สวัสดีค่ะ ในที่สุดภาระกิจวูฟตลอดเวลา 3 เดือนในญี่ปุ่นของเราก็ดำเนินมาใกล้จะถึงตอนจบซะที
จากที่คุณ สวยด้วยแสง-แรงด้วยสี ถามไว้ที่กระทู้ก่อนก่อนหน้าเกี่ยวกับโฮสที่อยู่ฟุคุชิม่า
เราเมล์ติดต่อไปหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ไม่มีเมล์ตอบกลับมา
เราเลยเข้าไปค้นเบอร์จากเมล์ที่เคยติดต่อกันในเว็บ wwoof japan แล้วลองโทรศัพท์ไปถามข่าวคราว
ได้คุยกันนานเหมือนกันค่ะ ทางนั้นบอกว่าไม่มีอะไร ทุกคนสบายดีค่ะ ยังสามารถทำเกษตรได้เหมือนเดิม
ข่าวที่ออกไปนั้นค่อนข้างน่ากลัวโดยเฉพาะกับชาวต่างชาติ แต่จริงๆแล้วทุกคนยังอยู่ที่เดิมและใช้ชีวิตปกตินะคะ
ตอนนี้แตงกวาที่ปลูกเมื่อเดือนมีนา กำลังออกลูกและเก็บส่งขายทุกๆเช้าค่ะ
และฝากเรามาขอบคุณทุกๆ คนที่เป็นห่วงด้วยนะคะ และทิ้งท้ายมาว่าถ้ามีโอกาสไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมเยียนกันบ้าง
มาเพิ่มเติมในหลายๆ อย่างที่มักจะมีคนถามบ่อยๆ ค่ะ 
เพื่อนๆหลายคนถามเข้ามาค่ะว่า 3 เดือน 3 หมื่นนี่อยู่ได้จริงๆเหรอ เราจะบอกว่างบประมาณนั้นกำหนดได้ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองค่ะ
เราจะวูฟ 3 เดือนด้วยเงิน หมื่นห้าก็สามารถทำได้นะคะ นั่นขึ้นอยู่กับว่าเราไปที่ไหน เพราะ่ค่าใช้จ่ายหลักๆที่หมดไปนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นค่าเดินทางนั่นแหละค่ะ
ถ้าเราวูฟอยู่ในภาคเดียวกัน หรือแถบจังหวัดใกล้เคียงกัน ก็ทำให้ประหยัดงบไปได้อีกเยอะเลย ลองเอาไปใช้ปรับแผนของตัวเองกันดูนะคะ
ลิงค์กระทู้ตอนที่ผ่านๆมาค่ะ
ตอนที่ 1
๑ ^^ ๑ วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 1 wwoof ญี่ปุ่น 3 เดือน กับเงินจำนวน 30,032.93 บาท \^^/
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10229855/E10229855.html
ตอนที่ 2
๒๒^_^๒๒ วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 2 เมื่อ wwoofer สาวไทยไปเกี่ยวข้าวไกลถึงเจแปน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10293299/E10293299.html
ตอนที่ 3
วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 3 wwoof สบายๆ สไตล์ Gahaha House
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10414598/E10414598.html
ตอนที่ 4
๔๔^^๔๔ วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 4 wwoof ลั๊นลา @ Gahaha House ๔๔^^๔๔
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10437969/E10437969.html
ตอนที่ 5
๕๕^^๕๕ วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 5 พัก wwoof กันซักครู่ ชวนไปดูเมืองโคจิ ๕๕^^๕๕
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10580068/E10580068.html
ตอนที่ 6
๖๖^_^๖๖ วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 6 เมื่อ wwoofer สาวไทยได้ไปตำโมจิ ๖๖^_^๖๖
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10757671/E10757671.html
ตอนที่ 7
๗๗^_^๗๗ วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 7 Mt. Fuji Love~Destiny~ ๗๗^_^๗๗
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11010823/E11010823.html
๘๘ ^^ ๘๘ ครั้งหนึ่งในชีวิตพิชิต "ฟูจิซัง" ๘๘ ^^ ๘๘
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11113774/E11113774.html
ตอนพิเศษ ....ฟูจิที่รัก
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10152290/E10152290.html
[1 ก.ค. 54 11:04:07
]
ตามติดชีวิตสาววูฟ
จากคุณ : หมูอ้วนจอมพลัง
[1 ก.ค. 54 11:11:44
]
ตามมาตำโมจิด้วยคนค่ะ ^^
จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย
[1 ก.ค. 54 11:12:12
]
ตามไปด้วยจ้าน้องฮารุ
จากคุณ : ม่วงมหากาฬ
[1 ก.ค. 54 11:16:42
]
สวัสดีค่ะ พี่อุ๊....ปาดเร็วมากใกล้จบแล้ว คาดว่าเหลืออีกแค่ตอนเดียวเท่านั้น
คุณปลาผัดคึ่นช่าย....มาเลยค่ะ เดี๋ยวจะพาไปกินโมจิเหนียวๆ ร้อนๆ
ลุงม่วง....สวัสดีค่า วูฟสบายๆช้าๆ ไม่ได้รีบอะไรตามทันอยู่แล้ว อิอิ
......................................................................................................................
เคว้งคว้างท่ามกลางชินจูกุ
หลังจากที่เราขึ้นรถ Night bus โดยใช้สิทธิ์ของบัสพาสที่เหลืออันสุดท้ายก่อนที่จะหมดอายุสิ้นเดือน
เล่าถึงบัสพาสก่อน ที่จริงเราจะได้ใช้ 5 วัน ตามเงื่อนไขที่กำหนดค่ะ แต่กลายเป็นว่าเหลือแค่ 4 วัน
เพราะมีอยู่เที่ยวนึงที่ดัน cancel ในวันเดียวกับวันที่จะออกเดินทาง เลยโดนตัดสิทธิ์นั้นทิ้งทันที
เพราะเงื่อนไขก็เขียนไว้ชัดเจนว่าจะยกเลิกตั๋วได้ก็ต่อเมื่อก่อนวันเดินทาง เป็นความโง่ของเราอีกแล้ว เหอๆ
แอบรู้สึกเสียดายอยู่ลึกๆ แต่ลองคำนวณดูใน 4 วันที่เราใช้ไปนี้ ก็ถือว่าคุ้มแล้วแหละ
เรานั่งรถจาก เมืองมัตซึยามะ และไปถึงชินจูกุ โตเกียว ประมาณ 7:30 น. ในเช้าวันรุ่งขึ้น พอดีเรามีของที่ได้มาจากโฮสที่ซางะ เป็นกิโมโนกับชุดยูกะตะ
จึงนัดกับเพื่อนสาวที่ทำงานย่านชินจูกุฝากของไว้ที่บ้าน พอเจอเพื่อนก็เล่าให้ฟังว่าไปเจออะไรมาบ้าง
เพื่อนถามว่าจะไปไหนต่อ เราบอกจะไปนากาโน่ และให้เพื่อนช่วยดูที่อยู่พร้อมกับถามที่ซื้อตั๋วรถว่าอยู่ตรงไหน เพื่อนใจดีช่วยพาไปถึงที่ซื้อตั๋ว
แต่มีปัญหาตรงที่ ที่อยู่ที่เราจดมานั้นไม่ได้ระบุชัดเจน เพื่อนเลยโทรไปถามโฮสให้ว่าควรนั่งรถสายไหนดี
ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อ ทางโฮสแจ้งว่าไม่รู้มาก่อนว่าจะมีวูฟเฟอร์ไปเลยนะ เอาละสิ คือตอนที่เราเมล์ติดต่อไปนั้น วูฟเจแปนเป็นคนกลางติดต่อให้เรา
และในเนื้อหาของเมล์ที่ตอบกลับมาบอกว่า ถ้าเป็นปลายๆปีโฮสนี้ยินดีรับวูฟเฟอร์ ในความหมายของเราก็คิดว่าเดือน พ.ย. ธ.ค. ที่เราระบุไปก็เป็นปลายปี แปลว่าตกลงสินะ
แต่ในความหมายของทางโฮสปลายปีก็คือประมาณช่วงปีใหม่ สรุปว่าสื่อสารและเข้าใจกันไปคนละอย่างเลย
ปลายสายบอกว่าตอนนี้โฮสที่เราติดต่อไปก็เข้าโรงพยาบาลอยู่ด้วยค่ะ เป็นอันว่าเราไม่สามารถไปวูฟที่โฮสนี้ได้แล้ว
[1 ก.ค. 54 11:23:36
]
ตามน้องฮารุ ไปเที่ยวด้วยคนครับ
จากคุณ : เล็กทาโร่
[1 ก.ค. 54 11:25:25
]
น้าเล็กทาโร่...ตามมาเลยค่ะ ไปกินโมจิกัน
.....................................................................................................................
แต่ทางนั้นก็ดีมาก ยินดีช่วยหาโฮสที่เป็นเพื่อนที่เค้ารู้จักให้ แต่พอเค้าติดต่อไปหาเพื่อนทางนั้นก็บอกว่ามีวูฟเฟอร์อยู่หลายคนแล้ว ไม่สามารถรับเพิ่มได้อีก
อืมมมม.... เอาละทำไงดีล่ะทีนี้ แต่ก็คิดว่า ดีแล้วที่เรายังไม่ซื้อตั๋ว
ตอนนั้นรู้สึกขอบคุณเพื่อนมากๆที่เป็นธุระโทรติดต่อไปหาโฮสให้ ถ้าไม่มีเพื่อนคอยช่วย เราที่ไม่ได้พกมือถือคงลำบากน่าดู
ณ เวลานั้นเคว้งคว้างอยู่พักหนึ่ง หาวิธีว่าจะเอายังไงต่อไป ก็นึกถึงพี่สาวชาวลาวที่เคยให้ที่พักตอนมาโตเกียวครั้งแรกค่ะ
พี่สาวคนนี้ชื่อพี่ก๊อก เป็นเพื่อนที่โยชิมิแนะนำให้รู้จักตอนไปเที่ยวเวียงจันทร์ แล้วก็ติดต่อกันเรื่อยมา
วันแรกๆที่เรามาญี่ปุ่นก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่ก๊อกนี่แหละค่ะ ให้ที่พักระหว่างรอไปวูฟ
เราจึงโทรไปหาพี่ก๊อกและเล่าให้ฟัง พี่ก๊อกก็เลยให้เรากลับไปหาเค้าก่อน แล้วค่อยต่อเน็ตที่บ้านเค้าหาโฮสใหม่ เป็นอันว่าวันนั้นจึงได้ไปพักอยู่กับพี่ก๊อกเป็นการชั่วคราว
หลังจากที่ไปบ้านของพี่ก๊อก เราก็เริ่มต้นหาโฮสใหม่ในทันที และก็เจาะไปที่โฮสละแวกจังหวัดนากาโน่เช่นเดิม
ส่วนใหญ่เวลาหาโฮสใหม่ที่จะไป จะต้องใช้เวลานานกว่าโฮสจะตอบกลับมา แต่วันนั้นหลังจากที่ส่งไปหลายๆที่ ก็มีโฮสๆหนึ่งอยู่เมืองมัตซึโมโตะตอบกลับมาทันที
จากที่อ่านหน้าแนะนำตัวของโฮสนี้ ก็ไปสะดุดตรงที่เค้าบอกว่าพิการเดินไม่ได้ เวลาจะไปไหนต้องใช้วิลแชร์
แต่จะมีอาสาสมัครที่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ใกล้ๆ กันนั้นมาคอยดูแลเกือบทุกวัน
และมีข้อความที่โฮสเขียนไว้ด้วยว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีวูฟเฟอร์มาเลยด้วย .....น่าลองดูซักตั้งดีกว่า ว่าเค้าใช้ชีวิตยังไง เป็นอันว่า ได้โฮสแล้วค่า ^^
[1 ก.ค. 54 11:29:41
]
ไปเป็นส่าววูฟด้วยคนได้ป่าว ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ
จากคุณ : ไข่จังน้อย
[1 ก.ค. 54 11:32:12
]
ตามมาแล้วค่า
จบตอนนี้แล้วเหรอ เสียดายจัง
[1 ก.ค. 54 11:33:19
]
คุณไข่จังน้อย....ไปได้สิคะ ตามมาเลยเด้อค่ะ
คุณ ยูจินคุง....ยังไม่จบค่ะ ตอนนี้ตอนเกือบจะจบเท่านั้น ยังมีอีกตอน
...............................................................................................................
