สวัสดีครับ

หลังจากที่ลง Journey of Love 001 ไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมก็ไม่มีเวลามานั่งทำบันทึกการเดินทางเพิ่มเติมอีกเลย จนกระทั่งเดือนนี้ต้องกลับมาทำงานที่ญี่ปุ่นอีกครั้งจนถึงสิ้นเดือน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วง Tsuyu หรือหน้าฝนชุกของที่นี่ ทำให้มีเวลาว่างช่วงเสาร์-อาทิตย์มาทำบันทึกนี้ต่อ (เพราะฝนตกไปไหนไม่ได้)

คราวนี้เราเลือก Nagano trip เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาลงให้เพื่อนๆชมกันครับ ซึ่งทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจที่สุดในญี่ปุ่นของพวกเรา เสียดายที่มีเวลาน้อยไปหน่อยแค่ช่วงสุดสัปดาห์ ไม่ยังงั้นจะเที่ยวให้ทั่วจังหวัด Nagano หน้าหนาวนี้เลย แต่ในเมื่อมีเวลาเพียง 2 วันก็คงไปได้แต่สถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆของจังหวัดนี้เท่านั้นครับ จริงๆแล้วหลังจากกลับจาก Nagano คราวนั้นเราสองคนตกลงกันว่าจะกลับไป Trekking หรือ Hiking ที่นั่นอีกในช่วงหน้าร้อน แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายเมื่อเกิดเหตุการณ์ Higashi Nihon Daishinsai (Eastern Japan Great Earthquake Disaster) ทำให้ทางบริษัทเรียกพนักงานทุกคนกลับไปประจำที่ไทยรวมทั้งภรรยาของผมด้วย ส่วนตัวผมเองก็ไปๆมาๆตามแต่ลูกค้าจะเรียกเหมือนอย่างครั้งนี้

และถึงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณ like_the_moon และคุณ teddy bear in the box จะเพิ่งลงรีวิวในสถานที่เดียวกันกับที่พวกเราไป แต่ผมก็ยังอยากให้เพื่อนๆได้เห็น Nagano ในฤดูหนาวที่สวยงามเหมือนที่เราได้เจอและที่สำคัญผมตั้งใจโพสในวันนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากเป็นโอกาสพิเศษของพวกเราด้วยครับ ไปชมกันเลยนะครับ

ผมตื่นขึ้นมาพบกับอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติตอนเช้าวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ ทำให้ในระหว่างเดินทางไปพบลูกค้าที่ Higashi Fuji ก็ได้แต่คิดถึงการเดินทางสู่ Nagano ของเราในคืนนี้ว่าจะเป็นยังไง ใจนึงก็อยากให้หิมะตกลงมาเยอะๆจะได้ดูน่าตื่นตาตื่นใจแต่อีกใจก็กลัวว่าจะเป็นอุปสรรคในการเดินทาง หลังจากเสร็จงานในช่วงบ่ายผมรีบจับรถไฟสาย Gotemba-sen กลับโรงแรมเพื่อไปเก็บข้าวของ ระหว่างที่รอเปลี่ยนรถที่ Gotemba อยู่นั้นหิมะแรกของวันก็โปรยลงมาแล้วก็ค่อยๆก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

“จะไหวมั้ยวะเนี่ย” ผมคิดอยุ่คนเดียวในใจเพราะ Nagano เป็นเมืองแห่งขุนเขาที่ได้ชื่อว่า”หลังคาของญี่ปุ่น” ถ้าที่ Gotemba ตกขนาดนี้แล้วที่นั่นจะเป็นยังไงนะ พอนั่งรถกลับมาถึงโรงแรมผมค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะใน Tokyo หิมะหายไปเหลือแต่เม็ดฝน จริงๆแล้วอยากให้หิมะตกนะครับแต่แค่เบาๆพอได้บรรยากาศก็พอไม่อยากได้พายุหิมะ

หลังจากเก็บข้าวของที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อยก็รีบฝ่าสายฝนเ เดินผ่านย่าน Ameyoko ไปขึ้นรถไฟที่ Okachimachi ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดทันที

เบียดเสียดฝูงชนในช่วงเย็นวันศุกร์ขึ้นรถไฟมาได้ก็นั่งยาวไปจนถึง Omiya ซึ่งผมนัดคุณภรรยาที่เดินทางมาจาก Utsunomiya ให้มาเจอกันที่สถานีนี้ การเดินทางในวันนั้นเราไม่ได้นั่ง Shinkansen เหมือนที่นักท่องเที่ยวปกติชอบใช้บริการกันแต่เราจะไป Nagano ด้วยรถธรรมดาแทน โดยจุดหมายแรกก็คือสถานี Takasaki จังหวัด Gunma ที่เราจะไปพักกันในคืนนี้ครับ

เราสองคนนั่งรถไฟสาย Takasaki-sen มาถึงปลายทางสถานี Takasaki ประมาณ 22:00 ต่างคนต่างหิวตาลายเนื่องจากพอเสร็จงานปุ๊บก็รีบขึ้นรถไฟมาเลย ไม่มีเวลาทานอาหารเย็นกัน หลังจากเดินสำรวจรอบๆ Takasaki-eki แล้วก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าวันนี้กินที่ Izakaya (ร้านกินเหล้า) เป็นการฉลองก็แล้วกันเพราะตั้งแต่ผมมาจากเมืองไทยคราวนี้เราก็เพิ่งได้เจอกันเป็นวันแรก
โอเค เมื่อคุณขอมาเราก็จัดให้ วันนี้ขอเลือกร้าน Zawatami ที่เป็นแฟรนไชส์ Izakaya ยอดนิยม

ปกติแล้วคนญี่ปุ่นเวลาเข้าร้านประเภทนี้ก็สั่งเบียร์มาก่อนเลยอย่างอื่นค่อยคิดกันทีหลัง แต่ภรรยาผมไม่ดื่มเบียร์เลยขอเป็น Umesawa (น้ำบ๊วยผสมเหล้า) กับ NamaLemonsawa (น้ำมะนาวสดผสมเหล้า) แทน

หลังจากนั้นกับแกล้มก็ค่อยๆทยอยกันออกมา เริ่มจาก Tako-wasabi (ปลาหมึกคลุก Wasabi) ของชอบของครอบครัว

Ikayaki (ปลาหมึกย่าง) กับ Shishamo (ปลาไข่)

Caesar-sarada เนื้ออย่างเดียวไม่ไหวต้องมีผักบ้าง

ปิดท้ายด้วยอาหารประจำร้านเหล้าในหน้าหนาวของญี่ปุ่นก็คือ Nabe วันนี้เราเลือกทาน Seafood Nabe ครับ จริงๆแล้วมีอาหารมากกว่านี้แต่คงไม่ลงทุกอย่างนะครับ

ทานเสร็จเราก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรม ระหว่างที่เดินก็มีละอองหิมะเริ่มตกลงมาเบาๆด้วย วันนี้เราตัวเลือกของเราคือ Toyoko inn เครือโรงแรมยอดฮิต จริงๆแล้วโรมแรมนี้ไม่ได้อยู่ติดสถานีแต่เราก็ตัดสินใจพักเพราะหาราคาได้ต่ำสุดที่นี่ และพอลองเดินดูจริงๆแล้วก็ไม่ไกลเลย

ที่ประตูหน้ามีตุ๊กตา Daruma ไซส์จัมโบ้ประดับอยู่ สาเหตุก็เพราะเมือง Takasaki เป็นยักษ์ใหญ่ในการผลิต Daruma เคยอ่านเจอว่าเมืองนี้ผลิต Daruma ถึง 80% ของตุ๊กตาชนิดนี้ทั่วญี่ปุ่นเลยทีเดียว นอกจากนี้ที่ Front ของโรงแรมยังมี Welcome drink เป็นกาแฟและน้ำผลไม้บริการฟรีจนถึงเที่ยงคืนอีกด้วย

เมื่อคืนนี้ดื่มน้ำผลไม้ตบท้ายและเข้านอนอย่างมีความสุข ทำให้เช้าวันเสาร์ที่ 12 ก.พ.เราตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น พอเก็บสัมภาระและเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมก็พบว่าหิมะที่ตกเมื่อคืนขาวโพลนเกาะอยู่ตามพื้นผิวภายนอกอาคารเต็มไปหมด แบบนี้ก็หวังได้ว่าที่ Nagano คงจะบรรยากาศดีอย่างที่อยากให้เป็น

