ส้มจี๊ด @ Malasia Road trip ณ. ปีนัง ไข่มุกแห่งตะวันออก(วันที่ 3)

แป๊บเดียวกระทู้การเดินทางท่องเที่ยวมาเลเซียก็เดินทางมาถึงวันที่ 3 กันแล้วนะคะ ใครพลาดตกรถเที่ยวในสองวันแรก ติดตามได้ที่นี่คะ

ส้มจี๊ด@Malasia Road trip ณ. ลังกาวี วันแรกจ้า

ส้มจี๊ด@Malasia Road trip ณ. ลังกาวี วันที่ 2: ท่องทะเลกับทริป Island Hopping Tour ก่อนขึ้นหิ่งห้อยตะลุยแดนปีนัง

ส้มจี๊ด@Malasia Road trip ณ. ลังกาวี : ขึ้นหิ่งห้อยลาจากลังกาวีในค่ำคืนวันที่สอง(ต่อ){แตกประเด็นจาก E10819414}

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 17:46:44 ]
ความเห็นที่ 1

เช้าวันนี้ส้มจี๊ดตื่นตั้งแต่ตี 4 คะ อย่าหาว่าฉันบ้าพลังเลยนะ เพราะความจริงแล้วนอนต่อไม่ไหวตังหาก เตียงที่นี่ก็นุ่มนิ่มเกินไป เป็นอีกหนึ่งคืนแล้วละ ที่ฉันนอนหลับไม่สบาย กระสับกระส่าย ปวดหลัง จนต้องลุกขึ้นมาจัดการกับตัวเอง อาบน้ำแต่งตัว ก่อนที่จะปลุกสาละมีเป็นรายต่อไป   ส้มจี๊ดลงไปหาของที่รถ ระหว่างนั้น ฉันเจอะกับคนไทยที่หน้าเกสเฮาส์ด้วยนะ ที่ฉันรู้ว่าเค้าเป็นคนไทยก็เพราะเค้าเห็นฉันคุยกับแม่ติ๋มเป็นภาษาไทยกันอยู่ เลยพูดทักทาย "สวัสดีคะ" กับฉัน ดีใจมากมายกับมิตรภาพต่างแดนแบบนี้ ฉันถามพวกเธอว่า "มารออะไรกันตั้งแต่หกโมงเช้าแบบนี้" พวกเธอตอบกลับฉันว่า " พวกเธอจะไปคาเมรอนคะ กำลังรอรถตู้มารับ" เอ๋ะ...วันนี้พวกเราก็จะเดินทางไปคาเมรอนเหมือนกันเลยละคะ หวังว่าคงจะได้พบกันใหม่   หลังจากสาละมีแต่งตัวแปลงร่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราสองคนก็ขอเดินเล่นรอบๆ บริเวณนี้กันก่อนคะ แม่ติ๋มขอตัว ยามเช้าแบบนี้ขี้เกียจเดิน แอบรออาหารเช้าที่เค้าจัดให้ในเวลาประมาณโมงเช้า

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:01:27 ]
ความเห็นที่ 2

รัฐที่พวกเรากำลังยืนอยู่นี่คือ รัฐปีนังคะ สำหรับรัฐนี้จะประกอบไปด้วย เกาะปีนัง และส่วนแผ่นดินใหญ่ที่รู้จักกันในนามว่า Seberang Parai มีสะพานปีนังสะพานที่ยาวที่สุดในภูมิภาคนี้ เป็นตัวเชื่อมโยงพื่นที่สองส่วนนี้เอาไว้ด้วยกัน  คำว่าปีนัง แปลว่า ต้นหมากคะ สมัยก่อนเกาะแห่งนี้มีต้นหมากเยอะมากจึงนำมาตั้งชื่อเกาะแห่งนี้ว่า เกาะหมากคะ  ประวัติศาสตร์ของเกาะปีนัง เริ่มต้นขึ้นในสมัยเซอร์ฟรานซิส ไลท์ พ่อค้าและนักผจญภัยชาวอังกฤษได้เดินทางมาถึงดินแดนแถบนี้ในปี 1786 เขาต้องการให้เกาะปีนังเป็นสถานีการค้าของบริษัทอินเดียตะวันออก ใช้เป็นที่พักเรือระหว่างที่เดินทางไปค้าขายกับประเทศจีน และใช้เป็นเมืองหน้าด่านของอังกฤษ ดังนั้นจึงได้โน้มน้าวให้สุลต่านแห่งรัฐเคดะห์ยอมให้บริษัทอินเดียตะวันออกเช่าเกาะปีนัง โดยแลกกับการคุ้มครองไม่ให้ถูกรุกรานจากสยามประเทศ เมื่อฟรานซิส ไลท์ ทำข้อตกลงกับรัฐเคดะห์เป็นที่เรียบร้อย ก็ยกพลขึ้นบก มีการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ มีการสร้างท่าเรือใหญ่โต และเปลี่ยนชื่อเกาะแห่งนี้ใหม่ว่า เกาะปรินซ์ ออฟ เวลส์  เมื่อเกาะปีนังถูกครอบครองโดยอังกฤษก็มีการตั้งท่าเรือให้เป็นท่าเรือเสรี ไม่เก็บภาษี ทำให้พ่อค้าจากทั่วทุกสารทิศต่างหลั่งใหลมาตั้งรกรากที่นี่ ไม่นานนัก ชุมชนแถบนี้ก็เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นชุมชนเมือง และต่อมาได้ตั้งชื่อเมืองท่านี้ว่า เมืองจอร์จทาวน์ ตามพระนามของพระเจ้าจอร์จที่ 3 คะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:15:04 ]
ความเห็นที่ 3

