สวัสดีเพื่อนๆ ครับ ช่วงนี้งานยุ่งเลยทอดยาวมาครบเดือนพอดี จากในตอนที่แล้ว ผมเพิ่งกลับจาก สปป.ลาว โดยทางรถยนต์โดยสาร แต่เนื่องจากขาไป โดยสารทางรถไฟ ซึ่งรถผมก็จอดอยู่ที่สถานีรถไฟ จึงต้องนั่งรถสกายแล๊ปไปขับรถมารับ กลุ่มที่ข้ามแดนมาด้วยกัน แล้วก็โทรสอบถาม อีกกลุ่มที่เล่นน้ำตรงหาดจอมมณีใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งได้ความว่าเล่นกันเพลิน หากันไม่เจอ ผมเลยไปหาอะไรทานเข้าท้องก่อน เพราะตอนข้ามไปฝั่งลาว แม้แต่น้ำก็เกือบไม่ได้กิน เวลามันรัดตัวมาก อย่างที่บอกไปในตอนที่แล้ว (ตอนที่ 7 :ชมสะพานมิตรภาพฝั่งลาว) ตามลิงค์ข้างล่างนี้
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10684671/E10684671.html
วันนี้ก็มาว่ากันต่อครับ...เพราะยังมีภาระกิจสวยๆ งามๆ อีกมากกว่าจะกลับกรุงเทพฯ เชิญติดตามชมต่อได้เลยครับ
[13 ก.ค. 54 18:01:21
]
เรายังอยู่ใน เมืองหนองคาย จำต้องกางแผนที่ให้ดูก่อน จะได้ไม่งง (รีวิวตอนที่แล้ว ผ่านมา 1 เดือนเกือบลืมไปเหมือนกัน)
จากด่านรถยนต์ ตามเส้นสีชมพู มาผ่านซุ้มพญานาคอีกครั้ง แล้วไปเลี้ยวขวาที่ วงเวียนน้ำพุ หน้าอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ เลี้ยวขวา ไปแหล่งอาหารจานเดียว ที่ทานกันเมื่อคืน
[13 ก.ค. 54 18:13:53
]
ซุ้มพญานาค ที่มักจะต้องผ่านจุดนี้บ่อยๆ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[13 ก.ค. 54 18:15:04
]
เลี้ยวซ้ายเข้าเมืองไปนิดเดียวก็เจอวงเวียนน้ำพู หน้าอนุสาวรีย์ปราบฮ่อขวางอยู่ แต่เป็นวงเวียนที่ไม่ต้องเลี้ยวอ้อม เพราะวงเวียนตั้งอยู่เลยสามแยกไปนิด จึงเลี้ยวขวาตามสัญญาณไฟจราจรได้เลยครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[13 ก.ค. 54 18:20:59
]
ตามมาเที่ยวจังหวัดที่ 77 ด้วยคนค่ะ
[13 ก.ค. 54 18:24:18
]
ถนนสายนี้มีชื่อว่า ถนนประจักษ์ นับเป็นถนนที่มีความหนาแน่นของบ้านเรือนอยู่เยอะ ยิ่งเทศกาลสงกรานต์แล้วละก็ รถวิ่งช้าไม่แพ้กรุงเทพฯในชั่วโมงเร่งด่วนเลยละ
จากในรูป รถผมค่อยๆเคลื่อนตัวมาจนถึง ร้านอาหารจานเดียว ใกล้ๆ สนง.ประปาภูมิภาค เห็นรถเยอะ มองไกลๆ ยังกังวลว่าจะหาที่จอดได้หรือไม่
[13 ก.ค. 54 18:25:00
]
สวัสดีครับ คุณคนช่างฝัน สาวข้างบ้าน : ด้วยความยินดี ขอบคุณที่แวะเข้ามาทักทายท่านแรกในกระทู้ตอนนี้ครับ ขออภัยที่ยังอยู่หนองคาย เดี๋ยวไม่นานจะไป จ.บึงกาฬ น้องใหม่ กันครับ
ตอนนี้ผมก็(ได้)มาจอดฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหารจานเดียว(หน้าร้านอาหารไทยๆ) เมื่อคืนแล้ว แต่... สิ่งที่สนใจตอนนี้กลับเป็น กลิ่นหอมๆ จากหน้าการประปาฯ มากกว่าครับ
[13 ก.ค. 54 18:30:36
]
ไก่ย่างครับ เอ๊ย..ไก่หมุนครับ อาหารไทยอีสาน ที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องอดใจไม่ไหว เพราะเขาย่างกันทีละ ยี่สิบกว่าตัว! กลิ่นเลยฟุ้งเรียกคนไปไกลมาก (นี่ขนาดผมนั่งโพสอยู่นี้ยังนึกหิวขึ้นมาบ้างเลย)
ระหว่างรอก็เก็บภาพเครื่องย่างไก่หมุน แบบอัตโนมัติ ที่มีเจ้าไก่โต้งมายืนหมุนโชว์ให้ดูด้วย นับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งใช้งานได้จริงและดึงดูดลูกค้าไปในตัวด้วย
[13 ก.ค. 54 18:34:34
]
ทานเสร็จแล้วก็สั่งใส่ห่อไปฝากกลุ่มที่เหลือด้วย แล้วก็รีบวนรถไปรับที่ หาดจอมมณี หน้าการทาง ใต้สะพานไทย-มิตรภาพทันที
ช่วงนี้รถไม่ติดแล้ว แต่ยังมีคนเล่นน้ำกันประปราย แทบไม่น่าเชื่อว่าผมต้องมาตรงจุดนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว บรรยากาศแต่ละช่วงช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน
[13 ก.ค. 54 18:37:54
]
ภาพบน : เป็นบรรยากาศการเล่นน้ำที่ยังไม่ยอมเลิกกัน เพราะเป็นวันสุดท้ายของมหาสงกรานต์ปีนี้ ผมใช้เส้นทางผ่านโรงแรมที่พัก ตรงข้ามสถานีรถไฟตลาดหนองคายเก่า แล้วมาเลี้ยวขวาตรงแยกถัดจากสวนสาธารณะถิ่นไปเพื่อเข้าสู่ถนนใหญ่ มุ่งไป จ.บึงกาฬ
ภาพกลาง : ตอนนี้กำลังผ่านซุ้มพญานาคอีกครั้ง รถที่มาติดไฟแดงตรงนี้ ยังเล่นน้ำกันไม่เลิก
ภาพล่าง : ตอนนี้ก็ได้ออกมาจากเมืองหนองคายแล้ว ระหว่างแวะปั๊มน้ำมันก็ได้มีการโชว์บอยบนหลังคารถแบบไม่รู้ตัวมาก่อน...ฮา หลานผมเอง เปียกจากเล่นน้ำ ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะอยู่ในกระเป๋าบนหลังคารถ นี่โชคดีที่ไม่ใช่น้ำเค็ม เลยไม่ต้องหาห้องอาบน้ำ แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าก็พอแล้ว
[13 ก.ค. 54 18:48:10
]
ผมก็ได้มาถึง จ.บึงกาฬเกือบสี่ทุ่มเข้าไปแน่ะ... ระหว่างวนรถหาที่พัก ก็ได้เจอกับศาลสวยๆ กลางเมืองเข้าให้ ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลบึงกาฬพอดี เนื่องจากไม่เคยมาที่นี่อีกเช่นกัน เลยทำให้ต้องวนหาที่พักกันหลายตลบ เพราะกลัวจะแพง เนื่องจากต้องเปิด 3 ห้อง
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[13 ก.ค. 54 18:52:28
