มาต่อกันที่กระทู้นี้ดีกว่าค่ะ จะพยายามรีวิวให้ละเอียดหน่อยค่ะ รูปจะเยอะ เพราะตอนเราไปก็ได้รูปนี่แหละ บางทีพูดกันไม่เข้าใจก็ชี้เอาค่ะ

ตอนที่แล้วเราเดินทางไปถึงที่พักที่ซกโซแล้ว เราจอง The house ผ่านเน็ตไว้แล้ว มาถึงก็ Say hi กับ คุณ Yoo และก็อธิบายสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆให้เราเดินเที่ยวกัน

เสร็จจากคุณ Yoo ก็เข้าห้องน้ำเอากระเป๋าเก็บแล้วก็ออกเดินทางจากบ้านอีกทางหนึ่ง ซึ่งปากทางจะเป็นร้าน GS 25 เราจำร้านนี้เป็นจุดสังเกตุ

จุดแรกเราจะไปตามรอยซีรีส์เกาหลี (อีกแระ) เรื่อง Autumn in my heart
จากร้าน GS 25 จะมีทางซ้ายขวา เราก็มาทางขวาเดินตรงไปเรื่อยๆจะผ่านร้านค้า ผ่าน Jungang market เป็นตลาดของซกโซ แต่ไม่ได้เข้าไปเพราะเย็นมากแล้ว

เดินกันไป ก็ถามทางกันไป แล้วเราก็เจอจุดหมายของเราเป็นท่าเรือที่นางเอกจะต้องมาข้ามไปมาโดยใช้แพนี้ค่ะ สะพานนี้เห็นในรูปจำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ

อีกฝั่งเป็นร้านของแม่นางเอกมั๊ง เห็นแปะรูปพระเอกกับนางเอกไว้เยอะเลย โปรโมทน่าดู ซีรี่ส์เรื่องนี้เก่ามากแล้ว และก็ฮิตมากในเมืองไทย ดูไปก็ร้องไห้ไป ไม่รู้เคยดูกันหรือป่าว....

เราไม่ได้ข้ามไปหรอกค่ะ เพื่อนบอกว่าไม่มีอะไร แหมเราก็อยากลองเป็นนางเอกข้ามไปซักหน่อยก็ไม่ได้...

ตรงบริเวณนี้จะมีพวกอาหารทะเลทั้งสด และแห้งขายกันเยอะ

ตามมาเที่ยวต่อจ้าพี่ไข่

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ตามมาจากกระทู้เดิมค่ะ ละเอียดดีมากเลย

เดินผ่านร้านอาหารทะเล เห็นตัวนี้อยู่ในกาละมัง ไม่รู้มันคือตัวอะไร เหมือนหนอนตัวใหญ่ๆ รูปไม่ค่อยชัด มือสั่นเพราะเริ่มหิวแล้ว

เริ่มหิวกันแล้ว ก็เลยเดินหาร้านคาลบิ ที่คุณ Yoo แกอธิบายทางมาให้ เดินไปเดินมาก็ยังหาไม่เจอ หนาวก็หนาว สุดท้ายเดินมาทางเจ้ววัวกระทิงตัวนี้ แล้วจึงเจอร้านที่ขายคาลบิอ่ะ

ร้านนี้จะอยู่ตรงหัวมุม ถ้าจำไม่ผิดนะคะ เข้าไปชะเง้อมองข้างในไม่เห็นมีใครนั่งกินเลย เราเป็นลูกค้ากลุ่มแรก

ตามไปเที่ยวค่ะ  หนอนยักษ์นี่..คาดว่าจะเป็นหอยชนิดหนึ่ง  เราจะเห็นตามร้านอาหารทะเลที่เมืองจีนบ่อยๆ

อาจุมม่าเจ้าของร้าน ทำหน้างงๆเมื่อเห็นกระเหรี่ยง 6 คน สื่อภาษากันไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่รู้หล่ะเข้ามาแล้วนี่ ก่อนมาร้านนี้เราตระเวนหามาหลายร้านแล้ว ส่วนมากไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ และเราก็พูดเกาหลีไม่ได้

ขอบคุณมากค่ะ ป้าฟู ไม่เคยเห็นเลยอ่ะเจ้าตัวนี้ อร่อยป่าวไม่รู้นะคะ

พอดีมีงานเข้า เดี๋ยวมาต่อนะคะ

ตามมาแล้วค่ะ ^^

ที่แท้หนีงานมารีวิว  อิอิ  จะรอจร้า

โอ้ย ๆ.....เห็นแล้วอยากกลับไปอีกรอบจังค่ คุณไข่จังน้อย.....

