ไม่ได้มาตั้งกระทู้เสียระยะหนึ่ง ออกแนวงงเลยเนี่ย....
ต้องมีกลงมีกลุ่มอะไรกันหนอ แล้วที่เราทำนี่ถูกหรือเปล่า


วันนี้จะมาพาไปเที่ยว "ม่อนเสาหินพิศวง" ที่วังชิ้น แพร่ค่ะ
ลองค้นดูกระทู้เก่าเห็นมีอยู่กระทุ้เดียว (มั้ง) แล้วไม่ได้เป็นข้อมูลตรงด้วย

ลองดูสักตั้งเป็นไรมี....



อนึ่ง....ภาพไม่เกี่ยวกับรีวิวนี้หรอก ใส่ไว้ให้ตื่นเต้นเล่น อย่างน้อยก็ที่เที่ยวในละแวกเดียวกัน

ได้ไปม่อนเสาหินพิศวง (ต่อไปจะเรียกแค่ม่อนเสาหินฯ พอนะคะ มันยาว) ด้วยความฟลุกค่ะ
เพราะวันหยุดยาวได้ไปเยี่ยมมารดาที่ จ. สุโขทัย

ตามปกติจาก จ. เชียงใหม่ที่พำนักถาวรไปสุโขทัย อิฉันจะใช้เส้นทาง
ลำปาง - เถิน - ทุ่งเสลี่ยม - สุโขทัย แต่เส้นทางนี้มีจุดเบี่ยงซ่อมสะพานถึง ๓ จุด
ไม่มีท่าทีจะเสร็จสักที ขากลับก็เลยเปลี่ยนเส้นทาง ใช้เส้นทาง สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย - เด่นชัย - ลำปาง แทน

เข้ามาลองดูซักตั้ง ให้มันรู้ไป อิอิ

ระหว่างขับกลับ สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นป้ายสีฟ้าบอกสถานที่ท่องเที่ยว "ม่อนเสาหินพิศวง"
ในใจคิดว่า "อ๊ะ อะไรแปลกๆ ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จัก"

เรามันคนใจง่าย....เห็นปุ๊บก็เลี้ยวรถปั๊บ....ณ จุดต่อจังหวัดสุโขทัย - แพร่
แยกไปวังชิ้น (เส้นทางไปนาปลากั้ง)

มารอดูด้วยคน เผื่อแวะไปเที่ยวมั่งครับ

รอชมความพิศวงด้วยคน

สวัสดีค่ะคุณ 3KKK ระวังอย่าตาตั้งก่อนนะคะ
ค่อยๆ ไปค่ะ

_________________________________

ขอยืมแผนที่จากเวบนี้มาให้ดูก่อนค่ะ
http://www.chomthai.com/board/index.php?topic=2956.0

เป็นมุมมองจากคนที่ขึ้นมาจากกุงเต้ปพอดี (ถ้าให้อิฉันเขียนขึ้นใหม่
อาจจะได้มุมมองแบบเชียงใหม่ๆ แทน)

ขอบคุณเวบชมไทยด้วยนะคะ (จะโดนดูดไหม?)

ขอบคุณมากๆครับผม

ขอบคุณค่ะ คุณ : veemail  + คุณ : ตระเวนเที่ยว  

อบอุ่นจังค่ะ เพื่อนเที่ยวแยะเลย

________________________________________

เลี้ยวหมับเข้าไป....

ถ้ามาจากศรีสัชนาลัยอย่่ารีบเลี้ยวตั้งแต่แม่สินนะคะ (จะมีป้ายบอกทางลัดไปเชียงใหม่ เส้นนั้นขับยากค่ะ
มีผ่านสวนป่า ดูเปลี่ยวๆ ชันๆ พิกล  กัดฟันมาต่ออีกหน่อย ถึงทางแยกไปวังชิ้นแยกที่สอง ระวังจะพลาด
เพราะทางเล็กมากแถมทำมุมแหลมกับเส้นทางหลักอีก)

แต่ถ้ามาทางเด่นชัยอุตรดิตถ์ไม่ยากค่ะ ป้ายบอกชัดเจน

คุณ : digimontamer  

อย่าพึ่งขอบค่ะ นั่งรอเป็นเพื่อนกันก่อน อิ๊ๆๆๆๆ

_________________________________________
จากปากทางป้ายบอกไว้ว่า ๑๖ กม. (ไปที่ต่างถิ่นไม่เคยไป ๑๖ กม.
มันจะกลายเป็น ๓๐ กม. ในความรู้สึกในบัดดลนะคะ)