]
ตามไปเที่ยวจังหวัดใหม่ล่าสุดด้วยคนครับ
จากคุณ : เล็กทาโร่
[13 ก.ค. 54 18:55:07
]
ตามด้วยคนครับ
จากคุณ : กฤชพล
[13 ก.ค. 54 19:36:09
]
สวัสดีครับ คุณเล็กทาโร่ : กำลังเริ่มเข้า บึงกาฬพอดีครับ เชิญติดตามต่อได้เลยครับ
เสียเวลาไปทำแผนที่ เมืองบึงกาฬ มาให้ดูกัน แหม..ดันลืมจัดเตรียมไปซะนี่
[13 ก.ค. 54 19:41:48
]
สวัสดีครับ คุณกฤชพล : ด้วยความยินดีครับ
นับว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับผมเหมือนกัน ที่ไป จ.บึงกาฬ แต่ไม่ได้ไปเห็นบึงที่ชื่อว่า "บึงกาฬ" จริงๆ ได้แต่คุยกับ พนง.เคาท์เตอร์โรงแรมเท่านั้น ตอนขับรถกลับออกมาก็ไม่เห็นป้ายบอกทางไปดูบึงกาฬเลย แถมแผนที่ใน GPS Map ก็ไม่ทันสังเกตุ จนมาเห็นกูเกิ้ลแมปเมื่อสักครู่นี้เอง...ฮา
ในที่สุดก็ได้ที่พักซุกหัวนอนแล้ว...เฮ้อ! โล่งอกไปอีกคืน ที่โรงแรมสำราญ ทีแรกก็วนไปริมน้ำโขง เห็นโรงแรมแม่น้ำแล้ว ดูหรู คิดว่าคงแพงเลยไม่กล้าเขาไปสอบถาม ผ่านโรงแรมสมานมิตรก็ดูเหมือนม่านรูด สมาชิกที่มาไม่กล้าพักอีก.. จนได้เช็คอินแล้วสอบถาม พนง.เคาท์เตอร์ดู บอกว่า ราคาเดียวกับ โรงแรมแม่น้ำ... แต่ที่นั่นเก่ากว่าที่นี่
[13 ก.ค. 54 19:48:46
]
การมาพักที่นี่ มีอะไรมากกว่าที่อื่นคือ ได้ร่วมสมทบทุนทำบุญ ห้องละ 5 บาท (รวมอยู่ในราคาเข้าพักแล้ว) ราคาก็ย่อมเยา 350 เอง 3 ห้องก็ประมาณพันบาท พอจ่ายได้...อิอิ
รูปขวามือ เป็นภาพถ่ายในบอร์ดข้างเคาท์เตอร์ที่เป็นหลักฐานการไปทำบุญของ เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ครับ นับว่าแปลกดีเหมือนกัน นอนพักแล้วได้บุญด้วย
[13 ก.ค. 54 19:52:51
]
พอเห็นแผนที่ แล้วนึกภาพเมืองหนองคายออกเลยครับ
รอชมคุณมิราช ว่าจะเดินขึ้นบันไดถึงยอดภูทอกรึเปล่า
[13 ก.ค. 54 20:08:36
]
ภาพซ้าย : ตรงหน้าเคาท์เตอร์มีคอมพิวเตอร์ติดเน็ตให้เล่น 2 เครื่องฟรีๆ ด้วย เด็กๆ ของผมก็เลยใช้บริการเล่นกันเต็มที่ จนตี 3 โน้นครับ
ภาพขวา : เข้าห้อง(พัก)กันดีกว่า ทางขึ้นห้องพักอาจดูไม่ค่อยชัดเจน เล็กๆ อยู่ถัดจากเคาท์เตอร์ให้อารมณ์อพาร์ทเมนต์มากกว่า แต่ชอบใจที่มีป้ายบอกข้อมูลต่างๆ มากกว่าทุกแห่งที่เคยไปพักมา สอบถาม พนง.เคาท์เตอร์บอกว่า เคยเป็นอพาร์ตเมนต์มาจริงๆ และในปัจจุบันก็ยินดีต้อนรับการพักรายเดือนด้วย พอขึ้นมาตรงจุดพักบันไดชั้นแรก ก็เลยถึงบางอ้อ กับป้ายเก่าของโรงแรมแห่งนี้
[13 ก.ค. 54 20:18:35
]
สวัสดีครับ คุณtiger's nest : ผมไม่อยากจะเฉลยก่อนเลย เดี๋ยวจะไม่ตื่นเต้น สำหรับที่ภูทอก คอยติดตามดูนะครับ งานนี้บอกได้เลยว่า พลิ๊กล๊อคอย่างน่าเสียดายครับ
ขณะนี้ผมมาโพสที่บ้าน เพราะกลัวพรุ่งนี้ยุ่งๆ จะปิดกระทู้ไม่ทัน เดี๋ยวเพื่อนๆจะรอนาน มาต่อกันเลยครับ ผมกำลังพาขึ้นไปห้องพัก (แหม...ละเอียดจริงๆ สาเหตุต้องแสดงให้ดู เพราะรู้สึกชอบการประดับดอกไม้สวยๆ และความสะอาดของพื้นที่รอบๆ) ผมพักชั้น 3 เลยต้องขึ้นบันไดกันมากหน่อย
[14 ก.ค. 54 00:15:25
]
มาถึงทางเดินกลางหน้าห้องพักชั้น 3 ดูสะอาดใหม่เอี่ยมมาก คงจะเพิ่งมีการปรับปรุง เพราะเขาก็เปิดให้บริการมานานหลายปีเหมือนกัน
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 00:16:55
]
มาถึงห้องซะที (ภาพหน้าห้องนี้ ถ่ายตอนเช้า เพราะตอนกลางคืนไม่ได้ถ่ายตรงหน้าห้อง) เมื่อก้าวเข้าไปในห้อง ก็จะได้เห็นแผ่นประกาศต่างๆ ที่ถือว่าให้ข้อมูลละเอียดครบถ้วนจริงๆ คงมีประสบการณ์ในการให้บริการห้องพักมานาน
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 00:19:49
]
บรรยากาศในห้องสีสรรยามกลางคืนดูสดใสโรแมนติคไม่น้อย
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 00:21:48
]
ที่นี่มีห้องใหญ่ 3 เตียงด้วยเพิ่มเงินเล็กน้อย ห้องนี้ผมให้คุณตาคุณยายนอนกับหลานๆ ส่วนผมนอนห้องปกติ 2 เตียง
สำหรับห้อง 3 เตียง นี่สังเกตุให้ดีจะมีหน้าต่างตรงหัวนอน ทำให้มองเห็นวิวได้กว้างกว่าห้องอื่น เพราะเป็นห้องริมนั่นเอง
[14 ก.ค. 54 00:29:06
]
กลับมาที่ห้องผม มาดูห้องน้ำกัน เผื่อเพื่อนๆ (และตัวผม)จะได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 00:34:22
]
ในความรอบคอบของเจ้าของโรงแรม แทบไม่น่าเชื่อว่ามีสิ่งนี้อยู่ด้วย คือ ที่เปิดขวด ซึ่งมีให้ทั้งแบบยึดติดผนังและมือถือ(ผูกเชือกไว้) ขนาดกระดาษทิชชูยังมีกล่องด้วย.. แม้ไม่หรูแต่ก็ครบ ใครที่จะทำธุรกิจโรงแรมน่าจะเลียนแบบดูบ้างครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 00:37:37
]
ภาพซ้าย : เช้าแล้ว ออกไปดูอะไรข้างนอกห้องกันบ้าง วิวเมืองใหม่บึงกาฬจะเป็นอย่างไรบ้าง
ภาพขวา : เป็นวิวที่มองออกจากระเบียงห้องพักชั้นสามไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะมองเห็นด้านหลังวัดบุพพราชสโมสร อยู่ไม่ไกล เพราะโรงแรมตั้งอยู่ในล๊อคเดียวกันกับวัดแห่งนี้ แหม..บ้านเรือนยังเป็นแบบเรือนไม้สมัยก่อนก็หลายหลังเลย
