ทริปสุดแคว้นแดนอีสาน(ตอนที่ 7: ชมสะพานมิตรภาพฝั่งลาว)

จากตอนที่แล้ว เรายังอยู่ที่ฝั่งลาวนะครับ กำลังจะออกสำรวจผืนแผ่นดินลาว เอาตรงจุดที่ใกล้กับแผ่นดินไทยที่สุด ก็คือ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่ผมไปเดินฝั่งไทยมาในตอนเช้า ที่ได้นำเสนอไปในตอนที่ 5 ซึ่งเขากำหนดให้เดินไปได้แค่ครึ่งสะพาน เลยรู้สึกขาดๆ อย่างไรชอบกล ในตอนนี้ก็เลยพาเดินชมฝั่งลาวอีกด้านให้ครบๆ ไปเลยในทริปเดียว

ซึ่งบรรยากาศสะพานมิตรภาพฝั่งลาวนี้จะแตกต่างจากฝั่งไทยโดยสิ้นเชิง แม้โครงสร้าง สถาปัตยกรรมจะเหมือนกัน จึงขอพาเพื่อนๆ ไปชมกัน ณ. บัดนี้ครับ

ก่อนอื่นขอวางลิ้งค์ในตอนที่แล้วให้ย้อนกลับไปดูได้ครับ

ตอนที่ 6: บนเส้นทางรถไฟจากไทยไปเมืองลาว
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10646504/E10646504.html

จากคุณ : mirage_II [14 มิ.ย. 54 15:03:51 ]
ความเห็นที่ 1

ก่อนอื่นขอกางแผนที่เดินทางช่วงนี้ในฝั่งลาว ที่แสดงด้วยเส้นสีเขียวครับ จากสถานีรถไฟท่านาแล้ง มายังเชิงสะพานมิตรภาพฝั่งลาว ครับ

เนื่องจากการเดินรถที่ สปป.ลาวนั้นชิดขวา ทำให้เกิดอาการงง อย่างมาก ตั้งแต่ การขับรถเมื่อจะเลี้ยวจะต้องคิดก่อน และยิ่งพอมาถึงบริเวณเชิงสะพาน ก็เกิดอาการงงทิศกันเข้าไปอีก โชคดีที่ผมไม่ได้ขับรถเองไม่งั้นคงพาวกวนอยู่แถวนั้นแน่นอน

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 15:18:31 ]
ความเห็นที่ 2

ภาพซ้าย : คงจำภาพสุดท้ายในตอนที่แล้วได้ว่า ผมกำลังจะขึ้นพาหนะใหม่ในการเดินทางในดินแดนลาว ซึ่งในบ้านเรานิยมเรียกว่า รถกระป๋องซูบารุ แต่ที่นั่น ทำกระบะท้ายเหมือนรถสองแถว ที่ขึ้นลงด้านท้ายรถ  ซึ่งผมได้มีโอกาสนั่งด้านหน้า เลยได้เก็บภาพเมืองลาวมาให้ชมกัน (เท่าที่ทำได้)

ภาพขวา : หลังจากวิ่งตัดทางรถไฟ ก็มาถึง บ้านดงโพสี ตามชื่อในป้ายซึ่งตอนนั้นผมอ่านไม่ออก... มาทราบอีกทีเมื่อเตรียมข้อมูลนี้เองครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 15:25:02 ]
ความเห็นที่ 3

นี่เป็นวิวข้างทาง ของ บ้านดงโพสี ครับ จะเห็นเด็กๆมาเล่นน้ำสงกรานต์เหมือนบ้านเรา วัดก็มีคล้ายกัน ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 15:27:33 ]
ความเห็นที่ 4

ภาพซ้าย : สุดถนนจาก บ้านดงโพสี ก็คือถนนขวางหน้า ถ้าหากวิ่งตรงไปก็ลงแม่น้ำโขง  ต้องเลี้ยวขวาไปทาง เวียงจันทน์ เห็นป้ายชื่อเมืองในภาษาลาว อ่านไม่ออก เดาไม่ถูกเลย "วราจัม" นับเป็นคำเฉพาะจริงๆ  ขนาดภาษาอังกฤษข้างล่างยังอ่านเป็น "เวียนเทียน" เลย...

ภาพขวา : เมื่อเลี้ยวขวามาแล้วก็จะมองเห็นสะพานมิตรภาพข้ามอยู่บนหัวไม่ไกลนักครับ (ประมาณได้สักครึ่งกิโลเมตร)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 15:32:12 ]
ความเห็นที่ 5

รถพาผมมาถึงใต้สะพานมิตรภาพ ผมขอลงคนเดียว แล้วให้ไปส่งคณะที่มาด้วย ตรงด่านรถเพื่อให้ไปซื้อของในร้านปลอดภาษี แล้ววนกลับมารับผมทีหลัง

เนื่องจากการเดินรถชิดขวา เลยทำให้งงๆ ตรงทางเข้าจุดชมสะพานเล็กน้อย คือทีแรกผมกลับคิดไปว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่รถจอด แต่ที่จริงอยู่ฝั่งเดียวกับที่รถวิ่ง เพียงแต่รถวิ่งเลยไปจอดประตู 1 ทั้งๆ ที่ผ่านประตู 2 ไปก่อนแล้ว..

ภาพซ้าย : เป็นด้านหน้าประตูเข้า มีเวลาเปิด-เปิดแจ้งให้ทราบ  (นี่ถ้าไม่มีตัวเลขละก็ไม่รู้ว่าเป็นป้ายอะไรเลย)   กับแผ่นกระดาษเล็กๆ ตรงเสา อ่านแล้วไม่รู้เรื่องเช่นกัน

ภาพขวา : เมื่อเดินเข้ามาไปสักครู่ รปภ.เขาก็ปิดประตูนี้ แล้วบอกให้ตอนออก ไปออกประตู 2 ที่อยู่ใกล้เต้นท์รับชำระเงินค่าขึ้นชมสะพาน ผมเลยหันกลับไปเก็บภาพประตู 1 อีกครั้ง

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 15:38:59 ]
ความเห็นที่ 6

ภาพซ้าย : เมื่อเข้ามาปุ๊บ รปภ.ที่ยืนอยู่ ในเครื่องแบบคล้ายทหาร ก็ได้ชี้มือให้ไปชำระเงินที่เต้นท์ในรูป

ภาพขวา : ระหว่างเดินก็มองออกมาที่ถนนหน่อย จะเห็นสะพานที่ข้ามไปฝั่งไทย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 15:41:18 ]
ความเห็นที่ 7

ก่อนมาที่นี่ผมเองก็เคยทราบแล้วว่าต้องเสียค่าธรรมเนียมการชมสะพานฝั่งลาว ในขณะที่ฝั่งไทยฟรี   ร้อนๆมา รู้สึกกลัวๆ กับกฏหมายในต่างประเทศ พอมาเห็นหน้า จนท.สาว ผู้รับชำระค่าธรรมเนียมการชมสะพาน ก็เกิดอาการประทับใจในความสวยของเธอ เลยขอเก็บภาพมาไว้เป็นที่ระลึกด้วย

เธอมาในชุดลำลองสบายๆ ไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบหรือผ้าซิ่นพื้นเมือง เลยขอสอบถามเล็กน้อยว่า เป็นจนท.หรือคนในครอบครัว มาช่วยเก็บเงิน....  ที่ สปป.ลาวนี้ เขาไม้เน้นแต่งเครื่องแบบเหมือนฝั่งไทย ตั้งแต่ นายสถานีท่านาแล้งแล้วครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 15:49:47 ]
ความเห็นที่ 8

หลังจากชำระเงินแล้ว สิ่งที่ได้ก็คือ ตั๋วค่าชมสะพาน ซึ่งผมได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกอีก แต่กลับจำไม่ได้ว่า เป็นตั๋วอะไร เพราะตอนที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งสองประเทศ จำได้ว่าเสียเงินแต่ไม่ได้ตั๋วอะไรกลับมา (คงเป็นการประทับตราลงในเอกสารผ่านแดนชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งก่อนเข้าไทยผมก็ลืมถ่ายภาพประทับตราไว้ด้วย เพราะไม่คิดว่า จนท.ตม.ฝั่งไทยจะเก็บเอกสารนี้คืนไปเลย) จนมาสะดุดกับคำว่า "ฉิ้มเบิ่ง"  น่าจะแปลว่า ดู เหมือนกับคำในภาษาลาว ว่า เบิ่ง นะครับ แถมได้ใบเดียวด้วยในขณะที่ผมไปกัน 3 คน เพราะผมขึ้นไปชมสะพานเพียงคนเดียว