ต่อมาในปี 1800 สุลต่านแห่งเคดะห์ก็ได้ยกดินแดนอีกส่วนหนึ่งซึ่งอยู่แผ่นดินใหญ่อีกฟากฝั่งของช่องแคบให้เพิ่มเติม และในปี 1832 ดินแดนปีนังทั้งหมด และรวมถึงมะละกาและสิงคโปร์ก็ถูกรวบรวมเป็นอาณานิคมของอังกฤษทั้งหมด เป็นเวลากว่า 100 ปี จนกระทั่งในปี 1957 จึงได้รับเอกราช ในช่วงที่มาเลเซียประกาศอิสรภาพ และในปี 1963 ก็ได้ยกฐานะเป็นรัฐหนึ่งในสหพันธรัฐมาเลเซีย ตราบจนถึงทุกวันนี้  จากประวัติความเป็นมาจึงไม่น่าประหลาดใจที่เมืองจอร์จทาวน์แห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของส่วนราชการ ศูนย์กลางธุรกิจ และมีการผสมผสานเอกลักษณ์ของโลกตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน  ดังนั้นเช้าวันนี้ ส้มจี๊ดจะพาเดินชมเขตเมืองเก่ากันตั้งแต่หัววัน ถนนดูโล่งมากมาย ผู้คนยังไม่เริ่มตื่นกันสักเท่าไหร่ ผิดกับบรรยากาศยามค่ำคืนเมื่อวานอย่างมากมาย จากหน้าเกสเฮาส์พวกเราเดินไปทางขวามือกันก่อนค่า

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:22:14 ]
ความเห็นที่ 4

 แต่ถึงจะเช้าสักแค่ไหน ก็ช้ากว่าเหล่านักเรียนตัวน้อยพวกนี้มากมาย ใกล้ๆ ที่พักมีโรงเรียนตั้งอยู่คะ นักเรียนของที่นี่ล้วนหน้าตาออกแขกๆ ตัวดำๆ กันทั้งนั้น ต่างแต่งชุดนักเรียนสีฟ้าแป๊นตัดสีผิวกันโชะๆ ดูๆ ไปก็น่ารักดี  เมื่อเดินจนสุดทางสามแยกเดินเลี้ยวขวา ตรงหัวมุมถนนมีโบสถ์ฝรั่งตั้งอยู่ โบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า "Cathedral of Assumtion" คะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:28:17 ]
ความเห็นที่ 5

โบสถ์อัสสัมชัญแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน Farquhar ตัดกับถนน Cinta หรือที่เรียกว่า Love lane (ถนนที่เป็นที่ตั้งของเกสเฮาส์ Old Penang นั่นแหละคะ) ที่นี่เป็นโบสถ์ของนิกายคาทอริคสร้างกันมาตั้งแต่ปี 1861

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:30:55 ]
ความเห็นที่ 6

เดินตรงต่อมาอีกเล็กน้อย จะเจอกับพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์รัฐปีนังคะ ที่นี่จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ในยามเช้าแบบนี้บรรยากาศดูสงบเงียบและดูขลังอย่างบอกไม่ถูก ด้วยความที่เป็นอาคารเก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นู้นแนะ เดิมเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนมาก่อน แต่ต่อมาถูกทิ้งระเบิดจนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก พอมาภายหลังสงครามสงบ ที่นี่เลยถูกบูรณะขึ้นใหม่และปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์มาจนถึงทุกวันนี้ ภายในจะจัดแสดงสิ่งของ เครื่องใช้เก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ มากมาย คะใครสนใจก็ลองมาเที่ยวชมกันดูคะ ค่าเข้าชมเพียงแค่ 1 ริงกิตเท่านั้นเอง

