ผ่านไปแล้ว 2 วัน มาต่อที่วันที่ 3 วันนี้เราจะนั่งรถไฟจาก Florence ไป Pisa กันค่ะ

แถมวันนี้ก็ยังคงมีเรื่องให้ลุ้นตลอดๆ เพราะขากลับเกือบหวิดๆ ไม่มีตั๋วขึ้นรถไฟกลับมา Florence อีกต่างหาก - -"

วันนั้นเราคุยกับสามีว่า "นี่เราจะเที่ยวกันแบบลุ้นๆจนจบมั้ยเนี่ย 555"

Day3: Italy - Pisa - Leaning Tower

สำหรับโปรแกรมเที่ยววันนี้ค่อนข้างจะหลวมๆ เพราะ 2 วันแรกมีแต่เดินๆๆ วันนี้เลยผ่อนๆลงมานิดนึง แถมสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ  ก็อยู่รวมกันเป็นกระจุก ไม่ต้องเสียเวลาเดินมากด้วย 

ไปเอนๆเอียงๆ สูดอากาศดีๆด้วยกันที่ Pisa เลยค่า

Day1: [West Europe in April] Italy - Rome ตกเครื่องบิน วิ่งขึ้นรถไฟ เดินเดินและเดิน

Day2: [West Europe in April ] Italy - Florence เข้าวาติกันแบบหวิดๆ ปิดท้ายด้วยพระอาทิตย์ตกดินที่ Florence

รูปสวยจังเลย

วันนี้เรากับสามีตื่นแต่เช้ากันเหมือนเดิม สามีอุส่าห์ไปหาตลาดตอนเช้ามาให้ภรรเมียเดินชม  แต่สุดท้ายกลายเป็นตลาดขายกระเป๋าหนังล้วนๆ

แต่คุณภาพดีมากนะคะ ไม่แพงด้วย แต่ตอนนั้นเพิ่งจะประเทศแรก แล้วเรายังไม่อยากช๊อปมาก กลัวจะแบกไม่ไหว ยังเหลืออีกหลายวัน

ก็เลยแค่เดินผ่านไป ..เช้าๆแบบนี้อากาศเย็นพอสมควรเลยค่ะ พอมีลมพัดมา ก็หนาวยะเยือกที  ยิ่งเราเป็นคนขี้หนาวด้วยแล้ว หึหึ เสื้อกันลมเท่านั้นที่ช่วยเราได้ ^^

ที่พูดแบบนี้กำลังจะบอกว่า พวกเสื้อไหมพรมเราใส่เดี่ยวๆไม่มีผลเลย เพราะลมพัดที ก็หนาวไปถึงข้างใน แถมทำให้กระเป๋าเดินทางเราตุงด้วย

ดังนั้นไม่ต้องเอาไปเยอะก็ได้  อากาศแบบนี้เสื้อกันลมดีสุด แต่ให้ติดเสื้อไหมพรมไปไม่ต้องเยอะ เน้นใส่ซ้ำเอา :P

เดินตลาดแบบผิดหวังๆเสร็จแล้ว กลับไปที่สถานีรถไฟดีกว่า วันนี้เราจะไป Pisa กัน

สถานีรถไฟตอนเช้า .. ผู้คนก็เริ่มเดินกันขวั่กไขว่แล้วนะคะ

แพลนวันนี้เราไม่ได้ซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้า ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นพยายามจะซื้อล่วงหน้าผ่านเวบ แต่มันไม่มีให้ซื้อ ก็เลยช่างมัน

เช้าวันนี้เลยเดินหาตู้ขายตั๋วแบบ Self Service ซื้อง่ายมากๆค่ะ แต่เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปลงสถานีไหน จะได้จิ้มถูก

เจอตู้แบบนี้ก็เดินเข้าไปซื้อ กดๆ จิ้มๆเองได้เลยค่ะ ง่ายมาก มีภาษาอังกฤษให้เลือกด้วย  มองหารูปธงอังกฤษไว้เป็นดีค่ะ