อ้อ..ลืมบอกไปว่า ค่าขึ้นชมสะพาน 2,000 กีป...  เทียบเท่าเงินไทย 2,000/250 = 8 บาท ผมให้ธนบัตร 20 บาท มีค่าเท่ากับ 5,000 กีป ได้คืนมา 3,000 กีป

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 15:54:22 ]
ความเห็นที่ 9

ชมสะพานมิตรภาพฝั่งลาว ด้วยค่ะ ^^

จากคุณ : Tikgazza [14 มิ.ย. 54 16:03:57 ]
ความเห็นที่ 10

ได้ธนบัตรลาวกลับมา ผมเลยเก็บไว้เป็นที่ระลึกไม่ได้แลกคืนกลับ นำมา Scan ให้ดูกันเป็นรูป สตรีสวมชุดประจำชาติ  นับว่าแปลกดีที่ไม่ใช้รูปผู้นำประเทศบนธนบัตร

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:04:32 ]
ความเห็นที่ 11

สวัสดีครับ คุณTikgazza : ยินดีต้อนรับที่แวะเข้ามาชมในตอนนี้เป็นท่านแรกครับ

รับตั๋วแล้วก็หันไปดูเชิงสะพาน ทางขึ้นอยู่ด้านขวาคล้ายกับของไทยเรา แต่ที่นี่ดูเรียบๆ โล่งๆ ไม่สวยร่มครึ้มเหมือนของไทยเรา (ทั้งๆที่ เก็บเงินค่าขึ้นชมด้วย)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:09:05 ]
ความเห็นที่ 12

ภาพขวา : มาถึงสะพานเล็กๆ ข้ามร่องน้ำ เหมือนของไทย เพียงแต่ไม่ป้อมยามเท่านั้น

ภาพซ้าย : ข้ามร่องน้ำไป ก็เป็นทางลาดชันขึ้นไปบนเชิงสะพาน ดูโล่งคล้ายกับบ้านตัวอย่างของโครงการบ้านจัดสรรที่ยังไม่ได้ตบแต่งภายใน เมื่อเทียบกับฝั่งไทย ตามลิ้งค์ข้างล่างในตอน 5 นี้ครับ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10605851/E10605851.html#56

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:14:10 ]
ความเห็นที่ 13

ภาพขวา : ขึ้นมาบนเชิงสะพานแล้วมองไปทางฝั่งไทย ช่างโล่งจริงๆ พอดีบังเอิญไม่มีใครขึ้นมาช่วงเวลานี้เลย กลายเป็นผมขึ้นมาเพียงคนเดียวกลางแดดจ้าๆ เลย

ภาพซ้าย : นึกได้ว่าตรงเชิงสะพานนี้มีแผ่นจารึกข้อมูลเกี่ยวกับสะพานตั้งอยู่  แต่ที่ฝั่งนี้ไม่มี...

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:17:36 ]
ความเห็นที่ 14

มองหาแผ่นป้ายไปมา ไปเจออยู่ฝั่งตรงข้าม(ฝั่งเดียวกับของไทย คือริมสะพานฝั่งเหนือ) เดี๋ยวผมต้องข้ามไปเก็บภาพรายละเอียดชัดๆ ที่ฝั่งโน้น  โดยลงไปข้างล่างแล้วขึ้นมาอีกด้าน เพราะกลัวเขาห้ามเดินข้ามถนน

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:21:19 ]
ความเห็นที่ 15

หันกลับมาดูทางที่เดินขึ้นมา ไร้ผู้คนจริงๆ ดูเงียบเหงาชอบกล (รู้สึกเหมือนใกล้จะปิดเลย ทั้งๆที่เวลาตอนนั้นคือ บ่ายสามโมงเย็น)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:23:50 ]
ความเห็นที่ 16

เดินไปดูจุดเลี้ยวของถนน แหม...ไกลกว่าฝั่งไทยเยอะ  มองเห็นป้ายอะไรอยู่ เลยเดินอ้อมไปเก็บภาพ เป็นป้ายยินดีต้อนรับเข้าประเทศลาวครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:26:31 ]
ความเห็นที่ 17

เดินลงมาจากเชิงสะพานมองไปทั้งสองด้าน

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:28:04 ]
ความเห็นที่ 18

ภาพซ้าย :  เดินผ่านหน้าเต็นท์รับเงินค่าชมสะพาน หันไปดูสะพานข้างบน ทางขึ้นอีกด้านต้องวนอ้อมไปทางขวา

ภาพขวา : แหงนขึ้นไปมองเสาธงชาติลาว ในมุมนี้ดูโดดเด่นมาก

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:30:12 ]
ความเห็นที่ 19

ขอเก็บภาพใต้สะพานตรงนี้หน่อย (คล้ายกับที่ฝั่งไทย)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:31:10 ]
ความเห็นที่ 20

ภาพซ้าย : ทางที่ขึ้นไปชมสะพานด้านนี้ ดูเงียบเหงาไม่แพ้ด้านโน้นเลย..

ภาพขวา :  หันกลับไปมองทางโค้งที่เดินผ่านมาอีกที...

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:33:27 ]
ความเห็นที่ 21

ทางขึ้นอีกด้าน ดูร่มกว่าด้านโน้นเล็กน้อย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:34:30 ]
ความเห็นที่ 22

มาถึงป้ายจารึกข้อมูลสะพานฝั่งลาวแล้วครับ ขอนำแสดงข้อมูลเฉพาะภาษาลาว ซึ่งตอนนี้ผมทราบแล้วว่า คำว่าสะพานในภาษาลาวเขาเรียกว่า "ขัว" ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:37:12 ]
ความเห็นที่ 23

ภาพซ้าย : หันไปดูด้านตรงข้าม (ด้านใต้) ก็จะเห็นป้ายโฆษณาโรงพยาบาลวัฒนา ที่มีรูปเด็กทารกอยู่  สังเกตุตัวอักษรมุมล่างซ้าย "WATCHING ME   WATCHING YOU? WATCH ROAD!  คงกลัวคนขับรถดูป้ายเพลินจนลืมดูทางข้างหน้า..ฮา

ภาพขวา : ข้างหน้าผม คือทางเดินอันยาวไกลท่ามกลางแดดยามบ่าย แบบไม่มีเครื่องป้องกันใดๆ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:44:28 ]
ความเห็นที่ 24

เวลามีน้อย เดี๋ยวรถโดยสารเขาก็คงมารออยู่ข้างล่าง ผมเลยออกเดินทันที  ช่วงที่สะพานอยู่เหนือถนน มองไปทางซ้ายมือจะเห็นทางที่ผมมาจาก สถานีท่านาแล้ง

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:46:09 ]
ความเห็นที่ 25

มองไปทางขวา คือทางไปสู่ ด่านศุลกากรฝั่งลาว ถ้าหากเลยไปก็คือ เมืองเวียงจันทน์ ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:50:23 ]
ความเห็นที่ 26

การเดินขึ้นมาบนสะพาน นี้อาจทำให้รู้สึกงงๆ กับทิศทางต่างๆ ได้ เพราะเป็นการวนกลับทิศตรงทางขึ้นเชิงสะพาน จึงขอนำภาพแผนที่บริเวณสะพาน และด่านศุลกากรฝั่งลาวมาให้ชมกันเลย จะได้ไม่งงทิศ

จากภาพข้างล่าง ผมกลับเดินลงทิศใต้ จากฝั่งซ้ายของถนน (ฝั่งประตู 1) ลงไปยังสะพานมิตรภาพด้านล่างของภาพ ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:53:50 ]
ความเห็นที่ 27

ตอนนี้ใกล้ถึงแม่น้ำโขงแล้ว พื้นที่ข้างล่างเป็นที่โล่ง มีกองรางรถไฟกองใหญ่อยู่ คงจะเป็นที่ของการทางฝั่งลาวเช่นกัน

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:55:33 ]
ความเห็นที่ 28

ตอนนี้กำลังผ่านรอยต่อสะพาน ระหว่างบนบกกับในน้ำ ที่ต้องทำแยกกันแบบเดียวกับฝั่งไทย เพื่อลดความเสียหายของสะพานเมื่อมีการขยับตัวเมื่อมีรถวิ่ง

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:57:37 ]
ความเห็นที่ 29

ตอนนี้กำลังจะพ้นชายฝั่งลาว นับเป็นภาพที่สวยไม่น้อย   เมื่อมองเทียบกับฝั่งโน้นของไทยแล้วช่างต่างกันลิบลับ คือฝั่งไทยมีหาดทรายยาว มีคนมาเล่นน้ำกันมากมาย ในขณะที่ฝั่งนี้ไม่มีใครสักคนเลย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 16:59:50 ]
ความเห็นที่ 30

