สวัสดีค่า ทู้ที่แล้วพาทัวร์ไร่ไวน์ชื่อดังใน Napa Valley มาแล้ว
ทู้นี้เราก็มาเที่ยวไร่ไวน์สวยๆที่ Napa Valley กันต่อนะฮะ


ตอนก่อนหน้าอยู่นี่ค่ะ

ตอนที่ 1 LOS ANGELES - High Life, High Art
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10734785/E10734785.html

ตอนที่ 2 NAPA VALLEY - American Eden
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10763450/E10763450.html

เข้าสู่วันที่สองของทัวร์ Napa Valley กันแล้วจ้า
อันนี้เป็นซอย B&B ของเราฮ่ะ ตอนเช้าตรู่นี่หมอกตรึมเชียว

เนื่องจาก จขกท.กับแม่พร้อมใจตื่นตั้งแต่ไก่โห่
จขกท.เลยลากหม่ามี๊กลับไปที่เมือง Yountville อีกรอบ

เพื่อไปล้างตาที่ Bouchon Bakery น้องน้อยของ Bouchon ร้านบิสโตรสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งอยู่ติดกัน
และเป็นญาติกับ The French Laundry ร้านมิเชลิน 3 ดาวชื่อดังอีกที

โอว์ ครัวซองส์ มัฟฟิน น่ากินมากๆ

แต่น้องมัฟฟินก็ไม่สามารถทำให้ จขกท.ไขว้เขวได้
เพราะเป้าหมายของอิฉันอยู่ที่น้องมาคารอน ที่นอนยั่วน้ำลายในตู้กระจกนี้เท่าน้านนนนน

"ไม่ทราบคุณพี่จะเอามาคารอนรสไหนดีคะ" น้องพนักงานถาม
"แหม ตัดสินใจยากจัง งั้นเอามันทุกรสเลยละกันค่ะคุณน้อง!"

มาคารอนเจ้านี้ก็อร่อยใช้ได้เลยนะฮะ จขกท.ชอบรส Peanut butter
แถมชิ้นยังใหญ่เบ้ง วางทีเต็มฝ่ามือเด็จแม่เดี๊ยนเลยด้วย ตึ่งโป๊ะ!

จริงๆอย่าเรียก Macaron เลยฮ่ะแบบนี้ เรียก Mega-ron น่าจะเหมาะสมกว่า กร๊ากกกก

จากนั้นเราก็หอบน้องเมกะรอน 1 กล่องครึ่ง (กล่องเดียวยัดไม่พอ -_-) กลับ B&B สบายใจเฉิบ
อันนี้หลังบ้านพักของเราค่ะ มีชิงช้าให้นั่งเล่นเย็นๆใจด้วย

ส่วนนี่ก็ Main House ที่ลูกบ้านจะมานั่งล้อมวงกินข้าวเช้ากัน

Breakfast ที่นี่เสิร์ฟรอบเดียวตอน 9 โมงเช้าค่ะ
เพื่อนร่วมโต๊ะของเราวันนี้เป็นคู่สามีภรรยาชาวเยอรมันที่น่ารักคุยเก่งมากๆ

ข้าวเช้าของ B&B นี้ก็อร่อยไม่เบาเลย แม้จะไม่อลังการเต็มโต๊ะแบบบ้านเฮียริคที่เม็กซิโก
แต่ก็ดูเค้าตั้งใจทำมากๆ (เค้าในที่นี้คือคุณพ่อบ้านของ B&B นะฮะ ส่วนคุณแม่บ้านเป็นคนเสิร์ฟอาหารซะงั้น)
แถมมี Mimosa (แชมเปญผสมน้ำส้ม) บริการให้เมาหัวทิ่มกันแต่หัววันด้วยอีก

เมนูวันนี้เป็นผลไม้, ครัวซองส์อภิมหาเนย แล้วก็ Egg Benedict อาหย่อยมากกกก >_<
วันต่อมาเปลี่ยนเมนูด้วยค่ะ เป็น Baked Apple, ไส้กรอกไก่ แล้วก็ French Toast แทน

หม่ำข้าวเช้าเสร็จ ชาวคณะก็ออกเดินทางสู่ไร่ไวน์ปริศนา Stony Hill Vineyards
ที่ว่าปริศนาก็เพราะ จขกท.ไปอ่านเจอใน New York Times ที่เค้าเขียนอวย Chardonnay ของที่นี่
แต่ตามเว็บบอร์ดกลับไม่ค่อยมีคนพูดถึง แถมไกด์บุคแทบทุกเจ้าก็ยังไม่เขียนถึงไร่ไวน์นี้อีก
แหม่ แบบนี้ต้องตามไปพิสูจน์ให้เห็นกะตาซะแร๊วววววว

ใครจะมาที่นี่ต้องนัดล่วงหน้านะฮะ ขับดุ่ยๆเข้าไปไม่ได้ และถ้าจองทัวร์แล้วเค้าจะอีเมล์แผนที่แนบมาด้วย
เพราะไร่อยู่ไกลปืนเที่ยงเกินความสามารถของ GPS -_-" ไม่เชื่อดูสภาพปากซอยไร่ไวน์ซะก่อนสิทั่น
นี่ทางไปไร่หรือทางเข้าป่าวะเนี่ย!

เลี้ยวรถเข้าพง เอ้ย เข้าซอยแล้ว เราก็ต้องขับขึ้นเขาปุเลงๆไปอีกประมาณ 5-10 นาที
ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อฮ่ะ ว่าบนเขามีไร่ไวน์อยู่จริงๆนะเธอว์!!

แถมยังทำเก๋ ให้ชิมไวน์กันในบ้านพักของสองผัวเมียผู้ก่อตั้ง Stony Hill Vineyards อีกด้วย
บ้านพักสวยมาก เหมือนบ้านยุค 1950s ที่เห็นในหนังฝรั่งเลย

นี่แหล่ะฮ่ะ ห้องนั่งเล่นที่เราจะได้นั่งชิมไวน์กัน

เจ๊ไกด์ของเราเล่าว่า หลังจากสองผัวเมียผู้ก่อตั้งเสียชีวิตไป ลูกๆก็หนีไปซื้อบ้านอยู่ตรงเมือง St Helena แทน
ส่วนบ้านนี้ก็เก็บไว้รับรองแขกเฉยๆ หรือไม่ก็เอาไปประมูลการกุศล ให้คนมานอนเล่นที่บ้านนี้ซักคืนสองคืน

เจ๊ไกด์คนนี้แหล่ะค่ะ ผู้(โชคร้าย)ที่ออกมาต้อนรับพวกเรา

มาถึง เจ๊ก็ออกตัวก่อนเลยว่า เจ๊ทำงานมาร์เก็ตติ้งนะเคอะ ปกติจะเป็นคุณ winemaker ที่พาทัวร์
แต่เนื่องจากวันนี้คุณ winemaker ไม่อยู่ เจ๊เลยต้องออกมารับหน้าเสื่อแทน

แม้ชื่อ Stony Hill จะไม่เป็นที่คุ้นหู เพราะเจ้านี้เค้าเน้นขายไวน์ online มากกว่าขายตามร้าน
ยิ่งตามซูเปอร์มาร์เก็ตนี่ไม่ต้องไปหาเลย เจ๊ไกด์ยืนยันว่าไม่มีขายแน่นอน แต่ประวัติของไร่นี่ก็ไม่ธรรมดา
เพราะมันเป็นเจ้าแรกๆใน Napa Valley ที่ปลูกองุ่น Chardonnay เพราะคุณ Fred และ Eleanor McCrea
ผู้ก่อตั้ง Stony Hill Vineyards นั้น มีความตั้งใจที่จะผลิตไวน์ Chardonnay ที่รสชาติใกล้เคียง
Chardonnay ของเบอร์กันดีให้มากที่สุด แม้ว่าตอนแรก จะมีนักวิชาการคัดค้านว่าที่ตรงนี้ไม่เหมาะ
กับการปลูก Chardonnay หรอก แต่ทั้งคู่ก็ยังดื้อ ลุยหน้าผลิตไวน์ Chardonnay จนสำเร็จจนได้

อนึ่ง ทู้ที่แล้ว จขกท.เล่าถึงประวัติปู่ไมค์และลุงวอร์เรน ที่หอบความฝันมายัง Napa Valley แบบเสื่อผืนหมอนใบ
แต่สองผัวเมีย McCrea นี่ไม่ได้ปากกัดตีนถีบมาจากไหน เพราะคุณสามีเป็นถึงผู้บริหารบริษัทโฆษณาเลยนะฮะ!

ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ เจ้าของไร่ไวน์มือใหม่หัดขับใน Napa Valley ยุค 1960s เนี่ย หลายคนมีพื้นเพไม่ธรรมดา
ตั้งแต่อดีตนักบัลเลต์ชื่อดัง (Rodney Strong), ประธานบริษัทก่อสร้าง (Trefethen Vineyards)
ยันเจ้าของอู่ซ่อมรถ! (Cakebread Cellars) ขนาดคุณปู่ Francis Ford Coppola ผู้กำกับหนังคลาสสิค
The Godfather ทั้งสามภาค + หนังจิตหลุด Apocalypse Now เด๋วนี้ยังเลิกทำหนัง หันมาเป็นอาเสี่ยไร่ไวน์เต็มตัวแล้วเลย
แฟนพันธุ์แท้ The Godfather ถ่อไปเยี่ยมแกได้ฮ่ะที่ Rubicon Estate

กลับเข้าเรื่องต่อ วันนี้เราจะได้ชิมไวน์ 4 ชนิด ได้แก่ 2008 Chardonnay, 2009 Gewurztraminer,
2008 Semillon de Soleil (dessert wine) แล้วก็ 2008 Red Table Wine
ส่วนมากเป็นไวน์ขาวเพราะที่ Stony Hill นี่เค้าดังไวน์ขาวค่ะ เจ๊ไกด์บอกจริงๆเรายังมี Riesling
ไวน์ขาวเยอรมันอีกนะเคอะ แต่เผอิญเราผลิตน้อยและไวน์ขายดีมาก วางตลาดเดือนเดียวก็ขายหมดแล้ว -_-"

เราประเดิมกันที่ Chardonnay ค่ะ จขกท.จิบเข้าไปคำแรกก็กรี๊ดสลบทันที เป็นไวน์ที่ดื่มแล้วสดชื่นมากๆ
หอมกลิ่นแอปเปิ้ลเขียว และมีความเป็น mineral กว่า Chardonnay เจ้าอื่นๆที่ จขกท.เคยกินมา
แถมยังออกรสผลไม้แบบกำลังดี ยกให้เป็น Chardonnay ที่อร่อยสุดในทริปนี้เรย

จขกท.หันไปบอกเจ๊ไกด์ค่ะว่า Chardonnay ของคุณนี่เป็นไวน์ที่สมดุลและสดชื่นมากๆเลยนะ
เจ๊ก็หันมาบอกด้วยความภาคภูมิใจว่า oak barrel ของเรามันเก่ากว่าชาวบ้านค่ะ ไวน์เราเลยไม่ oaky/creamy
บางถังนี่ใช้มาตั้งกะปี 1950 โน่นด้วยซ้ำ เจี๊ยกกกกก ถังบร้าอะไร อายุพอๆกับแม่เดี๊ยนเลย >_<
(ถ้าใครยังจำได้ ที่ Grgich Hills ที่เราไปทัวร์ในทู้แรก ที่โน่นเค้าเปลียนถัง 4 ปีหนนะทั่น!)

