ทริปนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากๆ มีเวลาไปอุบลแค่ 3วัน 2คืนเท่านั้น แต่ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกสนุกมากๆ อาจเพราะเป็นการไปเยือนอุบลครั้งแรก อะไรๆก็เลยดูตื่นเต้น แปลกใหม่ถูกใจไปหมด  

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปเที่ยวอีสานที่ไกลกว่าโคราชบ้านเอ็ง การที่จะได้ไปดูขบวนแห่เทียนนอกจากโคราชแล้วเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก และได้ไปเที่ยวจังหวัดที่ได้ขึ้นชื่อว่าสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามอีกด้วย น่าตื่นเต้นมั้ยล่ะ อีกทั้งนอกจากจะได้ชมขบวนแห่เทียนแล้วยังได้มีโอกาสได้เที่ยว งานประติมากรรมเทียนนานาชาติ ที่ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 อีกด้วย

งานประติมากรรมเทียนนานาชาติ หรือ Thailand International Wax Sculpture เป็นงานจัดแสดงผลงานการแกะสลักเทียนโดยช่างฝีมือชาวต่างชาติ เห็นว่าปีนี้มีถึง 8 ชาติด้วยกันที่ได้มาแสดงฝีมือให้เราได้ดู และผลงานของพวกเค้าเหล่านี้ยังจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมพร้อมทั้งยังมีกิจกรรมดีๆ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมทำมือ Sound Art / Art Sense ตลาดศิลปะถิ่นอุบล ตลาดแลงพาเพลิน ที่สามารถเดินเที่ยวชมเลือกซื้อของกิ๊บเก๋แฮนด์เมคได้ในราคาถูกอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ยังมีให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้เลยนะคะ ใครพลาดงานช่วงหยุดวันเข้าพรรษาไป ยังมีเวลาเหลืออีกหลายวันจนกว่าจะสิ้นเดือนกรกฎาคม แวะไปเที่ยวอุบล เสพงานศิลป์กันได้นะคะ

ปกติที่ผ่านมาเคยเห็นแต่ขบวนแห่เทียนและฝีมือแกะสลักเทียนจากช่างฝีมือชาวไทย ปีนี้จะได้เห็นฝีมือแกะสลักเทียนจากชาวต่างชาติด้วย จะเป็นยังไงน๊อ~ ชักตื่นเต้นแล้วสิ ป่ะ ไปเที่ยวอุบลกันเลยดีกว่า

ช่วงที่ไปเที่ยวคือวันที่ 14-16 ก.ค. 54 ซึ่งจะตรงกับวันอาสาฒหบูชาและวันเข้าพรรษาพอดี

นับว่าโชคดีมากๆในวันที่เราเดินทางคือบ่ายๆวันที่ 14 รถไม่ติดเลย แล่นฉิวมาตลอดระยะทาง 629 กม. ใช้เวลากว่า 8-9 ชม. จนมาถึงตัวเมืองอุบล ในเวลาค่ำๆ ฝนก็เริ่มจะลงเม็ดปรอยๆแ้ล้ว เราได้เข้าที่พักกันก่อน นั่นคือ "โรงแรมราชธานี"

หน้าตาภายในห้องพักเป็นแบบนี้.....

รู้สึกว่า โรงแรมจะเพิ่งได้รับการ Renovate แหล่มมากๆ แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายตรงล๊อบบี้ไว้เลย เพราะมีนักท่องเที่ยวเต็มตลอดเวลา อาจะเป็นเพราะช่วงเทศกาลด้วย

แต่ขอตินิดนึง เรื่องห้องน้ำ - ห้องน้ำเล็กมากๆๆๆๆๆ ไม่เหมาะสำหรับคนตัวใหญ่ (เช่นเราเป็นต้น ) น้ำก็ไหลไม่ค่อยแรง ไม่ค่อยอุ่นอีกต่างหาก อาบแล้วไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่ ...แฮ่

และ เรื่องประตูห้องพัก - เป็นเพียงแค่การไขกุญแจห้องดอกเดียวเท่านั้น ค่อนข้างหละหลวมมากๆ ความปลอดภัยในทรัพย์สินแทบจะไม่ค่อยมีเลย ถ้าไปพักแนะนำว่าอย่าเก็บของมีค่าไว้ภายในห้อง ไม่งั้นอาจจะไม่คุ้มกันค่ะ

เมื่อเก็บของเข้าที่พักแล้ว เราก็เริ่มรู้สึกจะถูก "ความหิว" เข้าครอบงำ

มาอุบลทั้งทีต้องหาอะไรแซ่บๆมาสุยซะหน่อยแล้ว  และโชคดีมากๆ ที่หน้าโรงแรมเป็น "ตลาดโต้รุ่งทุ่งศรีเมือง" ของกินละลานตาไปหมด

เอาล่ะซิ!! ได้เวลาสุยแล้วววว ลุยๆๆๆๆ

เดินเล็งอยู่นาน สุดท้ายก็มาลงเอยที่ ร้านส้มตำป้ามุก!!

