Chubby Lawyer Tour - ทนายอ้วนทัวร์ - Charming places of worship in Singapore - โบสถ์สวยๆในสิงคโปร์ ตอนที่ 2

กลับมาอีกครั้งกับ ทัวร์ทนายอ้วน ครับ จากที่ได้พาไปชมโบสถ์สวยๆกันตอนที่ 1 มาแล้ว

Chubby Lawyer Tour - ทัวร์ทนายอ้วน - Heritage Bridges over Singapore river - สะพานสวยเหนือแม่น้ำสิงคโปร์


http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10601391/E10601391.html


Chubby Lawyer Tour - The park in the middle of city - Espanade Park Singapore


http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10633609/E10633609.html


Chubby Lawyer Tour - ทนายอ้วนทัวร์ - Charming places of worship in Singapore - โบสถ์สวยๆในสิงคโปร์ ตอนที่ 1


http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10713660/E10713660.html


วันนี้จะพาไปเที่ยวโบสถ์สวยๆกันต่อเลยครับ

จากกระทู้ที่แล้วเราเดิมถึงคึ่งทางแล้วนะครับ เดี๋ยววันนี้เราจะเดินไปถึงจุดหมายที่มหาวิหาร St. Andrew กันครับ


เริ่มออกเดินทางกันเลยนะครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:16:04 ]
ความเห็นที่ 1

วันนี้เรามาต่อที่จุดที่ 6 กันนะครับ Singapore Art Musuem ครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:18:09 ]
ความเห็นที่ 2

อยู่ติดกับโบสถ์ St. Paul and Peter เลยครับ แค่เดินอ้อมมาข้างหน้าหน่อเดียวเอง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:19:43 ]
ความเห็นที่ 3

อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1855 โดยในครั้งแรกได้ถูกใช้เป็น โรงเรียนคาทอลิกสำหรับเด็กผู้ชาย ชื่อ St. Joseph’s Institution  ภายใต้การควบคุมโดยหลวงพ่อ Jean – Marie Beurel บาทหลวงคาทอลิคชาวฝรั่งเศส โดย หลวงพ่อ Jean – Marie Beurel ได้อุทิศชีวิตให้กับการสอนศาสนาในดินแดนตะวันออกไกล โรงเรียนคาทอลิกสำหรับเด็กผู้ชายแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น St. Joseph’s Institution ตั้งแต่ตอนที่มีการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1855 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมฉลอง ชื่อ St. Joseph

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:20:47 ]
ความเห็นที่ 4

St. Joseph’s Institution ได้กลายมาเป็นโรงเรียนชายที่มีชื่อเสียงมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นมาอย่างมากในช่วงไม่กี่สิบปีนับตั้งแต่มีการก่อตั้งโรงเรียน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:21:21 ]
ความเห็นที่ 5

ในปี 1906 ได้มีการสร้างปีกอาคารขึ้นอีกปีกหนึ่งโดยการควบคุมของหลวงพ่อ Nain ซึ่งเป็นสถาปนิกมาก่อน เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น โดยสร้างขึ้นเป็นอาคารทรงโค้งครึ่งวงกลมในแบบบารอค โดยสร้างให้เข้ากับอาคารดั้งเดิม หอระฆังถูกแทนที่ด้วยโดมขนาดใหญ่ เพื่อให้รับกันกับอาคารที่ทำขึ้นมาใหม่

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:21:54 ]
ความเห็นที่ 6

ระหว่างการเข้ายึดครองของญี่ปุ่น อาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็น Bras Basah Boy’s school และในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงเรียน   St. Joseph’s Institution ก็ได้เปิดทำการสอนอีกครั้งหนึ่ง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:22:28 ]
ความเห็นที่ 7

40 ปีต่อมา  St. Joseph’s Institution ก็ได้ย้ายไปอยู่ ณ ที่แห่งใหม่บริเวณ Malcom Road เนื่องจากคับแคบเกินไป

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:22:56 ]
ความเห็นที่ 8

National Heritage Board ก็ได้เข้าครอบครองอาคารนี้และได้ทำการปฎิสังขรณ์ด้วยงบประมาณมูลค่าสูงถึง 30 ล้านเหรียญสิงคโปร์

