มาแล้วค่า ตอนจบของรีวิว "ทริปสาวๆ สุยๆ ตะลุยช้อปปิ้ง @Singapore Sale 2011"  หลังจากหมักดองจนได้ที่ แต่กลิ่นไม่ตุเท่าไหร่นะ อิอิ

สำหรับตอนจบ ก็ไม่มีไรมาก แต่ก็ยังเน้น สุยๆ(กินๆ)  ตะลุยช้อปปิ้ง(บ้างนิดหน่อย) ตามสไตล์สาวๆ อย่างหมียักษ์และเดอะแก๊งค์เหมือนเคย

ใครพลาดตอนแรก click ที่ Link ข้างล่างได้เลยค่ะ ^^
กระทู้  "ทริปสาวๆ สุยๆ ตะลุยช้อปปิ้ง @Singapore Sale 2011"  ตอนแรกค่ะ  
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10805450/E10805450.html

อย่างที่บอกไว้กระทู้เดิม รีวิวตอนจบนี้หมียักษ์จะพาเพื่อนๆไปเจอกับ .....

- ทานอาหารเช้าที่ร้านต้นตำรับ Yakun Kaya Toast สาขา Fareast Square
- ไหว้พระ ทำบุญ ขอพร ที่วัดพระเขี้ยวแก้ว ไชน่าทาวน์
- ช้อปปิ้งเก็บตกที่ IKEA และ Charles&Keith Outlet ที่ Anchor Point
- ชมวิวบนยอดหัวสิงโตตัวพ่อ Merlion Tower
- โชว์ตระการตากับ Song of the Sea
- ชมวิวสิงคโปร์มุมสูงกับ Singapore Flyer
- และพาสุยตามมื้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวมันไก่เทียนเทียน โดนัท J.Co ข้าวหน้าเนื้อ Yoshinoya ^^

ได้เจอแน่นอน  ถ้ารีวิวของหมียักษ์ทำให้ใครหิวยามค่ำคืนแบบนี้ต้องขอโทษไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะคะ เพราะมันอดใจพาสุยไม่ได้จริงๆ  อิอิ ^^

เอาล่ะ เม้าท์มอยกันมาซะเยอะเลย ไปเที่ยวสิงคโปร์กับหมียักษ์และเดอะแก๊งค์ ณ สิงคโปร์ กันต่อเลยค่ะ  ^^

ขอตามสาวๆ ตะลุยช้อปปิ้ง เผื่อเป็นไกด์ไลน์ไปสิงหานี้ครับ

รีวิวตอนจบ....  เริ่มจาก  เช้าวันที่ 3 ของทริปค่ะ  วันนี้เราตื่นไม่เช้ามาก ออกจากที่พักก็ 8 โมงกว่าๆ  

เราพัก Fragrance Hotel Sapphire ย่านเกลังค่ะ

โปรแกรมในวันนี้ เราจะไปที่ไชน่าทาวน์กันก่อนเลย  ซึ่งจากที่พักสะดวกมากๆ เพราะหน้าปากซอยเป็นป้ายรถเมล์  เรานั่งสาย 80 ยิงยาวเลยค่ะ จากเกลังไปลงไชน่าทาวน์สบายๆ

จากเกลังมาไชน่าทาวน์ ประมาณ 14 ป้ายรถเมล์ค่ะ  ใช้เวลาแค่ 10-15 นาที พอได้ชมเมืองเพลินๆ เพราะเราเลือกขึ้นสาย 80 ที่เป็นรถเมล์สองชั้นค่ะ นั่งชั้นบนชมวิวเมืองสิงคโปร์ชิลๆ รถก็ไม่ติดด้วย ชอบมากๆเลย ^^

ถึงแล้วค่ะไชน่าทาวน์  สำหรับมือใหม่ที่นั่งรถเมล์ยังไม่คล่อง ให้สังเกตตึกรามบ้านเรือนที่มีสีสันก็ได้ค่ะ เพราะย่านไชน่าทาวน์จะมีสีสันสดใสเด่นกว่าย่านอื่นๆ ที่รถเมล์แล่นผ่าน

ลงรถเมล์แล้วก็จะเจอตึกแบบนี้.. ไม่ผิดแน่นอน  ถึงแล้ว "ไชน่าทาวน์"

ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ

@ฮีโร่ฟื้นคืนชีพ   ตามมาเลยค่ะ  ดีใจจัง มีเืพื่อนไปเที่ยวด้วยกันเยอะๆกับรีิวิวนี้ ^^
**************************************************

ก่อนอื่น ขอลงแผนที่ไ้ว้สักหน่อย เผื่อเพื่อนๆมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับสิงคโปร์  แต่สำหรับท่านเมพๆทั้งหลาย ก็ผ่านตรงนี้ไปก่อนก็ได้นะคะ ^^

แผนที่นี้ เราใช้ประจำเลยค่ะ จากเว๊บไซต์  www.streetdirectory.com

เป็นเว็บไซต์ที่ช่วยวางแผนการเที่ยวได้เยอะเลย เหมาะสำหรับคนที่จะไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง สามารถหาพิกัดที่พัก ร้านอาหาร ที่เที่ยวได้เพียงแค่ใส่ชื่อสถานที่นั้นลงไปในช่อง search ค่ะ อ้อ! เช็คสายรถเมล์ได้ด้วยนะึคะ  สะดวกมากๆ

ส่วนของแผนที่นี้่ตัดมาให้ดูคร่าวๆ ว่าเราไปไหนมั่งค่ะ ในย่านไชน่าทาวน์
เรียงตามหมายเลขเลยนะคะ

1.Sri Mariamman Temple : วัดแขก
2.Far East Square : ที่ตั้งของร้าน Yakun Kaya Toast สาขาดั้งเดิม
3.Maxwell Food Court : ที่ตั้งของร้านข้าวมันไก่เทียนเทียน
4.Buddha Tooth Relic Temple and Museum : วัดพระเขี้ยวแก้ว
5.ร้านเครื่องสำอางค์และน้ำหอมราคาถูก

@ป้าฟู  ขอบคุณที่แวะมาค่ะ  ไปเที่ยวกันๆ ^^

********************************************************

เอา่ล่ะ เมื่อลงจากรถเมล์แล้ว (สัญลักษ์กรอบสีม่วงๆ) เดินย้อนไปที่สี่แยกนะคะ
ระหว่างทาง ก็ชมวิวตึกสวย สีสันสดใสๆไปเรื่อยๆ ^^

แป๊บเดียวก็เดินมาเจอกับวัดแขก อยู่ฝั่งตรงข้ามที่เราลงรถเมล์ แต่ไม่ได้แวะค่ะ แค่เดินผ่านเฉยๆ

โชคดีวันที่เราไปมีแดด เลยได้ภาพตึกรามบ้านช่องสีสันสดใสแบบนี้มาฝากเพื่อนๆ ^^

ตึกนี้ก็สวย สีสันตัดกันได้ใจจริงๆค่ะ ^^

และจากตึกนี้่ เราก็ต้องข้ามสี่แยกไฟแดง แล้วเลี้ยวขวา เดินไปประมา๊ณ 200-300 เมตร ก็จะถึงเป้าหมายของเราค่ะ ^^