จากริมตลิ่งฝั่งลาวนี้ ผมใช้กล้องซูมภาพริมฝั่งไทยมาดูใกล้ๆ หน่อยครับ  โอ้โฮ..คนเยอะจริงๆ มากกว่าตอนเช้ามาก  แถมได้เห็นถนนที่ลงมายังหาดอยู่ตอนเหนือด้วย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:01:44 ]
ความเห็นที่ 31

ระหว่างเดินไม่มีอะไรน่าสนใจนัก เลยรีบเดินมาถึงกลางสะพานรวดเดียวครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:02:59 ]
ความเห็นที่ 32

ลองมองไปยังหาดจอมมณีฝั่งไทยอีกที คนเยอะมากๆ ชนิดเรียกว่าหาดบางแสนอายเลย  อาจเป็นเพราะว่าน้ำตื้นเลยทำให้คนมีพื้นที่ลงไปเล่นได้มาก อากาศก็ร้อนสุดๆ  แต่ผมอยู่บนสะพานลมแรงเลยไม่ค่อยร้อนเท่าใดนัก

ในด้านซ้ายของภาพจะเห็นทางลงหาดที่ผ่านแขวงการทาง (จุดที่ผมส่งคนอีกกลุ่มหนึ่งลงที่นี่ก่อนข้ามมายังฝั่งลาวนี้ครับ)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:06:36 ]
ความเห็นที่ 33

เอากล้องซูมภาพด้านเหนือของหาดจอมมณีมาดูใกล้ๆ เห็นคนขับเจ๊ทสกีกันสนุกเลย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:24:23 ]
ความเห็นที่ 34

ภาพบน : มองข้ามป้าย "ห้ามผ่าน" ไปยังฝั่งไทย จะเห็นป้ายห้ามผ่านฝั่งไทย ที่เมื่อเช้าผมเข้ามาได้ถึงตรงนั้นครับ

ภาพล่าง : ไหนๆ ก็แล้วขอเก็บภาพฝั่งตรงข้าม โดยไม่ต้องย้อนลงไปที่เชิงสะพานใหม่ โดยวิ่งข้ามสะพานเอาเอง...ฮา  ก็ป้ายเข้าห้ามผ่านไม่ได้ห้ามข้ามถนนนี่นา... (เมื่อเช้าผมเองก็สังเกตุเห็นบางคนข้ามถนนกลางสะพานเช่นกัน)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:40:16 ]
ความเห็นที่ 35

มาฝั่งนี้ของสะพาน จะมองเห็นหาดจอมมณีด้านใต้ ที่แปลกไปจากด้านเหนือ ผมเองก็เพิ่งสังเกตุเห็นซากเรือใหญ่อยู่บนฝั่งด้วย  ถ้ามีโอกาสได้ไปหนองคายอีก จะลองไปเดินเล่นใต้สะพานฝั่งไทยบ้าง

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:42:04 ]
ความเห็นที่ 36

ผมมองเลยไปทางใต้ของแม่น้ำโขงต่อไป จะเห็นเวิ้งน้ำที่กว้าง ฝั่งโน้นของไทยคือ จ.หนองคาย สังเกตุให้ดีจะเห็นโรงแรมที่พักผมสีเขียวๆ ด้วย มีจุดสังเกตุคือแพริมน้ำ (ที่ผมใช้เป็นภาพเปิดกระทู้ตอน 5)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:43:56 ]
ความเห็นที่ 37

เสียงดังกระหึ่มมาจากฝั่งลาว ผมหันไปมอง เห็นรถบรรทุกขนาดใหญ่กำลังวิ่งข้ามสะพานไปฝั่งไทย นานๆ จะได้เห็น ส่วนใหญ่เป็นรถตู้ กับรถปิ๊คอัพ ที่ข้ามไปมาบนสะพานแห่งนี้ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:46:52 ]
ความเห็นที่ 38

ผมเริ่มเดินกลับละ

ภาพซ้าย : สังเกตุเห็นท่อยาวๆ หลายอันเรียงรายกัน ผมไม่แน่ใจว่าเป็นประปา หรือชลประทานกันแน่

ภาพขวา : ผมเดินมาจนถึงแนวฝั่งลาว หันไปดูใกล้ๆอีกที ก็ยังไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นหน่วยงานอะไร

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:50:45 ]
ความเห็นที่ 39

ขอไปชมสะพานและเที่ยวลาวด้วยคนครับ


ขอบคุณครับ

จากคุณ : r1sph [14 มิ.ย. 54 17:52:33 ]
ความเห็นที่ 40

เดินๆๆ... แดดก็จ้าไม่ยอมหุบบ้างเลย.. มองเห็นป้ายสวยรูปสวยๆยกมือไหว้อยู่ริมทาง เป็นป้ายเดียวกับรูปเด็กทารกในคห.23  แต่ด้านนี้เป็นของบริษัทการสื่อสาร บริษัทเดียวกับที่เห็นตรงสามแยกในคห.4

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:54:16 ]
ความเห็นที่ 41

สวัสดีครับ คุณr1sph : ด้วยความยินดีครับ เชิญติดตามต่อได้เลย ยังมีให้ชมอีกเยอะ

ภาพระหว่างทางเดินกลับ ฝั่งขวามือ ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 17:56:46 ]
ความเห็นที่ 42

ภาพบน : เดินกลับมาใกล้จะถึงจุดที่ขึ้นมาครั้งแรกในคห.15 มองเห็นทางโค้งถนนอยู่ไกลมากๆ

ภาพล่าง : เลยใช้กล้องซูมภาพ ดึงเข้ามาดูใกล้ๆ สังเกตุเห็นแนวรางรถไฟดูคดๆ อย่างไรชอบกล  คงเป็นเพราะช่วงที่อยู่บนถนนนั้นเป็นทางลาดลง แต่พอช่วงรางโล่งๆ นั้นอยู่ในแนวราบพื้นดินเลยดู งอขึ้นมาเล็กน้อย รถไฟเวลาวิ่งถึงตรงนี้ต้องชะลอความเร็ว ผมจำได้ว่าตอนขามา รถไฟกระโดดขย่มขึ้นลงไม่น้อยเลย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:02:06 ]
ความเห็นที่ 43

ก่อนลงขอไว้ลาย ภาพเด็ดหน่อย คือลงไปถ่ายภาพรางรถไฟตรงๆ ต้องรอจังหวะรถโล่งๆ หน่อย จึงได้สองภาพนี้ ในภาพล่าง จะสังเกตุเห็นรอยต่อของเกาะกลางราง ที่แตกต่างกัน ซึ่งผมกลับมาภาพในฝั่งไทย ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันครับ  คือบนสะพานหล่อเป็นแท่งคอนกรีตนูนจากพื้นถนนเล็กน้อย ในขณะที่เชิงสะพานเป็นแผ่นยกได้ ในระดับเดียวกับถนน มาวางไว้ตรงกลางรางแทน

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:07:45 ]
ความเห็นที่ 44

ตอนนี้ผมลงมาข้างล่าง ออกมาข้างนอกแล้ว  รถที่มารอรับผมจอดรออยู่ใต้สะพาน คนขับได้แนะนำให้ผมเข้าไปชมแม่น้ำโขงใต้สะพานด้วย ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่ค่อยกล้า มันดูโล่งๆ ไม่เห็นมีใครเข้าไป คงเป็นสถานที่ราชการ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:16:29 ]
ความเห็นที่ 45

ผมเลยเดินเก็บภาพรอบๆ ใต้สะพานไปพลางๆ ก่อน สังเกตุป้ายห้ามจอดรถใต้สะพานในระยะ 50 เมตร แต่คำว่ารถ เขียนว่า "ลัด"  อ่านยากจริงๆ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:18:41 ]
ความเห็นที่ 46

เดินลอดสะพานมาอีกด้าน เก็บภาพ 2 ภาพมาต่อกันแบบไม่ได้ตั้งใจ..(เลยดูไม่ค่อยดีนัก)  สังเกตุเห็นว่าด้านนี้มี โครงเหล็กป้ายโฆษณาอีกอันกำลังสร้างขึ้นไปอยู่ด้วย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:21:01 ]
ความเห็นที่ 47

ผมลองข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เพราะเห็นป้ายอะไรใหญ่ๆ แต่เก่าหน่อย

เป็นป้ายบอกข้อมูลเกี่ยวกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งนี้ ในสองภาษา ดูแล้วละเอียดกว่าป้ายจารึกบนเชิงสะพานมาก แต่ก็อ่านยากพอดู