เวลาประมาณเกือบๆ 7 โมงเช้าเราก็มาถึงสถานี Takasaki เพื่อขึ้นรถไฟสาย Shinetsu-sen ไป Yokokawa

สีของขบวนรถไฟสาย Shinetsu-sen ทำให้นึกถึงสมัยที่เคยอยู่ Utsunomiya ตอนนั้น Utsunomiya-sen ก็ใช้รถสีเขียว-ส้มแบบนี้เลย แต่สายที่ผมกำลังจะขึ้นนี้ใช้ตู้รถไฟรุ่นเก่าชนิดประตูยังต้องใช้มือสไลด์เปิดเอง ไม่มีระบบออโต้

รถไฟเคลื่อนขบวนออกจาก Takasaki มุ่งหน้าสู่ Yokokawa ในช่วงแรกๆทิวทัศน์สองข้างทางก็เป็นเมืองสลับกับทุ่งนาเหมือนบริเวณทั่วๆไปในเขต Kanto แต่สักพักเดียวเท่านั้นรถก็วิ่งเลี้ยวเข้าไปในหุบเขา วิวที่หน้าต่างเปลี่ยนเป็นป่าสน ภูเขา และทุ่งหิมะแทน แน่นอนว่าเราก็นั่งชมวิวไปทานอาหารเช้าจำพวกข้าวปั้นที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อไปด้วยอย่างมีความสุข

รถไฟวิ่งมาสุดปลายทางที่สถานี Yokokawa สถานีเล็กๆปลายสุดของ Usui-toge ฝั่ง Gunma ในสมัยก่อนทางรถไฟสาย Shinetsu-sen เคยวิ่งยาวต่อจากสถานีแห่งนี้ไปจนถึง Karuizawa ที่ปลายอีกด้านนึงของช่องเขา Usui Pass แต่หลังจากที่ Nagano Shinkansen เปิดให้บริการ ทางรถไฟสายนี้ก็ลดความสำคัญลงจนเส้นทางช่วง Yokokawa-Karuizawa ที่มีต้นทุนในการดำเนินการสูงได้ถูกยกเลิกไปและ Yokokawa ก็กลายมาเป็นสถานีปลายทางของ Shinetsu-sen จนทุกวันนี้

ถึงแม้ทางรถไฟจะถูกยกเลิกไปแล้วแต่ในปัจจุบันเราก็ยังสามารถเดินทางระหว่าง Yokokawa และ Karuizawa จังหวัด Nagano ได้โดย JR Bus ซึ่งจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ค่าโดยสาร 500 Yen

พอออกมาจากสถานี Yokokawa ก็จะเจอป้ายบอกทางไปขึ้นรถแบบนี้ และที่ Yokokawa หิมะจับหนามาก เวลาเดินเราต้องระวังตัวพอสมควรไม่งั้นได้ลงไปจับกบโชว์แน่ๆ

เมื่อถึงเวลาที่กำหนดพลขับก็พาเราออกเดินทางสู่ Karuizawa โดยถนนช่วงนี้คดเคี้ยววกวนผ่านช่องเขา Usui Pass รอบๆตัวมีแต่ป่าและภูเขาหิมะให้ดูเล่น บรรยากาศตอนนี้โรแมนติกขึ้นมาทันทีเพราะแม้เราสองคนจะเคยเห็นหิมะมาบ้างแต่ก็ไม่เคยเลยที่จะได้ไปในที่ที่รอบตัวเต็มไปด้วยหิมะด้วยกันแบบนี้

วิ่งไปๆหิมะก็เพิ่มขึ้นๆ พอรถผ่านเข้าสู่เขต Karuizawa เราก็มองไม่เห็นพื้นถนนแล้วมีแต่หิมะเต็มไปหมด ไม่นาน JR Bus ก็พาเรามาถึงหน้าสถานี Karuizawa

มาถึงหน้า Karuizawa-eki ประมาณ 8 โมงครึ่ง แน่นอนว่าเช้าขนาดนี้ยังไม่มีร้านรวงอะไรเปิดอย่างแน่นอน แม้แต่รถทัวร์ของพวกที่มาเล่นสกีก็ยังมาไม่ถึง Karuizawa ในตอนนี้จึงเงียบเหงาเป็นอย่างมาก แต่ก็ดีไปอีกอย่างนึงตรงที่อยากจะเดินหรือถ่ายรูปตรงไหนก็ได้ เพราะตอนนี้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยหิมะไม่ว่าตรงไหนก็เลยดูสวยไปหมดสำหรับคนเมืองร้อนอย่างเรา

ไหนๆมาถึง Karuizawa แล้วจะผ่านเลยไปก็กระไรอยู่ ถึงตอนนี้ทุกอย่างจะปิดสนิทแต่ก็ขอเดินชมเมืองนิดหน่อยก็แล้วกัน

เดินมาถึงทุ่งหิมะกว้างๆถึงตอนนี้ก็เล่นกันเป็นเด็กๆเลยครับ โดดมั่ง ลงไปเกลือกกลิ้งมั่ง โดยเฉพาะปาหิมะนี่เป็นความฝันตั้งแต่เด็กๆแล้ว จริงๆก็เคยไปลานสกีแต่ไปคนเดียวจะให้ปาใส่ใคร? วันนี้มีคู่หูแล้วขอสักหน่อยเถอะ หุหุ

หลังจากเล่นกันเหนื่อย(+หนาว)แล้วก็มาพักเหนื่อยด้วยการถ่ายรูป อ้าว ! แล้วทำไมกล้องผมไปอยู่ที่นั่นล่ะ เอาคืนมา….

พอถ่ายรูปได้สมใจแล้วพวกเราก็เดินกลับไปรอขึ้นรถไฟใน Waiting Room อุ่นๆที่สถานี Karuiza

มาให้กำลังใจคนรีวิวยามดึก

เกาะกระทู้ชมครับ

ช่วงต่อไปคือการเดินทางจาก Karuizawa ไป Nagano ซึ่งเราใช้บริการของ Shinano Railway โดยซื้อเป็นตั๋วพาสใช้ได้สองวัน ชื่อพาสอะไรจำไม่ได้เพราะผ่านมาหลายเดือนแล้ว มีคำว่า Shinano อะไรซักอย่างนี่แหละ เหตุผลที่ทั้งรถไฟและตั๋วพาสต้องมีคำว่า Shinano ก็เพราะว่านี่เป็นชื่อในสมัยก่อนของจังหวัด Nagano ใครที่เคยอ่านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาบ้างอาจจะคุ้นๆว่า Shinano คือดินแดนแห่งสงครามที่สองนักรบผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Takeda Shingen “พยัคฆ์แห่ง Kai” และ Uesugi Kenshin “มังกรแห่ง Echigo” ต่างแย่งกันครอบครอง

เส้นทางรถไฟในช่วงนี้เป็นช่วงที่แล่นออกจากภูเขาเข้าสู่เมือง หิมะสองข้างทางก็ค่อยๆน้อยลงตามลำดับ

ระหว่างที่นั่งรถอยู่หิมะก็ตกๆหยุดๆสลับกันตลอดเวลาจนกระทั่งมาถึงสถานี Nagano เกือบๆเที่ยง ตามแผนที่วางไว้คือจะรอดูสภาพอากาศก่อน ถ้าไม่มีพายุหิมะเราก็จะไปดูเจ้าลิงน้อยแช่น้ำกันที่ Jigokudani แต่ถ้าอากาศไม่ดีก็จะเปลี่ยนไปเที่ยววัด Zenko-ji แทน แต่ก่อนอื่นต้องแวะทานอาหารกลางวันกันก่อน มื้อนี้ก็ทานกันในร้านข้างๆสถานีนั่นแหละครับ เมนูเดิมๆ ของภรรยาทาน NishinSoba ของโปรดของเค้า ส่วนของผมก็ตามภาพคือ Tenzarusoba ที่เห็นเป็นกาแดงๆนั่นคือน้ำซุปที่เอาไว้เติมน้ำจิ้มเพื่อเจือจางรส Wasabi ก่อนจะยกซดให้หมดถ้วยหลังจากกินเส้นหมดแล้ว

