อยากให้คนจังหวัด ชัยภูมิ และจังหวัดอ่ืนๆที่คุณโชคดี เกิดมาในธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์ รักและหวงแหนบ้านเกิดกันนะคะ

หลังจากที่ เกิดกรณี พี่ติ๊ก กับ ผืนป่าที่จังหวัดชัยภูมิ เราแค่กลัวว่าตอนนี้ ชัยภูมิคงจะมีคนยากไปเที่ยวมากขึ้น

และที่เรากลัวคือ กลัวมันจะเป็นแบบ เขาใหญ่  วังน้ำเขียว สวนผึ้ง ที่ตอนนี้มันเหมือนกลายเป็นบ้านพักรีสอร์ททั้งหมด  แล้วธรรมชาติหล่ะ หายไปไหนแล้ว



คนที่ไปดูธรรมชาติ ตอนนี้ก็คงเห็นแต่หลังคาของรีสอร์ท

และเราก็กลัวว่า จังหวัด ชัยภูมิของคนไทยทุกคน จะทนแรงต้านทานเงินทุนหนาๆ ไม่ได้

แล้วปล่อยให้มีคนมาทำรีสอร์ทมากขึ้น บุกรุกมากขึ้น ตัดต้นไม้มากขึ้น


และสิ่งที่อยากหวังคือ อยากให้ รัฐบาลก็ช่วยคุมเข้มและจำกัดการสร้างรีสอร์ทไม่ให้มีเกลื่อนกลาดอย่างจริงจัง  ไม่ใช่มาตามรื้อถอนที่หลัง


การท่องเที่ยวสร้างเงินรายได้ให้ประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง  แต่สิ่งที่เราสูญเสียที่ยิ่งใหญ่นั่นคือ ชีวิตของคนไทยที่ต้องสูญเสียไปกับภัยธรรมชาติที่ดูรุนแรงขึ้นทุกวัน

ช่วยๆกันนะคะ คนไทยทุกคน

จากคุณ : ลิ้นจี่ชีสเค้ก [31 ก.ค. 54 09:54:51 ]
ความเห็นที่ 1

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ธรรมชาติมีความงามของมันอยู่แล้ว อย่าไปบดบัง หรือทำร้ายทำลายเลย

จากคุณ : July_Rainy [31 ก.ค. 54 10:41:20 ]
ความเห็นที่ 2

ที่เค้าไม่อยากให้ออกทีวีก็เพราะอย่างนี้แหละเี๋ยวคนรู้ก็จะมาเที่ยวกัน แม้จะบอกว่าไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว แต่คิดหรอว่าคนไทยจะยอมแพ้ เส้นสายมีตรงไหนควักออกมาให้หมด ขอแค่ไปถ่านรูปในที่ๆคนอื่นไปไม่ได้มาโพสลงเนต คิดว่าเท่ห์มาก

ไม่ต้องไปไกลดูติ๊กดป็นตย.เค้าบอกไม่ให้ไปก็จะไป แล้วคิดว่าคนไทยคนอื่นจะไม่คิดแบบติ๊กหรอ ดูในทีวีสวยดี เค้าบอกไม่ไปแล้วงัย จะไปซะอย่าง

จากคุณ : magolf [31 ก.ค. 54 10:50:33 ]
ความเห็นที่ 3

เราเข้าใจ เจ้าหน้าที่ทุกคนว่า ผลลัพท์จากการออกทีวีจะเป็นอย่างไร

ซึ่งพี่ติ๊กทำผิดมั๊ย ก็ไม่ผิด แต่ผลลัพ ต่อๆไปล่ะ คือ

บางทีมันต้องชั่งน้ำหนักว่า รายการได้เรตติ้งดี

แต่มันส่งผลอะไรต่อธรรมชาติบ้าง ก็ดีใจที่บางคนดูแล้วรักธรรมชาติ แต่มันเปิดโอกาสให้คนทำไม่ดีเพ่ิมขึ้นมั๊ย

