Mona Lisa Smile
โมนา ลิซ่า: ขีดชีวิต เขียนฝัน ให้บานฉ่ำ
Official website
more info. from IMDB
แนว : ดราม่า / รัก / ตลก
ความยาว : 117 นาที
กำหนดฉาย : 30 มกราคม 2547

แคเธอรีน วัตสัน (จูเลีย โรเบิร์ตส์) เดินทางจากแคลิฟอร์เนียมายังเวลเลสลีย์ คอลเลจ ในนิวอิงแลนด์ ในฤดูใบไม้ร่วงของปี 1953 เพื่อสอนประวัติศาสตร์ ในช่วงยุคหลังสงคราม แคเธอรีนคาดหวังว่าลูกศิษย์ของเธอ ซึ่งเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุด และฉลาดที่สุดในประเทศ คงจะใช้ประโยชน์ จากโอกาสที่มาถึงมือของพวกเธอได้ อย่างไรก็ดี หลังจากมาถึงได้ไม่นาน แคเธอรีนพบว่า สภาพแวดล้อมภายในสถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ กลับสอนให้นักเรียนทำตัวให้เหมือนกัน ตามที่ แนนซี่ แอ๊บบีย์ (มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เด้น) ครูสาวผู้สอนวิชาการออกเสียงและการวางตัวบอก แหวนหมั้นบนนิ้วนางของหญิงสาว ถูกมองว่าเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ กว่าการได้รับการศึกษาทุกด้าน

เมื่อแคเธอรีนสนับสนุนให้ลูกศิษย์ของเธอคิดอย่างเป็นอิสระ ทำให้บรรดาคณะครูและศิษย์เก่าหัวโบราณหลายคนไม่ชอบหน้า ซึ่งก็รวมถึงลูกศิษย์คนหนึ่งของเธอที่ชื่อ เบ็ตตี้ วอร์เรน (เคิร์สเตน ดันสต์) เบ็ตตี้ซึ่งเพิ่งแต่งงาน ตั้งตัวเป็นศัตรู เมื่อแคเธอรีนกล่อมให้เพื่อนซี้ของเธอ โจน แบรนด์วิน (จูเลีย สไตลส์) สมัครเข้าเรียนต่อโรงเรียนกฎหมายของเยล ขณะที่โจนรอเวลาให้แฟนหนุ่มมาขอแต่งงาน สำหรับหญิงสาวหัวดีและช่างคิด จิเซล เลวีย์ (แม็กกี้ จิลเลนฮาล) แคเธอรีนคือแม่แบบทางสังคม และเป็นที่ปรึกษาที่เธอต้องการ คอนนี่ เบเกอร์ (จินนิเฟอร์ กู๊ดวิน) หญิงสาวที่แสนอ่อนหวานและขี้อาย เหมือนได้รับความกล้าหาญจากแคเธอรีน และเริ่มมีความเชื่อมั่น ที่จะเอาชนะความไม่มั่นใจของตัวเองได้

ในโลกที่บอกพวกเธอว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร แคเธอรีนกลับสอนให้พวกเธอรู้จักคิดเพื่อตัวเอง ขณะเดียวกัน แคเธอรีนที่เสมือนได้เรียนรู้ จากการค้นหาเส้นทางของตัวเองของเหล่าลูกศิษย์ ได้เรียนรู้ที่จะแสวงหาเส้นทางที่แตกต่างไป ให้กับตัวเองเช่นกัน...


เรฟโวลูชั่น สตูดิโอ ภูมิใจเสนอ Mona Lisa Smile เรื่องราวของกลุ่มผู้หญิง ที่ดิ้นรนเพื่อหาความหมายให้กับตัวเอง ในโลกที่ได้กำหนดบทบาทของพวกเธอไว้แล้ว ผลงานการสร้างของ เร็ด อ็อม ฟิล์มส์ โดยมี โคลัมเบีย พิคเจอร์ส เป็นผู้จัดจำหน่าย

Mona Lisa Smile กำกับโดย ไมก์ นีเวลล์ (Four Weddings and a Funeral, Donnie Brasco, Pushing Tin, An Awfully Big Adventure, Enchanted April) เขียนบทโดย ลอว์เรนซ์ คอนเนอร์ ร่วมกับ มาร์ก โรเซนธัล (คู่นักเขียนบทที่เคยมีผลงานร่วมกันมาแล้วจาก Mercury Rising, Mighty Joe Young, The Jewel of the Nile, Superman IV: The Quest for Peace, For Love or Money) ผู้อำนวยการสร้างได้แก่ อีเลน โกลด์สมิธ-โธมัส, เดบอร่าห์ ชินด์เลอร์ และ พอล ชิฟฟ์ ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ โจ ร็อธ ผู้กำกับภาพได้แก่ อนัสตัส ไมคอส (Man on the Moon, Keeping the Faith, Duplex) โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ได้แก่ เจน มัสกี้ (Maid in Mahattan, Finding Forrester, Young Guns, When Harry Met Sally) มือตัดต่อได้แก่ มิค ออดสลีย์ (High Fidelity, The Grifters, Dangerous Liaisons, Interview with the Vampire, Shakespeare in Love) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายได้แก่ ไมเคิล เดนนิสัน (คอสตูมซูเปอร์ไวเซอร์จาก What Women Want, Snow Falling on Cedars, Jacob's Ladder) ดนตรีประกอบเป็นฝีมือของ เรเชล พอร์ตแมน (The Cider House Rules, Chocolat และคว้ารางวัลออสการ์มาจาก Emma) โดยมี แรนดัลล์ โพสเตอร์ (School of Rock, Maid in Manhattan, The Royal Tenenbaums, Meet the Parents) เป็นมิวสิคซูเปอร์ไวเซอร์