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:23:42 ]
ความเห็นที่ 9

ปฎิสังขรณ์เสร็จก็ได้ประกาศให้เป็น National Monument of Singapore และได้ใช้เป็น Singapore Art Museum

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:24:31 ]
ความเห็นที่ 10

ซึ่งการปฎิสังขรณ์นี้รวมไปถึงการปรับปรุงติดแอร์ทั้งอาคารเพื่อป้องกันมิให้งานศิปะที่อยู่ภายในอาคารได้รีบความเสียหายจากการที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:24:59 ]
ความเห็นที่ 11

และตั้งแต่ปี 1996 อาคารแห่งนี้ก็ได้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยของสิงคโปร์ โดยมีงานศิลปะจากศิลปินชาวสิงคโปร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ นานประเทศ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:32:47 ]
ความเห็นที่ 12

เราไม่ได้เข้าไปดูข้างในนะครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:33:33 ]
ความเห็นที่ 13

แบบว่าแพ้ศิลปะครับ ขนาดไปดู David ตัวจริงที่ฟลอเรนซ์ เข้าไปไม่ถึง 5 นาทีก็ออกมานั่งอยู่ข้างนอกซะแร๊ว เสียดายตังพันห้าชะมัด ฮ่าๆๆๆๆ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:35:02 ]
ความเห็นที่ 14

จุดที่ 7 คือ Cathedral of Good Shepherd เดินไปนิดเดียวเองครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:36:19 ]
ความเห็นที่ 15

เป็นโบสถ์คาทอลิคหลังแรกที่สร้างขึ้นบนถนน Bras Basah Road ตรงบริเวณโบสถ์หลังเก่าของ St. Joseph’s Institution ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1833

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:37:35 ]
ความเห็นที่ 16

เมื่อแรกสร้างเป็นไม้ หลังคามุงจาก

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:38:07 ]
ความเห็นที่ 17

แต่ต่อมาเมื่อมีศิษยานุศิษย์มากขึ้นโบสถ์หลังเก่าก็เล็กเกินไปจึงมีการวางแผนจะสร้างโบสถ์หลังใหม่ที่อื่น

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:39:15 ]
ความเห็นที่ 18

โดยได้เลือกที่ดินบริเวณ Queen Street ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน และได้ทำการเช่าจากรัฐบาลเป็นเวลา 999 ปี และมีการตั้งกองทุนทำการเรี่ยไรในปี 1840

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:39:58 ]
ความเห็นที่ 19

ได้มีการวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 18 มิถุนายน 1843 โดย John Connolly และได้รับการประทานพรจาก Bishop J.P. Courvezy ออกแบบโดย Denis Leslie McSwiney เมื่อสร้างเสร็จ ใช้เงินไปทั้งสิ้น 18,355 เหรียญสิงคโปร์ ได้รับการสถาปนาโดยหลวงพ่อ Beurel ในวันที่ 6 มิถุนายน 1846

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:40:30 ]
ความเห็นที่ 20

ต่อมาได้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์หลายครั้ง ในปี 1847 ได้มีการสร้างโดมยอดแหลม ซึ่งออกแบบโดย Charles Alexander Dyce ในปี 1860  ทางเดินภายในโบสถ์ได้ถูกต่อเติมในปี 1888 ได้มีการปูพื้นหินอ่อนภายในโบสถ์ ในปี 1912 ได้มีการติดตั้งออร์แกน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:41:03 ]
ความเห็นที่ 21

ให้สังเกตุตรงบันไดนี้นะครับ เค้ายกพื้นขึ้นมาเพื่อให้พอดีกับรถม้าเลยครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:42:25 ]
ความเห็นที่ 22

โบสถ์แห่งนี้ได้รับการสถาปนาให้เป็นมหาวิหารในปี 1888 พร้อมกับการฟื้นขึ้นมาใหม่ของเขตการปกครองมะละกา แต่การประกาศให้เป็นสังมณฆล กระทำขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1897

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:43:24 ]
ความเห็นที่ 23

มหาวิหารแห่งนี้ได้ถูกประกาศให้เป็น National Monument of Singapore

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:44:02 ]
ความเห็นที่ 24

เราไม่ได้เข้าไปชมข้าวในอีกแล้วครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:44:37 ]
ความเห็นที่ 25

