ชื่อกระทู้นี้ แฟนเป็นคน request มาค่ะ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเราว่ามันไม่เห็นจะ fat ตรงไหน เพราะไม่มีอะไรอร่อยสักอย่าง (แต่น้ำหนักขึ้นกันถ้วนหน้า)

จริงๆอยากรีวิวตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่เนื่องจากการทำงานวันสุดท้ายจึงทำให้ต้องคืนคอมบริษัทไป วันนี้เลยฉลองคอมใหม่กิ๊ก ด้วยกระทู้นี้ ดังนั้นคิดว่ากว่าจะรีวิวจบก็คงจัข้ามวันใหม่ค่ะ เพราะไม่คุ้น keyboard เครื่องใหม่นี่เลย -.-"

ช่วงนี้มีกระทู้บาหลีมากมาย ก็ว่าจะไม่รีวิว แต่ก็อดไม่ได้ แฟนบอกว่าให้เรารูปพาโนราม่ามาสู้ เพราะไม่ค่อยมีใครถ่าย 555

แต่ยังก่อนค่ะ ก่อนอื่น ขอพาไปกินข้าวมื้อแรกที่บาหลีก่อน

จริงๆแล้วเราจองคนขับชื่อ Rai ตามที่คุณ Stila is style แนะนำไว้ แต่คนที่มารับและเป็นไกด์ให้เราตลอดทริปกลับเป็นลูกน้องเค้า ชื่อ Wayan ค่ะ

แฟนเราขึ้นรถได้ ก็บอกวายันว่าขอกินข้าวก่อน เค้าเลยจัดที่นี่ให้ค่ะ ข้าวแกงบุฟเฟ่ท์ ที่เรียกว่า Padang
ส่วนใหญ่เป็นไก่ค่ะ รสชาติจืดซะมาก เราชอบกุ้ง เค็มๆเผ็ดๆ สนนราคาก็ไม่ถูกนะคะ มื้อนี้จัดไป 70,000 กว่าๆ

ปล. เพิ่งรู้ว่า จะทำรูปให้ใหญ่แต่ไซส์ไม่เกินกำหนดนี่ต้องแปลงไฟล์เป็น Gif เนาะ... หลงใช้ jpeg อยู่นาน ได้รูปนิดเดียว

---------------------


เมื่ออิ่มท้อง ก็มุ่งหน้าสู่ Uluwatu ค่ะ

โปรแกรมวันแรกของเราคือ Uluwatu --> Matahari mall ---> Tanalot ---> Ubud

เมื่อไปถึง ไกด์ก็บอกกฏก่อนเลยว่า ให้ถอดเครื่องประดับ หมวก แว่น ไม่งั้นจะโดนเจ้าลิงฉกไป ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบนักท่องเที่ยวถูกฉกรองเท้าไปค่ะ เฮ้อออ ลิงหนอลิง

ตอนที่ไปเป็นช่วงบ่ายสองค่ะ แดดแรงมากกกกกก เลยได้สีน้ำสดขนาดนี้ เราว่าที่นี่สวยที่สุดในบาหลี ;)

รีวิวตอนนี้ ไม่คาดหวังให้ใครมาปาดเลย .... แต่แอบเหงาเล็กน้อย

------------

วันนั้นภายในวัดมีพิธีกรรมค่ะ เลยเข้าไม่ได้

แต่วิวข้างนอกสวยมากๆๆๆ ถึงแม้แดดจะร้อน แต่ก็คิดว่าคุ้ม

มาแล้วค่ะ พาโนราม่า อิอิ ภูมิใจเสนอมั่กๆ

กบ เขียด ปาดค่ะ ปาด
มีคนยังไม่นอนค่ะ พรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุด(ยาว)

จากนั้น ก็วกกลับเข้าเมืองค่ะ เพราะ uluwatu จะอยู่ค่อนลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ของสนามบิน ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมในเวลาพระอาทิตย์ตก แต่เรากลัวจะไม่มีเวลา เลยขอไปดูพระอาทิตย์ตกที่ tanalot แทน

ขอเตือนว่า ที่บาหลี โดยเฉพาะในเมือง รถติดไม่แพ้กทม. ดังนั้นจัดโปรแกรมใช้ google map แล้ว ต้องเผื่อเวลารถติดด้วยนะคะ