ขอบคุณค่า คุณ toastlover

สถานีรถไฟปลายทางที่เราดูจาก Google Map ดูๆแล้วที่ใกล้กับ Leaning Tower of Pisa หรือหอเอนเมืองปิซ่า น่าจะเป็น Pisa S.Rossore

ดังนั้นเวลาซื้อตั๋วต้องดูสถานีให้ดีๆนะคะ เพราะมันมีอีกอันเป็น Pisa Centrale ซึ่งถ้านั่งจากฟลอเรนซ์ไป จะถึงสถานีนี้ก่อน อย่าเพิ่งลง ให้นั่งต่อไปอีกสถานี จะเดินไปหอเอนใกล้กว่า

เวลานั่งรถไฟในอิตาลี สิ่งที่สำคัญมากคือ ต้องฟังและดูว่าถึงสถานีไหนแล้ว เพราะในรถไฟบางทีเจอขบวนไม่ใหม่มาก จะไม่มีบอกในขบวน

หากไม่ได้เตรียมข้อมูลมาดีพอ หรือสัมภารกเยอะ ขอให้จำไว้ว่าสถานีก่อนที่จะถึงสถานีที่เราจะลงคือสถานีไหน พอได้ยินแล้วก็เตรียมตัวได้แล้วค่ะ เพราะบางสถานีจอดแป๊บเดียว มัวแต่มึนๆงงๆ ลงไม่ทันนั่งเลยป้ายไม่รู้ด้วย

* Pisa Centrale ในขบวนจะได้ยินประกาศว่า "ปิซ่า เซนทราเล่"
* ชื่อสถานีที่มีตัวย่อเช่น Firenze SMN จริงๆแล้วคือ Santa Maria Novella เวลา Search ใน Trenitalia ก็อาจจะต้องพิมพ์ว่า Firenze SMN เป็นต้น

ไปวันแรกๆบางทีจะยังจับใจความไม่ได้ สำเนียงแต่ละประเทศก็ต่างกันไป ของอย่างนี้ต้องเคยดูไปบ้างว่ามีสถานีไหนอะไรยังไง เวลาไปได้ยินเค้าพูด มันก็จะพอกล้อมแกล้ม อ๋อๆ อันนี้แน่เลย ไรงี้อะค่ะ ^__^

Graffiti ที่มีให้เห็นตลอดทาง .. โดยเฉพาะสถานีรถไฟ

ทริปนี้ไม่ลืมที่จะเอา Tag Blueplanet ที่ฝากเพื่อนซื้อเมื่อปีก่อนโน้นไปด้วย เวลาเดินเที่ยวแล้วเจอคนไทยด้วยกัน  เค้าจะรู้เลยว่าเรามาจากไหน 555

เพราะคนประเทศอื่นในเอเชียที่ไม่รู้จัก Blue  Planet มักจะคิดว่าเราเป็นคนจีนไม่ก็ญี่ปุ่น

บางที Soundtrack ใส่มาเป็นชุดเลย กะว่าเจอคนบ้านเดียวกันแล้วเว้ยยย ที่ไหนได้เราพูดกลับไปว่า "Sorry  I'm not chinese girl, English please" เค้าทำหน้าจ๋อยเลย

บางคนพูดอังกฤษไม่ได้เลยจริงๆ สุดท้ายเลยทำท่าถ่ายรูปให้เราดู 555 ก็แค่น้านแหละ ถ่ายให้ๆ

ทริปนี้เจอคนขอให้ถ่ายรูปให้เยอะมาก คงเห็นว่าเราถือกล้องตัวเบ่อเร่อ555 คือภายนอกมันดูโปร๊โปร แต่จริงๆแล้วเราถ่ายแบบไม่มีทฤษฎีอะไรเลย เอาแค่ว่าไม่มัว องค์ประกอบภาพพอไหวก็ดีถมแล้ว อาศัยมา PS เอา

ช่วงที่เราไปประมาณต้นเดือนเมษา  2011 ที่ผ่านมานี้ อากาศดี แดดจ้า แต่ไม่ร้อน ยิ่งช่วงเช้าตรู่ กับหัวค่ำถึงดึกๆ อากาศหนาวเลยทีเดียวเชียว