คะซึโกะซังคนดังเมืองมัตซึโมโตะ
หลังจากได้เมล์ตอบรับจากโฮสที่มัตซึโมโตะ อีก 2 วันให้หลัง ก็ได้เวลาออกเดินทางค่ะ
จากที่สอบถามโฮสเรื่องการเดินทาง ก็สะดวกดี เพราะมีรถบัสจากชินจูกุไปถึงมัตซึโมโตะ ใช้เวลาวิ่งประมาณ 4 ชั่วโมง
โฮสบอกว่า ถ้าเราซื้อตั๋วแล้วก็ให้โทรไปแจ้งเวลาตามเบอร์โทรที่ให้ไว้ ปกติถ้าเป็นวัน จันทร์-ศุกร์ โฮสจะให้เรานั่งรถเมล์ไปที่บ้านเอง
แต่เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเสาร์ไม่มีรถเมล์วิ่ง โฮสจึงส่งนักศึกษาที่เป็นอาสาสมัครมารับ นั่งรถมาถึงท่ารถเมืองมัตซึโมโตะก็ 5 โมงเย็นพอดี
เหมือนเดิมค่ะ คือวิ่งหาตู้โทรศัพท์ก่อน โทรไปทางปลายสายเป็นผู้ชายรับ เค้าบอกให้รออยู่ตรงที่รถเมล์มาจอดนั่นแหละ
ก็ออกมายืนรอ ไม่ถึง 5 นาที ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาถาม เราก็บอกไปว่าเป็นวูฟเฟอร์จะไปบ้านคะสึโกะซัง หนุ่มคนนั้นบอกว่าใช่ครับ งั้นขึ้นรถเลย
พอขึ้นไป ในรถมีสาวฝรั่งคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว พูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก สาวคนนี้มาจากเยอรมันชื่อโจฮาน่าเป็นวูฟเฟอร์เหมือนกัน ติดรถมาด้วยเพราะจะเอาโน๊ตบุ๊คเข้ามาซ่อมในเมือง
ส่วนหนุ่มที่อาสาขับรถมารับชื่อทากะ เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชินชูที่อยู่ในเมืองมัตสึโมโตะนั่นเอง เมื่อรถขับออกไปได้ซักพัก
ทากะก็ขอเลี้ยวรถแวะเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งมีโซนที่เป็นร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ด้วย หลังจากนั้นก็ไปซื้อของเล็กๆน้อยๆในซุปเปอร์ ก็ขับออกมาเพื่อไปยังบ้านของคะสึโกะซัง
ใช้เวลาค่อนข้างนานเหมือนกันกว่าจะถึงบ้านคะสึโกะซัง คิดว่าน่าจะเกือบๆ 45 นาที เพราะรถค่อนข้างติด ประหลาดใจมาก เพราะตั้งแต่อยู่บ้านนอกของญี่ปุ่นมา เพิ่งเคยเจอรถติดก็ที่นี่เนี่ยแหละ
ไปถึงบ้าน ก็แบกกระเป๋าเข้าไป ไม่รู้ว่าคะสึโกะซังเป็นคนไหน เพระในประวัติไม่มีรูป แล้วคนก็เยอะมากๆ เอะอะโวยวายเสียงดังลั่นกำลังทำอาหารกันในครัว
โจฮาน่าเห็นเรายืนงง ก็เลยพาขึ้นไปชั้นสองก่อน ซึ่งเป็นที่ๆเอาไว้สำหรับวูฟเฟอร์นอน ขึ้นบันไดไปก็มีฟักทองวางด้านข้างตามขั้นบันได ประดับ (มั้ง) แนวดีแฮะ
นอกจากประดับยังเอามากินได้อีก พอขึ้นไปจนสุดปลายบันไดแล้ว ก็เจอกับประตูบานเลื่อนสไตล์บ้านแบบฉบับของญี่ปุ่นอยู่ทางซ้ายมือเลย
โจฮาน่าเปิดประตูเข้าไป ก็เจอวูฟเฟอร์คนอื่นๆอีก สองคน เป็นเพื่อนของโจฮาน่าคนนึง ที่มาวูฟด้วยกันชื่อ แอนโทเนีย และสาวไต้หวัน ชื่อมิรันด้า เราได้นอนห้องเดียวกับมิรันด้าค่ะ
[1 ก.ค. 54 11:39:51
]
ลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่านอีกทีนะ...
ดีใจที่ทุกคนปลอดภัยและชีวิตกลับมาเป็นปกติ ถ้าได้ไปอีก... มีโอกาสก็อยากไปเยียมเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้รู้จักกันโดยส่วนตัว
[1 ก.ค. 54 11:43:05
]
ห้องแรกที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเจอเลยเป็นที่นอนของ 2 สาวชาวเยอรมัน ส่วนเรากับสาวไต้หวันนอนห้องที่อยู่ด้านในซึ่งเวลาเข้าออกต้องเดินตัดผ่านห้องของสองสาวเยอรมันก่อน
นอกจากพวกเรา 4 สาว ที่อยู่ห้องแรกนี้แล้ว ห้องข้างๆ ถัดจากห้องพวกเรา ก็มีหนุ่มๆวูฟเฟอร์อีก 2 คน ด้วย อิอิ
มาจากมาเลเซียคนนึง ชื่อย้ง และมาจากไต้หวันคนนึง ชื่อ อะสึกะ แปลกใจใช่มั้ยล่ะว่าทำไมถึงชื่อเหมือนญี่ปุ่นเราถามมาละ เห็นบอกว่ามาจากนักร้องวงหนึ่งของญี่ปุ่นแหละ
พอวางสัมภาระไว้แล้ว เราก็ไปเอาขนมของฝากที่เตรียมไว้ ลงไปให้คะสึโกะซัง พอลงไปก็ค่อนข้างตกใจนิดหน่อย เมื่อเจอคะสึโกะซัง
คะสึโกะซังเขียนเอาไว้ในหน้าแรกของการแนะนำตัวว่า พิการเดินไม่ได้ต้องใช้วิลแชร์ เราก็คิดว่าคงจะพิการแค่ส่วนขาอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ปรากฏว่าคะสึโกะซังที่นั่งเอาขาซุกอยู่ใต้โต๊ะโคะตะสึ
(โต๊ะญี่ปุ่นที่ พื้นด้านล่างเป็นเตาหลุม สำหรับใส่ถ่านไฟเอาไว้ และคลุมด้วยผ้าหนาๆอีกชั้นเพื่อกันความร้อนเอาไว้ใต้โต๊ะให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว) นั้น
มือก็ใช้การไม่ได้ และพูดไม่ชัดด้วย ลำพังภาษาญี่ปุ่นธรรมดาๆ บางคำยังฟังไม่รู้เรื่อง แล้วนี่จะฟังออกมั้ยเนี่ย เหอๆ
แต่ที่กังวลทั้งหมดนั่นไม่เป็นปัญหาเลย อยู่นานไป 2-3 วันก็จะชินเริ่มฟังออกเอง
แต่ที่น่าประหลาดใจไม่แพ้กันก็คือ เห็นเป็นแบบนี้นะ คะสึโกะซังสามารถดำรงชีวิตอยู่ในหุบเขาลึกที่ไกลจากเมืองมัตซึโมโตะได้ยังไงคนเดียว !!!
จะว่าอยู่คนเดียวก็ไม่เชิง เพราะการทำกิจวัตรประจำวันหรือทำงานต่างๆนั้น จำเป็นต้องมีคนคอยช่วยเหลือ
ซึ่งคนที่มาช่วยดูแลในเรื่องอาบน้ำ พาเข้าห้องน้ำ ป้อนข้าว แล้วก็ทำอาหาร คือ Helper, อาสาสมัคร แล้วก็วูฟเฟอร์อย่างพวกเรานี่แหละค่ะ
หลายคนอาจจะไม่รู้จัก Helper นะคะ Helper คือ คนที่คอยช่วยเหลือคนพิการ, ผู้สูงอายุ หรือคนป่วยที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้
โดยรัฐบาลออกเงินให้ในแต่ละเดือน ถือเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่ดีมากสำหรับคนพิการที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ
ที่นี่ Helper มาทำงานช่วงเช้า ระหว่าง 7 โมงถึง เที่ยง หยุดวันเสาร์อาทิตย์และนักขัตฤกษ์ ส่วนอาสาสมัครนั้นได้จากคนที่มีจิตอาสา
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนม.ปลายแล้วก็นักศึกษามหาวิทยาลัยค่ะ ถึงแม้ว่าร่างกายของคะสึโกะซังจะทำอะไรไม่ได้เลย
แต่เธอยังมีสมองและปากที่ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ จากที่เราได้อยู่บ้านคะสึโกะซังมา 2 อาทิตย์นั้น ทำให้ได้เห็นพรสวรรค์ในตัวคะสึโกะซัง หลายๆอย่าง
คะสึโกะซังไม่ได้อาศัยเงินสวัสดิการจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เพราะเท่านั้นคงไม่พอค่ะ
ทุกๆอาทิตย์ คะสึโกะซังจะมีคอร์สสอนสูตรทำอาหาร เป็นอาชีพเสริมอีกทางหนึ่งด้วย แล้วแต่ละสูตรก็อร่อยๆทั้งนั้นเลย แถมแปลกอีกแน่ะ
คะสึโกะซังเป็นคนร่าเริง ยิ้มง่าย แถมมีมุขตลกๆให้ได้หัวเราะกันบ่อยๆ ความจำดี ชอบดื่มเหล้า คอแข็งอีกต่างหาก รักแมว ใส่ใจดูแลทุกคนแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ฯลฯ
เราว่าสิ่งที่ทำให้บ้านคะสึโกะซังไม่เคยเงียบเหงา และมักจะมีคนแวะเวียนเข้าไปหา อย่างสม่ำเสมอแบบนี้ก็เป็นเพราะเสน่ห์ในตัวของคะสึโกะซังนี่แหละค่ะ
เราคงไม่สามารถเล่าได้หมด ต้องลองไปอยู่เองถึงจะรู้
[1 ก.ค. 54 11:44:18
]
ตามชม ว่าวูฟเฟอร์จะตำจนกล้ามขี้นเลยไหม
[1 ก.ค. 54 11:46:53
]
รอกินโมจิ อิอิ
จากคุณ : BeeVee'
[1 ก.ค. 54 11:48:49
]
ไปด้วยคนครับ
จากคุณ : หนอนน้อยเจ้าปัญหา (แพทจร้า)
[1 ก.ค. 54 11:49:06
]
มาให้กำลังใจเช่นเคย
อยากกินโมจิ ร้อนๆ
[1 ก.ค. 54 11:50:45
]
มังคุด....แวะไปเลย ทุกคนยินดีต้อนรับจ้า
ลอร่า อิงกัลส์ ~*....ต้องรอดูค่ะว่าจะยกสากขึ้นมั้ย ฮ่าๆ สากหนักจริงๆ
บีวี่....รู้สึกจะชอบโมจิเป็นพิเศษเลยนะ อิอิ
คุณ หนอนน้อยเจ้าปัญหา (แพทจร้า)....มาเลยๆ ตำโมจิไว้เยอะมาก กินไม่หมดเลยทีเดียว
คุณ Tree Rose....ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับกำลังใจ เดี๋ยวรอรับโมจิด้วยนะคะ 
................................................................................................
............ปาร์ตี้โอนาเบะ + เค้ก...................
เย็นวันนั้นครึกครื้นเป็นพิเศษเพราะมีนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยชินชูมาเลี้ยงฉลองอะไรซักอย่าง นับดูก็ประมาณ 7 คน + วูฟเฟอร์อีก 6 + คะสึโกะซัง = 14 คน
ทำให้ห้องจากกว้างๆ กลับเล็กลงไปถนัด อาหารเย็นวันนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก.......โอนาเบะ (หม้อร้อน คล้ายสุกี้) ที่นี่หนาวจริงๆค่ะ เพราะอยู่ในหุบเขา
ต้องใช้เตาผิงที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ก็บ้านเราเมืองร้อนนี่เนอะ)เตาผิงชนิดนี้ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เวลาจุดตอนแรกจะเหม็นน้ำมันคลุ้งไปหมด
แต่พอจุดไว้นานๆ ก็จะชินกลิ่นไปเอง ที่สำคัญให้ความอบอุ่นได้ดีมากๆ
[1 ก.ค. 54 11:56:08
]
ตามมากินโมจิด้วยครับ ^^
จากคุณ : ไผ่พริ้ว (PyDE)
[1 ก.ค. 54 11:57:09
]
สวัสดีค่าาาาาา เมื่อวานยังนึกถึงอยู่เลย วันนี้เปิดคอมมาก็ได้เจอกันแล้ว
วันนี้มีแวว ดราม่าแน่ๆ
[1 ก.ค. 54 11:58:13
]
นักศึกษาทั้งหลายเฮฮาสนุกสนานครื้นเครงกันเหลือเกินค่ะคืนนั้น ทำเค้กกินกันด้วย
คะสึโกะซังเป็นคนไม่ชอบกินขนมหวานอย่างแรง ก็ถูกพวกนักศึกษาบังคับให้กินเค้ก ชิ้นโตให้หมด
หัวเราะกันใหญ่ตอนที่แกล้งคะสึโกะซังให้กินชิ้นสุดท้ายแล้วครีมเปื้อนปากเต็มไปหมด
หลังจากปาร์ตี้เสร็จสิ้นจานชามหม้อไห ต่างๆ ก็กลายเป็นหน้าที่ของวูฟเฟอร์ทั้ง 6 ชีวิต ที่ต้องช่วยเก็บกวาดเอามาล้าง
ทุกคนมากระจุกในครัว แบบว่าแย่งหน้าที่กันทำสุดฤทธิ์ คนนึงล้างจาน ส่วนอีก 5 คนก็ช่วยเช็ดชาม ตะเกียบ ช้อนให้แห้งแล้วเก็บใส่ตู้ ฮ่าๆ
แล้วชีวิตวูฟเฟอร์ในบ้านกลางหุบเขา ณ มัตซึโมโตะ ในวันแรกก็ผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ
[1 ก.ค. 54 11:59:20
]
คุณ ไผ่พริ้ว ....สงสัยต้องตำเพิ่มนะเนี่ย คนรอกินโมจิเต็มเลย 
คุณ สิบล้อชอบเที่ยว....เพราะรู้ว่าคุณสิบล้อนึกถึงไงคะ เลยมารีวิว 
..................................................................................................................