แอบย่องตามไปช็อปปิ้งด้วยคน :D

ถึงแล้วค่ะ  Far East Square

ถ้าเห็นประตูนี้แล้ว รับรองมาไม่ผิดแน่นอน ^^ ให้เลี้ยวเข้าไปด้านในเลยค่า

@แมลงภู่บนหูกระต่าย   ตอนนี้พาสุยก่อน อิ่มแล้วจะพาไปช้อปค่า  ต้องติดตามนะคะ :D

**************************************************************


เมื่อเดินเลี้ยวเข้ามาใน Far East Square แล้วจะเจอแบบในรูปนี้ค่ะ

เรา่ไม่รู้ว่ากระจกใสๆเค้าทำไว้เพื่ออะไรเหมือนกัน  แต่เราว่ามันก็เก๋ๆดีอ่ะค่ะ  ไม่ขัดแย้งกับตึกต่างๆที่อยู่รอบๆมากนัก เพราะมีแต่ตึกเก่าๆ โบราณๆ ทั้งนั้น  เค้าอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ  นับถือในจุดนี้ของรัฐบาลสิงคโปร์มากๆ

ละเอียด ยิบ ขอตามกระทู้ไปด้วยนะคะ

ภายใน Far East Square  จากที่เราเดินๆดูบรรยากาศ  
ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารน่านั่งทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่ง อาหารอิตาเลียน ร้านกาแฟ หรือ Toast Box ที่ขายขนมปัง-กาแฟ เหมือน Yakun Kaya Toast ที่เรากำลังจะไปสุยก็มีค่ะ

นอกจากนั้นก็ยังมีร้านที่เหมือนเป็นร้านนั่งดื่มชิลๆ ช่วงกลางคืนอีกด้วย แต่ช่วงที่เราไปยังเช้าอยู่ ร้านรวงเลยยังเปิดได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่เราว่าจริงๆแล้วถ้าจะมาหาอะไรทานที่ย่านนี้ก็ไม่น่าจะผิดหวังนะคะ มีร้านน่านั่ง น่าสุยเพียบเลย ^^

ไว้มาคราวหน้าจะมาพาสุยที่นี่จริงๆจังๆอีกซักรอบนะคะ ^^

@mai_z2   ขอบคุณที่แวะมานะคะ  ตามมาเลยค่า :D

***************************************


พอเดินไปสุดทาง จากรูปด้านบนแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายนะคะ
พอเลี้ยวซ้ายแล้วจะเจอกับ China Street แล้วให้มองไปทางซ้ายอีกครั้ง
ก็จะเจอกับ Metal Gate ของ Far East Squre ค่ะ  

เห็นชื่อร้านบนร่มสีแดงๆ นี้รับรองไม่ผิดร้านแน่นอนค่ะ  
เดินตรงเข้าไปจับจองที่นั่งกันได้เลย

จะนั่งด้านนอก บรรยากาศชิลๆแบบนี้ ถ้าไปช่วงเช้าๆ หรือเย็นย่ำแล้วก็ชิลดีค่ะ แนะนำเลย ^^

แต่ตอนที่เราไปเริ่มแดดเปรี้ยงแล้ว ไม่ไหวค่ะ (- -") ขอหลบแดดไปนั่งในร้านดีกว่า

มาถึงตรงนี้ต้องขอสารภาพเลยค่ะว่า....  จริงๆแล้วเราหลงอ่ะ  แฮ่ (>_<")

ถ้าสังเกตจากแผนที่จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องเดินเข้า Far East Square อย่างที่บอกใน คห.10 นะคะ  แค่เจอป้าย China Street ก่อนถึงประตูตรง คห.10 ก็เลี้ยวซ้ายเดินเข้ามาด้านในเลยค่ะ  ร้านจะอยู่ซ้ายมือ ห้องแถวสีเหลืองห้องสุดท้ายเลย หาง่ายมากๆค่ะ

ปล.ตรงที่เห็นรถจอดอยู่ นั่นคือ China Street นะคะ ร้านติดถนนเลย

ปล.2 แต่ถ้าไม่หลง ก็ไม่ได้รู้หรอกนะว่า ใน Far East Square มีอะไรบ้าง  อิอิ :D

Ya Kun Kaya Toast สาขา  Far East Square
ที่อยู่: 18 China Street #01-01 Singapore 049560
โทร. 6438 3638

Opening Hours
Monday to Friday : 7.30am to 6.30pm
Saturday and Sunday : 8.30am to 5.00pm
Public Holiday       : Closed

ความแตกต่างของสาขานี้กับสาขาอื่นๆก็คือ เป็นสาขาเก่าแก่ที่สุดค่ะ ให้บรรยากาศย้อนยุคของชาวจีนหน่อยๆ ประมาณนั่งทานกาแฟในร้านอาแปะย่านเยาวราชอะไรประมาณนั้น


เมื่อมาถึงร้านแล้วก็ไม่รอช้า จัดมาเลยค่ะ 1 เซท เบาๆ
ร้าน Yakun Kaya Toast สาขานี้มีเมนูภาษาไทยด้วยนะคะ
สงสัยคนไทยมาสุยกันเยอะ ดีจัง ^^

- ไข่ลวกอร่อยค่ะ ^^
- เครื่องดื่มชาเย็นกับโอวัลตินเย็น  ไม่ค่อยเข้มข้นเ่ท่่าไหร่ พอทานได้ค่ะ
- ขนมปังสังขยา  ไฮไลท์ของทริปเลย  อร่อยเหมือนเดิม เราชอบมากๆๆๆๆๆๆๆค่ะ   ความกรอบนอกนุ่มในของขนมปังกับสังขยาแบบสูตรเฉพาะแบบนี้  อร่อยสวดยวดจริงๆ  มาทีไรต้องมาสุย ไม่ผิดหวังค่ะ ^^

แวะมาสุยต่อคร้าบบคุณกิฟท์


จัดมาเยอะๆเลย เพราะกินมาอิ่มก่อนนอนแล้ววว หุหุ

หลังจากที่อิ่มมื้อเช้าเบาๆ เรียกน้ำย่อยไปแล้ว  
เราก็เดินกลับทางเดิมเลยค่ะ เพื่อไปลุยของหนักกันต่อที่ Maxwell Food Court
ตามหมายเลขที่ 3 ในแผนที่ใน คห.4 เลยค่ะ

เมื่อมาถึง Maxwell Food Court เราก็ไม่พลาดที่จะพาสุย "ข้าวมันไก่" ร้านเทียนเทียน (ช่องหมายเลข 10) ค่ะ

มาทีไรต้องมาสุยที่นี่ทุกที ด้วยความที่ไก่ชิ้นใหญ่ๆอวบและข้าวมันนุ๊มนุ่มก็ต้องจัดมาล่ะค่ะ!! ^^

และเราชอบทานคู่กับน้ำเต้าหู้เย็นๆเจ้านี้ใน Maxwell Food Court เหมือนกัน รสชาติไม่หวานมาก ดื่มแล้วชื่นจาย :D