จานแรก... "ตำปูไม่เผ็ด พริก 2 เม็ด ตำเฉียดๆ"

ตามมาแซ่บกันต่อ!! กับจานนี้่... "ตำปูปลาร้า" จ้า

ไม่ต้องบรรยายใดๆ ให้มันลึกซึ้ง~ เพราะน้ำลายไหยย้อยกันถ้วนหน้าแน่ๆ อิอิ

และนี่คือเมนูที่เรา พาสุย~* กันคืนนั้น  มื้อนี้ 120 บาทจ้า อิ่มสุดๆ แซ่บๆนัวๆ

ตัดฉากมาเป็นเช้าวันใหม่ เช้าวันอาสาฬหบูชา....
เราได้มีโอกาสไปเที่ยว "อุทยานแห่งชาติผาแต้ม" ด้วยล่ะ

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตั้งอยู่ที่ อ.โขงเจียม ห่างจากอ.เมืองอุบล ประมาณ 98 กม. ขับรถราวๆ 1 ชม.เศษๆ ก็มาถึงแล้ว

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจภายในอุทยาน เมื่อเข้าไปก็จะเจอกับ "เสาเฉลียง" เป็นเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมนับล้านปี มีลักษณะคล้ายดอกเห็ดเรียงรายกันอยู่มากมาย ชาวบ้านบริเวณนี้เรียกเสาหินที่คล้ายดอกเห็ดนี้ว่า “เสาเฉลียง” ซึ่งแผลงมาจากคำว่า “สะเลียง” ที่หมายถึง “เสาหิน”

จากบริเวณเสาเฉลียงจะเดินไปจุดชมวิวและลานหินแตก
จะเจอก้อนหินถูกนำมาเรียงรายแบบนี้ตลอดทาง.... ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ก็สวยดีนะ

ถึงแล้ว "ลานหินแตก"
เห็นว่าร่ิองรอยแตกของหินเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ค่อนข้างลึกพอสมควร
คนกลัวความสูงอย่างเราก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน ตอนชะโงกหน้าลงไปดู

และจากตรงเสาเฉลียงและลานหินแตก ขับรถมาสักพัก  ประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอกับ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ให้บริการเรื่องข้อมูลอุทยานฯ ของที่ระลึก ห้องน้ำ สวัสดิการต่างๆ ใครจะประทับตราอุทยานก็มาที่จุดนี้ได้เลยจ้า

เดินผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ก็จะเจอจุดชมวิวแบบนี้
แต่จุดนี้อยู่ทางทิศตะวันตก ก็เลยเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกก่อนใครในสยาม ^^

จากนั้นเดินไปอีกสักพักจะเจอกับ "จุดชมวิวผาแต้ม" ไฮไลท์ของอุทยานเลย ^^

ฝั่งตรงข้ามที่เห็นลิบๆนั่นก็ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ประเทศลาวนั่นเอง และแม่น้ำที่เห็นขุ่นๆอยู่นั่นก็คือแม่น้ำโขง

วันที่ไปแดดไม่มีและฝนกำลังจะตก ฟ้าเลยไม่เปิด เลยได้รูปมาแบบหม่นๆแบบนี้

ที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี่คือวิวประเทศเพื่อนบ้าน เวลาประมาณ 10โมงเช้าอากาศดีๆ แดดไม่เปรี้ยงมาก กำลังดีเลยค่ะ

จุดชมวิวตรงนี้จะเป็นหน้าผาตามธรรมชาติ ไม่มีอะไรกั้น ไม่เหมาะสำหรับคนที่กลัวความสูง(แบบเรา)  

แต่ดูเพื่อนเราสิ ไม่บอกก็รู้ว่า ชอบมากกกกกกก 5555+

จากจุดชมวิวผาแต้ม บริเวณด้านล่างจะมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ เราจะลงไปดูกันค่ะ เดินเท้าไปไกลพอสมควร

วันที่ไปอากาศครึ้มๆ มีฝนเล็กน้อย ทางเดินแคบพอเดินสวนกันได้ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนัก
แต่ก็ไม่เหมาะกับ สว. = สูงวัย   ผู้สูงอายุทั้งหลาย หรือคนที่เป็นโรคหัวใจนะคะ
เพราะเวลาลงไปไม่เท่าไหร่ แต่เวลาเดินกลับขึ้นมาก็เล่นเอาหอบพอสมควร

ระหว่างทางพบเจอป้ายหินแกะสลักนี้ด้วย

ระหว่างทางก็จะได้เจอกับมุมหนึ่งของหินที่ถูกกัดเซาะตามธรรมชาติ เพื่อนๆมองดูแล้วคิดว่าเหมือนอะไร??

คำตอบคือ "หัวราชสีห์" ค่ะ เหมือนมั้ยเอ่ย?

และขอบอกว่ามุมนี้ถ้ามองด้วยตาเปล่า มองผ่านๆจะดูไม่ออก ต้องถ่ายรูปออกมา จึงจะเห็นชัด

จากนั้นก็เดินต่อไปๆ เพื่อมุ่งหน้าไปดูภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ไม่ไกลแล้วค่ะ อีกนิดเดียว ตามมาๆ

ถึงแล้วค่ะ จุดที่พบภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์จุดแรก หลังจากที่เดินกันมาได้ประมา๊ณ 500 เมตร จุดนี้จะยังไม่เห็นลวดลายอะไรมากค่ะ พูดง่ายๆคือ เป็นออร์เดิฟ :P

ดูออกมั้ยคะว่าเป็นรูปอะไร ?

