~~~ { Mneme in Russia } เก้าวันตระการตากับประเทศรัสเซีย 2: Veliky Novgorod - The Greater Newtown ~~~

สวัสดีค่ะ
กลับมาแล้วกับตอนต่อไป
ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับทุกๆ กิฟและทุกๆคอมเมนท์นะคะ
ได้กำลังใจมากมายทำให้มีแรงมานั่งปั่นต่อ

สำหรับใครที่พลาดตอนที่แล้วไป ติดตามได้ที่ลิงค์ข้างล่างนะคะ

{ Mneme in Russia } เก้าวันตระการตากับประเทศรัสเซีย 1: St. Petersburg -The Venice of the North
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10735067/E10735067.html

หลังจากผ่านวันแรกไปอย่างอัดแน่น เราก็เริ่มวันที่สองกันอย่างสดชื่น แม้จะต้องตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้า
วันนี้ประชากรเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง คือคุณน้องที่บินมาแจมจากอังกฤษที่เพิ่งได้พบหน้ากันเมื่อตอนดึกหลังดูบัลเลต์
ถึงคุณน้องจะพลาดทัวร์ชมเมืองบ่ายวันแรกไป แต่คุณน้องก็ได้ออกไปเดินถ่ายรูปแนวอาร์ทๆแถวๆโรงแรมไว้มากมาย

วันนี้ออกเช้าก็เนื่องด้วยต้องเผื่อเวลาการเดินทาง
โดยมีจุดหมายปลายทางคือ เมือง Veliky Novgorod (Великий Новгород) อันเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อันดับต้นๆในประเทศรัสเซีย
และแน่นอนว่าเป็น UNESCO World Heritage ให้เราได้เก็บแต้มกันเช่นเคย อิอิ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:08:27 ]
ความเห็นที่ 1

จริงๆแล้วนัดเวลาล้อหมุนกันไว้ 7.30am แต่รีบตื่นมาเพื่อทาน complementary breakfast ของโรงแรมไว้เอาแรง

อาหารเช้าของโรงแรมที่นี่อลังการใช่ย่อย
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือราคา
ถ้าฟังไม่ผิดเค้าบอกว่าอาหารเช้า 40$ ล่ะ โอ้ว แม่เจ้า แพงไปมั้ย
นี่ถ้าไม่รวมกับค่าห้องไปแล้ว เราคงทานกันไม่ลงเอาเลยจริงๆ


กว่าจะแต่งตัวเสร็จลงมาก็เหลือเวลาทานไม่มากนัก
เราก็ตักเน้นเนื้อหนังพวกไส้กรอก ไข่ เบคอน

วันแรกนี่เช้าเกิน ไม่มีใครสนใจมาดูแลเท่าไหร่
วันที่สองวันที่สามมีคนมาถามว่าต้องการไข่แบบไหน
ถึงได้รู้ว่าเค้าทำเมนูไข่สดๆใหม่ๆให้ได้ด้วย
เราเลยสั่งไข่ดาวสองวันติด ไข่ดาวยางมะตูมนี่ได้ใจไปเต็มๆ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:08:56 ]
ความเห็นที่ 2

พอเดินดูก็รู้สึกว่าเค้าก็ทำดีสมราคา
ขนมปังนั้นมีเป็นโซนเลย มีของให้เลือกหลายหลากชนิด
ครัวซองก์อร่อยมาก เราแอบหยิบติดมือออกมาหนึ่งชิ้นเผื่อหิวบนรถ แหะๆ

อีกเมนูที่เราโปรดคือเครป ที่ทำได้แผ่นบางนุ่ม ราดเมเปิ้ลไซรัปเยิ้มๆๆๆ
เวิร์คมาก

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:09:09 ]
ความเห็นที่ 3

ชาร้อนที่นี่เค้าเสิร์ฟมาเป็นกา เราก็เลยได้คนละกามานั่งจิบ
ส่วนน้ำก็มีน้ำผลไม้หลายชนิด ถ้าเป็นส้มนี่ก็มีที่คั้นสดๆด้วย รสชาติสดชื่นนนนน

นมสดก็มีให้เลือก แล้วแต่ความเข้มข้นที่ถูกใจ
แปลกใจอยู่บ้างที่นมที่นี่เค้าเป็นจุดห้า แบบ 1.5% 2.5% อะไรอย่างนี้
ปกติที่อเมริกาจะเป็น 1% 2% ไม่ก็ whole fat หรือ skim ไปเลย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:09:24 ]
ความเห็นที่ 4

นอกจากฝั่งอาหารจานร้อนก็มีโซนสลัด
มีแฮม มีโบโลญญ่าให้เลือก

ที่นี่เค้าดังเรื่องปลารมควัน
ทางโรงแรมก็เลยจัดทั้งแซลมอนรมควัน และปลาเนื้อขาวอีกอย่างไว้ให้ด้วย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:09:40 ]
ความเห็นที่ 5

ถัดจากสลัดก็เป็นซีเรียลหลายรูปแบบ พร้อมผลไม้แห้งและโยเกิร์ต
วันแรกนี้เวลากระชั้น เราไม่ทันได้ทาน
วันที่สองเผื่อเวลามากินเต็มที่เลยได้ชิมทุกแบบเลย
มูสลี่กับโยเกิร์ตอร่อยมากมาย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:10:02 ]
ความเห็นที่ 6

สุดท้ายเรามักปิดด้วยผลไม้
ที่นี่เค้ามีทั้งแบบสดและแบบเชื่อมในแก้วค็อกเทล
ผลไม้สดอร่อยกว่าเยอะ
แปลกใจนิดๆที่เห็นเค้ามีแตงโมด้วย

พีชกับกีวี่ฝานนี่เอาไปกินกับซีเรียลและโยเกิร์ตนี่เข้ากันมาก

ก่อนออกก็แอบหยิบกล้วยอีกหนึ่งลูก
เขินนิดๆ รู้สึกเหมือนทำตัวเหมือนทัวร์จีน
แต่ราคาขนาดนี้ ขอกล้วยลูกเดียวคงไม่สะเทือนมั้งนะ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:10:15 ]
ความเห็นที่ 7

ออกนอกเรื่องไปชวนกินอยู่เสียนาน กลับมาที่แผนการเที่ยวเราดีกว่า

อย่างที่ได้เห็นความตะกละของเรากันไปแล้ว ก็คงเดาได้ไม่ยากว่า กินขนาดนี้มันก็ต้องแอบสายกันบ้าง
เราขึ้นรถสายไปสิบนาที
วันนี้มีสาวน้อยหน้าใสนั่งไขว่ห้างรออยู่ที่นั่งข้างคนขับ

ขึ้นรถได้ she ก็วีนทันใดว่าเรามาไม่ตรงเวลาบลาๆ
เราก็ขอโทษขอโพยแล้วก็ได้ฤกษ์ออกเดินทาง


รถออกแล้วเราก็พยายามจะชวนเธอคุย แบบว่านึกว่าเธอเป็นไกด์
แต่ปรากฏว่าถามอะไรเธอก็ตอบไม่ได้เสียอย่าง
เวลาชี้ตึกถาม เธอก็ไปส่งภาษากับคนขับ แล้วก็แปลชื่อมาตรงๆแล้วหมดแค่นั้นไม่อธิบาย
เราก็เลยหมดกำลังใจถามกันไป

เธอบอกว่าโชคดีที่วันนี้เป็นวันชาติรัสเซีย รถเลยคงจะไม่ติด
เราก็เลยได้รู้กันว่า วันชาติรัสเซียคือวันที่ 12 June

เธอบอกว่าเธอดีใจมาก เพราะวันจันทร์จะได้หยุดเพิ่มอีกหนึ่งวัน
แล้วเธอก็บอกว่าเธอนอนไปเมื่อตีสี่ยังง่วงอยู่เลย ขอให้เราส่งหมอนจากข้างหลังให้ แล้วเธอก็นอนหลับไปซะงั้น
เราก็ได้แต่มองหน้ากันงงๆ สงสัยว่าเป็นโรคไม่เริ่มทำงานจนกว่าจะถึงที่หมายคล้ายๆไกด์คนแรกเสียละมั้ง


รถไม่ติดเท่าไหร่
ถึงออกสายไปนิดแต่ก็ไปถึงตรงเวลานะจ๊ะ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:10:41 ]
ความเห็นที่ 8

เมื่อระหว่างทางไกด์ไม่ยอมทำงาน เราก็เลยต้องควัก Lonely planet กับ Eyewitness travel ขึ้นมาทำการบ้านกันเอาเองระหว่างทาง


เมือง Veliky Novgorod นั้น แปลตรงตัวได้ว่า The Greater Newtown
เมือง Novgorod นั้นเป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่เมืองแรกๆของรัสเซีย
นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นเมืองที่เป็นจุดกำเนิดของการปกครองแบบประชาธิปไตยในรัสเซียด้วย

รายละเอียดประวัติศาสตร์ถี่ยิบมาก
เราแอบไปเจอเวปดี๊ดี สรุปไว้

ขอลอกมาแปะกันเลยละกันนะคะ

Credit: http://www.visitnovgorod.com/catalogue/novgorod/4259/

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:10:58 ]
ความเห็นที่ 9

อ่านๆหลับๆตื่นๆไปได้พักใหญ่เราก็มาถึง Novgorod
ที่นี่คนขับรถเราจอดรับคุณป้าท่าทางไฮโซคนหนึ่งขึ้นมา

ปรากฏว่าคุณป้านั้นเป็นไกด์ตัวจริงของเรา
อ้าววว...มีการแปะมือสลับตัวให้งงเล่นซะงั้น

เราก็เบลอๆว่าแล้วสาวน้อยสุดสวยนี่มาทำอะไร จะว่ามาบอกทางให้คนขับรัสเซียก็ไม่ใช่เพราะ she หลับมาตลอดทาง
แต่ในที่สุดปริศนาก็ไขกระจ่างเมื่อเธอหายมึนหันมาแนะนำตัวกับเราอย่างเป็นทางการว่าเธอชื่อเอลิน่า ซึ่งแปลว่าลูกสาวของอัลลา
อ่อว ลูกเจ้าของบริษัทตามพวกชั้นมาลัลล้าเฉยๆ ไอซีๆ
แหมๆ ปารตี้มาจนดึกดื่นแล้วถูกแม่ใช้ให้มาเลยมาวีนใส่เรา


มาถึง Novgorod แล้วก็พบว่าถนนเกือบทุกสายที่มุ่งสู่เครมลินปิดเพราะงานวันชาติ
ป้าบอกว่านอกจากวันชาติแล้ว ยังเป็นวันสำคัญทางศาสนา คือ Pentecost พอดิบพอดี
ด้วยเหตุนี้ในเมืองก็เลยมีคนมาเดินกันพลุกพล่าน บ้างก็มาร่วมงานเฉลิมฉลอง บ้างก็มาแสวงบุญตามโบสถ์วิหารอันศักดิ์สิทธิ์


เอารูปมายืนยันว่าวันนี้คนเยอะจริงๆ
ที่เห็นเป็นหาดทรายนี่คือ embankment ซึ่งมีความยาวถึง 11 กม

เนื่องจากรัสเซียหนาวซะเป็นส่วนใหญ่
วันไหนอุ่นๆอากาศดี ชาวรัสเซียก็จะออกมานอนแผ่พุงอาบแดดกันตามหาด(ปลอม)ให้เห็นดื่นดาษไปหมด

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:11:21 ]
ความเห็นที่ 10

ระหว่างหาทางที่รถเข้าได้ ป้าสุดสวยก็คว้าไมค์ในรถขึ้นมา (อ่าว รถมีไมค์ คุณพี่มะวานไม่ยักกะใช้)
แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Novgorod

ในยุคนั้นชนชาติที่กล้าแกร่งคือ ชาวไวกิ้ง ซึ่งได้ก่อตั้งราชวงศ์ Rurik และปกครอง Kiev อันเป็นศูนย์กลางของรัสเซีย
แต่ด้วยความมั่งคั่งและความเจริญทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของเมือง Novgorod
เมือง Novgorod จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่สำคัญเป็นอันดับสองรองจากเคียฟเลยทีเดียว
และด้วยเหตุนี้ โอรสองค์โตของผู้ปกครองเคียฟจึงถูกส่งมาปกครอง Novgorod ตั้งแต่อายุยังน้อยจนเป็นธรรมเนียม


ประวัติศาสตร์การเมืองของ Novgorod นั้นค่อนข้างพิเศษ
เพราะเป็นเมืองที่ประชาชนในเมืองนั้นมีสิทธิ์ออกความเห็นเกี่ยวกับผู้ปกครองของตน
โดยปกติแล้วชาวเมืองจะส่งจดหมายไปเชิญเจ้าชายมาปกครอง
แต่หากเจ้าชายพระองค์ใดปกครองได้ไม่ดี ไม่เป็นที่ถูกใจ
ประชาชนจะรวมตัวกันที่จตุรัสกลางเมือง โยนหมวกลงดินเป็นสัญลักษณ์ของการโค่นล้ม
และเจ้าชายพระองค์นั้น จะถูกเชิญลงจากตำแหน่งการปกครอง
ระบบนี้เองที่ทำให้ Novgorod ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแรกที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย


บริเวณ Yaroslav's Court ในรูปนี้คือที่อยู่ของเจ้าชายเมื่อก่อนเก่า
และบริเวณใกล้ๆกันนี้เองที่เป็นบริเวณจตุรัสกลางเมืองที่ชาวเมืองใช้ออกสิทธิ์ออกเสียงแสดงความคิดเห็นกัน

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:11:45 ]
ความเห็นที่ 11

จุดหมายแรกคุณป้าพาแวะชม คือ Yuriev Monastery อันตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำ Volkhov ใกล้กับทะเลสาบ Ilmen
ทะเลสาบ Ilmen นี่กว้างใหญ่ได้ใจมาก กินบริเวณถึง978 ตร.กม. (เริ่มเห็นแววท่อง stat จากป้าล่ะ)
ป้าเล่าว่า ทะเลสาบนี้อุดมสมบูรณ์มาก มีปลากว่าสี่สิบสายพันธุ์

Yuriev Monastery นั้น เป็นหนึ่งใน Monastery ที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย
เป็นส่วนหนึ่งของ Unesco World Heritage (แหงล่ะ ไม่งั้นเราคงไม่ใส่ไว้ในรายการ)
ปัจจุบันก็ยังคงมีการใช้งานทางศาสนาอยู่
ป้าเน้นว่า Monastery น่ะ เป็นกลุ่มรวมๆของโบสถ์วิหารหลายๆอันในบริเวณเดียวกัน
อย่างที่นี่ก็มีตั้งเจ็ดโบสถ์อยู่ติดๆกันเลย แถมมี nunnery ด้วย

ที่เห็นโดมเงินอร่ามนั้นคือ St. George Cathedral
ที่ชื่อ St. George นั้น เพราะสร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่ เจ้าชาย Yaroslav ซึ่ง Christian name ของท่านคือ George

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:12:05 ]
ความเห็นที่ 12

หนึ่งในความพิเศษของที่นี่ก็คือที่มาที่ไปของสถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์
ในยุคนั้น ปกติแล้ว สถาปนิกและศิลปินจะนิรนาม แต่ของที่นี่ เรากลับมีหลักฐานของสถาปนิกคือ คุณ Pyotr  

คุณป้าพยายามเล่าตำนานที่เกี่ยวกับโบสถ์นี้ แต่เธอพูดงงๆ ชื่อฟังไม่ออก กลับมาหายังไงก็ไม่เจอ
ยังไงก็ลองเล่าเล่นๆดูเอามันส์ก็ได้ค่ะ

เรื่องก็มีอยู่ว่า พระนางแอนนา (เริ่มงงว่าแอนนาไหน) มาศรัทธา father superior ของโบสถ์นี้
เนื่องจากท่านเป็นนักบวช เธอก็ได้แต่เฝ้ามาฟังเทศน์ฟังธรรม กอดเท้าบูชาอะไรก็ว่าไป
เธอนั้นร่ำรวย มีเงินเท่าไรก็ให้บริจาคแก่โบสถ์วิหารจนบูรณะต่อเติมสวยงาม
จนในที่สุด เธอต้องหมั้นหมายกับเจ้าชายต่างแดน และวางแผนที่จะแต่งงานเพื่อการเมือง

เธอได้ให้ father superior คนนั้นเป็นผู้ทำพิธีสวมแหวนแก่เธอและคู่หมั้น
father superior กลับนำแหวนไปให้รูปพระเยซู เป็นเครื่องหมายว่า พระเป็นเจ้าต้องการให้เธออยู่ในเพศนักบวช
พระนางเป็นลมไปทันที และจากเหตุการณ์นั้น เธอก็ปาวารณาตนเป็นนางชีอยู่ที่โบสถ์นั้น

ต่อมาไม่นานเธอก็เสียชีวิตหลังจากพิธีสารภาพบาป และถูกฝังอยู่ใกล้กับโบสถ์นี้เอง
จากหลักฐานที่ขุดพบ พบว่าเธอนั้นถูกฝังทั้งเป็น !!!