ทุกอย่างมันมีทั้ง สองด้าน

ซึ่งก็อยากให้ทุกคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ว่าอะไรที่ต้องห้าม ก็ควรจะรักษาและปฎิบัติอย่างเคร่งครัด

จากคุณ : ลิ้นจี่ชีสเค้ก [31 ก.ค. 54 11:17:39 ]
ความเห็นที่ 4

จากคุณ : ลิ้นจี่ชีสเค้ก [31 ก.ค. 54 11:31:09 ]
ความเห็นที่ 5

ความเป็นจริงกับในหนังก็คงไม่ต่างกันเลย 

จากคุณ : ลิ้นจี่ชีสเค้ก [31 ก.ค. 54 11:33:42 ]
ความเห็นที่ 6

นี่แหละผลของการออกทีวี ติ๊กอ้างว่าเป็นรายการที่อนุรักษ์
ติ๊กเข้ามาอ่านแต่กระทู้ที่อวย ฝากข้อความถึงติ๊กด้วยนะว่า

นี่หรือผลของการอนุรักษ์แบบคุณ มีที่เที่ยวเอาไปขุดออกมา รู้ทั้งรู้ที่ไหนสวย คนก็แห่ไปเที่ยว อย่างคห.บนๆ บอกมา คนไทย มีเส้นมีสายก็เอาไปใช้หมด เดี๋ยวภูคิ้งก็เละเหมือนที่อื่นๆ ทำรายการไปเทียว แล้วบอกว่าอนุรักษ์ มันจะอนุรักษ์ได้ไง เมื่อคนมันเห็นมันก็อยากไปด้วยกันทั้งนั้น เมื่อคนไปมากขึ้น พื้นที่มันก็เละสิ

คราวหน้าเอาอีกนะติ๊ก เอาป่าที่ไม่มีคนรู้จักมาโปรโมทอีก อ้างว่ามันจะอนุรักษ์ได้

อยากให้ลองคิดนิดนึงครับ ว่ารายการของคุณจัดมาเพื่ออนุรักษ์ หรือรายการมันทำให้คุณได้เที่ยวอย่างใจของคุณกันเเน่

จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) [31 ก.ค. 54 11:39:53 ]
ความเห็นที่ 7

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

จากคุณ : ซิมเปิ้ลแมน [31 ก.ค. 54 12:30:40 ]
ความเห็นที่ 8

เราคนหนึ่งที่ไปเที่ยวแถบป่าแถวนั้นหรือใกล้เคียง ความรู้สึกตอนนั้น จิตใจช่างเย็นสบายจังเลยเหมือน ต้นไม้ที่ให้ความล่มเย็นทั้งสองฝั่งถนน อากาศบริสุทธ์จริง ๆ อยากให้ทุกคนอย่าทำลายป่าเลยค่ะ

จากคุณ : แม่คนไกลบ้าน [31 ก.ค. 54 12:56:28 ]A:90.146.93.246 X: TicketID:276525
ความเห็นที่ 9

ผิดด้วยหรือครับที่คนที่รักธรรมชาติ จะนำเสนอสิ่งดีๆ ที่ได้พบเห็นให้กับคนทั่วไป
ทำไมการอนุรักษ์ธรรมชาติ จะต้องกอดความหวงแหนธรรมชาติไว้กับคนเพียงไม่กี่กลุ่มล่ะครับ

ถ้าคนทั่วไปไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น จะมีจิตสำนึกรักธรรมชาติได้อย่างไร
ถ้าเราไม่รู้จักภูคิ้ง ไม่รู้จักแหล่หินจ้อง ไม่รู้จักโป่งไฮ
เราก็ไม่รู้ว่าที่เหล่านั้นมีดีอย่างไร

