รักเที่ยว (ห้า)

ความเดิมตอนที่แล้ว

รักเที่ยว (หนึ่ง)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10693104/E10693104.html
รักเที่ยว (สอง)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10696906/E10696906.html
รักเที่ยว (สาม)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10698960/E10698960.html
รักเที่ยว (สี่)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10709851/E10709851.html


ชำระค่าเสียหายไปประมาณ 100 บาทเรียบร้อยก็เดินออกมาจากร้าน เลี้ยวซ้ายไปจนสุดถนนพานยม แลขวาหันเดินไปตามแผนที่ในหนังสือ สักพักก็มองเห็นซอยศรีธรรมโศก3 เดินต่อเข้าไปอีกไม่ไกลก็พบ “บ้านหนังสุชาติ ทรัพย์สิน”

10/4/54 11:53 พิพิธภัณฑ์ กินขนมจีน บ้านหนังตะลุง

จากคุณ : Mayom_X [21 มิ.ย. 54 16:52:52 ]
ความเห็นที่ 1

ภายในบ้านจัดแสดงตัวหนังตะลุงไว้หลากแบบหลายประเทศ แต่ก็เน้นของไทยซึ่งลุงสุชาติเป็นเจ้าของ บางส่วนเคยใช้แสดง บางส่วนได้มาจากเพื่อนฝูงให้มาจัดแสดงเพื่อเป็นความรู้ให้คนได้ศึกษา นอกจากนี้ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านและของเก่าของสะสมของคุณลุงแก

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [21 มิ.ย. 54 16:55:48 ]
ความเห็นที่ 2

เดินลงจากบันไดมาใต้เรือนไม้ พี่สาวที่ดูแลบ้านก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง แล้วก็ถามว่าอยากดูแสดงหนังด้วยรึเปล่าเสียค่าชม 50 บาท ผมหันไปมองบริเวณที่แสดง มีครอบครัวของชาวต่างชาติ 5 คนนั่งรออยู่ก่อน คิดในใจว่าโชคดีจังเพราะมาคนเดียวจะขอให้เค้าแสดงให้ดูคงไม่มีทางแน่ๆ

นั่งดูเพลินๆ สนุกแปลกตา เนื้อหาคงเดิมแต่มีการเพิ่มเติมความทันสมัยและเอาภาษาอังกฤษมาใช้ในบางช่วง ซึ่งก็เป็นการดีเพราะจากการสังเกตชาวต่างชาติที่นั่งดูอยู่ข้างหน้าจะดูสนุกสนานตามไปกับการแสดงช่วงที่ฟังเข้าใจมากกว่าช่วงที่พูดจากันเป็นภาษาไทย

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [21 มิ.ย. 54 16:56:14 ]
ความเห็นที่ 3

ใช้เวลาราว 20 นาทีการแสดงก็จบ เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับผู้แสดงออกมาขอบคุณ “คนต่างชาติมักจะเห็นค่าของไทยมากกว่าคนไทยด้วยกัน” ผมคิดในใจ แต่พอหันหลังกลับผมก็พบนักท่องเที่ยวสัญชาติไทยเดินเข้ามาในจำนวนไม่น้อยไปกว่าคนต่างชาติที่กำลังขึ้นไปดูหลังเวที บางทีเราก็คิดผิดไปเหมือนกัน “ของใดที่มีค่า ไม่ว่าจะชนชาติใดก็ต้องรับรู้ได้”

หลังจากการแสดงจบก็มีข้อความจากพิมส่งเข้ามาพอดี

พิม: โห เที่ยวหลายทีเลยนะ แต่ก็ดีแล้ว เพราะคงไม่กลับไปเที่ยวนครฯซ้ำอีกแล้วมั้ง

ผมยิ้มให้กับข้อความ การพูดคุยกันผ่านข้อความแบบนี้ก็ดีตรงที่มีเวลาคิดคำตอบไปด้วยเที่ยวไปด้วยได้ ผมเดินตามครอบครัวชาวต่างชาติไปที่ส่วนขายของที่ระลึก มีการสาธิตการทำตัวหนังให้ดู บอกขั้นตอนตั้งแต่ วาดแบบ ตัด ขัด ตอก ลงสี จนกระทั่งสำเร็จเสร็จเป็นตัวหนังที่พร้อมใช้แสดง ระยะเวลาการทำแต่ละตัวก็ขึ้นอยู่กับขนาดและลวดลาย เด็กๆ สนุกสนานกับการลองทำ ผู้ใหญ่เดินไปเลือกซื้อของฝากติดมือ ผมซื้อตัวหนังรูปช้างมาหนึ่งอัน มีของฝากให้เพื่อนอ้วนแล้ว และพิมพ์ข้อความตอบกลับหญิงสาวไปว่า