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:39:49 ]
ความเห็นที่ 9

สำหรับส้มจี๊ดก็คงได้แต่แอบชมโบราณวัตถุที่ตั้งแสดงอยู่ด้านนอกเท่านั้นแหละคะ และนี่คงเป็นรถรางประวัติศาสตร์ที่ใช้ขึ้นปีนังฮิลล์ในสมัยอดีตแน่นอน ชัวป๊าบ....ฮิฮิ  

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:43:38 ]
ความเห็นที่ 10

 และนี่ก็รถประวัติศาสตร์ ???? อะเปล่า

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:47:14 ]
ความเห็นที่ 11

 ฝั่งตรงข้ามเป็นสถานที่ราชการอะไรกันนะ สมจี๊ดสงกะสัย

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:50:26 ]
ความเห็นที่ 12

 ตัวอย่างป้ายรถประจำทาง ณ เมืองจอร์จทาวน์ เกาะปีนัง

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:51:54 ]
ความเห็นที่ 13

  ถัดไปอีกนิด ฝั่งเดียวกับพิพิธภัณฑ์คะ เป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์ จอร์จ โบสถ์นิกายแองกลิลันที่เก่าแก่และโอ่อ่าที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ สร้างขึ้นจากแรงงานนักโทษในปี 1818 คะ ออกแบบการก่อสร้างโดยกัปตันโรเบิร์ต สมิธ ซึ่งเลียนแบบมาจากโบสถ์เซนต์ จอร์จในเมือง Madras   พื้นโบสถ์จะปูด้วยหินอ่อนคะ มียอดหอสูงมียอดแหลม หลังคาครอบ บริเวณทางเข้าด้านหน้ามีซุ้มรูปปั้นเพื่อระลึกถึง ฟานซิส ไลท์เมื่อเดินทางมาถึงปีนังเป็นครั้งแรก  เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. จ้า

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 18:58:19 ]
ความเห็นที่ 14

 เมื่อเดินกันจนสุดถนน ฝั่งตรงข้ามที่ตั้งโดดเด่น ตึก AIA เค้าละคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:01:27 ]
ความเห็นที่ 15

 เลี้ยวขวาและหน้าเดินกันต่อไปคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:02:45 ]
ความเห็นที่ 16

เดินเลียบกำแพงของโบสถ์เซนต์ จอร์จ มาเรื่อยๆ คะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:04:25 ]
ความเห็นที่ 17

ไม่นานนักก็จะเจอกับวัดเจ้าแม่กวนอิม อยู่ฝั่งขวามือคะ  

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:05:57 ]
ความเห็นที่ 18

 วัดเจ้าแม่กวนอิมเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในปีนังคะ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1800 โดยชาวจีนรุ่นแรก ๆ ที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากในปีนัง วัดนี้มีชื่อเรียกอีกหนึ่งชื่อว่า กวนยินเต็งคะ ตัวอาคารวัดตกแต่งได้อย่างปราณีตงดงาม ถูกประดับตกแต่งด้วยมังกรและสิงโตหินแกะสลักที่งดงามมาก ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าเจ้าสิงโตหินทั้งสองตัวนี้ทำหน้าที่คอยปกปักษ์รักษาสถานที่แห่งนี้เอาไว้คะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:09:46 ]
ความเห็นที่ 19

ตลอดทั้งปีจะมีผู้คนที่มีจิตศรัทธาหลั่งไหลกันมาสักการะบูชา กราบไหว้ ขอพรกันอย่างไม่ขาดสายทั้งคนปีนังเอง และนักท่องเที่ยว ผู้คนต่างจุดธูปบูชาไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ภายในวิหาร นอกจากนั้นก็ยังกราบไหว้สิงโตหินทั้ง 2 ตัวอีกด้วย เพราะเชื่อกันว่าเป็นผู้พิทักษ์วัดแห่งนี้นี่เอง  เปิด 9.00-14.00 น. จ้า

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:13:10 ]
ความเห็นที่ 20

 ส้มจี๊ดชอบบรรยากาศยามเช้าแบบนี้มาก คนไม่เยอะดูเงียบและสงบ แถมมีนกพิราบเยอะมากจริงๆ คนขายธูปเทียนเรียกเราหลายครั้ง แต่พ่อสาละมีตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธอยู่ท่าเดียว บอกกับฉันว่า ไหว้ด้วยจิตศรัทธาก็เพียงพอแล้วค่า

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:15:36 ]
ความเห็นที่ 21

 เดินกันมาร่วมชั่วโมง เริ่มเหนื่อยแล้วละซิ เฮ้อ..ไม่ค่อยออกกำลังกายก็เป็นเช่นนี้ละ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:17:01 ]
ความเห็นที่ 22