ไปกับทัวร์มาเมื่อเดือน ก.พ. แต่อยากไปเองบ้าง คุณไข่จังน้อยจองตั๋วโปรหรอคะ

ทำไมจองได้ถูกจังเพราะดูตอนนี้ประมาณ 15000+ เลยอะ.....ชอบนะคะ

ยังไงจะขอลอกเลียนแบบบ้าง คงไม่ว่านะคะ

ไปรอบสามขอตามไปด้วยนะคะ

ขอตามไปด้วยคนค่ะ

ตกใจ นึกว่าคุณไข่จังน้อย หิวหนอน

ฮ่า ซะเมื่อไหร่ หิวจนมือสั่น ถ่ายภาพไม่ไหวต่างหาก อิอิ


รอฟังสรุปว่า ไปเกาหลีกับทัวร์ดีกว่า หรือไปเที่ยวเองดีกว่านะ

คุณ Potey_da อยากให้เลียนแบบค่ะ จะทำให้ละเอียดเท่าที่จะทำได้นะคะ
คุณ snas89Pink  แล้วแต่ชอบค่ะ ถ้ากลัวลำบากก็ไปกับทัวร์ แต่ถ้าไม่กลัว กินอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีคนดูแล ก็ไปเองค่ะ จะได้ไปในที่ที่เราต้องการ จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ต้องไปจมอยู่กับร้านโสม หรือร้านอเมทิส ฯลฯ

ไปเที่ยวเกาหลีด้วยคน
ไม่เคยดูหนังเกาหลี จะไปเที่ยวเกาหลีสนุกไหมครับ

มาแว๊วววว กว่าจะหลุดจากห้องประชุม

เมื่อกี๊เจออาจุมม่าแล้วใช่ปะ เราก็เข้าไปนั่ง ที่นี่ไม่มีโต๊ะค่ะ เป็นร้านเล็กๆ ใช้นั่งกับพื้นและมีโต๊ะเตี้ยๆ มีเตาอยู่ตรงกลางโต๊ะ

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

อยากไปมั่ง

นั่งล้อมวงกันเรียบร้อย จะสั่งยังไงหว่า หันไปดู menu ที่ติดอยู่ข้างฝา แล้วอันไหนมันคือหมูอ่ะ กรุ๊ปเราไม่กินเนื้อค่ะ ทำไงดี เพื่อนเราเลยทำเสียง อู๊ด อู๊ด ให้อาจุมม่าฟัง แกพยักหน้างึกๆ OK ได้กินแระ

คุณ charlee-k หนุกแน่นอนค่ะ ไม่เน้นดาราก็เน้นธรรมชาติแล้วกันนะคะ

สั่งไป 2 ชุดด้วยความหิว แยกกันคนละเตา อาจุมม่าก็เอาผ้าเย็นมาเสริฟก่อน ชามนี้นึกว่าให้มาล้างมือ ปรากฎว่าเป็นเหมือนน้ำแข็งใส รสเปรี้ยวๆใส่หัวใช้เท้ามานิดหน่อย ชิมดูนิดหน่อยแล้วก็ไม่ได้กินต่ออ่ะค่ะ

จากนั้นก็ยกบรรดากิมจิทั้งหลายมาวางซะเกือบเต็มโต๊ะ

ตามมาด้วยพระเอกของงาน หมูหมักซอส อาจุมม่าจะมาย่างให้ค่ะ ย่างพอสุกก็เอากรรไกรตัดเป็นชิ้นๆ ให้เราทานกัน

อันนี้เกือบหมดแล้วค่ะ อร่อยมากๆเลยได้กินของพื้นเมืองของเกาหลี ลืมบอกไปค่ะ เค้าเรียกว่า คาลบิ ค่ะ

วิธีการกินนะคะ ก็เอาหมูที่ตัดไว้เป็นชิ้นเล็กห่อด้วยผัก (เหมือนผักกาดแก้วบ้านเรา) แล้วก็ตักซอสของเค้าป้ายไปนิดหน่อย แล้วก็เอาเข้าปากค่ะ เคี้ยวกันแก้มตุ่ยเลย