ขับไปเรื่อยๆ มีป้ายบอก "ม่อนเสาหินฯ" เป็นระยะ แบบว่าไม่ให้เราเปลี่ยนใจง่ายๆ

ไปจนถึงสามแยก.....ตรงนี้ (ภาพขวา) ซ้ายมือไปศรีสัชนาลัย (ที่บอกตะแรกว่าแคบ ชัน เปลี่ยว)
ขวามือไปนาปลากั้ง-วังชิ้น) เราไปขวาค่ะ

ตรงไปอีกหน่อยนึง (ป้ายบอกทางยังตามมาแบบไม่ให้เราถอดใจ)
ถึง สภ. นาพูน เลี้ยวขวา ตรงนี้เป็นชุมชนใหญ่เลยค่ะ

ชมวิวไปพลางแก้ง่อมแก้เหงา

ตามไปด้วยคนครับ

ชำเลืองป้ายไปด้วย อย่าให้คลาดสายตา (ป้ายแยะจริงๆ ค่ะ อุ่นใจดี)

คุณ : เล็กทาโร่.....ตามมาโล่ดค่ะ

___________________________________

หมู่บ้านแถวนี้มีอาชีพทำเฟอร์นิเจอร์กันเป็นล่ำเป็นสัน เฟอร์ฯ ไม่สัก ไม้ยาง
ไม้ประดู่ เยอะแยะ แบบที่เป็นรากไม้ใช้นั่งก็มี

ดูๆ ไปก็งงนะคะ ประเทศไทยมีกฏหมายปิดป่า ไม้พวกนี้มาได้ไง?
ดูๆ (อีกแล้ว) ไม่ได้ผิดกฏหมายนะคะ เพราะมีป้ายส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
กำกับด้วยหลายกลุ่มบ้าน

อย่่าชวนอิฉันลงดูนะคะ อยากได้ก็อยากอยู่ แต่มีเงินในเป๋าแค่สามร้อยเอง

มาได้ครึ่งทาง (จาก ๑๖ กม.) ก็เจอป้ายเลี้ยวขวาอีกที
ไม่พลาดค่ะ ป้ายเขากำกับไว้ชัด

ถนนชนบทลาดยางหายไป กลายเป็นถนนดินลูกรังแทนที่
แต่ผิวทางดีไม่มีหลุมบ่อ Vios ตัวเล็กใจสู้ไปได้สบาย

ชมวิวชิวๆ กันก็แล้วกันค่ะ หายใจเอาลมชนบทเข้าไป ฟอกปอดดี

ชมเพื่อนร่วมทางขนไม้เข้าบ้านกัน

ไม่ทันเบื่อก็ถึงแล้วค่ะ กลางทุ่งไร่ทุ่งนาเนี่ยแหละ

แน่ะ มีภาพวาดด้วย.....จริงใจรึไก่กา

ทางขึ้น...มองดูงงๆ หน่อยนึง งงว่าจะให้เอารถไว้ตรงนี้แล้วเดินขึ้นรึไง

จากป้ายที่ติดแสดงให้เห็นว่างพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เสด็จมาสดๆ ร้อนๆ ค่ะ
ป้ายยังสดใหม่อยู่เลย

แล้วด้วยความงง (เห็นคำว่า "ขึ้น" ก็ว่าง่ายขึ้นตามป้ายไป)

โอ้คุณแม่จ๋า....ดินถูกเกรดไว้ใหม่ๆ ระดับความชันเทียบเท่าทางขึ้นดอยสุเทพ
แต่ดินหลวมหยุ่นกว่า โรยหินเกล็ดละเอียดไว้บางๆ บางตอนน้ำฝนเซาะขาด
เป็นแนวลึก

ต้องค่อยๆ คลานขึ้นไป อย่าเร่งแรง เดี๋ยวล้อจมลงไปใครจะมาช่วยเข็น
(ไม่มีใครแถวนั้นสักคนเดียว ลิงสักตัวยังไม่มีเลยค่ะ)

ถึงแบบงงๆ ตามเคย (ระยะทางราว ๑ กม.)