  นกพิราบหรือนกเขาละคะเนี่ย ชักสับสน

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:18:32 ]
ความเห็นที่ 23

เดินต่อกันไปถึงหัวมุมถนน จากจุดนี้ก็เข้าเขตลิตเติ้ลอินเดียแล้วละคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:20:39 ]
ความเห็นที่ 24

ย่านลิตเติ้ล อินเดีย เป็นย่านแขกอินเดียที่น่าพิศวง เป็นที่ตั้งของวัดศรีมหามาเรียมมัน ที่เก่าแก่สร้างกันมาตั้งแต่ปี 1883 จุดเด่นอยู่ที่ซุ้มประตูทางเข้าที่เรียกว่า โคปุรัมคะ ด้านบนประดับประดาด้วยรูปปั้นเทพเจ้าในศาสนาฮินดูมากมาย สีสันสดใส ภายในวัดก็น่าจะสวยงามไม่แพ้กันน่าเสียดายที่ตอนส้มจี๊ดไปวัดยังไม่เปิดให้เข้าชมด้านในคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:25:41 ]
ความเห็นที่ 25

  อีกสักภาพค่า

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:26:24 ]
ความเห็นที่ 26

  ใกล้จะถึงที่พักแล้วละคะ พวกเราเดินกันเป็นสี่เหลี่ยม หักเลี้ยววกขวากันมาเรื่อยๆ มาดูบรรยากาศเมืองเก่ากันต่อคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:28:15 ]
ความเห็นที่ 27

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:28:53 ]
ความเห็นที่ 28

จากตรงนี้ไป แต่ละอาคารบ้านเรือนจะมีหลังคาซุ้มทางเดิน เดินลอดกันไปตลอดเส้นทาง แสนสบาย ฝนตกก็ไม่เปียก แดดออกก็ไม่ร้อนจ้า

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:30:47 ]
ความเห็นที่ 29

 เจอะรถขยะรัฐปีนัง ของเค้ากับของเราแตกต่างกันยังงัย

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:31:54 ]
ความเห็นที่ 30

เดินต่อไม่นาน ฝั่งขวามือของเราคือ มัสยิดกาปิตัน เคลิงคะ ที่นี่เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดของรัฐปีนัง สร้างมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยใช้เงินสนับสนุนจากบริษัทอิสท์อินเดีย ตัวอาคารภายนอกโดดเด่นด้วยยอดโดมรูปหัวหอมสีน้ำตาลดำ ตัวอาคารภายนอกทาสีเหลืองสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของแขกมัวร์อิสลาม มัสยิดแห่งนี้ได้รับการขนานนามตามชื่อของพ่อค้าอินเดีย มุสลิมที่มีนามว่า แกปิตัน เกลิง เคาเดีย โมฮูดีน  เปิดให้เข้าชมในเวลา 11.00-17.00 น.

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:36:46 ]
ความเห็นที่ 31

เดินกันต่อใกล้ถึงที่พักกันแล้วละคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:38:02 ]
ความเห็นที่ 32

เห็น 7-11 ปั๊บแสดงว่าเลี้ยวขวาก็ถึงที่พักแล้วละคะ เดินร่วมชั่วโมงแบบนี้ท้องเริ่มหิว น้ำย่อยเริ่มออกมาย่อยกระเพาะพวกเราแล้ว

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:39:33 ]
ความเห็นที่ 33

 ภาพนี้เป็นที่จอดรถของพวกเราเมื่อคืนนี้คะ ตอนแรกส้มจี๊ดไปจอดริมถนนข้างๆ โรงเรียนโน้นแนะ แต่เจ้าหน้าที่เกสเฮาส์แนะนำให้มาจอดที่นี่ เพื่อความปลอดภัยคะ แถวนี้มีรถหายบ่อยๆ ถ้าจอดเฉพาะตอนกลางคืนถึงสองโมงเช้าเค้าคิดค่าจอด 4 ริงกิตเท่านั้นคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:42:07 ]
ความเห็นที่ 34

 และนี่คะ เจ้าต๋วมเตี๋ยวที่ให้บริการพวกเราตลอดเส้นทาง น่ารักมั๊ยคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:43:35 ]
ความเห็นที่ 35

 เกร่นมาตั้งนาน ยังไม่มีรูปด้านหน้าที่พักของพวกเรากันเลย แนะนำตัวอีกครั้งคะ เกสเฮาส์ Old Penang ดีที่หนึ่ง เน้นทั้งถูก สะอาด และสะดวกอยู่ใจกลางเมืองเก่าเลยละคะ สถานที่เที่ยวเพียบ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:45:37 ]
ความเห็นที่ 36