ต่อกันที่ค่ะ Gewurztraminer เป็นพันธุ์องุ่นขาวจากออสเตรีย รสชาติจะออกผลไม้มากกว่าแก้วที่แล้ว

ส่วน Semillon de Soleil เป็น dessert wine ซึ่งจะหวานกว่าไวน์ปกติ 2 เท่า
เจ๊ไกด์บอกว่า แปลงองุ่นสำหรับทำไวน์หวานของที่ Stony Hill นี่ เขาจะปลูกลูกพรุนคู่ไปด้วยค่ะ
ซึ่งไวน์หวานนี้ต้องเก็บองุ่นช้ากว่าไวน์ปกติมาก กว่าจะถึงตอนนั้นลูกพรุนก็จะแห้งกรอบ
กลายเป็นลูกเกดไปแล้ว จากนั้นเค้าก็จะเอาทั้งองุ่นทั้งลูกเกดนี่แหล่ะ ไปผลิตไวน์หวาน

พอเจ๊ไกด์เล่าจบ พวกเราก็เกิดอุปาทานหมู่ขึ้นมาทันทีว่า เออเนอะ ไวน์มีรสชาติลูกเกดหน่อยๆจริงๆด้วย

เจ๊ไกด์บอกอีกด้วยว่า คุณ Mike Chielini (นามสกุลคล้าย Giorgio Chiellini กองหลังยูเว่เลยแฮะ)
winemaker ของเรา ฮีชอบเอา Semillon de Soleil นี่แหล่ะ ราดกินกับไอติมวานิลลา เกร๊ยยยย >_<

ความแนวของเฮียไมค์ยังไม่หยุดแค่นั้นค่ะ เพราะ Red Table Wine ตัวสุดท้ายที่เราได้ชิมนั้น
มันก็คือ Cabernet Sauvignon ดีๆนั่นเอง แต่ที่ไม่แปะชื่อ Cabernet Sauvignon บนฉลากก็เพราะเฮียไมค์บอกว่า
เราเพิ่งปลูกองุ่นพันธุ์นี้ไม่ถึง 5 ปีดี (ขึ้นปีที่ 5 จะเป็นช่วงที่เถาองุ่นพีคได้ที่) รสชาติไวน์เลยยังไม่ได้ดั่งใจเฮีย
ขนาดคนที่ไร่กล่อมแล้วกล่อมอีกว่า ไวน์อร่อยแล้วนา แต่เฮียก็ไม่ยอมอยู่ดี

จขกท.ฟังวีรกรรมเฮียไมค์แล้วเสียดายสุดๆ โหย นี่ถ้าได้เฮียไมค์พาทัวร์ จะออกมาโหดมันฮาขนาดไหนเนี่ย


(ภาพ : Sfgate.com)

หลังจากดื่มไวน์กันไปสำราญบานตะไทแล้ว เจ๊ไกด์ก็พาพวกเราออกไปเดินชมไร่บ้าง

บรรยากาศดีสุดๆ อยากเอาเสื่อมาปูนอนจังเล๊ย T^T

วันนี้เจ๊ไกด์พาเราลุยเข้าไปใกล้ๆเถาองุ่นไม่ได้ฮ่ะ
เพราะคนงานเพิ่งโรยซัลเฟอร์เพื่อให้เถาไวน์ไม่ขึ้นรา สูดมากๆแล้วมันไม่ดี

องุ่นน้อยเริ่มขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว

นอกจากไร่จะงามแล้ว ดอกไม้ยังแจ่มได้อีก

อร๊ายยยย จ๋วยยยยย >_<

เย้ วันนี้มาทันคุณเหมียวถ่ายทอดสด

จากไร่จะเห็นวิวของ Napa Valley ด้วยฮ่ะ
แต่เนื่องจากหมอกลง เราเลยมองบ่เห็นไรเรย -_-

แปะไว้ก่อนนะคะพรุ่งนี้มาอ่านต่อค่ะ จะไปนอนแล้ว

#หวัดดีฮะคุณ flymom ไปเที่ยวเม็กซิโกมาหนุกมั๊ยฮะ
-----------------------------------------------------------------------------

วิวไม่เห็นไม่เป็นไร เพราะแค่ไร่เฉยๆก็สวยกระชากใจแร๊วววว

เจ๊ไกด์โฆษณาอีกด้วยว่า คนสวนไร่เรานี่บ้าพลังมากๆเลยนะเคอะ
ฮีชอบปลูกดอกโน่นดอกนี่ให้พรึ่บเต็มไปหมด

โอว์ แล้วเฮียคนสวนไปหากุหลาบพันธุ์นี้มาจากไหนคะเนี่ย สีเท่โพดๆ

ตรงระเบียงบ้านมีโต๊ะปิคนิคเป็นหย่อมๆอีก แหม่ วิวก็งาม บรรยากาศก็ดี
ถ้าพกข้าวเหนียวส้มตำมาจก ควบกระดกไวน์ Gewurztraminer นี่คงสุดยอดมากๆ

กว่าเราจะเดินทัวร์รอบบ้านเสร็จ แดดก็ออกพอดี
จขกท.เลยได้ถ่ายซ่อมมุมหากินอีกหน อย่าเพิ่งเอียนล่ะเน้อ

เปลี่ยนมาถ่ายน้องกุหลาบขาวสุดงามมั่ง

สรุป พวกเราประทับใจ Stony Hill Vineyards มากเลยค่ะ แม้จะคลาดกับลุง winemaker สุดแนว
เพราะเจ๊ไกด์น่ารัก ไวน์ก็อร่อย วิวก็แจ่ม แถมค่าทัวร์นี่จริงๆ $25/คน
แต่พอ จขกท.ซื้อ Chardonnay กลับบ้าน 1 ขวด เจ๊ไกด์ก็ไม่คิดค่าทัวร์เราสามแม่ลูกซะงั้น อิอิ

แปะ Stony Hill อีกซักรูปเป็นการทิ้งทวน

จากนั้นเราก็ลงเขาไปหาข้าวเที่ยงกินกันในเมือง Calistoga
Downtown เมืองนี้มีร้านเล็กๆน่ารักๆเต็มไปหมดเลย

เราหม่ำมื้อเที่ยงที่ร้านอิตาเลี่ยนชื่อ Boskos Trattoria
น้องสาว จขกท.สั่งสลัดแซลมอน

คุณนายแม่สั่งพาสต้าครีมซอสกุ้งเห็ดค่ะ
พาสต้าเจ้านี้เส้นเหนียวหนึบอร่อยมั่กๆ

ของ จขกท.เป็นพาสต้าพริกกระเทียม พร้อม olive oil ท่วมๆ
ออกมามันสุดๆแต่ก็อร่อย กระเทียมสะใจโพดๆ

เสร็จจากมื้อเที่ยง เราก็ไปต่อกันที่ไร่ไวน์ชื่อ Schramsberg

เช่นเดียวกับ Stony Hill ฮ่ะ ใครจะมาเยือนไร่นี้ต้องจองทัวร์ล่วงหน้า
ค่าทัวร์เจ้านี้โหดสุดในทริปแล้วค่ะ ตั้ง $45/คน แน่ะ กินข้าวอร่อยๆได้มื้อนึงเลย T^T

แต่เพราะไกด์บุคทุกเจ้าเขียนตรงกันว่า ถ้าจะมาชิม Sparkling Wine (หรือแชมเปญ) ใน Napa Valley แล้วล่ะก็
ห้ามพลาดทัวร์ของ Schramsberg เด็ดๆ แล้วยิ่ง จขกท.กับน้องสาวชอบดื่ม Sparkling Wine ด้วยแล้ว
เราจะพลาดรายการนี้ไปได้อย่างไรฮะ

ส่วนน้องกบเมาลั่ลล๊าตัวนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นมาสค็อตของที่นี่รึเปล่า

ทัวร์ของเรานำโดยป้าไกด์หน้าตาใจดีในภาพค่ะ คุณป้าเริ่มเล่าถึงประวัตของ Schramsberg ว่า
เราเป็นไร่ไวน์ที่เก่าแก่เป็นอันดับสองรองจาก Charles Krug Winery ที่อยู่ใกล้ๆเลยนะจ๊ะหลานๆ
โดยผู้ก่อตั้งคือคุณ Jacob Schram ชาวเยอรมันอพยพ ผู้มีอาชีพประจำเป็นช่างตัดผม เอร๊ยยยย >_<
เนื่องจากคุณ Schram เป็นคนเยอรมัน ไวน์ของไร่นี้เลยเป็น Riesling ซะมาก

ป้าไกด์ยังบอกอีกค่ะว่า บ้านสไตล์วิคตอเรียนในภาพเป็นบ้านที่คุณ Schram สร้างตั้งกะปี 1875 โน่น
โดยบ้านทั้งหลังนี่สร้างด้วยไม้ล้วนๆ ไม่มีตะปูเหล็กหรือคอนกรีตมาเอี่ยวด้วยเลย O_o

แต่หลังจากคุณ Jacob Schram เสียชีวิตลงในปี 1905 Schramsberg ก็ลงเหวตามคุณเจคอบไปด้วย
และไร่ก็ผ่านมือเจ้าของใหม่อีกนับไม่ถ้วน จนกระทั่งในปี 1965 ก็มีสองผัวเมียมือใหม่ไฟแรงในวงการไวน์
นามว่า Jack และ Jamie Davies มาทำการปลุกผี Schramsberg ให้โด่งดังขึ้นมาอีกครา

คุณ Jack Davies นี่โพรไฟล์แกเทพมากฮ่ะ จบตรี Stanford ต่อด้วย MBA จาก Harvard Business School
เคยทำงาน McKinsey บริษัท Consulting ดัง  แถมยังนั่งแท่นเป็นประธานในบริษัทเล็กๆอีก 2 แห่งด้วย O_o
พอคุณแจ็คเริ่มสนใจธุรกิจไร่ไวน์ แกเลยมองหาตลาดที่ยังไม่มีคู่แข่งมาก ซึ่งตลาดที่ว่านั่นก็คือแชมเปญนั่นเอง
โดยแกเห็นว่าแถวๆ Napa และ Sonoma มีคนผลิต Sparkling Wine อยู่แล้วก็จริง แต่ไม่มีเจ้าไหนผลิตไวน์
ด้วยกรรมวิธีแบบที่แชมเปญจริงๆผลิตกัน (méthode Champenoise หรือ méthode traditionnelle) เลย

แม้จะมีความรู้ท่วมหัวแต่ทั้งลุงแจ็คและป้าเจมี่ก็ไม่มีประสบการณ์ด้านการทำไวน์แม้แต่น้อย แถมยังผ่าจะมาทำแชมเปญ
ซึ่งกระบวนการผลิตยุ่งยากกว่าไวน์ปกติอีก แต่ทั้งคู่ก็สู้ตายค่ะ ป้าเจมี่ถีบลุงแจ็คไปเรียนทำแชมเปญถึงที่ฝรั่งเศส
ส่วนตัวเองอยู่ดูแลไร่และลูกลิง เอ้ยลูกชาย 3 คนไป และความตั้งใจของทั้งคู่ก็กลั่นกรองออกมาเป็น
California Champagne ในนาม Schramsberg ซึ่งปรากฎว่า...ขายไม่ออกค่ะทั่นผู้ชม (ฮา)

คนซื้อคงเห็นแชมเปญเมดอินแคลิฟอร์เนีย แต่ชื่อไร่ดันเป็นเยอรมัน เลยพาลอคติไม่ซื้อเอาซะงั้นมั๊ง -_-

แม้ช่วงแรกๆจะล้มลุกคลุกคลาน แต่ภายหลังลุงแจ็คกับป้าเจมี่ก็มาถูกหวยเข้าจังเบอร์ เมื่อวันดีคืนดี
มีโทรศัพท์มาที่ไร่ว่า ทั่นประธานาธิบดี Richard Nixon ต้องการขอซื้อแชมเปญ Schramsberg 14 ลัง
ช่วยเอามาส่งที่สนามบินกองทัพอากาศที่ซานฟรานด้วย ลุงแจ็คเลยขับไปส่งไวน์ที่ฐานทัพ
ไปถึงเค้าก็ยังไม่ยอมบอกอีกว่า ปธน.นิกสันจะเอาไวน์ไปทำอะไร ลุงแจ็คเลยต้องกลับบ้านไปอย่างงงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นที่บ้านของลุงแจ็คตอนเช้ามืด ปรากฎเป็นเพื่อนบ้านของลุงนั่นเองที่โทรมา
"นี่คุณ! รีบเปิดทีวีดูถ่ายทอดสดจากจตุรัสเทียนอันเหมินเร็วๆ ชั้นเห็น Barbara Walters (นักข่าวสาวอมตะ)
ถือขวดแชมเปญของ Schramsberg ออกทีวีด้วยนะ!"