เค้าทำกังทำพิธีกันอยู่ข้างในครับ แอบเซ็งนิดนึง อุส่าห์เลือกวันกลางๆอ่ทิตย์แล้วเชียว เสียดายครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:45:45 ]
ความเห็นที่ 26

ออกมาเดินชมข้างนอกกันต่อครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:46:40 ]
ความเห็นที่ 27

สวยมากครับ  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

จากคุณ : เล็กทาโร่ [30 มิ.ย. 54 16:48:07 ]
ความเห็นที่ 28

มีที่พักสำหรับพระ เป็นอาคารสองชั้น สร้างขึ้นในปี 1911 ตัวอาคารประตับตกแต่งด้วยปูนปั้นสวยงามมากครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:48:18 ]
ความเห็นที่ 29

คุณ : เล็กทาโร่  --- เดิมตามมาชิวๆเลยคราบบ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:49:07 ]
ความเห็นที่ 30

ภายในอาณาเขตของมหาวิหารมีบังกะโลในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือว่าเป็นอาคารที่เก่าที่สุดที่สร้างอยู่ในบริเวณนี้ โดยเป็น ที่พักของ Archbishop อยู่ตรงมุมของมหาวิหารด้านติดกันถนน  Queen Street เป็นอาคารสองชั้น สร้างขึ้นในปี 1859 มีลูกกรงทำด้วยกระเบื้องสีเขียว ทำเป็นรูปคล้ายๆขวด

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:49:34 ]
ความเห็นที่ 31

เดินตรงไปอีกอึดใจเดียวก็จะถึงจุดที่ 8 ครับ ซากประตูโรงเรียน Raffles Girl School

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:51:11 ]
ความเห็นที่ 32

โรงเรียน Raffles Girl School ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1844 เริ่มแรกมีนักเรียน 6 คน ครู 5 คน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:52:44 ]
ความเห็นที่ 33

นับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่สอนทั้งทางวิชาการและจริยธรรมคู่กันมากับ Singapore Institution โรงเรียนนี้มีสอนทั้งระดับประถม และ มัธยม

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:53:19 ]
ความเห็นที่ 34

ในปี 1928 Raffles Girl School หรือ RGS ได้ย้ายไปอยู่ ณ ที่แห่งใหม่บนถนน Queen Street ซึ่งต่อมาในสมัยที่ญี่ปุ่นบุกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นก็ได้ใช้อาคารโรงเรียนเป็นฐานที่ตั้ง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:53:52 ]
ความเห็นที่ 35

ต่อมาเมื่อมีนักเรียนมากขึ้นโรงเรียน Raffles Girl School ฝ่ายมัธยมก็ได้ย้ายไปอยู่ที่  Anderson Street ในปี 1959 และฝ่ายประถมได้ย้ายไปอยู่ที่ Holland Grove ในปี 1979

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:54:35 ]
ความเห็นที่ 36

ปัจจุบัน โรงเรียน Raffles Girl School ถือว่าเป็นโรงเรียนชั้นแนวหน้าของสิงคโปร์

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:55:04 ]
ความเห็นที่ 37

รั้วส่วนที่เห็นนี้เป็นรั้วของโรงเรียนที่อยู่ด้านถนน Queen Street นะครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:55:30 ]
ความเห็นที่ 38

และที่อยู่ตรงกันข้ามก็คือจุดที่ 9 ครับ อาคาร MPH

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:56:44 ]
ความเห็นที่ 39

ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนน Stamford Road และ Armenian Road ปัจจุบันใช้เป็นโชว์รูมร้านเฟอร์นิเจอร์

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:57:27 ]
ความเห็นที่ 40

ตามดูสถานที่สวยๆ รูปสวยๆค่ะ

จากคุณ : Tree Rose [30 มิ.ย. 54 16:57:38 ]
ความเห็นที่ 41

ตัวอาคารเป็นแบบ Edwardian (แบบอังกฤษ ในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด) ในยุคปี 1900 – 1910 ด้านหน้าของอาคารประกอบไปด้วยศิลปะแบบ Italian Cinquencento (คือมีหน้าจั่ว หน้าต่างเป็นซุ้มยอดแหลม) และซุ้มโค้งแบบบารอค