........
ทำผักดอง 
เช้าวันรุ่งขึ้น เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ นักศึกษาที่มาปาร์ตี้กันเมื่อคืน ก็นอนค้างกันที่นี่ ได้ยินเสียงเอะอะจากหน้าบ้าน ก็รีบตื่นออกไปดู
เช้าวันนี้มีงาน ดองผักให้ทำค่ะ อู๊ยยย หนาวไม่อยากลุกออกจากที่นอนเลย แต่ทำไงได้ ต้องทำตาม คติที่ว่า อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นสิคะ
รู้สึกว่าคนช่วยทำงานจะเยอะกว่างานอีกนะเนี่ย เราก็พยายามหางาน ช่วยไรได้บ้าง ก็ได้ไปตัดใบผักที่เหลืองๆ และผ่าโคนต้นออกเป็นแฉกๆ ผักที่ว่า ชื่อ โนซาวาน่า ค่ะ
นิยมปลูกและนำมาทำผักดองไว้กินช่วงหน้าหนาวของคนที่นากาโน่
วิธีการทำผักดองโนซาวาน่า นั้น หลังจากผ่านขั้นตอนตัดแต่งผัก และล้างน้ำให้สะอาดแล้ว
จะต้องเตรียมภาชนะสำหรับดองไว้ ใส่น้ำลงไปนิดหน่อยแค่เพื่อละลายเกลือ
เกลือก็กะเอา แค่ 1 กำมือ เมื่อเกลือละลายน้ำ ก็นำผักโนซาวาน่าที่ล้างเตรียมไว้ใส่ลงไปประมาณ 1 ใน 5 ของถัง
แล้วก็ทาด้วยมิโซะ (ถั่วเหลืองหมัก) ทาทั่วกันแล้วก็โรยด้วยพริก เสร็จแล้วก็เอาผักมาใส่อีกชั้นกะให้เท่าๆกันเหมือนชั้นแรก
แล้วก็ทำแบบเดิม โรยเกลือ ทามิโซะ โรยพริก พอทำมาถึงปากภาชนะที่ใส่
ขั้นตอนสุดท้ายก่อนปิดฝาก็ต้องเทเหล้าญี่ปุ่นลงไปพอประมาณ แล้วปิดฝา เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำผักดองโนซาวาน่าค่ะ
ทิ้งไว้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ ก็เอามากินได้ ผักที่ได้จากการดองจะกรอบ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด กินกับข้าวแกงกะหรี่หรืออื่นๆ ก็แก้เลี่ยนได้ดี
[1 ก.ค. 54 12:05:44
]
หุหุ.....ตามมาด่วนเลย.....กำลังไม่มีไรทำ.....555
จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว
[1 ก.ค. 54 12:06:28
]
น้าเปรี้ยว...ฮ่าๆ ว่างๆ ก็มาช่วยกันตำโมจิพลางๆก่อนละกันค่ะ 
...........................................................................................................
ด้วยปริมาณคนช่วยที่มีเหลือเฟือ ทำให้ผักโนซาวาน่ากองโตเป็นภูเขาเลากา หายไปในพริบตา
ผักดองก็เสร็จภายในเช้านั้น เป็นปัญหาให้ คะซึโกะซังต้องหางานใหม่ให้พวกเราทำอีก และก็หนีไม่พ้นเรื่องการใช้แรงงานอีกนั่นแหละ ฮ่าๆ
นั่นก็คือไปถอนผักกาดขาวในไร่ที่อยู่ในหุบเขาถัดไปไม่ไกลมากนัก จะไปมือเปล่าก็กระไรอยู่
คะสึโกะซังจึงให้เอาปุ๋ยหมักชีวภาพ ที่ได้จากการหมักเศษผักและอาหารที่เหลือจากในครัวกับกากน้ำตาลที่เต็มถังพอดิบพอดี ไปด้วยกัน
โดยมีสารถีหนุ่มนักศึกษา ทากะ นั่นเองขับรถบรรทุกเล็กๆ ให้พวกเรานั่งไป ความจริงระยะทางก็ไม่ได้ไกลอะไรมาก เดินไปก็ได้แต่ไหนๆก็มีรถพาไปออมแรงไว้ถอนผักกาดขาวดีกว่า อิอิ
ส่วนคะสึโกะซังก็นั่งวิลแชร์ไฟฟ้า ที่ได้ยินจากแอนโทเนียวูฟสาวเยอรมันเล่าให้ฟังว่า วิลแชร์ตัวนี้แพงมากหลายแสนเยน!!
แต่ดูแล้วทนดีจริงๆ สมราคา เพราะมีถนนเข้าไร่อยู่ช่วงหนึ่งที่เป็นลูกรัง และหินขรุขระก้อนโตๆ คะสึโกะซังก็นั่งเข้ามาได้
แต่ๆๆๆ จะมีอยู่จุดหนึ่งที่ไม่อาจฝ่าด่านเข้ามาได้ พวกเราที่นั่งรถบรรทุกล่วงหน้ามาก่อนไม่เห็นคะสึโกะซังโผล่มาซักที เพราะไปติดอยู่ตรงนั้น เลยต้องวิ่งไปช่วยเข็นถึงจะออกมาได้
[1 ก.ค. 54 12:12:33
]
พอไปถึงไร่ พวกวูฟเฟอร์ที่อยู่นานแล้วรู้หน้าที่ว่าควรจะเอาปุ๋ยหมักไปเทตรงไหน ก็ทำไป
ส่วนผักกาดขาวหัวโตๆ นักศึกษาที่เหลือจากช่วยงานตอนเช้า (บางส่วนกลับไปแล้ว) มาสอนวิธีตัด คะซึโกะซังให้ใช้เคียวเกี่ยวข้าวตัดไปตรงรากที่โผล่พ้นดินออกมานิดหน่อย
งานก็เสร็จลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ฮ่าๆ นอกนั้นพวกเราก็ว่างค่ะ อยู่ในหุบเขาแบบนี้ไม่รู้จะทำอะไรเลย ก็มานั่งจับเข่าคุย บางคนก็เล่นเน็ต
ส่วนโน๊ตบุ๊คที่เราพกไปใช้ต่อเน็ตไม่ได้อ่ะ -*- ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เวลาใช้เน็ตก็เลยต้องขอยืมใช้ของคะซึโกะซัง
ที่นี่พวกเราต้องทำอาหารกินเองค่ะ ถ้าเป็นมื้อเช้า ส่วนใหญ่พวกเราจะเป็นคนคิดเมนูและทำกันง่ายๆ อย่างพวกผัดผัก ต่างๆ
ส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็นนั้น ต้องถามคะซึโกะซังว่าอยากกินอะไร แล้วคะซึโกะซังก็จะบอกสูตรอาหารให้ พวกเราก็ช่วยกันทำตาม
[1 ก.ค. 54 12:15:06
]
ที่นี่จะมีแมวอยู่ 3 ตัว มีอยู่ตัวนึงที่ป่วยอยู่ ต้องหาหมอทุกอาทิตย์ คะซึโกะซังจะมีอาหารแมวที่เป็นทูน่ากระป๋องสำหรับไว้คลุกข้าวให้แมวแต่ละตัว
แต่ละตัวนี่ก็จะกินไม่เหมือนกันด้วย ตัวที่ป่วยอยู่ค่อนข้างต้องจำกัดอาหารที่เป็นปลาตัวๆที่มีก้าง โหยย...น่าสงสาร แมวนี่เกิดมาเพื่อกินปลาเลยนะ พอกินไม่ได้คงทรมานน่าดู
แล้วก็เป็นเรื่องจนได้ เมื่อคะสึโกะซังบอกให้เราช่วยเอาอาหารให้แมวป่วย
แต่ก็ฟังไม่ออกว่าควรทำยังไง คะซึโกะซังก็พยายามบอกพวกเราก็ยังฟังไม่ออกอีก
จนคะสึโกะซังไม่ไหวจะพูดละ ทำเองเลย ก็เอาเท้าออกมาแล้วก็ทำท่าเปิดกระป๋องและเทๆน้ำมัน
ถึงได้รู้ว่าต้องเอาน้ำมันออกก่อนให้แมวกิน หลังจากวันนั้น ทำให้เราฟังได้เยอะขึ้น คะซึโกะซังพูดอะไรเราฟังออกหมด ฮ่าๆ
[1 ก.ค. 54 12:20:46
]
วันแรกๆ อย่างที่บอก เป็นช่วงปรับตัว เรายังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่วูฟมายังไม่เคยเจอวูฟเฟอร์มาอยู่รวมกันเยอะขนาดนี้เลย ค่อนข้างเบื่อ
เพราะ เราเป็นคนเดียวที่มาจากไทย ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้กลุ่มอย่างโจฮาน่ากับแอนโทเนีย เค้ามากันสองคน ดังนั้นเวลาเค้าคุยอะไรกันก็มักจะคุยกันสองคนเป็นภาษาเยอรมัน
ส่วนอีกสามคนพูดจีนได้ ทั้งสามคนก็เลยคุยกันด้วยภาษาจีน อ้าวแล้วฉันจะคุยกับใครล่ะเนี่ย ไม่มีคนไทยมาบ้างก็แล้วไป เช๊อะ
แต่ก็คิดในแง่ดีคือ เรามาเพื่อฝึกภาษาไง ไม่มีเพื่อนคุยภาษาไทยด้วยก็ดีแล้ว แต่บางทีก็รู้สึกเหงาบ้างเหมือนกัน
[1 ก.ค. 54 12:24:04
]
เลื่อยกิ่งไม้จนเมื่อยมือ
วันที่ 3 พวกเราได้รับมอบหมายงานใหม่ คือการตัดต้นลูกพลับที่ตอนนี้ยืนตายแห้งอยู่ริมถนน
ที่นี่ลูกพลับเยอะแยะค่ะ เดินไปไหนก็เจอ ผู้ชำนาญเรื่องกินผลไม้อย่างเราอยู่ญี่ปุ่นมาเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือนแล้ว แค่มองแว๊บเดียวก็รู้ว่าลูกพลับแบบไหน หวาน และแบบไหนฝาด
อ๊ะๆ อย่าคิดว่าลูกพลับฝาดๆ จะกินไม่ได้นะ
ลูกพลับฝาดๆ กินได้ถ้ารู้จักวิธีทำ โดยเก็บเอามาปอกเปลือกแล้วก็แขวนตากแห้ง
พอแห้งแล้วมันจะหวานค่ะ ตอนแรกเรานึกว่าเอามาตกแต่งระเบียงซะอีก
อ้าวจากงานเลื่อยกิ่งไม้ กลายมาเป็นเรื่องลูกพลับซะนี่ อิอิ
สรุปวันนั้นทั้งวันเลื่อยแต่กิ่งไม้ค่ะ เริ่มเบื่อแล้วอ่า ฮือๆ
ตามลูกศรชี้ เค้าเอาลูกพลับฝาด มาปอกเปลือกแล้วก็แขวนตากเป็นโมบายตรงระเบียงหน้าบ้านค่ะ สวยไปอีกแบบ
[1 ก.ค. 54 12:30:28
]
วันที่ 4 ระหว่างกินข้าวเช้า คะซึโกะซัง หันมาถามเราว่าเคยไปเที่ยวปราสาทมัตซึโมโตะหรือยัง?
เราก็ตอบว่าไม่เคยเลย งั้นวันนี้ก็ไปสิ เดี๋ยวติดรถไปกับทากะ พอดีทากะมาค้างเป็นเพื่อนคะซึโกะซังเมื่อคืน
ทุกๆคืนจะต้องมีคนนอนเฝ้าหน้าห้องคะสึโกะซังค่ะ คอยพยุงเดินเข้าห้องน้ำ และคอยพลิกตัวให้ตอนนอน
วันไหนไม่มีนักศึกษามา พวกเราก็จะผลัดเปลี่ยนกันนอนเฝ้าหน้าห้องแทน วันดีคืนดี คะซึโกะซังนอนไม่หลับปลุกพวกเรามานั่งซดเหล้าเป็นเพื่อนซะงั้น -*-
หลังจากที่ได้ยินว่าจะได้ไปเที่ยว หน้าตาที่ซังกะตาย เพราะเบื่องานเลื่อยไม้ที่เมื่อวานยังทำไม่เสร็จต้องมาทำต่อวันนี้นั้น ก็กลับสดใสขึ้นทันใด หุหุ
อะซึกะหนุ่มวูฟไต้หวันก็ยกมือ ขอไปด้วย เพราะยังไม่เคยไปเหมือนกัน ว้าย นี่เราจะได้ออกเดทกับหนุ่มไต้หวันด้วยเหรอเนี่ย ฮ่าๆ
[1 ก.ค. 54 12:32:01
]
...........
เดทกับหนุ่มไต้หวัน
.......