ทานเสร็จแล้วเราก็เดินทางกันต่อ (อีกแล้ว) พอเห็นว่าสภาพอากาศพอที่จะไปดูลิงได้ เราก็รีบย้ายตัวเองไปขึ้นรถไฟของ Nagaden สู่สถานี Yudanaka ต้นทางของการเข้าชม Snow monkey park ถ้าจำไม่ผิดรถไฟรุ่นนี้มีรูปร่างคล้ายๆกับ Romance car ของ Odakyu ในสมัยก่อน เราได้นั่งตรงส่วนหัวขบวนเนื่องจากไปรอขึ้นรถตั้งแต่หัววัน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้นั่งที่นั่งหน้าสุด แต่นั่งตรงนี้ก็ได้เห็นวิธีเข้า Cockpit ของคนขับคือแกจะปีนผ่านช่องเล็กๆเข้าไปในห้องควบคุมที่อยู่เหนือเพดานที่เรานั่งนั่นเอง คิดได้ไงฟะเนี่ย หุหุ

“ซามุ้ยยยยยยยยย” เราสองคนร้องขึ้นพร้อมกันเมื่อก้าวออกจากห้องโดยสารที่สถานีปลายทาง Yudanaka

ที่จริงในระหว่างที่นั่งรถมาก็เห็นแล้วว่าหิมะข้างทางกองเป็นพะเนิน แต่พอได้ออกมาสัมผัสบรรยากาศจริงๆ มันหนาวกว่าที่คาดไว้ เรียกว่าเย็นเหมือนช่องแช่แข็งในตู้เย็นเลยก็ได้ เห็นฝรั่งที่เดินผ่านไปก็บ่น “Freezing Freezing” ถึงตรงนี้เราก็เดินไปหยิบแผนที่แนะนำการเดินทางไป Snow monkey park ก่อนจะกดกาแฟอุ่นๆมาดื่มในระหว่างนั่งรอขึ้นรถ

เมื่อรถมาถึงเราก็รีบขึ้นไปนั่งประจำที่ (อุ่นสบาย) ก่อนที่ ShigaKogen shuttle bus จะพาเราออกเดินทางไปยังจุดหมาย ในขณะที่รถวิ่งจะได้ยินเสียงกุกกักๆจากโซ่ที่เค้าคล้องไว้ที่ล้อกันลื่น ถ้าเป็นรถส่วนตัวของคนมีเงินหน่อยเค้าก็มักจะเปลี่ยนเป็น Snowtyre กันเพื่อไม่ให้มีเสียงดังแบบนี้

หลังจากการเดินทางหลายทอดหลายต่ออันยาวนาน เราก็มาถึงป้ายสุดท้าย KanbayashiOnsen จากตรงนี้เราจะเดินตามแผนที่นี้เข้าไปดูน้องลิงกันครับ

ในเมื่ออยู่บนเขาซะขนาดนี้รอบๆตัวเราจึงเต็มไปด้วยหิมะ อุณหภูมิขณะนั้นเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าหนาวมากๆแต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรเพราะพอเริ่มออกเดิน ร่างกายมีการเคลื่อนไหวเราก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นเอง คุณภรรยาก็ได้ประเดิมใช้ถุงมือ TNF ที่ผมซื้อมาฝากด้วย

ตามไปดูลิงแช่ออนเซ็นครับ :D

สภาพทางเดินสู่ JigokudaniYaen-koen มีแต่หิมะล้วนๆครับ แต่เรื่องเดินนี่เราสองคนถนัดอยู่แล้วยิ่งมีวิวสวยๆแบบนี้ด้วยยิ่งไม่เป็นปัญหา

ทางแยกไป Ryokan Yamanoyu ถ้ามีเงินและเวลาก็อยากจะลองพักดูเหมือนกันนะเนี่ย แต่เนื่องจากเรามีโปรแกรมไปพักเรียวคังท่ามกลางหิมะที่ Yamagata ตามที่ลงไปใน Journey of Love 001 อยู่แล้วงวดนี้เลยขอผ่านไปก่อนครับ

พอพ้นช่วงแรกที่เป็นพื้นถนนก็มาถึงทางเข้า Jigokudani Yaen-koen จริงๆเสียที จากป้ายที่ปากทางจะเป็นทางเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขา ข้างนึงเป็นกำแพงภูเขา อีกด้านจะเป็นหน้าผาที่มีต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นปกคลุม ทางเดินตรงบริเวณนี้เราต้องดึง Hood ขึ้นมาคลุมหัวหรือไม่ก็ต้องใส่หมวกเนื่องจากมีหิมะตกลงมาจากต้นไม้ตลอดเวลา มีอยู่ทีนึงตกลงมาเยอะมากนึกว่าจะโดนหิมะถล่มทับซะแล้ว

พอพ้นแนวป่าเราก็มาถึง Koraku-kan ทิวทัศน์ที่นี่ชวนให้นึกถึงฉากในละครหรือภาพยนตร์ที่มีบ้านหลังเล็กๆตั้งอยู่ข้างๆคุ้งน้ำ รายรอบไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์ เสียแต่วันนี้ไม่มีแสงแดดไม่อย่างงั้นจะสวยยิ่งขึ้นกว่านี้อีก เห็นภาพนี้แล้วก็เสียดายว่าทำไมถ่ายมาแต่ Compact ทำไมไม่เอากล้องใหญ่ถ่ายหว่าไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

เดินต่อมาอีกนิดก็เจอน้องลิงตัวแรกออกมาต้อนรับ เป็นลูกลิงอายุไม่กี่เดือนหน้าตาน่ารักน่าชัง ร้อง”กี๊ดๆๆๆ” สงสัยจะตามหาแม่อยู่ พอเราเดินเข้าไปใกล้ๆก็วิ่งหนีไป

หลังจากจ่ายค่าเข้าชมแล้วพอเดินเข้ามาเราก็เจอน้องลิงตัวเดิมนั่งอยู่หน้าบันได แฟนผมกรี๊ดกร๊าดมากเพราะน่ารักเหมือนตุ๊กตา ยิ่งมีปุยหิมะเกาะตามขนด้วยแล้วยิ่งดูน่ากอดมากขึ้นไปอีก

เดินๆดูก็เห็นว่าที่ลิงญี่ปุ่นมันดูน่ารักกว่าลิงบ้านเรา คงเป็นเพราะหน้าแดง ลำตัวใหญ่ ขนยาวพองฟู ที่สำคัญคือไม่มีหางทำให้ดูตัวป้อมๆ น่ารักน่าหยิก

ที่สำคัญยังไม่นิสัยเสียเพราะนักท่องเที่ยวเหมือนที่บ้านเราด้วยครับ

บางตัวก็เดินไปเดินมา สงสัยจะออกกำลังกายแก้หนาว

บางตัวก็กอดกันอุ่นสบายเหมือนแม่ลูกคู่นี้

หันไปดูทางบ่อน้ำที่เจ้าลิงทั้งหลายลงไปแช่น้ำกัน ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวมามุงถ่ายรูปเต็มไปหมด หิมะก็ลงหนักจนเป็นพายุย่อยๆไปแล้ว แต่เราก็ยังไม่ถอยครับ ขอเบียดเสียดผู้คนเข้าไปดูออนเซ็นลิงใกล้ๆหน่อยเถอะ

อู้ววว แช่กันสบายตัวไปเลย ปล่อยให้พวกมนุษย์มันทนหนาวกันไป 555

ชอบตัวนี้จริงๆ เก๋ามาก นักเลงประจำบ่อ หลับตาพริ้มไม่สนใจใครเลย อิอิ

นอกจากแช่น้ำแล้วกิจกรรมยอดนิยมก็คือหาเห็บ หาเหาใส่หัว

บางตัวก็ทำงานเป็นทีม

เราเดินดูน้องลิงน้อยน่ารักกันอยู่นานพอสมควร ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ดูเหมือนความเย็นมันจะเกินขีดจำกัดที่ชุดของพวกเราจะรับได้แล้ว อาการมือชา เท้าชา เริ่มถามหา ปากเริ่มสั่น เป็นสัญญาณว่าต้องหยุดและไปหาสถานที่อบอุ่นร่างกายก่อนที่อาการจะแย่ลงกว่านี้

เราหลบเข้ามาพักในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่มีเตาผิง 2 ตัวไว้ให้ผิงไฟคลายหนาวกัน ถอดถุงมือถุงเท้าออกมาปรากฎว่า มือแดงเพราะถุงมือทนสภาพอากาศไม่ไหว เท้าแดงชาเพราะหิมะละลายเป็นน้ำเย็นๆซึมเข้าไปในรองเท้าจนถุงเท้าเปียก ทำให้หลังจากกลับจากทริปนี้คุณภรรยาตัดสินใจซื้อรองเท้าสำหรับเดินบนหิมะโดยเฉพาะซึ่งเกาะผิวน้ำแข็งได้ดีกว่ารองเท้าธรรมดารวมทั้งกันน้ำได้ด้วย เอาไว้สำหรับการเดินทางในครั้งต่อๆไป