มาถึงที่พักก็รีบทานอาหารเช้ากันทันที  ใช้พลังไปเยอะ หิวท้องกิ่วเลยละคะ แม่ติ๋มแอบทานไปก่อนแล้ว ส้มจี๊ดเลยทานกันสองคนกับสาละมี เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการแพ็คกระเป๋าเตรียม check out และเที่ยวกันต่อคะ อย่ามัวรอช้าคะ เวลายิ่งมีน้อยๆ เดี๋ยวเราจะพาไปเที่ยวที่ป้อมปืนคอร์นวอลลิสกันต่อคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:48:49 ]
ความเห็นที่ 37

การเริ่มต้นขับรถเที่ยวปีนังครั้งนี้ ส้มจี๊ดรู้สึกเกร็งๆ นิดหน่อยคะ พยายามทำตัวให้ชินกับ GPS ด้วยเพราะเชยแหลก อยู่กรุงเทพไม่เคยซื้อมาใช้กับเค้าสักที GPS พามาที่จอดรถแถวๆ ป้อมปืน ก็ต้องเซ็งเป็ดเพราะเป็นที่จอดรถของทางราชการเค้าคะ จากจุดนี้เลยขับดุ่มๆ หาที่จอดกันเอาเอง ไม่ฟรีนะคะ ต้องเสียค่าจอดด้วยละ เป็นแบบหยอดเหรีญนะคะ ไม่กล้าโกงคะ บ้านเมืองเค้าท่าทางกฏหมายเข้มงวดต้องตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัดยังไม่อยากได้ใบสั่งตั้งแต่วันแรก

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:54:00 ]
ความเห็นที่ 38

ป้อมปืนคอร์นวอลลิสอยู่ฝั่งตรงข้ามอาคารศาลาว่าการเมืองคะ ตั้งอยู่ริมทะเลเลยละ ใครมาที่นี่ก็จะได้นั่งเล่นกินลมชมทะเลปีนังกันด้วย ที่นี่เป็นสถานที่ยกพลขึ้นบกครั้งแรกของเซอร์ฟรานซิส ไลท์ ในปี 1786 คะ ต่อมาที่นี่ถูกสร้างเป็นป้อมปืนป้องกันเมืองเดิมทำด้วยไม้ ต่อมาเปลี่ยนเป็นคอนกรีตในปี 1804 โดยติดตั้นปืนครบไว้รอบหันหน้าออกสู่ทะเลคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:57:41 ]
ความเห็นที่ 39

  วิวริมทะเลคะ อาคารสีขาวที่เห็นสุดทางเป็นศาลาว่าการเมืองปีนังคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 19:59:32 ]
ความเห็นที่ 40

  เก็กท่าสุดฤทธิ์

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 20:00:47 ]
ความเห็นที่ 41

 เจ้าปืนใหญ่หันหน้าออกทะเล

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 20:01:52 ]
ความเห็นที่ 42

 วิวสวยริมทะเลกันอีกสักภาพ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 20:02:45 ]
ความเห็นที่ 43

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 20:03:06 ]
ความเห็นที่ 44

 ที่ต่อไปพวกเราจะไปเที่ยวกันต่อคือ ตึก Komtar คะ ตึกที่สูงที่สุดในเกาะปีนัง เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงแล้วละคะ แต่ต้องเสียเวลากว่าครึ่งชั่วโมง วนหาที่จอด วนกันไปมาถึง 3 รอบกว่าจะหาที่จอดได้ parking ที่เราเลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึก Komtar พอดี ขอแนะนำว่าอย่าหวังจะจอด parking ใต้ตึก Komtar นะคะ เพราะไม่ว่าช่องใด ก็ห้ามรถยนต์นักท่องเที่ยวแบบเราเข้าจอดทั้งนั้น ยอดเสียตังค์ดีกว่า ราคาก็ไม่แพงคะ ที่นี่คิดค่าจอดครึ่งชั่วโมง 0.6 ริงกิตคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 20:07:52 ]
ความเห็นที่ 45

ตึก Komtar หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า อาคารตุน อับดุล ราซัค เป็นตึกที่สูงที่สุดในเกาะปีนัง ถึงแม้ว่าถ้าเทียบกับบ้านเมืองอื่นที่นี่จะไม่สูงสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องบอกว่าที่นี่สูงใช้ได้ทีเดียว สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเกาะปีนังได้อย่างชัดเจน  ตึกแห่งนี้มีความสูง 65 ชั้น ประกอบด้วย สำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนต์ ศูนย์อาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย จากหนังสือท่องเที่ยวแนะนำให้ขึ้นไปชั้น 55 เพื่อไปชมวิวทัศนียภาพของเกาะปีนังคะ ว่าแล้วก็ไปต่อกันเลยนะคะ  จากชั้นล่าง ยังไม่มีลิฟท์ให้ขึ้นชั้นบนนะคะ ต้องขึ้นบันไดเลื่อนต่อขึ้นไปอีก 3 ชั้น