ถ้าคุณด่ารายการของติ๊กว่าเป็นพวกอนุรักษ์จอมปลอม

คุณตามไปด่า National Geographic หรือ Animal Planet ด้วยสิครับ


เชื่อแน่ว่า คห. ข้างบนนี่ ถ้าไม่เกิดเหตุที่ภูคิ้ง ก็คงไม่รู้จักภูคิ้ง
และคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ที่นี่มีดีอย่างไร
อาจจะรู้จักอีกที ตอนที่ภูคิ้งถูกนายทุนบุกรุกทำรีสอร์ท หรือ มีข่าวจับพรานป่าล่าสัตว์ป่าหายาก

จะรอให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นก่อน แล้วค่อยมาโวยวายก่นด่าพวกทำลายธรรมชาติ

หรือคุณจะได้รู้จักที่แห่งนั้นก่อน แล้วช่วยกันเป็นพลังแผ่นดิน ปกป้องผืนป่าแห่งนั้นไว้ล่ะครับ

ส่วนที่กลัวว่า ถ้านักท่องเที่ยวเข้าไปมากๆ แล้วจะทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรมลงไป
ตรงนี้มันไม่ได้อยู่ที่ว่า เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้าไป
แต่มันอยู่ที่ นักท่องเที่ยวมีจิตสำนึกแค่ไหนในการเข้าไปในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
ถ้าคิดว่า การเข้าไปแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ คือ การเข้าไปทำลาย

ปิดมันให้หมดเลยครับ อุทยานแห่งชาติทุกแห่ง ทั้งทางบกทางทะเล ไม่ให้ใครเข้าไปเที่ยวเลย

คนอยู่ส่วนคน ป่าอยู่ส่วนป่า ไม่ต้องมาพึ่งพาอาศัยกัน ต่างคนต่างอยู่ ดีไหม

--------

การอนุรักษ์ มันไม่ใช่แค่หน้าที่ของ จนท. ป่าไม้ หรือ จนท. อุทยาน
แต่มันเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน รวมถึง ชุมชนผู้ที่อาศัยพึ่งพิงผืนป่านั้นอยู่ด้วย

ถ้าเราและเขาเหล่านั้น ไม่รู้เลยว่าตัวเองมีอะไรอยู่ และสิ่งที่มีอยู่มีอะไรดี

เราจะเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นไหม

จากคุณ : David_kop [31 ก.ค. 54 13:01:21 ]
ความเห็นที่ 10

/ ที่คิดอยู่เสมอในใจคือทำไมคนถึงชอบไปเที่ยวธรรมชาติเพียงเพราะอยากเปลี่ยน background ถ่ายรูป

ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวไม่ได้ ไปแล้วไม่ดี แต่คนส่วนใหญ่ไปแล้วมักไม่ค่อยเห็นคุณค่าในธรรมชาติหรือไม่เห็นความงามที่แท้จริง

สุดท้ายพอคนไปมากเข้า นายทุนก็จะเข้ามาแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

จะมีซักที่มั๊ย ที่คนไปเที่ยวแล้วมันยังสวยงามเหมือนเดิมที่มันเคยเป็นมา

อยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันอนุรักษ์ธรรมชาติหรือสถานที่ต่างๆ อย่างที่มันเป็นมากกว่าค่ะ

ไปเที่ยวกันได้แต่อย่าทำลายมันนะคะ

จากคุณ : gig_gigg [31 ก.ค. 54 13:58:40 ]
ความเห็นที่ 11

เรียนคห. 9 ถ้าจะหมายถึงผมล่ะก็

ผมคิดว่าผมรู้เรื่องที่เที่ยว ธรรมชาติไม่แพ้คุณหรอกครับ

และนั่นเป็นสาเหตุให้ผม รณรงค์เรื่องเลิกอวดที่เที่ยวสักที

พูดน่ะเท่ห์ เป็นเรื่องของทุกคน แตวินัยอย่างบ้านเรา ระบบราชการ คนบ้านเรา มันมีรักที่เที่ยว ไม่รักที่เที่ยวกันมากน้อยแค่ไหนน่ะครับ ดูตัวอย่างความหายนะ ของวังน้ำเขียว ปาย อัมพวา ฯลฯได้