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:57:57 ]
ความเห็นที่ 42

คุณ : Tree Rose  ---- ตามมาเรยครับ รับรองว่าเดินไม่เหนื่อยคราบบบ

---------------------

อาคารแห่งนี้สร้างไม่เหมือนใครในสิงคโปร์เลยครับ นับว่าเป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์มากๆ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 16:59:34 ]
ความเห็นที่ 43

แต่เดิมอาคารหลังนี้เป็นร้านหนังสือ มาถึง 9 ปี นับตั้งแต่ปี 1908 และร้านหนังสือแห่งนี้ก็ได้สนับสนุน และ ส่งเสรีมการเจริญเติบโตของ Methodist Church และ Boy Scout Movement อย่างมาก อีกทั้งยังได้จัดพิมพ์หนังสือหลายเล่มเช่น Hikayat Abdullah (หนังสืออัตตชีวประวัติของ Munshi Abdullah) Sejarah Melayu, The Legal Status of the Malay State, A Practical Malay Grammar, Geography of British Malaya และหนังสือเล่มอื่น ๆ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:00:11 ]
ความเห็นที่ 44

เดินต่ออีกนิดแล้วไปต่อกันที่จุดที่ 10 CHIJMES กันครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:01:50 ]
ความเห็นที่ 45

ตั้งอยู่บนถนน Victoria Street

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:03:05 ]
ความเห็นที่ 46

ในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานบันเทิงโดยมีร้านอาหารหลายร้านอยู่ด้านใน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:03:34 ]
ความเห็นที่ 47

รูปผิดคราบบ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:04:13 ]
ความเห็นที่ 48

สมัยก่อนนี้เป็นโบสถ์ และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:04:34 ]
ความเห็นที่ 49

ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 คุณพ่อ Jean Marie Beurel ได้มองเห็นถึงความต้องการบ้านพักเด็กกำพร้าสำหรับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง และความต้องการโรงเรียน Catholic สำหรับเด็กหญิง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:05:26 ]
ความเห็นที่ 50

คุณพ่อ Jean Marie Beurel  จึงได้สร้าง Caldwell House ขึ้นในปีทศวรรษที่ 1840 โดย G.D Coleman เป็นผู้ออกแบบ เพื่อเป็นที่พักของเหล่าแม่ชีชาวฝรั่งเศส ที่อยู่ภายใต้ Holy Infant Jesus

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:06:22 ]
ความเห็นที่ 51

เด็กๆที่ถูกทอดทิ้งจะถูกนำมาวางไว้ที่ “Small Gate” เพื่อให้แม่ชีคาทอลิคเลี้ยงดู

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:06:49 ]
ความเห็นที่ 52

ดู ป้ายที่อยู่เหนือ  “Small Gate” เขียนเอาไว้ว่า “ the Gate of Good Hope” ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งถนน Bras Basah Road ตัดกับ Victoria Street ปัจจุบันถือว่า Caldwell House เป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าที่สุดในสิงคโปร์

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:08:58 ]
ความเห็นที่ 53

ต่อมาให้มีการซื้อที่ดินข้างเคียงเพิ่มขึ้น

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:10:23 ]
ความเห็นที่ 54

และในปี 1854 ก็ตั้งชื่อบ้านสำหรับเด็กกำพร้านี้ว่า Convent of the Holy Infant Jesus หรือ CHIJ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:11:08 ]
ความเห็นที่ 55

ได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นเมื่อตอนต้นศตวรรษที่  20

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:12:29 ]
ความเห็นที่ 56

สาธุคุณ Charles Benedict Nain เป็นผู้รับผิดชอบในการออกแบบในสไตล์ Neo – Gothic

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:13:06 ]
ความเห็นที่ 57

ซึ่งเชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากโบสถ์ในประเทศฝรั่งเศส ภายในประดับด้วยกระจกสี และเสาสวยงาม

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:13:50 ]
ความเห็นที่ 58

รูปผิดครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:14:59 ]
ความเห็นที่ 59

แล้วก็รูปนี้ครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:16:01 ]
ความเห็นที่ 60