ตู่เอาเองแหละว่าออกเดท แหม!! ก็ไปกันแค่สองคนนี่นา เอิ๊กๆ
หลังจากกินข้าวเช้า ช่วยล้างจานชามเสร็จก็ไปเตรียมตัวลั้นลา อากาศก็เป็นใจ ฟ้าโปร่ง สดใสไม่มีเมฆบัง
ระหว่างนั่งรถไปกับหนุ่มนักศึกษาทากะ ก็ได้ความว่าหนุ่มทากะเป็นคน โคฟุ นี่เอง ไม่ไกลเท่าไหร่
อะสึกะบอกว่าอยากไปเที่ยวโคฟุ ด้วยการโบกรถ แต่ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า เพราะไม่เคยทำเลย
เราฟังดังนั้น ก็เฮ้ย คิดอยากลองโบกรถเที่ยวเหมือนฉันเลย แต่ติดตรงที่เป็นผู้หญิงอ่ะ ไม่กล้าโบกคนเดียว
ทากะเลยบอกว่า งั้นก็รวมตัวกันออกไปโบกดิ ทากะก็ยังไม่เคย อยากลองเหมือนกัน
คุยกันไม่ทันไรทากะก็ขับรถเอาพวกเรามาหย่อนลงที่ริมถนนหน้าปราสาทมัตซึโมโตะ
และไม่ลืมที่จะกำชับให้พวกเรากลับไปขึ้นรถให้ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้าย 6 โมงครึ่ง
[1 ก.ค. 54 12:37:26
]
ก่อนที่จะเลือกมาวูฟที่นี่ เราไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆว่าเมืองมัตซึโมโตะเป็นเมืองท่องเที่ยวต้นๆของนากาโน่ ที่นักท่องเที่ยวต่างๆ รู้จักกันดี
พอได้มาเดิน ถึงได้ร้องอ๋ออออ เพราะเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นปราสาทอลังการงานสร้างมากกว่าปราสาทอื่นๆที่เราเคยไปมาเลย แถมมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลังอีกแน่ะ สวยมากๆ และก็พิพิธภัณฑ์ต่างๆ
แล้วเค้าก็จัดเมืองไว้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวเดินเล่นเพลินๆ กันทั้งวันก็ไม่เบื่อ
วันเดียวนี่เที่ยวไม่หมดแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ การมาเที่ยวครั้งนี้ประหยัดไปได้มาก
ก็เพราะค่าเข้าสถานที่ต่างๆนั้น พวกเราเข้าได้ฟรีค่ะ เพราะว่ามีบัตรเบ่งที่ 2 สาวเยอรมันได้มาจากการจองตั๋วเครื่องบิน ใช้แล้วใช้อีกได้
กว่าจะหมดอายุก็ปลายปีนู่น คาดว่าบัตรนี้จะทำกุศลให้วูฟเฟอร์คนต่อๆไปได้เยอะเชียว
[1 ก.ค. 54 12:39:04
]
เราสองคนเดินชมปราสาทอยู่นาน วันนั้นมีทัวร์ผู้สูงอายุมาเที่ยว ทำให้ตอนเดินขึ้นบันไดเข้าในตัวปราสาท ค่อนข้างติด
มองจากตัวปราสาท ทางซี่บานหน้าต่างก็เห็นเทือกเขาแอลป์ แบบนี้ค่ะ
[1 ก.ค. 54 12:42:03
]
ใบไม้แดงยังคงเหลือให้เห็นบ้าง แม้ไม่มากนัก
จากคุณ : harumi
[1 ก.ค. 54 12:44:07
]
ไปติดตามร่วมเดินทางไปด้วยคนครับ
[1 ก.ค. 54 12:53:39
]
คุณDestiny-Boy...สวัสดีค่ะ ไปเที่ยวปราสาทมัตสึโมโตะด้วยกันค่ะ
.......................................................................................................
เราสองคนเดินชมปราสาทอยู่นาน กว่าจะออกมากัน เดินมั่วๆต่อไปก็เจอถนนกบค่ะ
Nawate dori
[1 ก.ค. 54 12:58:48
]
เดินเข้าไปนิดนึงจะเห็นศาลเจ้าที่อยู่ข้างๆด้านในมี ใบเมเปิ้ลกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดง ก็เลยแวะถ่ายรูปกันนานอีกละ
จากคุณ : harumi
[1 ก.ค. 54 13:00:18
]
กว่าจะได้ไปต่อก็บ่ายโมงกว่าๆ หลังจากที่เดินหาร้านไปเริ่มเมื่อยขา ลมก็พัดหนาวอีกตะหาก
ก็ตกลงกันว่า เราน่าจะหาอะไรร้อนๆกินกันดีกว่านะ เลยเดินเข้าร้านโซบะ
เดินกันซักพัก ก็ไปเจอบ่อน้ำ Genchi no ido 源池の井戸 เห็นเขียนว่ากินได้ แต่ยังไม่กล้า
พอเห็นมีคน ขับรถเอาแกลลอนมารองน้ำไปกินกันอย่างไม่ขาดสาย
พวกเราก็เลยลองเอามือไปรองน้ำที่ไหลล้นออกมาจากปากบ่อชิมบ้าง เย็นชื่นใจ
[1 ก.ค. 54 13:09:07
]
เดินไปเดินมา งงแผนที่กะว่าจะไปอีกดูพิพิธภัณฑ์นาฬิกา แต่ว่าเมื่อยขามาก เอาไว้ค่อยมาอีกวันอื่นละกัน เลยไปนั่งพักที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟมัตซึโมโตะ
อะสึกะอยากซื้อแชมพูและสบู่ที่ราคาถูกๆ ไม่แพงมาก เลยแนะนำไปซื้อร้านร้อยเยน เดินอีกแล้วววว
อยากนั่งพักมากกก พอดีกับที่อะสึกะอยากซื้อมือถือ เพราะได้เล็งเห็นแล้วว่า ไม่มีมือถือมันติดต่อลำบาก เราเลยได้โอกาสไปหาที่นั่งพักในสถานีรถไฟมัตซึโมโตะนั่นเลย
พักจนหายเมื่อย ก็มองไปเห็นร้านขายยา เจอขนมลดราคา อดใจไม่ไหวเพราะอยู่บ้านคะสึโกะซังไม่ค่อยได้กินขนมเท่าไหร่ยอมเสียเงินซื้อเพราะความอยากนี่แหละ อิอิ
ออกจากร้านขายยา เจอผ้าพันคอ อู๊ยยย อยากได้เพราะที่ใช้พันคออยู่มันไม่อุ่นเอาซะเลย สอยมาอีกผืน สรุปเสียเงินไปหลายพันเยน กะว่าจะไม่ซื้ออะไรที่ฟุ่มเฟือยแล้วนะ งี๊ดๆ
พอชอปเสร็จ อะสึกะก็ออกมาจากร้านซื้อมือถือซะที แต่ดันออกมามือเปล่า
เนื่องจากต้องใช้หลักฐานหลายอย่าง รวมทั้งเบอร์บ้านคะสึโกะซังด้วย เลยเอาไว้คราวหน้ามาอีกที ตอนนั้น เกือบจะ หกโมงเย็นแล้ว
พอพระอาทิตย์ตกดิน อากาศจากที่หนาวๆอยู่แล้วก็หนาวขึ้นไปอีก พวกเราจึงออกไปรอรถเมล์กัน
วันนั้นก็เลยได้คุยอะไรหลายๆเรื่อง หนุ่มไต้หวันคนนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือของหนุ่มไต้หวันที่เคยมาวูฟแล้วกลับไปเขียนหนังสือ
อะสึกะจบมาทางด้านคอมพิวเตอร์ แต่ทำงานด้านนั้นไปซักพักเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบ ก็เลยคิดเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่ม ที่สถาบันสอนภาษา
เรียนๆไปเกิดอยากฝึกภาษาเพิ่มเติม จึงตัดสินใจมาวูฟญี่ปุ่น
ก่อนมาญี่ปุ่นก็ยังค้นหัวตัวเองไม่เจอว่าชอบอะไรจริงๆ แต่รู้สึกว่าเริ่มชอบที่จะใช้ชีวิตทำการเกษตรออแกนิคแบบนี้แล้ว
หลังจากนี้กลับไปไต้หวันเมื่อไหร่อาจจะทำเกษตรออแกนิกก็ได้
คุยไปได้ซักพักเราเล่าเรื่องวูฟที่คิวชูให้ฟัง และเอ่ยถึงจัสมินวูฟสาวไต้หวัน
อะสึกะหันควั่บ เฮ้ย จัสมินเหรอ ใช่กาฮาฮาเฮาส์รึเปล่า เราบอกว่าใช่ อะสึกะกับจัสมินรู้จักกันตอนอยู่กับโฮสที่โอซาก้า หลังจากนั้นจัสมินก็ลงใต้ส่วนอะสึกะขึ้นเหนือ
อ้าวนี่รู้จักกันด้วยเหรอ โลกนี้มันช่างกลมซะจริงๆ นะ
[1 ก.ค. 54 13:13:11
]
อิอิ....นินจากบ เหมือนในการ์ตูน...เรื่องนินจาคาถา .......เลยอ่ะ....ชอบๆ..
[1 ก.ค. 54 13:13:17
]
....น้าเปรี้ยวนี่แฟนพันธุ์แท้การ์ตูนญี่ปุ่นจริงๆ รู้จักหมดเลย
.....................................................................................................
ค่ารถเมล์กลับบ้านวันนั้น 700 เยน แพงจัง วันหลังเราโบกรถมากันมั้ย?
อะสึกะบอกว่า เอาดิอยากลองดูเหมือนกัน กลับมาถึงบ้านประมาณ ทุ่มเศษๆ
ก็มีเรื่องตื่นเต้นอีกแล้ว ตอนลงรถเมล์ มาเจอเข้ากับหมูป่าด้วย พอมันเห็นคนก็วิ่งหนีขึ้นเขาไป
การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากๆ บางวันก็ได้เห็นกวางออกมากินหญ้าหลังบ้าน
บางวันก็มีฝูงหมูป่าออกมาเดินเล่นเป็นประจำค่ะ
นี่เป็นตู้ซื้อตั๋วรถเมล์ค่ะ
[1 ก.ค. 54 13:18:38
]
...........
วูฟเฟอร์มาใหม่
....
พวกเรารีบเดินเข้าบ้าน ก็เจอเพื่อนๆกำลังทำอาหารกันอยู่ในครัว วันนี้มีวูฟเฟอร์หนุ่มไต้หวันมาเพิ่มอีกคน ชื่อ โค
หนุ่มโคมาญี่ปุ่นด้วย Working holiday visa ตั้งแต่เดือนมกราคม เขาทำงานพิเศษเก็บเงินที่ร้านข้าวหน้าเนื้อในกรุงโตเกียว
บอกว่าตอนทำงานอยู่ได้เงินก็จริง แต่ไม่มีเพื่อนเลย พนักงานที่ทำงานด้วยกันก็ตัวใครตัวมัน พอได้มาวูฟแล้วสังคมดีกว่าเยอะ
การทำงานเพื่อเงินนั้นไม่มีความสุขหรอก แต่ถ้าเกิดทำงานโดยไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือไม่ได้คิดถึงค่าตอบแทนที่เป็นเงิน
งานนั้นมักจะมาพร้อมกับความสุขเสมอ ที่เราเพิ่งค้นพบก็ตอนที่มาวูฟนี่ละ
โคทำงานเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแล้ว เขาจึงเริ่มต้นการวูฟที่ฟาร์มโคนม ในฮอกไกโด ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา
และได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่เคยมาวูฟบ้านคะซึโกะซัง ก็เลยตัดสินใจมาวูฟที่นี่ต่อ
เห็นรูปฮอกไกโดแล้วอิจฉามากๆ วิวก็สวย แถมได้กินนมสดๆ
โคบอกว่า นมวัวที่เพิ่งรีดออกมาสดๆ นั้นอร่อยกว่านมที่เอาออกมาขายตามร้านอีกนะ ยิ่งเล่าก็ยิ่งอยากไปนะเนี่ย ฮือๆ
วันที่ 4 ผ่านไป วันที่ 5 ก็มาทำงานกันต่อด้วยการกวาดใบไม้แห้งที่หล่นตามพื้นถนนมากองรวมๆกัน
ช่วงเดือน พฤศจิกายน เป็นฤดูใบไม้ร่วงพอดี ใบไม้ก็เกลื่อนถนน
นี่แหละเป็นปุ๋ยอย่างดีสำหรับดินปลูกผัก พวกเราเก็บกวาดใบไม้เสร็จก็ใส่ถุงหิ้วไปโรยในไร่ค่ะ
[1 ก.ค. 54 13:22:53
]
พวกเราทิ้ง พวกผู้ชายพรวนดินผสมใบไม้ไป แล้วก็กลับไปทำอาหารกลางวัน
ส่วนตอนบ่ายได้ไปขุดต้นหอมญี่ปุ่น ไม่น่าเชื่อว่ามันจะขุดยากขนาดนั้น เพราะโคนต้นหอมที่เราเห็นขาวๆอวบๆนั้นมันอยู่ลึกลงไปใต้ดิน
ถ้าดึงไม่ดีก็หลุดมาครึ่งต้น ต้องค่อยๆแงะ ค่อยๆงัดออกมา ทำขาดไปหลายต้นเลย เหอๆ
คะซึโกะซังบอกให้แยกไว้ ถ้าต้นไหนขาดก็แยกไว้กองหนึ่ง ถ้าต้นไหนดึงออกมาสมบูรณ์ทั้งต้นก็เก็บไว้อีกถุง วันนั้นก็เลยได้ใช้ต้นหอมญี่ปุ่นมาใส่ซุปมิโซะ
พูดถึงซุปมิโซะ ที่นี่ทุกมื้อจะต้องมีซุปมิโซะด้วย เพราะที่นี่มีมิโซะเป็นโอ่งใหญ่ๆ
เห็นคะซึโกะซังเล่าว่า มิโซะนี้ทำไว้ตั้งแต่ปี 2007 ก็ประมาณ 3 ปีมาแล้ว จากวูฟเวอร์รุ่นก่อนๆ
ทุกๆวันตอนเช้า คนที่ตื่นเร็วก็มักจะเป็นมิรันด้า เธอจึงได้รับหน้าที่เป็นคนทำอาหารเช้าไปโดยปริยาย
ส่วนคนทำซุปมิโซะจนชำนาญนั้นต้องยกให้อะซึกะ ถึงขนาดคะซึโกะซังยังชมเปราะ ว่าอร่อยมากๆ
[1 ก.ค. 54 13:25:45
]
.......