[14 ก.ค. 54 00:50:15
]
ลองแพนกล้องไปด้านข้างดูบ้าง ด้านซ้ายจะเห็นวัดชัดเจนขึ้น ให้สังเกตุหลังคาโบสถ์ไว้นะครับ ส่วนด้านขวาเป็นถนนด้านหน้าโรงแรม ปกติร้านค้าไม่น่าจะปิดแบบนี้ ถ้าหากไม่ใช่ช่วงเทศกาลสงกรานต์
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 00:53:54
]
ลองย้ายมาห้องริม (ห้อง 3 เตียง) ด้านหน้าดูบ้าง ลองชะโงกไปดูถนนด้านหน้าโรงแรมดู ก็จะเห็นบรรยากาศดังในรูป
ด้านซ้ายมือ จะมองเห็นโบสถ์ของวัดศรีโสภณธรรมทาน อีกแห่ง ตั้งอยู่ไกลๆ
[14 ก.ค. 54 01:00:47
]
ภาพซ้าย : ลงมาข้างล่าง เจอเด็กๆ นั่งเล่นคอมพ์เต็มสองเครื่องเลย ทั้งๆที่เมื่อคืนขึ้นไปเกือบตีสามแล้ว มาเที่ยวต่างจังหวัดแท้ๆ ใจยังคิดถึงเพื่อนๆที่กรุงเทพฯอยู่ เลยแชตกันไม่เลิก
ภาพขวา : มามองลานจอดรถใต้ตึกบ้าง มองเห็นจักรยานที่ให้ยืมขี่ฟรี ไปเที่ยวริมโขง เจ้าตัวโตที่นั่งเล่นคอมพ์ได้ยืมไปขี่มาแล้วเมื่อตอนเช้า เร็วจริงๆ นอนก็ดึก ไม่ง่วงบ้างหรือไงกัน
[14 ก.ค. 54 01:46:44
]
แล้วตรงมุมนี้เด็กๆ กำลังทำอะไรกันอยู่จ๊ะ อ๋อ..แอ็คชั่นถ่ายภาพกับรูปปั้นเด็กน้อยอยู่ค่ะ..สู้ตายค่ะ..ท่าบังคับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 01:48:46
]
หิวแล้วจ้า..ขอใช้บริการบุพเฟต์เช้าฟรีกันหน่อยครับ (เป็นห้องข้างๆ ติดกับโรงแรมนั่นเอง) โชคดีจัง มาเที่ยวนี้ ทุกแห่งที่พักมีอาหารเช้าบริการฟรีด้วย ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายได้มาก (ยกเว้น โรงแรมริมโขงที่หนองคาย ฟรีเฉพาะกาแฟ-โอวัลติน)
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 01:51:11
]
เข้ามาตรงที่เตรียมอาหาร แล้วมองกลับออกไปด้านหน้า ถึงห้องอาหารจะเล็ก แต่ก็ตกแต่งได้สะอาดน่านั่งไม่น้อยครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 01:52:32
]
พาชมบรรยากาศโรงแรมมามากแล้ว เพื่อนๆหลายคนคงนึกเบื่อกันบ้างแล้ว ขอนำออกไปชมบรรยากาศริมโขงบ้าง ครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 01:54:00
]
จุดที่มาชมวิวในภาพข้างบน นี้ก็คือ หน้าวัดบุพพราชสโมสร ที่เห็นจากหน้าต่างห้องพักในคห.25 - 26 นั่นเอง สังเกตุให้ดี หลังคาโบสถ์จะสอบแหลมอย่างมาก ตอนปูกระเบื้องคงต้องใช้นั่งร้านครับ แต่อากาศภายในโบสถ์คงจะเย็นดีมากครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 01:57:09
]
จอดรถหน้าวัด แล้วเดินข้ามถนนไปดูวิวริมแม่น้ำโขงกัน ซึ่งได้ถ่ายแบบพานอรามามาให้ชมกัน จะเห็นว่าแม่น้ำฝั่งไทยจะแห้งขอดจนมีต้นไม้ เลยออกไปตรงกลางกลับมีแต่ทรายขาวๆ สายน้ำจะไหลติดกับริมฝั่งลาวโน้นครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 02:00:01
]
ลองใช้กล้องซูมภาพแม่น้ำเข้ามาใกล้ๆ แต่ได้แค่เท่าที่เห็น เพราะอยู่ไกลมากจริงๆ ฝั่งลาวตรงข้ามนั้นจะมีชุมชนใหญ่พอสมควรด้วย คงจะค้าขายกับบึงกาฬโดยเฉพาะครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 02:02:23
]
ระหว่างที่ยืนดูวิว ก็สังเกตุเห็นฝุ่นควันฟุ้งอยู่ข้างหน้า อ้อ...มาจากรถไถคันนี้เอง พื้นดินสันดอนฝั่งไทยนี่ ตื้นเขินมานานขนาดเพาะปลูกพืชเพื่อกสิกรรมได้เลยหรือนี่..
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 02:04:03
]
น่าตามรอยไปเที่ยวมากเลยค่ะ เคยไปบึงกาฬมาตั้งแต่ยังไม่เป็นจังหวัด ตอนนี้คงเปลี่ยนไปเยอะ... รอชมนะคะ
จากคุณ : ป้าฟู
[14 ก.ค. 54 02:06:04
]
ผมขับรถไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เกือบสุดชุมชน ก็กลับรถมาเก็บภาพบรรยากาศริมโขงจากหน้ารถดูบ้าง
ภาพซ้าย : จากหน้าวัดภูมิบาลพัฒนา มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะเห็นอาคารโรงแรมแม่น้ำอยู่ ไม่ไกล
ภาพขวา : เมื่อผ่านหน้าโรงแรมแม่น้ำขอเก็บภาพด้านหน้าไว้สักภาพ ต้องยอมรับว่า ต่างจากเมื่อคืนมาก เพราะแสงสีที่ประดับไว้ดูสวยอลังการณ์มากๆ จนไม่กล้าแวะเข้ามาเลย..ฮา
[14 ก.ค. 54 02:09:38
]
สวัสดีครับ คุณป้าฟู : ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ ที่คุณป้าฟูแวะเข้ามาทักทายยามดึกสงัดขนาดนี้ อ้อ..ลืมไป คุณป้าฟูอยู่อเมริกา ตอนนี้คงเป็นช่วงกลางวันนะครับ กำลังคิดถึงอยู่เหมือนกัน เพราะพักกระทู้ไปหนึ่งเดือนเต็มๆ
มาต่อกันครับ ผ่านเลยหน้าโรงแรมแม่น้ำไป ก็เป็นปากซอยด่านตรวจคนเข้าเมือง ซอยนี้ จะตรงกับถนนหลักเข้าเมืองพอดีครับ (ให้ดูแผนที่ในคห.13 ประกอบด้วย) ด้านซ้ายมือจะมีการวางเก้าอี้ทานอาหารด้วย ตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆ นี้คงไม่ค่อยมีคนมาทาน ต้องตอนเย็นคนน่าจะเยอะ กินไปชมวิววไปคุ้มจริงๆ
[14 ก.ค. 54 02:15:46
]
ตอนนี้ผ่านมาถึงหน้า สนง.เทศบาลตำบลบึงกาฬ คงรู้สึกแปลกใจเหมือนกับผมว่า เป็นจังหวัดแล้ว ทำไมเทศบาลยังเป็นตำบลอยู่ งงเหมือนกันครับ ทั้งๆที่ป้ายก็ใหม่ น่าจะปรับเป็นเทศบาลเมืองได้แล้ว... ศาลากลางก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ(หาไม่เจอ)