และแล้วปริศนาก็ไขกระจ่าง ว่าทั่น ปธน.นิกสันขน Sparkling wine ของ Schramsberg ไปชนแก้วกับโจวเอินไหล
นายกจีนถึงที่ปักกิ่งในทัวร์จีนประวัติศาสตร์ปี 1972 นั่นเอง! (นิกสันเป็น ปธน.เมกันคนแรกที่ไปเยือนเมืองจีนค่ะ)

เจอ product placement ขั้นเทพเยี่ยงนี้ ทำให้ไวน์ของ Schramsberg ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
แถมยังได้ออกงานรับใช้ชาติอยู่เนืองๆ ต้อนรับควีนเอลิซาเบ็ธที่สองก็ทำมาแล้วนะเคอะ

เอาฮ่ะ โม้มาเยอะแล้ว ได้เวลาเราเข้าสู่ถ้ำไวน์ (Wine Cave) เสียที

ไวน์โดยเฉพาะแชมเปญนั้น ต้องเก็บในที่เย็นๆค่ะ เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีแอร์ เลยต้องขุดถ้ำไว้เก็บไวน์แทน
และถ้ำนี้ก็ได้อานิสงส์จากคุณ Schram ที่ไปจ้างคนงานจีน (ที่แต่ก่อนโดนขนมาสร้างทางรถไฟแถวๆซานฟราน)
ให้มาขุดถ้ำความยาวเป็นกิโลๆ ซึ่งขอบอกว่าเวิร์คมากค่ะ เพราะตอนที่เราไปเที่ยว
อากาศข้างนอกร้อนตับแลบ แต่ข้างในถ้ำนี่อย่างเย็นยะเยือกเลย

เอ...แล้วผนังสองข้างนี่อะไรน๊อ

มันคือขวดแชมเปญค่ะท่าน!! โฮกกกก เรียงกันเข้าไปได้ไงฟะ >_<


จากทู้ที่แล้ว เราจะเห็นว่าไวน์ปกติจะถูกบ่มในถังโอ๊คจนได้ที่แล้วจึงบรรจุขวด แต่แชมเปญ หรือ Sparkling Wine นี่
เค้าจะบ่มในถังครึ่งนึงก่อนแล้วรีบบรรจุขวดแล้วใส่ยีสต์ตาม เพื่อให้ไวน์ได้บ่มตัวต่อในขวด ซึ่งการบ่มไวน์นี้จะมี
แก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นผลพลอย เลยทำให้แชมเปญเป็นไวน์ซ่าๆมีฟองฟู่ๆนั่นเอง

แต่ว่าแชมเปญชั้นดีนี่ต้องไม่ซ่าแบบโซดาสิงห์นะฮะ ต้องซ่านิดๆ ฟองนุ่มๆ ถึงจะอาหย่อย

ป้าไกด์บอกลูกทัวร์ด้วยว่า ช่วยยืนให้ห่างๆผนังหน่อยนะเคอะ เพราะขวดที่กำลังบ่มนี่
ความดันในขวดสูงมาก ขวดแตกขึ้นมานี่ ได้หน้าแหกเอาง่ายๆนะจ๊ะเด็กๆ >_<

ทีนี้พอไวน์บ่มตัวเสร็จแล้ว ไวน์ก็จะขุ่นๆแบบขวดที่ป้าไกด์ถือโชว์
ลำดับต่อมาก็ต้องเอาซากยีสต์และสิ่งตกค้างออกจากขวดค่ะ โดยให้ซากยีสต์ไหลไปกองอยู่ตรงปากขวด
จากนั้นก็เอาปากขวดไปแช่เย็นจนเป็นน้ำแข็ง แล้วจึงดึงซากออกแล้วรีบปิดจุกโดยเร็ว

เพื่อให้สิ่งตกค้างไหลไปกองอยู่ตรงปากขวด ก็ต้องจับขวดวางเอียงๆ จากนั้นก็หมุนขวดวันละนิดๆ
ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกว่า Riddling ค่ะ แน่นอนว่าปัจจุบันโรงไวน์มักใช้เครื่องจักรในการ Riddling
แต่ป้าไกด์บอกที่ Schramsberg เราโลว์เทคค่ะ เพราะเรามี master riddler เป็นอาเฮีย Ramon ในภาพคนนี้!

ป้าไกด์บอกเฮีย Ramon หมุนขวดได้เร็วและแม่นมาก วันๆนึงแกหมุนได้เป็นหมื่นๆขวด >_<
แถมการ Riddling ที่ดีเนี่ย ต้องไม่ใช้ข้อมือนะฮะ ต้องใช้แต่นิ้วหมุนขวดอย่างเดียว
น่าเสียดายที่เราไปวันที่เขาบรรจุขวดไวน์พอดี เลยอดเห็นเฮีย Ramon หมุนขวดให้เห็นเป็นบุญตาเลย T^T


(ภาพ : Nytimes.com)

ส่วนนี่ก็เป็นแผนที่ไร่ไวน์ของ Schramsberg ที่กระจายอยู่ทั่ว Napa & Sonoma Valley ค่ะ

ป้าไกด์เล่าด้วยว่า แต่ละปีทีม winemaker จะมานั่งล้อมวงกัน แล้วไล่ชิมไวน์ของแต่ละไร่
เพื่อจะดูว่าควรจะผสมไวน์ไร่ไหน เท่าไหร่ จึงจะได้ Sparkling wine ที่รสชาติยอดเยี่ยมที่สุด
ป้าไกด์บอกฟังเหมือนสนุก แต่มันไม่หนุกเลยนะเด็กๆ เพราะไวน์ที่ยังบ่มไม่เสร็จนี่ รสชาติไม่ไหวจะเคลียร์มาก

แถมเค้ายังมีมุขตลกในวงการอีกค่ะว่า ใครเป็น winemaker ไวน์แดงนี่จะสังเกตง่าย เพราะยิ้มทีเห็นฟันสีแดงๆ
ส่วน winemaker ของแชมเปญเนี่ย สังเกตง่ายเช่นกัน เพราะเคลือบฟันหายหมด!! >_<

ออกจากถ้ำแล้ว เราก็ได้มานั่งพักเหนื่อยชิมไวน์กันต่อ

อันนี้เป็นไวน์ที่เราได้ชิมในวันนี้ฮ่ะ ขออภัยที่ จขกท.ลืมถ่ายรูปมา เอารูปจากในเน็ตไปแทนละกันเน้อ -_-

เริ่มที่ขวดซ้ายสุดซึ่งเป็นไวน์ซูเปอร์ฮิตของที่นี่ Blancs de Blancs (ซึ่งแปลว่าทำจากองุ่นขาว Chardonnay 100%)
Blancs de Blancs ของที่นี่รสชาติเยี่ยมและดื่มง่ายสุดๆ นุ่มนวล ฟรุ๊ตตี้กำลังดี และไม่บาดคอเลย

ขวดถัดมาคือ J.Schram ซึ่งเป็น Chardonnay 80% Pinot Noir 20%
และคัดมาแต่องุ่นที่ดีที่สุดของไร่เท่านั้น รสชาติก็อร่อยค่ะ มีรสวานิลลาติดลิ้นหน่อยๆด้วย

นอกจากจะบรรยายให้ความรู้เรื่องไวน์แล้ว ป้าไกด์ยังแนะนำอีกด้วยค่ะ ว่าไวน์แต่ละตัวควรจะคู่กับอาหารประเภทไหน
เลยมีอาเฮียในกรุ๊ปยกมือถามว่า "แล้วขวดไหนถึงจะเข้ากับไก่ทอดครับเจ๊" กร๊ากกกกกก
เจอคำถามนี้เข้าไป เล่นเอาป้าไกด์อึ้งไปเล็กน้อย แต่อาเฮียคนเดิมยังโม้ต่อว่า
"ผมเคยลองดื่ม Schramsberg Blancs de Blancs กับชีสเบอร์เกอร์ด้วยนะ เข้ากั๊นเข้ากัน ขอโบก"

ต่อค่ะต่อ แก้วที่สามเป็น Blancs de Noirs ซึ่งเป็นไวน์ขาวที่ทำจากองุ่นแดง Pinot Noir
เนื่องจาก จขกท.ปากไวใจเร็ว กรอก Blancs de Blancs หมดรวดเดียว
เลยไม่เหลือมาให้เปรียบเทียบรสชาติกับ Blancs de Noirs เลย ฮ่วย -_-

ต่อมาเป็น Schramsberg Reserve ซึ่งทำมาจาก Pinot Noir เช่นกัน แต่นุ่มกว่าขวดที่ 3 อย่างเห็นได้ชัด
ก่อนจะปิดท้ายด้วย Cremant Demi-Sec ซึ่งเป็นแชมเปญรุ่นหวานเล็กน้อยค่ะ


สรุป Sparkling Wine เจ้านี้เค้าเยี่ยมจริงฮ่ะ จขกท.ซัดโฮกเข้าไป 5 แก้วติดสบายๆ
ชิมเสร็จ จขกท.เลยต้องคลานขึ้นรถไปหม่ำน้องเมกะรอนแก้มึนเรย กร๊ากกก

จบทัวร์ชิมไวน์วันนี้ไปอย่างสุดจะแฮปปี้ศรีสุดา
ว่าแล้วก็ถ่ายป้าย (ที่อยู่หน้าปากซอย Schramsberg นีแล) เป็นที่ระลึกซะหน่อยละกัน

จริงๆตอนแรกกะว่าจะไปต่อที่ Beringer หนึ่งในโรงไวน์เก่าแก่ที่อยู่แถวๆ B&B ของเราด้วย
แต่ชาวคณะพร้อมใจกันยกธงขาว เราเลยได้แค่แวะไปถ่ายรูปกับโรงไวน์สุดเท่ก่อนชิ่งออกมาอย่างว่อง

ขากลับเราก็ขับผ่าน downtown เมือง St Helena อันแสนกุ๊กกิ๊ก

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แวะร้าน Woodhouse Chocolates แก้เลี่ยนจากการดื่มไวน์ดีก่า
ร้านน่ารักเชียว

แต่ที่อยู่ในตู้นี่น่ารักกว่าฮ่ะ คอนเฟิร์ม!

เราถอยรส Mocha Cream กับ Banana Foster มาชิมเล่นค่ะ
รสชาติใช้ได้เลย หวานมัน กล้วยเป็นกล้วย ม็อคค่าเป็นม็อคค่าดี แฮ่

สวัสดีคะ คุณ ha-meow

รีวิว vine วันอาสาฬหบูชา พอดีเลย....เอิ๊ก

macaron ชิ้นใหญ่เป้ง น่ากินจริงๆ คะ ที่กรุงเทพ ชิ้นเท่าฝาหนมครก (ไซด์เล็ก ) กินหมดเป็นกล่อง กระเพาะแทบไม่รู้สึกเลยคะ

หลังจากนอนกลิ้งๆให้หายมึนแล้ว เราก็คลานออกมาหม่ำข้าวเย็นที่ร้าน The Restaurant at Meadowood
ซึ่งอยู่ใน Meadowood Resort อีกที (ที่รีสอร์ทมีสนามกอล์ฟด้วยนา)

หะแรก จขกท.ก็อยากไปลองชิม The French Laundry ร้านดังของ Napa Valley
แต่จองไม่ล่ายค่ะ เลยต้องเปลี่ยนแผนมากินที่ The Restaurant แทน
เพราะเห็นว่าร้านนี้เพิ่งได้อัพเกรดมาเป็นมิเชลิน 3 ดาวหมาดๆ

ร้านเค้าก็เล็กๆค่ะ มีไม่เกิน 15 โต๊ะ


ปล.ถ้าจะไปแนะนำให้ไปตอนเย็นๆ พระอาทิตย์ยังไม่ตกนะฮะ เพราะถนนข้างในรีสอร์ทนี่ไร้ป้ายโดยสิ้นเชิง
จขกท.เลยต้องหยุดรถลงไปถามพนักงาน เพราะนึกว่าหลงซะแล้ว ปรากฎพนักงานบอก นี่ไงเจ๊ ร้านอยู่ตรงโน้น
แล้วทำไมไม่มีป้ายบอกเลยล่ะครับโว้ย

#คุณสิบล้อชอบเทียว : เอ่อ จริงด้วย -_- แบบนี้ทู้เดี๊ยนจะโดนพี่พันสอยมั๊ยเนี่ย
กร๊ากกกก จริงค่ะ มาคารอนชิ้นเล็กๆ กินแล้วจะไปรู้สึกอะไรฮะ ต้องเมกะรอนเนี่ยแหล่ะ ถึงจะเอาอยู่
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เริ่มรายการด้วยแป้งกรอบยัดไส้ชีสเยิ้มๆ ปักดอกไม้จุ๋มจิ๋มที่ร้านเสิร์ฟเพื่อเรียกน้ำย่อยค่ะ