ที่เรามา Matahari mall หรือ Bali Galeria นี้ ก็เผื่อสิ่งนี้ค่ะ ... J.CO

นอกจากนั้นยังแวะ supermarket เพื่อตุนเสบียงด้วย
และถ้าใครจะซื้อซิมก็ซื้อที่นี่ได้เลยค่ะ รวมทั้งมีสตาร์บั๊คด้วย

คุณ สะหวอย7.... น่าร้ากกกกกที่สุดค่ะ ให้กิ๊ฟไปเลย อิอิ

--------------

จุดหมายที่สาม Tanalot ซึ่งเรากะเวลาเก่งมากค่ะ มาถึงก็ห้าโมงกว่าๆพอดี ก่อนพระอาทิตย์ตก

คนเยอะมากๆ เราเลยขออยู่แต่ข้างบน ...ไกด์ทำหน้างงมากที่เราไม่ยอมลงไป ฮ่าๆๆ

ลืมบอกไปค่ะ ที่ Uluwatu จะต้องนุ่งโสร่งด้วย แต่ที่วัดมีให้ยืมฟรี


ที่ Tanalot นี่มีคนมาเล่นเซิร์ฟเยอะมาก

พระอาทิตย์ดวงโตมากแล้วค่ะ

ยังอยู่ครับ  ไปเที่ยวด้วยคนครับ

ยืนถ่ายรูปรออยู่นาน ด้วยความหวังว่าจะมี sunset glow แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่มา เลยถามไกด์ว่า ที่นี่มี sunset glow ไหม
เค้าก็งงว่าคืออะไร เลยเอารูปที่เสม็ดให้ดู http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10536548/E10536548.html

เค้าทำตาโต แล้วถามว่านี่ที่ไหน ...ก็เลยบอกว่าเกาะนึงในไทย
แล้วก็ได้ความว่าที่นี่ไม่มี ...เลยกลับ ก่อนจะค่ำไปกว่านี้

อิอิ ดีใจ มาก่อนคุณเล็ก ได้กิฟท์ด้วย

สวัสดีค่ะ คุณเล็ก ^^

------------

เสียดายที่ tanalot นี่ sweep pano แล้วไม่สวยค่ะ เพราะแสงตอนพระอาทิตย์ตกมันทำให้แสงจากสองข้างของภาพเหลือมกันมาก กล้องมันเลยปรับแสงไม่ทัน

ฮ่าๆๆ คุณสะหวอย...มีแข่งกันด้วยอ่ะ

แต่ตอนนี้หงุดหงิดเจ้า touchpad มากเลยค่ะ ไม่คุ้นเลย อยู่ๆก็ย่อขนาดให้ซะงั้น เลยรีวิวช้าไปกันใหญ่

---------------------

จากนั้นก็เข้าที่พัก ซึ่งถนนออกเมืองของที่นี่ก็เล็กอยู่ดี ตลอดการเดินทางในบาหลีนี่แทบไม่มีถนนกว้างเกินสองเลนเลย

ที่พักของเราคืนนี้คือ Sri Bungalow ค่ะ เพราะเห็นรีวิวในพัทิปก็ดี ใน tripadvisor ก็ดี แต่ราคาเอาเรื่อง ก็ยอม เพราะมีวิวทุ่งนา

แต่แล้ววววว

ห้อง standard ของเรา ก็กลายเป็นห้อง understandard ถ้าเทียบกับราคา เพราะ แม้แต่ประตูก็ปิดไม่สนิท จนเราต้องเอาเก้าอี้มาขวางไว้ แถมบานประตูห้องน้ำก็ดูไม่จืด กลอนหน้าต่างก็ไม่ลงล็อก (ดีที่อยู่ชั้นสอง ไม่งั้นเครียดตาย) ที่นอนก็ฝุ่น

ดีที่ว่ามันเป็นวันที่เหนื่อยมาก เพราะนอนเที่ยงคืนแต่ตื่นตีสาม เลยหลับสนิทแบบไม่พลิกตัว

งานนี้ดีใจมากที่ห้อยพระไปด้วย..ก็นอนแบบอุ่นใจ ...แฟนเราตลกมาก ขอเอามือมาแตะตอนเราไหว้พระก่อนนอนเพราะเจ๊กลัว ฮ่าๆๆ

เช้ามา ตั้งนาฬิกาปลุกเจ็ดโมง เพราะเผื่อเวลาที่บาหลีซึ่งเร็วกว่าบ้านเราหนึ่งชั่วโมง โดยหารู้ไม่ว่า เจ้ามือถือเรามันปรับเวลาให้อัตโนมัติ ก้เลยตาเหลือกขึ้นมา .. ปรากฏว่าเหลือเวลาบาน ...เลยรีบขออัพเกรดห้อง