ส่วนฝั่งตรงข้ามริมโขงนั้นเป็นสวนสุขภาพกับสนามเด็กเล่น ตอนเย็นๆ ที่นี่คงเป็นศูนย์รวมผู้คนในเมืองนะครับ
[14 ก.ค. 54 02:18:19
]
เสร็จแล้วก็เลี้ยวขวาเข้ามาชมบรรยากาศด้านในเมืองกันบ้าง ขับๆรถไป สดุดตาชื่อถนน ว่ายังเป็น "บึงกาฬ" เลย แต่ตัวบึงกาฬจริงๆกลับไม่มีป้ายบอกทางไปชม (ผมเองยังเพิ่งทราบตอนเตรียมภาพแผนที่ในวันนี้เอง)
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 02:23:12
]
ภาพซ้าย : ผมได้เลี้ยวซ้ายเข้า "ถนนไทยสมัคร" ที่จะพาออกไปนอกเมืองกัน (ถนนนี้มาจาก หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองนั่นเอง) ซึ่งได้เห็นโรงภาพยนต์ของบึงกาฬด้วย
ภาพขวาบน : สุดถนนก็คือวงเวียนด้านหน้าเมืองนั่นเอง (ปกติเมื่อเข้ามาจากถนนสาย หนองคาย - นครพนม ก็จะต้องผ่านวงเวียนนี้) มีรูปร่างคล้ายถังประปาขนาดใหญ่ (ไม่รู้เหมือนกันว่า ด้านหลังพระบรมฉายาลักษณ์ 4 ด้านนั้นจะเป็นถังเก็บน้ำหรือเปล่า เพื่อนๆที่อยู่บึงกาฬลองเฉลยมาหน่อยนะครับ)
ภาพขวาล่าง : ตอนนี้ ผมใกล้จะถึงสี่แยกถนนใหญ่แล้ว เป้าหมายต่อไปคือ ภูทอก ซึ่งต้องตรงไป แล้วเลี้ยวซ้ายที่ อ.ศรีวิไล ครับ คืนนี้ขอพักก่อนนะครับ ไว้พรุ่งนี้มาต่อกัน ที่วัดภูทอก หรือ วัดเจติยาคีรีวิหาร ครับ
[14 ก.ค. 54 02:30:24
]
แหม..ให้คอยตั้งนานนน กว่าจะคลอดตอน 8 หุ..หุ
จากคุณ : ต้มมะระหมู
[14 ก.ค. 54 05:03:25
]
เอ่อ..คุณมิราชช อยู่ดงขุย ชนแดน รู้จักครูน้อย (ชื่อเล่น)
ที่บ้านอยู่ริม หน้าตลาด มั๊ยครับ
[14 ก.ค. 54 05:19:58
]
ขอบคุณสำหรับรีวิวรูปสวยๆพร้อมรายละเอียดค่ะ
จากคุณ : สาวหน้าใส
[14 ก.ค. 54 07:09:19
]
ขอบคุณสำหรับข้อมูลต่างๆครับ
จากคุณ : Destiny-Boy
[14 ก.ค. 54 07:50:32
]
ติดตามอยู่นะคะ หา้ข้อมูลเื่พื่อไปเที่ยวแถวนั้น
จากคุณ : pchamaip
[14 ก.ค. 54 07:58:13
]
[14 ก.ค. 54 08:47:29
]
ตามมาเที่ยวด้วยคน อธิบายได้ชัดเจนมาก
จากคุณ : ต้มส้มปลากระบอก
[14 ก.ค. 54 10:18:22
]
ขอบคุณรีวิว ครับ
จากคุณ : ซังกุงที่ปรึกษา
[14 ก.ค. 54 13:24:47
]
ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ
จากคุณ : ลุงแบกเป้
[14 ก.ค. 54 14:34:55
]
สวัสดีครับ คุณต้มมะระหมู : แสดงว่าติดตามมาตลอด งานยุ่งจริงๆ ขนาดคลอดคราวนี้ ผมยังต้องนำไปโพสที่บ้านเมื่อคืนนี้เลย อูย..ทราบว่าผมอยู่ ดงขุย ด้วยหรือครับ แสดงว่าเคยชมกระทู้เก่าๆ ที่พาไปเที่ยวบ้านเกิด สำหรับ คุณครูน้อย นั้น ผมรู้จักอยู่คนเดียวที่เคยเป็นเจ้าของโรงเรียนทวีวิทยา ช่วงที่ผมเรียนชั้นประถมต้น ซึ่งต่อมาได้เสียชีวิตไป หลังจากที่ผมย้ายมาเรียนที่ โรงเรียนดงขุยวิทยาคาร ช่วงปี 2518-2520 (จำไม่ได้) แล้วโรงเรยนทวีวิทยาก็ถูกขายต่อไปให้ ร้านไทยแลนด์โอสถ ติดกับบ้านผมพอดี จนเกิดเพลิงไหม้ ช่วงปี 2521-2523 แล้วก็เปลี่ยนมือมาเป็นโรงเรียนดงชุยวิริยาอนุสรณ์ในปัจจุบัน ถ้าไม่ใช่คุณครูท่านเดียวกัน ก็ขออภัยด้วยครับ
สวัสดีครับ คุณสาวหน้าใส,
Destiny-Boy,
pchamaip, BROWN STITCH ,ต้มส้มปลากระบอก ,ซังกุงที่ปรึกษา : ด้วยความยินดีครับ ผมไปเที่ยวนี้ไม่ได้เห็นบึงน้ำที่ชื่อบึงกาฬ เอาไว้คราวหน้าจะไปแวะนำภาพมาให้ชมกันนะครับ จังหวัดนี้มีที่เที่ยวหลายแห่งเหมือนกัน
ผมเกือบลืมแสดงแผนที่การเดินทางโดยรวมของทริปสงกรานต์ครั้งนี้ไปแล้ว คือผมถือว่าเป็นการเดินทางกลับละ โดยยึดเอาหนองคายเป็นจุดหมายปลายทางหลัก ถ้าดูจากแผนที่ข้างล่างนี้ ก็แสดงด้วยเส้นสีเขียว แวะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งในตอนวางแผนยังคิดว่าจะไป จ.สกลนคร จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร เพื่อดูสะพานมิตรภาพแห่งที่สองด้วยซ้ำ แต่คณะที่มาด้วยกัน อยากกลับบ้านแล้ว เพราะมากันหลายวัน นับเป็นทริปที่เดินทางยาวนานมากที่สุดเท่าที่ผมเคยไปมา ถ้าเป็นการทานข้าวก็ถือว่าอิ่มแล้วอิ่มอีก จนบอกได้ว่า จะกลับเมื่อใดก็ตกลงตามนั้น
[14 ก.ค. 54 14:52:47
]
สวัสดีครับ คุณลุงแบกเป้ : ด้วยความยินดีครับ เชิญติดตามต่อได้เลย กำลังสนุกอยู่พอดีครับ
ก่อนจะไป วัดภูทอก ขอแสดงแผนที่โดยละเอียดให้ดูก่อน จะเห็นว่าพื้นที่แถบนี้ถือว่าสุดแคว้นแดนอีสานจริงๆ มีระยะทางห่างจากกรุงเทพฯมาก ประมาณ 700 กิโลเมตรกว่าๆ เทียบระยะทางได้เท่ากับ อ.แม่แตง ทางภาคเหนือ (ปากทางแยกไป อ.ปาย) เลยครับ เพียงแต่ไม่มีภูเขาสูงเท่านั้น
[14 ก.ค. 54 15:20:08
]
ระหว่างทางแวะปั๊มตามปกติ แต่รู้สึกชอบห้องสุขาที่นี่ ที่มีการตกแต่งสวยดี น่าจำเอาไปเป็นแบบอย่าง ครับ แต่ผมก็จำไม่ได้ว่าเป็นปั๊มอะไร ทราบแต่ว่าอยู่ไม่ไกลจากแยกเข้าบึงกาฬมากนัก
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 15:25:31
]
ภาพบน : มาถึง อ.ศรีวิไลแล้วครับ เห็นชื่อวัดเจติยาคีรีวิหาร ไม่ต้องสงสัย นี่คือชื่อเป็นทางการของวัดภูทอก ครับ เตรียมเลี้ยวซ้ายได้แล้ว