อุ๊ย! คุณกาแฟยังไม่นอนเหรอคะ นึกว่าหลับไปแล้วนะเนี่ย มาทันตอนพาสุยพอดีเลยนะตัว  อิอิ :D  

********************************************************

หลังจากสุยกันอิ่มหมีพีมันกันแล้ว ก็เริ่มเดินเที่ยวย่านไชน่าทาวน์กันต่อเลยค่ะ

ออกจากฟู้ดคอร์ท ก็ข้ามถนนมา จะเจอกับวัดพระเขี้ยวแก้วแห่งนี้ ตามหมายเลข 4 ในแผนที่ ในคห. 4 เลยค่ะ

เราแวะทำบุญขอพรกันเล็กน้อย เสียดายที่ไม่ได้แวะชมชั้นอื่นๆด้านบนของวัดเลย แต่เราและเดอะแก๊งค์ได้ทำบุญในต่างแดนก็อิ่มบุญอิ่มใจกันไปตามๆกันเลยค่ะ ^^

ถัดจากวัดพระเขี้ยวแก้ว ก็เดินเข้าซอยข้างวัดอย่างไม่รีรอค่ะ นั่นก็คือ Sago Street ตามรูปนั่นเอง  ถัดจาก Sago Street ก็เป็น Smith Street ถนนสายอาหารยามราตรีที่เราพา่สุยไปเมื่อรีวิวตอนแรกค่ะ ^^

ใน Sago Street สองข้างทางก็เต็มไปด้วยของฝากมากมายละลานตามากๆ ราคาก็ไม่ต่างกันมากกับซอยอื่นๆในย่านไชน่าทาวน์นะคะเราว่า

แต่เพื่อความชัวร์ก็เดินดูรอบๆย่านไชน่าทาวน์ให้ทั่วก่อนก็ได้ เพราะย่านนี้ไม่ได้กว้างมากนัก เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้วค่ะ

ระหว่างเดินก็ Bookmark ร้านในดวงใจไว้ด้วย เวลาอยากซื้อจะได้เดินกลับมาถูก เหมือนเพื่อนเรา อิอิ


ปล.เราว่าของฝากย่านไชน่าทาวน์ น่าซื้อมากกว่ามุสตาฟาอีกอ้่ะ แต่ก็แล้วแต่ความชอบอ่ะค่ะ  ใครใครซื้อก็ซื้อละกันเนาะ ^^

สุดทาง Sago Street เลี้ยวขา เดินมาเรื่อยๆจะเจอกับร้านขายเครื่องสำอางค์ร้านนี้ึ้ค่ะ  ร้านใหญ่มากๆ  แต่เราจำชื่อร้านไม่ได้ค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ (- -")

ร้านขาย คสอ.นี้ คือหมายเลข 5 ในแผนที่ในคห.4 นะคะ

ที่แนะนำร้านนี้ เพราะว่าเพื่อนเราช้อปไปเยอะมากๆๆๆๆๆค่ะ  นางเฟิร์มราคาถูกจริงๆ และเป็นของจริงด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมหรือเครื่องสำอางค์

จริงๆแล้วเรามาสิงคโปร์หลายครั้ง แต่ไม่เคยแวะร้านนี้เลยสักครั้ง เพราะคิดว่าเป็นของปลอมค่ะ เพราะราคาถูกเหลือเกิน แต่ไปคราวนี้ไปกันหลายคน มีกูรูไปด้วย เมื่อนางเฟิร์มแล้วก็จัดไปเลยค่ะ  อาการช้อปไม่ยั้งก็เกิดขึ้นที่ร้านนี้จนได้  555555+

เพื่อนเราได้น้ำหอมและเครื่องสำอางค์ที่เป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณเทสเตอร์มาเป็นของฝากเพียบเลยค่ะ ราคาก็อยู่ที่ราว 5-10 sgd แล้วแต่ปริมาณและยี่ห้อค่ะ  

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น.... อยากให้เพื่อนเช็คราคาสินค้าที่ตัวเองต้องการจะซื้อมาให้ชัวร์ก่อนนะคะ เพราะบางทีของร้านนี้อาจจะไม่ได้ถูกทุกยี่ห้อเสมอไป ถูกแต่เพียงบางอย่าง และโชคดีมากที่บางอย่างนั้นเพื่อนเราใช้อยู่ค่ะ

ปล.ร้านนี้รับบัตรเครดิตนะคะ

"ช้อปปิ้งกันอย่างมีสติด้วยนะคะสาวๆ"  :D

เมื่อช้อปปิ้งกันกระจายแล้วที่ไชน่าทาวน์ เพื่อนเราคนหนึ่งในเดอะแก๊งค์เพิ่งซื้อคอนโดพอดี เราเลยจะพาเพื่อนไปละลายทรัพย์ที่ "IKEA" กันค่ะ  เผื่อได้ของตกแต่งบ้านใหม่บ้างเล็กๆน้อยๆ ^^

การเดินทางไป IKEA :
จากไชน่าทาวน์ นั่ง MRT Chinatown (สายสีเขียว) ไปลง MRT Outram Park แล้วเปลี่ยนขบวนเป็นสายสีม่วง ไปลง MRT Queenstown

จาก MRT Queenstown ลงเดินลงจากสถานี ให้นั่งรถเมล์ฝั่งที่ย้อนกลับไป 2 ป้าย โดยขึ้นรถเมล์สาย 195 ลงหน้า IKEA เลย

สังเกตง่ายๆพอรถเมล์เลี้ยวขวาตรงแยก ให้ลงป้ายที่ 2 มองไปไกลเจอตึกสีน้ำเงินแบบนี้ เห็นชัดมากๆ ใช่เลยค่ะ


เสียดายที่สิ่งที่เพื่อนเราอยากได้มันราคาถูกจริงๆ และสวยด้วย แต่มันเป็นของชิ้นใหญ่มากๆๆๆๆ คงไม่สามารถขนกลับไทยได้  โชคดีที่เดี๋ยวเมืองไทยก็จะมี IKEA กับเค้าบ้างแล้วเร็วๆนี้ เห็นที่ตั้งอยู่แถวบางนา คิดว่าพอถึงตอนที่สาขาในเมืองไทยเปิด ค่อยไปละลายทรัพย์ที่นั่นแทน ^^

เลยได้แต่ซื้อของเล็กๆน้อยกลับมาค่ะ เช่น ผ้าอ้อม-ผ้าห่มเด็ก / ไม้แขนเสื้อสีสันสดใส / ตะเกียงตกแต่งห้อง / ตะขอไว้แขวนกระเป๋า....

