กลับมาอีกครั้งกับ ทัวร์ทนายอ้วน ครับ จากที่ได้พาไปชมโบสถ์สวยๆกันตอนที่ 1 มาแล้ว
Chubby Lawyer Tour - ทัวร์ทนายอ้วน - Heritage Bridges over Singapore river - สะพานสวยเหนือแม่น้ำสิงคโปร์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10601391/E10601391.html
Chubby Lawyer Tour - The park in the middle of city - Espanade Park Singapore
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10633609/E10633609.html
Chubby Lawyer Tour - ทนายอ้วนทัวร์ - Charming places of worship in Singapore - โบสถ์สวยๆในสิงคโปร์ ตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10713660/E10713660.html
วันนี้จะพาไปเที่ยวโบสถ์สวยๆกันต่อเลยครับ
จากกระทู้ที่แล้วเราเดิมถึงคึ่งทางแล้วนะครับ เดี๋ยววันนี้เราจะเดินไปถึงจุดหมายที่มหาวิหาร St. Andrew กันครับ
เริ่มออกเดินทางกันเลยนะครับ
[30 มิ.ย. 54 16:16:04
]
วันนี้เรามาต่อที่จุดที่ 6 กันนะครับ Singapore Art Musuem ครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:18:09
]
อยู่ติดกับโบสถ์ St. Paul and Peter เลยครับ แค่เดินอ้อมมาข้างหน้าหน่อเดียวเอง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:19:43
]
อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1855 โดยในครั้งแรกได้ถูกใช้เป็น โรงเรียนคาทอลิกสำหรับเด็กผู้ชาย ชื่อ St. Josephs Institution ภายใต้การควบคุมโดยหลวงพ่อ Jean Marie Beurel บาทหลวงคาทอลิคชาวฝรั่งเศส โดย หลวงพ่อ Jean Marie Beurel ได้อุทิศชีวิตให้กับการสอนศาสนาในดินแดนตะวันออกไกล โรงเรียนคาทอลิกสำหรับเด็กผู้ชายแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น St. Josephs Institution ตั้งแต่ตอนที่มีการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1855 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมฉลอง ชื่อ St. Joseph
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:20:47
]
St. Josephs Institution ได้กลายมาเป็นโรงเรียนชายที่มีชื่อเสียงมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นมาอย่างมากในช่วงไม่กี่สิบปีนับตั้งแต่มีการก่อตั้งโรงเรียน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:21:21
]
ในปี 1906 ได้มีการสร้างปีกอาคารขึ้นอีกปีกหนึ่งโดยการควบคุมของหลวงพ่อ Nain ซึ่งเป็นสถาปนิกมาก่อน เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น โดยสร้างขึ้นเป็นอาคารทรงโค้งครึ่งวงกลมในแบบบารอค โดยสร้างให้เข้ากับอาคารดั้งเดิม หอระฆังถูกแทนที่ด้วยโดมขนาดใหญ่ เพื่อให้รับกันกับอาคารที่ทำขึ้นมาใหม่
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:21:54
]
ระหว่างการเข้ายึดครองของญี่ปุ่น อาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็น Bras Basah Boys school และในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงเรียน St. Josephs Institution ก็ได้เปิดทำการสอนอีกครั้งหนึ่ง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:22:28
]
40 ปีต่อมา St. Josephs Institution ก็ได้ย้ายไปอยู่ ณ ที่แห่งใหม่บริเวณ Malcom Road เนื่องจากคับแคบเกินไป
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:22:56
]
National Heritage Board ก็ได้เข้าครอบครองอาคารนี้และได้ทำการปฎิสังขรณ์ด้วยงบประมาณมูลค่าสูงถึง 30 ล้านเหรียญสิงคโปร์
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:23:42
]
ปฎิสังขรณ์เสร็จก็ได้ประกาศให้เป็น National Monument of Singapore และได้ใช้เป็น Singapore Art Museum
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:24:31
]
ซึ่งการปฎิสังขรณ์นี้รวมไปถึงการปรับปรุงติดแอร์ทั้งอาคารเพื่อป้องกันมิให้งานศิปะที่อยู่ภายในอาคารได้รีบความเสียหายจากการที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:24:59
]