ภาพล่าง : เจอทางแยกเลี้ยวซ้าย มีป้ายบอกไป วัดภูทอก 20 กิโลเมตร สังเกตุให้ดีจะเห็นรถทัวร์จอดอยู่ใกล้ๆ นี่คงเป็นท่ารถโดยสาร สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาด้วยรถส่วนตัว
[14 ก.ค. 54 15:27:46
]
เลี้ยวซ้ายเข้ามา ก็จะเห็นดังในภาพบน ขับเลยเข้ามาอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรก็จะผ่านหน้าที่ว่าการอำเภอศรีวิไลครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 15:32:46
]
เข้าไปอีก 6 กิโลเมตร ก็จะเจอป้ายให้เลี้ยวขวา แล้วไม่นานก็ป้ายเลี้ยวซ้ายอีก เส้นทางซับซ้อนเหมือนกัน แต่ยังดีที่มีป้ายบอกทางตลอด
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 15:34:33
]
ภาพบน : เลี้ยวซ้ายเข้าไปก็จะเห็นดังในภาพ ยังมีบ้านคนอยู่เยอะ
ภาพกลาง : สักพักก็จะเป็นที่โล่ง นอกชุมชนแล้ว สังเกตุดีๆ จากรูปจะเห็นหลักกิโลแตก ทีแรกผมยังคิดว่าเป็นแท่งแล้วเขียนตัวเลข แต่นี่นำแผ่นปูนที่เขียนตัวเลขมาปิดด้านหน้าให้ อ้อ...ด้านซ้ายมือจะเห็นซุ้มประตูทางเข้าวัดด้วย
ภาพล่าง : ซุ้มสวยดี เลยเก็บภาพมาให้ดูกัน เป็นของวัดราษฎร์บูรณะ ออกแบบได้คลาสสิคดี
[14 ก.ค. 54 15:39:18
]
ใกล้ถึงวัดภูทอกแล้วละครับ แต่....ทำไมภาคอีสานจึงมียางพาราเยอะขนาดนี้.. เขาว่าน้ำยางที่ได้เข้มข้นกว่าทางภาคใต้ด้วยซ้ำ ไม่นานก็สังเกตุเห็นภูทอกโผล่ออกมาจากแนวดงยางพาราแล้วครับ ตื่นเต้นมากๆ ครับ นึกว่าฝันไปนะนี่ ว่าผมมาถึงที่นี่ได้
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 15:41:36
]
ภาพซ้าย : ใกล้เข้าไปแล้ว จะมองเห็นส่วนท้ายของภูทอกก่อน ซึ่งมีพุทธวิหารเล็กอยู่ด้านซ้ายมือ
ภาพขวา : ทางโค้งขวามาอีกนิด ก็เห็นส่วนหน้าของภูทอกแล้ว ไม่ใช่ฝันครับอยากมาหลายปีแล้ว
[14 ก.ค. 54 15:43:34
]
เพื่อให้ดูสมบูรณ์ครบถ้วน ขอนำภาพข้างบนสองภาพมารวมกัน ปกติมุมนิยมที่เขาถ่ายมาให้ดูจะมองไม่เห็น พุทธวิหาร ส่วนท้ายครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 15:47:20
]
ถึงทางเข้าวัดแล้วครับ น่าแปลกเหมือนกันที่พอเข้ามาใกล้ๆแล้วจะมองไม่เห็นภูทอก เพราะดงต้นไม้สูงบดบังไปหมด ทำให้ไม่ทราบว่าอยู่ทิศใดของถนน
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 15:49:30
]
เพื่อไม่ให้งง ผมขอนำรูปภาพถ่ายจากดาวเทียมกูเกิ้ลแมพมาให้ดูกัน ว่าตำแหน่งและรูปร่างภูทอกนั้นเป็นอย่างไรกัน
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 15:53:05
]
เข้ามาปุ๊บก็ยังไม่เห็นภูทอก จนเมื่อเลี้ยวซ้ายออกมาพ้นดงไม้สูง จึงได้เห็นภูทอกอยู่ตรงหน้า ใจผมขึ้นไปบนนั้นก่อนแล้ว....
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 15:55:36
]
ปลายทางโค้งจะเป็นทางสามแยก เลี้ยวขวาไปเจดีย์อาจารย์จวน ในขณะที่ตรงไปก็คือลานจอดรถ ก่อนขึ้นภูทอกครับ
วันนั้นแดดร้อนมาก รถหลายคันจึงพยายามหาร่มไม้ซุกจอดกันน่าดู
[14 ก.ค. 54 15:58:01
]
พอจอดรถได้ ต้องรีบทำเวลาหน่อย เพราะออกจากที่นี่แล้วกะจะไปค้นหาวัดภูลังกาด้วย กลัวจะมืดค่ำก่อนที่จะถึง จ.สกลนคร (ทีแรกกะไปชมหนองหานยามเย็นด้วย แต่ภายหลังคณะที่มาด้วยกันอยากกลับบ้านเลยไม่ได้ไป)
งานนี้มีเฉพาะเด็กๆ ที่จะขึ้น ผู้ใหญ่คนอื่นๆขอบาย นั่งพักที่ศาลาริมน้ำใกล้ที่จอดรถดีกว่า
[14 ก.ค. 54 16:01:54
]
ผมมาถึงลานด้านหน้าทางขึ้นภูทอกแล้วครับ ด้านซ้ายมีทางแยกไป ถ้ำชัยมงคล
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:03:37
]
ลองมองไปดู ถ้ำชัยมงคลด้านซ้าย ตอนนี้ยังไม่แวะเข้าไป ขอเป็นตอนกลับลงมาดีกว่า ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะเดินบนภูทอกได้ไม่ทั่ว
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:05:15
]
ภาพซ้าย : ตรงใกล้ทางขึ้น เห็นมีการนำพระพุทธรูปมาวางไว้สรงน้ำ เลยพากันสรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนขึ้น
ภาพขวา : ระหว่างนั้นก็ชำเลืองไปดูประตูทางขึ้นภูทอก เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนคุยอะไรกันอยู่....
[14 ก.ค. 54 16:08:18
]
เสร็จแล้วก็เดินมาที่หน้าประตู เห็นเงียบๆชอบกล ประตูปิด!.... ดูท่าไม่ดีแล้ว
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:09:21
]
ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
จากคุณ : เด็กอุดมเดช
[14 ก.ค. 54 16:13:26
]
มีป้ายเล็กๆ ตั้งอยู่หน้าประตู "ปิดตั้งแต่วันที่ 10 - 16 เมษายน ของทุกปี" เหวอ..อะไรกันนี่ ภูทอกปิด! มีการปิดด้วยหรือนี่ ทำไมไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบกันเลย ตั้งใจมาหลายปี เดินทางมาหลายวัน ปิดเข้าไม่ได้ เหมือนคนอกหัก ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน แต่งตัวรอเก้อ.... โอมายก๊อด! จะทำอย่างไรต่อไปดีนี่....