เมื่อเสร็จภาระกิจจาก IKEA ก็ไม่รอช้า เดินขึ้นชั้น 2 ข้ามสะพานลอยไปยังตึกตรงข้ามทันที นั่นก็คือ  ห้าง Anchor Point ค่ะ

ห้างนี้เป็น Outlet ของสินค้าหลายๆแบรนด์เลย...... เท่าที่รู้จักและจำได้ก็จะมี G2000, Giordano, Fox, Pedro, Cotton On, Charles&Keith ค่ะ

และแน่นอนค่ะ ร้านที่ล่อตาล่อใจขาช้อปอย่างเราก็ไม่พ้นร้านนี้

Charles&Keith Outlet ค่ะ

ของในร้านจริงๆก็ไม่แตกต่างจากสาขาอื่นๆมากนะคะ แต่มีบางอย่างจะลดราคาไว้เลย 10-30% ซึ่งสาขาอื่นๆไม่มีลดราคา นอกจากที่สนามบินชางฮีค่ะ

แต่ก็อย่างว่า สินค้าลดราคามักจะเป็นสินค้าที่ตกรุ่นค่ะ ที่สาขา Outlet จะมีรองเท้า-กระเป๋็า-แว่นตา ที่ตกรุ่นวางขายอยู่ค่ะ  ถ้าเพื่อนๆสนใจก็ลองไปช้อปกันได้นะคะ

แต่เราว่าถ้าไม่ตะลุยช้อปจริงๆ หรือไม่ได้มาแวะ IKEA ด้วยนั้น ก็ช้อปสาขาอื่นๆในเมืองแทนก็ได้ ของเหมือนกันอยู่แ้ล้วค่ะ ^^

หลังจากพาสุย พาช้อปกันไปแล้ว หมียักษ์และเดอะแก๊งค์ก็ขอพาเที่ยวกันบ้างนะคะ  แฮ่ ^^

เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ Merlion Tower ค่ะ  จะขึ้นไปชมวิวบนหัวของสิงโตตัวพ่อตัวนี้ซะหน่อย ค่าเข้าชม 10 sgd ค่ะ

ด้านหน้า Merlion Tower ปรับปรุงใหม่ไฉไลกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ  ชอบมากๆ ถ่ายรูปง่ายดี  แต่คนก็เยอะขึ้นด้วย >____<

เมื่อเข้าไปภายในตัว Merlion Tower กันแล้ว  ก็จะต้องไปรับฟังเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเมืองสิงคปุระ
และต้นกำเนิด Merlion กันก่อนค่ะ  

เรื่องราวทำออกมาเป็นการ์ตูน พอเข้าใจได้ง่าย แต่ก็ออกแนวแฟนตาซีนิดๆ
ใครอยากรู้ว่า Merlion มีที่มาอย่างไร ต้องลองเข้าไปชมค่ะ :D

เมื่อรับชมประวัติ Merlion กันเสร็จแล้ว  ออกมาก็จะเจอกับเหล่าสิงโตพวกนี้ค่ะ
และทุกคนจะได้รับเหรียญทองมาคนละ 1 เหรียญ ให้หยอดเหรียญลงไปในปากสิงโตเหล่านี้่ได้เลยค่ะ

เมื่อหยอดเหรียญทองลงไปแล้ว  ก็จะได้รับการ์ดหน้าตาแบบนี้คนละ 1 ใบค่ะ
"Mystery Gift A"  จะเป็นอะไรน๊ออออออออออ
ให้เก็บการ์ดไว้กับตัวก่อนเน้ออออ  อย่าทำหายล่ะ >_<

จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชมวิวบนหัวเมอร์ไลออนกันเล้ยยยยยยย \(^^ )

เมื่อขึ้นลิฟต์มาแล้ว ก็เดินขึ้นบันไดไปอีก 1 ชั้นค่ะ ก็จะเป็นหัวเมอร์ไลอ้อนพอดี

จะได้เห็นวิวแบบนี้เลยค่ะ  ^^  

เป็นจุดที่ไว้โชว์การแสดง Song Of the Sea ของเราคืนนี้พอดี  หุหุ

หันมาชมวิวอีกด้านนึง  ก็จะได้วิวนี้ค่ะ......

นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เราขึ้นมาชมวิวบนนี้ึ่ค่ะ ครั้งแรกมาตอนที่ยังสร้าง Resort World อยู่เลย

ครั้งนี้ที่มาก็กะ่ว่า Resort World เสร็จแล้ว ตอนขึ้นมาชมวิวบนนี้คงได้ background เป็น Resort Word หรือ USS กลับไปเก๋ๆ

ที่ไหนได้... ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศแห่งการก่อสร้างสิ่้งใหม่ๆตลอดเวลาค่ะ
มีโปรเจคใหม่ๆเกิดขึ้นทุกปี  ปีนี้ก็เลยยังได้ิวิวแบบมีสิ่งก่อสร้างแบบนี้กลับมาด้วยไม่แพ้ปีก่อนๆเลย เฮ้อออออ......(>__<")

เราใช้เวลาอยู่บนยอดหัวสิงโตพอสมควรค่ะ  เนื่องจากไปวันธรรมดาไม่ค่อยมีคน จากนั้นเราก็เดินลงบันไดมาอีกชั้นนึง ลงมาตรงที่เป็นปากสิงโตค่ะ

จะมีเจ้าหน้าที่คอยเป็นช่างภาพถ่ายรูปให้ ก็จะมีทั้งกล้องจากเจ้าหน้าที่เอง และเราสามารถให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปให้เราได้ด้วยกล้องของเราเองด้วย (งงป่ะ)

คือเมื่อเราลงจากด้านบนแล้ว จะเป็นชั้นล่างสุดเป็นร้านขายของที่ระลึกจาก Merlion Tower และจะมีมุมที่รับรูปที่ถ่ายจากตรงบริเวณปากสิงโตนี้ด้วย ซึ่งราคาก็พอสมควรเลยค่ะ ใครจะซื้อเก็บไ้ว้เป็นที่ระลึกก็ได้ หรือจะไม่ซื้อก็ได้

ส่วนเราไม่ได้ซื้อค่ะ แต่แอบถ่ายด้วยบีบีมา  แฮ่ :D

ปล.ขอบอกว่ากล้องเราที่ถ่ายโดยเจ้าหน้าที่ไม่สวยเท่ารูปนี้เลยอ่ะ เจ็บใจมาก >_<!!   รู้งี้ซื้อรูปนี้กลับมาเป็นที่ระทึกดีกว่า >______<

เอาล่ะทีนี้เราลงลิฟต์ไปชั้นล่างสุดกันซะที
อย่าลืมสำรวจการ์ด "Mystery Gift A" นะคะ  ว่ายังอยู่้ดีหรือเปล่า
เพราะเมื่อลงลิฟต์มาที่ชั้นล่างสุด ออกจากลิฟต์มาคุณก็นำการ์ดนั้นไปแลกรับของที่ระทึกกันได้เลยค่ะ


แต่น แตน แต๊นนนนน.....  เราได้พัดน้องเมอร์ไลอ้อนล่ะ  น่าร๊ากกกกกกก  ^^


เห็นว่าการ์ดจะแลกรับของได้ 3 แบบมั้ง A, B และ C ค่ะ  แต่ไม่รู้่ว่า B กับ C ได้อะไร เพราะแก๊งค์เราได้ A กันหมดเลย ^^