ไกด์บอกว่า เป็นรูปปลาค่ะ เป็นปลา 2 ตัว แต่บางคนก็ว่า "ใบไม้" ก็ว่ากันไปเนาะ...

ถัดมากจากจุดแรกประมาณ 150 เมตร เป็นจุดที่สอง ที่ค้นพบภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์

จุดนี้ค้นพบภาพเขียนสีหลายแบบมากๆ สันนิษฐานว่าเป็นรูป สัตว์ ลายเลขาคณิต คนทำนา เครื่องมือจับปลาของชาวประมง หรือ ตุ้ม

แต่เราดูบางมุมมันก็เหมือน "มะนาวต่างดุ๊ด~ มนุษย์ต่างดาว" เลยอ่ะ อิอิ

เราเดินชมภาพเขียนสีพอหอมปากหอมคอ กระเพาะก็เริ่มอาละวาดร้องออกมาด้วยความหิว อีกทั้งตอนนั้นได้เวลาอาหารกลางวันพอดี เลยต้องโบกมือบ๊ายบายผาแต้มแต่เพียงเท่านี้

จากผาแต้มกลับมาที่ตัวเมืองโขงเจียม ประมาณ 15 นาที ร้านอาหารแพอารยา เป็นสถานที่ที่เราจะพาสุยในวันนี้  

เมนูวันนี้ก็ตามรูปเลยค่ะ ด้วยบรรยากาศแล้วแพอาหารเจ้านี้วิวดีมากๆ แต่ก็ด้วยความหิว เราก็สุยๆ แบบไม่ยั้ง เลยแทบไม่ได้กินบรรยากาศเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ

เมื่ออิ่มหมีพีมันแล้ว จุดหมายต่อไปของเราก็คือ "บ้านทียนหอมเดชอุดม" มาเมืองแห่งเทียนทั้งที ก็ต้องตามไปดูผลิตภัณฑ์งานฝีมือของเค้าให้ถึงถิ่นกันหน่อย

"บ้านเทียนหอมเดชอุดม"เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ทำเทียนกันภายในบ้านหลังนี้เลย

เจ้าของคือคุณชาลิดา พูลทรัพย์ เป็นทั้งผู้จัดการ และศิลปินผู้ออกแบบผลงานทั้งหมด
ที่อยู่: 209/2 หมู่ 8, ถนน สนามม้า อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
โทร. 045 361 712    www.mutitacandle.com
ใครสนใจก็ลองโทรสอบถามข้อมูลตามที่ให้ไว้ได้นะคะ

ภายในบ้านมีส่วนจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกให้เลือกซื้อเต็มไปหมด กิ๊บเก๋ น่ารักๆทั้งน้าน ที่สำคัญราคาไม่แพง มีตั้งแต่ราคา 30 บาทจนถึง 3000 บาท ตามความยากง่ายและสวยงามของชิ้นงาน

ชอบอันนี้อ่ะ เก๋~เก้ดี

อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ที่นี่จึงมีการทำเทียนให้ดูกันเห็นๆ ตั้งแต่ขั้นตอนทำกลีบดอกไม้ ชุบสี ฯลฯ น่าสนใจมากๆค่ะ

คือเทียนที่ชุบสีแล้วเพื่อทำเป็นกลีบกุหลาบต่อไป...

นั่งแกะเทียนกันเห็นๆ ลวดลายสีสันสวยดีอ่ะ ชอบๆ

และนี่คือผลงานที่แกะเสร็จแล้ว พร้อมขาย

จากบ้านเทียนเดชอุดม ก็มุ่งกลับเข้าตัวเมืองอุบลราชธานี ใช้เวลาราว 1 ชม.เศษ เพื่อจะไปยังบริเวณ ที่จัดงานแสดงประติมากรรมเีทียนนานาชาติ ที่บริเวณลานประติมากรรมเทียนนานาชาติ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

ชอบอาคารพิพิธภัณฑ์ฯ ที่นี่มากๆๆๆๆ เก๋เก้ถูกใจสุดๆ

เ้ข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ แอบเห็นผลงานเทียน แกะสลักจากศิลปินต่างชาติแล้ว

มาดูกันให้ชัดๆเลยดีกว่า ว่าผลงานจากศิลปินต่างชาติทั้ง 8 ประเทศนั้นมีอะไรบ้าง

ผลงานชิ้นนี้ชื่อว่า "Vertical Knot - ปมแนวดิ่ง" จากลัตเวีย

ผลงานนี้ชื่อว่า "Sustain my Heart.. Sustain my World - ใจยั่งยืน โลกยั่งยืน" โดยเบลเยี่ยม

ผลงานนี้ชื่อว่า "Infinity - อนันตภาพ" จากเนปาล

ผลงานนี้ชื่อว่า "Heart - หัวใจ" จากญี่ปุ่น

ผลงานนี้ชื่อว่า "Sunrise Energy - พลังแสงตะัวัน" จากฝรั่งเศส

ผลงานนี้ชื่อว่า "Song of my heart - บทเพลงแห่งใจ" จากยูเครน

ผลงานนี้ชื่อว่า "Wrapper - ผู้ปกป้อง" โดยบราิซิล

และผลงานนี้ชื่อว่า "Light of Dhama - แสงแห่งธรรม" จากประเทศไทย
โดยอาจารย์พฤติพงษ์ ได้แชมป์ 2 ปีซ้อน ในการแข่งขันแกะสลักหิมะ ที่เมืองฮาร์บิ้น ประเทศจีน