โชคดีว่าเหลือ deluxe ห้องนึงพอดี เพิ่มเงินคืนละ 30 USD (standard 65, deluxe 95) แพงเอาเรื่อง แต่ก็ยอม T_T เลยได้วิวทุ่งนาไปเต็มๆ

อย่างไรก็ตาม ..ขอเตือนเพื่อนๆที่จะไปบาหลี ว่า ไม่ต้องไปเน้นวิวทุ่งนาให้เปลืองหรอกค่ะ เลือกทำเลที่สะดวก และห้องพักที่สบาย +สะอาด ดีกว่า

และหน้า high อย่างช่วงก.ค.นี้ ไม่แนะนำให้ walk-in นะคะ โรงแรมดีๆมักจะเต็ม

อาหารเช้าที่นี่จะไม่มีให้เลือกมากนัก และรสชาติก็เรียกได้ว่าพอทน

แฟนเราเน้นแพนเค้กกล้วยหอมเป็นหลัก ส่วนเราเลือก Jaffle ซึ่งก้คือแพนเค้กที่เอามาประกบเป็น toast sanwich ค่ะ อันนี้เป้นไส้ไข่

รูปห้องใหม่ค่ะ

วันที่สอง โปรแกรมจะค่อนข้างเยอะ คือ ไป Besakih --> Kintamani --> tirta Empul --> pura Gunung Gawi --> Rice terrace

ระหว่างทางไปก้แวะชมวิวทุ่งนากันสักหน่อย

แอบมาปาดเงียบๆค่า .. รูปพาโนสวยจริงๆค่ะ สมแล้วที่คุณแฟน จขกท ให้เอามาแปะ ^^

ชักจะง่วงแล้วค่ะ ..จะรีวิวจบมั้ยน้อ

--------------

พาโนสักหน่อย ^^

คุณ Cyanize ... ขอบคุณค่ะ ...นอกนดึกเหมือนกันนะคะเนี่ย

------------

ถึงแล้ว Besakih

เนื่องจากไกด์ของเรามี license (คิดว่ามีนะ เพราะตอนตกลงกับ Rai เค้าว่าเค้ามี) เลยไม่ต้องวุ่นวายกับไกด์มาเฟีย อีกอย่างนึงก้ดูเหมือนว่า Wayan จะรู้อะไรดีๆเยอะ เป็นต้นว่าต้องอ้อมไปจอดรถที่ไหนถึงจะเดินใกล้ และก้ดูมี connection มาก ไปที่ไหนก็เจอคนรู้จัก ทักทายกันตลอด และที่สำคัญคือ เราจ่ายค่ารถแบบเหมาค่าเข้า ค่าที่จอดรถ ดังนั้นเราก็ไม่ต้องควักอะไรเพิ่มเลย และไม่ต้องกลัวโดนโกงด้วย

เค้าคิดค่ารถสี่วัน 1,350,000 และค่าเข้า คนละ 100,000 Rp ซึ่งเราลองคำนวณค่าเข้าสถานที่ทั้งหมดที่เราไปน่าจะอยู่ราวๆ 135,000

ที่เบซากีนี่ต้องเตรียมโสร่งไปเองค่ะ ซึ่งวายันบอกว่าถ้าเราจะเช่าจากร้าน เค้าก็จะเป็นคนออกให้ แต่ถ้าซื้อ เราก็จ่ายเอง

เป็นครั้งแรกทีได้ต่อราคา 555 ตอนแรกเปิดราคามาแรงเชียว แต่แฟนเราท่องไว้ว่า ในพันทิปบอกว่ายังไงๆก็ต้องไม่เกินผื่นละ 100 บาท เลยต่อจนเหลือสองผื่น 50,000Rp

ถึงแม้จะเป็นไกด์ แต่วายันก็ไม่สามารถพาเราเข้าไปในวัดเล็กๆที่อยู่ภายในเบซากีได้ ก็ได้แต่ชะเง้อเอาค่ะ เพราะไม่งั้นต้องยอมจ่ายให้ไกด์มาเฟีย แบบที่หลายๆคนโดนค่าบูชาอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ เราเลยเดินข้างนอกดีกว่า