สำหรับชั้นล่างสุดของ Merlion Tower เป็นชั้นของฝากของที่ระลึก อย่างที่บอกไปแล้ว  จะว่าไปของที่ระลึกที่นี่ก็มีบางอย่างที่หาซื้อไม่ได้จากไชน่าทาวน์ และมุสตาฟาด้วยล่ะ

ยกตัวอย่างเช่น "ตุ๊กตาน้องเมอร์ไลอ้อน" น่ารักน่าชังแบบนี้ มีสีเหลืองซะด้วย ทุกทีเห็นมีแต่สีขาว สีชมพู สีัฟ้า  แต่เรา่ว่ายังไงสีขาวก็สวยสุดอยู่ดี

หลายๆคนอาจจะบอกว่า.... ที่อื่นก็มีขายนะไอ้ตุ๊กตาน้องเมอร์ไลอ้อนเนี่ย  แต่เราเฟิร์มเลยว่า ตัวที่ขายที่นี่น่ารักที่สุด!!!!  จริงๆน๊า \(>.< )

นอกจากนั้นก็มีพวก Magnet, พงกุญแจ, ปากกา, ที่รองแก้ว,ผ้าขนหนู, เสื้อยืดที่ระลึก  บลาๆๆๆ  ก็เลือกซื้อเลือกหากันได้เลยจ้า  แต่บางอย่างที่ไชน่าทาวน์หรือที่อื่นๆมีขายที่นี่ก็แพงกว่าด้วย  เราว่าถ้าจะซื้อก็ซื้อเฉพาะของที่เป็นพรีเมี่ยมของที่นี่ดีกว่า

จากเมอร์ไลอ้อนตัวพ่อ เราก็เดินทะลุออกมาเจอกับ Merlion Walk เป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยตัวสัตว์ประหลาดแปลกๆ เลื้อยไปมาบนพื้น และพ่นน้ำด้วย

เดินไปจนสุด Merlion Walk ก็จะเจอทางลงสีรุ้ง (เราเรียกเอง) ก็เพราะมันมีการเปลี่ยนสีจากไฟสปอร์ทไลท์เป็นสีต่างๆตลอดเวลา่ สวยดีอ่ะ ชอบๆ ^^

ลงจาก ทางลงสีรุ้ง มองไปทางขวาก็จะเจอกับตึกรูปร่างอวกาศ หน้าตาทันสมัย
ที่นี่คือ ifly Singapore ค่ะ

เป็นที่ซึ่งจำลองความเป็นสูญญากาศ แล้วให้คนลองโดดลงมาแล้วยังสามารถลอยอยู่ได้กลางอากาศอ่ะค่ะ
คล้ายๆการเป็นนักบินอวกาศ ประมาณนั้น  เราอธิบายไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่อ่ะค่ะ ขอโทษเด้วยจริงๆ (- -")


ifly Singapore:
Addmission:  $89 / Adult
                  $79 / Child (12 years old)
                  $285 / Family (2 Adults, 2 Children)

Operate time:
10.30am - 10pm (Mon)
First flight: 12pm
Last flight: 10pm

9am - 10pm (Tues - Sun)
First flight: 10.30am
Last flight: 10pm

Please arrive at iFly Singapore 1.5 hours prior to your flight time for training and gearing up.

เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากที่นี่เลยค่ะ
http://www.sentosa.com.sg/en/attractions/beaches/ifly-singapore/

จาก ifly ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามก็เป็นการแสดง Song of the Sea แล้วค่ะ

Song of the Sea
มีรอบการแสดงวันละ 2 รอบนะคะ คือเวลา 19.40 และ 20.40 น.
ควรไปจับจองที่นั่นก่อนการแสดงจะเริ่มประมาณครึ่งชม.นะคะ
ไม่งั้นอาจได้นั่งแถวริมๆ ทำให้ชมการแสดงได้ไม่เต็มอิ่มนัก

ราคาบัตร:
Premium Seats: 15 sgd
Standard Seats: 10  sgd


ที่เราเลือกชมรอบ 19.40 น. เพราะโชว์จะจบประมา๊ณ 2 ทุ่มเศษๆค่ะ
ทำให้เรามีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นต่อได้  เช่น Crane Dance (ฟรี)
ประมาณ 3 ทุ่ม หรือ โชว์ Lake of Dreams ด้านหน้าทางเข้า USS ค่ะ
หรือจะเลือกไปเดินช้อปปิ้งต่อที่ Vivo ก็ได้  อิอิ  ^^


การแสดง Song of the Sea ยังสวยงามอลังการเหมือนเช่นทุกครั้งที่เคยดู
สำหรับเราที่ดูเป็นครั้งที่ 4 ก็เฉยๆในระดับนึง แต่สำหรับเพื่อนๆที่ดูครั้งแรก
ได้รับความประทับใจกลับไปแน่นอนค่ะ ^^

หลังจากดู Song of the Sea จบ  เราก็รีบมาต่อคิวรอขึ้น sentosa express  กลับมายังห้าง Vivo ทันทีค่ะ เพราะกลัวว่าถ้ายิ่งช้า คนยิ่งเยอะ เพราะแต่ละรอบการแสดง คนดูเยอะจริงๆ

เมื่อกลับมาถึง Vivo เราก็ยังเหลือเวลาอันน้อยนิดเพื่อทำการช้อปปิ้งเล็กน้อยๆ ก้ยังไม่วายได้ของติดไม้ติดมือกันมาบ้างนิดหน่อยๆ   แบบว่าคนมันแพ้คำว่า "SALE" อ่ะนะ  >///<

ก็ช้อปกันจนห้างปิดน่ะค่ะ :D

เมื่อช้อปจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลากลับค่ะ (ก็แน่ล่ะ ห้างเค้าจะปิดแล้วนี่ >__<   555+)

การเดินทางกลับที่โรงแรมย่านเกลัง จากห้าง Vivo:
MRT Harbourfront (สายสีม่วง) ลง MRT Outram Park เพื่อเปลี่ยนขบวนรถเป็นสายสีเขียว ลง MRT Aljunied จากนั้นต่อรถเมล์ 2 ป้าย ถึงที่พัก (เกลังซอย 10)

ก่อนเข้าที่พัก เราแวะ 7-11 ตรงป้ายรถเมล์เล็กน้อย หาของสุยกรุบกริบก่อนนอน ก็เลยได้ขนมมาตามรูปเลยค่ะ

- ไอติมโคนคิทแคทอร่อยมากๆๆๆ  อร่อยตรงเนื้อไอติมและกรวยนะคะ  แต่ตรงคิทแคทไม่กรอบแล้วอ่ะ รสเลยเฉยๆ ซะงั้น  >_<

- น้ำผลไม้ Apple + Aloe vera อร่อยผิดคาดค่ะ ใครชอบกินน้ำแอปเปิ้ลอยู่แล้วต้องไม่พลาดชิมอันนี้ ยิ่งมีุ้วุ้น Aloe vera ด้วยอร่อยกรุบๆดีค่ะ ^^

