Spirit: Stallion of the Cimarron
สปิริต ม้าแสนรู้...มหัศจรรย์ผจญภัย
Official website
Official website (thai)
more info. from IMDB
แนว : แอนิเมชั่น / ผจญภัย / ครอบครัว
ความยาว : 82 นาที
กำหนดฉาย : 12 กรกฎาคม 2545

เรื่องราวการผจญภัยท่องผ่านพรมแดนอเมริกันที่รกร้าง อันเป็นตำนานของม้าป่าตัวแรกในประวัติศาสตร์ ที่อาจหาญปฏิเสธการถูกครอบครองจากมนุษย์ สปิริต ม้าป่าที่อาศัยอยู่รวมกับฝูง ในดินแดนตะวันตกของอเมริกาอย่างสงบสุข ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายแบบคาดไม่ถึง เมื่อความศิวิไลซ์เข้ามาเยือน ด้วยศักดิ์ศรีและความกล้าหาญ เขาต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคทั้งหลาย เพื่ออิสระภาพของตนเองและฝูง ร่วมกับหนุ่มน้อยเผ่าลาโกตานาม ลิตเติ้ล ครีก (ให้เสียงพากย์โดย ดาเนียล สตูดิ) ที่สามารถปราบพยศสปิริตลงได้ การผจญภัยของสปิริตยังทำให้เขาได้พบกับ เรน ม้าตัวเมียแสนสวย ที่จะร่วมผจญภัยไปสู่หนทางแห่งการเป็นยอดอาชา วีรบุรุษที่ไม่มีใครรู้จักแห่งตะวันตกโบราณ


ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ Spirit: Stallion of the Cimarron หรือชื่อไทยว่า "สปิริต ม้าแสนรู้...มหัศจรรย์ผจญภัย" ผลงานสร้างของ ดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส เป็นเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรก ที่ใช้แอนิเมชั่นที่วาดด้วยมือ ร่วมกับองค์ประกอบของแอนิเมชั่นสามมิติ หรือคอมพิวเตอร์แอนิเมชั่น นำเสนอการผสมผสานอย่างมากมาย ของเทคนิคทั้งสองแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เกี่ยวกับตัวละครแอนิเมชั่นในภาพยนตร์ 2 มิติ มีการใช้คอมพิวเตอร์เฉพาะในส่วนของตัวประกอบ หลังฉากเท่านั้น ในที่นี้ แม้แต่ตัวละครนำ รวมทั้งตัวละครสปิริตด้วย บางครั้งก็ใช้คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นช่วย ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละช็อต ความจริงแล้ว รอยต่อระหว่างคอมพิวเตอร์แอนิเมชั่น กับแอนิเมชั่นที่วาดด้วยมือนั้นสมบูรณ์แบบทีเดียว เช่น ในฉากที่มีตัวละครตัวเดียวในฉากเดียว ซึ่งไม่มีใครสังเกตได้ เว้นแต่คนทำแอนิเมชั่นเท่านั้น ที่สามารถบอกได้ และแม้ว่าจะใช้ค่อนข้างมากก็ตาม