เพราะที่ฝาโลงมีรอยตะกุยเต็มไปหมด (อึ๋ยยยย)
นักวิชาการสันนิษฐานว่า father superior เป็นคนวางยาพิษเธอในไวน์ในพิธีรับศีล
และฝังร่างเธอที่สลบจากยาพิษทั้งเป็น เพื่อที่ทรัพย์สินเธอจะได้ตกเป็นของโบสถ์
โอ๊ย ดราม่ามากๆ
สุดท้ายเธอได้ถูก canonized เป็น saint ด้วยนะ  

ว่าแต่ไกด์ไปเอามาจากไหนเนี่ย คุ้ยทั้งอากู๋ทั้งหนังสือไม่เห็นจะเจอเลย


โบสถ์นี้ภายในมีรูปวาดฝาผนังที่หลงเหลือมาจากศตวรรษที่สิบเก้า
มีความพิเศษคือไม่ใช้วิธี fresco แต่เป็นภาพวาดแล้วใช้ melted glass เคลือบแทน

โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ฤดูร้อน ไม่เคยทำความร้อนภายในโบสถ์เลยตั้งแต่ศตวรรษที่สิบสองแน่ะ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:12:28 ]
ความเห็นที่ 13

ในบริเวณ Monastery มีสวนผลไม้อยู่ด้วย
ป้าบอกว่า สวนในโบสถ์จะต้องมีต้นแอปเปิ้ลหนึ่งต้นถ้วน
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความผิดบาปของอดัมกับอีฟนั่นเอง

ก่อนเข้าสวนมี wishing well ด้วยล่ะ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:12:44 ]
ความเห็นที่ 14

อีกหนึ่งในเจ็ดโบสถ์ที่โดมเป็นสีฟ้าดาวทอง
อันนี้สวย ชอบมากเลย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:13:37 ]
ความเห็นที่ 15

ส่วนอันนี้เป็น Bell tower

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:14:24 ]
ความเห็นที่ 16

จบจากโบสถ์นั้นเราก็ไปเก็บแต้มกันต่อที่ Vitoslavlitsky Museum of Wooden Architecture
เป็นอะไรที่แปลกใหม่ตื่นตาตื่นใจมาก

พิพิธภัณฑ์นี้เกิดขึ้นเพราะมีการค้นพบอาคารไม้แบบเก่าในช่วงปี 1959 และมีการตัดสินใจวางแผนที่จะรวบรวมอาคารเหล่านี้มาจัดแสดง
ในปี 1963 พิพิธภัณฑ์นี้จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ
อาคารที่ถูกคัดเลือกทั้งหมดยี่สิบแปดหลังได้ถูกทำสัญลักษณ์บอกตำแหน่ง ถูกรื้อและนำมาประกอบใหม่ตามเดิมขึ้นที่นี่

ไม้ที่ใช้สร้างบ้านพื้นเมืองเก่าแก่ของรัสเซียเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็น สน ไม่ก็ ไซเปรส รวมไปถึงเปลือกต้นเบิร์ช
ที่เท่ห์มากคือการก่อสร้างนั้นใช้เพียงเลื่อยและขวาน และไม่มีการใช้ตะปูเลย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:14:42 ]
ความเห็นที่ 17

วันนี้อากาศดี อุ่นสบาย เหมาะกับการมาเดินชม พิพิธภัณฑ์ open air เสียจริง
สาวน้อยคนสวยก็อารมณ์ดีเริงร่า หมุนตัวไปมาท่ามกลางดอกไม้ใบหญ้าที่ต้องลมไหวพลิ้ว
เหมือนนางไม้ในเมืองฝันเสียจริงๆ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:14:59 ]
ความเห็นที่ 18

ปรากฏว่าคุณน้อง เอลิน่านั้นเป็นสาวน้อยป ตรี
คุณน้องเห็นเรามาจากมหาลัยที่อเมริกาก็ตื่นเต้นใหญ่เข้ามาถามไถ่
เธอบอกว่าเธออยากไปเรียนป เอกต่อที่อเมริกามากๆ อะไรอย่างนี้

คุณน้องยิ้มหวานให้ช่างภาพเราเดินตามถ่ายภาพเสียหลายรูปอยู่
เธอบอกว่าไม่เคยมาเมืองนี้เลยเหมือนกัน อย่างพิพิธภัณฑ์นี้ก็เพิ่งได้มาเห็นเป็นครั้งแรก
คุณน้องก็เด็กมหาลัยแล้วนะคะ แต่กระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กประถมมาทัศนศึกษาเลย ไฮเปอร์มาก

ความไร้เดียงสาอย่างน่ารักทำเอาช่างกล้องเราเคลิ้มไปเลยทีเดียว

แต่ก็ยังพยายามรักษาคุณภาพ แอบเก็บรูปอาร์ทๆมาได้บ้าง แม้จำนวนจะตกไปแยะก็ตาม

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:15:17 ]
ความเห็นที่ 19

กลับเข้าเรื่องกันหน่อย
คุณป้าเธอชี้ชวนชมบ้านไม้แบบต่างๆ
เธอว่าบ้านของชาวบ้าน (Peasant’s Cabin) นั้นมีสองแบบ คือ
Black heated ซึ่งไม่มีปล่องไฟ ทำให้ขี้เถ้าจากควันไฟครัวเกาะเป็นคราบเขม่าดำตามชื่อ
กับ White heated ซึ่งมีปล่องไฟระบายควันออกด้านบนจนไม้ยังคงความขาวสะอาดสะอ้านไว้ได้

ส่วนใหญ่บ้าน White heated จะเป็นของชาวบ้านที่มีฐานะหน่อย
ทำให้มักจะเห็นบ้านแบบ White heated มีลวยลาดละเอียดอ่อน ประดับประดามากกว่าแบบ Black heated

รูปบ้านแบบ White heated  มีลวดลายฉลุ ดูไปดูมาคล้ายๆหลังคาบ้านทรงไทย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:15:33 ]
ความเห็นที่ 20

อย่างที่บอกว่า หน้าหนาวประเทศรัสเซียนั้นหนาวเหน็บ
วิธีอยู่รอดของชาวบ้านในช่วงหน้าหนาวคือการทำสัตว์เลี้ยงทั้งหมดมาเลี้ยงไว้ในบ้านเพื่อให้ความอบอุ่น


การออกแบบบ้านก็เลยออกแบบไว้ให้มีคอกวัวคอกม้าอยู่ข้างใน (สำหรับคนพอมีเงินหน่อย ไม่งั้นก็นอนกับวัวเอาเลย)
ถ้ามีที่ทางมากหน่อยก็มีไว้เก็บเครื่องมือการเกษตรต่างๆไว้ด้วย
รูปนี้ถ่ายจากชั้นสองของบ้าน

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:15:50 ]
ความเห็นที่ 21

ชั้นบนมีที่ก็ใช้เก็บของได้อีก

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:16:12 ]
ความเห็นที่ 22

จากด้านนอกเราก็เดินเข้ามาสู่ห้องส่วนตัวกันบ้าง

ธรรมเนียมชาวชนบทที่นี่นั้นจะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่
มีหลายๆรุ่นอยู่ด้วยกัน ลูกเล็กเด็กแดงก็เลี้ยงไว้ด้วยกันหมด
ดังนั้น ห้องใหญ่ห้องเดียวนี้ ต้องเป็นทั้งห้องครัว ห้องทำงาน และห้องนอนของครอบครัวที่อาจมีสมาชิกมากถึงสิบห้าคนด้วยกัน

ประตูของที่นี่เตี้ยมากจนต้องก้มหัวเมื่อเดินลอดผ่าน
หลายๆคนอธิบายว่า เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาจะต้องเจอรูปบูชาหรือ icon ซึ่งอยู่มุมตรงข้าม
การทำประตูเตี้ยจึงเป็นการบังคับให้ก้มหัวคำนับไปโดยปริยาย

แต่จริงๆแล้ว ป้าไกด์บอกว่าสร้างประตูเตี้ยๆนั้นมีประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก
เนื่องจากประตูแคบๆจะทำให้ความร้อนไม่รั่วไหลออกจากห้องได้ง่ายเกิน เป็นการช่วยรักษาอุณหภูมิ

บรรยากาศของห้องก็เป็นดังที่เห็นในรูป
มุมหนึ่งจะมีรูปบูชา  คนที่นี่เรียกว่า red corner
ที่อะไรๆของรัสเซียก็ชื่อสีแดงไปหมดนั้น ไม่ได้มาจากรากฐานคอมมิวนิสต์