และตั้งแต่ปี 1996 อาคารแห่งนี้ก็ได้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยของสิงคโปร์ โดยมีงานศิลปะจากศิลปินชาวสิงคโปร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ นานประเทศ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:32:47
]
เราไม่ได้เข้าไปดูข้างในนะครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:33:33
]
แบบว่าแพ้ศิลปะครับ ขนาดไปดู David ตัวจริงที่ฟลอเรนซ์ เข้าไปไม่ถึง 5 นาทีก็ออกมานั่งอยู่ข้างนอกซะแร๊ว เสียดายตังพันห้าชะมัด ฮ่าๆๆๆๆ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:35:02
]
จุดที่ 7 คือ Cathedral of Good Shepherd เดินไปนิดเดียวเองครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:36:19
]
เป็นโบสถ์คาทอลิคหลังแรกที่สร้างขึ้นบนถนน Bras Basah Road ตรงบริเวณโบสถ์หลังเก่าของ St. Josephs Institution ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1833
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:37:35
]
เมื่อแรกสร้างเป็นไม้ หลังคามุงจาก
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:38:07
]
แต่ต่อมาเมื่อมีศิษยานุศิษย์มากขึ้นโบสถ์หลังเก่าก็เล็กเกินไปจึงมีการวางแผนจะสร้างโบสถ์หลังใหม่ที่อื่น
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:39:15
]
โดยได้เลือกที่ดินบริเวณ Queen Street ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน และได้ทำการเช่าจากรัฐบาลเป็นเวลา 999 ปี และมีการตั้งกองทุนทำการเรี่ยไรในปี 1840
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:39:58
]
ได้มีการวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 18 มิถุนายน 1843 โดย John Connolly และได้รับการประทานพรจาก Bishop J.P. Courvezy ออกแบบโดย Denis Leslie McSwiney เมื่อสร้างเสร็จ ใช้เงินไปทั้งสิ้น 18,355 เหรียญสิงคโปร์ ได้รับการสถาปนาโดยหลวงพ่อ Beurel ในวันที่ 6 มิถุนายน 1846
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:40:30
]
ต่อมาได้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์หลายครั้ง ในปี 1847 ได้มีการสร้างโดมยอดแหลม ซึ่งออกแบบโดย Charles Alexander Dyce ในปี 1860 ทางเดินภายในโบสถ์ได้ถูกต่อเติมในปี 1888 ได้มีการปูพื้นหินอ่อนภายในโบสถ์ ในปี 1912 ได้มีการติดตั้งออร์แกน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:41:03
]
ให้สังเกตุตรงบันไดนี้นะครับ เค้ายกพื้นขึ้นมาเพื่อให้พอดีกับรถม้าเลยครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:42:25
]
โบสถ์แห่งนี้ได้รับการสถาปนาให้เป็นมหาวิหารในปี 1888 พร้อมกับการฟื้นขึ้นมาใหม่ของเขตการปกครองมะละกา แต่การประกาศให้เป็นสังมณฆล กระทำขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1897
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:43:24
]
มหาวิหารแห่งนี้ได้ถูกประกาศให้เป็น National Monument of Singapore
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:44:02
]
เราไม่ได้เข้าไปชมข้าวในอีกแล้วครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:44:37
]
เค้าทำกังทำพิธีกันอยู่ข้างในครับ แอบเซ็งนิดนึง อุส่าห์เลือกวันกลางๆอ่ทิตย์แล้วเชียว เสียดายครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:45:45
]
ออกมาเดินชมข้างนอกกันต่อครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:46:40
]
สวยมากครับ ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ
จากคุณ : เล็กทาโร่
[30 มิ.ย. 54 16:48:07
]
มีที่พักสำหรับพระ เป็นอาคารสองชั้น สร้างขึ้นในปี 1911 ตัวอาคารประตับตกแต่งด้วยปูนปั้นสวยงามมากครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:48:18
]
คุณ : เล็กทาโร่ --- เดิมตามมาชิวๆเลยคราบบ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:49:07
]
ภายในอาณาเขตของมหาวิหารมีบังกะโลในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือว่าเป็นอาคารที่เก่าที่สุดที่สร้างอยู่ในบริเวณนี้ โดยเป็น ที่พักของ Archbishop อยู่ตรงมุมของมหาวิหารด้านติดกันถนน Queen Street เป็นอาคารสองชั้น สร้างขึ้นในปี 1859 มีลูกกรงทำด้วยกระเบื้องสีเขียว ทำเป็นรูปคล้ายๆขวด