ไปดูไฟ ที่สวน ALPS AZUMINO NATIONAL GOVERNMENT PARK
.......
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่รอคอย ปลายปีช่วงใกล้วันคริสมาสต์แบบนี้ เกือบทุกที่ก็จะมีงานแสดงไฟ
คะสึโกะซังจึงให้ทากะและเพื่อนอีกคนช่วยขับรถพาไปชมงานที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ก่อนออกจากบ้านคะสึโกะซังกำชับพวกเราให้ใส่เสื้อโค้ทหนาๆไป ด้วย
เมื่อไปถึงงาน ก็ไปรวมตัวกันที่ทางเข้า เมื่อซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไป ด้านในจะประดับประดาไปด้วยไฟหลากสี ส่วนใหญ่หนุ่มๆ สาวๆ จะมาเป็นคู่ๆ เห็นแล้วอิจฉาตาร้อน ฮ่าๆ
[1 ก.ค. 54 13:31:39
]
ถึงอากาศจะหนาว แต่คนก็มาเที่ยวชมงานกันอย่างล้นหลาม บางช่วงก็ต้องหยุดรอให้อีกทางเดินสวนมา
นอกจากไฟต่างๆที่มีให้เดินชม ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำให้ชมด้วย โซนนี้เด็กๆชอบมาก เพราะมีสัตว์น้ำแปลกๆให้ดู
[1 ก.ค. 54 13:33:00
]
เดินกันได้ซักพักพวกเราก็ออกมานั่งกินข้าวปั้นกันด้านนอก
ข้าวปั้นพวกนี้อะสึกะและมิรันด้าช่วยกันทำมากินเป็นอาหารเย็น อร่อยดีเหมือนกัน
มีไส้ทูน่า ที่แอบขโมยมาจากกระป๋องอาหารแมว และบ๊วยดอง (อุเมโบชิ) สาหร่ายแตงกวา
[1 ก.ค. 54 13:34:03
]
กินเสร็จก็ได้เวลากลับกันซะที ออกมาก็เจอกับถุงกระดาษ
เอามาวาดรูปและเขียนตัวหนังสือลงไป แล้วก็เอาไฟจุดวางด้านในแบบนี้ค่ะ ไอเดียกิ๊บเก๋มากๆ น่ารักดีค่ะ
[1 ก.ค. 54 13:34:53
]
แจกใบปลิว
วันที่ 6 คะสึโกะซังให้พวกเราไปแจกใบปลิวที่มหาวิทยาลับชิงชูค่ะ ใบปลิวพวกนี้ทำขึ้นจากนักศึกษาอาสาสมัครของมหาวิทยาลัยนี้แหละ ทำออกมาได้น่ารักเชียว
เนื้อหาก็คือ ประกาศรับสมัครอาสาสมัครที่สนใจไปช่วยคะซึโกะซัง นอกจากช่วยเหลืออะไรเล็กๆน้อยๆ ยังได้เพื่อน และแลกเปลี่ยนภาษากับชาวต่างชาติที่เป็นวูฟเฟอร์
นอกจากนี้คะซึโกะซังนั้นมีสูตรอาหารต่างๆมากมายสอนให้เป็นสิ่งตอบแทนด้วย
เราออกไปกันประมาณ 10 โมงเช้า ถึงมหาวิทยาลัยก็เกือบ ๆ 11 โมง ใบปลิวมีจำนวน 200 ใบ
[1 ก.ค. 54 13:37:16
]
ทั้ง 200 ใบนั้น พวกเราต้องแจกกันให้หมด วูฟเฟอร์ทั้งหมด 7 ชีวิต และทากะ เป็น 8 ชีวิต แบ่งๆกันไป
ตอนแรกก็อายๆ เพราะบางคนพอเห็นว่าพวกเราจะเดินเข้าไปแจก เค้าก็เดินเลี่ยงๆ บางคนก็ทำเป็นไม่สนใจ มองผ่านเลยไปบ้าง
แต่อยากให้งานเสร็จเร็วๆ ก็ต้องหน้าด้านเข้าไว้นะ ภายในเวลา 1 ชั่วโมง พวกเราทุกคนก็แจกกันหมดแล้ว ดีใจมากๆ
คะซึโกะซังมีงานต้องไปสอนทำอาหารทุกบ่ายของวันศุกร์
พวกเรากลับมาก็ได้รับมอบหมายงานอีกชิ้น คือถอนหัวไชเท้า คนละ 5 หัว กลับมาไม่มีอะไรทำ ก็นั่งคุย ดูทีวี กินแอปเปิ้ล ฯลฯ
วันต่อมา มีโนซาวาน่ากองโตมาอีกแล้ว เป็นของชาวบ้านละแวกนั้น มาจ้างให้คะซึโกะซังทำ
พวกเราก็ต้องมานั่งตัดผัก ล้างน้ำ มือก็เย็นเจี๊ยบเลย ทำสักพัก ก็เข้าไปนั่งเอามือผิงไฟ แล้วก็กลับมาทำต่อ สลับกันไปแบบนี้ทั้งวัน
บ่ายวันนั้น คะซึโกะซังบอกข่าวดี ว่าพรุ่งนี้จะมีปาร์ตี้บาร์บีคิว เตรียมตัวไว้นะ
พวกเรานานๆจะได้กินบาร์บีคิวกันซะทีก็ดีใจกันใหญ่ เตรียมล้างท้องเอาไว้รอ ฮ่าๆ
[1 ก.ค. 54 13:39:28
]
.......
ปาร์ตี้บาร์บีคิว
.......
แล้วปาร์ตี้บาร์บีคิวก็มาถึง ตอนเช้าคะซึโกะซังออกไปทำธุระข้างนอกกับ Helper
พร้อมกับจะซื้อเนื้อและผักต่างๆมาเพิ่ม และมอบหมายหน้าที่ให้พวกเราทำความสะอาดบ้าน คนเยอะแบบนี้ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ ก็ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ
พอคะซึโกะซังกลับมา ก็สั่งให้พวกเราเตรียมอุปกรณ์เราจะไปปิ้งกินหน้าบ้านกัน
และแน่นอนบาร์บีคิวต้องมีน้ำจิ้มด้วย คะซึโกะซังบอกสูตรทำน้ำจิ้มให้
โดยการเอาหัวไชเท้าสีเขียวๆ มาไสให้เป็นชิ้นเล็กๆ ถ้วยใหญ่ๆ 1 ถ้วย แล้วก็ใส่มิโซะลงไป คลุกๆๆ แล้วตักให้คะซึโกะซังชิม พอคะซึโกะซังพยักหน้า โอเคๆๆ เป็นอันใช้ได้
ไม่นึกว่าน้ำจิ้มบาร์บีคิวมีแบบนี้ด้วยนะ แต่ขอบอกว่าสูตรนี้อร่อยกว่าน้ำจิ้มที่ซื้อทั่วๆไปอีก อาจจะเป็นเพราะมิโซะของบ้านคะซึโกะซังอร่อยด้วยแหละ
วันนั้นมีผักอะไรก็เอามาหั่นๆๆ ปิ้ง ทั้งต้นหอม ฟักทองที่วางประดับบันได แครอท จิ้มน้ำจิ้มสูตรของคะซึโกะซังแล้ว สุดยอดมากๆ
พวกสาวๆ เยอรมันทนหนาวไม่ไหว ขอยอมแพ้ไปนั่งข้างในบ้าน แต่เรามีวิธีค่ะ เรื่องอะไรจะไปนั่งกินเฉยๆ
เลยอาสาเป็นแผนกปิ้งย่างสิ ได้ผิงไฟไปในตัว แถมได้กินเนื้อร้อนๆ ไม่เย็นชืดด้วย อิอิ
คืนนั้นมีวูฟเฟอร์เป็นสาวชาวเยอรมันมาเพิ่มอีก 1 คน เธอชื่อจูเลีย คนนี้กินมังสวิรัติด้วย
เย็นนั้นอาหารที่พวกเราทำก็เลยต้องเป็นเต้าหู้กับผักเท่านั้น
[1 ก.ค. 54 13:42:07
]
..................
ตำโมจิกันเถอะ
....................
หลังจากปาร์ตี้บาร์บีคิว และกินกันจนพุงกางวันนั้น ก็ได้เวลาเก็บกวาดล้างจาน คะซึโกะซังก็บอกให้แอนโทเนียเอาข้าวเหนียวออกมาตาก
แอนโทเนียก็บอกว่าลมมันแรงจะตากได้ไง แล้วแดดก็ไม่มีด้วย คะซึโกะซังบอกว่า ไม่เป็นไรตากไปเหอะน่า
แล้วเราก็เลยเพิ่งมารู้ว่า ข้าวเหนียวที่คะซึโกะซังให้เอาออกมาตากนั้น จะเตรียมไว้ทำโมจิในวันพรุ่งนี้นั่นเอง มิรันด้ากับย้งที่มีแพลนจะไปวูฟต่ออีกเมืองหนึ่ง ในวันรุ่งขึ้นถึงกับบ่นเสียดาย
เช้าวันนี้ ทั้งมิรันด้าและย้งต้องออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับโฮสใหม่ ต่างเมือง แต่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน
ทั้งสองคนต้องออกไปขึ้นรถให้ทันรอบ 9 โมง ช่วงเช้าจะมีรถเมล์ 2 เที่ยวค่ะ คือ เที่ยว 7 โมง และเที่ยว 9 โมง
มิรันด้าจะกลับมาที่นี่อีก หลังจากวูฟที่โฮสต่างเมืองเสร็จ จึงฝากสัมภาระไว้กับคะซึโกะซังบางส่วน
แอนโทเนียก็จะเข้าเมืองมัตซึโมโตะเช่นกัน แต่เพื่อประหยัดค่ารถเมล์ 700 เยน !?!
เธอบอกว่าจะเดินไป หา????? นับถือในความอึดของเธอมาก หลังจากที่พวกเราส่งย้งกับมิรันด้าขึ้นรถ แอนโทเนียก็เริ่มออกเดินเข้าเมืองค่ะ ก็อวยพรให้เดินระวังๆ รักษาตัวด้วย
ตอนนี้ก็เลยเหลือวูฟเฟอร์เพียง 5 คนเท่านั้น คือเรา สองสาวเยอรมันที่เหลือ โจฮาน่า และจูเลีย แล้วก็หนุ่มไต้หวัน อะสึกะ กับ โค
[1 ก.ค. 54 13:47:07
]
ตามแผนที่คะสึโกะซังบอกไว้เมื่อวานว่าจะทำโมจิกัน ก็ใช้ให้พวกเราเตรียมอุปกรณ์
พวกผู้ชายก็ผ่าฟืน เพื่อนึ่งข้าวเหนียวที่แช่น้ำเอาไว้เมื่อคืน พอติดไฟได้ข้างนอกก็ควันโขมง
เสื้อผ้า หน้า ผม ของพวกเรากลายเป็นกลิ่นเดียวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ฮ่าๆ กลิ่นควันไฟนั่นเอง
[1 ก.ค. 54 13:50:10
]
เพราะแต่ละคนไม่เคยเห็นวิธีการทำโมจิแบบนี้มาก่อน เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษค่ะ
ตอนที่ติดไฟนั้น ก็เกิดไอเดียขึ้นมาว่า อากาศหนาวๆแบบนี้มาทำมันเผาด้วยดีกว่า พอดีตอนทำความสะอาดบ้านเมื่อเช้า เราไปแอบเห็นมันหวานญี่ปุ่นเข้ากระบุงเบ้อเริ่ม
เลยขอคะซึโกะซังเอามันออกมาเผาซัก 10 หัว คะซึโกะซังก็โอเค ดีใจรีบวิ่งไปหยิบมันมา
ส่วนโคหนุ่มไต้หวัน ก็เกิดปิ้งไอเดียขึ้นมาอีกอีกอย่าง บอกว่าทำแอปเปิ้ลเผาดีกว่า อร่อยนะ แอปเปิ้ลเผาเนี่ยนะ!?