ตามมาเก็บข้อมูล และ เที่ยว ด้วยคนครับ

เราสั่งอันนี้มาเพิ่ม เค้าเรียกว่า บิบิมบัพ เป็นข้าวยำของเกาหลี มีข้าวสวยอยู่ข้างล่าง โปะด้วยผักต้ม หมู ไข่ดาว

เรากินกันไปประมาณนี้ค่ะ คิดค่าเสียหายทั้งหมด 67,000 won คิดเป็นเงินไทยก็ตกคนละประมาณ 300 กว่าบาท ก็ไม่แพงค่ะ มาถึงที่แล้วต้องลองค่ะ

จ่ายเงินเรียบร้อยก็เดินกลับที่พัก ระหว่างทางมีร้านค้าหลายร้าน เราก็เดินชมไปเรื่อยๆเพื่อเป็นการย่อยอาหาร

มาเจอสตรอเบอรี่ ลูกใหญ่ดี คุณแม่เพื่อนอยากกินเลยซื้อมา 1 กระจาด ราคา 18,000 won หวานดีค่ะ

เดินผ่านร้านนี้มีเสื้อกันหนาวกำลังลดราคา เลยไปสอยมาคนละตัว ตกตัวละ 300 กว่าบาท วันรุ่งขึ้นใส่เลย เบอร์ 5 จริงๆ

จากนั้นก็กลับที่พักเพื่อพักผ่อนกันซะที ระหกระเหินกันมาทั้งวัน นี่คือทางเดินเข้าห้องพักค่ะ ที่ The house เป็นเหมือน Home stay เลยค่ะ ห้องพักน่ารักดี ห้องเรานอน 2 คน ส่วนห้องเพื่อนเป็นเตียง 2 ชั้น นอนกัน 4 คน มีอาหารเช้า ขนมปัง กาแฟ ให้เราบริการตัวเองค่ะ

ขอร่วมทริปไปเกาหลีด้วยครับ

รออ่านรีวิวที่เหลืออยู่ครับ

อุปกรณ์ในห้องเราค่ะ มีตู้เย็น ทีวี น้ำดื่มมาเป็นถังเลยค่ะ เตียงเป็นเตียงเดี่ยว

นอนหลับอย่างสนิทมากเพราะเพลียจากการเดินทางทั้งวัน เลยตื่นแต่เช้า ไปปื้งขนมปังกินกับนมสด (คุณหนูมากเลย) อาบน้ำอาบท่าท้าความหนาว...
วันนี้เรามี plan จะไปเที่ยวกันที่ ซอรัคซาน ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติของเกาหลี...
แต่เราต้องไปจองตั๋วรถขากลับไปโซลก่อนกันพลาด เราเลยเดินออกมาที่สถานีที่เราลงรถเมื่อวาน และจองตั๋วกลับไปลงที่ Dongseoul เราได้ตั๋วเที่ยว 15.40 น. ราคา 16,100 won

ตารางค่าตั๋วรถบัสค่ะ

ตามไปด้วยคนค้า ชอบมาก เกาหลี >w<!!!

จองตั๋วเรียบร้อย สบายใจแระ...เช้านี้อากาศดีค่ะ ถนนที่จะข้ามไปที่พักค่ะ

เราฝากกระเป๋าไว้ที่ที่พักก่อน และเดินออกจากซอยมาเจอร้าน GS 25  ไปทางซ้ายจะเป็นป้ายรถเมล์ เรารอที่นี่เพื่อขึ้นสาย 7 หรือ 7-1 เพื่อไปลงที่อุทยานซอรัคซาน จ่ายค่ารถได้ที่คนขับเลย เที่ยวละ 1,000 won ต่อคน นั่งไปลงสุดสายเลย ประมาณ 30 นาที

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

หน้าตารถเมล์สาย 7 ค่ะ ขึ้นมาแล้วก็หยอดเงินลงกระป๋องข้างคนขับค่ะ

นั่งรถชมวิวมาระหว่างทางผ่าน Tower ที่ sokcho ด้วยค่ะ

ตามมาเก็บข้อมูลด้วยคนค่ะ

ปล.ชอบตอนสั่งอาหารร้านป้าคนนั้น อู๊ดๆ นี่ได้ผลเลยนะคะ 555

ระหว่างทางเริ่มเห็นหิมะเยอะขึ้นเรื่อยๆ  ก่อนจะถึงอุทยานจะมีพวกโรงแรมอยู่ค่อนข้างเยอะ เหมาะสำหรับคนที่อยากพักใกล้ๆอุทยาน