10/4/54 12:50 มาแล้วต้องเที่ยวให้คุ้ม ส่วนเรื่องจะได้มาอีกมั้ย...แล้วแต่วาสนา

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [21 มิ.ย. 54 16:56:36 ]
ความเห็นที่ 4

โปรแกรมต่อไปคือ หอพระนารายณ์และหอพระอิศวร ซึ่งสองหอนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เป็นโบราณสถานพรามณ์ซึ่งเคยเผยแพร่เข้ามาในนครศรีธรรมราช ภายในพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย ซึ่งปัจจุบันนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [21 มิ.ย. 54 16:57:00 ]
ความเห็นที่ 5

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังผมเดินออกจากหอพระอิศวร

พิม: “ไปถึงไหนแล้วละเธอ สนุกมั้ย”
ผม: หลับตานึกถึงหน้าของหญิงสาวที่แสนคิดถึงก่อนจะตอบ “สนุกดี ตอนนี้อยู่แถวหอพระอิศวร”
พิม: “ตรงไหนหว่า...”
ผม: “อะไรกัน บ้านเธอรึเปล่าเนี้ย ทำไมไม่รู้จัก”
พิม: “มันต้องมีที่ไม่รู้บ้างสิ เราไม่เคยเที่ยวบ้านตัวเองนี่”

มันก็จริงของเธอคนเรามักจะเป็นแบบนี้ “ยิ่งใกล้ยิ่งไม่ใส่ใจ” หรือไม่ก็คิดว่าไปเมื่อไรก็ได้ อย่างผมบ้านอยู่ปากช่องยังเคยขึ้นเขาใหญ่แค่นับครั้งได้ ใครถามหาที่เที่ยวก็บอกไม่รู้ พอที่ไหนดีก็ไม่ค่อยมีความเห็น หรืออาหารอะไรอร่อย ก็บอกเค้าได้แค่ไปกินบ้านผมก็แล้วกัน

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [21 มิ.ย. 54 16:57:23 ]
ความเห็นที่ 6

เราคุยโทรศัพท์กันอยู่พักใหญ่ ผมเดินไปคุยไปมุ่งไปยังจุดหมายต่อไป

ผม: “ศาลาประดู่หกอยู่ไหนหว่า”
พิม: “ตรงข้ามสนามหน้าเมืองนะ ไปสนามหน้าเมืองมารึยัง”
ผม: “ไปมาแล้ว ตอนนี้ก็เดินเกือบถึงแล้ว”
พิม: “แต่มันก็ไม่มีอะไรนะ”
ผม: “ไม่เป็นไรหรอก แค่ในหนังสือเค้าเขียนไปเลยว่าจะไปดู”

ในหนังสือบรรยายเอาไว้ว่า เดิมใช้เป็นที่พักของคนเดินทาง ทั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยโบราณ หลังคาจั่วใหญ่ เสาไม้กลม 24 ต้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผา ทำแคร่สูงไว้สองฝั่ง ปัจจุบันไม่สามารถเข้าไปด้านในศาลา สามารถเดินชมรอบอาคารได้ ทันใดนั้นภาพของศาลาประดู่หกก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [21 มิ.ย. 54 16:58:05 ]
ความเห็นที่ 7

ผม: “ก็ตรงตามวัตถุประสงค์แต่แรกเริ่มนะ ที่พักของคนเดินทาง”
พิม: “555 ก็จริงนะ แดดร้อนมาเหรอ ฝนตกรึเปล่า”
ผม: “ตกไปเมื่อตอนเช้านะ ไปไหนต่อดีล่ะ แนะนำหน่อยสิ”
พิม: “ตอนร้อนๆ แบบนี้เป็นเราคงอยู่ในศาลาสักพักแหละ อ่อ อย่าลืมไปเยี่ยมโรงเรียนเรานะ”
ผม: “โรงเรียนเธอนี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยเหรอ”
พิม: “ป๊าวววว ก็แค่เป็นโรงเรียนที่เราเรียน”