ตามมาเที่ยวบาหลีด้วยคน ขอบคุณนะค่ะที่รีวิว ทำให้คิดถึงบาหลีขึ้นมา ^__^

แต่เราชอบกำแพงที่บาหลีมาก ทุกวัดจะมีตะไคร่ (หรือมอสหว่า) ขึ้นจนเขียวไปหมด

สวัสดีค่ะ คุณ tammy ^^

---------------

ขอกำแพงอีกสักรูป

ซ้ำค่ะ

แฟนเราบอกว่าชอบเบซากีที่สุด ในบรรดาสถานที่ต่างๆในบาหลี

ที่นี่มีวัดเล็กวัดน้อยอยู่รวมกันมากมาย โดยมีวัดประจำครอบครัวของไกด์เราด้วย ซึ่งเค้าก็พาไปชี้ให้ดู

เบซากีแบบพาโน ^^

จากนั้นก็ไปทานข้าวกลางวันที่ Kintamani ตอนแรกใจแป้วเลย เพราะมีแต่หมอก และฟ้าก็หม่นมากๆ แต่นั่งๆไปสักพักก็เริ่มมีแสง คงเพราะเที่ยงพอดี

วายันเป็นคนเลือกร้านให้ค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้จดชื่อร้านไปจากรีวิว จดแต่ว่าห้ามเกิน 80,000Rp ซึ่งก็สมใจ เพราะที่นี่ 65,000+tax 5% แต่ว่าพนักงานมาชวนคุยดี เลยทิปไปซะหนัก สรุปว่ามื้อนี้สองแสน -.-"

รสชาติอาหารร้านนี้ออกเค็มค่ะ แต่ก็ทานได้

ขนมและผลไม้ค่ะ เจ้าขนมสีดำในถ้วยคล้ายข้าวเหนียวเปียกบ้านเรา
ส่วนผลไม้หน้าตาประหลาดนี่เราจำชื่อไม่ได้ แต่รสชาติเปรี้ยวมากคล้ายๆเสาวรส ผสมมะปราง พนักงานบอกว่าถ้าตักกินผสมน้ำผึ้งจะช่วยบำรุงสมรรถภาพทางเพศด้วยนะ :D

ปล. พรายกระซิบมาว่า ไอ้เจ้ามื้อละสองแสนนั่น แพงเพราะมีค่าน้ำปั่นด้วยค่ะ ซึ่งแฟนเราก็สั่งไอ้ลูกประหลาดนั่นล่ะ รสชาติดีพอใช้ค่ะ

--------

ระหว่างทาง ก็แวะไปชมไร่กาแฟกันค่ะ

เมล็ดกาแฟสดหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง

มีคุณลุงนั่งคั่วกาแฟเป็นนายแบบอยู่ ...กลิ่นหอมมากๆๆๆค่ะ

เครื่องดื่มที่ให้ชิมฟรี จะมีกาแฟบาหลี กาแฟโสม โกโก้ โกโก้ขิง ชามะนาว น้ำขิง

กาแฟเข้มดีค่ะ กาแฟโสมก้หอม โกโก้ขิง เราว่าเด็ดสุด เลยซื้อกลับมาเป็นของฝากด้วย

ส่วนกะแฟชะมดที่นี่ชิมตั้งแสนนึงแน่ะ เลยไม่เอาดีกว่า

เจ้าชะมดตัวโชว์ เห็นอึของมันแล้วก็ดีใจที่ไม่ได้ชิมค่ะ เพราะหน้าตามันเหมือนอึแมวเลยอ่ะ :(

จุดหมายถัดมาคือ Tirta Empul หรือวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์

ไกด์บอกว่าที่นี่สตรีมีประจำเดือนห้ามเข้านะคะ
มีหลายวัดค่ะ ที่มีข้อห้ามนี้ ดังนั้นสาวๆต้องเตรียมตัวนับวันกันให้ดีนะคะ

ปล. แต่แปลกมากว่า วายันย้ำกะเราหลายครั้งเรื่องนี้ แต่ไม่เห็นพูดกะแฟนเรามั่ง ...เลยไม่รู้หน้าตาเรามันออกอาการเหวี่ยงเหมือนสาวๆช่วงนั้นของเดือนหรือไง -,-

ขออภัยค่ะ ..เมื่อกี้ไม่ได้ rotate

วัดนี้ใหญ่ทีเดียวค่ะ เดินรอบๆก็เพลินดี
บาหลีนี่ดีอยู่อย่างที่ความร่มรื่นและเขียวขจี

มาถึงไฮไลท์ (สำหรับเรา) แล้วค่ะ วัด Gunung Gawi อยู่ใกล้ tirta ecpul มากๆ แต่อยู่ในหุบเขา และต้องเดินเยอะ (เดินลงเขาว่าเมื่อย ขาขึ้นเมื่อยกว่า)

เหมือนคุณไกด์ก็คงขี้เกียจเดิน ถามเราอยู่หลายรอบว่าจะไปแน่เหรอ มันเดินไกลนะ!