แต่เป็นเพราะว่า คำว่าสีแดงหรือ รูสในภาษารัสเซียนั้น หมายถึงความสวยงามได้ด้วย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:18:21 ]
ความเห็นที่ 23

รอบๆห้องจะเป็นม้านั่งยาวติดผนังตลอด
ตอนเวลากลางวันนั้น สาวๆจะมานั่งเย็บปักถักร้อย ส่วนหนุ่มๆก็จะนั่งซ่อมเครื่องมือ
ส่วนในเวลากลางคืน ม้านั่งเหล่านี้ก็จะทำหน้าที่ต่างตียงนอน

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:19:08 ]
ความเห็นที่ 24

อย่างที่บอกว่าที่นี่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่
ดังนั้นจึงไม่สามารถจะมีเตียงกันได้ทุกคน
เพราะนอกจากจะไม่มีที่แล้ว ยังแพงเกินกว่าฐานะจะรับได้อีกด้วย
ตกกลางคืน ทุกคนก็จะปูผ้านอนใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เป็นประโยชน์นั่นเอง
(แค่นอนกันสิบห้าคนแผ่เต็มพื้นห้องยังไม่รู้จะมีที่พอหรือเปล่าเลย ห้องออกจะดูเล็ก)


โคลสอัพกันเข้ามาหน่อย
แน่นอนว่าโต๊ะอาหารนั้นก็เป็นบริเวณที่สำคัญยิ่งของห้อง
ด้วยความที่คนเยอะ ทุกคนก็จะต้องมาล้อมวงทานข้าวกัน
โดยจะผลัดกันตักจากจานใหญ่ และแน่นอนว่าพ่อซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวนั้นจะได้เป็นผู้ตักกินก่อนตามธรรมเนียม
ป้าบอกว่าทัพพีอันใหญ่นั้น มีไว้เขกหัวเจ้าลูกเล็กๆถ้าใครไม่รอพยายามจะตักกินก่อนพ่อ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:20:44 ]
ความเห็นที่ 25

เล่ามาถึงตอนนี้ก็ทำให้ได้เห็นว่า ผู้หญิงเราก็ยังคงเป็นช้างเท้าหลังในทุกสังคมไป
วิถีชีวิตในสมัยโบราณนั้น คนเป็นแม่จะต้องตื่นคนแรก
แล้วอย่างแรกที่ต้องทำก็คือจุดไฟในเตาไฟที่มีอันเดียวในห้องเพื่อให้ความอบอุ่น และเตรียมทำอาหาร
(ปู่ย่าตายายแก่ๆหรือใครที่เจ็บป่วยนั้นจะมีที่นอนพิเศษคือนอนอยู่เหนือเตาไฟนั่นเลยเพื่อความอบอุ่น)

รูปที่นอนเหนือเตาไฟ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:22:50 ]
ความเห็นที่ 26

พอต้มน้ำร้อนเสร็จ ก็ต้องดูๆแลๆพ่อแม่สามี แล้วก็เตรียมหุงหาอาหาร
ครัวนั้นก็เล็กๆ มีถ้วยชามรามไห และเครื่องมือต่างๆเช่นเครื่องโม่แป้งด้วยด้วยมือ อะไรอย่างนั้น
จากนั้นจึงลงไปให้อาหารสัตว์ในคอก(ในบ้านนั่นล่ะ) แล้วก็ต้องกลับขึ้นมาทำกับข้าวให้ทุกคนให้เสร็จ
แล้วทำงานเลี้ยงลูกเสร็จเหนื่อยทั้งวัน ก็ยังต้องดูแลความเรียบร้อยทุกสิ่งอันก่อนจะได้นอนเป็นคนสุดท้าย
เรียกว่าต้องตื่นก่อนนอนทีหลังตามหลักหญิงไทยใจงามจริงๆ เฮ้อ น่าสงสาร

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:26:02 ]
ความเห็นที่ 27

พูดถึงวิถีชีวิตภรรยาผู้อาภัพไปแล้วก็มาพูดถึงตอนก่อนนั้นที่โลกยังสดใสอยู่ดีกว่า

ประเพณีการแต่งงานของชนพื้นบ้านชาวรัสเซียนั้นสนุกสนานน่าสนใจมาก
งานนี้ต้องยกเครดิตให้เจ้าป้า ที่เล่าเรื่องใส่อารมณ์ได้อย่างเมามัน

เรื่องมันเริ่มจากเมื่อป้าชี้กล่องที่พื้นแล้วถามว่า รู้มั้ยนี่กล่องอะไร
ปรากฏว่า หีบที่พื้นนี่มันคือหีบสินสอด (dowry) ที่ฝ่ายหญิงจะยกให้ฝ่ายชายคราแต่งงานค่ะท่านผู้ชม

เรื่องก็มีอยู่ว่า บ้านไหนมีลูกสาว พอลูกสาวอายุครบสามขวบ พ่อก็จะหาหีบให้ใบหนึ่ง
หีบใบนี้จะใช้เป็นที่เก็บสะสมงานฝีมือของเธอตั้งแต่สามขวบเป็นต้นไป รวมไปถึงของมีค่าต่างๆที่พ่อจะหาให้
เด็กหญิงจะต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว เรียนรู้เรื่องการบ้านการเรือน การฝีมือให้เนี๊ยบกริบ
พอถึงอายุสิบสาม เด็กสาวส่วนใหญ่ก็จะบรรจุของต่างๆจนเต็มหีบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นก็ได้เวลารอคอยให้มีหนุ่มน้อยมาถูกตาต้องใจ หรือผู้ใหญ่ส่งแม่สื่อมาดูตัว

หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าถ้าอยู่แต่ในบ้านจะมีหนุ่มๆมาแอบเหล่ได้อย่างไร
ผู้ใหญ่เค้าก็มีวิธีการแนบเนียน
อย่างบางทีก็จะจัดให้มีการให้เด็กๆหลายๆบ้านมานั่งรวมกลุ่มทำงานร่วมกัน
หรือแม้กระทั่งจัดประกวดประขันผลงานฝีมือ
ซึ่งระหว่างที่ผู้ชายรวมกลุ่มนั่งทำงานช่างอย่างสร้างอุปกรณ์เกษตรหรือเบ็ดตกปลา ก็จะได้แอบเหล่แม่สาวๆที่นั่งเย็บปักถักร้อยด้วยกันอยู่ไปในตัว


พีธีการเรื่องแม่สื่อแม่ชักนี่ฟังๆดูช่างเป็นธรรมเนียมที่น่าสนุก
โดยปกติแม่สื่อจะมายามวิกาล เพื่อที่ว่าถ้าถูกปฏิเสธจะได้ถอยฉากไปได้โดยไม่ตะขิดตะขวง
แต่ในขณะเดียวกัน เวลาแม่สื่อมาที่บ้าน เจ้าบ้านก็จะมีการตีฆ้องร้องป่าว แบบว่าต้อนรับกันแบบเสียงดังเป็นพิเศษ
เป็นการแนะๆให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าบ้านชั้นมีแขกสำคัญแวะมาหานะยะ (แล้วจะมาดึกๆหลบๆซ่อนๆไปทำไมถ้าจะป่าวประกาศอยู่ดีเนอะ)

คนที่เป็นแม่สื่อนี่ก็จะต้องมีวาทศิลป์ เรียกง่ายๆว่าพูดอะไรแบบคนธรรมดาๆเค้าไม่ค่อยจะเป็น ต้องอ้อมลีลาไปมา
อย่างมาถึงก็จะไม่บอกหรอกนะ ว่ามาดูตัวสูกสาวเธอน่ะจ่ะ
พวกแม่สื่อก็จะมาแบบ บ้านเรามีสวน บ้านเธอมีดอกไม้ เธอสนใจจะเอาดอกไม้มาปลูกในสวนหลังบ้านชั้นมั้ยจ๊ะ
อะไรแนวๆนี้

แล้วแม่สื่อก็จะเปิดหีบดูผลงานเจ้าสาว ว่าเย็บปักถักร้อยสวยมั้ย งานฝีมืออื่นๆสวยมั้ย
พร้อมจะไปเป็นภรรยาที่ดี ดูแลสามีและพ่อแม่สามีหรือเปล่า
ถ้างานห่วย ของน้อย ลูกสาวบ้านนี้ดูไม่ขยัน ตื่นสาย ฯลฯ หลังจากแม่สื่อมาเช็คแล้วไม่เป็นที่พอใจ เธอก็จะแอบไปป่าวประกาศให้คนในหมู่บ้านรู้
แล้วทีนี้ลูกสาวบ้านนี้ก็จะขายไม่ออก ขึ้นคานค้างเติ่ง จนกว่าจะมีแม่สื่อจากแดนไกลที่ยังไม่รู้กิตติศัพท์ หลงผิดเข้ามาทาบทามอีกทีหนึ่ง

หากลูกสาวดูดีรู้งาน ผลงานเริ่ด แม่สื่อก็จะทำการสู่ขอ
จากนั้นก็จะเป็นเวลาสนุกสนานของการเตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมงานแต่งงาน

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:26:31 ]
ความเห็นที่ 28

เมื่อลูกสาวบ้านไหนมีคนมาสู่ขอแล้ว เธอก็เริ่มนุ่งห่มเครื่องแต่งกายอันเป็นสีดำอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการไว้ทุกข์