เห็นประตูทางเข้าก็เป็นอันว่าถึงแล้วค่ะ อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน
Seoraksan มีความหมายว่า ภูเขาหิมะขนาดใหญ่ค่ะ

ลงรถแล้วก็เดินตรงไปข้างในเลยค่ะ ด้านซ้ายจะเป็นห้องน้ำและร้านค้า เราแวะเข้าห้องน้ำกันก่อนค่ะ อากาศเย็น ปวดเบาบ่อยค่ะ

ที่ร้านค้ามีเกาลัดขายด้วย คั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้ทำไมเปลือกอ้าขนาดนั้น ไม่ได้ลองชิมเลยค่ะ ไม่รู้ขายยังไงเนอะลืม

อันนี้เป็นขนมของบ้านเค้าค่ะ ทำจากแป้งต๊อกมั๊ง ไม่ได้ลองเหมือนกัน

ไปซื้อตั๋วเข้าอุทยานกันก่อนดีกว่า เดินตรงเข้ามาเลยค่ะจะเจอร้านขายตั๋วดักอยู่แล้วค่ะ ซื้อตรงนี้เลยค่ะ

ราคาค่าตั๋วค่ะ

จ่ายค่าด่านกันไปคนละ 2,500 won ก็ได้เวลาเข้าไปชมอุทยาน ก่อนจะเข้าไปต้องเจอเจ้าถิ่นก่อนค่ะ เจ้าหมีตัวนี้ ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูปด้วย

แอ็คชั่นกับเจ้าหมีกันคนละรูปสองรูป ก็เดินต่อเข้าไปข้างใน สองข้างทางมีหิมะอยู่เต็ม ถ้ามาซักเดิอนมกราคม น่าจะเยอะกว่านี้เนอะ เสียดายจองโปรได้ช่วงนี้อ่ะ

เดินชมหิมะมาเรื่อยๆ หิมะขาวกับต้นไม้ เข้ากันมั๊ยคะ อิอิ
เราจะไปซื้อตั๋วขึ้นเคเบิลคาร์ก่อนค่ะ เพราะถ้าสายกว่านี้คนจะเยอะและต้องรอคิวนาน

รถตู้เก่าสีสันสดใสช่างตัดกับสีขาวของหิมะซะจริงๆ คันนี้จอดไว้ตรงทางเข้าอาคารที่จะไปขึ้นเคเบิลคาร์ค่ะ

เรามาซื้อตั๋วเพื่อขึ้นเคเบิลคาร์ตรงนี้กันค่ะ

ค่าตั๋ว คนละ 8,500 won ไปและกลับค่ะ

เราไป 6 คน เค้าให้ตั๋วมาใบเดียวค่ะ คิดราคารวมเลย ดีค่ะประหยัดทรัพยากร ลดโลกร้อน 555

เราจะขึ้นเคเบิลคาร์ เพื่อไปยอดเขา ควอนกึมซอง (Gwongeumseong) ด้วยระยะทาง 1,100 ม. ในเวลาอันรวดเร็วไม่ถึง 5 นาที และต้องไปเข้าคิวตรงนี้ ถ้ามาช้าก็ต้องรอคิวนานหน่อย

เคเบิลคาร์นี้ จุคนได้หลายคนหน่อย และรู้สึกแข็งแรง คนเกาหลีเองก็ขึ้นไปเยอะเหมือนกัน

มองลงมาข้างล่าง เห็นพระพุทธรูป เดี๋ยวลงมาก็จะไปไหว้พระที่นี่กันค่ะ

ถึงแล้วค่ะ สถานีบนยอดเขาควอนกึมซอง

ดูเวลาแล้ว 5 นาทีจริงๆ เวลา 9.40 น.