วัดนี้สร้างโดยการขุดเจาะหินค่ะ ดูอลังการมากๆๆ ชอบๆๆ รู้สึกคุ้มที่เดินมา

ช่องๆเหล่านี้มีไว้สำหรับนั่งทำสมาธืค่ะ

น้ำตกที่นี่สวยมากอ่ะ และทำให้ชุ่มชื้นด้วย ... แต่
ที่นี่เองที่เราทำแว่นกันแดดหล่น..เลนส์หลุดเลยอ่า

ปิดท้ายวันนี้ด้วย Rice terrace ซึ่งเราว่าไม่สวยเลยอ่ะ วิวข้างทางยังสวยกว่า

เนื่องจากวายันเคยบอกว่า บ้านเค้าอยู่ถัดจาก ubud ไปนิดเดียว แฟนเราก็เลยถามเรื่องหมูบ้านเค้าเยอะ เพราะตลอดเส้นทางจะผ่านหมู่บ้านมากมาย ซึ่งเค้าก็จะคอยอธิบายว่าคนที่นี่ทำอะไรกัน
เค้าก็เลยชวนไปบ้าน ... ไปสิคะ เป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสชีวิตจริงของชาวบาหลีเลยล่ะ

เข้าไปกันเลยค่ะ

บ้านเค้าก็ขนาดไม่ใหญ่ค่ะ ข้างในก็จะมีบ้าน ครัว ศาลาตรงกลางไว้ทำพิธี และที่ขาดไม่ได้คือวัด (หรือศาล)ประจำบ้าน ซึ่งเค้าก้อธิบายหมดว่าครงไหนคืออะไร แต่เราจำไม่ได้เองอ่ะ

ส่วนอันนี้คือยุ้งข้าวค่ะ จะอยู่ใต้หลังคาครัว

บ้านนี้เป็นบ้านแม่ของวายันค่ะ ตัวเค้าและครอบครัวอยู่ใน Denparsar เพราะมีโรงเรียนที่ดีกว่า ส่วนแม่ จริงๆแล้วต้องแต่งเข้าบ้านพ่อ แต่เนื่องจากบ้านนี้ไม่มีคนดูแล แม่เค้าเลยต้องมาอยู่เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นของรัฐบาล

เย็นวันนั้นเราดินเนอร์กันที่ Nomad ค่ะ ระหว่างรอดูโชว์
ร้านบรรยากาศโอเค มี wifi ให้เล่น

ขาดไม่ได้ เมื่อมาอินโด... Bintang

ปล. งดเหล้าข้าพรรษานะค้าาาาาา ^^

---------------

จานนี้เป็นมะตะบะกรอบค่ะ อร่อยดี (เมื่อเทียบกับมื้ออื่นที่กินๆมา ฮ่าๆๆ)

Ravioli ที่เค้าโฆษณาว่าสดใหม่ ทำเอง ก็อร่อยใช้ได้ค่ะ

ที่บาหลีนี่สิ้นหวังเรื่องอาหารจริงๆค่ะ

เค้กชอคโกแลตมูสนี่โอเคอยู่

ราคาสูงเอาการค่ะร้านนี้ หมดไปสองแสนกว่าๆ

จากนั้นก็ไปรอชมการแสดง Kecak กันค่ะ
โชคดีที่ไปเร็ว เลยได้ที่ค่อนข้างดีค่ะ

เคจัก เป็นการแสดงที่ใช้คนมากมายมาร่วมกันทำเสียง เคจั๊กๆๆๆ เป็นดนตรีประกอบการแสดง หรือเสียงอื่นๆเลียนแบบธรรมชาติค่ะ (คล้ายๆacapella) จริงๆแล้วต้องใช้เป็นร้อยๆคนเลย แต่ที่นี่สถานที่เล็กนิดเดียวค่ะ เลยมีประมาณสี่สิบคนเห็นจะได้