สวดยวดเลยค่ะ "คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก" จิงๆ

หลังจากเดินชมผลงานการแกะสลักเทียนจากศิลปินชาวต่างชาติทั้ง 8 คนจนครบแล้ว

ไฮไลต์ของวันนี้เลยก็คือ.... ธรรมะดิลิเวอรี่โดย "พระมหาสมปอง"
สรุปแว่ เอ๊ย! สรุปว่า ท่านเทศน์ได้สนุกสนาน ลึกซึ้งกินใจ อิ่มบุญอิ่มใจกันไปตามๆกัน

หลังจากอิ่มบุญอิ่มใจจากธรรมมะเดลิเวอรี่แล้ว ก็จะพาเดินเที่ยว "ตลาดแลงพาเพลิน" กันต่อ ตลาดนี้อยู่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ฯ เช่นกัน

จะมีการโชว์ภาพผลงานของศิลปินไทย จากชุมชนช่างทำเทียน จากคุ้มวัดทั้ง 9 วัด โดย ม.ลาดกระบัง

กิจกรรม Art Film เป็นการเก็บภาพและรายละเอียดการแกะสลัก ทำเทียน จากช่างฝีมือทั้ง 9 คุ้มวัดในเมืองอุบล ออกมาในรูปแบบหนังสั้นและการถ่ายภาพศิลปะโดย ม.ลาดกระบัง

ใครสนใจอยากรู้ว่า เทียนพรรษาสวยๆนั้นมีที่มาอย่างไร ต้องไม่พลาดชมซุ้มนี้

มุมนี้่เด็กๆต้องชอบ และผู้ใหญ่บางคนก็แอบสนใจอยู่นะ

กิจกรรม Interactive Art เล่นศิลปะร่วมสนุกกับกำแพงเคลื่อนไหว ได้นำเทคนิกฉายภาพด้วยเลเซอร์ ให้ผู้เล่นขยับร่างกายให้จุดที่ปรากฎเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ทำโดยนศ.จาก ม.ลาดกระบัง

มามุมช้อปปิ้งกันบ้าง ^^

บรรยากาศตลาดพาแลงช่วงเย็นๆ ผู้คนเริ่มทยอยมาเดินเล่น จูงลูกจูงหลาน พาแฟนมาทำกิจกรรมงานศิลปะกัน น่ารักจังคนอุบล ^^

ชอบมุมนี้มากๆเลย Kid Art Village (สวนศิลป์เด็ก)

เป็นกิจกรรมเด็กทำมือ หล่อเทียนเจลเอง รู้สึกว่ามีเด็กๆให้ความสนใจกันเยอะน่าดู เทียนเจลที่ใช้ก็สีสวยๆทั้งนั้น ลายภาพพิมพ์ที่ใช้หล่อเทียนก็น่ารัก อยากจะร่วมละเลงด้วยจริงๆ  และที่สำคัญ ฟรีจ้า!!

ผลงานที่เสร็จแล้วจะออกมาเป็นแบบนี้

น้องๆสามารถอวดผลงานกันได้เลยที่มุมนี้ หรือที่เรียกว่า ต้นไม้ศิลป์ หรือจะนำกลับบ้านก็ได้ ชอบจัง ^^

มุมนี้เป็นโปสการ์ดทำมือ โดยชาวอุบลแท้ๆเด้อ ราคากันเอ๊งกันเอง ชอบก็เลือกซื้อเลือกหากันได้เลยจ้า

อีกกิจกรรมที่น่าสนใจ เป็นการหล่อเทียนเพื่อนำไปจุดประดับตกแต่งร่วมกับผลงานแกะสลักเทียนจากศิลปินชาวต่างชาติทั้ง 8 ผลงาน

เทียนที่หล่อเสร็จแล้วจะได้ออกมาเป็นแบบนี้

จากลานประติมากรรมเทียนนานาชาติ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี ช่วงเวลาหัวค่ำเศษๆ เราก็ได้ไป ร่วมกิจกรรมทำบุญมหาเวียนเทียนที่วัดศรีอุบลรัตนาราม ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์เลย

ระหว่างทางที่เดินไปวัดจะเป็นเส้นทางที่จะต้องมีขบวนแห่เทียนผ่าน รอบๆเส้นทางถูกเรียงรายไปด้วยการจุดเทียนให้สว่างไสว สวยงามมากๆ ทำให้เราประทับใจมากๆเลยอ่ะ  >___<,,

เมื่อเวียนเทียนครบ 3 รอบโบสถ์วัดดศรีอุบลรัตนาราม เราก็สังเกตว่านอกจากชาวไทยแล้วก็ยังมีชาวต่างชาติมาร่วมทำบุญเวียนเทียนกันด้วย และยังมีผู้ใหญ่พาเด็กๆมาด้วยหลายครอบครัวเหมือนกัน เห็นแล้วก็ชื่นใจ ^^

เมื่อเดินออกมาจากวัดศรีอุบลรัตนาราม ได้พบเจอชาวบ้านกำลังปล่อยโคมพอดี แหมเดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองเหนือ คนอีสานเค้าก็ปล่อยโคมเหมือนกันแฮะ