แล้วนี่ไรเอ่ย

ปรากฎมันคือหิมะที่คุณเชฟเสกจาก tomato water ค่ะ
กินกับ baby vegetable ปัก lettuce cream ที่เปรี้ยวนิดๆแล้วสดชื่น แถมล้างปากไปด้วยในตัว

ส่วนนี่ก็ Scallop ห่อผักกาดทอด

ปิดท้ายรายการของแถมจากเฮียเชฟด้วย โยเกิร์ตนมแพะ ผสม umeboshi (บ๊วยดองญี่ปุ่น)
โดยมี pecan หวานๆกรุบๆอยู่ข้างใต้ เรียกว่าจานนี้หวานเค็มมันครบสูตร
ให้ต่อมรับรสได้ออกกำลังกายดีนักแล

เมนูร้านนี้มี 2 เซ็ทค่ะ คอร์สสั้นกับคอร์สยาว ปกติร้านทำนองนี้เค้าจะบังคับให้สั่งเหมือนกันหมดทั้งโต๊ะ
แต่ที่นี่เค้ายังใจดีให้แยกกันสั่งได้ คุณนายแม่กับคุณหญิงน้องเลยหนีไปสั่งคอร์สสั้น
ปล่อยให้เจ้าหนูจำไมอย่าง จขกท.ลุยคอร์สยาวไปโดยลำพัง

มาดูคอร์สสั้นกันก่อนฮ่ะ เค้าให้เลือกของคาว 2 + ชีส 1 + ขนม 1
แม่กับน้องอิฉันใจตรงกัน สั่งเป๋าฮื้อในน้ำซุป dashi จานนี้ น้องสาวบอกอร่อยมากกกกก

ต่อด้วยปลาทอด ที่สองสาวยกนิ้วว่ารสชาติเยี่ยมเช่นกัน เสียแต่จานเล็กจังเลย (ฮา)

น้องสาว จขกท.ยังแซวอีก ว่าร้านนี้เค้าจะมีตำแหน่งพนักงานเด็ดดอกไม้ด้วยเปล่าเนี่ย
ทำไมทุกจานต้องมีดอกไม้เล็กๆประดับเต็มไปหมดเลย

ขนาดชีสก็ยังไม่เว้น ยังดอกดวงได้อีก!

ชมคอร์สสั้นไปแล้ว มาดูคอร์สจัดเต็มของ จขกท.บ้างนะฮะ

#1 - Grilled Razor clam with shaved almond, avocado & caviar

หอยอร่อยมากค่ะ ทั้งหวานทั้งเหนียวหนึบ กินกับคาเวียร์แล้วเข้ากันมั่กๆ

#2 - Licorice crusted Foie Gras

จานนี้อร่อยโพดๆๆ เป็นตับห่านเคลือบ Licorice ที่รสขมนิดๆ กินแล้วเข้ากับตับห่านที่มันและเนียนลิ้นสุดๆ
ถ้ากิน Foie Gras แล้วเลี่ยนก็หันไปจกเชอร์รี่ในจานได้ฮ่ะ แถมมันยังไม่ใช่เชอร์รี่ธรรมดา
แต่เป็นเชอร์รี่ยัดไส้แยมเชอร์รี่อีกทีด้วย (งงมั๊ย )

#3 - Cucumbers of Sea and Land

สารภาพว่า จขกท.ก็เพิ่งจะเคยกิน Sea Cucumber จานนี้เป็นหนแรกในชีวิต
เนื้อมันออกเจลลี่ๆเค็มๆหน่อยค่ะ เลยมีฟองครีมแตงกวาเย็นๆหวานๆมาดับเค็ม
แถมมีแตงกวาดองให้อีก เผื่อใครเปรีียวปาก กั่กๆ

#4 - Live Scallop Roasted in its Shell

จานนี้นี่ตอนแรกเสิร์ฟมาทั้งฝา แล้วพนักงานค่อยมาเปิดฝาให้ที่โต๊ะ อารมณ์เปิดซึ้งหนมจีบชอบกล กร๊ากกกก
นอกจากดอกไม้แล้วในจานยังประกอบด้วย ดอกกะหล่ำ คาเวียร์ และ seaweed butter

#5 - Duck Breast and Duck Confit

เป็นจานที่ได้รสชาติแบบครบวงจร ทั้งความเหนียวนุ่มของอกเป็ด และความเปื่อยๆมันๆของ Duck Confit
ซึ่งก็คือขาเป็ดที่ cooked ในมันเป็ด เลยทำให้เนื้อออกมาเปื่อยแต่หอมอร่อยนักแล

#6 - Tête de Porc

ถือว่าพี่เชฟใจกล้ามากฮ่ะ ที่กล้าเสิร์ฟทั้งแค็ปหมู ลิ้นหมู แก้มหมู หูหมูให้ฝรั่งตาน้ำข้าวกินเนี่ย
แน่นอนว่าลูกเจ๊กอย่างอิฉันก็ได้แต่โฮะๆ ก่อนฟาดน้องหมูเรียบหมดจานชิลๆ

#7 - Smoked Goat Cheese from Loire Valley

จานนี้เป็นชีสนมแพะที่โปะด้วยเยลลี่แอปริค็อท เผอิญ จขกท.ไม่ใช่คอชีส ขอผ่านละกันเน้อ >_<

ส่วนนี่เป็นจานคั่นรายการ ที่คุณเชฟส่งมาให้ล้างปากก่อนลุยของหวานต่อฮ่ะ

ลูกกลมๆข้างในเป็น Rose Sorbet กลิ่มหอมนิดๆ หลบอยู่ใต้เยลลี่แตงกวา
จัดจานซะสวยจนแทบกินไม่ลง (ฮา)

มาถึงของหวานแล้วฮ่ะ จัดจานได้กิ๊บเก๋เท่ระเบิดอีกแล้ว >_<

อันนี้เป็นเค้กสามชั้นค่ะ ด้านบนเป็นวุ้น Safron Caramel คั่นกลางด้วย smoked white chocolate moose (เป็นไงฟะ)
และรองข้างใต้ด้วยเค้กอัลมอนด์ อร่อยค่ะ แต่ จขกท.ว่ามันไม่ได้อร่อยกรี๊ดสลบอ่ะ (หรือว่าลิ้นตูทุยจัด T_T)

หม่ามี๊สั่ง Vanilla Sabayon ที่เสิร์ฟพร้อมวงแหวนดาวเสาร์ กร๊ากกกก
ปกติ Sabayon มันคือคัสตาร์ดชิมิ แต่ Sabayon เจ้านี้ออกมาบางเบาซะยิ่งกว่า Soufflé อีกนะเนี่ย

ส่วนนี่ก็ไอติมเบอร์รี่ของคุณน้องฮ่ะ ยุ่บยั่บๆเต็มไปโหม้ด

ขอพาสต้า จานนึงครับ

ปิดท้ายกันที่ Petit Four ค่ะ ซึ่งมีทั้ง White Chocolate Macaron, Mint Ice Cream Sandwiches,
Huckleberry Marshmallow แล้วก็ Chocolate Honey Ganache

สรุป จขกท.ว่าเชฟร้านนี้เป็นคนช่างคิดมากๆค่ะ ทุกจานเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ที่ส่งให้รสชาติโดยรวมมีความกลมกลืนเป็นอย่างดี แต่ จขกท.แอบคิดว่านอกจากน้อง foie gras แล้วเนี่ย
กินจบไม่มีจานไหนที่รู้สึกตื่นเต้น ประเภทกลับบ้านไปนอนฝันหวานน้ำลายยืดว่าอยากกินอีก
ให้ความรู้สึกประมาณดูหนังอาร์ตเฮาส์ ที่แยบคาย สุขุมนุ่มลึก และเต็มไปด้วยชั้นเชิง
แต่ดูแล้วมันไม่อินเท่าหนังน้ำเน่าเคล้าน้ำตาอย่างไททานิค กร๊ากกกก ว่าไปนั่นตู


ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่อาจไม่ใช่ความผิดพี่เชฟค่ะ แต่เป็นเดี๊ยนเองที่เกิดมาลิ้นทุย!

#เชิญเลือกชิมได้ตามสะดวกเลยค่าคุณ One Light One Shadow
------------------------------------------------------------------------------------


ถัดจากค่ำคืนอันอิ่มอืด เราก็ตื่นขึ้นมาพบกับเช้าที่เต็มไปด้วยหมอกจางๆและควัน (มุขบอกอายุมาก )

หลังจากเที่ยว Napa Valley กัน 2 วันเต็มแล้ว วันนี้เราจะเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยว Sonoma Valley กันบ้างค่ะ

Napa กับ Sonoma เป็นแหล่งปลูกไวน์บ้านใกล้เรือนเคียง ที่ถูกคั่นกลางด้วยภูเขา Mayacamas
ซึ่งทำให้ในทางภูมิศาสตร์แล้ว Napa เป็นเมือง"หลังเขา"ค่ะ แม้จะไฮโซกว่า Sonoma อยู่โขก็เหอะ กร๊ากกกก
และด้วยเหตุที่มันอยู่หลังเขานี่เอง ทำให้ Napa อากาศร้อนกว่า Sonoma อีกด้วย

เรานั่งรถขึ้นเขาลงห้วยกันอย่างสนุกสนานมาก ถนนทั้งคดเคี้ยว ทั้งโคตรชัน เกียร์ 1 ยังเอาไม่อยู่
แต่ใครชอบขับรถคงชอบถนนเส้นนี้ เพราะขับมันมากๆ (ส่วนคนนั่งก็ตัวใครตัวมันนะคร้าบ )

และแล้ว จขกท.ก็มาสำแดงความทุยให้เด็จแม่ได้ประจักษ์กันที่ไร่ของ Matanzas Creek นี่เอง
คือ จขกท.ขับผิดเลน เพราะขับตามรถอีกคันเข้าซอยมาค่ะ พอเห็นป้ายไร่ไวน์อิฉันก็เลี้ยวโชะหักพวงมาลัยทันที
ปรากฎล้อไปติดอยู่ตรงเกาะกลางที่ไม่ใช่เกาะค่ะ แต่มันเป็นคูน้ำ! >_< ยังดีที่รถไม่เป็นไร
แต่เราก็ต้องรอลาก tow truck ให้เค้ามายกรถเช่าคันน้อยออกมา ขอบอกเลยค่ะว่าโคตรอายยยยยย

แต่ในความโชคร้าย เราก็ยังได้พบสิ่งดีๆ นั่นคือน้ำใจของพนักงานไร่ Matanzas Creek นี่แหล่ะค่ะ
คนงานเม็กซิกันคนนึง รีบไปเอารถ forklift เพื่อมาช่วยยกรถให้ แต่ว่ายกไม่สำเร็จ
คุณลุงซึ่งเป็นผู้จัดการก็เลยช่วยยืนรอ tow truck เป็นเพื่อนพวกเราตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ T^T
พอหลุดจากคูมาได้ พวกเราเลยต้องไปอุดหนุนสินค้าของ Matanzas Creek เขาซะหน่อย
เด๋วเค้าจะหาว่าเราเป็นกระเหรี่ยงเนรคุณ กร๊ากกกก


อันนี้เป็น Tasting Room ของที่นี่ค่ะ น่ารักกิ๊บเก๋ไม่หยอกทีเดียว

ข้างใน Tasting Room ก็ดูดีไม่เบา

นี่ฮ่ะ โฉมหน้าของคุณลุง ผจก.ผู้แสนใจดี ที่นอกจากจะยืนรอรถลากเป็นเพื่อนเราแล้ว
ยังจะให้เราชิมไวน์ฟรีอีก นัยว่าเป็นค่าทำขวัญ แต่พวกเราไม่ยอมค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจคุณลุงจะแย่แล้ว T^T

ไวน์เจ้านี้ก็รสชาติไม่เลวเลยนะฮะ โดยเฉพาะไวน์แดง Pinot Noir ที่นุ่มนวลหอมกลิ่นเชอร์รี่ไม่เบา