ตามอยู่นะคะ ^^

ปล  ไปเมื่อเดือนอะไรคะ

ออกจากเคเบิลคาร์ก็เดินเข้ามาในตัวอาคาร ตรงนี้มีร้านอาหารเครื่องดื่มและของที่ระลึกจำหน่าย แล้วเดินออกข้างนอกอีกทางเพื่อขึ้นไปยอดเขาค่ะ เค้าทำสะพานให้เดินค่ะ ไม่ยาก สะพานช่วงแรกค่ะ

ขอบคุณค่ะ คุณ SoMeDay..SoMeOnE  ที่อยู่เป็นเพื่อนกันค่ะ เราไปตอนวันที่ 23-28 กพ.54 ค่ะ

เดินเรื่อยๆค่ะ เดินไปถ่ายรูปไป เฮฮากันตลอดทาง เราชอบหิมะมากเลยค่ะ
พี่เราเอง ทำท่าซารังเฮโย ด้วย

ก่อนถึงยอดเขาค่ะ เค้ามีเชือกกั้นไม่ให้เข้าไปข้างในค่ะ อันตรายค่ะ

ใกล้แล้วค่ะ ถ้าหิมะเยอะกว่านี้ก็คงสวยไปอีกแบบ

ถึงตีนเขาค่ะยังไม่ใช่ยอดเขา เราเลยขอท้าลมหนาวซักหน่อย 555 สะใจวัยรุ่นจริงๆ

ต้นสนต้นนี้คงมีคนโหนเยอะเลยไม่ค่อยโต...พี่เรายังโหนเลย
ข้างหลังนั้นเป็นยอดเขาควอนกึมซองค่ะ

ดูเหมือนจะใกล้ แต่ก็ไม่ใกล้เพราะด้วยหิมะที่เริ่มละลายทำให้พื้นลื่นมากๆ
เพื่อนหนุ่มของเราล้มก้นกระแทกไปทีนึง หัวเราะกันไม่ออกเพราะหนาวปากจะฉีกถ้าหัวเราะเยอะ

ไกลที่ไหนเนอะ เรายังเกาะขอบเขาได้เลย อิอิ

เราพยายามจะปีนไปให้ถึงยอดเขา แต่ว่าลมแรงมากๆ กลัวจะปลิวซะก่อนยิ่งผอมๆอยู่ด้วย 5555

ยังไงก็แล้วแต่อย่าให้เสียชื่อสาวไทยใจเด็ด เห็นหนุ่มๆเกาหลีปีนขึ้นไปก็อย่ารอช้าตามไปให้ติดๆ

หันหลังมองลงไปด้านล่างก็ให้เสียววาบๆ แหมนึกว่าจะแน่...

พี่สาวเราก็ไม่ยอมแพ้ ถือว่าตัวเองฐานมั่นคงน้ำหนักเยอะกว่าเรา เลยปีนขึ้นไปบ้าง...

ใกล้เข้าไปอีกหน่อยแล้วค่ะ กะว่าจะต้องพิชิตยอดควอนกึมซองนี้ให้ได้
จะได้ไปคุยโม้ให้เพื่อนที่ล้มเมื่อกี๊ฟัง รายนั้นถอยตั้งแต่อยู่ตีนเขาอ่ะ
มีแต่เรากับพี่สาวที่ใจสู้ยอมกู้หน้าให้เพื่อน แต่พอลมพัดมาวูบนึงรู้สึกว่า
จะทรงตัวไม่ได้ ไม่เอาแล้วหันหลังกลับกันดีกว่า พี่สาวยังไม่ยอม
แต่เราถอยก่อนแล้ว พอสูงขึ้นไปแล้วรู้สึกขาสั่นอ่ะค่ะ

หันหลังมาจะลง ก็เจอหนุ่มเกาหลีคนนี้กำลังปีนขึ้นมา รึว่าจะยอมเสี่ยงปีนตามเค้าไปใหม่ 555 ล้ออออเล่น ไปดีก่า...

นั่งชมวิวอยู่ข้างบนอีกพักนึง เพื่อนพาพ่อแม่กับแฟนหนีเรากลับลงไปกันแระ เหลือเรากับพี่สาวยังเอ้อระเหยถ่ายรูปกันต่อ วิวสวยค่ะ หนาวดีด้วย

เมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาอีกก็ไม่รู้ เอาให้คุ้มหน่อย

ท้าทายลมหนาวกันอีกพัก ก็เกรงใจเพื่อนที่ลงมาก่อนจะรอนาน เลยต้องลงซะที เจอหนุ่มเกาหลีคนนี้ยืนท้าลมหนาวคนเดียว...สูงยาวเข่าดีเนอะ
เราเดินลงกันทางเดิมค่ะ

อำลายอดเขาควอนกึมซองแล้วจ้า....