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 20:13:42 ]
ความเห็นที่ 46

จากนั้นจะเจอะกับห้องที่มีกระจกใหญ่ๆ มีเคาท์เตอร์ยาวเหยียด มีผู้คนมากมายมาติดต่อทำอะไรสักอย่าง ส้มจี๊ดไม่แน่ใจแต่น่าจะเป็นสถานที่ราชการนะคะ ส้มจี๊ดรีบเดินไปติดต่อเจ้าหน้าที่สาวเพื่อขอขึ้นไปชมวิวชั้นบน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าปิดให้บริการคะ คำแรกตกใจมากเพราะอุตส่าห์มากันแล้ว แต่เธอก็แนะนำให้พวกเราขึ้นไปที่ชั้น 56 ก่อนคะเพราะมีศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวตั้งอยู่ที่นั่น ก่อนขึ้นลิฟท์ต้องทำการแลกหนังสือเดินทางกับป้ายห้อยคอกันก่อนคะถึงจะผ่านยามขึ้นไปด้านบนได้

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 20:16:53 ]
ความเห็นที่ 47

เดี๋ยวมาต่อนะคะ

จากคุณ : kamonda [19 ก.ค. 54 20:17:15 ]
ความเห็นที่ 48

เมื่อขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้น 56 ที่นี่มีทางเดินวนรอบเป็นวงกลมและมีห้องน้ำเปิดให้บริการด้วย พวกเราเดินวนกันอยู่หนึ่งรอบก็ไม่เจอกับสถานที่ที่ฉันพอจะชมวิวได้ นอกจะห้องที่ถัดทางเดินไปซึ่งห้องต่างๆ เหล่านี้เป็นห้องสำนักงานคะ ภายในมีพนักงานทำงานกันเต็มไปหมด ส้มจี๊ดตัดสินใจเดินเข้าไปถามพนักงานหญิงด้านในว่า " ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอยู่ไหนคะ" เธอชี้ทางให้เดินตาม หลังจากที่พวกเราเดินมาตามทางที่หญิงผู้นั้นชี้ทางมาให้ ก็เจอะกับพนักงานอีก 2 คน ซึ่งพอถามว่าต้องการชมวิวบนตึก Komtar แห่งนี้ต้องไปที่ไหน เธอบอกว่าปิดให้บริการแล้วคะ แต่ถ้าจะดู ดูได้จากกระจกด้านหลังสำนักงานได้เลย  ปู๊ดโธ่...เวรกรรมจริงๆ แต่ไหนๆ ก็มากันแล้วก็ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธีคะ

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:24:33 ]
ความเห็นที่ 49

โชคดีคะ....มีพนักงานผู้ชายท่าทางมี sevice mind เดินเข้ามาถามว่า "มีอะไรให้เค้าช่วยไม๊" พอบอกว่าอยากดูวิวทิวทัศน์ของเกาะปีนัง เค้าก็ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงพาพวกเราเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ สนุกดีคะ....ทำให้การขึ้นมาบนตึก Komtar แห่งนี้มีคุณค่าขึ้นอีกมากมาย ถึงแม้ส้มจี๊ดว่าวิวที่เมืองไทยสวยกว่าเยอะก็ตามแต่ก็ประทับใจมากมายคะ