CHIJ ได้ปิดตัวเองลงในปี 1983 หลังจากที่เปิดเป็นโรงเรียนเด็กหญิงมาทั้งหมด 129 ปี

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:44:48 ]
ความเห็นที่ 61

อาคารทั้งหมดได้ประกาศให้เป็นอาคารสงวนโดย Preservation of Monuments Board ในปี 1990

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:51:39 ]
ความเห็นที่ 62

การบูรณปฏิสังขรณ์ได้รวมไปถึง Caldwell House และ โบสถ์ด้วย

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:52:08 ]
ความเห็นที่ 63

แนวทางในการบูรณปฏิสังขรณ์จะรักษาสภาพเดิมทั้งโครงสร้าง และ การประดับตกแต่ง ของอาคารไว้ให้ได้มากที่สุด

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:52:34 ]
ความเห็นที่ 64

ในการบูรณปฏิสังขรณ์กระจกสีภายในโบสถ์ การจกสีชิ้นเล็กๆได้ถูกนำไปซ่อมแซมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญจากประเทศฝรั่งเศส

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:53:05 ]
ความเห็นที่ 65

ได้มีการนำช่างชาวอิตาลีเข้ามาเพื่อการทำความสะอาดและการซ่อมแซมภายในและภายนอกอาคาร รวมไปถึงเสาอาคารภายใน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:53:32 ]
ความเห็นที่ 66

การบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่นี้ใช้เวลากว่า 10 ปี จึงได้เสร็จสิ้น

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:54:01 ]
ความเห็นที่ 67

CHIJ ได้เปิดให้บริการอีกทีในชื่อว่า CHIJMES ในช่วงปลายศตวรรษที่ 1990

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:54:34 ]
ความเห็นที่ 68

โดยได้รับรางวัล UNESCO Asia Pacific Heritage Awards for Culture Heritage Conservation Merit Award ในปี 2002 โดย UNESCO

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:55:01 ]
ความเห็นที่ 69

พอออกมาจากโบสถ์ด้านนอกทางหลังโบสถ์เป็นร้านอาหารหลายๆ ร้านเลยครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:56:11 ]
ความเห็นที่ 70

มีทั้งจีน ฝรั่ง เม็กซิโก และอีกหลายชาติเลยครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:57:07 ]
ความเห็นที่ 71

ด้านหลังโบสถ์ยังทำเป็นชั้นใต้ดิน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:57:48 ]
ความเห็นที่ 72

แล้วก็มีร้านอาหารมีหลายร้านเลยครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 17:58:30 ]
ความเห็นที่ 73

ท่าทางกลางคืนจบรรยากาศดีนะครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:00:16 ]
ความเห็นที่ 74

เดี๋ยวคราวหลังต้องลองมาตอนกลางคืนดูบ้าง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:00:57 ]
ความเห็นที่ 75

มาดูภาพโบสถ์กันอีกซักภาพ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:08:06 ]
ความเห็นที่ 76

แนวตั้งบ้างนะครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:08:40 ]
ความเห็นที่ 77

เดินออกมาข้างหน้า

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:09:16 ]
ความเห็นที่ 78

ผ่านระเบียง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:09:48 ]
ความเห็นที่ 79

หัวเสาสวยๆ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:12:10 ]
ความเห็นที่ 80

ถ่ายรูปโบสถ์อีกซัก 2-3 รูป

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:14:21 ]
ความเห็นที่ 81

ส่งท้าย

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:14:55 ]
ความเห็นที่ 82

ก่อนที่จะไปต่อที่จุดที่ 11

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:15:25 ]
ความเห็นที่ 83

จุดที่ 11 ต้องเดินย้อนมานิดนึงครับ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:16:04 ]
ความเห็นที่ 84

St. Andrew Cathedral

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:18:08 ]
ความเห็นที่ 85

ตั้งชื่อตามนักบวชที่ดูแลคุ้มครองประเทศสก็อตแลนด์

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:18:44 ]
ความเห็นที่ 86

ถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ศาสนา นิกายแองกลิกันที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:19:17 ]
ความเห็นที่ 87