ตอนที่เค้าวิ่งกันออกมาตอนแรกนี่ตกใจมากค่ะ
แต่ตอนแสดงนี่ขอบอก...ว่าเหม็น...ฮ๋าๆๆๆ โดยเฉพาะตอยนักแสดงยกแขนกระพือ กลิ่นงี้โชย...แฟนเราต้องนั่งปิดจมูก แล้วบ่นว่าเค้าไม่อาบน้ำกันรึไง ...ส่วนเรา สงสารพระเอกนางเอกที่ยืนกลางวงค่ะ ถ้าเป็นเราคงได้เป็นลมกันมั่ง

ส่วนการแสดงคราวนี้เป็นตอนหนึ่งของรามเกียรติ์ค่ะ
โดยรวมแล้วนับว่าสนุกนะคะ มีบางตอนที่อาจจะยืดไปนิด

การแสดงกินเวลาชั่วโมงเศษค่ะ ค่าบัตรสองคนแสนห้า

ตอนปิดท้ายจะเป็นการแสดงลุยไฟ เล่นเอาตื่นเต้นกันใหญ่

โชคดีที่เราเจอรีวิวนึงที่บอกว่าได้แผลจากสะเก็ดไฟ เลยชวนแฟนไปนั่งแถวสอง

พอจบ นักแสดงต้องนั่งนิ่งเลยค่ะ คงเพราะเจ็บเท้า

มารู้จากวายันอีกวันนึงว่า การแสดงนี้จะเป็นการอัญเชิญเทพเจ้า (ประมาณเข้าทรงบ้านเราแหละ) ดังนั้นเวลาลุยไฟ นักแสดงจะไม่ร้อน แต่จะมาเจ็บเอาตอนที่เทพเจ้ากลับออกไปแล้วน่ะแหละ

วันที่สาม โปรแกรมค่อนข้างสั้นค่ะ คือ ไปตลาด Sukawati -->Goa  Gajah -->  ulun danu bratan (lake temple) --> Pura Taman Ayun (Mengwi)

ที่จัดตลาดไว้ตอนเช้าก็เพราะคนขายจะยอมให้มากกว่าช่วงบ่ายค่ะ เพราะถือว่าเอาฤกษ์เอาชัยตอนเปิดร้าน

เราเป็นพวกต่อไม่ค่อยเป็น แต่วายันบอกว่าให้ต่อ 60-70% เราก็เลยต่อแบบหารสี่ แรกๆคนขายก็จะชักสีหน้า แต่พอเดินหนีราคาก็จะลดลงมาเรื่อยๆ จนได้ราคาที่เราต้องการ
ซึ่งบางที่เราก็ว่ามันง่ายมาก จนเราสงสัยว่าจริงๆคงต่อได้มากกว่านั้น แต่ก็ช่างมัน ถือว่าเป็นราคาที่เราพอใจ

แล้วก็ไปต่อที่วัดถ้ำช้างหรือ Goa Gajah ค่ะ

โฉมหน้าถ้ำช้างค่ะ ที่นี่เล็กๆค่ะ ไม่มีอะไรมาก

โครงสร้างคล้ายๆ Gunung Gawi แต่ไม่อลังการเท่า

ลืมไปค่ะ ว่าก่อนไปถ้ำนี่เราแวะกินข้าวหมูหัน (Babi guling) กันก่อน

เราว่ารสชาติน้ำราดมันไม่ได้อ่ะ สู้ข้าวหมูแดงบ้านเราไม่ได้เลย

กระเบื้องหน้าร้านเป็นรูปหมู น่ารักดีค่ะ

จากนั้นก็นั่งรถกระท่อกกระแท่กชั่วโมงกว่า กว่าจะถึงทะเลสาบ

ที่นี้เป็นทะเลสาบกลางหุบเขาสูงค่ะ อากาศดีมาก

แต่เราว่าของจริงสวยน้อยกว่าในรีวิวของหลายๆคน เลยแอบผิดหวัง

แถมยังมีขยะที่ลอยในน้ำเยอะมากๆๆ

อีกไม่นาน ถ้าบาหลีไม่รณรงค์เรื่องเก็บขยะนี่จะไม่คนไปเที่ยวแน่ๆ

เราไม่ได้นั่งเรือเล่นค่ะ เพราะไม่มีเวลา แล้วก็เปลืองด้วย อิอิ

ที่วัดเพิ่งจบการจัดงานฉลองไปไม่นาน ยังมีร่องรอยให้เห็นอยู่ อย่างเช่นเจ้าตัวบารองนี้ ทำจากเมล็ดข้าว ถั่ว และอื่นๆ เพื่อบูชาเทพเจ้า

แวะตลาดผลไม้พอหอมปากหอมคอ แล้วก็กลับลงงมาสู่วัด Gunung Gawi ซึ่งเป็นวัดหลวง ล้อมรอบด้วยสระน้ำค่ะ