หลังจากพักอบอุ่นร่างกายเรียบร้อยแล้วเราก็เดินกลับออกมา โดยระหว่างที่เดินกลับออกมาต้องหลีกทางให้รถ ATV ของทางสวน เห็นคนขับบอกว่ามีคนแก่ที่เดินไม่ค่อยไหวจะเข้ามาชมเลยมีบริการออกไปรับ

เมื่อเดินออกมาถึงทางออก เราข้ามถนนไปรอที่ป้ายรถเมล์ที่สร้างเป็นเพิงไม้เล็กๆเอาไว้กันลมสำหรับผู้โดยสาร จากตรงนี้โปรแกรมของเราคือจะนั่งรถบัสตรงกลับไปทานข้าวเย็นและพักผ่อนที่โรงแรมใน Nagano นั่งรอสักพักรถคันแรกก็มาถึง มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครออกมาต้อนให้นักท่องเที่ยวขึ้นรถ พร้อมกับพูดว่า “Yudanaka station, Yudanaka station” ซึ่งเราก็ไม่ขึ้นเพราะจะไม่ย้อนกลับไป Yudanaka อีกแล้วแต่จะตรงไป Nagano เลย อาสามัครคนนั้นก็พยายามจะให้เราขึ้นรถให้ได้ พวกเลยสงสัยว่า เอ๊ะ หรือว่ารถไป Nagano มันยกเลิกไปแล้ว แต่ดูในตารางเวลาที่ป้ายก็ยังมีอยู่เลยนี่นา จึงลองสอบถามดู

Gelgoog : “ นะงะโนะเอะขิเอ๊ะอิขุฉกโคบ๊ะสุงะไน่หนอ ????” (ไม่มีรถตรงไปสถานี Nagano เลยเหรอ)
Volunteer : “อาหรุ อาหรุ” (มีๆ)

อ้าว มีแล้วทำไมจะให้ขึ้นรถไป Yudanaka อย่างเดียวฟะ พอถามแกดูก็ตอบว่าส่วนมากรถที่ไป Nagano มักจะเต็มเพราะมีรอบน้อย ซึ่งถ้าเต็มก็จะขึ้นไม่ได้ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมักมีปัญหาเพราะสื่อสารกันไม่เข้าใจ แกก็หวังดีเลยพยายามจะให้ขึ้นไปที่ Yudanaka เพราะต่อรถไฟกลับ Nagano ได้เหมือนกัน หลังจากนั้นเค้าก็ลองว.ไปถามคนขับรถที่กำลังจะมาได้ความว่ารอบนี้คนเยอะเลยจัดรถออกมา 2 คัน เราเลยมีที่นั่งกลับ Nagano สบายไป

กลับมาถึง Nagano ก่อนอื่นก็เดินหาข้าวเย็นกิน ระหว่างนั้นหิมะก็เทลงมาห่าใหญ่จนกลายเป็นพายุหิมะ  ตอนแรกๆก็สนุกดีครับ แต่ตอนหลังมันเข้าตา เข้าปาก พูดคุยกันไม่ถนัด เลยรีบหาร้านอาหารกินข้าวเย็นกันดีกว่า

เนื่องจากยังติดใจ Izakaya จากเมื่อคืน วันนี้ก็เลยขอกินร้านเหล้าเหมือนเดิม เมนูวันนี้ก็มี Tamago-sarada (สลัดไข่),Tako-wasabi, Ebifurai (กุ้งชุบแป้งทอด)

ขาดไม่ได้กับ Shishamo

สุดท้ายพิเศษสุดของวันนี้ Sashimi-moriawase (ปลาดิบรวม) อิ่มกันไปสำหรับมื้อนี้ โดยคุณภรรยา(เอาตังค์ผม)จ่าย อิอิ

ทานเสร็จเราก็ไปเดินหาโรงแรมกัน ด้านนอกหิมะก็ยังตกหนักอยู่พอสมควรแต่ไม่เข้าหูเข้าตาเข้าปากแบบเมื่อกี้นี้แล้ว สำหรับคืนนี้ที่ Nagano เราเลือกพักที่ Comfort Hotel เวลาไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์ถ้าพักตาม Business Hotel จะมีข้อดีตรงที่ได้ราคาถูกกว่าปกติเพราะแขกจะน้อย หาห้องพักก็ง่ายไม่เหมือนช่วงวันธรรมดาที่มักจะเต็มตลอดโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ

นอกจากเรื่องราคาแล้วอีกเหตุผลนึงที่เลือกพักทีโรงแรมนี้ก็เพราะอาหารเช้าครับ ถือว่าคุ้มค่าใช้ได้เลยในบรรดา Business Hotel ด้วยกัน เคยไปพักที่ Comfort Hotel Centrair Intl. Airport มาก่อนหน้านี้ อาหารเช้าก็ใช้ได้เหมือนกันครับ

เช้าวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภา วันสุดท้ายของการเดินทางครั้งนี้แล้ว หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เดินไปขึ้นรถที่หน้า Nagano-eki จุดหมายคือ Zenko-ji หนึ่งในวัดสำคัญของประเทศญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมือง Nagano นี่เองครับ

ลงรถที่ป้าย Zenkojidaimon-mae ปกติตรงนี้จะคึกคักด้วยร้านอาหารและที่พักแต่ตอนนี้เงียบสงัดเพราะยังเช้าอยู่มากๆไม่มีร้านไหนเปิดเลย ที่เห็นอยู่สุดถนนบนปลายเนินนั่นก็คือประตู Niomon ของวัด Zenko-ji ครับ

มองทางไหนก็ขาวโพลนไปด้วยหิมะ เสียหน่อยตรงที่อากาศขมุกขมัวไปนิดนึง แสงไม่ค่อยมีเพราะยังเช้าอยู่ด้วย

เดินผ่านประตูมาจะเป็นย่านขายของกินและของฝาก ใครที่มา Nagano ห้ามพลาดมาซื้อของที่นี่นะครับ โดยเฉพาะ Oyaki ของกินขึ้นชื่อของเมืองนี้ แต่ก็เช่นกันเนื่องจากเรามาเช้ามากๆทำให้แทบจะไม่มีร้านเปิดเลย บรรดาเจ้าของร้านต่างก็พร้อมใจกันออกมาละลายเกล็ดน้ำแข็งบนพื้นถนนหน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าเดินดูของได้สะดวกไม่ลื่นหกล้ม

มองลอดซุ้มประตู Sanmon เข้าไปคือตัวโบสถ์ของวัด Zenko-ji อากาศตอนนี้หนาวใช้ได้เลยแต่ก็ยังไม่เท่าที่ Snow monkey park เมื่อวานนี้

พระพุทธรูป รูปปั้น และวัตถุต่างๆภายในวัดถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเนื่องจากเมื่อคืนตกหนักพอสมควร

ที่แขวนป้ายขอพรครับ เอ๊ะ คุณภรรยากำลังขออะไรอยู่นะ

Zenko-ji เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 7 ด้านในเก็บรักษา Hibutsu หรือพระพุทธรูปแห่งความลับที่ไม่มีใครได้เห็นองค์จริง เล่าลือกันว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งมีทางเขาวงกตแห่งความมืดมิดซึ่งแฝงปริศนาธรรมเอาไว้อยู่ใต้โบสถ์ด้วย สำหรับเรื่อง Hibutsu และทางเขาวงกตนั้น คุณหนุ่มเมืองกรุงได้อธิบายไว้ในกระทู้ของคุณ teddy bear in the box แล้ว ลองหาอ่านได้ในกระทู้ด้านล่างนะครับ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10723559/E10723559.html#70

โบสถ์ของวัด Zenko-ji สร้างจากไม้ทั้งหลังตามแบบฉบับญี่ปุ่น ทางลงไปเขาวงกตด้านล่างอยู่ข้างในโบสถ์ครับ ต้องเสียค่าเข้าชมอีกคนละ 500 Yen แต่เราไม่ได้ลงไปเพราะคงหนาวมาก