ลงจากยอดเขา เพื่อนนั่งรอเราอยู่ที่ร้าน เจอไอศครีมน่ากินจัง แต่หนาวอ่ะ ไม่เอาดีกว่า

เราต้องเอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่เช็คอีกครั้งตอนขึ้นเคเบิลคาร์
เราจะไปไหว้พระพุทธรูปตรงกลาง และจะไปวัดที่อยู่ตรงซ้ายมือค่ะ

เห็นเคเบิลคาร์ตอนขาลงนี่เอง

ออกมานอกอาคาร เราก็เลี้ยวซ้ายและเดินไปตามทางนี้ค่ะเพื่อไปไหว้พระกัน

ข้างทางด้านนี้จะเป็นร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก

ผ่านประตูนี้เข้าไปแล้วเลี้ยวขวาจะเป็นองค์พระค่ะ

เจ้าตุ๊กตาหิมะตัวนี้ทำไมมานั่งอยู่ตัวเดียวเนี่ย...

ตามติดครับจะไป ตค นี้  ขอบคุณมาก


review ละเอียดดี ชอบครับ ....

ไปกราบพระกันก่อนเพื่อความเป็นศิริมงคล
พระพุทธรูปปางสมาธิองค์นี้เป็นศิลปะอันเก่าแก่ครั้งสมัยอาณาจักรชิลลา

ขอบคุณ คุณ Jayd_m นะคะที่ชอบ ยังกลัวว่ารีวิวเยอะไปหรือป่าว พยายามจะทำให้ละเอียดหน่อยอ่ะค่ะ

มาตามไปเที่ยวเกาหลี ด้วยคน คร้า

ที่นี่เขาก็มีวิธีบูชาองค์พระพุทธรูปที่แตกต่างจากบ้านเรา เขาไม่จุดธูปแต่จะถวายเทียนสีขาวแท่งโต โดยผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายจะมาจุดเทียนถวายเพื่อความเป็นศิริมงคล

คุณ chaii_latte อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนนะคะ

ตรงนี้เป็นที่ขายเครื่องบูชา มีแผ่นกระเบื้องให้เขียนชื่อทำบุญด้วยค่ะ
เจ้าหน้าที่พูดภาษาไทยได้ด้วย เรียกให้ซื้อใหญ่เลย

ไม่รู้ว่าใช่ราคากระเบื้องหรือเปล่า ติดป้ายไว้ 10,000 won พอดีไม่ได้ซื้ออ่ะ
เห็นมีคนไทยไปเขียนชื่อเป็นภาษาไทยหลายแผ่นเหมือนกันนะ

ออกจากองค์พระ เราก็เดินเข้าไปข้างในเพื่อไปวัดซินฮึงซา เดินไปตามทางเลยค่ะ

จะต้องข้ามสะพานนี้ไปก่อนค่ะ ก่อนถึงวัด

เดินเข้ามาอีกหน่อยก็จะเจอกำแพงวัดแล้วค่ะ ใช้ก้อนหินก้อนใหญ่เรียงเป็นกำแพงเลยค่ะ

วัดซินฮึงซาเป็นวัดเก่าแก่ในนิกายเซน สร้างขึ้นใน ค.ศ.652 ในละแวกใกล้
เคียงกับที่ตั้งวัดในปัจจุบัน มีชื่อเดิมว่าฮยางซองซา ค.ศ.707 เกิดไฟป่าเผา
ทำลายวัดลง จึงต้องสร้างขึ้นใหม่ใน ค.ศ.710 ครั้นปี 1645 ก็ประสบกับไฟป่าอีกครั้ง การสร้างใหม่ครั้งที่สามในปี 1645 จึงได้ย้ายวัดมาตั้งอยู่ ณ ตำแหน่งที่ตั้งในปัจจุบัน

เข้าประตูมาจะพบอาคารที่ประตูเป็นประตูไม้ขัดแตะเป็นช่องๆ แกะสลักลายดอกไม้ประดับ ทาสีสวยงาม พอก้าวเข้าไปจะพบพระพุทธรูปพระอมิตาภะ ขนาบข้างด้วยพระโพธิสัตว์กวนอิมกับไดเซจิ

เราเข้าไปไหว้พระข้างในค่ะ

สัญญลักษณ์ของเกาหลีอันหนึ่ง ก็คือหลังคาวัด สวยงามมากเลย

ที่วัดนี้มีหลายอาคาร ไม่รู้ว่าชื่ออะไรบ้างเราเข้าไปแต่ที่สำคัญๆ
สถานที่ก็กว้างด้วยค่ะ