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:49:34
]
เดินตรงไปอีกอึดใจเดียวก็จะถึงจุดที่ 8 ครับ ซากประตูโรงเรียน Raffles Girl School
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:51:11
]
โรงเรียน Raffles Girl School ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1844 เริ่มแรกมีนักเรียน 6 คน ครู 5 คน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:52:44
]
นับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่สอนทั้งทางวิชาการและจริยธรรมคู่กันมากับ Singapore Institution โรงเรียนนี้มีสอนทั้งระดับประถม และ มัธยม
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:53:19
]
ในปี 1928 Raffles Girl School หรือ RGS ได้ย้ายไปอยู่ ณ ที่แห่งใหม่บนถนน Queen Street ซึ่งต่อมาในสมัยที่ญี่ปุ่นบุกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นก็ได้ใช้อาคารโรงเรียนเป็นฐานที่ตั้ง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:53:52
]
ต่อมาเมื่อมีนักเรียนมากขึ้นโรงเรียน Raffles Girl School ฝ่ายมัธยมก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ Anderson Street ในปี 1959 และฝ่ายประถมได้ย้ายไปอยู่ที่ Holland Grove ในปี 1979
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:54:35
]
ปัจจุบัน โรงเรียน Raffles Girl School ถือว่าเป็นโรงเรียนชั้นแนวหน้าของสิงคโปร์
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:55:04
]
รั้วส่วนที่เห็นนี้เป็นรั้วของโรงเรียนที่อยู่ด้านถนน Queen Street นะครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:55:30
]
และที่อยู่ตรงกันข้ามก็คือจุดที่ 9 ครับ อาคาร MPH
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:56:44
]
ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนน Stamford Road และ Armenian Road ปัจจุบันใช้เป็นโชว์รูมร้านเฟอร์นิเจอร์
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:57:27
]
ตามดูสถานที่สวยๆ รูปสวยๆค่ะ
จากคุณ : Tree Rose
[30 มิ.ย. 54 16:57:38
]
ตัวอาคารเป็นแบบ Edwardian (แบบอังกฤษ ในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด) ในยุคปี 1900 1910 ด้านหน้าของอาคารประกอบไปด้วยศิลปะแบบ Italian Cinquencento (คือมีหน้าจั่ว หน้าต่างเป็นซุ้มยอดแหลม) และซุ้มโค้งแบบบารอค
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 16:57:57
]
คุณ : Tree Rose ---- ตามมาเรยครับ รับรองว่าเดินไม่เหนื่อยคราบบบ
---------------------
อาคารแห่งนี้สร้างไม่เหมือนใครในสิงคโปร์เลยครับ นับว่าเป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์มากๆ
[30 มิ.ย. 54 16:59:34
]
แต่เดิมอาคารหลังนี้เป็นร้านหนังสือ มาถึง 9 ปี นับตั้งแต่ปี 1908 และร้านหนังสือแห่งนี้ก็ได้สนับสนุน และ ส่งเสรีมการเจริญเติบโตของ Methodist Church และ Boy Scout Movement อย่างมาก อีกทั้งยังได้จัดพิมพ์หนังสือหลายเล่มเช่น Hikayat Abdullah (หนังสืออัตตชีวประวัติของ Munshi Abdullah) Sejarah Melayu, The Legal Status of the Malay State, A Practical Malay Grammar, Geography of British Malaya และหนังสือเล่มอื่น ๆ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:00:11
]
เดินต่ออีกนิดแล้วไปต่อกันที่จุดที่ 10 CHIJMES กันครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:01:50
]
ตั้งอยู่บนถนน Victoria Street
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:03:05
]
ในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานบันเทิงโดยมีร้านอาหารหลายร้านอยู่ด้านใน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:03:34
]
รูปผิดคราบบ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:04:13
]
สมัยก่อนนี้เป็นโบสถ์ และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:04:34
]