บรรยากาศระหว่างทางจาก Florenze ไป Pisa ก็เห็นดอกไม้สีเหลืองๆนี้ล่ะค่ะ ดูเพลินไปเลย ไม่รู้ว่าเป็นดอกอะไรด้วยสิ

ไปด้วยครับ

ขึ้นรถไฟไปด้วยกันเลยค่า คุณ ข้าวซอยคอยเครื่องเคียง

ตะกี้ลืมบอกไปตั๋วรถไฟที่เราซื้อที่สถานีที่เครื่องปริ้นออกมาเป็นใบเล็กๆ สี่เหลี่ยมผืนผ้า จะต้องเอามาสอดเข้าเครื่องสีเหลืองๆหน้าตาแบบนี้ก่อนนะคะ เพื่อ Validate

อย่าลืมเด็ดขาด ต่อให้ต้องวิ่งขึ้นรถไฟยังไง สอดมันเข้าไปในเครื่องนี้ก่อนค่ะ Validate ไปก่อนปลอดภัยที่ซู๊ดด

* แต่ถ้าเป็นตั๋วที่ซื้อผ่านเวบ จ่ายตังค์ไปแล้ว อันนั้นปริ้นแล้วถือขึ้นรถไฟได้เลยค่ะ

ย้อนมานิดนึง ขบวนรถที่จอดเรียงรายอยู่ตาม Platform ต่างๆ มีหลายรุ่น หลายแบบมากๆ แต่รถไฟที่อิตาลียังไม่เดิ้นเท่ารถไฟที่สวิส ไว้มารอชมกันต่อไปค่ะ

Eurostar AV ที่เห็นกันบ่อย ขบวนแบบนี้เท่าที่สังเกตจะวิ่งระยะทางไกลๆซะมากกว่าค่ะ อันนี้จะใหม่หน่อย

ไปเที่ยวปีซ่าด้วยคนนะครับ

เบาะที่นั่งในแต่ละขบวนก็ไม่เหมือนกัน หากซื้อตั๋วแบบที่ไม่ต้อง Reservation ที่นั่ง ขึ้นไปแล้วจะนั่งตรงไหนก็นั่งได้เลยนะคะ

แต่ถ้าเป็นขบวนที่ต้องจองที่นั่ง หากคุณไม่ได้จองมา ซักพักจะมีคนที่เค้าจองขึ้นมานั่ง  ก็ต้องลุกให้เค้านั่งนะคะ

ส่วนใหญ่ขบวนที่วิ่งใกล้ๆ ระหว่างเมืองไม่ไกลมาก ไม่ต้องจองค่ะ ขึ้นไปนั่งตรงไหนก็ได้

อิอิ ตามมาเลยค่า คุณ inint&anant พาสองคุณนายไปด้วยก็ได้นะคะ 55

เราเพิ่งจะรู้ตอนไปแล้วนี่แหละว่าสถานี Pisa S. Rossore นี่ค่อนข้างจะเงียบเหงา ประมาณว่าไม่ใช่สถานีหลักน่ะค่ะ แต่เราดูใน Google Map มามันใกล้หอเอนมากกว่า เลยมาตายเอาดาบหน้านี่แหละ

พอลงจากรถไฟแล้ว เราจะเจอนักท่องเที่ยวลงที่สถานีนี้เหมือนกัน  ดังนั้นเราก็เดินๆตามเค้าไป บวกกับดูป้าย เปิด GPS จาก iPad ของเราไปด้วย  เดินผ่านบ้านคนมาไม่นาน ก็เห็นหอเอนอยู่ลิบๆแล้วค่ะ ไปไม่ยากเลย

วันนี้ทั้งวัน .. เราจะขลุกอยู่แค่ตรงนี้แหละ 555 เพราะ Pisa ที่เราสนใจมีแค่นี้เอง บวกกับขาเราบอกว่า "ตรูเมื่อยแล้วนะ"

วันนี้ยังคงโชคดี เจอแดดจ้า ลมพัดเย็นสบาย บางคนก็มานอนอาบแดด อ่านหนังสือกันบนสนามหญ้าแถวๆนี้นี่แหละ

พักเหนื่อยก่อนน๊า .. 