สร้างขึ้นบนพื้นที่ที่ Sir Stamford Raffles ได้บริจาคให้ ในปี 1822

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:40:49 ]
ความเห็นที่ 88

โบสถ์หลังแรกสร้างขึ้นในปี 1838 และคงอยู่มาถึงปี 1852

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:41:22 ]
ความเห็นที่ 89

แต่ว่าโบสถ์หลังแรกนั้นมีโครงสร้างที่ไม่มั่นคงเพราะว่าถูกฟ้าผ่ายอดโบสถ์ถึง 2 ครั้ง ในปี 1845 และ 1849  จึงถูกรื้อถอน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:41:55 ]
ความเห็นที่ 90

โบสถ์หลังปัจจุบันถูกออกแบบโดย Lt-Colonel Ronald MacPherson แห่งกองทัพ Midras

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:42:35 ]
ความเห็นที่ 91

ใช้เวลาสร้างตั้งแต่ปี 1856 และเสร็จสิ้นลงในปี 1864

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:43:04 ]
ความเห็นที่ 92

และเสร็จสิ้นลงในปี 1864 โดยใช้แรงงานเชลยชาวอินเดีย ภายใต้การควบคุมของ Captain J.F.A McNair นายพลแห่งกองพลทหารซ่อมสร้าง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:43:33 ]
ความเห็นที่ 93

รูปแบบของโบสถ์ได้รับแรงบันดาลใจจากโบสถ์ Natley ใน Hampshire ประเทศอังกฤษ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:44:03 ]
ความเห็นที่ 94

ซึ่งเป็นโบสถ์ในสไตล์ Gothic Cistercian ในศตวรรษที่ 13 ที่จะมีการตกแต่งน้อยกว่าโบสถ์แบบ Gothic โดยทั่วไป

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:44:35 ]
ความเห็นที่ 95

นายพล    MacPherson ได้ออกแบบให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย สะอาดตา  มีสิ่งประดับตกแต่งภายนอกน้อยกว่า

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:45:09 ]
ความเห็นที่ 96

เมื่อสร้างมหาวิหารแห่งนี้เสร็จ นายพล    MacPherson ก็ได้จัดงานเฉลิมฉลอง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:45:53 ]
ความเห็นที่ 97

และได้มีการสร้าง กางเขน Maltese ตั้งไว้ทางด้านทิศใต้ของโบสถ์เพื่อเป็นที่ระลึกด้วย

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:46:23 ]
ความเห็นที่ 98

ของที่ระลึกถึงการเฉลิมฉลองโบสถ์ในคราวนั้นยังมีหน้าต่างกระจกสีที่ระลึกถึง Sir Stamford Raffles, John Crawfurd และ นายพล William J. Butterworth อีกด้วย

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:46:54 ]
ความเห็นที่ 99

ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ และขยาย มหาวิหาร St. Andrew หลายครั้ง

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:47:38 ]
ความเห็นที่ 100

ในปี 1952 ได้มีการสร้าง War Memorial Wing เพิ่มเติมขึ้นทางด้านเหนือ ติดกับถนน North Bridge Road

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:48:13 ]
ความเห็นที่ 101

ส่วนปีกด้านที่สั้นกว่าของโบสถ์ที่หันหน้าออกไปทางสนาม Padang มีการต่อเติมในปี 1983

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:48:42 ]
ความเห็นที่ 102

ในปี 2005 ได้มีการซ่อมแซมห้องใต้ดินพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:49:15 ]
ความเห็นที่ 103

พื้นที่ตลอดแนวถนน  North Bridge Road ได้ถูกขุดค้นก่อนที่จะทำการสร้างห้องประชุมใหม่อยู่ใต้ดินสำหรับใช้ในกิจการของมหาวิหาร

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:50:09 ]
ความเห็นที่ 104

ก่อนที่จะมีการดำเนินการก่อสร้างได้มีการขุดค้นทางโบราณคดีตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2003 จนถึง วันที่ 10 เมษายน 2004

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:50:37 ]
ความเห็นที่ 105

และได้รวบรวมโบราณวัตถุได้ถึง 300,000 ชิ้น

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:51:06 ]
ความเห็นที่ 106

ขอบคุณสำหรับรีวิวภาพสวยๆนะคะ

จากคุณ : snas89Pink [30 มิ.ย. 54 18:51:31 ]
ความเห็นที่ 107

โดยเป็นโบราณวัตถุในยุคการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ในศตวรรษที่ 19

