Enemy at the Gates
กระสุนสังหารพลิกโลก
Official website
more info. from IMDB
แนว : สงคราม / ดราม่า / รัก
ความยาว : 131 นาที
กำหนดฉาย : 27 เมษายน 2544

ขณะที่กองทัพเยอรมันและรัสเซีย ต่างส่งกองทหารสู้อภิมหาศึกสงครามของโลก และคนทั้งโลกกำลังรอคอยผลของการต่อสู้ด้วยความกลัว เป็นสงครามที่สตาลินกราด ทหารปืนลอบสังหารผู้มีชื่อเสียงจากรัสเซีย วาซิลี เซทเซฟ (จูด ลอว์) ค่อยๆ สะกดรอยศัตรูของเขาทีละคนๆ ในไม่ช้า ชื่อเสียงของเขาก็ผลักดันให้เขาเข้าสู่การต่อสู้ส่วนตัวครั้งสำคัญ กับนักแม่นปืนที่เก่งที่สุดของเยอรมันคือ พันตรี โคนิจ (เอ็ด ฮาร์ริส) และทั้งสองก็พบว่า ตนเองกำลังต่อสู้อยู่ในสงครามส่วนตัว ขณะที่มีสงครามครั้งสำคัญที่สุดแห่งประวัติศาสตร์อยู่รายรอบทั้งสอง

วาสซิลีเป็นคนสุภาพและควบคุมสติได้ดี เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้ความสามารถที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น ส่วน ดานิลอฟ (โจเซฟ ฟินส์) ผู้เป็นเจ้าหน้าที่การเมืองโซเวียต รู้ดีว่าวาซิลีมีคุณค่ามากเพียงใด เขาจึงสนับสนุนให้นายทหารธรรมดา อย่างวาซิลีที่มาจากอูราลส์ ให้กลายเป็นวีรบุรุษที่ชาติต้องการอย่างยิ่ง หลังจากที่เยอรมันชนะไปหลายหน และสหภาพโซเวียตกำลังจะล่มสลาย การที่โซเวียตสูญเสียสตาลินกราดให้กับเยอรมัน ทำให้ดูเหมือนว่า น่าจะมั่นใจได้ว่า เยอรมันกำลังจะเป็นผู้ชนะสงครามในภาคพื้นยุโรป สตาลินจึงได้ส่ง นิกิต้า ครู้ซเชฟ (บ็อบ ฮอสกิ้นส์) มาเพื่อดูแลการคุ้มกันเมือง

แต่แล้วในไม่ช้า ดานิลอฟก็ริษยานายทหารวาสซิลี ที่เขาสร้างขึ้นเอง เนื่องจากระหว่างสงคราม ทั้งสองต่างก็ตกหลุมรัก ทาเนีย (ราเชล ไวซ์) เธอเป็นหนึ่งในทหารหญิงของกองทัพ ที่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับชายชาตรี

ฝ่ายเยอรมันส่งทหารปืนลอบสังหารมือดีที่สุด ซึ่งก็คือ พันตรี โคนิจ (เอ็ด ฮาร์ริส) มาเพื่อสะกดรอย และฆ่าวาซิลีผู้มีชื่อเสียงทั้งในเยอรมันและรัสเซีย ด้วยความอดทน และทักษะที่เยี่ยมยอด ทั้งสองแอบต่อสู้กันโดยลำพัง ขณะที่ผู้คนนับไม่ถ้วน กำลังเสียชีวิตอย่างเกลื่อนกราดทั่วสตาลินกราด..


Enemy at the Gates นำเสนอโดย มันดาเลย์พิคเจอร์ส ร่วมกับ เคซี เมเดียน และ เอ็มพี ฟิล์ม แมเนจเม้นท์ ของ เรอเปอรา โปรดักชั่น อำนวยการสร้างร่วมโดย เอ็มพี ฟิล์ม แมเนจเม้นท์, ดีโอเอส โปรดักชั่น GmbH & Co., KG (เยอรมัน), บริษัท สวอนฟอร์ด ฟิล์มส์ จำกัด (อังกฤษ) และ บริษัทลิตเติ้ล เบิร์ด จำกัด (สาธารณรัฐไอร์แลนด์) กำกับโดย ฌอง ฌ้าค อันนอ (Seven Years in Tibet, The Lover, ภาพยนตร์ IMAX เรื่อง Wings of Courage) จากบทภาพยนตร์ของ อัลเลน ก็อดดาร์ด (ผู้เขียนบทภาพยนตร์ IMAX เรื่อง Wings of Courage) และ ฌอง ฌ้าค อันนอ อำนวยการสร้างโดย จอห์น ดี. สโกฟิลด์ และอำนวยการสร้างบริหารโดย อัลเลน ก็อดดาร์ด, อลิซา แท็กเกอร์