ก็เลยออกไปชมสวนรอบๆตัวโบสถ์แทน บรรยากาศสุดยอดครับขาวโพลนไปทั่ว

มองไปทางไหนก็มีแต่หิมะๆๆๆๆ

ถึงตรงนี้ทริปเราก็กลายพันธุ์เป็นทริปถ่ายภาพบุคคลชั่วคราว เนื่องจากฉากหลังและบรรยากาศเหมาะมากๆ มานั่งดูทีหลังกลายเป็นว่าไม่มีภาพวิวสวนสวยๆเลย T_T

เดินชมกันอยู่นานพอสมควรก็ได้เวลาเดินทางต่อแล้วครับ เราสองคนประทับใจมากๆกับ Zenko-ji ท่ามกลางหิมะแบบนี้ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกนะ บ๊าย บาย Zenko-ji

จาก Zenko-ji เรานั่งรถกลับ Nagano-eki เพื่อต่อรถไฟไปยัง Final destination ของทริปนี้ก็คือ Matsumoto-jo หรือปราสาท Matsumoto ที่หลายๆคนรู้จักเป็นอย่างดี

จากที่ดูพยากรณ์อากาศมา แม้ที่ Nagano จะมีเมฆมากแต่ในเขตเมือง Matsumoto กลับฟ้าใสแจ๋ว พอรถไฟสาย Shinonoi-sen เริ่มไต่ข้ามเทือกเขา Japan Alps เมฆบนท้องฟ้าก็เริ่มหายไป เผยให้เห็นท้องฟ้าสีครามเป็นครั้งแรกของวัน

ยิ่งเข้าใกล้ Matsumoto เท่าไหร่ฟ้าก็ยิ่งใสขึ้นเท่านั้น ผมเคยบอกเธอว่าตอนหิมะกำลังตกน่ะมันไม่สวยหรอกต้องตอนที่ฟ้าเปิดหลังหิมะตกต่างหากจึงจะสวย มาวันนี้เราสองคนก็ได้มานั่งดูทิวทัศน์แบบนั้นด้วยกันแล้ว

“หมัด….ซึโมโต,  หมัด….ซึโมโต”

เสียงประกาศในสถานีอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เรารู้ว่ามาถึงสถานี Matsumoto แล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมมา Matsumoto แต่เป็นครั้งแรกสำหรับคุณภรรยา คราวที่แล้วก็อากาศดีฟ้าใสปิ๊งแบบนี้เลย สงสัยว่าผมคงจะถูกโฉลกกับเมืองนี้เป็นแน่แท้ :-)

เราสองคนออกเดินกันตัวปลิวเพราะฝากสัมภาระไว้ใน Locker ที่ Nagano หมดแล้วเหลือแต่กระเป๋ากล้องใบเดียวเท่านั้น เดินๆไปกลางแดดแรงๆแบบนี้กลับไม่รู้สึกร้อนเลยเพราะอากาศเย็นมากๆนั่นเอง

ตัวเมือง Matsumoto ขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่ ตอนนี้เราเดินกันมาถึงครึ่งทางที่จะไป Matsumoto-jo แล้วครับ

ใกล้จะถึงแล้วครับ พวกเรากำลังเดินข้ามคลองที่ไหลไปลงแม่น้ำ Tagawa ทางด้านซ้ายมือของภาพคือ Nakamichi ซึ่งเป็นย่านการค้าของเมือง Matsumoto คิดว่าทุกคนคงเคยเห็นจากรีวิวของเพื่อนๆหลายคนไปแล้ว

บนเส้นทางที่เดินผ่าน Nakamichi นอกจากจะมีร้านค้าต่างๆ ยังมี Yohashira-jinja ศาลเจ้าชินโตขนาดเล็กซ่อนตัวอยู่ด้วย

หลังจากเดินเล่นใน Nakamichi อยู่พักนึง (ไม่ได้ซื้ออะไรเลย แหะๆ) เราสองคนก็ออกเดินต่ออีกนิดสู่เป้าหมายสุดท้ายของเราในทริปนี้ครับ พอเดินเข้าเขต Matsumotojo-koen แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาก็เห็นตัวปราสาทตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางผืนน้ำทั้นที

ประวัติคร่าวๆของ Matsumoto-jo ก็คือตัวปราสาทที่ใกล้เคียงกับรูปร่างในปัจจุบัน สร้างเสร็จในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 โดย Ishikawa Kazumasa ปราสาท Matsumoto ค่อนข้างสมบูรณ์เนื่องจากไม่ได้ถูกทำลายไปเหมือนปราสาทอื่นๆที่สร้างมาตั้งแต่สมัย Sengoku ซึ่งเต็มไปด้วยศึกสงครามทำให้ถูกบุกรุกและเผาทำลายลงไปกันเป็นจำนวนมาก ด้วยความสมบูรณ์ของปราสาท Matsumoto ทำให้ถูกยกให้เป็น “สมบัติของชาติ”  ชิ้นสำคัญ โดยเฉพาะหอคอยหรือ Donjon ของปราสาทถือเป็น Donjon ดั้งเดิมที่เก่าแก่ที่สุดอีกด้วย

Matsumoto-jo มีชื่อเล่นว่า Karasu-jo หรือปราสาทอีกาดำ เนื่องจากสีสันอันดำสนิทซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างจากปราสาทอื่นๆ (แต่ก็มีบางปราสาทใช้สีโทนนี้นะครับ เช่น Kumamoto-jo เป็นต้น)

ตัวปราสาทตั้งอยู่กลางน้ำบนที่ราบล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะสูงใหญ่ Matsumoto-jo จึงเป็นปราสาทที่มีทิวทัศน์สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ในฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระรอบๆปราสาทจะออกดอกบานสะพรั่งพร้อมกัน ทำให้เป็นสถานที่ชมดอกไม้ยอดนิยมอันดับต้นๆประเทศ แต่วันนี้ชมปราสาท Matsumoto กับปุยหิมะไปก่อนนะครับ สำหรับภาพปราสาทกับซากุระมีอยู่ในกระทู้เก่าๆของผมลองค้นดูได้ครับ

การเข้าชมภายในตัวปราสาทสามารถทำได้โดยซื้อบัตรด้านหน้าราคา 600 Yen แล้วก็ผ่านประตูเข้าไปได้เลยครับ เดินไม่ไกลมากก็ถึงตัวปราสาท ผมและเธอเคยไปดู Himeji-jo กันมาเมื่อหลายปีก่อนรู้สึกว่าเดินกันขาลากกว่าจะได้เข้าไปด้านใน

อีกด้านของปราสาทเป็นด้านที่ยังไม่ถูกแสงแดดในตอนเช้ารวมทั้งพื้นผิวด้านล่างเป็นดินทำให้มีกองหิมะเหลืออยู่มากพอสมควร ไม่ละลายไปเหมือนหิมะบนพื้นถนน ตอนนี้เรากำลังจะเข้าไปด้านในแล้วตามมาเลยครับ

ด้านในปราสาทค่อนข้างมืดเพราะเค้าต้องการรักษาสภาพเดิมๆไว้ทำให้ไม่มีการติดไฟสว่างไสวแต่อย่างใด บันไดเล็ก แคบ เนื่องจากคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนตัวเล็กมาก และชันตามแบบฉบับปราสาทที่สร้างไว้สำหรับการศึกสงคราม ที่ต้องทำให้ชันก็เพื่อเอาไว้ป้องกันไม่ให้ศัตรูจู่โจมขึ้นมาบนปราสาทได้สะดวกครับ

ด้านในอากาศหนาวเย็นสุดๆเพราะไม่มีการติดเครื่องปรับอากาศใดๆทั้งสิ้น หากมาเที่ยวหน้าหนาวเหมือนพวกเราใครที่ทนความเย็นไม่ค่อยได้แนะนำให้ใส่เสื้อกันหนาวเต็มยศและถุงเท้าหนาที่สุดที่คุณมี เพราะพื้นไม้จะทำให้คุณเย็นเท้ามากกกก

รอบๆปราสาทแต่ละชั้นจะมีทางเดินกว้างพอสำหรับ Samurai ในชุดเกราะ ติดอาวุธเต็มอัตราศึกจะวิ่งไปมาได้ สำหรับที่เห็นเป็นช่องมีแสงผ่านเข้ามาคือช่องหน้าต่างสำหรับยิงธนูหรือ Yazama ช่องสำหรับยิงปืนหรือ Teppo-sama รวมทั้งช่องสำหรับทิ้งหินลงด้านล่าง ( Ishi-otoshi) เพื่อทำลายศัตรูที่บุกเข้ามาอยู่ใต้ปราสาท รวมทั้งมีชั้นลับซึ่งไม่มีหน้าต่างและไม่สามารถสังเกตเห็นได้จากภายนอกสำหรับซ่องสุมกำลังพล