บทสนทนานี้ส่งผลบางอย่างกับชีวิตผมพอสมควร แต่โรงเรียนเก่าเธอไม่ใช่จุดหมายต่อไปหรอก เป็นที่ “พิพิธภัณฑ์เมือง” ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84  เวลา ณ ตอนนั้นราว 15.00 แดดร้อนเปรี้ยง ผมนั่งรถสองแถวไปลงตรงทางเข้า จากนั้นก็เดินตากแดดเล่นเป็นระยะทางกว่าหนึ่งกิโลครึ่ง เพื่อที่จะไปพบกับความจริงอันโหดร้ายที่ว่าพิพิธภัณฑ์ปิด เพราะกำลังปรับปรุงหลังโดนน้ำท่วม

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [21 มิ.ย. 54 16:58:28 ]
ความเห็นที่ 8

“ฉันมาทำอะไรที่นี่...ฉันมาทำอะไรที่นี่...” ผมร้องเพลงของพี่เบิร์ดไปตามทางเดินกลับออกมาจากสวน บางครั้งเราก็ต้องทำใจยอมรับความผิดหวังไว้บ้าง ผมเดินตากแดดกลับด้วยระยะทางเท่ากันกับตอนเดินเข้า หลบรถรา ดูผู้คน ชีวิตร้อนๆ ก็สนุกไปอีกแบบ

ผมเดินกลับออกมาถึงถนนเส้นหลัก ฝั่งตรงข้ามเป็น “วัดประดู่” ซึ่งในหนังสือบอกเอาไว้ว่าให้เข้าไปดูเก๋งจีน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่เก็บอัฐิของพระเจ้าตาก

เดินผ่านประตูวัดเข้าไปก็พบกับความร่มรื่น มองเห็นเก๋งจีนที่ว่าตั้งอยู่ใกล้กับกำแพง เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยม หลังคามุงกระเบื้อง บานประตูแกะสลัดลายดอกไม้และนก

ผมเดินวนชมรอบหนึ่งแล้วก็เดินกลับออกมา แต่ก่อนที่จะพ้นเขตวัด พี่สาวคนหนึ่งก็ทักทายขึ้นด้วยภาษาถิ่น ใจความสอบถามถึงการมาเยือนวัดประดู่ และเมื่อได้รับคำตอบจากผมพี่สาวคนนั้นก็กล่าวว่า “มาวัดก็ควรเอาบุญกลับไปบ้าง” แล้วก็หยิบไม้กวาดขึ้นมากวาดใบไม้ตรงทางเดิน บอกเล่าความตั้งใจว่ามาทำความสะอาดวัดทุกครั้งที่มีเวลา “เราไม่ได้มีเงินทองก็ต้องออกแรงกันล่ะ น้องก็ลองดูบ้างสิได้เที่ยวได้บุญน่าจะสบายใจเมื่อกลับไป”

ได้ฟังคำพี่สาวคนนั้นแล้วผมก็เดินไปหยิบไม้กวาดทันที ทางเดินวัดไม่ยาวนัก กวาดไปสักพักก็สะอาดเรียบร้อย ผมหันไปเห็นพื้นรอบเก๋งจีนยังรกอยู่ ชั่งใจครู่หนึ่งเพราะพื้นที่กว้างกว่า ถ้ากวาดก็น่าจะต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่แล้วผมก็เดินเข้าไปเริ่มต้นกวาดพื้นอย่างไม่คิดมาก เพราะเสียงในใจดังขึ้นเบาๆ ว่า “เราไม่ได้รีบไปไหนนี่น่า”

โปรดติดตามตอนต่อไป...

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [21 มิ.ย. 54 17:00:02 ]
ความเห็นที่ 9

ยังตามไปติดๆ คงเหงาต่ออีกหลายวันแน่

จากคุณ : กฤชพล [21 มิ.ย. 54 19:35:55 ]
ความเห็นที่ 10

ว่ากันเป็นซีรี่ย์เลย....ยังไงก้อตามคับเดินทางคนเดียว...เหงาแย่

จากคุณ : เตกิล่ากับมะนาวหวาน [21 มิ.ย. 54 20:03:09 ]
ความเห็นที่ 11

ขอบคุณมากครับที่ติดตาม
เหะๆ พอดีซอยออกเป็นหลายตอนน่ะครับ ต่อที่นี่ได้เลยครับ ^^

รักเที่ยว (หก)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10718319/E10718319.html

จากคุณ : มะยม (Mayom_X) [22 มิ.ย. 54 11:09:00 ]
ความเห็นที่ 12

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

จากคุณ : เล็กทาโร่ [22 มิ.ย. 54 12:01:52 ]