Enemy at the Gates นำแสดงโดย จู้ด ลอว์ (Talented Mr. Ripley, Gattaca) รับบทเป็น วาสซิลี เซทเซฟ นักแม่นปืนชาวรัสเซีย, โจเซฟ ฟินส์ (Shakespeare in Love, Elizabeth) รับบทเป็น ดานิลอฟ, ราเชล ไวซ์ (The Mummy, The Mummy Returns) รับบทเป็น ทาเนีย, บ็อบ ฮอสกิ้นส์ (Nixon, Mermaids) รับบทเป็น นิกิต้า ครู้ซเชฟ หัวหน้าผู้บังคับการตำรวจที่อยู่แนวหน้าของเมืองสตาลินกราด, รอน เพิลแมน (Price of Glory, Alien: Resurrection) รับบทเป็น คูลิคอฟ มือปืนผู้ช่ำชอง และเป็นเพื่อนคนสนิทที่สุดของวาสวิลี, เอ็ด ฮาร์ริส (The Rock, Apollo 13, The Abyss) รับบทเป็น พันตรีโคนิจ นักแม่นปืนชาวเยอรมัน คู่ปรับของวาสซิลี, เกเบรียล มาร์แชลล์-ธอมสัน รับบทเป็น ซาซา, อีวา แม็ทเทส นักแสดงชาวเยอรมัน รับบท คุณแม่ฟิลิพอฟ ซึ่งให้ที่พักกับวาสซิลี และสหายของเขา, มัทธิอัส ฮาบิช นักแสดงชาวเยอรมัน รับบท นายพล เฟรเดอริค ฟอน พอลลัส ผู้บัญชาการกองทัพอักษะในสตาลินกราด แห่งกองทัพเยอรมัน

Enemy at the Gates กำกับภาพโดย โรเบิร์ต เฟรสส์ ที่มีผลงานเข้าชิงออสการ์จาก The Lover ซึ่งฌอง ฌ้าค อันนอ เป็นผู้กำกับ งานอื่นๆ ของ โรเบิร์ต เฟรสส์ ก็คือ Seven Years in Tibet และ Ronin, วูลฟ์ โครเกอร์ (The Last of the Mohicans, The 13th Warrior, The Edge) ทำหน้าที่ออกแบบฉากและโปรดักชั่น, ตัดต่อโดย โนเอลล์ บอยส์สัน ที่เคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์จาก The Bear ซึ่งกำกับโดย ฌอง ฌ้าค อันนอ งานอื่นๆ ของ โนเอลล์ บอยส์สัน ก็คือ Cyrano de Bergerac, ฮัมฟรีย์ ดิกซัน (A Room With a View) ทำหน้าที่ผู้ตัดต่อ, ออกแบบเครื่องแต่งกายโดย แจนตี้ เยทส์ (Quest for Fire, Gladiator), ประสานงานผู้แสดงโดย จิม โดว์ดอลล์, ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบคือ เจมส์ ฮอร์เนอร์ ที่มีผลงานมากมาย รวมทั้ง Titanic

ภาพยนตร์เรื่อง Enemy at the Gates เป็นเรื่องราวความกล้าหาญของคน ที่ปรากฏออกมาในสงคราม สร้างจากเรื่องจริงของวีรบุรุษ วาซิลี เซทเซฟ ทหารปืนลอบสังหารผู้มีชื่อเสียงจากรัสเซีย ในสงครามชิงเมืองสตาลินกราด เมื่อปี 1942-1943 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่มีผลต่อโฉมหน้าของสงคราม อย่างชัดเจนที่สุดช่วงหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง และช่วยกำหนดขอบเขตของพื้นที่ทางการเมือง สำหรับยุคศตวรรษที่ 20

ในช่วงฤดูร้อนของปี 1942 ฝ่ายเยอรมันส่งกองทหารบุกสหภาพโซเวียตหลายครั้ง ซึ่งขณะนั้นเป็นพันธมิตรกับอเมริกา และรัสเซียเอง ก็ได้รับการโจมตีอย่างรุนแรง จากการบุกของเยอรมัน ด้วยความสามารถทางพลาธิการและการสู้รบ ทำให้ฝ่ายเยอรมันเดินทางเป็นระยะทาง 1,000 ไมล์ จนถึงเมืองสตาลินกราด ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม ริมแม่น้ำโวลก้า