อีกฝั่งหนึ่งเป็นพระพุทธ และห้องน้ำ

.....และทางลง (เป็นวงกลมไม่สวนทางกัน) แต่เรายังไม่ลงนะ เที่ยวก่อนสิ

ไม่ผิดที่แน่ๆ ตัวออกโตขนาดนี้ จอดรถจอดราเรียบร้อยแล้วก็ไปที่หน้าประตู
มีตู้บริจาคอยู่ ก็หยอดลงไปตามกำลังศรัทธา (มาที่เที่ยวแต่อารมณ์ไปวัดพิกล)

แอบเปิดสมุดบริจาคอ่าน มีรายชื่อแยะค่ะภายในปีสองปีนี้
มาจากทุกสารทิศของราชอาณาจักร

เดินเข้าประตูไป.....ตรงนี้ทำไว้ราวกับสโตนเฮนจ์ของอังกฤษ

ความที่เราไปเที่ยวแบบตามใจฉันไม่ได้หาข้อมูล ตอนนั้นยังคิดว่า
ไปสุสานหรือศาสนสถานนะคะ ยกมือไหว้สาธุไปหลายแห่งแหละ

ถ้าเพื่อนที่อยู่ชมรมตาขาวมาด้วยคงขอไม่เข้าไป อารมณ์สุสานๆ จริงๆ

ข้อมูลเขามีให้นะคะ แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจมืดครึ้มมาแล้วไม่มีเวลาอ่านจริงๆ ค่ะ
รู้คร่าวๆ แต่ว่าเดินเข้าไปใน "ม่อน" คือเนินดอยแห่งนี้แล้ว จะเต็มไปด้วยแท่งหิน
ราวกับแท่งเสาเข็มพวกนี้ บ้างตั้ง บ้างนอน...เต็มไปหมด แล้วเขาจัดไว้เป็นจุดๆ
มีชื่อเรียก "ม่อนเจ้าอาจญา" "ม่อนปู่หมอเฒ่า" "ม่อนปู่หมื่นลอง" รวมๆ ได้
๘ หรือ ๙ ม่อน (ม่อนแปลว่าเนิน หรือภูเขาเล็กๆ)

ในใจยังคิดว่าแต่ละชื่อคงแทนที่เจ้าของหลุมศพ (อันเป็นความเชื่อที่ผิด) แต่ละบุคคล

กว่าจะรู้ตอนกลับบ้านแล้วไปหาข้อมูลนั่นแหละค่ะ

เต็มไปหมด

แท่งค่อนข้างจะเป็นรูปร่างเหมือนคนทำ จนทำให้เชื่อว่านี่มนุษย์สมัยหินทำไว้

จุดนี้เป็นไฮไลท์ค่ะ ชื่อว่า "ม่อนเสาหินพิศวง" ตามชื่อสถานที่
ที่ได้ชื่อนี้เพราะเปิดเผยแท่งเสายาวตรงตั้งตระหง่าน

เฟินขึ้นตรึมเลย อยากเข้าไปโคลสใกล้ๆ แต่ต้องรีบแล้ว ฝนเริ่มลงแล้ว
ไม่อยากเอารถไปติดแหง็กกลางทางกรวดมหาภัยนั่น

มันเหมือนห้องพิธีกรรมไหมล่ะ (แต่เป็นความคิดที่ผิด)

ที่เห็นนี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติครับ เรียกว่า "Columnar jointing" ในต่างประเทศก็มีเยอะครับ ดูเผินๆจะนึกว่าคนโบราณมาสลักไว้ แต่จริงๆเป็นกระบวนการทางธรณีวิทยาทั้งสิ้นครับ

http://volcano.oregonstate.edu/education/facts/col_joint.html

ม่อนถัดไป "ม่อนสะเดาะเคราะห์" เหมือนอ่างอาบน้ำทีเดียวเจียว

กว่าคนเราจะหายโง่ก็ตอนมาเปิดเวบศึกษาข้อมูล

http://www.chomthai.com/board/index.php?topic=2956.0

ขออนุญาตคัดลอกนะคะ เผื่อเวบต้นทางมีอันเป็นไป จะได้มีข้อมูลคงอยู่

ม่อนเสาหินพิศวง หรือ ม่อนหินกอง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ บ้านนาพูนพัฒนา
หมู่ที่ 10 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านห่างจากหมู่บ้าน
ประมาณ 3 กิโลเมตร ( พิกัด E 0585302 , N 1972101) มีเนื้อที่ 19 ไร่ ขนาดยาว 500 เมตร
กว้าง 200 เมตร