ที่น่าเสียดายคือวันนี้เป็นวันที่ 16 เมษายน วันสุดท้ายของการปิดพอดี ไม่น่าเลย สงกรานต์ได้หมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ทำไมยังปิดอยู่..... ต้องยอมรับว่าผิดหวังมากๆ ครับ ตอนนั้นรู้สึก...ไปไม่เป็น ทำหน้าไม่ถูกเลย เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมไม่มีการแจ้งข่าวออกมาเลย ไม่ว่าในสื่อต่างๆ หรือ แม้แต่เว็บไซต์ ของคนที่ไปมาก็ไม่มีการแจ้งบอกเลย ปีหนึ่งมี 365 วัน ปิด 7 วัน ผมดันมาช่วงนี้ได้.... หลายคนที่มารู้สึกเสียดาย ผิดหวังกลับไปกันเยอะ
[14 ก.ค. 54 16:15:25
]
สวัสดีครับ คุณเด็กอุดมเดช : เชิญติดตามมาได้เลยครับ กำลังเฮิรทพอดี...ฮือฮือ.. อดขึ้นภูทอก.. ทั้งที่ตั้งใจมาโดยเฉพาะ ทีหลังต้องจำไว้ขึ้นใจว่า สงกรานต์ห้ามมาอย่างเด็ดขาด
เอาล่ะ...พอทำใจได้แล้ว ก็เก็บรายละเอียดเท่าที่หาได้ก่อนละ ผมต้องรีบหน่อย เพราะเป้าหมายถัดไป ภูลังกา คงเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว ที่ต้องขึ้นไปเพื่อทดแทนการสูญเสียที่ภูทอกนี้
ป้ายคำเตือนตรงหน้าประตูทางขึ้น นั้นเน้นเรื่องความสงบ เคารพต่อสถานที่อย่างมาก นี่อาจเป็นสาเหตุของการห้ามขึ้นภูทอกช่วงสงกรานต์ที่นอกจากจะมีคนมามาก จนอาจทำให้บันไดขึ้นเสียชำรุดเสียหายได้แล้ว ผู้คนอาจมีการเล่นสาดน้ำตัวเปียก ส่งเสียง กันจนควบคุมไม่ได้ ทางวัดเลยแก้ปัญหาด้วยการ ห้ามขึ้นซะเลย ผลคือทำให้คนที่ไม่ได้เล่นน้ำ แต่ตั้งแต่มาเลยอดไปด้วย นี่แหละคนไม่ดีมักทำให้คนดีต้องลำบากไปด้วย
[14 ก.ค. 54 16:21:48
]
ภาพบน : ป้ายเหนือประตูเข้า ได้เตือนถึงความสงบ เน้นว่าไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ที่นี่เป็นแหล่งปลีกวิเวก ใฝ่หาความสงบ ผมคิดว่า ถ้าให้ดีต้องมาในช่วงวันทำงาน จะได้ความสงบจริงๆ นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าช่วงเทศกาลแล้วปล่อยให้คนขึ้นไปกันแน่น คงจะได้ความโกลาหลแทน แย่เหมือนกันนะครับ อยากให้คนไปทำบุญกันมากๆ แต่ถ้ามากไปก็ไม่ดีอีก
ภาพล่าง : ป้ายตรงพื้นหน้าประตูเข้า การขึ้นลงให้เดินเบาๆ แสดงว่า เป็นบันไดไม้ แถมเก่าเสียด้วย อาจมีเสียงดังถ้าขึ้นลงเร็วๆ
[14 ก.ค. 54 16:25:30
]
ขอโทษครับ คห.ข้างบน ลืมแนบรูปไปด้วย
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:26:31
]
ไหนๆ ก็ไม่ได้ขึ้น ขอสอดกล้องผ่านประตูเข้าไปเก็บภาพเท่าที่ทำได้ เอาไว้โอกาสหน้า ปีหน้าฤดูหนาวจะมาขึ้นให้ได้ เข็ดกับเทศกาลหยุดยาวเลย
สถานที่นี้เน้นความเงียบจริงๆ ดูที่ป้ายตรงขั้นบันไดซีครับ "หยุด อยู่ตรงนั้น ถ้าท่านยังส่งเสียงดัง" นับว่าแตกต่างจากสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งอื่น ที่มักจะมีตัวอักษรบรรยายธรรมเท่านั้น นี่ยังดีที่ไม่บังคับว่า ต้องนุ่งขาวห่มขาวก่อนขึ้น หรือ ทานเจ เข้าร่วมปฏิบัติธรรมก่อนถึงจะขึ้นไปได้
[14 ก.ค. 54 16:30:29
]
ไม่ได้ขึ้นภูทอกแล้ว ก็ไปหาเก็บภาพสิ่งอื่นๆแทนดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็มีเจดีย์ อาจารย์จวน อยู่ข้างล่างนี้
ภาพซ้าย : ด้านขวามือของทางขึ้นภูทอกจะเห็นอาคารไม้คล้ายกุฏิขนาดใหญ่ สร้างบนโขดหินอยู่ใกล้ๆ
ภาพขวา : มองไปทางขวามืออีก ก็ทางเดินไปยังเจดีย์ อ.จวน ซึ่งตรงนี้จะมีสระน้ำอยู่ตรงหน้าด้วย
[14 ก.ค. 54 16:33:22
]
ไปยืนเก็บภาพสระน้ำที่มี เจดีย์อยู่ข้างหลัง สวยมาก ในเน็ตมีคนบอกว่าเป็นมุมยอดนิยมที่คนมาเก็บภาพเจดีย์สวยๆ อันมีเงาสะท้อนในน้ำ วันนั้นน้ำไม่นิ่งเลยมองไม่ค่อยเห็นเงาเจดีย์นัก ด้านขวามือก็คือศาลาริมน้ำที่ ผมนำรถมาจอดใกล้ๆ นั่นเองครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:35:50
]
ภาพซ้าย : ผมเดินเลาะเรียบสระน้ำไปจนใกล้เจดีย์ ได้ภาพเจดีย์ในมุมเงยมาให้ดูกัน
ภาพขวา : หันกลับไปมองภูทอก จะมองเห็นจุดที่ผมยืนถ่ายภาพเมื่อครู่นี้อยู่ริมสระน้ำ
[14 ก.ค. 54 16:38:42
]
มาถึงทางขึ้นเจดีย์ แล้วครับ มีที่วางรองเท้าตรงเชิงบันได ผมเองก็ขอสักภาพตรงจุดนี้โดยมี ภูทอกอยู่ข้างหลังเป็นที่ระลึก
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:40:38
]
มีซุ้มป้ายข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของเจดีย์อยู่ด้วย
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:41:44
]
บันไดสูงเหมือนกันครับ (เห็นเตี้ยๆแบบนี้ถ้ารีบก้าวขึ้นก็เหนื่อยเหมือนกันครับ)
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:43:15
]
ขึ้นมาข้างบนแล้วก็เก็บภาพเต็มๆของเจดีย์สักภาพครับ (ดูให้ดีจะสังเกตุเห็นว่าผมถ่าย 2 ภาพนำมาต่อกัน เพราะความสูงของเจดีย์จึงยากที่จะเก็บภาพในคราวเดียวได้ครบ (กล้องผมถ่ายมุมกว้างได้เพียง 35 มม.)