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:23:53 ]
ความเห็นที่ 48

ผมมายืนตรงประตูเข้าด้วยความลังเลว่า เข้าได้จริงหรือไม่ เพราะเห็นป้ายตรงประตูเก่าๆ ที่พอคาดเดาได้ว่า "เขตหวงห้าม" กลัวจะเป็นแบบกรณี คนไทยถูกกัมพูชาจับ  เพราะตอนนี้เอกสารใบผ่านแดนชั่วคราวไม่ได้อยู่ที่ผม ดันไปรวมอยู่กับกลุ่มที่ไปซื้อของที่ร้านปลอดภาษีด่านศุลกากรลาวโน้น  ถ้ามีอะไรขึ้นมา คงลำบากที่จะเอาตัวรอดออกมา

พอดีมีคนขี่มอเตอร์ไซด์ออกมา ผมเลยถามดูว่า เข้าไปเที่ยวชมใต้สะพานได้ไหม เขาบอกได้ ผมเลยรวบรวมความกล้า ก้าวเท้าผ่านประตูเข้าไป....แหม..ชื่อสถานที่ ในรูปขวา ผมก็ยังอ่านไม่ออกเลย "ด่านสาทึมขัวมิตรภาพ  สโมสรกีฬาในร่มดอกปีกไก่" ดอกปีกไก่ นี้จะใช้แบตมิตตันหรือเปล่าไม่ทราบ งานนี้ต้องเดากันน่าดู

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:31:31 ]
ความเห็นที่ 49

ผมเดินเข้ามาใต้สะพานแล้ว บรรยากาศเงียบสงบมาก ต่างกับฝั่งไทยด้านโน้นที่ครึกครื้นกันมาก

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:33:20 ]
ความเห็นที่ 50

ผมเดินมาถึงริมโขงแล้ว อยู่ตรงกลางแนวสะพานพอดี เก็บภาพฝั่งไทยได้ทั้งสองด้านของหาดจอมมณีเลย ด้านเหนือจะทอดยาวกว่าด้านใต้หลายเท่าเพราะมีหาดทรายยาวกว่ามาก

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:35:40 ]
ความเห็นที่ 51

ภาพขวา : ตรงนี้มีเก้าอี้นั่งชมวิวด้วย ภาพที่เห็นก็คือใต้สะพานดังในภาพซ้าย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:37:24 ]
ความเห็นที่ 52

ใช้กล้องซูมดูภาพหาดจอมมณี ในระดับใกล้ผิวน้ำ กันหน่อย (แตกต่างจากเมื่อครู่ที่ดูจากบนสะพานในมุมสูง)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:39:06 ]
ความเห็นที่ 53

อ้อมเสาไปซูมดูหาดจอมมณีด้านใต้บ้าง ภาพนี้ต้องถ่ายจากฝั่งลาวเท่านั้นครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:40:18 ]
ความเห็นที่ 54

ภาพซ้าย : แหงนดูสะพานช่วงรอยต่อบ้าง ซึ่งได้เห็นจากด้านบนมาแล้วในคห.28 แทบไม่น่าเชื่อว่าจะวางคานสะพานห่างกันขนาดนี้เลย

ภาพขวา :  อยู่ๆ ก็มีอะไรวิ่งกันมาเป็นฝูง นึกว่าสุนัขเสียอีก...  อ้อ แพะนี่เอง ที่นี่มีแต่แพะไม่มีคน (ยกเว้นคนเลี้ยงแพะ ที่นั่งอยู่ไกลๆ โน้นคนเดียว) ช่างเป็นธรรมชาติที่สงบจริงๆ  แพะฝูงนี้รู้สึกงงๆ ว่าผมมาทำอะไรตรงนี้ และยกกล้องถ่ายภาพพวกมัน...  โชคดีที่เป็นแพะ ถ้าหากเป็นวัวควายละก็ ผมคงต้องรีบหลีกทางให้พวกมันแล้ว

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:45:01 ]
ความเห็นที่ 55

ภาพบน : ผมเดินออกมาจากริมแม่น้ำโขง เพื่อเปิดให้ฝูงแพะได้เดินผ่านไป  ดูไกลๆ คล้ายกับสุนัข แต่แน่นอนสุนัขไม่มีทางเดินกันเป็นระเบียบแบบนี้แน่นอน  แถมจะเห่าหรือลงมาไล่งับผมได้อีก...เสียวน่อง

ภาพล่าง : ผมหันหน้าเดินกลับไปทางประตูละ จึงได้เจอกับกองรางรถไฟที่มากมายอยู่ด้านนี้ของสะพาน  คงสั่งไว้เยอะตอนช่วงสร้างรางรถไฟ  แต่ดูไม่น่าจะพอสร้างไปถึง เวียงจันทน์ได้ เลยนำมาเก็บไว้ตรงนี้เพื่อกันขโมย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 18:49:55 ]
ความเห็นที่ 56

เดินมาถึงกองรางรถไฟ จะมองเห็นทางขึ้นชมสะพานมิตรภาพ ฝั่งตรงข้าม ครบทั้งสองประตู  ซึ่งผมได้มาจาก สถานีท่านาแล้งด้านขวามือ แล้วจะไปด่านศุลกากรด้านซ้ายมือต่อไป

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 19:03:41 ]
ความเห็นที่ 57

ก่อนออกไปจากพื้นที่ใต้สะพานของการทางลาว ขอเก็บภาพสะพานอีกภาพชัดๆ ดูสวยดีได้มาเป็นภาพเปิดกระทู้ในตอนนี้ด้วยครับ

จากภาพจะสังเกตุได้ว่า เสาตอม่อตรงรอยต่อสะพานจะมีผิวเป็นรอยขนานในแนวดิ่งคล้ายตอม่อในน้ำไม่เหมือนกับตอม่ออื่นๆ บนบก ที่จะมีผิวเรียบ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 19:07:58 ]
ความเห็นที่ 58

เดินกลับออกมาที่ริมถนน เก็บภาพสะพาน และด้านหน้าของทางขึ้นชมสะพานด้วย ก่อนจะออกเดินทางต่อไป

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 19:09:45 ]
ความเห็นที่ 59

ผมข้ามถนนไปขึ้นรถต่อไปยังด่านศุลกากรลาว ซึ่งมีซุ้มประตูเข้าที่ดูอลังการณ์ไม่เบา มีป้ายอยู่ด้านหน้าสองด้าน ซึ่งขอขยายมาให้อ่านกันชัดๆ หน่อย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 19:24:22 ]
ความเห็นที่ 60

ภาพซ้าย : เลี้ยวเข้ามาแล้ว เป็นถนนตรงยาวไกลพอสมควร

ภาพขวา : ก่อนถึงโค้งขวาด้านหน้า ก็จะเห็นลานจอดรถส่วนตัวด้านขวามือ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 19:25:36 ]
ความเห็นที่ 61

ขอบคุณมากๆครับผม

จากคุณ : digimontamer [14 มิ.ย. 54 20:06:25 ]
ความเห็นที่ 62

ตรงทางโค้งนี้ จะมีรูปอดีตประธานประเทศ "ท้าวไกรสอน พรหมวิหาร" ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา มาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ โดยเวียดนาม ได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว" หรือ สปป.ลาว ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2518  (น่าแปลกที่ใช้ชื่อประชาธิปไตยทั้งๆที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์)  จนถึงในปี พ.ศ.2535 ถึงได้แก่อสัญกรรมไป

ที่มาของข้อมูล :http://www.unlimit-travel.com/board/viewtopic.php?t=57

สำหรับประวัติ ประเทศลาวนี้ ผมขอกล่าวพอสังเขปให้ทราบกันไว้ดังนี้นะครับ

เริ่มจาก ปีพ.ศ.1896 เจ้าฟ้างุ้ม ได้ก่อตั้งอาณาจักรล้านช้าง โดยรวมเอาเวียงจันทน์ หัวเมืองเมืองพวนทั้งหมด และหัวเมืองในที่ราบสูงโคราช โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเชียงดง-เชียงทอง ภายใต้การช่วยเหลือของกษัตริย์เขมร ซึ่งต่อมาได้รับ "พระบาง" จากราชสำนักเขมร จึงเปลี่ยนชื่อเมืองเชียงดง-เชียงทองเป็นเมืองหลวงพระบาง ใช้เป็นเมืองหลวง