ที่ Napa เค้าไม่ค่อยปลูก Pinot Noir ซึ่งเป็นไวน์แดงเบอร์กันดีค่ะ เพราะอากาศมันร้อนเกิน
แต่ที่ Sonoma Valley ซึ่งอากาศเย็นกว่านี่ปลูกไวน์ชนิดนี้กันให้พรึ่บเลย


ไม่มีรูปขวด Pinot Noir เน้อ เอา Sauvignon Blanc ไปดูเล่นแทนนะเคอะ -_-

ส่วน Journey นี่ก็เป็นไวน์ Chardonnay รุ่นท็อปของไร่ที่อร่อยเกินคาดเช่นกันฮ่ะ

ที่ว่าอร่อยเกินคาด ก็เพราะตอนแรกเราไม่ได้กะมาชิมไวน์ที่นี่น่ะสิฮะ! >_<

เป้าหมายที่แท้จริงของเราอยู่นี่ตะหาก

แต่ค่ะแต่ แต่ตอนเราไป ดอกลาเวนเดอร์ยังไม่บานเลย โฮฮฮฮฮฮฮ

คุณลุงเจ้าเก่าบอกว่าเพราะปีนี้ฝนตกหนัก ลาเวนเดอร์เลยบานช้า ปกติปลายพฤษภาก็บานสะพรั่งแล้วหนูเอ๊ย
แง๊ เสียใจอ่ะ ภาพดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสีชมพูบานเต็มสวน จะสวยงามแค่ไหนน๊อ T^T

ตอนไปเพิ่งเห็นสีม่วงโผล่มานิดๆเอง

จขกท.เลยไปนั่งทอดหุ่ยข้างกอลาเวนเดอร์ไม่กี่อันที่บานแล้ว
ลมพัดที ก็ได้กลิ่นหอมของลาเวนเดอร์แตะจมูกที ก็นั่งบิวท์กันเข้าไปค่ะ
ว่านี่ตูอยู่กลางทุ่ง(ที่ยังไม่บาน)แล้วนะเหวย

ปล.ที่ไร่นี่เค้ามีขายสารพัดผลิตภัณฑ์ Lavender ไม่ว่าจะเป็นสบู่ โลชั่น น้ำมันหอม ด้วยนะฮะ
คุณนายแม่ผู้ไม่ดื่มไวน์ เลยช่วยอุดหนุนด้วยการเหมาน้ำมันหอม Lavender มาหลายกระปุกอยู่
โดยกะแม่ซื้อไปเป็นของฝากเพื่อนที่เมืองไทย แต่ปรากฎแม่เดี๊ยนใช้แล้วติดใจ เลยเปลี่ยนใจฮุบไว้ใช้เองซะงั้น

อ่ะ ถ่ายดอกอื่นบ้าง เดี๋ยวมันจะน้อยใจ

อ่านรีวิว สนุกมากครับ มีนนิดหน่อย
คุณ ha-meow น่าจะทำไร่ไวน์ เปิดร้านอาหารได้เลยนะ
จะไปอุดหนุนครับ

จบแล้วค่ะ ทัวร์ไร่ไวน์ของเราสามแม่ลูก

ตอนแรก จขกท.ก็หวั่นๆค่ะ ว่าพาคุณแม่ผู้ไม่ดื่มไวน์ และน้องสาวขาช็อปมาเที่ยวไร่ไวน์ตั้ง 2-3 วันเนี่ย จะรอดไหมน๊อ
แต่ทำไปทำมา หม่ามี๊ชอบ Napa Valley มากๆเลยค่ะ เพราะวิวก็สวย อาหารก็อร่อย ผู้คนก็เป็นมิตร
กลับไปเมืองไทยโฆษณาให้ญาติๆฟังสามบ้านแปดบ้าน แถมยังบอกอีกว่า
งวดหน้าแม่มาเมกา เรากลับมาเที่ยว Napa Valley อีกได้มั๊ย

ไว้ตอนหน้าเราจะพาไปเที่ยวซานฟรานแล้วค่ะ โปรดติดตามจ้า

#กร๊ากกกกก คุณฟองสบู่ฮะ เกรงว่าเปิดแล้วจะไม่รอดน่ะสิฮะ เพราะ จขกท.เก่งแต่กินค่ะ ทำกับข้าวม่ายล่ายเลื่องเลย T^T

สงสัยว่า ทำไมปิดหน้าตัวเอง แต่ไม่ปิดหน้าคนอื่นละครับ ^ ^

หน้าตาน่ากินทุกเมนูเลยครับ .... รีวิวน่ารักดี

น่ากินแทบทุกอย่างครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

เราไม่ดื่ม เลยไม่สนไวน์

สนแต่อาหาร ฮ่าๆๆๆ อยากลองกินร้าน 3 ดาวมิชลินมั่งจัง

เมกะรอง น่าหม่ำมากเลย  ใหญ่สะใจ

ไร่ไวน์เค้ารับสมัครคนงานมั๊ย

ค่าแรงไม่เอา ขอข้าวกินสามมื้อก็พอ

วิวสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกก

อ่านเรื่องคุณลุงผจกออกมาช่วย จขกท แล้ว
ทำให้ตระหนักว่า "น้ำใจมีอยู่ทุกที่รอบโลกจริงๆ" :)

จะขอตามไปเก็บรายละเอียดที่ SF ด้วย
วันนี้ชิมไวน์และแชมเปญในวันพระ
ผิดศีลไหมเนี่ย

ขอบคุณสำหรับรีวิวเช่นเคยครับ ได้เกร็ดความรู้มากๆ
อาหารน่าทานมากครับ

จิบไวน์ที่ไม่ใช่ spy ครั้งแรกก็ที่ Sonoma นี่แล้ ได้ไปกะทัวร์กะเหรี่ยงตั้งกะเมื่อสมัยยังเอ๊าะๆ
ได้ยินชื่อ napa valley กะ sonoma อีกทีจากคุณ ha-meow หูผึ่งเลย อยากเที่ยวแบบเน้มั่ง ไม่เอาทัวร์กะเหรี่ยงแล้ว แค่อ่านยังสนุกจังเลยค่ะ

เมื่อไหร่จะมีแมวมองมาเอากระทู้คุณ ha-meow ไปรวมเล่มให้แฟนคลับได้สะสมซะทีน้อ..

ทำไมเชฟเค้าถึงได้ช่างคิดประดิษฐ์ประดอยอาหารแต่ละจานมาซะสวยงามขนาดนั้น
แหม 555 เข้าใจเรียกนะคะ Mega-ron เพิ่งเคยเห็นนี่แหละค่ะ อันเท่าฝ่ามือ
อยากไปเดินชมไร่สวยๆ   จิบไวน์  และกินอาหารมิชลิน 10 ดาวแบบคุณ ha-meow จริงๆ ^_^

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ (ฮาๆ) นะคะ

ลงชื่อไว้ก่อนนะฮ้า เด๋วกลับมาอ่าน วันหยุดแต่งานเยอะโคตร

ดูรีวิวแล้วเกิดกิเลส.....ค็อดๆๆๆ 555  อดทนไว้ วันพระ งดแอลกอฮอล 5555  ขอบคุณ จขกท นะครับ

ตามไปชิมไวน์กับชอคโกแลตด้วยนะคะ ดูน่าอร่อยมากเลย

ไม่..เอิ๊ก..หวายยย..เอิ๊ก..อ่ะ หนูเหมียววววว

นี่ขนาดป้าไม่แตะพวกของมึนเมาเลยนะ ตามเป็นลูกทัวร์หนูเหมียวคราวนี้ ไหงออกมึนๆไปได้ล่ะเนี่ย...เอิ๊ก

รอชมซานฟรานดีก่า

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ว๊าวๆ ไวน์.. ไวน์.. อยากชิมซักลังจังครับ

ดูแล้วหิวมาก

เหมือนนั่งดูรายการ top chef 555

ขอบคุณมากค่า ^^

น่ากินทุกเมนูเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆนะคะ

อาหารหน้าตาดูดีมีชาติตระกูลมาก  รอไปเที่ยวซานฟรานรีวิวหน้าด้วยคะ  ;)

วิวสวย อาหารสวย ทัวร์นี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆค่า
อ่านกระทู้ซีรี่ยส์นี้แล้ว ทำให้อยากไปอเมริกาขึ้นมาทันที
ทั้งๆที่เกลียดมานาน จนคิดว่าไม่ไปก็ได้(ฟะ)ประเทศนี้

เข้ามาอ่านรีวิวนี้เมื่อวันเข้าพรรษา อ่านแล้วเปรี้ยวปากทันที  
นึกถึง Robert Mondavi ที่เพื่อนเคยหิ้วเข้ามาให้ชิมเมื่อหลายปีก่อน
บอกเลยว่า  อร่อยมากกกกก  

ชอบรีวิวนี้มาก  ได้ทั้งประวัติศาสตร์ไวน์ฝั่งอเมริกา  และ ยังมีรูปอาหารหรูๆ มายั่วน้ำลายอีก

ขนมร้านBouchon นี่น่ากินมากครับเห็นแล้วอยากกิน
ดอกไม้งามๆบนไร่องุ่นเห็นแล้วสดชื่นดีจังครับ
น่าเสียดายจริงครับดอกลาเวนเดอร์บานช้าไปอดดูทุกดอกลาเวนเดอร์เลย

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

# 5
เต๊บมาก ทั่นประธานของนู๋ ทุกชิ้นในตู้ !!!    สมศักดิ์ศรีสุดๆค่ะ
แอร๊ย ไม่ใช่ มาการอนทุกรส  


# 10
สตอเบอรี่ นอนเปล น่ารักมั่กๆ    


# 18
จริงๆ ถ้าอุณหภูมิเหมาะสม ถังไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ฮ่ะ แต่แว่ เค้าว่ามันจะขาดกลิ่น
จากไม้ที่จะเข้าไปในไวน์ลงไปเรื่อยๆ  (ซึ่งตูไม่เห็นจะรู้เรื่องด้วยเลยอ่ะ  -__-aaa )


# 19
อุปทานหมู่ ทั่นประธาน ต้องใส่หัวการ์ฟิลด์ฮ่ะ    


# 25-26  31-35
กุหลาบป่าๆๆๆ   >__<  


# 46
สุโค่ยง่ะ  นี่ถ้าลุง Jacob Schram แกยังอยู่ และเป็นยุคสงครามเย็น
วางยาทีนึงนี่ มีแววผู้นำได้ม่องกันค่อนโลกเลย  (ดูหนังสายลับมากไปหน่อย อิอิ)


# 57
จึงได้หันไปจิ๊ก Blancs de Blancs ของน้องสาวกินเพื่อเปรียบเทียบ
แล้วค่อยซื้อกระเป๋าป้าดาใบยักษ์ เพื่อปลอบขวัญ  (มันยังไม่เลิก กร๊ากกกกก~)


# 58
เป็นภาพ "เย๊ ในที่สุด เจ่เจ๊ ก็ซื้อกระเป๋าปราด้าให้หนู"  >__<


# 68
สุโค่ยมากฮ่ะ คิดได้ แล้วแถมเข้ากันอีก ง่าวอย่างอิชั้นดูจากคงนึกว่า
อะไรฟระ เหมือนผักแช่ฟรีซ      


# 71
ซาวด์เหมือนเสียสละเพื่อครอบครัวยังไงไม่รู้นะฮะ  


# 66-83
แล้วไอ้ดอกไม้ทั้งหลายทั้งปวงนี่ ทั่นประธานกินมันเข้าไปด้วยป่าวคะ หรือใส่จานมาเก๋ๆ เฉยๆอ่ะ
อันนี้อยากรู้มั่ก  เพราะบางดอกเหมือนดอกผักกาด มะเขือ ถั่ว อะไรประมาณนี้
มันน่าจะกินได้อ่ะ อิชั้นเคยมือบอนเด็ดใส่ปาก ก็คันมั่ง ขื่นมั่ง จืดมั่ง แต่ส่วนใหญ่กินได้