ถือกันว่า หญิงสาว (จริงๆนับเป็นเด็กหญิงเสียมากกว่า)นั้น จะไว้ทุกข์ให้แก่ชีวิตวัยเด็ก และกับการจากลาพ่อแม่

เมื่อถึงวันก่อนแต่งงาน ฝ่ายชายนั้นก็จะมีการเลี้ยงฉลองกับเพื่อนหนุ่ม
ส่วนฝ่ายเจ้าสาวนั้นยุ่งยากกว่านั้น โดยวันก่อนแต่งงาน เจ้าสาวจะไปที่โรงอาบน้ำกับหมู่เพื่อนสาว
เธอจะถูกผองเพื่อนจับขัดสีฉวีวรรณ
เริ่มจากการคลายผมอันยาวเหยียดที่ถูกถักเป็นเปียอยู่เสมอออกมาสยายอวดโฉม
จากนั้นจึงพาเข้าห้องอบไอน้ำเพื่อให้เหงื่อเธอออก เพื่อนๆนั้นจะมีหน้าที่รองเหงื่อจากตัวเธอเพื่อไปใส่ในอาหารเลี้ยงวันแต่งงานของบ้านฝ่ายเจ้าบ่าว
ด้วยความเชื่อที่ว่า เหงื่อจากตัวเธอจะทำให้สามีและครอบครัวสามีรักเธอ (อย่างกับทำสเน่ห์แน่ะ)

จากนั้นบ่าวสาวก็จะแต่งตัว นั่งรถม้าหรือรถเลื่อน (แล้วแต่ฤดู) ไปทำพิธีที่โบสถ์
เสร็จแล้วก็จะมีงานเลี้ยงอาหาร (เปื้อนเหงื่อ) ที่บ้าน

เรื่องอาหารก็มีความเชื่ออีกว่า คืนวันแต่งงาน เจ้าสาวควรจะทาน baked milk และ cranberry มากๆ
ส่วนเจ้าบ่าวควรทาน roasted pork ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อช่วยชูกำลังสำหรับศึกหนักในค่ำคืนนี้

อย่างที่บอกไปว่า บ้านทุกบ้านเป็นครอบครัวใหญ่ จะนอนรวมๆกันในห้องห้องเดียวที่มี ไม่มีห้องส่วนตัว
ปัญหาก็เลยมีอยู่ว่า แล้วคืนแต่งงานคู่ข้าวใหม่ปลามันจะไปนอนกันที่ใด

ทางแก้ก็คือ ทั้งสองจะเข้าไปนอนในตู้เสื้อผ้า (closet) ค่ะ
โดยมีปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอาคอยลุ้นคอยเชียร์คอยแอบดูแอบฟังอย่างใกล้ชิด (บรึยยยส์)
ตกดึกญาติฝั่งสามีมีหน้าที่เปิดตู้มาแอบดูว่าทั้งสองนอนเอาเท้าเกี่ยวกันไว้หรือเปล่าอีกด้วยแน่ะ
จากนั้นตอนเช้า บ่าวสาวจะกลับไปที่โรงอาน้ำอีกครั้งโดยที่คราวนี้เจ้าสาวหมาดๆจะทำหน้าที่อายน้ำให้แก่สามีเป็นครั้งแรก

ช่างเป็นประเพณีที่ฮาได้ใจอะไรเช่นนี้ คุณป้าไกด์เล่าได้มันส์หยด
มีคุณน้องคุณหนูตัวเล็กๆมาแอบยืนฟังป้าเราเล่าด้วยอ่ะ เขิลแทนเลยจริงๆ


พยายามจะหา bath house
ไม่แน่ใจว่าใช่รูปนี้หรือเปล่า

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:27:07 ]
ความเห็นที่ 29

ออกมาจากบ้านป้าก็ชี้ให้เราดูตู้เย็นยุคโบราณ
ที่เห็นเป็นโครงสร้างไม้เล็กๆนี้เป็นที่ปิดบ่อน้ำ สร้างด้วยไม้ aspen มีไว้เพื่อใช้เก็บรักษาอาหารพวกนมหรือครีม
โดยเวลาใช้ ถังนมหรือครีมจะถูกหย่อนลงในบ่อพร้อมกบเป็นๆหนึ่งตัว
ถ้าเอาขึ้นมากบยังแข็งแรงอยู่ก็มักจะพบว่านมหรือครีมนั้นยังมีรสชาติสดใหม่
เราฟังๆแล้วไม่แน่ใจว่าเค้าใช้กบเป็นประมาณ bio indicator หรือเปล่า
แต่ป้าเล่าประมาณว่าเมือกผิวกบน่าจะมีสรรพคุณในการช่วยถนอมอาหาร

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:27:30 ]
ความเห็นที่ 30

ถัดมาคุณป้าก็นำไปชมโบสถ์

โบสถ์ไม้นี่สร้างได้ละเอียดลออสวยงามมาก
โดยเฉพาะหลังคาและยอดโดมที่เห็นเป็นหยักๆหรือที่เรียกว่า shingle

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:27:52 ]
ความเห็นที่ 31

ในการสร้างนั้นมีการใช้เปลือกไม้อุดตามร่องของขอนไม้ที่นำมาต่อกันเพื่อเป็นฉนวนกันความร้อนรั่วไหล
รอบๆเป็นระเบียงให้ใช้เป็นที่สำหรับพูดคุยพบปะสังสรรค์ของชาวบ้านระหว่างรอเข้าประกอบพิธีกรรมในโบสถ์

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:28:15 ]
ความเห็นที่ 32

บ้านเมืองที่รัสเซียเค้าสวยจริงๆครับ แบบนี้ต้องตามไปด้วย ^^

จากคุณ : ไผ่พริ้ว (PyDE) [3 ก.ค. 54 17:28:19 ]
ความเห็นที่ 33

โบสถ์ไม้เหล่านี้ สร้างตั้งแต่ราวศตวรรษที่สิบหก
อย่างที่เห็นมีสองยอดนั้นเป็นตัวโบสถ์ (chapel) และหอระฆัง (belfry)

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:28:38 ]
ความเห็นที่ 34

เล่าจนหมดแม็กเจ๊ป้าก็ขอลาไปนั่งพักในรถ ให้เวลาเราเดินลัลล้าครึ่งชม.โดยมีคุณน้องเอลิน่าเดินตามมากับเราด้วย
จากนั้นพวกเราจึงมุ่งสู่บริเวณจตุรัสใจกลางเมือง เพื่อจะข้ามสะพานไปยังป้อมปราการ Novgorod หรือ Kremlin

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:29:04 ]
ความเห็นที่ 35

ป้าเล่าว่าที่เรารู้เรื่องทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมืองนี้เยอะแยะนั้นเป็นเพราะครั้งยุคเก่าๆนั้นชาว Novgorod ใช้ เปลือกไม้birch แทนกระดาษ และใช้ดินเหนียวสร้างสิ่งก่อสร้าง
ทั้งสองนั้นถูกรักษาสภาพไว้อย่างดี มีการค้นพบ manuscript เปลือกbirch มากมาย ทำให้เราสามารถศึกษาได้อย่างจริงจังในปัจจุบัน
ป้าเปรียบ Novgorod เสมือน Pompei เลยทีเดียวด้วยความที่ซากปรักหักพังถูกเก็บรักษาไว้เหมือนดังสภาพเริ่มต้นเป๊ะๆ


ป้าบอกว่า ภายในบริเวณเมือง Novgorod นี้นั้นเคยมีโบสถ์อยู่ถึง 44 แห่ง
ปัจจุบันเหลือที่ยังใช้งานจริงอยู่ 14 แห่งด้วยกัน

ย่านจตุรัสกลางเมืองหรือ Yaroslav's Court ที่เราเพิ่งเดินมาถึงนั้นมีโบสถ์อยู่หลายแห่ง
หนึ่งในโบสถ์ที่โด่งดังคือโบสถ์ St. Nicholas ซึ่งสร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่สิบสอง
โบสถ์นี้มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับรูปบูชาศักดิ์สิทธิ์ ( icon to St. Nicholas the Wonder-worker)

กล่าวคือในราว ศตวรรษที่สิบสอง เจ้าชาย Mstislav ได้ล้มป่วยลง
หมอหลวงรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย
พระองค์ทรงพระสุบินไปว่า นางฟ้าได้บินลงมาบอกว่า หากพระองค์จะหายป่วยหากทรงสร้างรูปบูชา (icon)ขึ้น
ไม่นานนัก พายุลูกใหม่ก็พัดเข้ากระหน่ำเมือง  Novgorod
เมื่อพายุซา ได้มีการค้นพบรูปบูชาในทะเลสาบ Ilman
เจ้าชาย Mstislav ได้ทรงจูบเคารพรูปบูชา แล้วก็ทรงหายป่วย จึงโปรดให้สร้างโบสถ์นี้ขึ้นเพื่อเป็นที่ตั้งของรูปบูชาให้คนมาสักการะ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:29:31 ]
ความเห็นที่ 36

ข้างๆกับ St. Nicholas นั้นเป็นโบสถ์เก่าแก่เช่นกัน สร้างราวศตวรรษที่สิบสาม