- ยาคูลท์ 5 รส ยกแพค  อันนี้บ้านเราไม่มีขายค่ะ เราชอบซื้อกลับมา ก็อร่อยดีค่ะ รสเหมือนซูกัสเลย แต่ไม่รู้แลคโตบาซิลลัสจะมีเยอะเหมือนยาคูลท์บ้านเรารึเปล่า :D

หลังจากสลบไสลจากการเดินทางตะลุยสุย ตะลุยช้อปปิ้งในสิงคโปร์ตลอด 3 วันที่ผ่านมา เช้าวันที่ 4 เลยออกสายเล็กน้อยคือ ประมา๊ณ 9 โมงกว่าๆ

เพราะเราต้องเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยตั้งแต่มะคืน แล้วเช็คเอาท์ตอนเช้าวันนี้ พร้อมฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมค่ะ

ตามกำหนดการวันสุดท้ายไม่มีอะไรมาก นอกจากขึ้น Singapore Flyer และแวะเดินเล่น Bugis Junction  

แต่ฝนฟ้าไม่อำนวย เลยเปลี่ยนแผนไป Bugis Junction ก่อนค่ะ รอฝนหยุด
เราเลยใช้บริการรถเมล์สาย 2 จากหน้าปากซอย ไปลง Bugis Junction เลยค่ะ

แต่เพราะมาเช้าเกินไป ห้างเค้าเปิด 10 โมง เลยได้บรรยากาศหงอยๆแบบนี้

อ้อ!! ฺBugis junction มีร้า่นขายเครื่องสำอางค์ SaSa เหมือนที่ฮ่องกงด้วยค่ะ
เพื่อนเราที่เป็นกูรูเข้าำไปสืบราคามาแล้ว บอกว่าแอบแพง แพงกว่าที่ฮ่องกงค่ะ

ฝนไม่มีวี่แววจะหยุด เราเลยเดินไปชั้นใต้ดินค่ะ ไปหาของสุย ^^
ก็ได้พบกับร้านโดนัทร้านนี้

"J.CO Donut"

อร่อยอ่ะ ชอบมากเลยๆๆๆๆ  มีหลายหน้าให้เลือกสุย อารมณ์ประมาณร้านโดนัท Bapple ที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 4 เลยค่ะ

วันนั้นเราและเดอะแก๊งค์ได้แถม โดนัทรสออริจินัลกันทุกคนด้วย  ดีจัง ^^

หลังจากที่รองท้องและเม้าท์มอยกัน รอฝนซาได้สักพัก เราก็ออกเดินทางค่ะ
จาก Bugis Junction สามารถขึ้นรถเมล์ได้จากทาง Victoria Street ค่ะ

ป้ายรถเมล์นี้ที่อยู่ตรงข้ามกับ Bugis street เลย
ให้ขึ้นสาย 960 ค่ะ สุดสายที่ Singapore Flyer เลยในเวลาไม่เกิน 10 นาที

เมื่อมาถึงแล้ว ก็ขึ้นไปชั้น 2 ค่ะ ทางเข้า หรือ Entrance Gate อยู่ด้านในเลย
อ้่อ! ที่ชั้น 1 ของ Singapore Flyer มี food court ด้วยนะคะ หน้าตาน่าทานมากๆ และราคาไม่ค่อยแพงมาก แต่ก็ไม่ถึงกับถูกค่ะ พอดีัวันนั้นฝนมันตก เราเลยไม่สะดวกจะถ่ายรูปมาฝากเพื่อนๆ

เอาล่ะ ไปต่อคิวรอขึ้น Singapore Flyer กันเลยดีกว่า ^^

ขึ้นมาได้สักพัก ก็จะได้ิวิวแบบนี้ล่ะค่า...

อากาศขมุกขมัวมากๆ ฝนตกทั้งวันเลย สงสัยต้องได้ไปซ่อมอีกแน่ๆ อิอิ

ใช้เวลาไม่นานประมาณ 20-30 นาที เราก็มาถึงยอดบนสุดของ Flyer กันแล้ว

เหมือนเรือกำลังจะแล่นมาชนแคปซูลยักษ์เลยเนอะ ^^

ช่วงที่ Flyer ขาลง ก็จะได้วิวแบบนี้ค่ะ  เราชอบวิวนี้มากกว่าบน Marina Bay Sand อีกอ่ะ ไม่รู้ทำไม  >__<

เสียดายมีเวลาจำกัด และแคปซูลก็หมุนไปเรื่อยๆด้วย เลยต้องรีบเก็บบรรยากาศข้างบนไว้ให้มากที่สุด ^^

และหันไปอีกทางหนึ่งบน Flyer ก็จะเจอส่วนของการก่อสร้างอีกแห่งหนึ่งของสิงคโปร์

จริงๆตอนที่ไปเที่ยวจำชื่อได้นะ ว่ามันคืออะไร แต่.... พอกลับมารีวิวกลับจำไม่ได้ซะงั้น (- -")  ต้องขอโทษชาวบีพีเป็นอย่างมากค่ะ (>/\<)


ใครรู้บ้างว่า สถานที่ที่กำลังก่้อสร้างใหม่นี้ชื่อว่าอะไร และคืออะไร ช่วยบอกด้วยนะคะ จะเป็นพระคุณแก่หมียักษ์หลายๆ >_<

เมื่อวนจนครบ 1 รอบแล้ว  คาดว่าใช้เวลาราวๆ 1 ชม. เราก็ลงมาเก็บภาพ Flyer ในมุม out door กันบ้าง

ดีจัง ฟ้าเริ่มเปิดแล้ว ^^

จากนั้น ระหว่างทางที่จะเดินไปป้ายรถเมล์ ก็ได้ภาพมุมนี้มาเก็บไว้ด้วยค่ะ ^^

จากนั้นเราก็เดินกลับมาขึ้นรถเมล์อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งคนละทางกับขามา
โดยพอออกจาก Singapore Flyer แล้วให้เดินมาทางซ้าย ที่จะไปทางสะพาน Helix แต่เดินไม่ไกลขนาดนั้น แค่ 100 เมตรเท่านั้น

จากนั้นรอรถเมล์สาย 960 เหมือนเดิม เพราะจุดหมายของเราคือ Bugis Junction ค่ะ


ปล.จากรูปมองเห็นทางเข้า Singapore Flyer อยู่้ไม่ไกลเลยใช่มั้ยคะ ป้ายรถเมล์ป้ายนี้ใกล้มากๆ ^^

ใช้เวลานั่งรถเมล์ไม่นานเราก็มาถึง Bugis Junction ค่ะ

แต่คราวนี้เราลงป้ายรถเมล์หน้า Bugis Street ก่้อน แล้วค่อยข้ามถนนไป Bugis Junction อีกทีค่ะ

ตอนนั้นเริ่มหิวโฮกมากๆ เลยมุ่งตรงไปที่ชั้นใต้ดิน Bugis Junction เหมือนเคย แล้วก็ไปลงเอยที่ร้านข้าวหน้าเนื้อ โยชิโนยะ (Yoshinoya) ค่ะ