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 16:46:08
]
ภาพซ้าย : มองไปทางซ้ายมือ จะเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังฟังการบรรยายเกี่ยวกับประติมากรรมรอบๆ เจดีย์
ภาพขวา : หันกลับไปดูภูทอกในมุมสูง ที่สิ่งบดบังสายตาจะลดลงกว่าเดิม
[14 ก.ค. 54 16:48:01
]
แม้จะไม่ได้ขึ้น แต่หลังจากค้นคว้าข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต พอคาดว่าแต่ละชั้นเป็นดังในรูปข้างล่าง จะเห็นว่าชั้น 1 ถึงชั้น 3 จะมองไม่เห็น หมกอยู่ในดงไม้ หลายคนกว่าจะขึ้นมาถึงชั้น 4 ก็เหนื่อยน่าดูแล้ว แล้วกว่าจะถึงชั้น 6 คงเหนื่อยน่าดูเลยละครับ น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถขึ้นไปได้ในครั้งนี้ เล
ยไม่มีภาพมาให้เพื่อนๆดูในมุมสูงและมุมเสียว (สาเหตุหนึ่งที่ผมอยากมาที่นี่ก็เพราะ เคยทราบว่าในประเทศจีนมีสถานที่เที่ยว บนเขาที่ สร้างโดยใช้ไม้เสียบเข้าไปกับหน้าผาให้คนเดิน ซึ่งมีคนบอกว่า ในประเทศไทยก็มีเช่นกัน คือที่วัดภูทอกแห่งนี้ เลยอยากจะมาลองดูด้วยตัวเองว่า จะขึ้นไหวไหม)
[14 ก.ค. 54 16:53:05
]
ในอันที่จริง ภูทอกที่เห็นนี้เป็นเพียงภูทอกน้อย ที่เป็นเทือกต่อมาจากภูทอกใหญ่ ที่อยู่ด้านท้ายของภูทอกที่เห็น (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) ตามรูปภาพถ่ายดาวเทียมข้างล่างนี้(ภาพบน)
ส่วนภาพล่างนั้นเป็นภาพระยะไกลจากภูวัวจากเว็บไซต์
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13002
เห็นภาพในเว็บข้างบนแล้วอยากกลับไปเร็วๆจัง อีกใจหนึ่งก็กลัวเขาจะห้ามขึ้นอีก ถ้ามีเบอร์โทรสอบถามได้ก็จะเป็นการดี จะได้ไม่ไปเก้ออีก
[14 ก.ค. 54 17:12:37
]
รายละเอียดเยอะเช่นเคยนะครับ ขอบคุณครับ
จากคุณ : คนมีแฟนขับ (chun_cx)
[14 ก.ค. 54 17:14:41
]
กลับมาดูรอบๆ เจดีย์ดีกว่า
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 17:14:59
]
สวัสดีครับ คุณคนมีแฟนขับ (chun_cx) : ขอบคุณเช่นกันครับที่คอยติดตามชมกัน และให้กิฟท์ตามความพอใจครับ
ก่อนออกเดินทางไป จำได้ว่าเคยมีหนังสือพิมพ์ข่าวสดวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2533 ได้ลงภาพวัดภูทอกแห่งนี้ในมุมมองที่มีทั้งเจดีย์ อ.จวน และ ภูทอกพร้อมๆกัน ผมเลยลองเล็งกล้องดูบ้าง แต่เนื่องจากกล้องผมได้แค่ 35 มม. เลยได้มาเท่านี้ เพราะถอยหลังจนสุดลานรอบๆเจดีย์แล้ว
[14 ก.ค. 54 17:20:51
]
รูปข้างพื้นหายไป ก้มกล้องลงมาหน่อยยอดเจดีย์ก็หายอีกเช่นกัน แสดงในภาพซ้าย ส่วนภาพขวาเก็บภาพเข้าไปในประตูทางเข้าเจดีย์ (เป็นประตูข้าง ที่มองทะลุออกไปประตูอีกด้านได้เลย (สังเกตุให้ดี ว่ามีบานประตูเล็กๆ อยู่ด้านข้างด้วย เป็นทางเข้าไปยังตู้โชว์ผนังด้านในเจดีย์ ผมเพิ่งมาสังเกตุเห็นตอนจัดเตรียมภาพนี่เอง ว่า ตรงประตูด้านหน้าเจดีย์จะไม่มีประตูเล็กๆนี้ด้วย)
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 17:25:23
]
ผมลืมบอกไปว่า พื้นลานรอบๆเจดีย์ร้อนมาก เพราะแดดแรง ในขณะที่ห้ามสวมรองเท้าขึ้นบนนั้นด้วย ทำให้การถ่ายภาพต้องใช้ความอดทน ตากแดด ย่างสดเท้าไปจนกว่าจะได้ภาพที่ต้องการ แถมภาพที่ได้ก็มีความ คอนทราส(สว่างมากเกินไปและมืดเกินไป) กว่าจะได้ภาพที่ต้องการก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
ผมย้ายมาถ่ายภาพประตูทางเข้าเจดีย์ด้านข้างอีกด้าน เพราะไม่ย้อนแสง เพื่อจะได้เห็นอะไรอยู่ข้างในชัดๆ
[14 ก.ค. 54 17:29:46
]
เขาไปดูแท่นสวยๆ กลางเจดีย์ชัดๆ จึงทราบว่าเป็นพระธาตุลักษณะต่างๆ จัดวางไว้สวยมาก
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 17:31:48
]
มองไปรอบๆ ภายในเจดีย์ จะเห็นรูปปั้น พระอาจารย์จวน ตั้งอยู่ บนเวที ผนังด้านหน้าสองข้างเป็นตู้โชว์ สิ่งต่างๆของพระอาจารย์จวน แหงนดูเพดาน เป็น 8 เหลี่ยม ตามลักษณะมุมของเจดีย์ที่สร้าง
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 17:34:14
]
ภาพซ้าย : บานประตูทุกด้านทำด้วยทองแดงดุนลายรมดำแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน
ภาพขวา : รูปปั้นพระอาจารย์จวนใกล้ๆ ชัดๆ ครับ อาจแตกต่างไปจากภาพถ่ายบ้างเป็นธรรมดา เพราะสู้หุ่นขี้ผึ้งไม่ได้ ที่จะสร้างได้คล้ายของจริงมากกว่า
[14 ก.ค. 54 17:36:49
]
ระหว่างที่ยืนดูสิ่งต่างๆภายในเจดีย์ สังเกตุเห็นผู้หญิงคนอื่นไปยืนแอบ(ดู) อะไรข้างบานประตู หลังจากที่เธอออกไปผมก็เลยไปดูบ้าง อ๋อ.. กระดาษพิมพ์ประวัติพระอาจารย์จวนครับ เลยเก็บภาพมาให้ชม น่าแปลกที่ไม่ทำให้เป็นมาตรฐาน คงทนเหมือนป้ายอื่นๆ(หรือว่ากำลังทำอยู่) แผ่นกระดาษเก่าเปื่อยมากพอสมควร (หรือว่าแผ่นกระดาษใบนี้มีอดีตความสำคัญซ่อนอยู่ ?)
ผมอ่านแล้วขอขีดเส้นใต้ในส่วนที่สำคัญ เผื่อใครที่อยากอ่านจะได้ไม่เสียเวลา ตาลายไปกับตัวอักษรมากมายหลายบันทัดครับ
[14 ก.ค. 54 17:40:49
]
นี่เป็นแผ่นประวัติท่านพระอาจารย์จวน แผ่นที่สองครับ ตอนท้ายได้บอกสาเหตุของการมรณะภาพของท่านด้วย คือเครื่องบินที่ไปรับท่านที่จังหวัด อุดรธานี ได้ตกกลางนา อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนลงจอดเพียง 20 กิโลเมตร ในการครั้งนั้น มีพระอีก 4 รูปได้มรณะภาพไปด้วยคือ พระอาจารย์วัน อุตฺตโม, พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร และ พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการพระสงฆ์ประเทศไทย สาเหตุการตกตามข่าวคือมีลมพายุพัด ฝนตกหนัก แต่บางข่าวบอกว่าเครื่องบินน้ำมันหมด......