เพราะนากาโน่ขึ้นชื่อเรื่องแอปเปิ้ลอร่อย และแน่นอนสวนแอ๊บเปิ้ลก็มักจะพบเห็นไปตลอดสองฟากถนน
อยู่ที่นี่มีแอ๊บเปิ้ลกินไม่ขาดปาก ถึงคะสึโกะซังจะไม่ได้ปลูกแอ๊บเปิ้ลแต่มีคนเอามาให้ เป็นแอ๊บเปิ้ลพันธุ์ฟูจิลูกใหญ่ๆ กรอบๆ เราก็เอามาเผาพร้อมมันเผานั่นแหละ
[1 ก.ค. 54 13:52:07
]
พอข้าวเหนียวที่นึ่งมาเป็นชั่วโมงสุกแล้ว คะซึโกะซังก็ให้ล้างครก และสากเตรียมไว้ เอาข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วลงใส่ในครก เริ่มต้นตำโมจิได้แล้วค่ะ
ก็สนุกสนานกันไปใครเมื่อยก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่สากมันหนักมาก เราเลยขอยกตำแค่ถ่ายรูปพอเป็นพิธี อิอิ
พอตำๆๆจนเหนียวได้ที่ ก็เอาไปวางบนไม้กระดานเรียบที่โรยด้วยแป้งเอาไว้ไม่ให้ติดกระดาน และเอาไม้นวดขนม มานวดๆๆคลึงๆ
ส่วนนี้ผึ่งเอาไว้ให้แห้ง หลังจากนั้นก็ตัดๆๆเป็นสี่เหลี่ยมเก็บไว้ เพื่อเอาไปทำ ขนมโมจิต้มถั่วแดง
หรือเก็บไว้ทำโอะโซนิ (อาหารที่ชาวญี่ปุ่นนิยมทำเป็นอาหารรับประทานกันในช่วงปีใหม่)
[1 ก.ค. 54 13:54:29
]
ส่วนโมจิอีกครกยกให้พวกผู้ชายตำไป พอครกต่อไปตำเสร็จ ก็เอามาปั้นกลมๆ พอคำ
เอาไปปรุงรสตามสูตรเด็ดของคะซึโกะซัง เป็นโมจิรสชาติหลากหลาย
ประกอบด้วย รสสาหร่ายชีส, โชยุ, ถั่วแดง, สาหร่ายโชยุ, คินะโกะ (เป็นถั่วเหลืองป่นผงผสมน้ำตาล) และรสมิโซะหัวไชเท้าไสละเอียด (สูตรเดียวกับน้ำจิ้มบาร์บีคิว)
[1 ก.ค. 54 13:56:20
]
อันนี้เป็นโมจิรสชาติใหม่ที่ไม่ค่อยพบเห็นเท่าไหร่ค่ะ โมจิคลุกกับมิโซะผสมหัวไชเท้าไส หน้าตาดูเละเทะแบบนี้ แต่ก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ
จากคุณ : harumi
[1 ก.ค. 54 13:58:09
]
ที่ขายดีที่สุดก็เห็นจะได้แก่ โมจิสาหร่ายชีส หมดก่อนใครเพื่อน
จากคุณ : harumi
[1 ก.ค. 54 13:58:51
]
แล้วก็ตบด้วยของหวานอีกรอบ ได้แก่ แอ๊บเปิ้ลย่างนั่นเอง
เห็นตอนเผาออกมาใหม่ๆ หน้าตาดูไม่น่ากินเอาซะเลย แต่พอผ่าออกมา หน้าตาใช้ได้เชียวแหละ
ชิมแล้วรู้สึกว่ารสชาติเหมือนกับสับประรดกวน
[1 ก.ค. 54 13:59:49
]
เห็น วูฟๆ แว๊บๆ ยังไม่ได้อ่านเลยค่าาา
รีบมาเม้นก่อน ดีใจมาต่อแล้ววว อิอิ
[1 ก.ค. 54 14:01:45
]
และไม่ลืมที่จะแบ่งไว้ให้แอนโทเนียที่เดินเข้าเมืองไปเมื่อเช้าด้วย ตอนแรกจะใส่ในตู้เย็น
แต่คะสึโกะซังห้ามไว้ เพราะว่าโมจิจะแข็งโป๊กจนกัดไม่เข้าน่ะสิ คะสึโกะซังมีวิธีการเก็บโมจิที่วิเศษสุดมาสอนพวกเราค่ะ
โดยการเอาโมจิแบ่งใส่จานเล็กๆแล้วก็คลุมด้วยพลาสติกคลุมจาน เอาไปวางไว้ใต้โต๊ะโคะตะสึ อุ่นๆ เพียงเท่านี้โมจิของเราก็จะนุ่มอุ่นและไม่เสียด้วย
พอแอนโทเนียกลับมาเราก็เอาออกมาวางให้ชิม แล้วก็ถามว่าเดินไปเป็นไงมั่ง เธอบอกว่าใช้เวลาเดิน 2 ชั่วโมงกว่าจะถึง
พอไปถึงมีลุงคนนึงขับรถเข้าเมืองมัตซึโมโตะแล้วก็เห็นสาวฝรั่งเดินริมถนนก็ไม่คิดอะไร
แต่ดันมาเจอเธอในเมืองมัตซึโมโตะ แกบอกนับถือเลยเดินตั้งไกลนะเนี่ย เลยซื้อโกโก้กระป๋องอุ่นๆให้ เห็นเดินเหนื่อย เป็นอีกน้ำใจของคนที่นี่ฟังแล้วก็มีความสุข อิอิ
[1 ก.ค. 54 14:02:12
]
คุณ kizuna_Ai...อิอิ ขอโทษนะคะ หายไปนานมาก อุตส่าห์บอกว่าจะมาต่อให้จบเร็วๆ
..........................................................................................
.........
ปฏิบัติการโบกรถเที่ยว Hich-chi- Hi-ku (Hitchhike)
.......
เย็นวันนั้นคุยกับคะซึโกะซังเรื่องออนเซ็น ว่ามีที่ไหนน่าไปแช่บ้าง คะซึโกะซังก็แนะนำหลายๆที่ และแน่นอนคะสึโกะซังเข้าใจวูฟเฟอร์อย่างพวกเราดี ที่ต้องประหยัดก่อนเป็นอันดับแรก
เลยเลือกออนเซ็นแห่งหนึ่งที่ราคาถูกและคนไม่เยอะให้มา ชื่อ ชิราอิโตะโนะยุ มั้งถ้าจำไม่ผิด
เราก็เลยขอหยุดงานเพื่อไปแช่ออนเซ็นวันพรุ่งนี้ คะซึโกะซังจึงให้พวกเราหยุดทั้งก๊วนเลยค่ะ พอได้ยินดังนั้นก็เฮกันใหญ่เลยพวกเรา
ประจวบเหมาะกับที่หนุ่มโค อยากเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองด้วย เพราะตั้งแต่มาวูฟที่บ้านคะสึโกะซังก็ยังไม่เคยเที่ยวชมปราสาทเลย
ส่วนอะซึกะก็อยากเข้าไปซื้อมือถืออีกรอบ เป็นอันว่า เราสามคนจะเข้าเมืองมัตซึโมโตะด้วยกัน มีเพื่อนแบบนี้
เราเลยเสนอว่า โบกรถไปกันมั้ย? อยากประหยัดค่ารถด้วย 2 หนุ่มก็ตกลง
คืนนั้นพวกเราหากระดาษแผ่นใหญ่ๆ อะซึกะก็หาปากกามาเขียนว่าจะไปไหน ตกลงว่าไปลงที่สถานีรถไฟมัตซึโมโตะก็แล้วกันนะ เพราะเป็นจุดใหญ่ที่คิดว่าน่าจะมีคนผ่านเยอะที่สุด
[1 ก.ค. 54 14:08:40
]
เช้าวันนั้น พวกเราออกจากบ้านคะซึโกะซังพร้อมป้ายกระดาษที่เตรียมไว้เมื่อคืน บ้านของคะซึโกะซังตั้งอยู่ในหุบเขา ซึ่งมีทางออก ไปถนนใหญ่ได้สองทาง
ทางแรกเป็นเส้นทางพี่พวกเราคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นถนนลาดยางออกไปถึงถนนใหญ่ แต่กว่าจะถึงถนนใหญ่ต้องเดินอ้อมพอสมควร
ส่วนอีกทางหนึ่งคือเลาะไปทางหลังบ้านแล้วก็ปีนเขาขึ้นไป จะเจอกับถนนใหญ่ เส้นเดียวกัน
แต่ทางที่ 2 นี้สั้นกว่ามาก อะซึกะที่มาวูฟก่อนพวกเรารู้จักเส้นทางนี้จากนักศึกษาอาสาสมัคร ก็เลยปล่อยหน้าที่นำทางเป็นของอะซึกะ
ที่จริงมีทางเดินเล็กๆที่เทด้วยปูนให้เดิน แต่ต้องเดินอ้อมกว่า อะซึกะก็เลยพาปีนเขา นึกสภาพแต่ละคนตลกมากๆ แต่งตัวไปเที่ยวซะดิบดี ไหงมาปีนเขาทุลักทุเลแบบนี้เนี่ย
[1 ก.ค. 54 14:10:28
]
ใช้เวลาไม่นานก็มาโผล่ถนนใหญ่ แต่ก็เหนื่อยเอาการเพราะทางขึ้นเขาชันพอสมควร
ตอนแรกอะซึกะวางแผนให้เราออกไปยืนโบกคนเดียว แล้วโคกับอะซึกะจะหลบอยู่ก่อน
เพราะถ้าโบกสามคนได้ไปช้าแน่ๆ เราก็เหวออ่ะดิ กลัวเหมือนกันนะเว้ย มาด้วยกันก็ต้องช่วยกันโบกดิ
เป็นอันตกลงว่าช่วยกันโบกทั้ง 3 คนนั่นแหละค่ะ โบกไปเรื่อยๆ บางคันก็ชะลอแต่ไม่จอด แต่ทุกคันมองมาที่พวกเรา ประมาณว่ามันทำอะไรของมัน เหอๆ
และแล้ว สวรรค์ก็มาโปรด เมื่อมีหนึ่งคันจอดรับ คนขับเป็นผู้หญิงค่ะ แต่เค้าไปไม่ถึงสถานีรถไฟนะ ไปแค่มหาวิทยาลัยชิงชู
พวกเราก็แบบว่าลังเล เพราะไม่รู้ว่าจากมหาลัยนั้นจะไกล้หรือไกลขนาดไหน เลยปฏิเสธ เค้าก็โอเค พยายามเข้านะ
แล้วพวกเราก็เริ่มโบกใหม่ คราวนี้ก็ผลัดกันถือป้าย ผ่านไปประมาณ 15 นาที ก็ไม่มีใครจอดซักคัน
เริ่มเสียดายคันแรกที่ปฏิเสธไปค่ะ ฮ่าๆ แต่อีกไม่กี่นาทีหลังจากที่บ่น ก็มีรถตู้จอดคนขับเป็นคุณลุง และบอกว่าจะไปส่งให้ถึงที่เลย พวกเราดีใจมากๆ ขอบคุณกันใหญ่
[1 ก.ค. 54 14:12:45
]
รอนานมากเลย ฮารุจัง
[1 ก.ค. 54 14:15:21
]
รออ่านนะครับ
สนุกมากเลย
เป็นแรงบันดาลใจให้อยากไปญี่ปุ่นอีก
ชอบคนญี่ปุ่นที่มีน้ำใจ
เคยไปซื้อนาฬิกา ถามเรื่อง Tax refund เป็นภาษาอังกฤษ
เราพุดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เค้าก้พูดอังกฤษไม่ได้
แต่ก็พยายามช่วยจนได้ ทั้งที่นาฬิกานั้นราคาถูกที่สุดในร้าน อิอิ
[1 ก.ค. 54 15:02:46
]
F5 อ่านอยู่นะจ๊ะ ^^
จากคุณ : redpink
[1 ก.ค. 54 15:16:15
]
คุณหนึ่ง...อิอิ ย้อนกลับไปดูวันที่รีวิวตอน 5 ก็นานจริงๆค่ะ เดือนกว่าๆเลย งั้นกลับไปทบทวนใหม่ก็ได้ ยังรออยู่ไม่ไปไหน 
คุณ ToxicZero...ใช่เราเห็นด้วย ว่าเรื่องการบริการนี่ ไม่เคยเจอคนขายของที่ทำอารมณ์เสียใส่ลูกค้าเลย
...............................................................................................