ต่อมา พระยาสามแสนไทไตรภูวนาถ โอรสของพระเจ้าฟ้างุ้มได้ขึ้นครองราชย์ต่อ แต่บ้านเมืองตกต่ำเกิดกบฎ สงครามภายในจนปี พ.ศ.2063 พระโพธสารราชเจ้าขึ้นครองราชย์ ได้รวบรวมแผ่นดิน และย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ เวียงจันทน์ มีพระราชโอรสชื่อ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้โปรดให้ไปครองอาณาจักรล้านนา  จน พระโพธิสารได้เสด็จสวรรคต พระเจ้าไชยเชษฎาธิราชจึงได้ปกครองแทน และได้อัญเชิญ "พระแก้วมรกต"จาก เชียงใหม่ ไปอยู่ที่เวียงจันทน์

อาณาจักรล้านช้างได้มีความมั่นคงอยู่นานหลายรัชกาล จนถึงสมเด็จพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ที่ความเจริญพุ่งขึ้นสูงสุด หลังจากพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตแล้ว ล้านช้างแตกออกเป็น 3 อาณาจักร คือ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ และอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์  ต่างถูกประเทศเพื่อนบ้านแบ่งกันปกครอง คือ จีน เวียดนาม และไทย (ตอนนั้นชื่อสยาม)

จนปี พ.ศ.2322 ไทยสมัยพระเจ้าตากสินได้ยึดลาวได้ทั้งสามอาณาจักร ได้อัญเชิญพระแก้วมรกต และ พระบางมาไว้ที่วัดอรุณฯ (ต่อมาในสมัย รัชกาลที่ 1 ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาไว้ที่วัดพระแก้ว จนปัจจุบัน และ พระบางคืนให้ลาวไป)

ต่อมาในพ.ศ.2365 เจ้าอนุวงค์ได้พยายามกอบกู้เอกราชแต่ไม่สำเร็จถูกไทยในสมัยรัชกาลที่ 3 ยึดคืน เผาเมืองปล้นสะดมภ์ กวาดต้อนคนในเวียงจันทน์ เหลือวัดเดียวที่ไม่โดนไฟไหม้ คือวัดสีสะเกด

ปี พ.ศ.2428 จีนฮ่อจากมลฑลยูนานได้เข้ามาตีลาว ไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ส่งกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ไปขับไล่จีนฮ่อออกไปได้สำเร็จ

ปี พ.ศ.2436 ฝรั่งเศสได้เข้ามายึดลาว ไทยจึงเสียลาวให้ฝรั่งเศสไป หลังจากปกครองลาวมา 114 ปี   ลาวจึงปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ภายใต้การดูแลของฝรั่งเศส

ปี พ.ศ.2492 ได้เกิดขบวนการคอมมิวนิสต์ในลาว โดยได้รับการสนับสนุนจากเวียดนาม ต่อมาใน ปี พ.ศ.2495 ลาวในส่วนที่ติดกับเวียดนามได้ก่อจลาจล กับฝรั่งเศสโดยการช่วยเหลือจากเวียดนาม จนต่อมา ฝรั่งเศสแพ้สงครามเวียดนามที่เดียนเบียนฟู  ฝรั่งเศสจึงยอมถอนออกจากลาว ทำให้ลาวได้รับเอกราช...แต่คนลาวได้แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ สนับสนุนกษัตริย์(ฝ่ายขวา) กับ สนับสนุนขบวนการคอมมิวนิสต์(ฝ่ายซ้าย)

พ.ศ.2498 ลาวได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ    พ.ศ.2503 เริ่มเกิดจลาจล จนในปี พ.ศ.2518 ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ยึดเวียดนามสำเร็จ จึงไปยึดกัมพูชา และลาว ทำให้ เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนาถูกปลดออกจากราชบัลลังก์ ลาวเปลี่ยนเป็น สปป.ลาว โดยท้าวไกรสอน พรหมวิหารเป็นประธานประเทศ ที่เคร่งครัดในระบอบคอมมิวนิตส์ จำกัดเสรีภาพประชาชนอย่างมาก จนมีคนหนีออกนอกประเทศกันเยอะ

จนต่อมา พ.ศ.2535 ได้ถึงแก่อสัญกรรม นายหนูฮัก พูมสะหวัน ได้ขึ้นมาเป็นประธานประเทศแทน ได้เริ่มผ่อนปรนเสรีภาพต่างๆ จนมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับไทย และสร้างสะพานมิตรภาพแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ.2537

ในปีพ.ศ.2540 ลาวก็ได้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน และ ใน พ.ศ.2548 ครบรอบ 30 ปีของการสถาปนาประเทศ สปป.ลาว  ได้มีการสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่สองที่ จ.มุกดาหาร เปิดใช้เมื่อ ปี พ.ศ.2550

และล่าสุด สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่สาม ที่จ.นครพนม ก็ได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ (พ.ศ.2554)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 20:26:29 ]
ความเห็นที่ 63

ขอบคุณที่พาข้ามไปเที่ยวลาวครับ

จากคุณ : เล็กทาโร่ [14 มิ.ย. 54 20:44:49 ]
ความเห็นที่ 64

สวัสดีครับ คุณdigimontamer : ขอบคุณมากสำหรับกิฟท์ให้กำลังใจครับ   ผมมัวแต่ไปยุ่งกับประวัติศาสตร์นานไปหน่อย  แต่ก็ได้ความรู้หลายเรื่อง

แต่ยังติดลม ขอเพิ่มเติมอีกนิด พอดีระหว่างค้นหารูปพระบาง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า เป็นอย่างไร ผมเพิ่งทราบว่า เมืองหลวงพระบางมีชื่อเรียกตามองค์พระบางนี่เอง ก็เลยได้ทราบความเชื่อของชาวล้านนาเกี่ยวกับพระพุทธรูปสององค์นี้ ไม่ถูกกัน จนเกิดเรื่องร้ายๆในบ้านเมืองมาตลอด ตั้งแต่ คราว พระเจ้าไชยเชษฐาเชิญพระแก้วมรกตจากเมืองเชียงใหม่ไปไว้ด้วยกับพระบางที่เมืองหลวงพระบาง เมืองเชียงใหม่ก็เป็นกบฎ พม่าเข้ามาเบียดเบียนจนต้องย้ายเมืองหลวงมาที่เวียงจันทน์  ในครั้งนั้นก็ย้ายพระทั้งสององค์มาไว้ที่เวียงจันทน์ แล้วก็เสียกรุงให้ธนบุรี  ต่อมาพระเจ้าตากสินท่านก็อัญเชิญพระพุทธรูปสององค์มาไว้ที่กรุงธนก็เกิดจลาจลยึดอำนาจอีก ซึ่งเรื่องนี้ เจ้านันทเสนบุตร พระเจ้าล้านช้างกราบบังคลทูลรัชกาลที่ 1 ซึ่งทรงทราบดังนั้นก็โปรดให้คืนพระบางไปให้ลาว ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ในหอพระบาง พิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพระบาง

ที่มาของรูปพระแก้วมรกต :http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3

ที่มาของข้อมูลและภาพของพระบาง :http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 20:53:11 ]
ความเห็นที่ 65

สวัสดีครับ คุณเล็กทาโร่ : กำลังมันส์อยู่กับการบรรยายวิชาประวัติศาสตร์อยู่..อิอิ  

ดังนั้นถ้าหากใครได้ไปเที่ยวเมืองหลวงพระบาง ก็อย่าลืมแวะไปไหว้พระบางที่พิพิธภัณฑ์หลวงพระบางด้วยนะครับ

มาต่อกันอีกนิดใกล้พักกระทู้ กลับบ้านแล้วละครับ
คือ ตอนนี้ก็มาถึงด้านหน้าอาคารด่านพรมแดนลาวแล้วครับ สร้างได้สวยงามเหมือนศาลา หรือ ศูนย์ประชุม อะไรทำนองนั้นเลยครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 20:57:53 ]
ความเห็นที่ 66

เดินเข้าไปใกล้หน่อย จะเห็นอาคารร้านปลอดภาษีอยู่ด้านขวาครับ แต่ทางเข้าดันอยู่ลึกเข้าไปตรงบริเวณด่าน เลยต้องเดินกันไกลหน่อย เป็นที่น่าแปลกที่ไม่มีร้านขายน้ำอะไรแถวด่านเลย จะซื้อแค่น้ำดื่มต้องเข้าไปในร้านค้าปลอดภาษีโน้นเท่านั้น

ตรงเกาะกลางมีป้ายบอกช่องทางเข้าของรถที่จะข้ามไปประเทศไทย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 21:02:11 ]
ความเห็นที่ 67

ตอนที่ผมไปถึงใหม่ๆ โทรศัพท์ก็โทรติดต่อกับแฟนและคุณตาที่อยู่ในร้านปลอดภาษีไม่ได้ ผมเองก็ไม่มีเอกสารผ่านแดนในตัวเลย จะปล่อยคนขับรถกลับก็กลัวเดี๋ยวไม่มีใครอ้างอิงว่าเข้าประเทศมาได้อย่างไรกัน  ต้องรอกันประมาณ 15 นาที ถึงจะเดินออกมา เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้องเลย เพราะไหนจะหิวน้ำ ปวดฉี่ แต่ไม่สามารถเดินไปไหนได้  นี่ถ้าหากมีรปภ.มาไล่รถโดยสารที่มาจอดในบริเวณห้ามจอดอีก...คงลำบากน่าดู เข็ดเลย ดันลืมเอกสารใบผ่านแดนไว้ที่แฟนได้ ก็เพราะรีบร้อนลงไปดูสะพานนั่นแหละ และไม่คิดว่า จะโทรติดต่อกันไม่ได้ เนื่องจากแฟนไปซื้อมือถือแล้วถอด SIM ไปทดลองจนเครื่องล๊อคสัญญาณประเทศลาว จนกลับมาฝั่งไทยแล้วปิด-เปิดเครื่องใหม่จึงใช้โทรศัพท์ได้ตามปกติ..เฮ้อ..