น่าไปเที่ยวมากครับ  ตามไปด้วยคนครับ

จากวัดศรีอุบลรัตนาราม เราเดินกลับโรงแรมราชธานีได้ไม่ไกลค่ะ แค่ 2 แยกไฟแดงเล็กๆ สะดวกมากๆ

ตอนแรกกะว่าจะแวะดูขบวนแห่เทียนพรรษาซะหน่อย แต่ไม่ไหวค่ะ ไม่สามารถสู้คลื่นมหาชนได้ จึงได้เดินกลับโรงแรม ระหว่างทางโชคดีได้มีโอกาสถ่ายรูปขบวนเทียนพรรษาที่เตรียมแห่ช่วงกลางคืนอยู่ เลยได้เก็บภาพมาให้ดูบางส่วนด้วย

สำหรับเพื่อนๆที่ยังไ่ม่เคยไปงานแห่เทียนอุบลมาก่อน (เหมือนเรา)

ในช่วงกลางคืนของวันอาสาฬหบูชา ก่อนวันเข้าพรรษ 1 วันของทุกปี) จะมีขบวนแห่เทียนภาคกลางคืน ที่หน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม และการแสดงประกอบแสงเสียงด้วย

และเช้าวันเข้าพรรษา ตั้งแต่เวลา 8.00 น.เป็นต้นไป ชมขบวนแห่เทียนพรรษาประกอบขบวนฟ้อนรำอันยิ่งใหญ่ของชาวอุบลฯ พร้อมถ่ายทอดทางอินเตอร์เน็ต ตามเส้นทางถนนอุปราชบริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ขึ้นไปทางทิศเหนือเป็นระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตรค่ะ

ถ้าใครมีโอกาสได้ไปชมงานเทียนอุบลก็อย่าพลาดทั้ง 2 วันเลยนะคะ ^^

ดูผลงานเทียนนี้สิ!! ม้าเกือบทั้งตัว!! ลอยอยู่ได้ยังไง แถมลวดลายแกะสลักยังอลังการมากๆ ละเอียดสุดๆ ชอบอ่ะ >___<

ตามมาเลยค่ะคุณเล็กทาโร่  ^^

***************************************

ระหว่างทางก่อนถึงโรงแรม เราก็ได้เจอกับรถเข็น ขนมปังปาเต สูตรเวียดนาม จะไม่ให้เราหยุดแวะสุยได้ยังไง สังเกตขนมปังสิคะ! ชิ้นมหึมาขนาดนั้น แต่ ราคาแค่ 20 บาท!!

อย่างงี้ต้องลอง!!! น่าเสียดายไม่มีภาพขนมปังที่ีทำเสร็จแล้ว แบบใส่ใส้มาให้ดูกัน แต่ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกก และอิ่มสุดๆๆ แทนข้าวได้มื้อนึงเลยค่ะ

และใกล้ๆกับโรงแรมราชธานี ก็มีร้านของฝากกิ๊บเก๋จากเมืองอุบลให้ได้เสียตังค์กันค่ะ

ชื่อร้าน "ระหว่าง( )ทาง" ดูสิคะ จะไม่ให้แวะได้ยังไง ของแต่ละอย่าง เก๋เก้ทั้งน้าน ราคาก็รับได้พอๆกับที่เที่ยวทั่วๆไป เพราะงานขายไอเดียแบบนี้ ชอบค่ะ ต้องอุดหนุนๆ

เข้าสู่เช้าวันเข้าพรรษา 2554 ณ เมืองอุบลกันต่อเลยค่ะ

ตื่นเช้ามาเราก็ไปไหนไม่ไกล มาเดินเล่นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานีกันอีกแล้วค่ะ จะว่าไปก็เป็นสถานที่หลักของเทศกาลแห่เทียนในครั้งนี้ก็ว่าได้ ถ้าจะไปงานเทียนแล้วไม่ีรู้จะไปที่ีไหน ให้มาเริ่มต้นที่นี่หรือนัดหมายกันที่นี่ก็ได้นะคะ

อีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ คือ "Passport เส้นทางธรรม เส้นทางเทียน"

โดยให้สะสมตราประทับตามคุ้มวัด 9 วัดในตัวเมืองอุบล และเมื่อครบแล้วก็นำมาแลกรับของรางวัลต่างๆ ที่ซุ้ม ททท. ณ ลานประติมากรรมเทียนนานาชาติ ในพิพิธภัณฑ์อุบลฯ ได้เลยจ้า ไม่ว่าจะเป็น Tag ติดกระเป๋า, สมุดโน๊ต หรือเสื้องานประติมากรรมเทียน 2011 ค่ะ

(ปล.เราไปแลกมาแล้วล่ะ อิอิ )

วันนี้มีิีกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ  Workshop "นวัตกรรมเทียน" เป็นการโชว์เทียนแฟชั่น เทียนสีสัน การเขียนเทียนลงเสื้อ ฯลฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาวัสดุเทียนสู่สินค้าในรูปแบบต่างๆที่หลากหลาย

สำหรับกิจกรรมนี้น่าเสียดายที่เราไม่มีเวลาได้ร่วมทำ Workshop แต่ก็ไม่พลาดที่จะซื้อเทียนน้องหมีสีชมพู กลับมาฝากคนที่บ้าน ^^