# 81
อันนี้เท่มาก เพราะสวย ลึกลับ แถมเก็บความเย็นได้อีก  


# 89



# 95
 
แต่ตอนมันยังไม่ออกดอก เหมือนไร่ตะไคร้เลยอ่ะ   -___-aaa


# 99
แอร๊ย เดซี่ชิมิเนี่ย แง๊ว กรุงเทพปลูกสีๆ ดอกเท่าขี้ตา  T__T


# 103
หลอกน้องปอ มาเข้าหุ้นสิคะ แล้วหลอกเพื่อน ม มาเป็นแผนกค้นคว้าอาหาร  
ทั่นประธานเข้าเขตครัวไม่ได้หรอกค่ะ เกิดชิมเพลินหมดจาน ลูกค้าไม่ได้กินแน่
ดูอิฟูลคอร์สนี่ดิ ทั่นประธานชิม(กิน) 3 คำหมด  แอร๊ย ลืมตัวแน่ๆ  


ซานฟรานนนนนนนนนนนนนน~ มีอะไรกิน เราจะได้พบกันตอนต่อไป
แต่ไม่เห็นรีวิวรสชาติน้องมาการอน นั่นเลยอ่ะ ว่านอกกรอบเบา ในนุ่ม
ไส้หวานซะขไหนหนาด    
(จริงๆ ยังนึกว่า มีเวลากินตอนไหนหว่า  -___-aaa กล่องครึ่งเชียวนะ )

เอิ่กก เมาไปอีกแย้วววว~ >_<

ไร่ทู้นี้สวยมากกกกกกกกกกกกเลยอ่า ทุกที่ที่ไปเลยอ่ะตัว น่ารักสุดๆ เห็นแล้วน่าหาเสื่อไปปูนอนเล่นทุกทีไป

ที่พักเจ๊น่ารักอ่ะ น่าอยู่สุดๆ

ของกินน่ากินได้อีกมาก ว่าแต่ เซตยาวอันหลังนี้เหลือมั้ยหน่ะ (คิดว่าจะเหลือเรอะ กร๊ากกกกก~ )
เซทยาวเจ๊มันยาวมากเลยจริงๆนะ 55555555

#40-41 พาสต้าน่ากินสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เดี๊ยนเพิ่งจกลาบเนื้อข้าวเหนียวไปตะกี้ เข้ากันมาก กร๊ากกกก~)


ปล. เมกะรอนอันหญ่ายยยยยมากกกกกกกกกก~ >_<

เป็นไงฮะทุกท่าน เมาได้ที่กันรึยัง


#คุณ kito_hunsamu: คือคุณแม่อิฉันเค้าขี้อายค่ะ ขืน จขกท.ไม่เซ็นเซอร์หน้าหม่ามี๊ มีหวังโดนด่าเปิดเปิงแน่
ส่วน จขกท.เซ็นเซอร์ตัวเองเพราะเกรงว่า ผู้อ่านเห็นหน้าเดี๊ยน จะพาลกินข้าวไม่ลงมากกว่าฮ่ะ กร๊ากกกกก


#คุณเล็กทาโร่: ขอบคุณที่แวะเวียนมาทักทายเช่นกันฮะ


#คุณ Pat :o): รู้สึกว่าอาหารร้าน The Restaurant นี่แอบบ้าพลังไปนิดฮ่ะ หรือตูลิ้นไม่ถึงฟะ T^T
ส่วนเมกะรอง อร่อยสะใจ เต็มปากเต็มคำมากๆค่ะ กินชิ้นเดียวอิ่มเลย


#คุณ =U_U= PoRpLe: อยากไปทำงานใน Napa เหมือนกันฮ่ะ T^T
มีเพื่อนน้องปอ ลาออกจากบริษัท consulting ไปทำงานแนว Logistics ให้บริษัทไวน์ใน Napa ด้วยอ่ะ กรี๊ดดดดด
จขกท.ก็บอกน้องปอว่า ให้เพื่อนคนนั้นหางานให้เราสองคนบ้างได้มั๊ย จะรีบย้ายไปอย่างว่องเลย งื้ดๆ T^T

คุณลุงที่ Matanzas Creek แกใจดีสุดๆเลยค่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่า จขกท.เอากระเป๋าใบเล็กไป เลยช่วยซื้อได้แค่ 2 ขวด
ไม่งั้นแม่จะขนไวน์ซักครึ่งโหลกลับบ้าน ไปดื่มแก้เก็กซิมในความง่าวของตัวเอง  -_-

#คุณ SkylineKip: กร๊ากกก จริงด้วย จขกท.ไม่ได้อยู่เมืองไทย เลยลืมไปเลยว่าวันนี้วันพระนี่หว่า


#คุณม่วงมหากาฬ: ขอบคุณคร้าบผม จขกท.ก็เพิ่งรู้กะเขาเหมือนกันว่าแชมเปญเค้าผลิตกันถึกแบบนี้นี่เอง
แต่ก่อนคิดว่าเอาไวน์มาอัดแก๊ซกันดื้อๆแบบน้ำอัดลม


#คุณ cntip: โห แต่ก็เป็นทัวร์ไฮโซไม่เบานะเนี่ย พาไปชิมไร่ไวน์ที่ Sonoma ด้วย!
แล้วนี่คุณ cntip ไปไร่ไหนมาคะเนี่ย เสียดายที่งวดนี้เราไม่ได้ไป Sonoma จริงๆจังๆ
แถมส่วนมากคนที่ไปทั้งสองที่ เค้าจะชอบ Sonoma มากกว่า เพราะบรรยากาศกันเอง สบายๆ ไม่เน้นขายของเท่าที่ Napa ด้วยอ่ะ
ส่วนเรื่องรวมเล่ม ทัวร์นอกกระแสแบบนี้ จะมีใครซื้ออ่ะคะ นอกจากแฟนคลับที่พิศมัยความแนวเหมือนกันเนี่ย


#คุณ Red-Rose-14Feb: เชฟบ้าพลังยังไม่พอฮ่ะ จขกท.มาอ่านเจอทีหลังอีกว่า
คุณ Christopher Kostow เชฟของร้าน The Restaurant นี่ยังหนุ่มกิ๊งเลยด้วยค่ะคุณ Red-Rose-14Feb
เฮียอายุเพิ่ง 30 เอง!! O_o เลยทำให้เฮียคริสเป็นหนึ่งในเชฟมิเชลิน 3 ดาวที่อายุน้อยที่สุดด้วยนะเคอะ!!
นี่ถ้าอีกซัก 10 ปีกลับไปกินอีก ไม่รู้ว่าป่านนั้นฮียคริส จะบ้าพลังยิ่งกว่าเดิม หรือหันมาเล่นอะไรง่ายๆแต่ได้ใจคนกินแทนรึเปล่านะฮะ

ส่วนชื่อเมกะรอนนี่ จขกท.เกาะกระแสหนังหม้อแปลง 3 เอ๊ย Transformers ภาค 3 มาฮ่ะ อิอิ

นี่เจ้าค่ะ คุณเชฟ Christopher Kostow แห่งร้าน The Restaurant

ตามมาทัวร์ไร่ไวน์แจ่มๆ+ข้อมูลเด็ดๆต่อครับ

#คุณ la liga fan: มิเป็นไรฮะ เราเข้าใจ ช่วงนี้อิฉันก็งานเข้าเหมือนกัน
แล้วก็อย่าเพิ่งเซ็งกับผลโคปาอเมริกาจนจิตตกไปน่ะค๊า

#คุณ Perth&Pearl: ขออภัยค่ะ ที่ จขกท.โพสทู้ไม่ดูตาม้าตาเรือ
หวังว่าวันรุ่งขึ้นคุณ Perth&Pearl จะไปหากรึ้บๆแก้อยากสำเร็จนะขอรับ


#คุณ toastlover: ไวน์ที่ได้ชิมทริปนี้นี่ไม่มีเจ้าไหนไม่อร่อยเลยค่ะ
ไม่ทราบไวน์ของเขาดีจริง หรือบรรยากาศมันพาไปกันแน่ กร๊ากกกก

#คุณเตี้ยอ้วนชวนไถล: เหอเหอ งั้นป้าเตี้ยรอชมทริปซานฟรานแทนละกันนะฮะ รับรองว่าทู้หน้าปลอดแอลกอฮอลล์แร๊ว

#คุณ tonhok: ขอบคุณที่มาคอมเมนต์ทักทายเช่นกันฮะ


#คุณเจ้าชายแวมไพร์: ชิมไวน์ลังนึงเลยเหรอ แบบนั้นสงสัยต้องจ้างลิโมส่วนตัวแล้วมั๊งฮะเนี่ย เหอเหอ


#คุณ jasssilp: ร้าน The Restaurant นี่ จัดจานได้อลังการงานสร้างจริงๆค่ะ ดอกดวงเต็มไปโหม้ดเรย


#คุณสาวหน้าใส: ไวน์ก็เยี่ยม อาหารก็หย่อย ครบเครื่องจริงๆค่ะ Napa Valley เนี่ย T^T


#คุณ marzo: ดูดีมีชาติตระกูลจนอิฉันหมดตรูดเลยค่ะ


#คุณเจ๊มาเองจ้ะ: แหม่ เจ๊อย่าอคติสิฮะ ถ้าเจ๊เคยมาแล้วไม่ชอบ ก็เปลี่ยนเมืองสิเจ๊
เมกาประเทศกว้างใหญ่ไพศาล แต่ละที่ก็มีเสน่ห์ และของอร่อยให้หม่ำแตกต่างกันไป กร๊ากกกก

#คุณชาวทัวร์: ขอบคุณค่า ดีใจที่รีวิวเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน โดยการกระตุ้นให้ทุกท่านดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ
สารภาพว่าเคยกินไวน์ Robert Mondavi แค่หนเดียวเอง คงเพราะมันมีขายทั่วไปในเมกามั๊งฮะ
ก็เลยไม่ค่อยได้ซื้อ ประมาณว่าเป็นของตาย ว่างๆจะลองไปหามาชิมบ้างดีกว่า


#คุณ Destiny-Boy: เสียใจมากเลยค่ะ ที่ดอกลาเวนเดอร์ยังไม่บาน
แบบว่ากะเซอร์ไพรส์หม่ามี๊ พาไปชมไร่ลาเวนเดอร์ในเมกา แต่เทพเจ้าแห่งดินฟ้าอากาศกลับไม่เข้าข้างเราซะงั้น

ตามคุณเหมียวมาเที่ยวไร่ไวน์ต่อค่ะ สงสัยช่วงนี้ตาพล่ามองเลยกระทู้นี้ไป
ยังไงอาหารจัดเต็มเหมือนเดิมเลยนะคะ ^^

ตามไปด้วยคนครับ อยากไปเที่ยวอย่างนี้บ้างจังเลยครับ

#ป้าหนอน: #5 สงสัยเพราะตอนนั้นยังเช้าอยู่มั๊งฮะ สมองส่วนตรรกะของหนูเลยยังไม่ตื่นดี เลยเหมามันหมดทุกรส
เมกะรองนี่จัดว่าอร่อยเกินคาดเลยค่ะ แม้ชิ้นจะใหญ่ยักษ์ แต่ก็กรอบนอก ยวบในมากๆ
แล้วรส rapsberry นี่ ตรงกลางเป็นเยลลี่ๆอีก อาหย่อยยยย แถมชิ้นยังใหญ่ขนาดนี้
ป้าจะเอาไปใช้เล่น frisbee กับน้องหมาที่บ้านก็คงได้มั๊งฮะ กร๊ากกกก

#18  เค้าก็ว่า เปลี่ยนถังแล้วไวน์มันจะ creamy ขึ้นอ่ะป้า ส่วนกลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง จมูกบอดอย่างหนู ดมไปก็ไม่รู้หรอก T^T
#46  กร๊ากกกก ป้าหนอนคิดได้ไง เพลาๆดูหนังสายลับบ้างก็ได้นะป้า
#58  ถ้าซื้อป้าดายักษ์ใบนั้น อิฉันขายน้องโอชินมาทำทุนยังไม่รู้จะพอเลยรึเปล่าอ่ะดิ

#71 อันนี้ ทำให้รู้ว่าทำไมร้านเค้าถึงไม่อยากให้สั่งคอร์สไม่เหมือนกัน เพราะตอนเค้าเสิร์ฟคอร์สหนู แต่ไม่มีของหม่ามี๊
เค้าก็เอาจานเปล่าพร้อมช้อนส้อมมาวางให้หม่ามี๊กับน้องด้วยแ หนูจะได้แบ่งให้แม่กับน้องกินได้
แถมจบจานนึง ก็ยกจานเปล่าไปเก็บที จนแม่บ่นว่า แบบนี้เปลืองน้ำล้างจานหมด กร๊ากกกก
#66  คือ หนูก็กินหมดอ่ะป้า ไม่ได้รู้หรอกว่าดอกไหนเป็นดอกไหน