แม่ชีมั๊ง เห็นกล้องเราก็ทำท่า ซารังเฮโย เลยอ่ะ

เราออกจากที่นี่ เพื่อมุ่งไปหาของแปลกๆดูต่อไป ออกจากวัดแล้วก็เลี้ยวซ้ายไปตามกำแพงเลยค่ะ

จากนี้จะต้องเดินไปอีก 3 กม.ค่ะ เพื่อไปดู The rock ค่ะ
ระหว่างทางก็ชมหิมะไปเรื่อยๆ เจอสาวๆเกาหลีก็ทักทายกันไปขำๆ

ยังติดตามอยู่นะคะ สู้ๆค่าาา :)

ตามมาเดินเที่ยวต่อค่ะ  

เดินกันไปอีกสักพัก ปรากฎว่าเพื่อนเรากับแฟนก็ขอบายไปรอข้างหน้าดีกว่า
อ้าว ทิ้งกันแระ เรากับพี่และพ่อแม่เพื่อนยังคงมุ่งหน้าต่อไป เหนื่อยเหมือน
กันแหละแต่แกล้งทำเป็นอึด ดูพ่อกับแม่ยังไหวเลย...
ชู 4 นิ้วเลย สู้ตายจ้า...

ตรงนี้น่าจะเป็นลำธาร หิมะละลายไปเยอะแล้ว

กลางทางเจอวัดเล็กๆอีกวัด แต่ไม่ได้เข้าไปค่ะ หนทางยังอีกไกลต้องไปข้างหน้าก่อน

เดินคนเดียวเหงาป่าว....ไม่ต้องเหงาหรอก เราตามมาข้างหลังแล้ว

เดินไปเรื่อยๆ อ้าวแม่หายไปไหน ได้ยินเสียงแม่อ่อยๆ แม่ถามว่าอีกไกลป่าว
ถ้าจะไม่ไหว แม่บอกไปรอตรงทางออกดีกว่า อ้าวทิ้งกันอีกแระ...
แล้วแม่ก็เดินจากไปอีกคน เหลือเรา 3 คน Fighting....

ใจเกินร้อยกันทั้ง 3 คน แต่ดูพ่อของเพื่อนจะฟิตที่สุดเลย ไอ้เรารึหอบแล้ว
หอบอีก เดินอยู่หลังสุด เห็นป้ายบอกว่าอี 0.6 km ใกล้แล้ว

ขึ้นไปอีกหน่อยเจอร้านค้า ว่าจะซื้อโซจู (เหล้าเกาหลี) ซดซักหน่อยก็กลัวว่าจะไม่ถึง The rock เลยได้แต่ซื้อโค๊กกระป๋องกิน และก็พักขาหน่อย

และแล้วเราก็เดินมาถึงสำนักคเยโจอัม ตั้งอยู่ที่ริมลำธารสายเล็กๆ คเยโจอัมเป็นสาขาย่อยของซินฮึงซา พื้นที่ครึ่งหนึ่งของสำนัก สร้างโดยการขุดเจาะแนวผาเข้าไปถ้ำหินแกรนิตที่เชิงเขาอุลซันบาวี

ประตูทางเข้าวัด แต่เราไม่เข้า เราจะไปดู The rock ซึ่งอยู่ใกล้ๆนี่แหล่ะ

สิ่งที่เราอุตส่าห์เดินมาดู มันคือ หินโยก ซึ่งถือเป็นความมหัศจรรย์ทาง
ธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก หินโยกเป็นหินแกรนิต
ก้อนกลมขนาดมหึมา ถ้าผลักแรงๆ ก็จะโยกไปโยกมา แต่ไม่เคยกลิ้งออก
จากที่ซักที ใครๆ ก็ชอบมาถ่ายรูปกับหินก้อนนี้ทั้งนั้น แต่เราผลักแล้วไม่เห็น
โยกเลย สงสัยหมดแรง

พี่น้องคู่นี้ก็มาโยกหินด้วย น่ารักจริง

เห็นเขาถ่ายมุมนี้กันค่ะ เห็นทั้งวัดและหิน

ถ่ายรูปกับหินกันคนละหลายรูป อุตสาห์เดินมา เสร็จแล้วก็รีบลง
พ่อเดินนำลิ่วเลย สงสัยคิดถึงแม่ 5555