ภายในนอกจากจะได้ชมโครงสร้างของปราสาทแล้วยังมีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธปืนอีกด้วย ซึ่งเราจะได้ชมปืนแบบต่างๆตั้งแต่สมัยสงครามทั่วประเทศญปุ่น ชุดเกราะ รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์บางอย่างในสมัยก่อน

ชั้นสูงสุดของปราสาทใช้เป็นศูนย์บัญชาการรบและหอสังเกตการณ์ในสมัยก่อน จากตรงนี้สามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆรอบด้านภายนอกปราสาทได้อย่างชัดเจน

บนเพดานของชั้นบนสุดมีแท่นบูชาเทพเจ้า Nijuroku-ya-shin ประดิษฐานอยู่ ซึ่งผู้ครองปราสาทจะนำข้าวจำนวน 600 กิโลกรัมมาเซ่นสังเวยทุกๆวันที่ 26 ของเดือน เพื่อให้เทพเจ้าคุ้มครองดูแลปราสาทนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยจากไฟไหม้และศัตรูผู้รุกราน

ท่าน Daimyo ในสมัยก่อนคงเห็นทิวทัศน์ตัวเมือง Matsumoto จากบนปราสาทแบบนี้ทุกวัน

เมื่อเดินวนมาก่อนจะถึงทางออก จะได้ชมสิ่งก่อสร้างสำคัญอีกอย่างนึงของปราสาทนั่นก็คือ Tsukimi Yagura หรือศาลาชมจันทร์ครับ

ศาลาชมจันทร์นี้ใช้เป็นที่พักผ่อนยามค่ำคืนของ Daimyo ผู้ครองปราสาทและคนสนิท โดยบานประตูที่ระเบียงจะสามารถเปิดออกได้ทั้งสามด้าน

ว่ากันว่าเมื่อคุณมานั่งชมจันทร์ในศาลาแห่งนี้แล้ว คุณจะได้เห็นดวงจันทร์พร้อมกันถึง 3 ดวง คือ  

หนึ่ง….ดวงจันทร์บนท้องฟ้า
สอง….ดวงจันทร์ที่สะท้อนบผิวน้ำในคูรอบปราสาท
และสุดท้าย….ดวงจันทร์ที่สะท้อนอยู่ในจอกสาเก

หลังจากนั้นคุณจะดื่มสาเกและเห็นดวงจันทร์ไม่รู้กี่สิบดวงซ้อนกันก่อนจะเมาหลับไป (อันนี้ผมเติมเองนะครับ อิอิ)

หลังจากเดินชมปราสาท Matsumoto กันเต็มอิ่มแล้วก็ได้เวลาที่เราจะต้องอำลา Nagano กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง เราสองคนเดินกลับสถานี Matsumoto พร้อมกับบอกเล่าความประทับใจในการเดินทางครั้งนี้แก่กันและกัน สวยงามและโรแมนติกมากๆสำหรับทริป Nagano ครั้งนี้

จาก Nagano ถึง Utsunomiya เป็นระยะทางยาวไกลพอสมควร เราจึงไม่พลาดที่จะตุนเสบียงไว้ KitKat Shinshu Ringo (แอปเปิ้ล Shinshu) กล่องนี้อร่อยมากครับ แต่น่าเสียดายที่อยู่กับเราได้ไม่ถึง 20 นาที อิอิ

จาก Nagano เราเดินทางย้อนกลับลงมาถึง Takasaki ก่อนจะต่อรถไฟสีสวยสาย Ryomo-sen กลับ Utsunomiya ครั้งนี้เราเสียเวลากับการนั่งรถไฟไปพอสมควร จากต้นสายถึงสุดสายนี่นั่งกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่จะทำไงได้ครับบางทีเราก็ต้องประหยัดเหมือนกัน อาศัยใช้ตั๋วพาสนั่งรถธรรมดาเอานี่แหละ

กลับถึง Apartment ของภรรยาที่ Utsunomiya ประมาณ 5 ทุ่มก่อนจะปิดท้ายทริปนี้ด้วยอาหารไทยแบบพื้นบ้าน อิ่ม อร่อย และมีความสุขจริงๆ

จบแล้วครับ เป็นยังไงกันบ้างสำหรับการเดินทางครั้งนี้ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับเพื่อนๆสมาชิกที่เข้ามารับชมครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า จะเป็นที่ไหนยังไม่รู้เลยเดี๋ยวต้องขอดูในคลังภาพก่อน

และที่สำคัญ ขอขอบคุณน้องก้อย ภรรยาที่แสนดี สำหรับปีแรกที่สุดพิเศษในชีวิตแต่งงานของเราสองคนนะครับ
Thanks for loving me and I’ll love you forever.

ขอบคุณครับ

Karuizawa เป็นเมืองที่ตั้งใจว่าจะไป [ในหน้าร้อน]
เคยเห็นวิวที่สถานีรถไฟแล้วชอบ

ภาพวิวทิวทัศน์ในเมือง นอกเมือง ท่ามกลางหิมะนี่สวยน่ะคะ
แต่คงยากจะสัมผัสเพราะเป็นคนขี้หนาว
กลัวไปถึงแล้วจะก้าวขาไม่ออกจากที่พัก

สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานน่ะคะ

คุณpakma_13 : เชิญเลยครับ แต่ที่ผมอยู่เช้าแล้วครับมาลงบันทึกเดินทางก่อนออกไปทำงานครับ

คุณแมลงภู่บนหูกระต่าย : ตามมาเลยครับผม ลิงที่นั่นน่ารักจริงๆครับ

คุณเจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย : ขอบคุณมากๆครับ ถ้ากลัวหนาวคงต้องรอวันแดดออกจะไม่หนาวมากแถมวิวยังสวยกว่านี้อีกด้วยครับ

ยินดีด้วยสำหรับความสุขของชีวิตคู่ ขอให้ยั่งยืนตลอดไปค่ะ


ขอบคุณมากนะคะสำหรับข้อมูลและภาพสวยที่ทำให้คิดจะกลับไปอีกครั้งในหน้าหนาวเลยค่ะ
** จะกลับไปกินโซบะกับขนม โดยเฉพาะ Oyaki ที่พลาดโอกาสไปแล้ววววว

@  สวยมากครับ..ลิงน่ารัก  อาหารน่าทาน
    บรรยากาศสวยงาม..ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เห็นหิมะแล้วอยากปาเล่นจังเลยค่ะ

ส่วนเจ้าลิงก็น่ารักมั่กมาก

ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ ^^

อาหารน่ากิน หิมะน่าเล่น อิอิ อิจฉาจังค่ะ

โหวววว สวยจังเลย อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นบ้าง ขอบคุณสำหรับ review คร่า

สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานค่ะ
ตามไปเที่ยว Nagano ด้วยคน...ลิงหิมะตอนหลับตาพริ้มแช่น้ำร้อน น่ารักมากเลยค่ะ
Umesawa พร้อมกับแกล้ม ก็น่าอร่อยสุดๆ ...ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลดีๆนะคะ

เห็นแล้วอยากไปเที่ยวหน้าหนาวแบบนี้บ้างจังครับ

สวยงามมากๆเลย

แวะมาเที่ยวนางาโนะแบบหวานๆๆๆๆๆ ด้วยคนครับ ...

ปลายปีจะไปชมปราสาทอัสสึโนะมิยะ ยามค่ำ แบบเงาสะท้อนน้ำ

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ เหมือนเดิม

รูปสวยจัง  โดยเฉพาะรูปอาหาร น่าทานมากกกกกก ^^

สวยมากเลยครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

สุขสันต์ครบรอบแต่งงานด้วยนะคะ  
พาเที่ยวพาชิม  ดูเพลินเลยค่ะ  หิมะตกนี่สวยจริงๆ ไว้มีโอกาสจะตามรอยไปบ้างนะคะ

กระโดดขึ้นรถแทบไม่ทัน

รีวิวสวยมากค่ะ

อ่านเพลินไปเลย
วิวสวย...
บรรยากาศโรแมนติก...
คุณก้อยก็น่ารักมากๆ

ขอให้มีความสุขชื่นมื่นแบบนี้ตลอดไปนะคะ
สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานค่ะ ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวย ๆ นางแบบน่ารักนะคะ..