สำหรับ Workshop นี้ ใครสนใจจะนำเทียนไปเป็นของฝาก หรือของชำร่วยในงานต่างๆ... สามารถติดต่อได้ที่ คุณณรรธภรณ์ โทร.086 369 8341 E-mail: kalayathailand@hotmail.com ค่ะ

เห็นว่ารับส่งเทียนทั่วประเทศด้วยนะคะ จะสั่งเทียนน้องหมีไปเซอร์ไพร์สแฟนในวันเกิดก็ยังได้

กำหนดการขบวนแห่เทียนวันนี้ (วันเข้าพรรษา)

จะเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 8 โมงเช้าเป็นต้นไป จะเคลื่อนขบวนไปตามถนนอุปราชบริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ขึ้นไปทางทิศเหนือเป็นระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร จากนั้นรถขบวนเทียนจะไปหยุดจอดที่สวนสาธารณะทุ่งศรีเมือง ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมขบวนเทียนพรรษากันไปตลอดทั้งวันค่ะ

เนื่องจากบริเวณปรัมพิธีชมขบวนแห่เทียนพรรษา คนเยอะมากๆ เราจึงเดินดูเทียนตามถนนต่างๆรอบๆพิพิธภัณฑ์แทนค่ะ

อลังการจริงๆ >___<

ขบวนแห่เทียนพรรษาจะถูกลากจูงด้วยรถไถคูโบต้าแบบนี้ทุกคันเลยค่ะ ดูเป็นไทยๆดีเนอะ ^^

การแสดงพื้นบ้าน จากน้องนักเรียนโรงเรีัยนต่างๆในจังหวัดอุบลฯ ^^

ขบวนแห่เทียนพรรษาจากคุ้มวัดต่างๆ

ชอบม้าอ่ะ ทำได้เหมือนและอลังการมากๆ

อันนี้ก็สวยดี ชอบๆ ^^

อันนี้ก็สวย แต่ละคุ้มวัดแต่ละชุมชนทำมาได้อลังการไม่แพ้กันเลย

ขบวนแห่เทียนที่ได้รับรางวัลทั้งหมด จะยังจัดแสดงอยู่ที่สวนสาธารณะทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ถ้าใครอยากไปดูเทียนก็ยังสามารถไปได้นะคะ ยังพอมีเวลาค่ะ ^^

หลังจากที่เดินชมขบวนแห่เทียนพรรษามาได้สักพักหนึ่ง ด้วยอากาศที่เริ่มร้อนสลับกับฝนตกเป็นระยะๆ ทำให้เราต้องเดินกลับมาตั้งหลักที่พิพิธภัณฑ์กันอีกรอบ อิอิ

ระหว่างทางได้เจอป้ายหลักกิโลอันใหญ่อันนี้ด้วย ถ้าจังหวัดไหนไม่มีถือว่าเชยมากนะเราว่า อิอิ ^^

เมื่อกลับมาตั้งหลักที่พิพิธภัณฑ์ เราก็ได้เจอกับผลงานน้องกระต่ายสีชมพูตัวนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เลย ทำได้เก๋มากๆ

เพื่อนๆดูออกมั้ยว่าทำจากอะไร  ??

ตุ๊กตากระต่ายยักษ์สีชมพูตัวนี้เกิดจากการสานไม้ไผ่ทำเป็นโครง จากนั้นหลอมเทียนแล้วใส่สี แล้วก็เอาเทียนชุบสีมาสาดและทา ก็จะออกมาได้เป็นกระต่ายยักษ์สีชมพูสวยสดใสแบบนี้ค่ะ

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เราชอบ ^^

เป็นการละเลงสีลงบนพื้น โดยจะมีสีชอร์ค วางไว้บนพื้น นักท่องเที่ยวคนไหนเดินผ่านไปผ่านมา ก็สามารถที่จะเขียนระบายความในใจ ละเลงสีกันได้ตามใจชอบเลย เป็นงานศิลเปรอะที่สนุกสนานกันได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ

นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ให้ความสนใจเหมือนกัน  เขียนอะไรไว้เป็นที่ระลึกน๊า ....

น้องๆในชุดนางรำ หลังจากเสร็จสิ้นการแสดงก็ยังมานั่งเขียนละเลงศิลเปรอะกัน น่ารักจังคนอุบล ^^

กิจกรรมนี้สามารถทำได้ตลอดทั้งวัน เพราะสามารถละเลงสีที่พื้นได้ทั่วลานประติมากรรมเทียนเลย

ชอบคำนี้มาก โดนใจเราจังๆเลย ประทับใจๆ >___<,,

เทียนเก๋ๆสวยๆแยะเลย อุบลมีอะไรดีๆมากกว่าที่ลุงคิดไว้ตั้งเยอะ

เห็นส้มตำแล้วคิดถึงหมูแก้วหมูกระจก จังครับ

หลังจากที่เสพงานศิลป์ ชมงานประติมากรรมเทียนจำหนำใจแล้ว ก่อนกลับกรุงเทพฯ เราไำด้มีโอกาสไปทานขนมเค้กอร่อยๆที่ ร้านสริน คอฟฟี่แอนด์เบเกอรี่ สาขาศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ราชภัฏอุบลฯ มาด้วยล่ะ

"ร้านสริน" มีหลายสาขาในอุบล แต่ที่สาขานี้เดินทางไปสะดวกค่ะ แต่ถ้าจะให้บอกทางเราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าใครสนใจจะไปทานก็โทรสอบถามได้ที่เบอร์นี้ค่ะ 084-584 9339