การไปเที่ยวกันเองเพียง  2 คน  สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ "ขาตั้งกล้อง" แหะๆ ให้ใครถ่ายให้ ไม่สบายใจเท่าตั้งขาตั้งกล้องถ่ายเอง

อาจจะเมื่อยหน่อย เสียเวลาหน่อย แต่อย่างน้อยก็ได้อย่างใจ ใช่ม๊า

สามีตั้งขาตั้งกล้องถ่าย .. เนื่องจากติดพุงไม่สามารถก้มลงไปถ่ายมุมเงยได้ขนาดนี้ 555 ยอดโดมขาดไปหน่อยนึงเลย

สู้ตายค่า .. เห็นแดดจ้าแบบนี้  ตอนแรกนึกว่าจะร้อน พอถอดเสื้อกันลมปุ๊ป เง่ออ ลมพัดทีหนาวแฮะ ใส่กลับไปอย่างเดิมดีกว่า

เราถ่ายให้สามีบ้าง .. ไม่ได้เรื่องเลย 555 ตัวใหญ่เกิน กะไม่ถูก 

อิอิ ฝีมือไม่ดี ดันไปโทษเค้าอีก

วันนี้มีแต่รูปหน้าเรา อย่าเพิ่งเอียนกันละ 555 ไม่รู้จะถ่ายวิวอะไรมาให้ชม มีอยู่แค่กระจุกนี้นี่อะ ^^

* อุตส่าห์เตี๊ยมกันอย่างดีว่าให้ทำขาแบบไขว้ๆกันงี้นะ แต่ดูสามีสิ 555 ขาคู่ไม่ขาไขว้เหมือนเรา >_<

วิ่งไปวิ่งมาตั้งขาตั้งกล้องจนเหนื่อย เอิ๊กๆ

Scale ของสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ เมื่อเทียบกับขนาดของคนแล้ว ยิ่งใหญ่มากมาย คนสมัยก่อนเค้าสร้างกันขึ้นมาได้ยังไงนะ เก่งจริงๆ

หอเอนนี่แปลก .. ถ่ายไปถ่ายมากลายเป็นหอไม่เอนซะงั้น

จำได้ว่าถ่ายอยู่นานจนมึน .. เอ๊ะ เราต้องยึดเส้นไหนฟะเนี่ย หอมันถึงเอน

รูปนี้เลยกลายเป็นหอตรงไปเลย  555

บางรูปก็เอนเกินความเป็นจริงไปนะ 555

ยกกลับบ้านซะเลย ^^

ตอนแรกจะขึ้นหอเอนด้วย .. เดินไปถึงที่ขายตั๋วแล้วแหละ ปรากฎว่าเต็มยาวไปถึงบ่ายสาม เราเลยไม่เอาดีกว่า 

เลยไปหาอาหารจีนแถวนั้นกิน แล้วก็นั่งรถไฟกลับ Florenze

แต่ปัญหามันกำลังจะเกิดโดยที่เราไม่รู้  และไม่ได้เตรียมใจมาก่อน T_T

ปัญหาคือ ขามาเราซื้อตั๋วแบบ  One-Way เพราะเราไม่รู้ว่าขากลับเราจะกลับยังไง และตอนไหนยังไม่ได้คิด

ทีนี้ขากลับเราก็เดินออกมาทางเดิม .. ระหว่างทางก็เห็นมีตู้ขายตั๋วเล็กๆ อยู่ตลอดทางเลย แต่ลักษณะมันดูเหมือนไม่น่าจะใช้งานได้

เลยถามชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งที่เราเจอเป็นคนดำทั้งหมด กลัวอยู่ลึกๆ กลัวจะมาหลอกๆ หรือตื้อๆไรงี้

คือระวังไว้ก่อน แต่ก็ไม่แสดงออกว่ากลัว 555

ปรากฎว่าเค้าบอกว่าไปซื้อที่สถานีได้เลย ตู้นี่ใช้ไม่ได้  บลาๆ เราก็อะโอเค เดินกลับไปทางเดิมจนถึงสถานี Pisa S. Rossare