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 17:48:54
]
ผมพอหารูปเครื่องบินที่ตกลงได้จากเว็บ
http://board.palungjit.com/f63/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3-148593.html
ในหลวงและพระบรมศานุวงศ์ทรงเสด็จพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2524
[14 ก.ค. 54 17:51:25
]
หลังจากสิ้นพระอาจารย์จวนแล้ว ในปี พ.ศ.2529 ได้เริ่มสร้างเจดีย์แห่งนี้ จนแล้วเสร็จ กราบทูลเชิญในหลวงและพระบรมศานุวงศ์เสด็จมาบรรจุอัฐิธาตุ และเปิดเจดีย์ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2533 ซึ่งค่าใช้จ่ายในการสร้างพร้อมทั้งค่าที่ดินสวนพร้อมจัดสวนรอบๆ เจดีย์ประมาณ 18 ล้านบาท
ภาพซ้าย : เสร็จแล้วผมก็เดินออกมาทางประตูด้านหน้าเจดีย์ แล้วมองกลับเข้าไปข้างใน
ภาพขวา : ตรงช่วงหน้าประตู แหงนดูเพดานข้างบน ประดับด้วยโลหะคล้ายทองแดงแกะลายงดงามมาก
[14 ก.ค. 54 18:02:31
]
ผมเดินถอยออกมาเก็บภาพเจดีย์เต็มๆ ด้านหน้าอีกครั้ง (แน่นอนว่าเป็นการถ่ายภาพ 2 ภาพบนล่างมาต่อกัน มิฉะนั้นจะมองไม่เห็นยอดเจดีย์ หรือไม่ก็มองไม่เห็นข้างในเจดีย์พร้อมๆ กัน)
อ้อ..มีข้อมูลเจดีย์ที่ค้นหามาได้ว่า มีขนาดความกว้างของฐาน 10.5 เมตร ความสูง 30 เมตร ตั้งบนเนินดินสูง 7 เมตร รูปทรงเจดีย์แบบ 8 เหลี่ยม พื้นลานโดยรอบปูกระเบื้องมีความกว้าง 34 เมตร ตรงกลางเจดีย์เป็นที่ตั้ง มณฑปพระธาตุของพระอาจารย์จวน (ก็คือแท่นพระธาตุทรงดอกบัวพุ่มที่เห็นในภาพ คห.91, 92 นั่นเองครับ) อันเป็นตำแหน่งเดียวกับที่ ตั้งเมรุพระราชทานเพลิงศพของท่านด้วย
ที่มา : http://www.buddhist.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=66&Itemid=19
อ้อ..จากเว็บข้างบนนี้ ได้บอกว่า มีการปรับปรุงบูรณะเจดีย์อีกครั้งในปี พ.ศ.2549 - 2550 ด้วยค่าใช้จ่ายประมาณ 10 ล้านบาท โดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ
[14 ก.ค. 54 18:16:40
]
หันไปอีกด้านเป็นบันไดทางลงด้านหน้าเจดีย์ มีการจัดสวนประกอบทางเดินด้วย น่าลองไปเดินดู (ต้องไปลงทางเดินก่อนเพื่อสวมรองเท้าก่อน แล้วค่อยมาตรงนี้ทีหลัง)
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 18:19:51
]
อูย..ทะลุเกิน 100 ความเห็นอีกแล้ว(ครับท่าน) ขนาดไม่ได้ขึ้นบนภูทอกนะนี่...
ภาพบน : ผมเดินมาถึงประตูรั้วริมถนนหน้าวัดเลย ปรากฏว่าปิดครับ ขืนเปิดคงจะมีรถยนต์เข้ามาจอดหรือไม่ก็ยากแก่การรักษาความปลอดภัย ประตูนี้น่าจะมีไว้สำหรับพิธีสำคัญๆ มากกว่า
ภาพล่าง : ผมหันกลับไปมองทางเจดีย์อีกครั้ง แต่..มองไม่เห็น เพราะมีต้นวาสนาตรงกลางทางเดินบังไว้พอดี
[14 ก.ค. 54 18:23:00
]
ผมเดินย้อนกลับเข้าไปหาเจดีย์อีกครั้ง แล้วเก็บภาพในแต่ละช่วงการเดินมาให้ดู
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 18:24:53
]
มุมเฉียงๆ นี้ก็ดูสวยไม่เบา ถ่ายภาพยากไม่เบา เพราะต้นไม้คอยแต่จะบังองค์เจดีย์เรื่อยเลยครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 18:26:15
]
มาถึงหน้าบันไดทางขึ้นด้านหน้าเจดีย์แล้วครับ ซึ่งตรงนี้มีแผ่นกระดานข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติการสร้างเจดีย์แห่งนี้ด้วย
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 18:35:02
]
ระหว่างเดินกลับมายังรถ ได้เห็นมุมมองต่างๆของเจดีย์ที่แตกต่างกัน ขอนำมาให้ชมเต็มๆ หนึ่งรูป ซึ่งผมนำมาใช้เป็นภาพพื้นหลังตอนเปิดกระทู้ครับ
จากคุณ : มิราชช (mirage_II)
[14 ก.ค. 54 18:39:13
]
ภาพขวา : เป็นทางเดินในสวนรอบๆ เจดีย์ อันมีชื่อว่า "สวนเจติยาคิรีวิหาร" ใช้หลบแดดร้อนได้ดี
ภาพซ้าย : พ้นแนวสวนออกมาก็คือ ทางสามแยก ตรงทางเข้ามานั่นเอง ครับ
[14 ก.ค. 54 18:42:00
]
มาจนถึงภาพสุดท้ายของตอนนี้แล้วละครับ คือผมต้องรีบไปต่อ เพราะพลาดหวังจากการขึ้นภูทอกแล้วต้องเปลี่ยนไปขึ้นภูลังกาให้ได้ พลังที่เตรียมมาจะได้ปลดปล่อยก่อนกลับบ้านกรุงเทพฯ ตอนนี้เวลายังแค่บ่ายโมงกว่าๆ น่าจะมีเวลาพอก่อนมืดค่ำ ครับ
คอยติดตามชมในตอนต่อไปนะครับ บึงโขงหลง กับ ภูลังกา สุดยอดแห่งความหวาดเสียวและทรหด ของทริปนี้เลยครับ
[14 ก.ค. 54 18:47:38
]
สวัสดีครับคุณมิราชช
ที่ถามถึงครูน้อย เพราะผมเป็นเพื่อนกับลูกของท่านครับ
อีกทั้งยังเคยไปเที่ยว ไปนอน บ้านท่านที่ชนแดน 5-6 ครั้งได้
ครั้งละ 5-7 วันครับ (ประมาณปี 39-42)
ปล. ผมชอบการรีวิวแบบฉบับคุณมิราชชมากๆเลยครับ
ละเอียด มีสาระ และมุขขำๆ
ปล. 2 ผมเชื่อว่า ขณะนี้มีใครหลายๆคนตั้งตารอตอนที่ 9 อยู่นะครับ
(รวมทั้งผมด้วย หิหิ)
[14 ก.ค. 54 22:41:32
]
เสียดายจังค่ะ สำหรับภูทอก ปิดช่วงสงกรานต์พอดีเชียว
แต่จะรอภูลังกาในภาค9 ต่อนะคะ
รีวิวนี้อ่านเพลินจริงๆ ค่ะ :D
[วันเข้าพรรษา 54 12:22:45
]
วันนี้มาต่อกันในตอน 9 แล้วนะครับ พาไปเบิ่งบึงโขงหลง และ พาลุยขึ้นเขา พิชิตภูลังกา กับบันไดใหม่ ของวัดถ้ำชัยมงคล ครับ สนใจติดตามกันไปได้นะครับ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10852906/E10852906.html
[25 ก.ค. 54 13:52:49
]
ตามมาชมต่อครับ ^^
จากคุณ : สุดท้ายตรงไหน
[29 ก.ค. 54 10:15:52
]
ละเอียดดีจริงๆครับ
จากคุณ : KIRO64
[1 ก.ย. 54 16:26:34
]