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 คุณพ่อ Jean Marie Beurel ได้มองเห็นถึงความต้องการบ้านพักเด็กกำพร้าสำหรับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง และความต้องการโรงเรียน Catholic สำหรับเด็กหญิง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:05:26
]
คุณพ่อ Jean Marie Beurel จึงได้สร้าง Caldwell House ขึ้นในปีทศวรรษที่ 1840 โดย G.D Coleman เป็นผู้ออกแบบ เพื่อเป็นที่พักของเหล่าแม่ชีชาวฝรั่งเศส ที่อยู่ภายใต้ Holy Infant Jesus
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:06:22
]
เด็กๆที่ถูกทอดทิ้งจะถูกนำมาวางไว้ที่ Small Gate เพื่อให้แม่ชีคาทอลิคเลี้ยงดู
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:06:49
]
ดู ป้ายที่อยู่เหนือ Small Gate เขียนเอาไว้ว่า the Gate of Good Hope ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งถนน Bras Basah Road ตัดกับ Victoria Street ปัจจุบันถือว่า Caldwell House เป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าที่สุดในสิงคโปร์
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:08:58
]
ต่อมาให้มีการซื้อที่ดินข้างเคียงเพิ่มขึ้น
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:10:23
]
และในปี 1854 ก็ตั้งชื่อบ้านสำหรับเด็กกำพร้านี้ว่า Convent of the Holy Infant Jesus หรือ CHIJ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:11:08
]
ได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นเมื่อตอนต้นศตวรรษที่ 20
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:12:29
]
สาธุคุณ Charles Benedict Nain เป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบในสไตล์ Neo Gothic
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:13:06
]
ซึ่งเชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากโบสถ์ในประเทศฝรั่งเศส ภายในประดับด้วยกระจกสี และเสาสวยงาม
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:13:50
]
รูปผิดครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:14:59
]
แล้วก็รูปนี้ครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:16:01
]
CHIJ ได้ปิดตัวเองลงในปี 1983 หลังจากที่เปิดเป็นโรงเรียนเด็กหญิงมาทั้งหมด 129 ปี
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:44:48
]
อาคารทั้งหมดได้ประกาศให้เป็นอาคารสงวนโดย Preservation of Monuments Board ในปี 1990
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:51:39
]
การบูรณปฏิสังขรณ์ได้รวมไปถึง Caldwell House และ โบสถ์ด้วย
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:52:08
]
แนวทางในการบูรณปฏิสังขรณ์จะรักษาสภาพเดิมทั้งโครงสร้าง และ การประดับตกแต่ง ของอาคารไว้ให้ได้มากที่สุด
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:52:34
]
ในการบูรณปฏิสังขรณ์กระจกสีภายในโบสถ์ การจกสีชิ้นเล็กๆได้ถูกนำไปซ่อมแซมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญจากประเทศฝรั่งเศส
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:53:05
]
ได้มีการนำช่างชาวอิตาลีเข้ามาเพื่อการทำความสะอาดและการซ่อมแซมภายในและภายนอกอาคาร รวมไปถึงเสาอาคารภายใน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:53:32
]
การบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่นี้ใช้เวลากว่า 10 ปี จึงได้เสร็จสิ้น
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:54:01
]
CHIJ ได้เปิดให้บริการอีกทีในชื่อว่า CHIJMES ในช่วงปลายศตวรรษที่ 1990
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:54:34
]
โดยได้รับรางวัล UNESCO Asia Pacific Heritage Awards for Culture Heritage Conservation Merit Award ในปี 2002 โดย UNESCO
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:55:01
]
พอออกมาจากโบสถ์ด้านนอกทางหลังโบสถ์เป็นร้านอาหารหลายๆ ร้านเลยครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:56:11