ชอบลิงออนเซนจังค่ะ  ดูแล้ว น่ารักมาก ๆ ค่ะ...

สุขสันต์วันครบรอบวันแต่งงานนะคะ
สวยมากค่ะ ขอบคุณนะคะ

ป.ล. ไม่ดื่มเบียร์ และก็ชอบน้ำบ๊วยผสมเหล้า กับน้ำมะนาวสดผสมเหล้า เหมือนกันเลยค่ะ

ขอมาชื่นชมด้วยคนคะ
แค่ดูภาพก็มีความสุขเล็กๆ แล้วคะ ถ้าได้ไปบ้างจะสุขแค่ไหนน๊า
รูปถ่ายมาสวยมากน่าไปเที่ยวจังคะ แต่หาคนไปด้วยยากมากๆ
ระหว่างหาคนไปด้วยก็ตามเก็บข้อมูลไปพลางๆ ^^

ขอบคุณมากนะคะ

มาแอบอ่านกระทู้พี่ยอครับ
เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะครับ
ยังจำตอนที่เจอ พี่ยอกับเจ้ก้อย ที่ดอนเมืองได้อยู่เลย
(นานมากๆ แล้ว)

มีความรู้สึกว่าญี่ปุ่น เป็นประเทศที่เที่ยวไงก็ไม่หมดหน่ะครับ
ทริปนี้เก็บได้ตรงนี้ ทริปหน้าก็ต้องไปตรงนั้น ไปได้เรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด

สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานนะครับ

ภาพสวยมากเลยครับ
-ปลาหมึกคลุก Wasabi นี่น่ากินมากเลยครับ
-วิวทุ่งหิมะจากรถไฟนี่สวยมากครับ
-ลิงภูเขานี่น่ารักมากครับ แช่น้ำร้อนกันสบายใจให้คนยืนดูยืนถ่ายรูปกลางพายุหิมะไป ลิงที่นี่คุ้นเคยกับคนเป็นอย่างดีจังครับ
-รีวิวนี่เต็มไปด้วยหิมะแหะชอบบรรยากาศแบบนี้มากครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ  

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆแบบนี้ค่ะ สุขสันต์วันครบรอบแต่งงาน ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ

เจ้าจ๋อน่ารักมากๆ
กระทู้สร้างรอยยิ้มประจำวันนี้เลย
เสียดาย กี๊ฟ หมดแล้ว
อยากให้หลายๆใบเลยค่ะ
^^

ตามมาเที่ยว ประเทศในฝัน

ความเห็น87 หวานมากมาย  อ่านแล้วมีความสุขไปด้วย และรีวิวนี้ก็สวยงามมากๆด้วยค่ะ    
ถ้าจะได้ชมวิวเมืองมัทสึโมโตะจากปราสาทวิวเดียวกับไดเมียวสักครั้งแล้ว  ขอเลือกวิวหิมะแบบนี้เลยค่ะ  สวยแบบหนาวๆ หนาวแบบสวยๆ

หิมะท่วมท้นดีจัง...

เราก็มีความฝันในตอนเด็กๆว่าอยากเล่นปาหิมะ ในบรรยากาศหิมะท่วมท้นแบบนี้...

ตอนนี้ก็ขอเกาะขอบกระทู้ของ คุณGelgoog ไปเที่ยวก่อน...

ดูรีวิวแล้วมีความสุข ขอบคุณมากๆนะคะ...

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูลและรูปสวยๆๆ

อยากเล่นหิมะมากๆเลยครับ

อิจฉาลิงอ่ะ อยากแช่น้ำร้อนบ้างอะไรบ้าง

ภาพสวยมากครับ อยากไปบ้างจัง ขอเก็บตังค์ก่อน

ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ

คิดถึง izakaya ที่ญี่ปุ่นมากๆ ถ้าได้ไปอีกหนต้องไม่พลาดแน่ๆ เบียร์สดญี่ปุ่นอร่อยที่ซู๊ดดดด

สวัสดีครับ.
ขอบคุณครับ.สำหรับภาพสวยๆ.ข้อมูลดีๆ..

อ่านสนุกมากค่ะ ภาพก็สวย >_< ปราสาทมัตสึโมโตะกับหิมะขาวโพลนดูแปลกตาค่ะ

ชอบน้องลิงแช่น้ำมากๆ เลยค่ะ ท่าทางคงจะมีความสุขมาก ..
เห็นรีวิวแล้วแอบหนาวแทน..อยากจะไปแช่น้ำกะลิงบ้างจริงๆ ค่ะ ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆ นะคะ ^^

สุขสันต์วันครบรอบวันแต่งงานครับ ^_^

รูปสวยมาก ขอบคุณที่พาเที่ยวนะครับ

เป็นเสืองที่น่าไปเที่ยวจังเลยค่ะ

ภาพสวยมากกกกกก

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวนะคะ ^^

สวยมากๆ หิมะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขาวไปหมด

เห็นแล้วกิเลสพุ่งแรง

ภาพสวยเหมือนได้เที่ยวด้วยจริงๆ แอบหนาวด้วย ลิงน่ารัก

รูปสวยมากครับ  ขอบคุณที่รีวิวนะครับ

ขอบคุณมากนะคะ
ดูแล้วก็หนาวแทนเลยค่ะ แต่ก็สวยมากด้วย
เจ้าลิงออนเซนพวกนั้นก็น่ารัก ดูทีไรไม่เคยเบื่อเลยค่ะ

สุขสันต์วันครบรอบ ขอให้มีความสุขยืนยาวนะคะ ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิวหวาน ๆ นะครับ

แล้วเจอกัน Japan

หิมะน่าเล่นมากเลยค่ะ  

ถ่ายภาพได้สวยมากเลยค่ะ
อากาศหนาวน่าดูเลย
ขนาดน้องลิงยังแช่น้ำกันเต็มเลย อิอิ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่พาเที่ยว

น้องลิงน่ารัก ปราสาทก็สวย

ชอบศาลาชมจันทร์ บรรยายจนเห็นภาพเลย

ในคืนเดือนหงาย...บรรยากาศคงงามหยด

คุณ teddy bear in the box : ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ จะหน้าหนาวหรือฤดูอื่นก็สวยครับสำหรับที่นี่ เคยมาสองครั้งก็ประทับใจทั้งสองครั้ง อย่าลืมกิน Oyaki นะมีหลายไส้เลย คราวหน้าอย่าพลาดนะครับ

คุณ MRBIG173 : ขอบคุณเช่นกันครับ

คุณหนูกิตหอ 4 ชาย : ขอบคุณที่มาเที่ยวด้วยกันครับ

คุณ web_rung : อย่าอิจฉาเลยครับ หมดไปหลายอัฐเหมือนกัน T_T

คุณ Molly (Lovely Sweet Molly) : รีบเลยครับแต่ถ้ามาตอนนี้ต้องระวังเรื่องอาหารการกินหน่อยนะครับ

คุณ crabbad : ขอบคุณครับ

คุณ Koon Shy_Tour Dee : หน้าหนาวก็สวยไปอีกแบบครับ ถ้าอยากเห็นหิมะเยอะๆไม่ต้องไปถึง Hokkaido กันหรอกครับ มาที่ Nagano หรือ Niigata ก็เต็มไปหมดแล้ว

คุณติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) : แล้วจะรอชมภาพ Utsunomiya-joshi นะครับ อย่าลืมทานเกี๊ยวซ่าเผื่อด้วยนะครับ (เน้นว่าต้องเป็นร้าน MinMin Gyoza)

คุณ toastlover : ตอนนั้นเบื่อๆอาหารญี่ปุ่นตามร้านทั่วไปครับ เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศมั่ง

คุณเล็กทาโร่ : ขอบคุณมากครับ

คุณ Red-Rose-14Feb : ขอบคุณมากครับ ผมคิดว่าหิมะช่วยเพิ่มความสวยงามให้ทริปนี้กว่าครึ่งเลย

คุณ hollaneung : โดดตามมาเลยครับ ระวังประตูหนีบด้วยนะ

คุณ Us-Sama Iland : ขอบคุณครับ

คุณ pititee : ขอบคุณแทนน้องก้อยด้วยครับ :-)

คุณ thai orchid : ขอบคุณครับ จริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจเป็นนางแบบหรอกครับ แต่บางภาพต้องลงภาพนั้นด้วยบันทึกนี้จึงจะสมบูรณ์