#95  ป้าอย่าซ้ำเติมดิ แค่ไปแล้วลาเวนเดอร์ยังไม่บาน แค่นี้ก็น้ำตาเล็ดแล้ว
#103 ถูกต้องค่ะป้า ถ้าหนูเป็นเจ้าของร้าน หนูคงต้องโดนพ่อครัวแบนออกจากครัวแน่ๆ กร๊ากกกก

#คุณ yokoyuki: ไร่ Stony Hill นี่สุดๆจริงๆเจ๊โกะ สวยมาก วิวแจ่ม บรรยากาศเยี่ยม สุโค่ย
ไม่อยากจะบอกเลยฮะ ว่าอีคอร์สยาวนั้น อิฉันกินจบอย่างชิลๆมาก ไม่ได้รู้สึกอิ่มอืดแม้แต่น้อยเลย
ส่วนเรื่องความยาวนี่ ไม่เท่าไหร่นา เพราะเจ้านี้แถมไม่เยอะอ่ะ ทั้งหมดก็ 8+5 = 13 คอร์ส
เลยออกมาแพ้มื้อสุดมาราธอนที่ Bruges เมื่อปีที่แล้ว เพราะขานั้น 7+8 = 15 คอร์ส กร๊ากกกก

เอร๊ยยยย แต่เดี๊ยนอยากกินข้าวเหนียวจิ้มลาบเนื้อมากกว่านะเจ๊โกะ
ส่วนเมกะรอง มันใหญ่เจงๆ ไม่รู้จะใหญ่ไปไหน อันน้องๆเบอร์เกอร์เลยนะนั่น >_<

#คุณ LIFE AFTER DEATH: จขกท.ยินดีรับใช้ฮ่ะ


#คุณ Bpearl: เหอเหอ เด๋วรอชมทู้ซานฟรานนะฮะ อาหารจัดเต็มจนล้นยิ่งกว่านี้อีก >_<


#คุณ jerry-tl: ถ้าคุณ jerry-t มาเมกา ก็อย่าลืมแวะมาที่ Napa Valley นะคะ
เพราะนี่เป็นแค่เศษเสี้ยวของไร่ไวน์เจ๋งๆของที่นี่เท่านั้น

อ่านแล้วเมาขึ้น  
ขอบจายน้องเหมียว

Napa เป็นเมืองหลวงไวน์อเมริกัน  ยังไม่เคยไป  (กลัวเมา)

SF เป็นเมืองสวยงามมาก น่าอยู่  

พูดก็พูดเหอะ  ในอเมริกา  เรียกว่าชอบจริงอยู่แค่ 2 ครือ Boston (จริงๆครือCambridge) กะเมือง SF เป็นเมืองสวยงาม


 หมู่นี้กินไวน์เยอะจังว่ะน้องเหมียว

วันนี้ Shiraz หมดไปแล้วค่อนขวด คนเดียว  จิบไปอ่าน mail ไป  
วันก่อนไปกินบ้านจิมมี่เพื่อนเก่า 20 ปี  จิบ Merlot คนเดียว 1 ขวด  เพื่อนอีก 7-8 คนมันกระดก Brandy และ วิสกี้ สิริรวม 3 ขวด  

เรามันแพ้วิสกี้ฟะ กินแล้วผื่นขึ้น

เดี๋ยวไปเป็นแฟนเชฟดีกว่า  หน้าตาดี ทำอาหารเก่ง ถูกใจจัง 555
ขอบคุณคุณ ha-meow ที่ชี้ทางสว่างให้นะคะ ^_^

เข้ามาแล้วหิวอ่ะ

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

ตามมาชิมไวน์ด้วยครับ

กร๊าก จริงดิ อิชั้นว่าทั่นประธานลืมตัว นึกว่ามากับเพื่อน ม. & น้องปอหรือเปล่า
(จริงๆแล้ว ที่อ้างว่าเพื่อแก้ท้องว่างตอนชิมไวน์ก็ดูจะแน่นท้องไปนะ    )
อิชั้นอยากกินที่มันหวานแสบไส้ ประเภทตัวชอกโกแล็ต ไส้คาราเมลอะไรงี้
แล้วตบขาเขียวขมๆ เข้าไปหลอนท้องว่า ชั้นเปล่ากินอะไรหวานๆน้า  ฮี่ ฮี่
ชิ้นขนาดนี้



ดูท็อปเชฟ เห็นของรางวัล เป็นไวน์แดง จากเทอราโต้ และได้ไปฮอลิเดย์ที่ไร่
แบบสามวันสองคืนด้วยละค่ะ    
ไร่นี้อยู่ในนาปา วัลเลย์นี่ด้วยนะเออ  คราวหน้าทั่นประธานต้องตามรอยท็อปเชฟ (กินอ่ะดิ อิอิ)
แบบว่า ดูอีตาคนได้รางวัลดีใจไม่เบาทีเดียว  น่าจะเลิศอีกเจ้านะคะ

โทษทีนะครับเจ๊ที่แอบมาหย่อนกิฟทิ้งไว้ก่อน อ่านรีวิวเมื่อตอนไป HK ผ่านน้อง Ipad แต่เมนต์ไม่สะดวกเลย เนื่องจาก Free Wifi มีจำกัดมากๆอะเจ๊


เข้าเรื่องดีกว่า ยิ่งดูก็ยิ่งเสียดาย ทำไมเค้าไม่ได้ไปเที่ยวแถว Napa/Sonoma ฟระ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ไกลจากบ้านเค้าเลย ฮือๆๆๆๆ ส่วนเมือง Calistoga เพื่อนผมมันไปเที่ยวแล้วเอารูปมาแชร์ใน FB เมืองสวยดีนะครับ ผมชอบมากๆเลย แต่ก็ไม่ได้ไปอีกเช่นกัน อย่าว่าแต่ไปเลย น้ำแร่ยี่ห้อนี้ที่มีขายตาม target ผมยังไม่เคยชิมเลยอะ 5555+


ส่วนอาหารเชฟ น่ากินเหมือนเดิมอะเจ๊ ทำไมเจ๊ไฮโซจัง รับลูกน้องไหมครับ ดูรีวิวเจ๊บ่อยๆ ตอนนี้เริ่มอยากกลับไปเมกาอีกรอบละเนี่ย


รอชม SF เวอร์ชั่นเจ๊เหมียวครับ ต้องเต็มไปด้วยของอร่อยๆอีกตรึมแน่ๆ

ขอบคุณที่ไปเคาะเรียกค่า พึ่งกลับจากไปเที่ยวมาด้วย ไม่งั้นคงหลงหูหลงตาหากระทู้นี้ไม่เจอแน่ๆ
อ่านรีวิวคุณ ha-meow แล้วเราก็แอบไปดูไวน์จาก Napa Valley มาที่สุวรรณภูมิด้วย แต่สุดท้าย
ก็ตัดใจซื้อไม่ลง ขวดถูกๆ ตั้ง 700 บาท up แน่ะ (งบประมาณไวน์ต่อขวดของเราอยู่ที่ไม่เกิน
599 บาท ฮาาา)

ปกติเราไม่ค่อยชอบ Chardoney ค่ะ นิยมไวน์ฟรุ้ตตี้แบบ Sauvignon Blanc หรือ Reisling
มากกว่า (Sauv ของนิวซีแลนด์ดังมากค่ะ) อยากรู้ว่ารสชาติ Chardoney ของอเมริกาแรงและขม
มากมั้ยคะ?

โอ้ มาการอง มันใหญ่มาก!!!
อันใหญ่สุด ๆ เลยค่ะ

มื้อเช้าที่ BB นี่ก็สวยมากค่ะ จัดผลไม้มาซะน่ากินเชียว

ขอถามคำถามทุย ๆ หน่อยนะคะ
คห.18 น่ะค่ะ ทำไมทานไวน์ถึงได้กลิ่นเป็นแอปเปิ้ลเขียวล่ะคะ?
(พอดีไม่ค่อยได้ทานไวน์อ่ะ)

เมนูร้านอาหารน่ารักมากค่ะ
ดอกไม้เต็มไปหมดเลยอ้ะ
ร้านเค้าตั้งใจทำมากเลยเนอะ ดีเทลเยอะแยะไปหมด

#คุณพิจารณ์รัฐกิจ: กินไวน์บ่อยๆขนาดนั้น อย่าลืมเมาไม่ขับนะน้า
หนูก็เคยฮ่ะ แต่ตอนนั้นไปนอนบ้านเพื่อน 3 สาว ไวน์ 3 ขวดเหมือนกัน หมดด้วย กร๊ากกกกก

หนูก็ชอบบอสตันนะน้า เมืองออกจะน่ารักไฮโซ แต่หม่อมแม่กับคุณนายน้องเค้าไม่ปลื้มอ่ะ แบบว่าช็อปไม่มันเท่าแอลเอ -_-
ส่วนซานฟราน หนูชอปตรงที่เมืองนี้มีคาแร็คเตอร์ดี แต่ก่อนชอบมาก เพราะเมืองสวย ตึกรามบ้านช่องสีสันสดใส
แต่หลังจากลงใต้ไปเจอ Colonial Mexico แล้ว งวดนี้กลับไปเลยรู้สึกว่า เมืองซานฟรานจืดสนิทซะงั้น อ้าว -_-


#คุณ Red-Rose-14Feb: ลุยเลยฮะ เพราะท่าทางคุณ Red-Rose-14Feb จะเป็คเฮียคริสอยู่
เพราะแฟนคนปัจจุบันของเฮียคริสก็เป็นสาวหมวยนะเน่ย อิอิ

#คุณ Hermy: หิวหรือตาลายกับดอกไม้ไม้ดอกฮะคุณ Hermy

#คุณ Us-Sama Iland: ขอบคุณที่แวะมาทักทายเช่นกันฮะ

#คุณ Red Fox: ได้เรยครับผม


#คุณป้าหนอน: ถ้าเป็นเพื่อนมอกับน้องปอสองมา จะไม่ใช่แค่น้องมาคารองน่ะสิฮะ
เพราะเราคงถามน้องพนักงานว่า "ทั้งตู้ ราคาเท่าไหร่" กร๊ากกกก
หนูว่าป้าหนอนคงต้องทำเองแล้วล่ะ มาคารอนในอุดมคติของป้าเนี่ย
หรือไปอ้อนๆน้องปอสองก็ได้ฮ่ะ ขานั้นเค้าชอบทำมาคารอน เพื่อนมอยังเคยจะทำ Macaron Burger ด้วยนะป้า
แต่ตอนนั้นอบพร้อมกับอันเล็กมั๊ง เลยออกมารสชาติแหม่งๆหน่อย -_-

ตอนนี้เมืองไทยฉาย Top Chef ถึงซีซั่นไหนแล้วฮะเนี่ย หะแรกก็ว่าจะไปตามรอย Top Chef Masters
เพราะที่ Napa กับ SF มี 2 ร้านของ Top 3 finalists ของ Top Chef Masters season 1 แต่เอาไปเอามา ดันผ่าไปกินร้านอื่นซะได้
แต่ร้านที่จะกินตอนหน้า รับประกันความอลังการงานสร้างนะป้าหนอน โปรดติดตาม


#คุณ Coffee Blended: แหม หนีเที่ยวอีกแล้วนะน้องกาแฟ
หลังจากทริปแคลิฟอร์เนียนี้ พี่เหมียวต้องเก็บตัวอยู่บ้านยาวเลยล่ะ เพราะหมดตรูด

ถ้าน้องกาแฟกลับมาเมกาอีกในเร็ววัน () น้องต้องห้ามพลาด Napa/Sonoma เรยนะจ๊ะ
เพราะพี่เหมืยวและชาว BP จะได้เห็นรูปสวยๆ แจ่มๆ เป็นการโปรโมต wine country ไปด้วยในตัว กร๊ากกกก
แต่ซานฟรานงวดนี้ กินร้านอร่อยเจ๋งๆแค่ร้านเดียวเอง ที่เหลือแป้กหมด แง๊ T^T


#คุณยูจินคุง: นี่ขนาด Duty Free ยังตั้ง 700 บาทเลยเหรอ เค้าเอาไวน์ไรมาขายเนี่ย
ปกติถ้าเดินในซูเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ ไวน์ราคาไม่เกิน $15 นี่อย่างตรึมเลยนะเคอะ

เราว่า Chardonnay เมกาไม่ขมค่ะ จะหนักไปทาง Buttery มากกว่า ซึ่งอาจไม่ถูกจริตคนชอบไวน์ฟรุ๊ตตี้ๆอย่างคุณยูจินคุงนะฮะ -_-


#คุณ nowan: ตอนเดี๊ยนเห็นเมกะรองเข้าไป นี่ก็เล่นเอาอึ้งเหมือนกันฮะ
แต่ความตะกละอยากกินมันมากกว่า เลยเหมามันทุกรสเลย กร๊ากกกกก

เรื่องกลิ่นของไวน์นี่ เห็นหนังสือบอกว่าไวน์องุ่นแต่ละพันธุ์จะมีกลิ่นของมันเอง อย่าง Chardonnay กลิ่นจะออกแอปเปิ้ล, พีช
หรือ Cabernet Sauvignon จะออกเบอร์รี่ๆหน่อย แต่กลิ่นจะชัดเจนมากน้อย นี่ ข้าพเจ้าก็บ่ฮู้ว่าทำไมนะเน้อ -_-

เค้าไม่กล้าอยากกินไรเลยง่ะ กลัวทำทู้พังอีก
ยังหลอนน้ำแร่ไม่หาย


แต่มาการองใหญ่เบิ้มมาก ๆ กินได้ยังไง กล่องครึ่ง !!!!!