เรื่องรสชาติก็โอเคในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับอร่อยมากสำหรับเรา่อ่ะค่ะ
เราว่ามันแห้งไปหน่อย น่าจะมีน้ำราดมาให้มากกว่านี้สักนิด

ปล.จำราคาไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ  ต้องขอโทษจริงๆ  (- -")

เมื่อสุยเสร็จแล้ว  ก็ยังพอมีเวลาก่อนจะกลับโรงแรมและไปสนามบิน

เราก็เลยขอเดิน Charles&Keith เก็บตกส่งท้ายในบางอย่างที่เราัยังไม่ได้ซื้อ  หุหุ ก็ได้กระเป๋าตังค์มาฝากคุณแม่ 1 ใบ ในราคาไม่ถึงพันบาท สบายใจแล้วได้เสียเงิน  อิอิ

จากนั้นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น เราก็นั่ง MRT กลับโรงแรมค่ะ ก็แพคของกันใหม่เล็กน้อย ไม่มากมาย แล้วก็ให้ทางโรงแรมเรียกแท๊กซี่ให้

เราไป 5 คน น่าเบื่อมากๆเลย เพราะแท๊กซี่สิงคโปร์สามารถนั่งได้เพียงแค่ 4 คน  เลยต้องเรียกแท๊กซี่ 2 คันค่ะเวลาเดินทาง

และนี่คือท้ายรถแท๊กซี่คันที่เรานั่งไปสนามบิน  เป็นของสำหรับ 3 คน   คริคริ  (^^,,)


ปล.ใช้เวลาจากเกลังไปสนามบินประมาณครึ่งชม.ค่ะ ค่าแท๊กซี่อยู่ที่ประมาณ 17-20 sgd รวมทุกอย่างแล้ว

และเมื่อมาถึงสนามบินชางฮี  จะมีทั้งหมด 3 Terminal นะคะ
อย่าลืมบอกแท๊กซี่ใ้ห้ไปส่งที่ Terminal 1 ด้วย สำหรับเพื่อนๆที่บินโดยแอร์เอเชีย


เรามาถึงสนามบินในเวลาประมาณ 5 โมงครึ่้งกว่าๆ ก็ได้ทำการทำ Vat Refund โดยจุดที่ทำการอยู่ติดกับประตูทางเข้าเลยค่ะ หาไม่ยาก ^^

เราไม่แน่ใจว่าเค้าจะให้โชว์ของหรือเปล่า เราก็เลยรวบรวมของที่ซื้อมาและสามารถทำ Vat Refund ได้ทั้งหมดไปที่เคาน์เตอร์ด้วยค่ะ

เท่าที่เราเห็นบางคนเจ้าหน้าที่ก็ขอดูของนะคะ บางคนก็ไม่ขอดู  เอาแน่นอนไม่ได้  ทางที่ดีเตรียมของไว้ให้พร้อมดีกว่า จะได้ไม่ยุ่งยากทีหลัง

ตอนเราทำ Vat Refund เจ้าหน้าที่ก็จะมาถามว่า จะโหลดหระเป๋าหรือเปล่า เราตอบไปว่าบางอย่างโหลดบางอย่างไม่โหลด  เค้าก็เลยให้เราทำ Vat Refund ที่ตรงนี้  เพราะถ้าบางคนไม่โหลดกระเป๋า เจ้าหน้าที่ก็จะให้เข้าไปทำ Vat Refund ด้านใน Duty Free แทนค่ะ


หลังจากทำ Vat Refund เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย เราไม่ต้องโชว์ของค่ะ อาจเป็นเพราะเค้าเห็นถุงยี่ห้อก็น่าจะพอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร  อิอิ เราเลยแพคของบางอย่างเช่น น้ำหอมลงกระเป๋าสำหรับโหลดไป  ที่เหลือก็หิ้วขึ้นเครื่องไปโลดค่ะ

แล้วก็เดินไปเช็คอินเคาน์เตอร์แอร์เอเชียได้เลย :D

พอเช็คอิน และผ่านตม. สิงคโปร์เข้ามาใน Duty Free อย่างสะดวกรวดเร็วแล้ว
เราก็ได้ให้เพื่อนไปดำเนินการเรื่อง Vat Refund ต่อค่ะ เนื่องจากต้องมารับเงินที่เคาน์เตอร์ด้านใน Duty Free เท่านั้น

ไม่ต้องห่วงว่าจะหาไม่เจอนะคะ  หลังจากผ่านตม.มาแล้ว มีป้ายบอกค่ะ เดินตามป้ายมาเลย  และที่สำคัญ Vat Refund  อยู่ติดกับ Charles&Keith เลยค่ะ  หุหุ

สำหรับ Charles&Keith สาขาสนามบินชางฮีนั้น ราคาจะถูกกว่าทุกสาขาในสิงคโปร์ค่ะ ใครอดใจมาช้อปในสนามบินก็ได้นะคะ  หรืออาจจะให้สาขาในเมืองสิงคโปร์เช็คของให้ก่้อน เพื่อความแน่ใจว่าสาขาที่สนามบินมีของแน่ๆ จะได้มาซื้อทีเดียวในราคาประหยัดด้วย ^^

แต่สำหรับเรา หรือเพื่อนๆที่มีบัตรสมาชิกที่สามารถลดได้ 10% All item อยู่ แล้ว เราว่าซื้อในเมืองไปเลยค่ะ ลด 10% แล้วยังถูกกว่าที่สนามบินอีก  อิอิ

ตัดกลับมาเรื่อง Vat Refund นิดนึงนะคะ
รู้สึกว่าเมื่อเราทำ Vat Refund ไปแล้ว สำหรับคนที่ใช้บัตรเครดิตรูดที่มุสตาฟาจะยังไม่ได้เงินคืนเดี๋ยวนั้น จะต้องทำการส่งไปรษณีย์ไปทำเรื่องคืนเงินให้ทางบัตรเครติดอีกทีค่ะ จะไ่ม่ได้คืนเป็นเงินสด (แต่ในกรณีซื้อของเงินสด เราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะคืนเป็นเงินสดกลับมาให้ด้วยหรือเปล่าค่ะ)

แต่สำหรับเพื่อนๆที่ใช้บัตรรูดและจ่ายเงินสดที่ Charles&Keith ทุกสาขาในสิงคโปร์ และทำ Vat Refund มานั้นจะได้รับเงินรีฟันคืนเป็นเงินสดที่สนามบินแน่นอนค่ะ  แต่ไม่ได้เยอะมากนะเราว่า  พอกรุบกริบเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆ ^^

เมื่อได้เงินค่าขนมคืนเล็กๆน้อยจากการทำ Vat Refund หรือ GST Refund แล้ว
สิ่งล่อตาล่อใจคงจะหนีไม่พ้นเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ MAC ค่ะ

MAC ที่สนามบินชางฮีถูกกว่าที่เมืองไทยพอสมควรเลยนะคะ แต่เป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้เชยชมกัน  (ปล.MAC ตามห้างในสิงคโปร์ราคาไม่ถูกนะคะ อย่าเผลอไปหลงซื้อกันกลับมาล่ะ)