ลุงคนนี้บอกว่าสมัยวัยรุ่นแบบพวกเรา (ยังดูเป็นวัยรุ่นอยู่ เหอๆ) แบ็คแพ็คแล้วก็โบกรถเที่ยวแบบนี้แหละที่นิวซีแลนด์ พอเห็นพวกเราโบกรถก็เลยจอดรับ
คุยไปคุยมาลุงแกทำเพนชั่น ลานสกี ชื่อ Pension Kiraboshi อยู่เหนือขึ้นไปอีกนิดแล้วยื่นนามบัตรมา ถ้ามีโอกาสก็แวะไปเที่ยวกันนะ พวกเราก็รับนามบัตรมากันคนละใบ
ลุงแกจะขับผ่านปราสาทมัตซึโมโตะ พวกเราก็เลยลงตรงนั้นก็ได้ จะได้ไม่ต้องขับเลยไปถึงสถานีรถไฟ
เพราะพวกเราก็กะว่าจะเที่ยวละแวกนั้นอยู่แล้ว ก่อนแยกกันก็ขอถ่ายรูปกับคุณลุงเป็นที่ระทึก ด้วยค่ะ
เราแยกกันตรงนั้น โดยหนุ่มโค เข้าไปเที่ยวปราสาท อะซึกะเดินเที่ยวหอนาฬิกา ส่วนเราจะไปแช่ออนเซ็น
แล้วนัดกันมาที่จุดขึ้นตอน 4 โมงเย็น ด้วยความที่ยังงงหลงทิศ เลยเข้าไปที่ information ที่อยู่หน้าปราสาทก่อน
หาๆอยู่ก็ไปเจอะแผ่นพับที่บอกว่ายืมจักรยานปั่นเที่ยวรอบๆเมืองได้ โดยเอามาคืนให้ทันเวลาห้าโมงเย็น
เลยถือโอกาสไปลองยืมดู ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเพียงแค่กรอกชื่อนามสกุลแล้วก็เบอร์ติดต่อ ก็จะได้จักรยานออกมาปั่นเล่นแล้ว
ตอนแรกกะว่าจะปั่นไปออนเซ็นแต่ดูจากแผนที่เหมือนจะไกล เลยตัดสินใจเอาจักรยานไปจอดตรงที่ขึ้นรถแล้วก็นั่งรถเมล์ไป
พอมองเส้นทางที่รถวิ่ง ไม่ไกลเลยซักนิด รู้งี้ปั่นจักรยานมาก็ดี เสียดายค่ารถงี๊ดๆๆ
ที่ยืมจักรยานจะมีตามหน้าพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญๆ ค่ะ เข้าไปลงชื่อแล้วก็เอาจักรยานออกมาขี่ได้เลย
http://youkoso.city.matsumoto.nagano.jp/special1+index.id+66.htm
สงสัยไม่มีภาษาอังกฤษ มีแต่ภาษาญี่ปุ่น หน้าตาเป็นแบบในรูปค่ะ
[1 ก.ค. 54 15:16:44
]
คุณ redpink .....ขอบคุณค่าสำหรับการติดตามวูฟอันยาวนานของเรา
.............................................................................................................................
หลังจากแช่น้ำ และหาข้าวกลางวันกินเสร็จ เราก็เลยตัดสินใจลองเดินกลับ แต่ขากลับนี่สิจากที่คิดว่ามันใกล้ ก็ไกลกันมากซะงั้น เดินจนเมื่อยก็ไม่ถึงซักที แงๆ เข็ดแล้ว
กว่าจะเดินมาถึงที่จอดจักรยานก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง เสียเวลาจริงๆ แทนที่จะได้เที่ยวอีกหลายๆที่
ระหว่างนั้นก็ไปหาซื้อแสตมป์เพื่อส่ง Post card หาเพื่อนๆที่ไทย ก่อน และไม่ลืมที่จะแวะดูพิพิธภัณฑ์นาฬิกา
[1 ก.ค. 54 15:19:46
]
ในนั้นมีนาฬิกาแปลกๆ และนาฬิกาโบรานจัดแสดง
จากคุณ : harumi
[1 ก.ค. 54 15:23:42
]
ถูกใจอันนี้
จากคุณ : harumi
[1 ก.ค. 54 15:24:27
]
ดูเพลินไปหน่อย เพิ่งได้สติว่าต้องกลับไปเจอเพื่อนๆที่จุดนัดรวมตัวตรง สถานีขึ้นรถเมล์ ก็เพราะเสียงตีของนาฬิกาในนั้น ตีพร้อมๆกันตอน 4 โมงเย็น
ต้องรีบวิ่งปรู๊ดดด ออกจากพิพิธภัณฑ์ แล้วปั่นจัิกรยานไปคืนที่เดิม ลืมไปว่าต้องเสียเวลาเดินกลับมาที่จุดขึ้นรถด้วย กว่าจะถึงก็ปาเข้าไป 4:20 pm.
เจอแต่อะสึกะนั่งรออยู่ ก็ขอโทษขอโพยที่ทำให้รอ พอถามถึงหนุ่มโค ก็บอกว่าโคนั่งรถกลับไปก่อนแล้ว ให้อะสึกะนั่งรอเรา เพื่อกลับรถเที่ยวต่อไป
รู้สึกผิดมากๆที่ทำให้เพื่อนต้องตกรถ เพราะถ้ารอขึ้นเที่ยวต่อไปก็รอบ 6 โมงครึ่ง กว่าจะถึงบ้านก็ทุ่มกว่าๆ
แล้ววันนั้นพวกเรามีนัดไปเล่น ไอซ์สเก็ต ตอนหนึ่งทุ่มด้วย
เราก็เลยเสนองั้นโบกรถกลับกันอีกครั้งมั้ย ลองเสี่ยงดวงดู ได้กระดาษ A4 มาหนึ่งใบ
ก็ใช้ปากกาเขียนๆๆ ว่าจะไปที่ไหน มีเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ ถ้าเรายังโบกรถกลับไม่ได้ก็คงต้องนั่งรถเที่ยว 6 โมงครึ่งละนะ
เดินๆไปแบบไม่มีจุดหมาย แล้วก็ชูป้ายไปตามถนน อะซึกะเป็นคนถือป้ายชูไปเรื่อยๆ เราก็เดินตาม
อะซึกะเสนอว่าตัวหนังสือคงเล็กไปนะ เขียนใหม่แล้วกัน แล้วก็เปลี่ยนให้เราไปยืนถือตรงมุมถนนแทน เราก็ยืนถือป้ายไปเรื่อยๆ พร้อมกับทำหน้าตาละห้อยเรียกคะแนนสงสาร
ระหว่างที่อะซึกะกำลังเขียนป้ายใหม่ ในที่สุดสวรรค์ก็มาโปรด เมื่อมี 2 สาววัยรุ่น เดินผ่านมา แล้วแวะถามว่าพวกเราจะไปไหนกัน
เราก็เลยบอกไปว่าที่นี่ๆ 2 สาวนี้ก็เลยอาสาจะพาไปส่งให้ เป็นอันว่าวันนั้นเราก็เลยได้กลับมาทันเวลาไปเล่นไอซ์สเก็ตค่ะ
สรุปประสบการณ์วันนั้นก็เลยทำให้เรากล้า Hich-chi-hi-ku โดยไม่อายแล้ว อิอิ
สองสาวที่อาสาพามาส่ง รูปอาจจะหลอนๆ ไปนิด แต่ตรงนั้นมันมืดมาก แฟลชช่วยได้แค่นี้ -*-
[1 ก.ค. 54 15:33:41
]
............
ล้มลุกคลุกคลานไปบนลานไอซ์สเก็ต
............
พวกเราทั้ง 6 ชีวิต อัดกันลงไปในรถคันเล็กของเพื่อนคะซึโกะซัง เป็นปลากระป๋องเชียว
แบบนี้ถือว่าผิดกฏหมายของญี่ปุ่น แต่ในหุบเขาแบบนี้ไม่มีใครมาตรวจหรอก หุหุ
ญี่ปุ่นก็มีแบบนี้เหมือนกันนะเนี่ย ใช่ว่าจะเคร่งครัดตามกฎระเบียบไปซะหมด
รถเพื่อนคะซึโกะซังพาพวกเราวิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาไปประมาณ 2 -3 ลูก ก็ขึ้นมาถึงลานไอซ์แล้ว กว้างขวางดีมากๆเลย
ค่าเช่ารองเท้าคนละ 500 เยนเท่านั้น เราเล่นไม่ชำนาญเท่าไหร่ เพราะเคยเล่นสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแค่ครั้งเดียว
ครั้งนั้นก็ล้มแล้วล้มอีกจนเครื่องใน ในตัวเราแทบจะมารวมกันเป็นก้อนเดียวอยู่แล้ว
วันนี้ไม่รู้จะล้มเยอะขนาดไหน เพื่อนสาวชาวเยอรมันเล่นกันแบบมืออาชีพมากๆ เห็นเราเก้ๆกังๆ ล้มบ้างลื่นบ้าง
แอนโทเนียจึงมาคอยช่วยพยุงและดึงไปด้วยกัน ส่วนโคเหมือนจะเคยเล่นมาก่อนเหมือนกันแต่ก็ยังไม่ชำนาญมีล้มบ้างเหมือนกัน
ส่วนอะซึกะนี่หนักสุดเพราะไม่เคยเล่นไอซ์หรือสเก็ตมาก่อน ล้มเยอะมากโจฮาน่าก็เลยไปเป็นพี่เลี้ยงให้
พวกเราเล่นไปจนถึงเวลาลานสเก็ตปิดเลยค่ะ ยังเล่นไม่สะใจเลยอ่ะ อยากมาอีกจัง
[1 ก.ค. 54 15:38:02
]
..........
งานเก็บกวาดและตัดกิ่งไม้
.............
วันนี้พวกเราได้รับมอบหมายให้ไปเก็บกวาดไร่เพื่อเตรียมเพาะปลูกในฤดูต่อไป
คิดว่าน่าจะเป็นซากของต้นถั่วเหลือง พวกเราเก็บมากองๆรวมกันแล้วก็จุดไฟเผา
ตรงนี้แหละ โจฮาน่าดันเข้าไปใกล้กองไฟเกิน พอโยนกิ่งไม้แห้งลงไปไฟก็ลุกพรึ่บ ไหม้ขนตาหงิกเลย ต้องรีบวิ่งไปหาน้ำเย็นๆมาลูบ
หลังจากกำจัดพวกเศษกิ่งไม้นั้นแล้ว ก็ต้องไถพรวนดิน ด้วยเครื่องพรวนดินที่พวกผู้ชายเป็นคนเตรียมมา
งานวันนั้นก็ไม่มีอะไร เห็นท่าทางสนุกเลยขอไถบ้าง ดินกระเด็นใส่รองเท้ากางเกงเปื้อนเลย ขอเล่นนิดเดียวนอกนั้นก็ให้พวกผู้ชายทำแทน
รูปไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องนะคะ นี่เป็นตอนไปเก็บหัวไชเท้าค่ะ
[1 ก.ค. 54 15:41:36
]
วันต่อมาซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่นี่แล้ว ก็ได้ไปทำงานตัดกิ่งไม้บนภูเขาและกวาดเศษๆมากองรวมกัน
งานนี้ลำบากเอาการเพราะภูเขาค่อนข้างชันทีเดียว นึกในใจว่า ทนเอาหน่อยเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะได้ไปที่ใหม่แล้ว หึหึหึ
เย็นวันนั้นมีปาร์ตี้โอนาเบะอีกเช่นเคย แต่ไม่มีเนื้ออ่า ฮือๆ
พวกเราที่ไม่ใช่มังสวิรัติแบบจูเลีย อยากกินเนื้อมากๆ ก็เลยขอคะซึโกะซังว่า น้ำซุปที่เหลือขอเอาเนื้อมาใส่นะ แบบว่ามันอยากมากทนไม่ไหวแล้ว
คะซึโกะซังได้ยินก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก เอาสิ แต่ตักน้ำซุปแบ่งใส่หม้อเล็กๆไว้ให้จูเลียด้วยนะ เพราะพรุ่งนี้จะใช้ทำข้าวต้มต่อ เป็นอันว่ามื้อนั้นพวกเราก็ได้ซัดเนื้อกันซะที
พอปาร์ตี้โอนาเบะเสร็จสิ้น เราก็ขอคะสึโกะซังใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเช็คเมล์ตามปกติค่ะ
ปรากฏว่ามีเมล์เตือนจาก wwoof japan เข้ามา เลยเปิดเข้าไปดู ก็เป็นข้อความจากโฮสต่อไป เขียนมาค่ะ เนื้อความประมาณนี้
"ไหนบอกว่าจะมาวูฟตั้งแต่วันนี้ไง ทำไมไม่มา ถ้าคุณจะยกเลิกก็ควรติดต่อเค้ามาแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่หายไปแบบนี้ ไม่งั้นทางเราก็แย่นะ"
[1 ก.ค. 54 15:46:24
]
แว๊กกก ทำไงดี เริ่มใจเสีย
เลยรีบตอบกลับไปขอโทษว่าพอดียุ่งๆกับการวูฟทางนี้ก็เลยไม่ได้เข้าไปเช็คเมล์ก่อนหน้าที่เราเขียน
และดันจดวันที่ๆจะไปผิด ตอนแรกจะไปวันที่ 1 ธ.ค. แต่เราจดลงสมุดโน้ตวันที่ 2 คือพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางจากมัตซึโมโตะด้วยรถไฟเที่ยวเช้า
คาดว่าน่าจะไปถึงที่นั่นซักบ่ายกว่าๆ ถ้าขึ้นรถไฟแล้วเราจะโทรบอกอีกทีค่ะ
แล้วก็กดส่งเมล์กลับไปทันที
คืนนั้นเราคุยกับคะสึโกะซังหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องโฮสต่อไปที่เราจะไปวูฟด้วย ว่าเราดันจำวันผิด ความจริงต้องไปตั้งแต่วันนี้
คะสึโกะซังเลยบอกว่าถ้าอยู่ที่นั่นแล้วไม่เวิร์คก็กลับมานะ
อู๊ยยย รักคะสึโกะซังที่ซู๊ดดด คืนนั้นนอนแทบไม่หลับ แบบว่ายังไม่ทันเจอกันก็มีเรื่องซะแล้ว จะอยู่ด้วยได้มั้ยล่ะเนี่ย
วูฟที่สุดท้ายของสาวปลาแห้งจะเป็นยังไง ปัญหาไม่ได้มีเพียงเท่านี้ค่ะ พรุ่งนี้เราต้องเจอกับอุปสรรคอะไรที่ต้องฟันฝ่าอีกเยอะ
โปรดรอต่อวูฟสาวปลาแห้งในตอนที่ 7 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตอนสุดท้ายของมหากาพย์วูฟแล้ว เจอกันเร็วๆนี้ค่า ^^
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ 
ตอนที่ 7 ตอนจบของมหากาพย์วูฟสาวปลาแห้งมาแล้วจ้า ตามลิงค์ด้านล่างไปกันเลย
๗๗^_^๗๗ วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 7 Mt. Fuji Love~Destiny~ ๗๗^_^๗๗
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11010823/E11010823.html
[1 ก.ค. 54 15:57:15
]
ไว้มาใหม่นะ ฮารุจัง..........