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:27:59 ]
ความเห็นที่ 50

 อีกสักภาพก่อนกลับลงไปชั้นล่างคะ

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:28:56 ]
ความเห็นที่ 51

จ่ายค่าจอดรถ 1.20 ริงกิต (ประมาณ 1 ชั่วโมง) จากนั้นก็เดินทางกันต่อคะ กด GPS ให้พาไปวัดเก็กล๊กซี (วัดเต่า) กันต่อ สำหรับแผนการท่องเที่ยวที่ปีนังคงสิ้นสุดที่วัดเต่าเท่านั้นคะ ตอนแรกส้มจี๊ดกะว่าจะนั่งรถรางขึ้นเขาไปปีนังฮิลล์ด้วย เพิ่งทราบจากเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวว่าตอนที่ส้มจี๊ดไปกำลังปิดปรับปรุงคะ เศร้าใจ  เมื่อขับรถใกล้ถึงตัววัด ส้มจี๊ดผ่านตลาดที่มีผลไม้ขายเยอะแยะคะ (อยู่ตรงตีนเขาทางขึ้นไปวัดเต่า) ผลไม้ส่วนใหญ่ก็เหมือนๆ กับในเมืองไทยนั่นแหละคะ เช่น กล้วย แตงโม ส้ม แอปเปิ้ล แต่ก็นั่นแหละขับรถเล่นแบบนี้การได้ซื้อผลไม้รสชุ่มคอดับกระหายก็ดีเหมือนกันนะคะ เดี๋ยวหาที่จอดรถ เดินขึ้นไปเที่ยววัดเต่าให้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวค่อยมาแวะที่นี่กันคะ  เจอะผู้หญิงมาเลย์คนหนึ่งกำลังโบกรถให้ไปจอดที่บ้านเค้า เห็นมีร่มเงาดี ก็เลยตัดสินใจหักเลี้ยวพวงมาลัยเข้าไปจอดคะ แต่แหมแม่ติ๋มขอลดราคาอยู่ตั้งนานก็ไม่ลดให้ คิดค่าเสียหายตั้ง 4 ริงกิตแนะ  ไปคะ จอดรถเรียบร้อยแล้วก็หน้าเดินกันต่อ เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:38:50 ]
ความเห็นที่ 52

การเดินเท้าไปวัดเต่าต้องเดินขึ้นเขากันไปคะ ระหว่างทางก็มีร้านขายของที่ระลึกมากมายเต็มไปหมด ขายพวกเสื้อยืดเอย พวงกุญแจเอย อะไรพวกนี้เต็มไปหมด และพอเดินไปถึงกลางทางจะมีบ่อเต่าตั้งอยู่คะ ภายในบ่อมีเต่าเยอะมาก คนขายอาหารเต่าพูดภาษาเก่งได้ทั้งจีน มาเลย์ และไทย เค้ายังถามฉันเป็นภาษาไทยเลยว่าเอาไม๊ ผักบุ้งบวกขนมปังขายถูกๆ 20 บาทเท่านั้น ถ้าเต่าไม่กินไม่คิดกะตังค์ค่า

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:43:56 ]
ความเห็นที่ 53

 สาละมีมองเต่าอย่างไม่วางตา

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:44:38 ]
ความเห็นที่ 54

เต่าเยอะจริงปะ

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:45:44 ]
ความเห็นที่ 55

เอาให้ชัดๆ อีกสักภาพคะ

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:46:28 ]
ความเห็นที่ 56

 ศาลาจีนกลางบ่อเต่า ที่นี่ปิดไม่ให้คนเข้าไปชมเต่าใกล้ๆ คะ

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:47:35 ]
ความเห็นที่ 57

 บางตัวก็อยากอาบแดดให้ตัวดำปี๊

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:48:43 ]
ความเห็นที่ 58

 ขึ้นเขากันต่อดีกว่าค่า

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:51:00 ]
ความเห็นที่ 59

เดินขึ้นเขากันต่อ ข้างบนวัดเขาเต่าสวยดีคะ แต่ร้อนมาก ส้มจี๊ดกับแม่ติ๋มเดินกันไม่ไหวแล้วละคะ ขอรอกันข้างล่างนี้ ส่วนสาละมีก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปชมด้านบนคนเดียว แต่ก็ไปไม่นานคะ สาละมีก็เดินกลับมา คุณเธอบอกว่าข้างบนคิดค่าเข้าคนละ 1 ริงกิตด้วยคะ แต่คุณพี่ไม่ได้หยิบกะตังค์ไปเลยต้องเหนื่อยฟรีแบบนี้แหละค่า (เลยแชะรูปถ่ายมาได้แค่นี้ พอกล้อมแกล้มเน้อ)

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 19:54:38 ]
ความเห็นที่ 60

วัดเต่าแห่งนี้ในภาษาจีนเรียกกันว่า วัดเก็กล๊กซี เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียตั้งอยู่บนเชิงเขาเอเยอร์ อิตัมคะ ใครเดินทางมาที่นี่นอกจากจะได้มาสักการะพระพุทธรูป และเจ้าแม่กวนอิมด้วยจิตศรัทธาแล้ว ยังสามารถมองเห็นเมืองจอร์จทาวน์ได้อย่างชัดเจน  พระผู้สร้างวัดแห่งนี้คือ พระเปียว เหลียน พระจีนที่จาริกมาจากมณฑลฟูเจี้ยนเมื่อปี 2430  คะ ภายในบริเวณวัดโดดเด่นด้วย เจดีย์เจ็ดชั้น ที่ตั้งตระหง่านด้วยความสูงกว่า 30 เมตร เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างจีน ไทยและพม่า เข้ากันได้อย่างกลมกลืน โดยส่วนฐานของเจดีย์สร้างตามศิลปะแบบจีน ตรงกลางสร้างแบบไทย และยอดโดมที่ขดกันเป็นก้นหอยเป็นศิลปะแบบพม่าคะ