เมื่อเราเสียตังค์ให้กับ MAC ด้วยความพึงพอใจแล้ว เราก็เดินไปเจอกับร้่าน Yakun Kaya Toast ก่อนจะถึงเกท จริงๆเราตั้งใจจะื้ื้ซื้อกลับมาฝากน้องๆที่บ้านอยู่แ้ล้วค่ะ  ก็เลยแวะอุดหนุนซะหน่้อย ก็ถือหิ้วขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยกันมาเลยทีเดียว  และสำหรับใครที่ต้องการซื้อสังขยายี่ห้อนี้กลับบ้านก็สามารถทำได้ค่ะ ทางร้านจะใส่ถุงใสซีลปากถุงพกขึ้นเครื่องให้อย่างดีเลย  แต่!! ต้องซื้อ 3 ขวดนะคะ  เพราะถุงนึงบรรจุได้ 3 ขวด  สั่งซื้อในปริมาณน้อยกว่าหรือมากกว่าก็จะไม่ขายให้ค่ะ  แน๊ะ! ดูสิเล่นตัวเนอะ >____<!!

และเมื่อถึงเวลา 20.40 น.  FD 3506 ก็พาเราเหินฟ้าจากสิงคโปร์กลับถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพในเวลา 22.05 น.ค่ะ  ทั้งเหนื่อยทั้งสนุกและหมดตัวตจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ  แต่ยังไงก็ยังไม่เข็ดหลาบสิงคโปร์นะคะ หมียักษ์ยังมีแพลนไปสวีทที่สิงคโปร์อีกในช่วงวันวาเลนไทน์ปีหน้า  กะว่าคงได้ทำรีวิวอีกแน่นอน  ยังไงรอติดตามนะคะ  ว่าจะเป็นรีวิว หวีทหวานนนน  หรือ หวีดสยองงงงง  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ


่
สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด.... ขอขอบคุณเืพื่อนๆทุกคนในห้องบลูอีกเช่นเคยนะคะ ที่แวะมาเที่ยวด้วยกัน มาให้กีบกัน และเม้นท์ให้กำลังใจกัน  ขอบคุณจริงๆค่ะ  


ปล. อย่าลืมนะคะ ถ้าเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้จะพอเป็นประโยชน์ให้ลูกหลานได้บ้าง ก็สามารถกด "เก็บเข้าคลังกระทู้"  กันได้เลยนะคะ  ขอบคุณค่า ^__^



ปิดท้ายรีวิวนี้่ ขอปิดท้ายด้วยกระเป๋าตังค์ให้คุณแม่ค่ะ  ^______^

เขียนละเอียดมาก อ่านสนุกไปเลยค่ะ  ^ ^

แวะมาตามสาวๆไปเที่ยวด้วยคนครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

เที่ยวกระจายกันเลยนะคะ ช๊อปเก่งอีกต่างหาก ทริปนี้น่าสนุกจังเลย อยากไปอย่างงี้มั่ง ^^

ตามมาเก็บข้อมูลต่อ ขอบคุณสำหรับรีวิวและภาพสวยๆ นะครับ

รูปอาหารใน คห 16 ดูน่าหม่ำมาก ๆ ค่ะ

สุดยอดครับคุณกิฟท์ ข้อมูลละเอียด แต่อ่านสนุก แถมมีของกินให้สุยเยอะเลย ชอบมาก โดยเฉพาะ J.Co

เป็นทริปที่น่าไปมากๆเลยค่ะ

รีวิวละเอียดมากๆๆ

สนุกดีค่ะ

กระเป๋าคุณแม่สวยจัง

รบกวนถาม จขกท หน่อยคะ ว่า MAC ถูกกว่าที่ไทยเยอะมากมั้ยคะ ลิปนี่ราคาประมาณเท่าไหร่คะ ขอบคุณล่วงหน้าคะ ^^

ซ้ำ ขอโทษคะ ^^

สนุกมากครับ  ขอบคุณครับ

ตามไปด้วยครับ

รีวิวได้ละเอียดมากค่ะ
เสียดายกิ๊ฟหมดซะแล้ว

กระเป๋าคุณแม่สวย
ค่าเสียหายเท่าไหร่คะ

thank you for good review

thank you for good review

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ละเอียดมาก ๆ เลย ปีหน้าจะตามรอยไปติด ๆ ค่ะ ^_^

กระเป๋าคุณแม่สวยมากเลยคะ

เดี๋ยวจะตามไปช๊อปตาม จขกท. บ้าง
ขอบคุณสำหรับข้อมูลจ้า

รีวิวนี้โดนใจมากจิง ๆๆ ขอบคุณคุณกิฟท์ มากเลยคะ  ทำรีวิวได้ละเอียดน่าติดตามตลอด     เข้ามาเก็บข้อมูลเดินทางต้นเดือน ต.ค. นี้คะ  
ปล. กระเป๋าคุณแม่สวยมากเลยอ่ะคะ ชอบ ๆๆๆ  

ขอบคุณมากคะ

ครั้งหน้าลุงต้องช็อปมั่งแล้วไปทีไรไม่เคยช็อปมีแต่กินกะเที่ยวเท่านั้น
ขอบคุณนะครับ แล้วจะตามรอยไปช็อป

จะไปเดือนกย.มาเก็บข้อมูลที่ช็อปไว้
เวลาไปจะได้ ไม่งง (แบบว่าไม่ให้เสียเวลาช็อปเลย)

ข้าวมันไก่น่าทานมากครับ
วิวจากบน สิงคโปร์ ฟายเยอร์สวยดีครับได้เห็นมุมเมืองจากที่สูงๆในหลายๆมุม
ขอบคุณสำหรับรีวิวเที่ยวสิงคโปร์ครับ ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนสุดท้าย

เที่ยว กิน ช้อป ครบถ้วนมากๆเลยครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

เข้ามาชมรีวิวสิงคโปร์สนกุสนุกของสาวๆต่อค่ะ  

C&K ในสนามบิน ก็ใช้บัตรลด 10% ได้นะครับ (ใช้บัตรลดได้ทั้งในและนอกสนามบิน) ส่วนราคาที่ถูกกว่าข้างนอก ก็คือ เค้าหักส่วนที่เป็น tax ไปเรียบร้อยแล้ว ถ้ามาเทียบกับที่เราได้ tax refund ราคาจะเท่ากันเลยครับ ดีตรงที่ไม่ต้องมาเสียเวลาทำ tax refund แค่นั้นเอง

ตามมาทัก  กลุ่มคุณนั่งข้างเราด้วย  ขากลับจากสิงค์ฯเครื่องยังตกหลุมอากาศด้วย

ข้อมูลดีครับ แต่เสียดาย ผมไม่ได้ไปช่วงที่มัน Sale นี่สิ ว๊า........!

ขอปรบมือให้จริง ๆ ครับ ผมจะไปอาทิตย์หน้า อ่านรีวิวมาเยอะมาก แต่ชอบของคุณมากที่สุด ละเอียดและได้เกร็ดความรู้ดีมากๆ ครับ