โบสถ์นี้มีความพิเศษคือ สร้างด้วย undressed rock และ brick อีกทั้งไม่เคยผ่านการ white wash
โบสถ์นี้เดิมเคยมีระเบียงทั้งสี่ทิศแต่ถูกระเบิดทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:29:53 ]
ความเห็นที่ 37

Yaroslav’s Courtyard นั้นหลักๆแล้วเป็นย่านค้าขาย

ป้าบอกว่าเมือง Novgorod นั้นมีช่างฝีมือมากมาย
สินค้าฝีมือต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานเหล็ก งานไม้ งานผ้าล้วนเป็นที่ต้องการ
แถมที่ตั้งก็เอื้อแก่การเป็นศูนย์กลางค้าขายระหว่างฝั่ง  Baltic กับฝั่ง Arabic

Novgorod นำเข้าไวน์จากฝรั่งเศส ผ้าผ่อนแพรพรรณจากเยอรมัน อำพันจากแถบบอลติก วอลนัทจากเมดิเตอเรเนียน
วัสดุหลักที่ใช้ในงานช่างอย่างทอง เงิน ดีบุก สังกะสี ตะกั่วนั้นก็ล้วนต้องนำเข้าทั้งสิ้น
ในขณะเดียวกันสินค้าหลักที่ Novgorod  ส่งออกคือไม้ ขนสัตว์อย่างขนมิงค์ มุกจากหอยแม่น้ำ และเทียนไขซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นในสมัยนั้น
เมือง Novgorod จึงเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง

วันนี้ที่จตุรัสมีงานออกร้านมากมาย คนคับคั่งจอแจ
น้องเอลิน่าเดินช็อปเพลินหายตัวไป รอตั้งนานก็ไม่มา เจ๊ป้าไม่มีเบอร์น้องเค้าเลยเครียดจิตแดกพอดู
แต่เธอคงกลัวลูกค้ารอนานจึงตัดหางปล่อยวัดคุณน้องเพราะคุณน้องมีมือถือ น่าจะโทรหาคนขับแล้วกลับรถถูก
คุนน้องไฮเปอร์ต้องหลงไปเพราะมัวแต่สนใจของระหว่างทางอย่างนี้ตลอดแน่ๆเลย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:30:15 ]
ความเห็นที่ 38

หลังจากเดินตัดผ่านจตุรัสอันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมาได้ และแล้วเราก็ได้ยลโฉม kremlin กันเสียที

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:30:31 ]
ความเห็นที่ 39

ดีใจที่ป้าพาเดินข้ามสะพานจากทางนี้แทนที่จะหาวิธีขับรถผ่าเข้าไป
วิวของ kremlinจากอีกฝั่งแม่น้ำนั้นช่างสวยงามจริงๆ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:30:51 ]
ความเห็นที่ 40

มีเรือรบดูขลังเชียว

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:31:12 ]
ความเห็นที่ 41

บนสะพานมีล็อคแขวนเต็มเลย
เชื่อว่าจะทำให้ความรักนั้นคงอยู่คู่กันชั่วนิจนิรันดร

อะไรจะปานน้านนนน

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:31:30 ]
ความเห็นที่ 42

ข้ามมาถึงอีกฝั่งก็ได้มาเจอกับไฮไลท์
ที่ Novgorod  นี่มีโบสถ์ที่แรงมากกกก คือ St. Sophia
ที่โด่งดังขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่า St. Sophia เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่เป็นอันดับหนึ่งในประเทศรัสเซียเลย
ย้ำนะคะว่าหนึ่งเดียวในดวงใจ ไม่ใช่แนว one of the อย่างอันอื่นๆ

St. Sophia นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่ก่อสร้างด้วยหินที่เก่าแก่ที่สุดในรัสเซีย
โบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของเจ้าชาย Vladimir โอรสองค์โตของเจ้าชาย Yaroslav ในศตวรรษที่สิบเอ็ด
โบสถ์นี้ถูกใช้เป็นท้องพระคลังอันแรกของเมือง Novgorod
และชั้นสองยังเป็นห้องสมุดที่เก่าแก่เกือบที่สุดในประเทศ

ปัจจุบัน โบสถ์นี้ยังคงมี frescoes จากศตวรรษที่สิบสองหลงเหลืออยู่
และเป็นที่เก็บรักษารูปบูชา iconostases จากศตวรรษที่สิบเจ็ด
โดยเฉพาะรูปบูชามหัศจรรย์จากศตวรรษที่สิบสองคือ “The Sign of the Holy Virgin”

ที่ว่ามหัศจรรย์นั้นเป็นเพราะ เมื่อครั้งออกรบพุ่งกับข้าศึก ชาวรัสเซียได้เอารูปนี้ออกไปด้วยเพื่อปลุกขวัญกำลังใจ
ระหว่างรบลูกธนูจากศัตรูได้พุ่งปักลงที่ตาของพระแม่มารี
รูปพระแม่มารีนั้นหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายเลือด และทันใดนั้นเอง ทหารฝั่งตรงข้ามก็เกิดอาการตาบอดมองไม่เห็นกันหมดสิ้นจนต้องถอยทัพกลับไปจนชาวรัสเซียได้ชัยชำนะมาครอง
จากนั้นรูปบูชานี้จึงถูกยกขึ้นเป็นรูปบูชาศักดิ์สิทธ์ที่มีความมหัศจรรย์

และเพราะเป็นที่ตั้งของ “The Sign of the Holy Virgin” นี่เองที่ทำให้โบสถ์ที่นี่กลายเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับต้นๆในประเทศที่ชาวคริสต์นิยมมาแสวงบุญ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:32:13 ]
ความเห็นที่ 43

ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าบนยอดโบสถ์มีนกอยู่ตัวหนึ่ง

เมือง Novgorod นั้น มีตำนานเรื่องเล่า (ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่จริง) เกี่ยวกับ Ivan The Terrible อยู่มากมาย
อย่างนกพิราบขาว (dove) บนยอดโบสถ์นี้นั้น ตำนานกล่าวไว้ว่า Ivan The Terrible นั้นทรงพิโรธชาว Novgorod ที่ทำสนธิสัญญากับชาวโปแลนด์ จึงวางแผนลงโทษโดยการจัดงานเลี้ยง เชิญคนมามากมาย แล้วสั่งตัดหัวชาวเมืองกว่าหกพันคนแล้วโยนศพลงแม่น้ำ
เพราะเลือดร้อนๆที่ไหลหลั่งลงแม่น้ำทำให้แม่น้ำ Volkhov นั้นไม่เคยจับแข็ง
ส่วนนกพิราบบนยอดนั้น เกิดจากนกพิราบตัวหนึ่งบินผ่านมาและได้และเห็นความโหดร้ายป่าเถื่อนจนตกใจตัวแข็งกลายเป็นหิน(ทอง?)อยู่บนยอดกางเขนแต่นั้นเป็นต้นมา

ไกด์เล่าจบก็สำทับว่า เป็นเรื่องเล่าลือเฉยๆจ้า เพราะแค่เวลาสร้างกับเหตุการณ์ที่อ้างอิงเวลาก็มั่วแล้ว อะไรอย่างนี้

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:32:55 ]
ความเห็นที่ 44

ติดๆกันกับวิหาร St. Sophia นั้นเป็น bell tower อันเป็นที่เก็บระฆังมากมาย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:34:01 ]
ความเห็นที่ 45

หนึ่งในนั้นคือระฆังใหญ่ยักษ์ที่ชื่อ Tsar bell

มีตำนานเกี่ยวกับ Tsar bell อีกเช่นกัน
ว่ากันว่าตอนที่ Ivan The Terrible เสด็จประพาส Novgorod ม้าของพระองค์ตื่นตกใจและสลัดพระองค์ตกลงมา