ในภาพยนตร์เรื่อง Mona Lisa Smile จูเลีย โรเบิร์ตส์ (Erin Brockovich, Notting Hill, Runaway Bride, Pretty Woman) นำทีมนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงอย่าง เคิร์สเตน ดันสต์ (Spider-Man, Bring It On, Crazy/Beautiful, Jumanji) รับบทเป็น เบ็ตตี้ วอร์เรน นักศึกษาสาวที่ไม่เคยไว้ใจในความท้าทายใดๆ ที่เวลเลสลีย์คอลเลจ, จูเลีย สไตลส์ (Save the Last Dance, Othello, Ten Things I Hate About You) รับบทเป็น โจน แบรนด์วิน นักเรียนหญิงที่รู้สึกทึ่งในไอเดียใหม่ๆ ของแคเธอรีน วัตสัน, แม็กกี้ จิลเลนฮาล (Riding In Cars With Boys, Adaptation., และหลายรางวัลจากบทบาทใน Secretary) รับบทเป็น จิเซลล์ เลวีย์ ลูกศิษย์สาวของแคเธอรีน ผู้ท้าทายต่อขนบธรรมเนียมของเวลเลสลีย์คอลเลจ

ที่ร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ จูเลียต สตีเวนสัน (Emma, Bend It Like Beckham, Nicholas Nickleby) รับบทเป็น อแมนด้า อาร์มสตรอง นางพยาบาลที่เวลเลสลีย์ ผู้ซึ่งการกระทำที่หวังดีของเธอ กลับกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วสถาบัน, โดมินิค เวสต์ (Chicago, 28 Days, A Midsummer Night’s Dream) รับบทเป็น บิลล์ ดันบาร์ ศาสตราจารย์ชาวอิตาเลี่ยนที่เวลเลสลีย์ ผู้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแคเธอรีน, โทเฟอร์ เกรซ (Traffic, Ocean’s Eleven, Win a Date with Tad Hamilton!!!, ซีรีส์ That 70’s Show) รับบทเป็น ทอมมี่ โดนีกัล นักศึกษาฮาร์วาร์ดผู้มีเสน่ห์ ที่กลายเป็นคู่หมั้นหมายของโจน, จอห์น สแล็ตเตอรี่ (Dirty Dancing: Havana Nights, Traffic, Eraser, มินิซีรีส์ From the Earth to the Moon) รับบทเป็น พอล มัวร์ ชายหนุ่มที่เดินทางจากแคลิฟอร์เนีย มายังเวลเลสลีย์ เพื่อขอแคเธอรีน แฟนสาวของเขาแต่งงาน, มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เด้น (Mystic River, Space Cowboys, Meet Joe Black, เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Pollock) รับบทเป็น แนนซี่ แอ็บบีย์ ครูที่สอนวิชาการพูด การออกสำเนียง การวางท่า และงานบ้านที่เวลเลสลีย์ คอลเลจ และนักแสดงหญิงหน้าใหม่ จินนิเฟอร์ กู๊ดวิน (Win a Date with Tad Hamilton!!!, ซีรีส์ Ed) รับบทเป็น คอนนี่ เบเกอร์ เพื่อนที่แสนซื่อสัตย์ ผู้เกิดความประทับใจในตัวครูสาวแคเธอรีน

เสียงเพลงใน Mona Lisa Smile มีความกลมกลืนไปกับตัวภาพยนตร์ เช่นเดียวกับช่วงต้นยุค 50 ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึง เสียงดนตรียังคงมีท่วงทำนองของเพลงจากยุค 30 และ 40 ผ่านน้ำเสียงของศิลปินร่วมสมัย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการก่อกำเนิดแรกของยุคสมัยใหม่ อันเป็นยุคก่อนที่จะถูกร็อคแอนด์โรลบดบัง ตัวอย่างเช่น เพลง Secret Love ซึ่งเป็นบัลลาร์ดที่ได้รับความนิยมของดอริส เดย์ ถูกนำมาขับร้องใหม่โดย แมนดี้ มัวร์, เพลง Bewitched ที่ร้องโดย เซลีน ดิออน, เพลง I’m Beginning to See the Light ที่ขับร้องโดย เคลลี่ โรว์แลนด์, เพลงเก่าอย่าง Besame Mucho (ขับร้องโดย คริส ไอแซ็ก) และ Santa Baby (ขับร้องโดย เมซีย์ เกรย์)

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มความแปลกใหม่ ให้กับการบันทึกเสียงใหม่ อย่างเช่นเพลง Smile ของ บาร์บรา สตรัยแซนด์ (โปรดิวซ์โดยสตรัยแซนด์เอง), เพลง I’ve Got the World on a String ของ ลิซ่า สแตนสฟิลด์ และเพลง What’ll I Do ของ อลิสัน เคราส์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่านักร้อง ได้นำเพลงของตัวเองมาบันทึกเสียงใหม่ เพื่อให้เข้ากับท่วงทำนองของยุค 50 ในขณะที่เพลง Santa Baby ของ เอียร์ธา คิตต์ มีอารมณ์สนุกสนาน ซึ่งเหมาะกับยุค 50 ในขณะที่เวอร์ชั่นสมัยใหม่ของเกรย์ มีความเฉียบคมและตรงไปตรงมามากขึ้น