วายันเล่าว่าปัจจุบันราชวงศ์ของบาหลีก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ส่วนใหญ่ทำโรงแรม สปา อะไรพวกนี้

ที่นี่เป็นที่ที่เราชอบมากอีกที่นึงค่ะ ให้อารมณ์คล้ายๆสุโขทัย คงเพราะเป็นวัดหลวงเหมือนกัน เลยมีระเบียบเรียบร้อย

ที่นี่ไม่เปิดให้เข้าเช่นกันค่ะ ต้องเดินดูรอบๆ เลยแอบถ่ายผ่านช่องเอา

พาโนแนวตั้ง

ชักจะพิมพ์สั้นลงๆค่ะ เพราะง่วงมากแล้ว

วิวจากรอบนอกวัดค่ะ

ปิดท้ายวันนี้ด้วย dirty duck ซึ่งอร่อยสมคำล่ำลือ และวิวดีมากๆเลยด้วย

นาขนาดย่อมใน dirty duck

เห็นคนปลูกข้าวอยู่อย่างนี้ รับรองไม่มีใครกินข้าวเหลือ

นับว่าเป็นกระทู้ที่มีของกินน้อยมั่กๆ สำหรับมาตรฐาน rainy ฮ่าๆๆ

แต่ก็ยังมีนะคะ

Dirty duck อันลือชื่อ อร่อยค่ะ

เพิ่งนึกออกว่าลืมรีวิวอาหารเย็นมมื้อแรกที่ lotus lane แต่จริงๆก็ไม่มีอะไรน่าจดจำ 55

--------


Nasi Goreng สะเต๊ะที่มาด้วยนี่ พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าอร่อย

ของหวานเค้าก็เด็ดค่ะ

apple อะไรสักอย่าง

และ Black Russian เล่นเอาเมากันเลยทีเดียว

จบวันด้วยที่พักยามค่ำคืนค่ะ

พาโนราม่ายามเช้า หน้าห้องพัก

และขอปิดท้ายด้วยพาโนราม่าที่ tanahlot ที่เพิ่งค้นพบว่าถ่ายมาด้วยค่ะ อิอิ

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ ไม่รวมตั๋วเครื่องบินและที่พัก ก็เบ็ดเสร็จสองคนหมื่นห้าค่ะ แต่อันนี้ซื้อของฝากไม่เยอะนะคะ

เดียวถ้าพรุ่งนี้มีเวลาจะเข้ามาเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟังค่ะ ^^

รูปนี้เป้นสระน้ำหลังรีสอร์ทที่เราอยู่ค่ะ (พอวันจะกลับละแดดดีเชียว ฮึ!)

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ บาหลีเป็นอีกที่ ที่อยากไปมาก แต่คงไม่มีโอกาส

ขอบคุณที่พาเที่ยวบาหลีครับ...

ตามไปเที่ยวบาหลีด้วยคนค่ะ

 ขอบคุณสำหรับรีวิวรูปสวยๆ พร้อมรายละเอียด ยังไม่เคยไปเที่ยวบาหลีค่ะ

บาหลีสวยแบบธรรมชาติ ผู้คนก็ดูน่ารัก

เรียกได้ว่ามาชมรีวิวกระทู้เดียว เพลินทั้งได้เที่ยว และของกินนะครับ น่าหม่ำทั้งนั้นเลย


ขอบคุณสำหรับภาพรีวิวที่นำมาให้ชมกันนะครับ อยากไปเหมือนกัน งืมๆ

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ ^__^ ไว้มีโอกาส คงได้กลับมาทำรีวิวให้ดูค่ะ

ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ^^

thank you for good review

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ ได้เก็บข้อมูลไปเยอะแยะเลย จะไปปลายเดือนนี้แล้ว ^^

ชอบตอนพระอาทิตย์ตกที่ Tanalot จังครับ
ทุ่งนาแบบขั้นบันไดนี่สวยดีครับ เห็นแล้วสดชื่น
เบซากี นี่สวยจริงครับแต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเข้าไปชมบรรยากาศวัดเล็ๆ
ภายในแบบเต็มๆไำด้ เบื่อจริงครับพวกทำตัวเป็นมาเฟียร์คอนรีดไถคนอื่น
วัด Gunung Gawi นี่สวยมากครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