ตอนแรกโทษกันว่าระฆังนั้นตีเสียงดังทำให้ม้าทรงของพระองค์ตกใจ จึงมีดำริที่จะประหารผู้ตีระฆัง
แต่แล้วทราบภายหลังว่า ม้าตกใจเพราะเห็นงู พระองค์จึงทำทีว่าลงโทษระฆังแทนคนตีโดยการตัดหู(ที่แขวน)ระฆังและนำลงมาวางไว้ที่ชั้นล่าง

เล่าจบไกด์ก็บอกหยอดท้ายว่า โม้อีกเหมือนกันจ้า

ระฆังใบนี้เมื่อตอนนาซีบุกชาวรัสเซียได้พยายามนำลงเรือไปซ่อน แต่เรือกแตกและจมทำให้ระฆังดำดิ่งสู่ก้นแม่น้ำ
หลังสงครามจึงมีการไปกู้ขึ้นมาวางตั้งไว้อย่างที่เห็น

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:34:27 ]
ความเห็นที่ 46

เดินไปเดินมา คุณน้องเอลิน่าก็เดินนวยนาดตามมาทัน
เราก็แบบว่า เป็นห่วงนะตัวไปไหนมา
เธอก็ยังลัลล้า ไม่สนใจใครบอกว่า กลัวอะไรจ๊ะ ชั้นมีมือถือ
อ่าว แล้วไม่โทรมา ปล่อยป้าไกด์ซีเครียดอยู่ตั้งนาน

และแล้วสมาชิกครบทีมก็เดินไปลุยไอเท็มสุดท้าย คือ Millennium of Russiaอันเป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองรัสเซียครบพันปีในปี 1862
โดยนับจากเหตุการณ์ที่ชาว Rurik เข้ามาตั้งบ้านเมืองที่ Novgorod

รูปร่างของอนุสาวรีย์นี้คล้ายกับระฆัง ด้านบนและด้านข้างแสดงเรื่องราวสำคัญในประวัติศาสตร์ของรัสเซียไว้
Orb กลมๆนั้นแทนอาณาจักรของรัสเซีย
รูปราวเรื่องเล่ากล่าวถึงช่วงเวลาที่สำคัญหกช่วงคือ
ช่วงที่ชาว Rurik ก่อตั้งรัสเซีย
ช่วงที่เจ้าชาย Vladimir นำศาสนาคริสต์ Orthodoxเข้ามาเป็นศาสนาประจำชาติ
ช่วงที่ Dmitry Donskoi ต่อสู้จนรัสเซียชนะและสามารถขับไล่ชาว Tatars
ช่วงที่ Ivan the Great ปกครองรัสเซียด้วยระบบ Tsar และขยายพระราชอำนาจแผ่ไพศาลจนรัสเซียยิ่งใหญ่กว้างไหล
ช่วงที่ Michael ขึ้นครองราชย์อันเป็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์โรมานอฟ
และสุดท้าย ช่วงที่ Peter the Great นำชัยชนะมาสู่ประเทศและสร้างความเจริญก้าวหน้ามากมายให้แก่รัสเซีย
ส่วนด้านบนนั้น นางฟ้าอันเป็นตัวแทนของศาสนาคริสต์ Orthodox กำลังให้ศีลให้พรแก่หญิงสาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของประเทศรัสเซีย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:34:51 ]
ความเห็นที่ 47

รัสเซียสวยมากครับ  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

จากคุณ : เล็กทาโร่ [3 ก.ค. 54 17:35:18 ]
ความเห็นที่ 48

จบจากทัวร์เมือง Novgorod อันน่าประทับใจเราก็ร่ำลาเจ้าป้า ให้ติ๊ปกันเป็นที่เรียบร้อยก่อนจากกัน

ทริปนี้เรามีทริกพิเศษ
เนื่องจากคราวก่อนที่ไปจอร์แดน เวลาให้ทิปน้อย (เราว่าเยอะแล้วนะ) บางทีเค้ามีทำท่าไม่พอใจ
คราวนี้เราเลยใช้วิธีใส่ซองปิดผนึก
ถ้าเค้าเขินไม่กล้าฉีกกันซึ่งๆเค้าก็จะไม่เห็นและไม่ได้จังหวะวีนเราก่อนจะจากกันไปด้วยดี

จริงๆทริปนี้คงไม่ค่อยมีปัญหาเพราะดูไกด์ไม่ได้คาดหวังทิปอย่างไรไม่รู้
เวลาร่ำลาก็หันหลังจากไปอย่างว่องไวจนเราเรียกไว้แทบไม่ทัน
แถมเค้าพูดดี เนื้อหาแน่นขนาดนี้ เราก็ต้องใจป้ำทิปเยอะอยู่แล้วเป็นธรรมดา

แต่สรุปว่า มุขใส่ซองนี่ดูจะเวิร์คดีอยู่มาก


แยกจากป้าแล้วก็ให้คุณน้องพาไปกินข้าว
วันนี้เป็นอาหารแบบโรงอาหาร มีถาดมาเลย อนาถพอสมควรเลยไม่มีอะไรต้องเล่า
ยัดกันจนอิ่มอย่างรวดเร็วแล้วก็ได้ฤกษ์กลับเข้าเมืองกัน

กลับถึงก็ต้องร่ำลาอีกรอบ คราวนี้กับคุณน้องเอลิน่า
ที่เธอรีบจดชื่อที่จะให้ไปแอดเฟซบุคมาเป็นที่เรียบร้อย


รูปคุณน้องหมุนตัวเต้นบัลเลต์ลัลล้าอยู่กลางสวน ณ Novgorod

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:35:48 ]
ความเห็นที่ 49

หลับสัปหงกกันมาในรถหลายชมก็พอจะชาร์ตพลังไปได้บ้าง

มาถึงเราก็เลยขุดความถึกออกมาใช้ต่อด้วยการไปเก็บ St. Isaac Cathedral กันเองต่อ
แบบว่าเห็นพยาการณ์วันต่อๆไปไม่น่าไว้วางใจ เลยอยากเก็บรูปวันที่ฝนไม่ตกไว้เผื่อเหนียว

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:36:18 ]
ความเห็นที่ 50

เพื่อที่จะได้วิวของ St. Petersburg จากมุมสูง เราก็ต้องลงทุนปีนบันไดกันหน่อย
เบาะๆ สามร้อยขั้นเท่านั้นเอ๊ง

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:37:23 ]
ความเห็นที่ 51

วิวทิวทัศน์ที่เห็นนั้น ทำเอาหายเหนื่อยไปเลย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:37:48 ]
ความเห็นที่ 52

เห็น The Church of Our Savior on Spilled Blood จากมุมสูงด้วย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:38:08 ]
ความเห็นที่ 53

Hermitage กับ winter palace ก็แจ่ม

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:38:24 ]
ความเห็นที่ 54

ปิดท้ายด้วย Admiralty กับ Peter and Paul Fortress ไกลลิบๆ

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:38:56 ]
ความเห็นที่ 55

แต่ยัง วันอัดแน่นของเรายังไม่จบแค่นั้น
ปีนกะไดกลับลงมา แล้วเราก็ได้วิ่งหน้าตั้งไปรายการสุดท้าย
คือ ไปดู folk show ที่ตั้งชื่อไว้เสียเก๋ไก๋ (ไม่ก็แปลกประหลาด) ว่า  ‘Feel Yourself Russian’

โชว์นี้อยู่ที่ Nikolaevsky Palace ข้างในเลยวิ้งๆอย่างนี้


ที่เห็นคนเยอะๆคือตอนต่อแถวกิน
เพราะรายการนี้เค้าโฆษณาไว้ว่า Tickets include canapé buffet, caviar, and drinks during intermission
ซึ่งออกมาเป็นคานาเป้ชิ้นเล็กจิ๋วจำนวนไม่พอคนดู
ส่วนแอลกอฮอล์มีไวน์มีแชมเปญไม่อั้นจริง แต่เราก็ดันไม่กินซะอีก

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:39:23 ]
ความเห็นที่ 56

ตัวโชว์ก็ขำๆดี มีกระโดดตีลังกา เต้นรำ
สาวๆชอบส่งเสียงวี๊ดว๊าย ส่วนหนุ่มๆก็เต้นอ้อล้อจีบสาว
ดูแรกๆก็ขำๆดี
แต่พอจีบกันไปมาทุกเพลง แค่เปลี่ยนท่าเต้นเล็กน้อยก็แอบเริ่มจืดอยู่เหมือนกัน

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:39:47 ]
ความเห็นที่ 57

แต่ที่ต้องยอมรับว่าอลังการและไม่ค่อยซ้ำก็คือเครื่องแต่งกาย
ได้อารมณ์พื้นเมืองดีอยู่เลย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:40:07 ]