คุณ Miss_Behaving : ขอบคุณมากๆครับ จริงๆวันที่นอนที่ Nagano มี Strawberrysawa ด้วย แต่ไม่ค่อยอร่อยเลยไม่เอาลง

คุณ Azumi 3011 : มีความสุขจริงๆครับแต่ถึงไปคนเดียวก็ไม่เหงาหรอกครับ

คุณยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ : 555 ใช่ครับเวลาผ่านไปเร็วมากๆ ไว้มีโอกาสจะแวะไปเยี่ยมหมอยุ่งที่เชียงใหม่นะครับ ใช่ครับญี่ปุ่นเที่ยวได้เรื่อยๆ เค้าขยันหาอะไรมาโปรโมทตลอด (แต่บอกตามตรงตอนนี้ผมอยากไปประเทศอื่นบ้างแล้วครับ) ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ

คุณ Destiny-Boy : ขอบคุณเช่นกันครับ

คุณ pormiho : ขอบคุณครับผม

คุณ P r i m t a a : ไม่มีกิ๊ฟไม่เป็นไรเข้ามาดูด้วยใจก็พอครับ

คุณ tummeng_in : เชิญเลยครับแต่อย่าปล่อยให้ฝันต่อไปครับ (เช็คข้อมูลก่อนเดินทางด้วยนะครับ)

คุณลอร่า อิงกัลส์ ~* : ขอบคุณมากๆครับ หน้าหนาวของจังหวัดนี้สวย หวาน และโรแมนติกจริงๆครับ

คุณดอกโสนบานเช้า : ตามมาด้วยกันเลยครับ ระวังโดนพวกผมรุมปานะ

คุณ Sugarbean : ขอบคุณเช่นกันครับ

คุณ inint&anant : เล่นสนุกแต่ทุกข์ทีหลังครับ (มือชา) ตอนนั้นผมว่าผมอิจฉาแกมหมั่นไส้ลิงเหมือนกันนะ อิอิ

คุณ predator_john : รีบเก็บเร็วเลยครับ

คุณ Smiley_Season : ขอบคุณครับ กำลังจะเข้าหน้าร้อนได้เวลาเบียร์การ์เด้นที่ญี่ปุ่นแล้วครับ

คุณ actloma : ขอบคุณครับ

คุณก่วยก๊วยตาลสด : ขอบคุณครับ ของจริงสวยกว่าที่เห็นในรูปอีกนะ

คุณ lovetree : ตอนนั้นอยากลงไปแช่แทนลิงเหมือนกันครับ อิอิ

คุณ SkyBox : ขอบคุณครับคุณฟ้า

คุณ ExUnited : ขอบคุณหลายๆครับ

คุณนางมารชุดส้ม : ถ้าไม่ชอบความวุ่นวาย แนะนำเลยครับ

คุณสามแซ่ : ยินดีเสมอครับ

คุณ janto : ไปแล้วรู้เลยครับว่าทำไมพวกหนังฝรั่ง พอถึงฉากโรแมนติกต้องมีหิมะ :-)

คุณ lynn_oil : ขอบคุณครับ หนาวจริงๆครับ

คุณ aranusy : ขอบคุณเช่นกันครับ

คุณ salamanka : ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ

คุณ jeakja : ขอบคุณที่เข้ามารับชมครับ

คุณสาวหน้าใส : ผมเล่นจนมือแข็งเลยล่ะครับ หุหุ

คุณ Pingguo_Apple : ขอบคุณเช่นกันครับผม

คุณ la liga fan : เค้ามีเทศกาลชมจันทร์ด้วยนะครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าช่วงวันที่เท่าไหร่ ถ้าสนใจลองหาข้อมูลดูครับ

ขอบคุณเพื่อนสมาชิกโดยรวมอีกครั้งนะครับ ที่ช่วยโหวตให้เป็นกระทู้แนะนำ

เมื่อคืนคุณภรรยาอ่านไปยิ้มไปเลยล่ะครับ ถึงแม้ตัวจะอยู่ไกลกันแต่กระทู้นี้ก็เป็นของขวัญในวันพิเศษของเราได้จริงๆ

โอ๊ะ! ต้องออกไปทำงานแล้วครับเดี๋ยวไม่ทันรถไฟ สาย Gotemba-sen มีชั่วโมงละขบวนนี่ลำบากเหลือเกิน ไปล่ะคร้าบบบ

ตามไปเล่นหิมะด้วยคน ขอบคุณสำหรับรีวิวและภาพสวยๆ นะครับ

เจ้าลิงแช่น้ำน่ารักมากเลย


ขอให้คุณทั้งสองได้เที่ยวด้วยกันตลอดไปเลยค่ะ ^__^

ขอบคุณมากค่ะ สวยจัง อยากไปเล่นหิมะจังค่ะ

ตอน จขกทไป คงจะหนาวมากเลย  

ภสพสวยมากค่ะ ชอบน้องลิงตอนอาบน้ำร้อนทำหน้าพริ้ม

...สุขสันต์ครบรอบแต่งงานนะคะ

ภาพสวย บรรยายดี ทำให้ต้องอ่านต่อ ทั้งที่ตอนแรกกะว่าจะมาอ่านทีหลัง

อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ ^_^ ...

รีวิวหน้าหนาว  แต่รู้สึกถึงความอบอุ่นได้เลยค่ะ ^^*

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีดี

และ สุขสันต์ครบรอบแต่งงานด้วยนะคะ : )

โอ๊ยคิดถึง ญี่ปุ่น ^^ ภาพสวยจังค่ะใช้กล้องและเลนส์อะไรอะค่ะ

edit : แก้คำผิดค่ะ ^^''

ญี่ปุ่น กับ หิมะ  ทำไม สวยอย่างนี้

ขอบคุณครับที่พาไปเที่ยว

คุณ noiwanwannoi : โดดขึ้นรถไฟตามมาเลยครับ

คุณ Pat :o) : ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ ส่วนเจ้าลิงใครเห็นใครก็ชอบครับ

คุณ snas89Pink : ขอบคุณเช่นกันครับ

คุณ nongpoompui : ขอบคุณนะครับ หนาวสิครับแต่ถ้าเตรียมตัวพร้อมก็ไม่มีปัญหาครับ

คุณ kungtalay : ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ :-)

คุณ k i m m i e z : ขอบคุณมากๆเลยครับ

คุณ Moopenguin : EOS 550D กับเลนส์คิท 2 ตัว ส่วนกล้องสำรองเป็น PowerShot S95 ครับ

คุณ SuPerHyPerOverUltraGLUE : ของมันคู่กันครับ แต่คิดว่าญี่ปุ่นคู่กับซากุระลงตัวที่สุดครับผม

คุณข้าวซอยคอยเครื่องเคียง : ไม่เป็นไรครับ ตามมาเลย

/ nagano น่าไปเที่ยวมากๆค่ะ

ญี่ปุ่นนี่ทำให้อยากไปตรงนั้นตรงนี้ตลอดเลย

น้องลิงน่ารักสุดๆ น่าเอ็นดูมากกกก

Thank you for good review

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ญี่ปุ่นหน้าหนาววสวยดีครับ แต่น่าจะหนาวมากๆ

ภาพสวยมาก ดูดกิฟผมไปเยอะเลย ขอบคุณนะครับ

ประทับใจมากครับ ต้องเก็บไว้ใน bookmark เพื่อลอกการบ้านนะครับ

ขอบคุณนะคะ ภาพสวยมาก

ขอให้ชีวิตคู่มีความสุขตลอดไปค่ะ

คุณ gig_gigg, คุณ genie&winnie ,คุณ white koala, คุณ somsaktee, moddmd, คุณ สวยด้วยแสง-แรงด้วยสี

ขอบคุณทุกๆท่านนะครับที่เข้ามาชม เมื่อวานนี้มีแผ่นดินไหวขนาด M5.4 ที่ Nagano ทำให้ปราสาท Matsumoto ร้าวไปบางส่วนครับ เศร้าเลย ขณะนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังสำรวจอย่างละเอียดอยู่

หน้าคุณภรรยาดูมีความสุขมากเลยค่ะ
ฉายออกมาจากดวงตาชัดเจนเลย ว่าสุขสุดๆๆ

รูปสวยมากเลยครับ อิจฉาที่ได้มีความสุขสองต่อสอง
และอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นอีก

อยากไปบ้างจังเลย

ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ น้องลิงน่ากอด