สงสัยพ่อได้ยินเรานินทา หันกลับมามองอ่ะ

อ้าว ไอ้นี่ที่เรากินเมื่อกี๊นี่หว่า ทำลายธรรมชาติ ไม่ดี อย่าเอาอย่าง
เลยต้องเก็บกลับไปด้วย

พวกอาจุมม่า (หญิงที่แต่งงานแล้ว)  เค้ามา Trekking กันค่ะ แข็งแรงจริงๆ

ผ่านร้านเมื่อกี๊ จะแวะกินพิซซ่าเกาหลีซะหน่อย กำลังทอดเลย ปรากฎวาต้อง
รอคิว เลยไม่เอา เดี๋ยวตกรถ

เดินก้มหน้าก้มตา หลังๆเริ่มเดินไม่คุยกันแล้ว ต่างคนต่างเดิน 5555

ปฏิมากรรมของหิมะ มองเป็นรูปอะไรกันคะ

เดินผ่านตรงนี้ทำไมขาไปมองไม่เห็นนะ มันคืออะไรใครรู้ช่วยบอกที
ไหหินหรือป่าวหว่า

เหนื่อยมาก นี่ขนาดหนาวนะ ถ้าอากาศร้อนคงแย่
ขอโดดหิมะหน่อยนะ เริ่มร้อนแระ

คุณไข่จังน้อยค่ะ ซอรัคซานนี่ถ้าไปเช้าเย็นกลับได้ไหมค่ะ และจำเป็นต้องจองรถบัสที่โซลก่อนหรือเปล่าค่ะ

สมใจอยากเรามากเลย ซู๊ดยอดดดด

คุณ ryjarja ไม่น่าจะทันนะคะ เพราะไกลค่ะ น่าจะไปค้างซักคืนนึงค่ะ ตอนขากลับเรานั่งรถเกือบ 4 ชม.ค่ะ ส่วนเรื่องจองรถถ้าอยากให้ชัวร์ควรไปจองค่ะ

ถึงทางออกแล้วจ้า Goodbye จ้าซอรัคซาน

เราออกจากที่นี่ประมาณ 14.40 น.ค่ะ เดินออกมาขึ้นรถตรงที่เราลงค่ะ
ขึ้นสาย 7 หรือ 7-1 ค่ะ เราต้องกลับไปที่ที่พักเพื่อเอากระเป๋าค่ะ
นั่งรถมาก็คอยมองร้าน GS 25 ดันเลยซะนี่ ก็ต้องเดินกลับมาอีก
เรายังไม่ได้กินอาหารกลางวันกันเลย เลยแวะร้าน GS 25 ซื้อมาม่า
กะว่าไปใส่น้ำร้อนที่ The house แล้วก็กินเลย

แล้วก็รีบมาขึ้นรถที่สถานี มายืนรอกันแป๊บนึงก็ได้ขึ้นรถ รถออกตรงเวลาค่ะ
รถคันนี้นั่งสบายดีค่ะ

วิวข้างทาง แม่น้ำเป็นน้ำแข็งเลยค่ะ

ถึง Dongseoul bus terminal ก็เกือบ 18.30 น.

หา Subway เพื่อขึ้นรถไฟกลับที่พัก เราพักที่ นัมซาน 2 อีก 2 คืนค่ะ

พรุ่งนี้มาต่อดีกว่า เริ่มอืดๆแระ ขอบคุณทุกท่านค่ะ

ตามมาเที่ยวต่อค่ะ ^^

เปิดเข้ามาก็อยากทานหมูย่างเลยครับ รอชมต่อนะครับ

จอง numsan2 ไว้เหมือนกัน ขอละเอียดเลยนะครับ อิอิ ขาตามไปด้วยคน

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ ละเอียดมาก
ขออนุญาต จขกท.นะคะ เคยมีคนไป ซอรักซาน ไป-กลับ วันเดียวค่ะ
ตามนี้เลย http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/03/E10397400/E10397400.html
แต่ท่าทางจะเหนื่อยน่าดู

ตามมาเที่ยวต่อค่ะ ^ ^

คุณ แป๋วแว๋ว  ขอบคุณมากๆค่ะที่ช่วยตอบ คิดว่าเหนื่อยแย่เลย แล้วจะได้ดูอะไรบ้างเนอะ

เกาหลีรอบสอง...ไปกับทัวร์กับไปกันเอง ต่างกันจัง...ตอน 3

เห็นแล้วอยากตามไปเที่ยวด้วยจังเลย