@ คุณม่วง.... ทำไมถึงไม่มีโอกาสไปล่ะคะ .. อยากเห็นรูปสวยๆสไตล์คุณม่วงบ้าง
@ คุณ white koala...ยินดีค่ะ
@ คุณสาวหน้าใส...ไม่ขัดข้องเลยค่ะ ขาประจำอยู่แล้นนน
@ คุณ Bioclam ... จริงค่ะ คนบาหลีใจดี
@ คุณ P.S. I love you... ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมทุกกระทู้เลยนะคะ ^^
@ คุณ Air Mail... จะรอชมนะคะ
@ คุณสามแซ่...ยินดีค่ะ
@ คุณ Genie&Winnie... ขอบคุณค่ะ
@ คุณ Supermama ...มีอะไรถามได้เลยนะคะ
@ คุณ Destiny-Boy... เห็นด้วยทุกประการเลยค่ะ
@ คุณ tonhok... ยินดีค่ะ

---------------

สำหรับ tips ก้ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะมีหลายท่านแนะนำกันมาเยอะแล้ว ที่เราจะเพิ่ม มีนิดหน่อยดังนี้ค่ะ

- เรื่องแลกเงิน เราแลก superrich จากกทมไปเลยค่ะ ได้เรท 3.56/1000 Rp ซึ่งจะพอๆกันกับแลก USD ไปแลก Rp ที่โน่น แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องการตุกติก
แต่เราแลกไปหมื่นบาทค่ะ แล้วก็แลก usd ไปอีก 100 usd ซึ่งสุดท้ายก็ต้องใช้อ่ะ ใครจะแลก usd ไป อย่าลืมนะคะ ว่าแบงค์ห้ามมีรอยเขียนหรือปั๊มใดๆทั้งสิ้น และยิ่งแบงค์ใหญ่ยิ่งได้เรทดี

-โรงแรมแพง (แพงสำหรับเรา 555) ก็ไม่มีน้ำดื่มให้นะคะ ถ้าจะให้ดีก็แวะซูเปอร์มาร์เก็ตซะก่อน อีกอย่าง ปลั๊กแปลงหัว ต้องพกไปเองนะคะ

- Dirty duck ห้ามพลาด ...อร่อยสุดในบาหลีละมั้ง

- ที่นี่ไม่ต้องกังวลเรื่องฉกชิงวิ่งราวค่ะ (หรือเพราะเรานั่งแต่ในรถก็ไม่รู้) เอา money belt ไปแทบไม่ได้ใช้เลย

- สุดท้ายอย่าลืมเรื่องวันนั้นของเดือนนะคะ ไม่งั้นจะหมดสนุกซะเปล่าๆ :)

ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาทักทายนะคะ ^^ ทริปหน้า ฮ่องกง วีคเอนด์นี้ค่ะ

สวยจังค่ะ  อาหารก็น่ากินดีแฮะ  เมื่อไหร่จะได้ไปบ้างน้อ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

เข้ามาบอกว่าคนที่บ้านก็ชอบวัดเบซากีห์มาก
เห็นที่นี่ที่เดียวพอใจสุด ไม่ไปวัดอื่นก็ได้
ไปพม่าก็พอใจชเวดากองที่เดียวพอ

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

ชอบวิวทุ่งนาขั้นบันไดมากๆเลยครับ รีสอร์ทก็บรรยากาศดีเชียว

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ถ่ายรูปสวยมากค่ะ บรรยากาศดีน่าไปมั่กๆ ค่า

มาช้ายังดีกว่าไม่ม่เพราะไม่อยู่กทม.ค่ะ คุณ Rainy ชอบบาหลีไหมคะ เห็นแล้วคิดถึงจังค่ะ
ถ่ายรูปสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่า!

ตามมาดูรีวิวค่ะ

รูปพานอราม่า วัดทาน่าล๊อตสวยมากเลยค่ะ .. แอบอิจฉา ฮ่าๆๆ เพราะตอนเราไปมันเป็นตอนกลางวัน และน้ำก็ยังไม่ลด เลยไม่มีโอกาสถ่ายรูปมุมนี้เลยอ่ะค่ะ

รูปอาหารเยอะเหมือนเดิมเลยนะคะ ฮ่าๆๆ คอนเซปที่ขาดไม่ได้กันเลยทีเดียว (แต่แอบเห็นด้วยว่า น้อยกว่าตอนรีวิวทริปอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด)

ปล. เห็นรูปคห. 40 เลยก็เลยเพิ่งจะรู้ว่าวัดนี้ชื่อ Gunung Gawi น่ะเอง