ภาพขวา : ก่อนจากกับคนขับรถ นอกจากชำระค่าโดยสารทั้งหมดในราคาย่อมเยา จดเบอร์โทรศัพท์ แล้วก็ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย เขาเป็นกันเองมาก นอนรอผมเดินสำรวจสะพานกว่าครึ่งชั่วโมง

ภาพซ้าย : ขอขยายภาพช่องทางเข้าด่านของรถต่างๆ ซึ่งผมเองก็เพิ่งเห็นว่ารถจักรยานและมอเตอร์ไซด์ก็ผ่านได้ เพียงแต่ไม่เห็นมีใครเขานำวิ่งข้ามกัน  อ้อ..เหลือบเห็นรถมอเตอร์ไซด์ ซูเปอร์ไบต์ ของฝรั่งคันเดียววิ่งข้ามสะพาน  แปลกจริงๆ คิดว่าพวกเขาน่าจะใช้ช่องทางอื่นเช่นทางเรือ แทน หรือไม่ก็ต้องใช้เอกสารยุ่งยาก เลยไม่นิยมข้ามสะพานด้วยรถสองล้อกัน

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 21:13:09 ]
ความเห็นที่ 68

รายละเอียดเพียบเหมือนเคยนะคะ    ขอเวลาย้อนกลับไปอ่านก่อนค่ะ

จากคุณ : ป้าฟู [14 มิ.ย. 54 21:13:22 ]
ความเห็นที่ 69

สวัสดีครับ คุณป้าฟู : ด้วยความยินดีครับ ไม่พลาดเช่นเคยนะครับ เดี๋ยววันนี้ดึกแล้วคงขอพักกระทู้ไว้ก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อให้จบครับ

ก่อนพักกระทู้ขอวางภาพนี้ เป็นทางเข้าด่านพรมแดน ซึ่งมีตัวอักษรอยู่บนคานใต้หลังคา ซึ่งผมอ่านไม่ออก(อีกเช่นเคย) ใครพอทราบก็ช่วยเพิ่มเติมมาได้นะครับ  ส่วนภาพขวานั้นคือ ป้ายข้อมูลตรงทางเดินเข้า เป็นข้อบังคับการนำเงินเข้าออกประเทศ ที่ไม่เกิน 100 ล้านกีป หรือ 4 แสนบาทไทย (อัตราแลกเปลี่ยน 250 กีป ต่อ 1 บาท)

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [14 มิ.ย. 54 21:18:13 ]
ความเห็นที่ 70

มาเก็บรายละเอียดข้อมูลต่างๆด้วยคนครับ

จากคุณ : Destiny-Boy [14 มิ.ย. 54 21:52:01 ]
ความเห็นที่ 71

สุดยอดจริงๆครับ สำหรับข้อมูล และรายละเอียด

จากคุณ : spras77 [14 มิ.ย. 54 23:19:06 ]
ความเห็นที่ 72

วิ่งมากะจะเบียดนั่งหน้ารถไม่ทัน
เกาะขึ้นนั่งท้ายรถไปเที่ยวต่อค่ะ  
ขอบคุณสำหรับรายละเอียดมากๆนะคะ

จากคุณ : สาวหน้าใส [14 มิ.ย. 54 23:55:46 ]
ความเห็นที่ 73

สวัสดีครับ คุณ Destiny-Boy, spras77 และคุณ สาวหน้าใส : ด้วยความยินดีครับ ยังทันครับ เชิญติดตามต่อไปได้เลยครับ

เมื่อก้าวเข้ามาในอาคารด่านพรมแดน  จะเห็นธนาคารเขียวๆ นึกว่า เป็นธ.กสิกรไทย แต่ที่ไหนได้ เป็น ธ.พงสะหวัน (ชื่อเสียวๆชอบกล) ที่เป็นธนาคารเอกชนอันดับหนึ่งในประเทศลาว บริหารโดยคุณอ๊อด พงสะหวัน ที่กำลังรุ่งในปัจจุบัน

ใกล้ๆกัน สีแดงๆ เป็นศูนย์บริการโทรศัพท์ลาวเทเลคอม เจ้าเดียวกับที่เห็นในแผ่นป้ายโฆษณาที่ผ่านตามานั่นเอง

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 14:43:44 ]
ความเห็นที่ 74

ถัดเข้าไปก็คือสิ่งที่ต้องการในตอนนี้ คือ ห้องสุขา ครับ ป้ายด้านหน้าดูแล้วเข้าใจง่ายมีความเป็นสากล ไม่กล้าไปถ่ายป้ายของผู้หญิง ไปเข้าห้องน้ำกัน

หลังจากทำภาระกิจเร่งด่วนแล้ว ก็เหลือบเห็นเหยื่อ สัญญลักษณ์ความเป็นลาว คือ เบียร์กระป๋องที่ใครก็ไม่รู้มาวางทิ้งไว้ เลยจัดการซะ..  ดูชื่อแล้วประหลาดๆ ดี ที่คำว่าเบียร์ลาว ดันเขียนว่า "เบยลาว" ในขณะที่คำบางคำ เช่น ดงโพสี (ในคห.2) กลับเขียนว่า "ดิงโพสิ" ไปซะนี่

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 14:57:04 ]
ความเห็นที่ 75

ภาพซ้าย : ทุกข์ต่อไปก็คือกระหายน้ำครับ ซึ่งร้านค้าปลอดภาษีนั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องสุขา ต้องเดินข้ามด่านแล้วอ้อมไปด้านหน้าเครื่องกั้นรถยนต์ (คงต้องการให้คนที่มาร้านค้าปลอดภาษีก็คือคนที่จะออกนอกประเทศเท่านั้น)

ภาพกลาง : ทางเข้าเป็นช่องเล็กๆ ตามป้ายที่บอก

ภาพขวา : เข้ามาแล้วก็ยังอยู่นอกร้านนะครับ เพราะช่องเล็กๆนั้นคือประตูรั้วของด่านเท่านั้น แต่โชคดีที่หน้าร้านมีน้ำดื่มขาย ผมเลยรีบซื้อทันที รับเงินไทยด้วยครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 15:06:51 ]
ความเห็นที่ 76

ระหว่างเดินกลับจากร้านค้าปลอดภาษี ก็มองดูประตูหน้าด่านออกจากประเทศลาว เป็นหลังคาจั่วโค้งเหมือนหลังคาอาคารด่าน  

ช่องรถยนต์ตรงนี้ เป็นของรถส่วนบุคคล ที่ไม่ต้องลงจากรถ จนท.คงตรวจกันทีละคันๆ ไป

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 15:15:12 ]
ความเห็นที่ 77

ภาพขวา : เดินข้ามมาอีกช่อง ก็เป็นส่วนรถโดยสารสาธารณะ  เหลือบไปดูตัวอักษรบนคานข้างบน อ่านไม่ออกอีกเช่นกัน ใครพอเชี่ยวชาญภาษาลาว ช่วยบอกมาหน่อยนะครับ  ในภาพนี้จะเห็นตู้ชำระภาษีสินค้า กรณีมีสินค้าเกินจำนวนที่กำหนด ครับ

ภาพซ้าย : ตอนนี้ก็ต้องมาเข้าคิวตรวจเอกสารใบผ่านแดน กันละครับ คนเยอะมากๆ ต่างกับการเดินทางโดยรถไฟมากเลย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 15:19:26 ]
ความเห็นที่ 78