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:02:30 ]
ความเห็นที่ 61

ภายในบริเวณวัดมีวิหารตั้งกระจายตัวอยู่ตามเชิงเขา ลดหลั่นกันไป แต่ละที่ก็เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระ และเจ้าแม่กวนอิมที่น่าเคารพและศรัทธา

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:04:30 ]
ความเห็นที่ 62

 

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:05:10 ]
ความเห็นที่ 63

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:05:49 ]
ความเห็นที่ 64

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:06:28 ]
ความเห็นที่ 65

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:07:12 ]
ความเห็นที่ 66

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:07:42 ]
ความเห็นที่ 67

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:08:19 ]
ความเห็นที่ 68

อีกสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นก็คือ มหาเจดีย์แห่งพระพุทธรูปหนึ่งหมื่นองค์ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 20 ปีกว่าจะแล้วเสร็จในปี 2473  คะด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างแบบจีน ไทยและพม่า เฮ้อส้มจี๊ดเข้าใจผิดในกระทู้ 60 นะคะ ที่แท้หมายความถึงเจดีย์นี้นี่เอง เฮ้อ งง

จากคุณ : kamonda [20 ก.ค. 54 20:11:23 ]
ความเห็นที่ 69

ลงเขากันดีกว่าคะ.....ขากลับบ่อเต่าเปิดพอดีเลยขอแวะชมโฉมเจ้าเต่าน้อยอย่างใกล้ชิดอีกสักครั้ง

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:33:45 ]
ความเห็นที่ 70

เหล่าคุณนายเต่าทั้งหลาย ก็ยังไม่ล้มเลิกกิจกรรมอาบแดด ในเช้าของวันนี้สักที

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:35:01 ]
ความเห็นที่ 71

ถึงแม้ว่าบรรดาเต่าทั้งหลายจะยังไม่ยอมแพ้กับแสงแดดยามสายแบบนี้ แต่พวกเราก็ม่ายไหวแล้วละคะ ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนสุดๆ

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:36:34 ]
ความเห็นที่ 72

ลงจากจุดนี้ไปของขายเพียบ

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:37:48 ]
ความเห็นที่ 73

ก่อนที่จะไปที่อื่นกันต่อ แอบแวะตลาดนัดกันก่อนกลับคะ  ที่นี่พลุกพล่านไม่ต่างกับเมืองไทยเลยละคะ

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:39:27 ]
ความเห็นที่ 74

ขนมขึ้นชื่อของที่นี่ ดูไปแล้วไม่แตกต่างกับขนมเต้าส้อ หรือ ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วที่บ้านเราเลยเนอะ

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:41:12 ]
ความเห็นที่ 75

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:42:15 ]
ความเห็นที่ 76

แวะซื้อผลไม้คะ

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:43:05 ]
ความเห็นที่ 77

ผลไม้บ้านเมืองนี้หน้าตาเหมือนที่เมืองไทยเปี๊ยบ ก็บ้านใกล้เรือนเคียงกันนี่เนอะ

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:45:08 ]
ความเห็นที่ 78

ไปเที่ยวที่อื่นกันต่อคะ ตอนนี้ส้มจี๊ดขึ้นนั่งประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะมุ่งหน้าไปที่อื่นกันต่อ ภาพด้านล่างเนี่ยแอบแชะระหว่างทาง น่าจะเป็นโรงเรียนของที่นี่เค้านะคะ

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:47:19 ]
ความเห็นที่ 79

ตอนนี้เราจะออกจากเกาะปีนังกันแล้วละคะ ข้ามฝากมายังส่วนแผ่นดินใหญ่ โดยใช้สะพานปีนังเชื่อมต่อระหว่างสองส่วนเข้าด้วยกัน หน้าตาคล้ายกับสะพานแขวนบ้านเราเนอะ

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:49:51 ]
ความเห็นที่ 80

กระทู้เริ่มยาวแล้ว ไปต่อกระทู้หน้ากันนะคะ ส้มจี๊ดจะพาไปขึ้นเขา สัมผัสความหนาวเย็น ณ. คาเมรอน ประเทศมาเลเซียจ้า

จากคุณ : kamonda [21 ก.ค. 54 09:51:14 ]
ความเห็นที่ 81

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

จากคุณ : ลุงแบกเป้ [21 ก.ค. 54 20:18:10 ]
ความเห็นที่ 82

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ  รายละเอียดเยอะดี

จากคุณ : สาวหน้าใส [21 ก.ค. 54 23:03:08 ]