______________________________

อนึ่ง....ถ้าเรียกว่า "ม่อนหินกอง" อิฉันว่าคุ้นชื่ออยู่นะคะ แต่ชื่อใหม่นี่ชวนเชื่อว่าเป็นของลึกลับ

_______________________________

(ต่อ)
ในบริเวณนี้เมื่อประมาณ 5 – 6 ล้านปีมาแล้ว เกิดการประทุของภูเขาไฟ พาเอาหินหนืด
จากใต้เปลือกโลกไหลประทุขึ้นมาเป็นลาวา ( lava ) ของหินบะซอลด์ ปกคลุมพื้นผิว
บริเวณนี้แล้วเกิดการเย็นตัวอย่างรวดเร็ว มีผลให้ส่วนของหินบะซอลด์ที่อยู่ตอนบน
เกิดแรงดึงทุกทิศทุกทางจากการหดตัวในขณะที่เย็นตัวลงทำให้เกิดรอยแตกรอยแยก
ที่ตั้งฉากกับพื้นผิวจึงได้ลักษณะหินแตกเป็นหลาย ๆ เหลี่ยมคล้ายเสา ( columnar)
ตั้งตรงหรือล้มระเนระนาดบ้างอยู่ในบริเวณนี้นั่นเอง


ม่อนหินกองนี้จึงเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา มิได้เป็นสิ่งอัศจรรย์ มีอิทธิฤทธิ์ หรือปาฏิหาริย์
สิ่งที่เกิดมาเป็นธรรมชาตินี้ เป็นสมบัติจากธรรมชาติที่ให้อนุชนได้เรียนรู้ จึงไม่สมควรที่จะรุกล้ำ
หักโค่น ให้เป็นสมบัติส่วนตัว หรือนำไปกราบไหว้บูชาแต่อย่างใด

(ต่อ)

การค้นพบในตำบลนาพูน

เมื่อประมาณ 50 กว่าปีที่ผ่านมาได้มีคนมาจากสวรรคโลกเดินทางมาหา นายกิ โปด้วง
ให้นำทางไปที่ม่อนหินกอง อ้างว่ามีรายแทง และว่าพวกมอญ พวกเงี้ยว เอาของดีมาซ่อนไว้
ที่ม่อนหินกองแล้วเอาหินทับไว้ และนายกิ โปด้วง จึงได้นำทางนายเสริญ และนายน้อย
ไปขุดหารายแทงนั้น พอขุดได้ 2 วัน ก็มีงูยาวประมาณ 1 เมตร มานอนบริเวณนั้น และการขุดหา
รายแทงนั้นทั้งนายเสริญ และนายน้อย ได้แต่สากครก 1 ชิ้นเท่านั้น และมีคำบอกเล่าว่าถ้าบุคคลใด
เอาของอะไรก็ตามที่อยู่ในนั้นออกมา เชื่อว่าจะมีอันเป็นไป และพอขุดได้ไม่กี่วัน นายเสริญก็ป่วย
นายน้อยจึงพานายเสริญกลับบ้านพอกลับไปถึงบ้านนายเสริญก็ตาย และมีชาวบ้านบางรายเล่าว่า
พอถึงวันพระ จะได้ยินเสียงก้องเสียงกังวาลย์ดังขึ้นบริเวณม่อนหินกอง และมีชาวบ้านบางคนเคยเห็น
ลูกแก้วลอยขึ้นบริเวณม่อนหินกอง


ลักษณะของม่อนหินกอง มีกองหินเรียงรายกันอยู่คล้ายกับเจดี มีอยู่ถึง 7 – 8 กอง มีรูปเป็นเหลี่ยม 5 เหลี่ยม
และ 6 เหลี่ยม ซึ่งมีทั้งหมด 3 กองโดยมีความยาวและความสูงดังต่อไปนี้

กองที่ 1 มีความยาวประมาณ 10 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร

กองที่ 2 มีความยาวประมาณ 8 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร

กองที่ 3 มีความยาวประมาณ 8 เมตร สูงประมาณ 5 เมตร


ม่อนหินกองตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ บ้านนาพูนพัฒนา หมู่ที่ 10 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านห่างจาก
หมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร


ปัจจุบันบริเวณม่อนหินกองเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ และมีลอยขุดเป็นหลุมเป็นบ่อซึ่งมาจากการขุดของนายเสริญ
และนายน้อย มาจนถึงทุกวันนี้





ความน่าสนใจ และความแปลกใหม่

เป็นสถานที่ชาวบ้านเคารพนับถือ และมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับตำบล อำเภอ
และจังหวัด และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์


เสาหินเหลี่ยมที่พบในประเทศไทย

1.วัดแสนตุ่ม อ.เขาสมิง จ.ตราด
2.ภูอังคาร อ..นางรอง จ.บุรีรัมย์
3.เขาหินเหล็กไฟ หรือเขาน้อย ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ..เพชรบูรณ์
4.เขาปราสาท ต.ยางสาว อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
5.บ้านนาพูนพัฒนา หมู่ที่ 10 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่

เสาหินเหลี่ยมพบในหลายประเทศทั่วโลก ได้แก่

1. เสาหินเหลี่ยมที่รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา
2. เดวิล โพสต์พายล์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
3. ไจแอ้น คอสเวย์ ที่ ไอร์แลนด์เหนือ
4. แซมสันริบส์ (เอดินเบอร์ก) สก๊อตแลนด์
5. จังหวัดซีนอป ประเทศตุรกี

_______________________________________

ขอบคุณเวบ chomthai.com ด้วยค่ะ

ตอนเอาภาพไปโชว์ไว้ที่อัลบัมของตนเอง มีคนถามว่าเขาเอาขันบาตรวางไว้ทำไม
อิฉันคิดคำตอบเอาเองว่าคงหวังผลทางจิตวิทยาให้เชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ไม่ให้ใครรุกล้ำ และ/หรือนำหินไปเป็นสมบัติส่วนตัว คล้ายๆ ประเพณีบวชต้นไม้ในบางที่นะคะ

ถูกหรือผิดก็ไม่ยืนยัน

สรุปว่าเป็นวิทยาศาสตร์หาใช่นิยายปรำปราไม่.....ซตพ.


แอบชมพืชพรรณที่เราชอบนิดหนึ่ง เสียดายเขาถากซะเกลี้ยงเลย
พืชพรรรธรรมชาติเลยไม่มีให้ดูเท่าไร

มีต้นแบบนี้เต็มเลยค่ะ.....อิฉันเดาว่า "เอื้องพร้าว" นะคะ
มันดาษดื่นขนาดนี้เชียวเหรอ เอื้องพร้าวในเมืองขายกันเรือนพัน
ขอให้มันงอกงามอยู่กับที่ตรงนี้ไปนานๆๆๆๆๆๆ ก็แล้วกัน

ดอกของเอื้องพร้าว (ขอบคุณเวบ http://www.gotoknow.org/blog/orchid145/341059
ที่มาของภาพค่ะ)

ยังไม่เคยไปเที่ยวที่นี่เลยค่ะ

ดูแปลกตาดีนะคะ อย่างงี้ไม่มีคนมาขูดขอหวยบ้างเหรอคะ ตามประสาคนไทย อิอิ

ไปดีกว่า ยิ่งดูนานสมบัติชาติจะสุ่มเสี่ยงต่อการสูญหายและสูญพันธุ์
ห้อตะบึงลงดอยไปค่ะ

คุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung).....ขอบคุณค่ะ

คุณ : Salmon Lover.....ว้าย พูดไปก็สยองนะคะ ณ บัดนาวยังไม่มีใครทำอะไรค่ะ
เพราะสถานที่ยังถือว่าใหม่อยู่มาก (เปิดปี ๒๕๕๐ เอง) แต่พูดไปแล้วก็ไม่เกินจริงค่ะ
คนถึงไหนวุ่นวายถึงนั่น คิดแล้วเศร้านะคะ