คนเยอะจนต้องเปิดช่องสำรอง จากห้องด้านซ้ายด้วยครับ  ขั้นตอนนี้ ถ้าจำไม่ผิดต้องชำระเงินด้วย เหมือนกับตอนที่เข้ามาตรงสถานีท่านาแล้ง แต่จำยอดเงินไม่ได้ เพราะไม่มีใบเสร็จ จนท.ได้แต่ประทับตราให้เท่านั้น

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 15:22:00 ]
ความเห็นที่ 79

ผ่านเข้าไปจะเจอตู้รับชำระภาษีสินค้านำออก ถ้าหากมีจำนวนมากกว่าที่กำหนดไว้ แต่เนื่องจากมีแต่ภาษาลาว ผมเลยยื่นใบผ่านแดนให้ เขาก็บอกว่าไม่ต้องยื่น เล่นเอางงไปเหมือนกัน

เลยเข้าไปก็เจอตู้ชำระเงินค่ารถโดยสารข้ามประเทศ 4,000 กีป ซึ่งเป็นเงินไทย 4000/250 = 16 บาทต่อคน ผมไป 3 คนก็  48 บาท ยื่นเงินไทยไป 100 บาท ได้เงินทอนมาหลายใบ ตาลายไปหมด เพราะไม่คุ้นกับธนบัตรลาว แต่ก็เก็บมาไว้ทั้งหมด เพื่อเป็นที่ระลึกครับ

ภาพล่าง : ตั๋วรถโดยสาร ซึ่งรีบถ่ายเก็บไว้ตรงนั้นเลย ก่อนที่เขาจะเก็บเอาไปตอนขึ้นรถ สังเกตุว่าไม่ได้ระบุยอดเงินค่าโดยสาร โชคดีที่มีป้ายราคาตั๋วโดยสารติดไว้บนช่องชำระเงินในภาพบน ไม่งั้นผมเองก็ลืม เพราะตอนนั้นมัน ตาลายไปกับเงินกีปที่ไม่คุ้นเคยครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 15:27:46 ]
ความเห็นที่ 80

เพื่อความไม่งง กับอาคารด่านพรมแดนลาว ผมขอนำภาพดาวเทียมมาให้ดูกัน ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 15:32:44 ]
ความเห็นที่ 81

เกือบลืมนำธนบัตรลาวที่ได้รับทอนมาให้ดูกัน เป็นธนบัตรที่มีรูป ท่านท้าวไกสร พรหมวิหาร อยู่ด้วย มีค่า 10,000 กีป เท่ากับเงินไทย 10000/250 = 400 บาท

ส่วนรูปภาพหลังธนบัตร เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง ดูคล้ายกับที่ ข้ามตรงจ.มุกดาหารมาก แต่ไม่ใช่ ครับ

อ้อ.. แล้วคำอ่านค่าธนบัตรแปลกดีที่ไม่พูดว่า หมื่นกีป กลับเรียกว่า สิบพันกีป สงสัยว่าทางลาวอาจไม่มีคำว่าหมื่น นะครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 16:00:09 ]
ความเห็นที่ 82

ผมลองค้นหารูปสะพานในลาวที่คล้ายๆกับภาพหลังธนบัตรแล้ว พบว่ามีสะพานแห่งหนึ่งคล้ายกันมาก โดยเฉพาะภูเขาด้านหลัง คือ สะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ข้ามแม่น้ำโขง อยู่ในดินแดนลาว ใกล้กับช่องเม็กของไทย ผมเองก็เพิ่งทราบว่า มีสะพานข้ามโขงแห่งนี้ด้วย และที่แปลกคือ ช่วงนั้นแม่น้ำโขงไม่ได้เป็นเขตพรมแดนไทย-ลาว  ด่านช่องเม็กเลยไม่ต้องมีสะพานข้ามแม่น้ำ (ผมยังไม่เคยไป เคยไปแค่โขงเจียม เพื่อไปดูแม่น้ำสองสีเท่านั้น)

ที่มาของรูปภาพ : http://www.tripandtrek.com/webboard/show.php?Category=&No=301

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 16:07:12 ]
ความเห็นที่ 84

ตอนนี้ขึ้นรถ พร้อมออกเดินทางแล้ว  โชคดีที่ได้นั่งหลังแถวหน้า เลยพอจะถ่ายภาพการเดินทางได้อีก

จากภาพจะเห็นว่าหน้ารถตอนนี้หันไปทางร้านค้าปลอดภาษี เพราะเขาเทียบขวางทางที่จะไปหน้าด่านอยู่ แล้วค่อยเลี้ยวซ้ายออกไปอีกที

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:14:18 ]
ความเห็นที่ 85

ภาพการเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพโดยรถยนต์ ครั้งนี้ผมถ่ายไว้เป็นคลิ๊ปครับ เพราะจะได้เก็บรายละเอียดได้ดีกว่า

ช่วงแรก จากประตูหน้าด่านลาว ผ่านสี่แยกสลับเส้นทาง รวมกับทางรถไฟ ถึงเชิงสะพานมิตรภาพครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:32:00 ]
ความเห็นที่ 86

ช่วงที่สอง จากบนสะพานมิตรภาพฝั่งลาว ถึงพรมแดนไทยตรงกลางสะพาน

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:33:53 ]
ความเห็นที่ 87

ช่วงที่สาม จากบนสะพานมิตรภาพฝั่งไทย ข้ามจุดแยกรางรถไฟ ไปถึงโค้งก่อนเข้าด่านไทย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:48:13 ]
ความเห็นที่ 88

ช่วงสุดท้าย ก่อนเข้าด่านไทย ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:49:41 ]
ความเห็นที่ 89

ลองมาดูเป็นภาพนิ่งบ้าง ช่วงแรกตั้งแต่ออกจากด่านลาว มาเห็นแนวรางรถไฟที่โผล่เข้ามาจากด้านซ้าย

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:51:50 ]
ความเห็นที่ 90

ช่วงสองจากที่มองเห็นรางรถไฟเข้ามาร่วมทาง (ที่จริงรถยนต์เลี้ยวเข้าไปร่วมกับทางรถไฟมากกว่า..อิอิ) จนขึ้นมาบนสะพานมิตรภาพครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:53:45 ]
ความเห็นที่ 91

ช่วงสาม (ไม่ตรงกับช่วงของคลิ๊ปนะครับ) จากก่อนเข้าเขตรอยต่อพรมแดนไทย-ลาว กลางสะพาน มาจนถึงรางรถไฟแยกจากไป ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:55:31 ]
ความเห็นที่ 92

ช่วงสุดท้าย จากจุดกั้นรถยนต์ ถึงหน้าด่าน ตรงนี้ถนนมีรอยร้าวมากพอสมควร ได้เห็นรถโดยสารลักษณะเดียวกับรถที่ผมนั่งมาจอดเสียอยู่ด้วยครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 18:57:01 ]
ความเห็นที่ 93

ถึงประตูหน้าด่านไทยแล้ว หลังคาจั่วทรงแหลมตรงๆ ทรงไทย ไม่อ่อนช้อยเหมือนของลาว

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:10:10 ]
ความเห็นที่ 94

ภาพบน : ผ่านเข้ามาเป็นทางแยก 3 แบบคือ รถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ รถส่วนตัว

ภาพล่าง : สำหรับเรา เข้าช่องรถโดยสารสาธารณะ มีที่จอดให้เดินลงไปผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:16:14 ]
ความเห็นที่ 95

ภาพซ้าย : ตอนนี้ลงเดินเข้าจุดตรวจเอกสารเข้าประเทศแล้วครับ หอบหิ้วของกันพะรุงพะรังเลย

ภาพขวา : มองไปทางขวามือ เป็นช่องรถยนต์สาธารณะผ่านเข้าไป สังเกตุว่า ถึงแม้จะเป็นรถโดยสารรับส่งคนระหว่างลาวกับไทย ก็ยังต้องวิ่งผ่านด่านเข้าไปวนออกมาด้วย ทั้งๆ ที่น่าจะแค่ไปกลับรถตรงหน้าด่านก็พอ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:20:21 ]
ความเห็นที่ 96

ผ่านขั้นตอนตรวจเอกสารเข้าเมือง ซึ่งก็คือการยื่นใบผ่านแดนคืนแก่ ตม.  เลยไปก็เป็นเคาท์เตอร์ตรวจหาสินค้าหนีภาษี ของผิดกฏหมาย ถ้าหากจนท.สงสัย  ต้องขอโทษหน่อยที่ภาพไม่ค่อยชัดเพราะแสงน้อย และไม่มีเวลามายืนเล็งนาน กลัวเขาจะว่าเอา