คือขากลับเนี่ย เพิ่งจะมีสติว่าโหหหห สถานีมันร้างจังเลย ไม่เหมือนขามา เรายังมีนักท่องเที่ยวที่มาจาก Florenze นั่งมาด้วย ลงสถานีนี้ด้วยกัน แต่ขากลับไม่มีใครกลับพร้อมเรานิหว่า 

เอาไงดี ไหนฟะตู้ขายตั๋ว พนักงานซักคนยังไม่เจอเลย (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ด้วยมั้ง)

เดินสติแตกมองไปมาอยู่พักนึง ก็เจอตู้สีเทาๆ ดูไม่น่าดึงดูดว่าเป็นตู้ขายตั๋วเลย ฮ่าๆๆ

ก็เลยเดินดุ่มๆไป กดๆจิ้มๆ ซื้อไม่ได้ซะที ยังไงดีเนี่ย เราวิ่งไปดูเวลาว่ารถไฟจะมาอีกรอบกี่โมง สามีก็ลองกดไปเรื่อยๆ

สุดท้ายก็ซื้อได้  คือลองผิดลองถูกสุดๆ  กลัวเครื่องกินเงินไปด้วยไม่ใช่ไร แต่ปรากฎว่าไอ้เครื่องนี้ไม่ทอนตังค์ง้ะ T_T

โชคชะตาจะเล่นตลกอะไรอีก ตั้งหลาย Euro นะเฟ้ยยยยยย

ไปๆมาๆมันไม่ทอนเป็นเงิน แต่มันทอนมาเป็นตั๋วแลกเงิน ไซส์เดียวกันกับตั๋วรถไฟเลย  พอได้ตั๋วรถไฟมาปุ๊ปไม่ลืมที่จะ Validate เสร็จแล้วก็รีบวิ่งไปรอที่สถานี

รอได้แป๊บนึงพอให้เราได้ศึกษาว่าเราจะต้องดู Board ตารางรถไฟยังไง พักนึงรถไฟก็มา ขึ้นทันพอดี >_<

ขึ้นไปปุ๊ปก็ไปนั่งคิดกันต่อว่าแล้วไอ้ตั๋วแลกเงินที่ได้กลับมานี่จะต้องเอาไปทำไงต่อเนี่ย

พอถึง Florenze ก็เลยเดินดุ่ยๆไปที่ Biglietti หรือเคาทเตอร์ขายตั๋ว(โดยคน) นี่แหละ

สรุปว่าต้องเอาตั๋วแลกเงินที่เครื่องมันทอนมา มาแลกเป็นเงินที่เคาทเตอร์นี่ล่ะค่ะ พนักงานก็ให้เงินตามหน้าตั๋วที่เราได้ เป็นอันเสร็จสิ้น

เย็นวันนั้นเลยไม่ได้ทำไรมาก .. เดินเล่นชิลล์ๆในเมืองฟลอเรนซ์ แล้วรีบเข้านอน

พรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้าไป Venice กัน

* ไว้จะเอารูปไอ้ตั๋วที่ว่านี่มาให้ดูนะคะ พอดีอยู่ใน Ext. HDD อีกอัน ขอบคุณที่ติดตามนะค๊าา

สวยมากครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

ตามไปอิตาลีด้วยค่ะ

รูปสวยจัง

น่าไปมากกกกกกกก

เจอแล้วค่ะ เจ้าตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วทอนมา แล้วเราต้องไปแลกเป็นเงินอีกที

หน้าตาเป็นเยี่ยงนี้ค่ะ :D

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ^^

อิอิ  ได้เลยค่าคุณๆทั้งหลาย ตามมาเที่ยวด้วยกันหลายๆคน ไม่เหงา ^^

ที่ที่เอาตั๋วไปแลกเป็นเงิน .. ก็มองหาเคาทเตอร์หน้าตาแบบนี้ไว้ค่ะ
ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง .. ยื่นตั๋วไปแล้วเดี๋ยวเจ้าหน้าที่เค้าจะให้เงินมาเองค่ะ

ตามไปด้วยคน
รูปสวยมากเลยค่ะ อยากมีโอกาสแบบนี้มั่ง อิอิ  ^^

ดอกไม้เหลืองวิวระหว่างนั่งรถไฟสวยจริงครับเสียดายไม่รู้ว่าดอกอะไร

ส่วนหอเอนปิซ่า เอนซะขนาดนั้นไม่น่าเชื่อว่ายังตั้งอยู่ได้
สมกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