ร้านสรินมีขนมเค้กและเบอเกอรี่ให้เลือกสุยมากมายไม่แพ้ที่กรุงเทพฯเลยทีเดีัยว และยังมีน้ำผลไม้ น้ำปั่น สมูทตี้ ชา กาแฟ ให้เลือกหลายสูตรมากๆ Wi-Fi ก็มีให้บริการฟรี ชอบมากๆเลย

วันนี้เราเลยขอ พาสุย~* เค้กช้อคโกแลตบานาน่า เค้กส้ม เค้กนมสดลูกตาล และไม่พลาดที่จะสั่ง Honey Toast อีกด้วย จัดเต็มก่อนกลับกรุงค่ะ!! หุหุ  

ยัง ยังไม่หมดค่ะ เราได้ซื้อเค้กคอฟฟี่แมคคาเดเมีย เค้กช้อคโกแลตหน้านุ่ม และเค้กช้อคโกแลตบานาน่ากลับมาฝากน้องสาวที่บ้านอีกด้วย ติดใจเค้กอุบลซะแล้ว ที่สำคัญราคาไม่แพง อิอิ

มาอุบลฯก็อย่าลืมแวะมาทานกันนะคะ

ไปๆมาๆก็เย็นย่ำหมดวันซะแล้ว 3วัน 2คืนนี่ผ่านไปเร็วจริงๆ แต่งานเทียนอุบลปีนี้ก็ทำให้เราประทับใจได้อย่างมากเลย เสีัยดายเวลาน้อย เอาไว้มีโอกาส จะมาอีกแน่นอน

และสำหรับเพื่อนๆที่สนใจอยากจะมาดูเทียนใน งานประติมากรรมเทียน ยังจัดแสดงอยู่จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนะคะ พาลูกหลานไปร่วมเสพงานศิลป์ ทำกิจกรรมสนุกๆกันได้เลย โดยเฉพาะศูกร์ เสาร์ อาทิตย์ มีการแสดง และตลาดนัดขายของด้วย น่าสนใจเป็นที่สุด อิอิ

คืนนั้นเราขึ้นนกแอร์กลับไฟต์ดึกสุดคือ 19.50 น. ประมาณ 19.00 ก็มาสแตนบายรอขึ้นเครื่องแ้ล้ว ลาแล้วค่ะ บ๊ายบายอุบล~ แล้วเจอกันใหม่นะ  \(^^,, )

สวัสดีค่ะคุณลุงแบกเป้ ^^  อุบลมีอะไรที่น่าสนใจกว่าที่หมียักษ์คิดไว้เหมือนกันค่ะ ไปแล้วก็ติดใจอยากจะไปอีกเหมือนกัน ^^  

ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาชมกระทู้ ^^

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ  จริงอย่าง จขกท  เพราะเราเองก็ คิดว่า อุบล มีแต่งานแห่เที่ยน  ที่น่าสนใจ  ดูกระทู้นี้แล้ว  ได้ที่เที่ยวใหม่ ๆ เพียบเลย  

ต้องขอบคุณ  จขกท นะคะ ที่มาแบ่งปัน  

และก็ ภูมิใจค่ะ  งานศิลป คนไทย เนี่ย ทำด้วยสวยจริง ๆ

มาเสพศิลปะเมืองอุบลด้วยครับ ^^

ครบเครื่องเรื่องกินเที่ยว..สมแล้วที่เป็นพี่หมีฯ
เห็นแล้วก็เกิดกิเลสอยากไปแว๊นที่อุบลฯขึ้นมาตะหงิดๆ ^^

ขอบคุณค่ะ สำหรับรีวิว
น่าไปเที่ยวมากมายสำหรับ งานแห่เทียนที่อุบล ชอบชื่อถนนจังค่ะ "ถนนสายเทียน" น่ารักและเหมาะสมจริง ๆ

ตามมาดูประเพณีอันดีงามของเมืองอุบลค่า ^^

ตามเพ่หมี   มาเที่ยวอุบลฯ ด้วยคนนะคะ

เปิดมาเห็นส้มตำแล้วหิวเลยอ่ะ หุ หุ

จุดชมวิวผาแต้มก็สวย อยากมีโอกาสไปเห็นด้วยตาตัวเองบ้าง ไรบ้าง

ไม่รู้ว่าปีหน้า หรือเมื่อไหร่ จะมีโอกาสไปร่วมงานแห่เทียนกับเค้าบ้างนะ อยากไปจัง

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะจ๊ะ

เป็นงานที่น่าสนใจมาก ๆ เลยครับดูแล้วมีอะไรหลากหลาย เดินชมได้เรื่อย ๆ ไม่เบื่อเลยครับ ที่สำคัญ...