เสร็จแล้วก็ออกมายังที่นั่งพักตรงชานชาลาเล็ก

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:24:52 ]
ความเห็นที่ 97

ภาพซ้าย : เนื่องจากรถผมจอดไว้ที่สถานีรถไฟ ผมจึงออกเดินไปเอาคนเพียงคนเดียว ทีแรกกะเดินจริงๆ แต่พอออกมา ก็มีรถรับจ้างมาถามเลยต้องใช้บริการเขาหน่อย จะได้ประหยัดเวลาหน่อย   ตรงจุดที่ขึ้นรถรับจ้างหันไปดู ทางที่ผมเดินออกมา เป็นส่วนที่จอดรถส่วนตัวรอรับคนครับ

ภาพขวา : นี่คือรถรับจ้าง พาหนะที่พาผมมายังสถานีรถไฟ "สามล้อสกายแล๊บ" ที่เวลานั่งแล้วเทไปข้างหลัง เป็นที่รู้สึกหวาดเสียว ถ้าหากมากันหลายคนแล้วได้นั่งท้ายสุด..ฮา   ในภาพนี้ผมได้มาถึงรถผมแล้ว จอดตรงด้านใต้ของสถานี ที่ต้องผ่านอาคารสถานีมาแล้ว

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:27:29 ]
ความเห็นที่ 98

ภาพบน : มองไปที่ป้ายชื่อสถานี ตรงลานจอดรถด้านใต้ก่อนออกมา ป้ายนี้ด้านหลังคือ ป้ายบอกระยะทางระหว่างสถานีนั่นเอง (เมื่อตอนขามา ผมถ่ายป้ายลักษณะนี้แล้ว ตรงด้านเหนือครับ)

ภาพล่าง : เลี้ยวรถออกมาถนนหลังสถานี กำลังจะผ่านอาคารสถานี ก่อนกลับออกไปครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:35:39 ]
ความเห็นที่ 99

ภาพบน : ระหว่างที่ขับรถออกมา เหลือบเห็นอะไรยาวๆ กำลังเลื้อยเข้ามา..อ้อ..รถไฟที่ผมนั่งไปนั่นเอง เขากลับมาถึงสถานีหนองคายแล้ว เพิ่งเข้าจอดสดๆร้อนๆ  แสดงว่า กลับมาในเวลาใกล้เคียงกันพอดี

ภาพล่าง : ขับรถเลยไปอีกนิด ก็จะสุดปลายชานชาลาด้านเหนือที่มีป้ายชื่อสถานี ที่ผมถ่ายภาพไปตอนที่จะข้ามไปลาวครับ ไม่มีเวลามากนัก ต้องรีบไปรับแฟนและคุณตาที่ด่านรถยนต์ เลยได้ภาพสถานีรถไฟหนองคายมาแค่เท่านี้ครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:37:41 ]
ความเห็นที่ 100

ภาพบน : ตอนนี้มาอยู่บนถนนเสด็จแล้ว หลังจากข้ามทางรถไฟ ก็ถึงสามแยก ถนนข้างหน้าเลี้ยวขวาไปด่าน เลี้ยวซ้ายไป จ.อุดรธานีครับ

ภาพกลาง : ผมเลี้ยวขวาตามรถตู้ข้างหน้าที่เป็นรถของสปป.ลาว (ดูจากแผ่นป้ายทะเบียน)

ภาพล่าง : ตรงริมถนนก่อนเข้าด่าน มีหลักกิโลเมตรระบุระยะทางไปเวียงจันทน์ 22 กิโลเมตร ครับ นับเป็นเมืองหลวงที่อยู่ใกล้ชายแดนที่สุดเท่าที่เคยทราบมา

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:43:48 ]
ความเห็นที่ 101

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ

จากคุณ : เอื้องเหมย [15 มิ.ย. 54 19:47:45 ]
ความเห็นที่ 102

เกินความเห็น 100 มาจนได้...  นับว่ายาวเยิ่นเย้อจริงๆ แต่ก็อยากให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศตอนนั้นให้ได้มากที่สุดครับ เรียกว่าให้เกือบๆ จะรู้สึกเหมือนได้ไปเลยได้ก็ดีครับ

ตอนนี้อยู่หน้าด่านแล้ว ผมต้องเลี้ยวขวาไปยังลานจอดรถ ไม่เผลอขับตามรถตู้คันหน้าเข้าด่านไป....ฮา

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 19:52:31 ]
ความเห็นที่ 103

สวัสดีครับ คุณเอื้องเหมย : ด้วยความยินดีครับ ตอนนี้ผมพากลับเข้าไทยแล้ว ลองย้อนกลับไปดูในตอนที่แล้วได้เลยครับ

ภาพซ้าย : มาถึงลานจอดรถแล้ว โล่งกว้างมาก ทีแรกยังกลัวว่าจะไม่มีที่จอดรถให้รอรับคนได้

ภาพขวา : เสร็จแล้วก็เดินข้ามถนนช่องรถบรรทุก ที่มีแต่รถส่วนตัวมาจอดมั่วไปหมด จนรปภ.ต้องออกมาโบกรถ และสอบถามรถทุกคันที่ก่อนจะเข้ามาจอด

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 20:00:16 ]
ความเห็นที่ 104

เพื่อความไม่งง เวลามาที่ด่านพรมแดนไทย-ลาวที่หนองคาย ขอนำภาพถ่ายดาวเทียมจากกูเกิ้ลมาให้ดูกันครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 20:17:58 ]
ความเห็นที่ 105

ก่อนจบกระทู้ตอนนี้ ผมขอฝากภาพรถอะไรก็ไม่ทราบจอดอยู่ตรงลานจอดรถ โดยอยู่ในรั้วแคบๆ มีแขนกลยื่นออกมาด้านข้างด้วย   พอดีสังเกตุเห็นสัญญลักษณ์รังสีอยู่ตรงรั้วและ กล่องสี่เหลี่ยมสีขาวตรงด้านข้างรถดูคล้ายจอเอ็กซเรย์ ใครทราบก็ช่วยบอกกันหน่อยนะครับ

ในตอนหน้าผมจะพาเพื่อนไป จังหวัดน้องใหม่ของไทยเรา คือ จังหวัดบึงกาฬ ไปพักที่นั่นสักคืนก่อนที่เช้าจะไปภูทอก เป้าหมายหลักของการเดินทางครั้งนี้ครับ  คอยติดตามชมนะครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [15 มิ.ย. 54 20:22:33 ]
ความเห็นที่ 106

ไปด้วยคนครับ  เห็นสะพานนี้ทีรัยคิดถึงขนมกรุบๆกรอบที่ดิวตี้ฟรีอิอิ

จากคุณ : ลุงแบกเป้ [17 มิ.ย. 54 12:14:59 ]
ความเห็นที่ 107

รอชมตอนต่อไป อ่านรีวิวแล้วสนุกดีครับ ข้อมูล ละเอียดเยี่ยมไปเลยครับ

จากคุณ : สุดท้ายตรงไหน [27 มิ.ย. 54 13:30:35 ]
ความเห็นที่ 108

สวยจังเลยค่ะ

จากคุณ : Us-Sama Iland [27 มิ.ย. 54 14:06:32 ]
ความเห็นที่ 109

รอตอนที่ 8 อยู่ครับ สนุกมากเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยตัวเองเลย

จากคุณ : ต้มมะระหมู [29 มิ.ย. 54 06:22:51 ]
ความเห็นที่ 110

สวัสดีครับ คุณลุงแบกเป้, สุดท้ายตรงไหน, Us-Sama Iland, ต้มมะระหมู : ขอบคุณที่ติดตามชมครับ ช่วงนี้ยุ่ง ตอนต่อไปเลยต้องนานหน่อย คาดว่าสัปดาห์หน้าคงจะได้มาต่อกันครับ คงเป็นกระทู้ที่ใช้เวลารีวิวนานกว่าที่เคยทำครับ  เพราะกว่าจะจบ ก็คงอีก 3 ตอนละครับ  อดใจรออีกนิดครับ

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [30 มิ.ย. 54 00:05:29 ]
ความเห็นที่ 111

วันนี้ได้ฤกษ์ (อย่างฟลุ๊คๆ และไม่แน่ใจ) มาต่อกันในตอนที่ 8 แล้วละครับ  เชิญติดตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ไปได้เลยครับ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10808506/E10808506.html

จากคุณ : มิราชช (mirage_II) [13 ก.ค. 54 19:00:21 ]