ความเห็นที่ 58

จบจากระบำพื้นเมืองเราก็ซมซานออกมาด้วยความหิวโหย

ระหว่างทางเดินกลับโรงแรมก็เจอร้านอาหารยังไม่ปิดอยู่ร้านหนึ่ง
บรรยากาศดูหรูเวอร์ไปนิดแต่ด้วยความหิว เราก็เลยหน้ามืดตาลายเดินมึนเข้าไป

ปรากฏว่า น่าจะเป็นแนวเลาจ์แบบฮิปๆอยู่
แสงสีนี่ม่วงมาเชียว
หน้าร้านมีเฟอร์รารี่กับพอร์ชจอดไว้ เอื้อกกกก

แถมเข้าไปมีเซเลบแบบที่มีนักข่าวแบกกล้องมาตามถ่ายรูปมานั่งกินอยู่โต๊ะตรงข้ามอีกต่างหาก

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:40:34 ]
ความเห็นที่ 59

ด้วยความหิว เราก็สั่งกันมาทันใด
เราใช้พลังเนิร์ดนั่งสะกดภาษารัสเซียเอา

โชคดีที่ดูเมนูจะเป็นทับศัพท์ แบบเป็นคาโบนาร่าสปาเกตตี้ อะไรอย่างนี้
อ่านออกก็รู้เรื่องอยู่

เลยซัดพาสต้าหมึกไปหนึ่ง

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:41:03 ]
ความเห็นที่ 60

และเราก็ไม่ลืมสั่งอาหารพื้นเมืองหนึ่งเดียวที่รู้จักชื่อ คือ beef stroganoff นั้นเอง

ที่เห็นเหลืองๆข้างนอกเป็นมันบดรสนุ่มหอมเนย
ส่วนเนื้อหั่นมาเป็นชิ้นเล็กๆ มากับซอสเห็ด มีกลิ่นคล้ายๆไวน์ขาวนิดๆ

มื้อนี้ไม่แพงอย่างที่คิด เมื่อเทียบกับบรรยากาศไฮโซของร้านที่ทำเอาเสียวหมดตัว
แต่ที่ฮาคือเราส่งเดบิตการ์ดรูป Hello Kitty ให้เค้าอย่างเซล์ฟ แล้วการ์ดดันรูดไม่ผ่าน
เพิ่งมารู้ที่หลังว่าธนาคารอเมริกาพารานอยด์มาก
ถ้าเห็นรูดมาจากที่แปลกๆมันจะตัดไม่ให้ผ่านเองเลยทันที

เราไม่ได้แจ้งเรื่องไว้ โชคดีที่เพื่อนๆรอบคอบกัน มีโทรไปบอกแบงก์ไว้ ใบอื่นเลยใช้งานได้
เฮ้อ...ไม่งั้นต้องอยู่ล้างจานแล้วเนี่ย

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:41:29 ]
ความเห็นที่ 61

และแล้ววันที่สองก็จบลงอย่างอัดแน่นเช่นเคย
วันที่สามนั้นตามโปรแกรมเราเป็นประมาณนี้
จะถึกได้ครบตามที่วางแผนไว้หรือไม่ โปรดติดตามชมตอนต่อไป

จากคุณ : Mnemosyne [3 ก.ค. 54 17:41:59 ]
ความเห็นที่ 62

ชอบประเทศนี้มากที่สุดในโลกแล้วคะ ชอบภาษารัสเซียด้วย

อาหารอร่อย สรุปแล้วชอบทุกอย่างเลยคะ


เดี๋ยวจะตามอ่านนะคะ

จากคุณ : blackbubble [3 ก.ค. 54 18:09:23 ]
ความเห็นที่ 63

ตามไปเที่ยวด้วยคน  ภาพสวยมากค่ะ

จากคุณ : เอื้องเหมย [3 ก.ค. 54 19:21:42 ]
ความเห็นที่ 64

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
เขียนสนุกมาก ๆ เลยค่ะ ข้อมูลแน่นปึ๊กเลย

จากคุณ : Freedom of Life [3 ก.ค. 54 20:08:17 ]
ความเห็นที่ 65

ตารางแต่ละวันแน่นสุด ๆ เลยครับ

จากคุณ : toytrip [3 ก.ค. 54 21:27:28 ]
ความเห็นที่ 66

ตามมาชมเช่นเคยครับ หวังว่าจะได้ตามรอยซักวันบ้าง

จากคุณ : Cherokee1 [3 ก.ค. 54 21:31:39 ]
ความเห็นที่ 67

ชอบรัสเซียเหมือนกันค่ะ อากาศเย็นสบาย สถาปัตยกรรมสวยมากกกก

เสียดายที่ยังไม่ค่อยมีความเป็นระเบียบเท่าที่ควร ตามซอกซอยสกปรกใช้ได้

อีกทั้งผู้คนไม่ค่อยยิ้มแย้ม แถมยังสูบบุหรี่ได้ทุกที่แม้กระทั่งในร้านอาหาร

ส่วนเราโชคร้ายเพราะช่วงที่ไป เป็นช่วงละอองเกสรปลิวว่อนทั่วเมือง

จากที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว กลับมาเลยได้ไซนัสมาเป็นของแถมฝากแม่ซะเลย

** ปล.นี่คือภาพละอองเกสรเจ้าปัญหาค่ะ เล่นเอาแย่เลย **

จากคุณ : Schmuckgirl [3 ก.ค. 54 21:37:24 ]
ความเห็นที่ 68

สถาปัตยกรรมบ้านเมืองเค้าสวยงามจริงๆครับ

จากคุณ : the Sixth Floor [3 ก.ค. 54 21:57:05 ]
ความเห็นที่ 69

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  ้

จากคุณ : phytoplankton [3 ก.ค. 54 22:57:11 ]
ความเห็นที่ 70

สวยมากค่ะ  ขอบคุณนะคะ กระพริบตา

จากคุณ : สาวหน้าใส [3 ก.ค. 54 23:22:08 ]
ความเห็นที่ 71

ขอบคุง สำหรับ รีวิว นะครับ ...... อ่านเพลินเลย ๆ     ^^

จากคุณ : ไฮเปอร์ แมเนีย [4 ก.ค. 54 00:42:39 ]
ความเห็นที่ 72

สนุกมากเลยครับ เล่าละเอียดยิ่งกว่าไกด์บุคอีกครับ...ขอบคุณมากๆเลยครับ

จากคุณ : mordek1 [4 ก.ค. 54 05:41:01 ]
ความเห็นที่ 73

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ข้อมูลรายละเอียดนี่เยอะดีครับ

จากคุณ : Destiny-Boy [4 ก.ค. 54 07:43:59 ]
ความเห็นที่ 74

เป็นประเทศที่น่าไป
เล่าให้ละเอียดมากค่ะ
ขอบคุณที่รีวิวนะคะ

จากคุณ : +G@To+ [4 ก.ค. 54 11:42:48 ]
ความเห็นที่ 75

มีโอกาสก็อยากกลับไปอีกค่ะ แต่คราวหน้าจะนั่งรถไฟสายทรานไซบีเรียด้วยเรยยย

จากคุณ : sueko [4 ก.ค. 54 22:27:08 ]
ความเห็นที่ 76

ขอบคุณที่พาเที่ยวนะครับ

จากคุณ : noiwanwannoi [5 ก.ค. 54 05:28:52 ]
ความเห็นที่ 77

ละเอียดมากๆค่ะ จำไกด์เล่าได้ด้วยเป็นเราลืมตั้งแต่กลับมานั่งรถแล้ว

ตามตอนต่อไปนะคะ

จากคุณ : ไฉ่หง [8 ก.ค. 54 22:16:25 ]
ความเห็นที่ 78

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

จากคุณ : Us-Sama Iland [12 ก.ค. 54 14:35:14 ]
ความเห็นที่ 79

ขอบคุณสำหรับรีวิว ภาพสวย พร้อมข้อมูลแน่นค่ะ
มาขอเก็บข้อมูล ไปตามรอยด้วยนะคะ
คุณนีมี่ จำได้ละเอียดดีจัง  เก่งอ่ะค่ะ ชื่นชม ๆ flower

จากคุณ : PopCycle [19 ก.ค. 54 17:14:01 ]
ความเห็นที่ 80

ขอบคุณทุกๆคนมากค่า
จดที่ไกด์พูดมาบ้างค่ะ แล้วก็ซื้อหนังสือมาทุกเมืองเลย
แต่เขียนรอบนี้ยังไม่ลงรายละเอียดจากหนังสือมาก กลัวจะกลายเป็นสารคดีไป เหะๆ

เพราะชอบฟังเรื่องราวเหล่านี้ล่ะค่ะ เราถึงลงทุนกับการมีไกด์
เพราะหลายๆอย่างอ่านเอามันจำไม่ได้เท่าได้ฟังระหว่างที่เดินดู
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยหลายๆอย่างที่ไกด์เล่าสนุกนี่แทบไม่ต้องจดล่ะค่ะ จำแม่นเลย

ตอนต่อไปมาแล้วนะคะ
~ { Mneme in Russia } เก้าวันตระการตากับประเทศรัสเซีย 3: Pavlovsk & Catherine Palace ~
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10849027/E10849027.html

จากคุณ : Mnemosyne [27 ก.ค. 54 01:31:39 ]