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:51:32 ]
ความเห็นที่ 108

คุณ : snas89Pink  --- อีกนิดเดียวก็จะจบแล้วคราบบบ

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:52:22 ]
ความเห็นที่ 109

เช่น เหรียญ เครื่องหมายของทหาร และกระดุม กระจก เศษเหล็ก เศษเครื่องถ้วยชาม

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:52:54 ]
ความเห็นที่ 110

และอาวุธยุทธภัณฑ์เบาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:53:22 ]
ความเห็นที่ 111

และยังได้เจอโครงกระดูกสมัยศตวรรษที่ 14

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:53:57 ]
ความเห็นที่ 112

ในสมัยนั้นยังเรียกสิงคโปร์ว่า Temasek

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:54:24 ]
ความเห็นที่ 113

รวมไปถึงเครื่องเคลือบ ภาชนะหินจากประเทศจีน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:54:51 ]
ความเห็นที่ 114

เครื่องปั้นดินเผาที่ผลิตใช้กันเองในแถบนี้ ลูกปัดแก้ว สร้อยข้อมือหิน และเงินเหรียญสมัยราชวงศ์หยวน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:55:21 ]
ความเห็นที่ 115

และยังได้ค้นพบไหหิน ภาชนะเครื่องเคลือบ ที่ยังคงสภาพดี รวมแล้วถึง 5 ชิ้น

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:55:57 ]
ความเห็นที่ 116

เหรียญเงินของศรีลังกาและหินแกะสลักเป็นรูปหัวคน โบราณวัตถุที่ค้นพบบางชิ้นถูกจัดแสดงไว้ที่ Visitor Center ที่อยู่ทางด้าน  North Bridge Road

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:56:20 ]
ความเห็นที่ 117

และมาถึงรูปสุดท้ายของกระทู้นี้ครับ


คอยพบกับ Peranakan Museum ในกระทู้ถัดไปครับ


Cubby Lawyer Tour ....... เที่ยวไป .... ตามใจฉัน

จากคุณ : ทนายอ้วน [30 มิ.ย. 54 18:58:18 ]
ความเห็นที่ 118

ภายนอกว่าสวยแล้วนะคะ ภายในโบสถ์ก็ตกแต่งสวยด้วยค่ะ

จากคุณ : sierra whiskey charlie [30 มิ.ย. 54 19:03:54 ]
ความเห็นที่ 119

ดอกไม้กระจกประดับสีสวยมากค่ะ

จากคุณ : บัวนลิน [30 มิ.ย. 54 19:28:00 ]
ความเห็นที่ 120

ตามไปเดินดูตึกสวยๆ ด้วยคนค่ะ

จากคุณ : ป้าฟู [30 มิ.ย. 54 20:00:22 ]
ความเห็นที่ 121

รูปสวยใสกิ๊งมากๆค่ะพี่บอล  กระพริบตา

จากคุณ : สาวหน้าใส [30 มิ.ย. 54 20:50:36 ]
ความเห็นที่ 122

สวยมากเลยครับ  ขอบคุณที่พาไปชมครับ

จากคุณ : Palm Jung Won [30 มิ.ย. 54 21:06:35 ]
ความเห็นที่ 123

สวยงาม อลัง และดูขลังดีนะคะ

จากคุณ : Red-Rose-14Feb [30 มิ.ย. 54 21:36:18 ]
ความเห็นที่ 124

ตามมาเที่ยวด้วย รูปสวยสดใสมากครับ

จากคุณ : Red Fox [30 มิ.ย. 54 22:43:57 ]
ความเห็นที่ 125

หนูเข้ามาอีกครั้งเอากิฟท์ดวงแรกของเดือนนี้มาให้พี่บอลค่ะ  กระพริบตา

จากคุณ : สาวหน้าใส [1 ก.ค. 54 00:08:55 ]
ความเห็นที่ 126

ตามมาเก็บข้อมูล ว่าจะไปอยู่เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับรีวิวและภาพสวยๆ นะครับ

จากคุณ : noiwanwannoi [1 ก.ค. 54 01:41:21 ]
ความเห็นที่ 127

... โบสถ์สวยจังค่ะ ขอบคุณนะคะ...

จากคุณ : kungtalay [2 ก.ค. 54 21:53:23 ]