ของกินเพียบนี่แหละ เอาแค่..ลาบ ส้มตำ น่าทานมากกก ขอบคุณมากนะครับที่นำภาพมาให้ชมกัน

^^" อ่านกระทู้นี้แล้วปลื้มใจจัง

ในฐานนะที่เป็นคนอุบลฯ เวลาอ่านว่ามีความสุขเวลามาเที่ยวอุบลฯ

มันเป็นอะไรที่ยิ้มแก้มปริมากมาน

ขอบคุณที่รักเมืองอุบลฯนะครับ

เทียนพรรษาสวยมากครับ พิถีพิถันจริงๆ

แวะมาบอกว่าการปล่อยโคมของอีสานมีมาแต่โบราณกาลแล้วครับ^^
แต่นักท่องเที่ยวจะติดภาพลักษณ์ว่าเป็นของภาคเหนือ

อ่านรีวิวแล้วปลื้มเหมือนกันครับ ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าจัดงานแห่เทียนได้ยิ่งใหญ่ที่สุด
เพราะจัดมานานก่อนใครเพื่อน จนตอนนี้เป็นงานนานาชาติไปแล้ว แน่นอนว่าเอกลักษณ์งานของที่นี่คือ
มีงานย่อยๆและกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำมากมายครับ ไม่ได้มีแค่มาดูขบวนแห่อย่างเดียว
ยังมีอีกหลายงานที่จขรว.ไม่ได้เห็น เช่น เชิญเทียนหลวงพระราชทานทางชลมารค

หวังว่าจขรว.จะมาเที่ยวอุบลฯอีกเด้อครับ คนอุบลน่ารัก :)

แวะมาชมและมาตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

งานนี้เป็นอีกงานที่ผมอยากมีโอกาสไปเที่ยวจังครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ   เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยากไปมากเลย

ขอบคุณรีวิวสวยๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่น่าสนใจ ภาพสวยๆ และข้อมูลที่อยากให้ไปเที่ยวอุบลบ้างแล้ว ดูแล้วสบายตาสบายใจมากครับ

ขอบคุณมากๆครับผม

ไปมาเหมือนกันครับบบบ ปีนี้กิจกรรมเล็ก ๆ น่ารัก ๆ เยอะนะครับ

เทียนพรรษาสวยมากๆครับ ต้องหาโอกาสไปชมเองสักปีแล่วล่ะครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆนะครับ

ขอบคุณทุกความเห็นทุกเม้นท์มากๆเลยนะคะ  ปลื้มอ๊กปลื้มใจ๋มากๆๆๆๆๆๆๆๆ (>____<,,)

เสียดายกิ๊ฟหมด ขอมอบ  ให้แทนกิ๊ฟแล้วกันนะคะ \(^____^ )

@nok_naja  ตอนแรกเราก็คิดเหมือนคุณเลยค่ะ ไปเที่ยวด้วยความ blank มากๆ แต่พอไปแล้วผิดคาดสุดๆ ชอบมากๆเลย ^^
@ไผ่พริ้ว  ขอบคุณนะคะที่แวะมา
@เฮียกวงก่งก๊ง  แหมๆ  แตร๊งกิ้วน๊าที่แวะมา ^^ ถ้าจะไปแว๊นอุบลอีกชนพี่ด้วยนะ จะไปแว๊นด้วย อิอิ
@ลูกอ๊อดตัวใหญ่   ชอบเหมือนหันเลยค่ะ ชื่อเค้าน่ารักดี ^^
@หมูกิตติหอ 4 ชาย   ขอบคุณที่แวะมาค่า ^^
@คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน   ดีใจจังที่แวะมา  หิวเลยอ่ะดิ  เดี๋ยวคุณน้องต้องได้ไปแน่นอน แล้วพี่จะรอดูรีวิวเหมือนกันนะคะ ^^
@P.S. i love you  งานเค้าน่าสนใจจริงๆ ไม่น่าเชื่อเลย ตอนแรกกะไปดูเทียนอย่างเดีย แต่พอไปถึงผิดคาดมากๆ สนุกดีค่ะ ปีหน้ามีโอกาสลองไปเที่ยวดูนะคะ ^^
@โอ๊ต-ครับ-ผม   ว๊าว คุณโอ๊ตเป็นคนอุบลหรือคะเนี่ย ไม่รู้มาก่อนเลย ไม่อยากจะบอกว่าชอบเมืองอุบลจริงๆค่ะ น่ารักดี ^^
@Destiny-Boy   เทียนสวยจริงๆค่ะ ^^
@หนุ่มอุบล คนวาริน   ว๊าวววว เพิ่งรู้นะเนี่ย ขอโทษที่เข้าใจผิดมาตลอดเลยค่ะ >__<  งานเทียนอุบลอลังการจริงๆค่ะ กลับมาเล่าให้เพื่อนๆฟังใหญ่เลย ชอบๆ จะกลับไปเที่ยวอีกแน่นอนเด้อค่ะเด้อ :D
@กัปตันลูกชุบ   ต้องหาโอกาสไปนะคะ แล้วจะรอชมรีวิวของคุณกัปตันลูกชุบนะคะ ชื่นชอบมานานแล้ว  ขอบคุณที่แวะมาค่า ^^
@ป้าฟู   ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวด้วยกันค่ะ :D
@Us-Sama Iland   ขอบคุณที่แะมาค่ะ :D
@mongnoi   ขอบคุณที่แะมาเที่ยวด้วยกันค่ะ  ปลื้มใจจัง >///<
@digimontamer   ขอบคุณที่แวะมาเช่นกันค่า :D
@Triple_N_and_T   กิจกรรมเค้าเยอะจริงๆค่ะ  ชอบถูกใจมากๆ ^^
@tataweb    ปีหน้าต้องไปชมให้ได้นะคะ  ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ^^

ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ  เทียนพรรษาสวยมากๆค่ะ