงออกมา $9,690 จากแค่ 221 โรงเท่านั้น (เพิ่มจากสุดสัปดาห์ที่แล้วนิดหน่อย) หนังจะเพิ่มโรงเป็นเต็มที่ในวันพุธที่จะถึง ในระดับประมาณ 1,100 โรง ส่วนรายได้รวมขณะนี้อยู่ที่ $6M

หนังสองเรื่องโดนเบียดหลุดจาก top ten ไปก็คือ Prime ของ Universal แสดงนำโดย Meryl Streep และ Uma Thurman รายได้ลดลง 60% รับไปอีก $1.6M ในสุดสัปดาห์ที่สี่ของการฉาย ทำรายได้รวมไปแล้ว $21.4M คาดว่าจะไปหยุดที่ประมาณ $24M ส่วนอีกเรื่องคือหนังดราม่าทุนสร้าง $32M จาก DreamWorks เรื่อง Dreamer: Inspired by a True Story รับไปแล้ว $30.8M จากที่ฉายมาห้าสัปดาห์ คาดว่าจะไปได้ถึงราวๆ $34M

สุดสัปดาห์หน้า เทศกาลวันหยุด Thanksgiving พบกับหนังหลายเรื่องมาแชร์ส่วนแบ่งจากพ่อมดน้อย ได้แก่ Yours, Mine and Ours หนังตลกครอบครัว แสดงนำโดย Dennis Quaid, Rene Russo, Linda Hunt, Rip Torn กำกับโดย Raja Gosnell (Scooby-Doo, Big Momma's House, Never Been Kissed, Home Alone 3), Rent หนังดราม่า/เพลง แสดงนำโดย Rosario Dawson, Taye Diggs กำกับโดย Chris Columbus (Home Alone, Mrs. Doubtfire) ดัดแปลงจากละครรางวัล Broadway ที่ได้รางวัล Tony Award / Pulitzer Prize / Obie / Drama Desks มามากมาย, The Ice Harvest หนังแอ็คชั่นผจญภัย แสดงนำโดย John Cusack, Billy Bob Thornton, Connie Nielsen, Oliver Platt กำกับโดย Harold Ramis (Analyze This, Analyze That, Bedazzled, Groundhog Day), In the Mix หนังตลกแสดงนำโดย Usher Raymond กำกับโดย Ron Underwood (Mighty Joe Young, City Slickers, Tremors) และ Just Friends หนังรักเบาสมอง กำกับโดย Roger Kumble (The Sweetest Thing, Cruel Intentions) แสดงนำโดย Ryan Reynolds, Amy Smart, Anna Faris, Chris Klein


ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 18 - 20 พฤศจิกายน 2548

# Title Nov 18 - 20 Nov 11 - 13 % Chg. Theaters Weeks AVG Cumulative Distributor










1 Harry Potter and the Goblet of Fire $ 102,335,066

3,858 1 $ 26,525 $ 102,335,066 Warner Bros.
2 Walk the Line 22,347,341

2,961 1 7,547 22,347,341 Fox
3 Chicken Little 14,711,378 31,653,590 -53.5 3,514 3 4,187 99,093,096 Buena Vista
4 Derailed 6,506,669 12,211,986 -46.7 2,447 2 2,659 21,817,607 Weinstein Co.
5 Zathura 5,133,592 13,427,872 -61.8 3,232 2 1,588 20,316,508 Sony
6 Jarhead 4,753,335 11,738,160 -59.5 2,413 3 1,970 54,280,420 Universal
7 Get Rich or Die Tryin' 4,420,706 12,020,807 -63.2 1,666 2 2,653 24,547,483 Paramount
8 Saw II 3,961,863 9,125,604 -56.6 2,257 4 1,755 79,918,817 Lions Gate
9 The Legend of Zorro 2,355,095 6,381,648 -63.1 2,150 4 1,095 42,840,410 Sony
10 Pride & Prejudice 2,141,554 2,865,017 -25.3 221 2 9,690 6,000,723 Focus










11 Good Night, and Good Luck 1,668,875 2,501,496 -33.3 803 7 2,078 16,855,662 Warner Independent
12 Prime 1,564,425 3,874,375 -59.6 1,227 4 1,275 21,400,280 Universal
13 Dreamer 1,222,202 3,728,510 -67.2 1,543 5 792 30,765,676 DreamWorks
14 Shopgirl 1,022,121 1,802,032 -43.3 413 5 2,475 7,654,700 Buena Vista
15 Capote 846,450 1,190,112 -28.9 317 8 2,670 7,725,427 Sony Classics
16 Flightplan 569,595 1,585,755 -64.1 563 9 1,012 87,547,868 Buena Vista
17 Kiss Kiss, Bang Bang 502,246 785,842 -36.1 226 5 2,222 2,873,848 Warner Bros.
18 The Weather Man 333,633 1,754,301 -81.0 736 4 453 12,229,075 Paramount
19 Wallace & Gromit 285,592 959,813 -70.2 488 7 585 54,728,446 DreamWorks
20 The Squid and the Whale 280,866 410,898 -31.6 80 7 3,511 2,787,794 Samuel Goldwyn

เรียบเรียงจาก : Weekend Box Office โดย Box Office Guru

ข้อมูลเพิ่มเติม :