]
มีทั้งจีน ฝรั่ง เม็กซิโก และอีกหลายชาติเลยครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:57:07
]
ด้านหลังโบสถ์ยังทำเป็นชั้นใต้ดิน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:57:48
]
แล้วก็มีร้านอาหารมีหลายร้านเลยครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 17:58:30
]
ท่าทางกลางคืนจบรรยากาศดีนะครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:00:16
]
เดี๋ยวคราวหลังต้องลองมาตอนกลางคืนดูบ้าง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:00:57
]
มาดูภาพโบสถ์กันอีกซักภาพ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:08:06
]
แนวตั้งบ้างนะครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:08:40
]
เดินออกมาข้างหน้า
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:09:16
]
ผ่านระเบียง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:09:48
]
หัวเสาสวยๆ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:12:10
]
ถ่ายรูปโบสถ์อีกซัก 2-3 รูป
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:14:21
]
ส่งท้าย
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:14:55
]
ก่อนที่จะไปต่อที่จุดที่ 11
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:15:25
]
จุดที่ 11 ต้องเดินย้อนมานิดนึงครับ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:16:04
]
St. Andrew Cathedral
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:18:08
]
ตั้งชื่อตามนักบวชที่ดูแลคุ้มครองประเทศสก็อตแลนด์
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:18:44
]
ถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ศาสนา นิกายแองกลิกันที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:19:17
]
สร้างขึ้นบนพื้นที่ที่ Sir Stamford Raffles ได้บริจาคให้ ในปี 1822
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:40:49
]
โบสถ์หลังแรกสร้างขึ้นในปี 1838 และคงอยู่มาถึงปี 1852
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:41:22
]
แต่ว่าโบสถ์หลังแรกนั้นมีโครงสร้างที่ไม่มั่นคงเพราะว่าถูกฟ้าผ่ายอดโบสถ์ถึง 2 ครั้ง ในปี 1845 และ 1849 จึงถูกรื้อถอน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:41:55
]
โบสถ์หลังปัจจุบันถูกออกแบบโดย Lt-Colonel Ronald MacPherson แห่งกองทัพ Midras
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:42:35
]
ใช้เวลาสร้างตั้งแต่ปี 1856 และเสร็จสิ้นลงในปี 1864
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:43:04
]
และเสร็จสิ้นลงในปี 1864 โดยใช้แรงงานเชลยชาวอินเดีย ภายใต้การควบคุมของ Captain J.F.A McNair นายพลแห่งกองพลทหารซ่อมสร้าง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:43:33
]
รูปแบบของโบสถ์ได้รับแรงบันดาลใจจากโบสถ์ Natley ใน Hampshire ประเทศอังกฤษ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:44:03
]
ซึ่งเป็นโบสถ์ในสไตล์ Gothic Cistercian ในศตวรรษที่ 13 ที่จะมีการตกแต่งน้อยกว่าโบสถ์แบบ Gothic โดยทั่วไป
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:44:35
]
นายพล MacPherson ได้ออกแบบให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย สะอาดตา มีสิ่งประดับตกแต่งภายนอกน้อยกว่า
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:45:09
]
เมื่อสร้างมหาวิหารแห่งนี้เสร็จ นายพล MacPherson ก็ได้จัดงานเฉลิมฉลอง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:45:53
]
และได้มีการสร้าง กางเขน Maltese ตั้งไว้ทางด้านทิศใต้ของโบสถ์เพื่อเป็นที่ระลึกด้วย
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:46:23
]
ของที่ระลึกถึงการเฉลิมฉลองโบสถ์ในคราวนั้นยังมีหน้าต่างกระจกสีที่ระลึกถึง Sir Stamford Raffles, John Crawfurd และ นายพล William J. Butterworth อีกด้วย