ฝ่ายเยอรมันมั่นใจว่าตนจะสามารถยึดเมืองได้ และได้ตัดการคมนาคมทางน้ำของแม่น้ำโวลก้า ที่ไปถึงทางใต้ของรัสเซีย เมืองที่ว่านี้ ยังเป็นเมืองที่จะทำให้เยอรมันเข้าไปถึงแหล่งน้ำมันที่เมืองคอคูซีส และการยืดเมืองที่มีชื่อของสตาลินได้นั้น เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของฮิตเลอร์ ฝ่ายโซเวียตนั้น ผู้คนก็เบื่อผู้นำ แต่อย่างไรก็ดี สตาลินกราดก็เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันออกสุด ที่เยอรมันจะไปถึงได้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ความล้มเหลวของเยอรมันที่จะยึดเมืองครั้งนี้ ทำให้มีจุดเปลี่ยนในสงคราม และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กองทัพของเยอรมันก็เริ่มล่าถอย..

เมื่อเริ่มต้นสงคราม สหภาพโซเวียตพ่ายแพ้เยอรมันหลายครั้ง การสูญเสียเมืองสตาลินกราด อาจส่งผลถึงกับทำให้ทั้งชาติล่มสลายอย่างรวดเร็ว สตาลินออกคำสั่งว่า เมืองต้องไม่ล่มสลาย ไม่ว่าต้องสูญเสียอะไรเท่าใดก็ตาม กำลังกองทัพของโซเวียตที่ซึ่งไม่ได้รับการฝึกมากนัก และบางครั้งก็ไม่มีอาวุธ ถูกทุ่มไปในสงคราม ตามด้วยกองทัพรักษาความปลอดภัยของรัสเซีย ที่ถูกสั่งให้ฆ่าทหารทุกคน ที่พยายามหนีหรือล่าถอย นอกจากนี้ รัฐยังบังคับให้พลเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น ให้คงอาศัยอยู่ในเมือง เพื่อเป็นพลเมืองให้ทหารปกป้อง แทนที่จะปกป้องเพียงซากอาคาร และถนนหนทางที่ปรักหักพังเท่านั้น

ในบรรดาทหารที่ปกป้องคุ้มครองเมือง ก็มี วาซิลี เซทเซฟ ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นประวัติศาสตร์อยู่ด้วย เขาเป็นมือปืนลอบสังหารผู้เชี่ยวชาญ และเป็นผู้ฝึกมือปืนคนอื่น ที่จะเป็นผู้มีชื่อเสียงและวีรบุรุษของชาติต่อไป

ในที่สุด นายพลเฟรเดอริค ฟอน พอลลุส หัวหน้าผู้บัญชาการแห่งกองทัพเยอรมัน ก็ถูกล้อมอยู่ที่สตาลินกราด ถูกตัดกำลังและเสบียงสนับสนุนโดยกองทัพโซเวียต และยอมแพ้ในที่สุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1943 แม้ว่าฮิตเลอร์จะสั่งให้สู้จนไม่เหลือทหารเลยก็ตาม กองทัพอักษะประมาณ 800,000 นายจากเยอรมัน, โรมาเนีย, อิตาลี และฮังการี และยังมีกองกำลังอีกไม่ทราบจำนวน ซึ่งเป็นชาวรัสเซียที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ที่ต่อสู้อยู่ฝ่ายเยอรมันต้องเสียชีวิตลง นายทหารโซเวียตประมาณ 1,100,000 คนเสียชีวิต (หลายพันคนที่ถูกฆ่าโดยตำรวจรักษาความปลอดภัย เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าจะหนีหรือเป็นกบฏ) ประชากรจาก 500,000 คนในยามสงบ เหลือมากกว่า 1,000 คนไม่มากนักเมื่อสิ้นสุดสงคราม ส่วนที่เหลือหนีหรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย

นี่เป็นการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในประวัติศาสตร์เยอรมัน กองทัพสองกองทัพ ได้แก่กองทัพแพนเซอร์ที่หกและที่สี่ สูญหายทั้งหมด และสงครามครั้งนี้ ทำให้กองกำลังของเยอรมันขาดไปมาก ทั้งยังเป็นการกระตุ้นบรรดาประชากรโซเวียต ที่ครั้งหนึ่งเคยมองโลกในแง่ร้าย ให้เริ่มเชื่อว่าสงครามนี้อาจชนะได้ และทำให้มีความกล้าหาญ ที่จะต่อต้านกองทัพเยอรมัน ที่ยึดครองประเทศอื่นอยู่ด้วยในเวลาต่อมา...