แม็ทท์ เดมอน เจ้าของรางวัลออสการ์ (Good Will Hunting) เป็นผู้บรรยายสำหรับตัวละครสปิริต ร่วมด้วย เจมส์ ครอมเวลล์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ (Babe) ซึ่งรับบทเป็นนายพันคาวาลรี ผู้เป็นปรปักษ์ที่ยากจะเอาชนะของทั้ง ลิตเติ้ล ครีคและสปิริต และยังมี ดาเนียล สตูดิ นักแสดงชาวอเมริกันพื้นเมือง ลูกชายของเวส สตูดิ นักแสดงอเมริกันผู้มีชื่อเสียง เป็นผู้ให้เสียงของ ลิตเติ้ล ครีค ลาโคตาหนุ่มผู้กล้าหาญ ซึ่งมาเป็นเพื่อนของสปิริต ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย เคลลี แอสเบอรี และ ลอร์นา คุ้ก สองผู้เขียนบทจาก The Prince of Egypt และอำนวยการสร้างโดย มิเรลลี โซเรีย และ เจฟฟรีย์ คาทเซนเบอร์ก จากบทภาพยนตร์โดย จอห์น ฟัสโก อำนวยเพลงโดย ฮันส์ ซิมเมอร์ ผู้ประพันธ์เพลงประกอบเจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Lion King และยังได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์จากงานเรื่อง The Prince of Egypt, The Thin Red Line, As Good As It Gets, Rain Man และ The Preacher's Wife ในปี 2002 นี้ เขาได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ จากผลงานเพลงของเขาที่ทำให้กับ Pearl Harbor อีกด้วย สำหรับเพลงในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นผลงานของ ไบรอัน อดัมส์ เจ้าของรางวัลแกรมมี่ และผู้ได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 3 ครั้ง (The Mirror Has Two Faces, Don Juan DeMarco, Robin Hood: Prince of Thieves)

สำหรับในฉบับพากย์ไทย รวิชญ์ เทิดวงศ์ ทำหน้าที่ผู้บรรยาย, เพลงโดย ธีรภัทร์ สัจจกุล และ มพัจ สื่อรุ่งเรือง, จักรกฤษณ์ หาญวิชัย พากย์เสียงนายพันคาวาลรี, นิมิตร ลักษมีพงษ์ พากย์เสียงลิตเติ้ล ครีค


เกร็ดภาพยนตร์

  • ดรีมเวิร์คส์ได้พัฒนาโปรแกรมพิเศษ ทดสอบการวาดด้วยดินสอเรียกว่า ตูนชูทเตอร์ (ToonShooter™) ตูนชูทเตอร์ทำให้นักวาดแอนิเมชั่น สามารถสแกนภาพแอนิเมชั่นที่วาดด้วยมือลงไป แล้วผสมผสานเข้ากับองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือฉากหลัง หรือเอฟเฟคอื่นๆ

  • การทำช็อตที่ซับซ้อนอย่างยิ่งให้สำเร็จได้ ต้องมีองค์ประกอบสองและสามมิติ มากถึงหลายหมื่นองค์ประกอบ รวมถึงฉากหลังที่วาดด้วยมืออีก 700 ฉาก และภาพวาดอีกมากกว่า 2,500 ภาพ รวมทั้งองค์ประกอบที่วาดขึ้นอีกมากกว่า 1,800 องค์ประกอบ ซึ่งมีการนำลงมาทำเป็นพื้นผิวสามมิติสำหรับฉาก และมีองค์ประกอบที่ทำจากคอมพิวเตอร์อีกมากกว่า 12,000 เฟรม มีการใช้ระดับชั้นประมาณ 30 ชั้นเพื่อประกอบกันขึ้นเป็นเฟรมสักเฟรม และในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบด้วยเฟรมทั้งสิ้น 4,183 เฟรม ผลก็คือทำให้ได้ภาพที่ต่อเนื่อง นำพาผู้ชมไปสู่การเดินทางสู่พรมแดนอเมริกัน

  • เจฟฟรีย์ คาทเซนเบอร์ก สรุปว่า "ในหลายแง่มุม ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพเปรียบเทียบสำหรับเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกวันนี้ เมื่อเราต้องทำสิ่งที่ท้าทาย และเราไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่ที่สำคัญที่สุดและต้องมาก่อนก็คือ นี่เป็นงานบันเทิงชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีทุกรส ทั้งการผจญภัย อารมณ์ขัน เรื่องน่าตื่นเต้น ความรัก... เป็นการเดินทางของวีรบุรุษที่สุดคลาสสิค และวีรบุรุษที่ว่านี้ก็เป็นม้าตัวหนึ่ง"