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:46:54
]
ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ และขยาย มหาวิหาร St. Andrew หลายครั้ง
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:47:38
]
ในปี 1952 ได้มีการสร้าง War Memorial Wing เพิ่มเติมขึ้นทางด้านเหนือ ติดกับถนน North Bridge Road
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:48:13
]
ส่วนปีกด้านที่สั้นกว่าของโบสถ์ที่หันหน้าออกไปทางสนาม Padang มีการต่อเติมในปี 1983
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:48:42
]
ในปี 2005 ได้มีการซ่อมแซมห้องใต้ดินพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:49:15
]
พื้นที่ตลอดแนวถนน North Bridge Road ได้ถูกขุดค้นก่อนที่จะทำการสร้างห้องประชุมใหม่อยู่ใต้ดินสำหรับใช้ในกิจการของมหาวิหาร
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:50:09
]
ก่อนที่จะมีการดำเนินการก่อสร้างได้มีการขุดค้นทางโบราณคดีตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2003 จนถึง วันที่ 10 เมษายน 2004
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:50:37
]
และได้รวบรวมโบราณวัตถุได้ถึง 300,000 ชิ้น
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:51:06
]
ขอบคุณสำหรับรีวิวภาพสวยๆนะคะ
จากคุณ : snas89Pink
[30 มิ.ย. 54 18:51:31
]
โดยเป็นโบราณวัตถุในยุคการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ในศตวรรษที่ 19
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:51:32
]
คุณ : snas89Pink --- อีกนิดเดียวก็จะจบแล้วคราบบบ
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:52:22
]
เช่น เหรียญ เครื่องหมายของทหาร และกระดุม กระจก เศษเหล็ก เศษเครื่องถ้วยชาม
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:52:54
]
และอาวุธยุทธภัณฑ์เบาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:53:22
]
และยังได้เจอโครงกระดูกสมัยศตวรรษที่ 14
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:53:57
]
ในสมัยนั้นยังเรียกสิงคโปร์ว่า Temasek
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:54:24
]
รวมไปถึงเครื่องเคลือบ ภาชนะหินจากประเทศจีน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:54:51
]
เครื่องปั้นดินเผาที่ผลิตใช้กันเองในแถบนี้ ลูกปัดแก้ว สร้อยข้อมือหิน และเงินเหรียญสมัยราชวงศ์หยวน
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:55:21
]
และยังได้ค้นพบไหหิน ภาชนะเครื่องเคลือบ ที่ยังคงสภาพดี รวมแล้วถึง 5 ชิ้น
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:55:57
]
เหรียญเงินของศรีลังกาและหินแกะสลักเป็นรูปหัวคน โบราณวัตถุที่ค้นพบบางชิ้นถูกจัดแสดงไว้ที่ Visitor Center ที่อยู่ทางด้าน North Bridge Road
จากคุณ : ทนายอ้วน
[30 มิ.ย. 54 18:56:20
]
และมาถึงรูปสุดท้ายของกระทู้นี้ครับ
คอยพบกับ Peranakan Museum ในกระทู้ถัดไปครับ
Cubby Lawyer Tour ....... เที่ยวไป .... ตามใจฉัน
[30 มิ.ย. 54 18:58:18
]
ภายนอกว่าสวยแล้วนะคะ ภายในโบสถ์ก็ตกแต่งสวยด้วยค่ะ
จากคุณ : sierra whiskey charlie
[30 มิ.ย. 54 19:03:54
]
กระจกประดับสีสวยมากค่ะ
[30 มิ.ย. 54 19:28:00
]
ตามไปเดินดูตึกสวยๆ ด้วยคนค่ะ
จากคุณ : ป้าฟู
[30 มิ.ย. 54 20:00:22
]
รูปสวยใสกิ๊งมากๆค่ะพี่บอล
[30 มิ.ย. 54 20:50:36
]
สวยมากเลยครับ ขอบคุณที่พาไปชมครับ
จากคุณ : Palm Jung Won
[30 มิ.ย. 54 21:06:35
]
สวยงาม อลัง และดูขลังดีนะคะ
จากคุณ : Red-Rose-14Feb
[30 มิ.ย. 54 21:36:18
]
ตามมาเที่ยวด้วย รูปสวยสดใสมากครับ
จากคุณ : Red Fox
[30 มิ.ย. 54 22:43:57
]
หนูเข้ามาอีกครั้งเอากิฟท์ดวงแรกของเดือนนี้มาให้พี่บอลค่ะ
[1 ก.ค. 54 00:08:55
]
ตามมาเก็บข้อมูล ว่าจะไปอยู่เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับรีวิวและภาพสวยๆ นะครับ
จากคุณ : noiwanwannoi
[1 ก.ค. 54 01:41:21
]
... โบสถ์สวยจังค่ะ ขอบคุณนะคะ...
จากคุณ : kungtalay
[2 ก.ค. 54 21:53:23
]