ฮ่วย เค้ามาชวนชิมไวน์ อิชั้นกลับติดใจร้านอาหารซะงั้น ไว้ถ้าจะไปจะมาขอพิกัดนะคะ พวกชอบกินค่ะ ^^ ไปไหนหาแต่ที่กินตลอด !

ไอ้เจ้าเมกะรอนนี่เคยเห็นที่ร้าน Paul ในลอนดอนทีนึง ไม่รู้ว่าอันไหนใหญ่กว่านะคะ ก็ว่าที่เห็นใหญ่แล้ว วางบนมือหลานๆนี่ถึงกับล้นได้เลยอะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ ha-meow, ตามอ่านกระทู้ของคุณมาเสมอ เขียนได้ดีมากกกก ชอบอ่านมากค่ะ
อยากรบกวนถามว่า รูปใน คห. 88 เป็น map ที่ save มานั้น ทำอย่างไรคะ ตัวเองพยายามทำอย่างไรก็ไม่ได้ค่ะ save เป็น .pdf แผนที่ก็ออกมาเพี้ยน รบกวนบอกวิธีได้ไหมคะ ขอบคุณมากค่ะ

อิชั้นเคยทำค่า แต่กินเปล่าๆหมด แอบฝันว่าจะทำไสช็อคตุ๋นมาทา
(รู้งี้ตอนนั้น ทานูเทลล่าก็รู้แล้วรู้รอดไปแระ กร๊ากกกกกกกกก~)
ทำน้อยด้วยละ ขี้เกียจล้าง แต่ออกมาหน้าตาดี ผิวกรอบ เนื้อนิ่ม
กัดเข้าไปนี่เหมือนขนมฝรั่งกุฏีจีนเลย ผิวแบบเปลือกไข่เปี๊ยบๆ หอม
ปลาบปลื้มแป๊บๆหมด  -___-''''  

ตอนนี้มันท็อปเชฟ 5 มั้งคะ ที่มีคนนึงเป็นอิตาเลียนอ่ะ ฟาบิโอ ทำไก่อบกับมัน
แบบอิตาลีแท้ ชนะได้ไวน์ ฮี่ ฮี่
ไปกินเลยฮ่ะทั่นประธาน มีหลายคน เปิดร้านใน NY อ่ะ น่าจะไปไม่ยาก

แก้ไขฮ่ะ วันนี้เปิดดู มันเป็นท็อปเชฟ 5 อ๊ะ   -___-'''  7 มาจากไหนฟระ...

คุณน้อง ha-meow ขา......

เห็นมาการองอันใหญ่ยักษ์ แล้วหัวใจจะวายค่ะ

อยากกินนนนนนนนนนน มั่งอ่ะ

 A good Life จริงๆ  ค่ะ 
แค่ macaron กะ sparkling wine ก็อลังมากแล้ว
แต่แอบติดใจที่เค้าเอาดอกไม้เล็กๆมาแต่งจานด้วยค่ะ น่ารักๆๆๆ


ไร่ไวน์แต่ละที่ๆไปนี่สุดยอดมากๆเลยนะคะ  ชอบสวนด้วยล่ะ  รกๆ เหมือนไม่ได้จัด แต่สวย
( แล้วจะมีงูมั้ย ?)
ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ อยากมาเป็นเจ้าของไร่แถวนี้นะคะ เจริญหูเจริญตา เจริญอาหารไปหมด
แต่แอบเห็นด้วยกะคุณป้าหนอนล่ะ ทุ่งลาเวนเดอร์ เหมือนกอตะไคร้เลย!


เฮียRamon อะเมซซิ่งมากๆค่ะ คนหรือบอทเนี่ย?
คุณลุง #91 น่ารักจังเลย ขอปรบมือให้ด้วยค่ะ  



 ตั้งตารอ SF อยู่นะคะ  หนึ่งในเมืองที่ชอบที่สุดล่ะ
เมืองน่ารัก คนก็ชิลชิล
แอบรู้สึกว่าบรรยากาศคล้ายยุโรปนิดหน่อยด้วยค่ะ
แล้วได้ไปเที่ยวเล่นแถว GG Park ด้วยไหมคะ
ไม่รู้ว่าตอนนี้ de Young M ขึ้นสนิมได้ที่รึยัง?



 ปล. บังเอิญมากวันก่อนอ่านเจอนี่พอดีเลยค่ะ เอาสูตรของ Pierre Hermé’s macaron มาฝากค่ะ

http://www.telegraph.co.uk/foodanddrink/recipes/7473264/Pierre-Hermes-macaron-au-chocolat-amer.html

*** แก้คำผิดค่ะ

#คุณ khuanclub: กร๊ากกกก อย่ามาทำทู้เดี๊ยนออกทะเลอีกสิฮะคุณ khuanclub
โชคดีที่โรงแรมที่ซานฟรานไม่มีข้าวเช้าเสิร์ฟฮ่ะ อิฉันเลยฟาดน้องเมกะรองเนี่ยแหล่ะแทนข้าวเช้า

#คุณ agarwaen: ได้เรยฮะ ว่าแต่ ที่ลอนดอนมีเมกะรองด้วยเหรอ แบบนี้ถ้ามีโอกาสไป ต้องตามไปชิมซะแล้ว หุหุ


#คุณ AURASA: ขอบคุณค่า ที่ติดตามผลงานการโม้สะบัดช่อของ จขกท.
ส่วนทริคการเซฟ google map จขกท.หลังบ้านไปให้แล้วนะเน้อ

#ป้าหนอน: มาคารองนูเตลล่าน่าจะเข้ากันนะป้า หนูกลับไปเมืองไทยเมื่อไหร่ ป้าทำให้หนูกินล่วยยยย
เอร๊ยยยย เฮียฟาบิโอสุดเลิฟของหนูน่ะเอง เฮียมาจากฟลอเรนส์ด้วยหนิฮะ
แบบนี้ต้องจับไปเจอกับน้องโมโต สงสัยจะกลายเป็นคู่ซี้กันเลยนะนั่น คนนึงทำ คนนึงกิน กร๊ากกกก
Top Chef 5 ไม่ค่อยหนุกอ่ะ ไม่มีเฮียฟาบิโอนี่รับรองจืดเป็นเต้าหู้แน่ ชอบ Top Chef 6 มากๆ
หนูว่า Top 3 ซีซั่น 6 เนี่ย เทพสุดตรีนที่สุดในกระบวนทุกซีซั่นที่ดูมาแล้วป้า ฉะนั้นอย่าพลาดนะเน้อ


#คุณ Najenjira: นั่นดิฮะ ชิ้นใหญ่มาก เวลากินทียังกะกินเบอร์เกอร์เรย >_<


#คุณ ysl: เอร๊ยยยย DeYoung Museum เดี๊ยนไม่มีพลาดเด็ดๆฮ่ะ
เพราะยังไม่เคยเห็นงานของ Herzog & de Meuron ตัวเป็นๆน่ะสิฮะ
แต่ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าตอนนี้สนิมขึ้นได้ที่ดีรึเปล่า ตกลงตอนเปิดใหม่ๆ ตึกมันไม่ได้สีน้ำตาลแบบนี้หรอกเหรอ -_-"

โอว์ มาคารอนน่ากิ๊น >_< ว่างๆจะไปลองทำบ้างนะฮะ แต่ไม่รับประกันว่ารสชาติจะออกมากินได้รึเปล่า
เพราะขนาดอาหารง่ายๆ เดี๊ยนยังทำไม่เอาอ่าวเลย T^T

นั่นสิฮะคุณ ysl ที่ Napa บรรยากาศดี เจริญหู เจริญตาจริงๆ ถึงได้มีเศรษฐีมาทำไร่ไวน์มากมาย
แถมแต่ละคน สร้างโรงไวน์ซะอลังการงานสร้าง อย่างเช่น Castello di Amorosa นี้
ที่เจ้าของไปจ้างนักโบราณคดีจากอิตาลีมาเป็นที่ปรึกษา แถมอิมพอร์ตวัตถุดิบการก่อสร้างมาจากอิตาลี
เพื่อให้อาคารออกมาเหมือนปราสาทอิตาเลี่ยนยุคกลางให้มากที่สุด!

เนี่ยแหล่ะฮ่ะ Castello di Amorosa ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Schrambergs นี่เอง

ยังไม่สะใจฮ่ะ ยังมี Darioush Winery อันนี้เจ้าของเป็นคนอิหร่าน เลยสร้างโรงไวน์ที่มีตำหนักเปอร์เซียเป็นแรงบันดาลใจ -_-"

อิฉันว่า ดีไม่ดี อีกซัก 10-20 ปี เราอาจจะเห็นตำหนักจีนผุดขึ้นมากลาง Napa Valley ได้
เพราะเห็นเจ๊ไกด์ที่ Stony Hill กระซิบมาว่า มีบริษัทจีนมาซื้อที่ตรง Napa Valley ตรง Napa Valley ไว้แล้ว เกร๊ยยยยย >_<


นี่ก็ Darioush Winery ฮ่ะ

de Young Museum อันนี้ เจอคุณป้าที่ทำงานในนั้นเล่าว่า
ตรงแผ่นทองแดงรอบๆน่ะค่ะ สถาปนิกเค้าตั้งใจว่าพอมันเก่า ผ่านการ oxidized ไปเรื่อยๆ
มันจะเป็นสีเขียวกลมกลืนกะสวนรอบๆค่ะ
เค้าช่างคิดดีนะคะ  ใช้ธรรมชาติการเสื่อมของวัสดุให้เกิดความงามที่เปลี่ยนไป
ว่าแต่แถวนั้นมีฟ้าฝ่าบ่อยไหมอ่ะ ?  


ส่วนCastello di Amorosa อันนี้เป๊ะมาก ไม่มีหลุดทั้งนอกและในเลยนะคะ
ตำหนักเปอร์เซียนี่ดูจะข่มlandscape รอบๆไปนิด
ชอบสถาปัตยกรรมที่ถ่อมตัว กลมกลืนไปกะสภาพแวดล้อมรอบๆมากกว่าน่ะค่ะ

เอ่อ   อีกหน่อยจะมีพระราชวังฤดูร้อนจากปักกิ่งไปผุดกลางไร่ไวน์เลยเหรอคะ
งั้นเตรียมเก็บค่าทัวร์แข่งกะ Disneyland ได้เลยนะเนี่ย

ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยแนะนำ ได้ทำเป็นซะที
คุณพาเที่ยว (และกิน) ได้สนุกมากค่ะ ถ่ายรูปก็สวยอีกต่างหาก
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