  • เพลงเดียวที่ ไบรอัน อดัมส์ ไม่ได้ร้องได้แก่ Don't Let Go เป็นเสียงของนักร้อง/นักแต่งเพลงเจ้าของรางวัลอย่าง ซาราห์ แม็คลาแคลน อดัมส์เปิดเผยว่าการบันทึกเสียงเพลงนี้รีบเร่งมาก แม็คลาแคลนกำลังตั้งท้องเก้าเดือน และจะคลอดได้ทุกเวลา เพลงที่คาดว่าจะร้องสองคน ก็กลายเป็นสามคน อดัมส์หัวเราะ "ผมพูดอยู่เสมอว่า ซาราห์ ได้โปรดเถอะ แค่ร้องข้อต่อไปให้เสร็จก็พอ" โชคดีที่ลูกของซาราห์ให้ความร่วมมือ รอจนกระทั่งสองวันหลังจากเสร็จการบันทึกเสียง จึงจะลืมตามาดูโลก"

  • ไบรอัน อดัมส์ (Bryan Adams) ประสบความสำเร็จในอาชีพด้านดนตรีมานานกว่า 25 ปีแล้ว และมีผลงานติดอันดับสูงสุด รวมทั้งคอนเสิร์ท และมีเพลงที่ได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์ เขาได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 รางวัล รางวัลลูกโลกทองคำ 3 รางวัลในฐานะเพลงยอดเยี่ยม ครั้งแรกในปี 1992 สำหรับ (Everything I Do) I Do It for You จากเรื่อง Robin Hood: Prince of Thieves ในปี 1996 เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ และลูกโลกทองคำเป็นรางวัลที่ 2 สำหรับ Have You Ever Really Loved a Woman จากเรื่อง Don Juan DeMarco และในปีต่อมา เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสำหรับ I've Finally Found Someone เป็นการทำงานคู่กันของเขากับ บาร์บรา สไตรแซนด์ จากเรื่อง The Mirror Has Two Faces นอกจากนี้ เพลง (Everything I Do) I Do It for You ยังทำให้อดัมส์ได้รับรางวัลแกรมมี และรางวัล MTV ในฐานะเพลงยอดเยี่ยม ที่เขียนขึ้นเพื่อภาพยนตร์ และยังได้รับการจัดอันดับว่า เป็นซิงเกิลที่ติดอันดับหนึ่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีอังกฤษ ซิงเกิลดังกล่าว ยังเป็นซาวนด์แทร็กชิ้นหนึ่งของอดัมส์ที่ติดอันดับต้นๆ ในสหรัฐฯ ร่วมกับเพลง Heaven, All For Love (กับ ร็อบ สจ๊วตและสติง) และ Have You Ever Really Loved a Woman รางวัลมากมายของอดัมส์ยังมีรางวัล ASCAP สี่รางวัล รางวัลอเมริกันมิวสิค และรางวัล 17 คาเนเดียน จูน ส่วนในแคนาดาประเทศบ้านเกิด เขาได้รับรางวัล Officer of the Order of Canada and the Order of British Columbia และในปี 1990 เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น ศิลปินแห่งทศวรรษแห่งชาติ ยอดขายอัลบัมของอดัมส์ทั่วโลก รวมกันแล้วมากกว่า 60 ล้านชิ้น และตามด้วยอัลบัมฮิตอย่าง Summer of '69, Run to You, Straight From the Heart และ Cuts Like a Knife เขายังใช้ความสามารถของเขา ในงานการกุศลอีกด้วย ได้แก่ เดอะพริ้นซ์ทรัสท์, กรีนพีซ, กลุ่มนิรโทษกรรมนานาชาติ, การก่อตั้งสถานที่พักสำหรับปลาวาฬ และการหาหนทางรักษามะเร็งทรวงอก นอกจากงานดนตรีของเขาแล้ว อดัมส์ยังทำหนังสือสองเล่ม ที่เป็นภาพขาวดำของสตรีที่มีชื่อเสียงชาวแคนาดาและอังกฤษ รายได้ทั้งหมดมอบให้แก่มูลนิธิมะเร็งทรวงอกแห่งแคนาดา และเดอะ ฮาเวน ทรัสท์ (โครงการบ้านพักผู้เป็นมะเร็งทรวงอกในอังกฤษ)