[1 ก.ค. 54 16:29:01
]
ขอมาตามอ่านด้วยน่ะค่ะ
อ่านมาจนถึงอันนี้ รู้สึุกขอบคุณมากๆน่ะค่ะ
ที่นำเรื่องดีดีมาถ่ายทอด
แล้วมาเขียนใหม่น่ะค่ะ
จะตามมาอ่านต่อ
[1 ก.ค. 54 17:13:41
]
ตามไปเที่ยวด้วยต่อค่ะ
ขอบคุณนะคะ
[1 ก.ค. 54 18:03:23
]
เข้ามาลงชื่อก่อนนะคะ
อ่านแต่หัวกระทู้อ่านไปยิ้มไป ดีใจค่ะที่ทุก ๆ คนปลอดภัย
เดี๋ยวกลับไปอ่านต่อที่บ้านนะคะ
ขอบคุณค่ะ
[1 ก.ค. 54 18:16:48
]
ทั้งรูปสวยๆและรายละเอียดเล่าได้ยอดเยี่ยมมากๆ เหมือนได้ไปด้วยเลย ขอบคุณค่ะ
[1 ก.ค. 54 20:12:07
]
เห็นกระทู้แล้วก็ดีใจละค่ะ ได้อ่านเรื่องน่าสนใจอีกแล้ว
เป็นไดอารี่ดีๆได้เลยนะคะ ^^ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่คงหาไม่ได้อีกแล้วละค่ะ
กำลังคิดว่าเราจะได้มีโอกาสที่จะได้ทำอะไรแบบนี้บ้างไหมนะคะ
เป็นอะไรที่ ได้ออกเดินทางไป เจอคนใหม่ๆ ที่ใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆน่ะค่ะ
ได้พบได้เจอแล้วก็เก็บไว้ในความทรงจำ ที่เวลานึกทีไรก็จะอมยิ้มกับตัวเองได้
แล้วก็รู้สึกขอบคุณตัวเราเองที่เลือกทำแบบนั้นและขอบคุณผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทุกช่วงเวลา
อ่านแล้วรู้สึกแบบนั้นน่ะค่ะ เป็นความสุขเล็กๆเลยนะคะ พาลให้เรารู้สึกอิ่มๆไปด้วย^^
[1 ก.ค. 54 20:17:00
]
สนุกมากๆค่า อ่านแล้วเหมือนไปเที่ยวด้วยเลย
รู้สึกเสียดายยย
อยากจะเขกหัวตัวเองหลายๆทีที่ตอนนั้นขอวีซ่าไปวูฟ แล้วดันกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าไปจะไปวูฟด้วย
โอยย ซื่อมากมาย วูฟเค้าเตือนแล้วเตือนอีกว่าอย่ากรอกแบบนี้ - -"
...ไม่งั้นก็อาจจะได้ไปผจญภัยแบบนี้ด้วยเหมือนกัน T^T
รออ่านตอนต่อไปด้วยค่า :D
[1 ก.ค. 54 20:58:58
]
...ตามคุณฮารุมาเที่ยวญี่ปุ่นต่อค่ะ 
น่าสนุกมากเลยค่ะ แต่เรื่องจริงคงจะเหนื่อยน่าดูเลยนะคะ แล้วตอนต่อไปจะเป็นยังไงนะ รอลุ้นไปด้วยคนนะคะ ^-^
[1 ก.ค. 54 22:00:40
]
ฮารุจัง ขยันเขียนมากๆ อ่านเพลินเลย
ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันกันนะ
[1 ก.ค. 54 23:06:30
]
สนุกจังเลยค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ดีจังเลยเนอะ
ขอบคุณที่นึกถึงและหลังบ้านไปตามด้วยนะคะ
เราเคยไปค้าง เมืองมัตสึโมะโตะ ในทริปลุยเดี่ยวก่อนโน้น
พักที่โฮสเทลหลังม.ชินชู ค่ะ ต้องนั่งรถเมล์ไปจากสถานีรถไฟ
(จริงๆ หน้าสถานีที่พักเยอะมาก แต่เวลาเราเที่ยวคนเดียว ไม่ชอบพักโรงแรมใหญ่ๆ)
ที่พักเค้ามีจักรยานให้ใช้ฟรีด้วย พอเราขอใช้ไปปราสาท
เค้าก็บอกทางให้เลาะคลองไปทาง แล้วข้ามสะพานที่ 5 ก็ถึง
ถือว่าไกลเหมือนกัน แต่ตอนขาไปสบายมากๆเลยค่ะ
ไม่ได้รู้ตัวเลย ก็ลั้ลลาปั่นเที่ยวในเมือง ไปปราสาท ดูโน่นนี่
แต่ขากลับทำเราเกือบแย่ เพราะกลับไม่ถึงที่พักซักที เห็นอยู่ลิบๆ แต่ปั่นไม่ไปน่ะค่ะ
เราก็ไม่เข้าใจ นึกว่าตัวเองเหนื่อย แข้งขาล้า
มานึกได้กลางทางว่าที่แท้คือทางที่มันดูเรียบๆ แต่จริงๆ ขามามันลงเนินนิดๆ
เพราะเราแทบไม่ต้องออกแรงปั่นเลย
ฉะนั้นขากลับ มันคือการปั่นขึ้นเนินนี่เอง
กลับที่พักไปก็หมดแรงเลยค่ะ
เป็นประสบการณ์ปั่นจักรยานที่ญี่ปุ่นครั้งแรกที่ไม่ลืมเลย
[1 ก.ค. 54 23:33:05
]
ตามฮารุจังมาวูฟค่ะ ><
ประสบการณ์ที่ซื้อหาไม่ได้จริงๆ....น้องแมวน่ารักโฮกกกกกกกกกก!! >w<b
[2 ก.ค. 54 00:04:25
]
ตอนนี้สนุกมากๆเลยครับคุณฮารุ เพิ่งรู้ว่าแอ๊ปเปิ้ลเผากินได้ด้วย ช่วงนี้เป็นรีวิวปราสาทมัตสึโมโต้บ่อยๆ แต่ว่ารีวิวนี้สนุกสุดๆแล้ว เพราะเหมือนไม่ใช่นักท่องเที่ยวเท่าไหร่ แต่ไปใช้ชีวิตมากกว่า โฮสต์น่ารักมากๆครับ
[2 ก.ค. 54 01:27:31
]
สนุกมากเลย
เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำจริงๆ
อยากลองไปเองบ้าง
ตอนนั้นหลังบ้านไปถาม สุดท้ายเราก็ได้งานใหม่ก่อนอ่ะค่ะ
เลยไม่ได้ไปซะที
ตามอ่านต่อแทนแล้วกัน
วันนึงเราคงได้ไปบ้าง
[2 ก.ค. 54 10:22:21
]
สนุกมากเลยค่ะ ชอบมาก...
จากคุณ : บ้านเพื่อน
[2 ก.ค. 54 16:55:06
]
ขอบคุณมากค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^
[2 ก.ค. 54 18:43:22
]
น้าเปรี้ยว ขอบคุณมากๆค่ะ ติดตามและอยู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ต้นเลย ซึ้งจริงๆ 
คุณ chocola_latte.....ขอบคุณเช่นกันค่ะ ดีใจที่มีคนตามอ่านอยู่ค่ะ มีกำลังใจเขียนต่อจนจบก็เพราะเพื่อนๆ ที่มาให้กำลังใจกันนี่แหละค่ะ 
คุณ Miss_Behaving.....ขอบคุณค่า ที่ตามมาอ่านและให้กำลังใจทุกกระทู้เลย
คุณ สวยด้วยแสง-แรงด้วยสี......พอทราบว่าทางนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากอย่างที่คิดก็โล่งอกค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ 
ลิลลี่....ขอบคุณค่ะ ไว้อย่าลืมมาอ่านต่อตอนจบนะ เร็วๆนี้จ้า
คุณ oriole.......ปลื้มจัง เข้าใจความรู้สึกจากสิ่งที่เราเขียนออกมาได้แม่นจริงๆ รู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ นึกถึงทีไรก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เวลาดูรูปก็เหมือนกัน
คุณ pititee....มีคนที่เจอกรณีเดียวกับคุณ pititee นะคะ คุณคีย์ kirofsky ไง ทำให้คนอื่นๆ รู้ว่าต่อไปต้องระวัง ไม่ต้องเสียดายค่ะ คราวหน้าถ้ามีโอกาสไปอีก ก็เอาใหม่
คุณ ปลายฟ้า....ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านค่า เหนื่อยก็จริงแต่มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกกับมิตรภาพต่างๆที่ไปเจอมาค่ะ กลับมาก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง 
คุณ ซารุ.....จะบอกว่าแมวที่บ้านคะสึโกะซัง 3 ตัวนั้น ตอนนี้เหลือแค่ ตัวเดียวแล้วค่ะ ตายไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และต้นปีนี้ซะ 2 ตัว 
คุณ กาแฟปั่น....ตอนนี้ออกแนวผจญภัยหน่อยๆ อยู่ที่นี่ต่างจากโฮสก่อนๆ ก็ตรงต้องทำอะไรเอง อิสระ และเพื่อนเยอะดี ส่วนแอ๊บเปิ้ลเผา ก็ไ่ม่เคยรู้มาก่อนว่ามีแบบนี้ด้วย
คุณ bookalive......คิดว่ากำลังวูฟอยู่ซะอีกนะคะเนี่ย ฮ่าๆ ถ้ามีโอกาสไปแล้วก็อย่าลืมเอามาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
คุณ บ้านเพื่อน....ขอบคุณค่ะ แล้วตอนสุดท้ายจะไปเคาะเรียกนะคะ เฮ้อ..พอใกล้จะจบก็รู้สึกเหงาขึ้นมาซะงั้น
คุณ phytoplankton.....ขอบคุณเช่นกันค่ะ สำหรับกำลังใจ และติดตามอ่านมาตลอด 
[2 ก.ค. 54 22:27:43
]
ต้องกลับไปวูฟใหม่เพื่อหาเรื่องมาเล่ให้พวกเราอีกสิคะ จะได้ไม่เหงา
จากคุณ : salamanka
[2 ก.ค. 54 22:55:04
]
เข้ามาให้กิ๊ฟก่อนครับ
จากคุณ : โต้คลื่น
[3 ก.ค. 54 07:15:36
]
ตื่นเต้นค่ะ จะเจออะไรนะ กับโฮสสุดท้าย
จากคุณ : สวยด้วยแสง-แรงด้วยสี
[3 ก.ค. 54 15:47:33
]
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ น่าสนุกจัง^^
จากคุณ : สามแซ่
[3 ก.ค. 54 20:23:01
]
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ...คุณharumi
เป็นรีวิวที่เราชอบมาก...ได้ศึกษาและรู้จักวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัดที่นั่น...
คะสึโกะซัง น่ารักจังเลยค่ะ...
รอชมรีวิวตอนสุดท้ายนะคะ...
[4 ก.ค. 54 13:30:37
]
รออ่านตอนต่อไปครับ
จากคุณ : ToxicZero
[4 ก.ค. 54 14:18:52
]
ยิ่งอ่านยิ่งอยากไป...รอก่อนน่ะ ภาษายังไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไหร่เลย กำลังเรียนอยู่จ้า น้องปาน...-_-^
จากคุณ : nongpoompui
[7 ก.ค. 54 21:01:51
]
น้องแมวนี่นอนยั่ว น่ากอดจริง ๆ เลยค่ะ ^^
จากคุณ : @}-- เยอบีร่า --
[11 ก.ค. 54 13:53:17
]
ปีหน้าเราจะไปมั่ง ขอบคุณน่ะค่ะ
จากคุณ : zapawow (zapawow)
[28 ก.ค. 54 09:35:28
]
อยากไป๊ อยากไป ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
จากคุณ : janto
[30 ก.ค. 54 11:16:47
]
ตอนที่ 7 มาแล้วนะคะ
๗๗^_^๗๗ วูฟสาวปลาแห้งตะลุยแดนปลาดิบ ตอนที่ 7 Mt. Fuji Love~Destiny~ ๗๗^_^๗๗
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11010823/E11010823.html
[1 ก.ย. 54 16:33:48
]