__________________________________________________

หนีฝนกันดีกว่า หนีๆๆๆๆๆ

ไปโดนฝนตามทันก่อนถึงแยก อ. ลองนิดหน่อย
อยู่ใต้ฟ้ากลัวอะไรกับฝนเนาะ

ขอบคุณที่ตามมาชมค่ะพี่น้องผู้เจริญทั้งหลาย
แล้วพบกันรีวิวหน้านะคะ

อันนี้ภาพค้นได้จากเวบค่ะ ถ่ายได้สวยอลังการมากๆๆๆๆ

ที่มา http://amazingdata.com/html/amazing-world/excellent-photos-overview-of-seven-natural-wonders.html

(ซ้ำ)

อัศจรรย์จริงๆ  วังชิ้น

รูปวัดที่เปิดหัวระทู้นี้สวยมากครับโดยเฉพาะพระนอนนี่งามมาก
ส่วนกองหินนี่น่าเห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้ของเก่าแก่เห็นแล้วรู้สึกขลังจัง

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ได้ความรู้ใหม่เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^

...

กองหินแปลกมากกกกก

ว้าวว ขอบคุณมากเลยครับที่นำภาพมาให้ชมกัน

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

คุณ : AkuAki....ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะ

คุณ : Destiny-Boy.....ภาพแรก = วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีค่ะ อยู่ในแผนที่ใน คคห. 6
ผ่านไปทางนั้นอย่าลืมแวะนะคะ ข้างในมีศิลปกรรมสวยๆ แยะเลย

คุณ : Spirited A's way....ขอบคุณค่ะ

คุณ : ชานมชงเอง....ขอบคุณค่ะ ภาพโลโก้เท่มั่กค่ะ

คุณ : P.S. i love you.....ขอบคุณค่ะ

คุณ : tataweb....ขอบคุณที่เข้ามาเชียร์ค่ะ

อยากไปเที่ยวแพร่จัง เมื่อปีใหม่คนแห่ไปดอยนั่นภูนี่ แต่เรานอนนับเคาท์ดาวน์ปีใหม่กับแม่อยู่ในโรงแรม กลางเมืองแพร่ ได้เที่ยวแค่คุ้ม ช่อแฮ จอมแจ้ง แล้วก็แพะเมืองผีเอง ขาไปเชียงใหม่ ผ่านอ.ลอง อำเภอเล็ก ๆ แต่น่าอยู่ชะมัด อากาศดี สงบเงียบ

รู้สึกชอบแพร่ อยากไปอีก

รีวิวสนุก+ตลกจังค่ะ  

รอฝนหยุด จะตามรอย จขกท.ไปบ้างค่ะ

คุณ : BAHAMAS....ขอบคุณค่ะ ไปเคาท์ดาวน์กับคุณแม่ น่ารักเชียว
เมืองแพร่อิฉันผ่านบ่อยมากๆ แต่ไม่ค่อยจะได้แวะค่ะ ส่วนมากรีบไปที่อื่นต่อ
เลยไม่ค่อยได้เทียวเลย เขาก็มีทรัพยากรท่องเที่ยวแยะเหมือนกันเนาะ

คุณ : papatsara_mm....ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ

ตามมาดู สวยแปลกดีค่ะ ขอบคุณที่นำมาให้ดูกันนะคะ

สวยจังอยากไปเที่ยวบ้าง

ถ้าอยากให้คงอยู่ไปนานๆสงสัยต้องมีการปักป้าย
ห้ามเอาเสาหินออกจากพื้นที่มิฉะนั้น
จะมีอันเป็นไป โน่นนี่นั่น
เหมือนในหลายๆที่กระมังครับ

ลุงก็เพิ่งเคยเห็นนะครับปรากฏการณ์ธรรมชาติสรรค์สร้างแบบนี้แปลกตาดีครับ

คุณ : ตะลีกีปัส.....ขอบคุณค่ะ

คุณ : Green Thumb....ขอบคุณค่ะว่างๆ ผ่านไปแถวนั้นลองดูค่ะ

คุณ : ลุงแบกเป้....อิฉันก็หวังให้มันอยู่ในสภาพเดิมตลอดไปค่ะ

อยากกลับไปเที่ยวเมืองแพร่อีกค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยและสนุกมากๆนะคะ

ตามไปดูของแปลกด้วยคนนะคะ

คุณ : สาวหน้าใส.....ขอบคุณค่ะ

คุณ : ป้าฟู....ขอบคุณค่ะ

ดีใจที่ชอบกันค่ะ

เล่าเรื่องได้สนุกดีคะ
ขอบคุณคะ