สนุกมากเลยครับ...จะตามต่อนะครับ

เข้ามาเอียงๆเอนๆด้วยตอนดึกๆค่ะ
รูปสวยมาก  

ขำรูปหอตรงเมืองปิซ่า

ขอบคุณที่พาเที่ยวอิตาลีนะครับ

เข้ามาเก็บข้อมูลดังเดิมค่ะ  เรื่องตู้ขายตั๋วตามสถานีรถไฟย่อย ๆ เราสามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ไหมคะ ?


อ่อ ..  ขอแซวเจ้าของกระทู้นิดนึง ..
ตอนแรกที่เปิดกระทู้มา ก็แอบคิดว่า ว๊าาาา วันนี้เสื้อสีไม่สดเลย สีครีม ๆกลืนไปกับวิวด้านหลัง
แต่พอเลื่อนลงมาเรื่อย ๆ จนถึงความเห็นที่ 20   ถอดแจ๊คเกตแล้วยอมมมมมมค่ะ  สีสันจี๊ด ๆ กลับมาแบบเดิมแล้ว ^^


แล้วจะรอชมกระทู้ Venice นะคะ

เป็นรีวิวแรกที่ได้ชมหอเอน(มั่งไม่เอนมั่ง)แห่ง Pisa ค่ะ  สนุกดี

แอบบ่นอิตาลีด้วยคนค่ะ  ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ค่อนข้างมึนในเรื่องซื้อตั๋วรถไฟ ในวงเล็บว่าเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียงนะ

เห็นแล้วอยากไปเที่ยวอีกจังเลยครับ

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

รูปสวยมาก ๆ เลยค่ะ  แถมมีรายละเอียดอีก

ขอบคุณทุกคนเลยนะค๊าที่ไปตามเที่ยวด้วยกัน อิอิ เด๋วหยุดยาวนี้น่าจะมีเวลามาต่อที่เวนิสกัน ^_^ เสร็จแล้วเราจะข้ามประเทศไปสวิสเซอร์แลนด์กันแล้วน๊า

ตอบคุณ MollyJinx ที่ถาม "เรื่องตู้ขายตั๋วตามสถานีรถไฟย่อย ๆ เราสามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ไหมคะ ?"

เท่าที่เจอมา ต้องตอบว่า "แล้วแต่ประเภทของตู้ขายตั๋ว" ค่ะ แต่อย่างสถานีย่อยมากๆ บางทีไปเจอแบบเราไปวันอาทิตย์แบบนี้ ไม่มีแม้แต่เจ้าหน้าที่เลย และตู้ก็ออกแนวโบราณๆด้วยอะค่ะ ^^

ถ้าจะจ่ายด้วยบัตรเครดิต ตู้ที่เราเจอคือ ต้องรู้รหัสผ่านของบัตรเราด้วย แต่ด้วยความที่ตอนอยู่เมืองไทย เราไม่เคยใช้บัตรเครดิตซื้ออะไรแบบนี้ รหัสเราก็จะไม่เคยจำว่ามันคืออะไร ใช้รหัสไหน กลายเป็นว่าที่ไปเที่ยวนี่ เราไม่ได้ใช้บัตรเครดิตซื้ออะไรที่ต้องกดรหัสเลย เพราะไม่รู้รหัส 555

* ส่วนสีเสื้อแจ๊ดแจ๋ เราจงใจใส่สีเจ็บๆเองแหละค่ะ แต่บางวันก็เจ็บเกิน จนคิดว่าตัวเองเป็นนกแก้วมาคอร์ 555

เรื่องซื้อตั๋วเนี่ยดูงงๆ เนอะ ถ้าไปเองคงมึนมากๆ ค่ะ

ป.ล. รูปสวยมากค่ะ ชอบรูปความเห็นที่ 23 มากๆ

ตามชมเก็บข้อมูลเป็นระยะ ค่ะ ภาพสวย นางแบบน่ารักมากก