พูน่ะได้ คุณภาพของนักเที่ยวที่ดี มันทำได้ไม๊ล่ะ ถ้านักเที่ยวมันทิ้งบุหรี่ลงภูคิ้ง แบบมากัน สิบกว่าคน ดำๆ ทะมึนๆ หรือนักเที่ยวเปิดเพลงดังๆ กระหึ่ม ในเขตอุทยานแห่งชาติที่ไม่เป็นที่รู้จักหน่อยนึง แล้วคุณไปคนเดียว หรือ สองคนกะแฟนคุณจะกล้าไปบอกพวกมันไหม

เจ้าหน้าที่บางคนก็รกตัวเหมือนกัน ทำผิดกฏหน่อยๆก็หยวนๆ เพระไม่อยากมีเรื่องกับนักท่องเที่ยวเกิดเส้นใหญ่ขึ้นมา ซวยอีก ผู้ใหญ่บางคนก็ ทำตัวอย่างเลวๆได้อีก อย่างเรื่องคาราโกะบนขุนสถานนั่นไง

เอาง่ายๆ เรื่องห้ามให้อาหารลิงที่เขาใหญ่น่ะ ทำได้แค่ไหน ทิ้งขยะ ตามเส้นทางศึกษา ธรรมชาติเกลื่อนกลาด

อย่าคิดว่าโพสบ่อยเป็นที่รู้จักแล้วจะมาดูถูกคนอื่นว่าไม่รู้เรื่องที่เที่ยวง่ายๆ ครับ

ไปได้เลย พวกนักอุนุรักษ์ธรรมชาติน่ะ ไม่ว่าจะหนังสือ ท่องเที่ยวบ้านเรา พวกนี้มักจะมีของที่ระลึกจากผืนป่า หรือท้องทะเลอยู่ที่บ้านตัวเองทั้งนั้น เพราะมันดูเล็กน้อย แพ้ความโลภในใจ คิดว่าคงไม่เป็นไร

คุณติ๊กเองแกนอกจากแกอยากอนุรักษ์แล้ว คงก็สนองความต้องการเดินป่า ศึกษาธรรชาติของแกเองด้วย แกเลยออกมาทำงานแบบนี้ ผมแค่อยากเค้าเห็นผลกระทบของสิ่งที่เค้าทำไป มันไม่ใช่เเค่ ดีที่เค้าพยายามเสนออย่างเดียว มันมีผลข้างเคียงด้วย

รายการที่เอาภาพสวยๆในป่ามาให้ดู มันจะส่งเสริมให้อนุรักษ์ได้มากแค่ไหน เมื่อเทียบกับ ผลของการเอาภาพเหล่านั้นมาโชวืแล้วทำให้คนอยากไปมากขึ้น คนมากขึ้นก็หายนะมากขึ้น เท่านั้นเอง

เรื่องบางเรื่องเก็บเงียบไว้ดีกว่าครับ

จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) [31 ก.ค. 54 13:59:44 ]
ความเห็นที่ 12

ถ้าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่มาจากจิตสำนึกที่หวงแหนธรรมชาติ ของเจ้าหน้าที่จริง ๆ ก็น่านับถือเป็นอย่างยิ่ง

แต่ผมล่ะกลัวใจข้าราชการจริง ๆ ... กลัวจะเป็นว่ามีลับลมคมใน กับคนบางกลุ่มที่ทำอะไรผิดกฎหมายในป่าแถบนั้นมานาน และไม่ต้องการให้คนอื่นมารู้ ถ้ามีการออกอากาศไป มีคนรู้จักมากขึ้น มาท่องเที่ยวมาก ๆ ขึ้น ก็จะพบเห็นการกระทำอะไรที่ผิดกฎหมายในป่านั้นง่ายขึ้น อาจจะทำให้ไม่สามารถทำผิดกฎหมายได้สะดวกเหมือนเก่าหรือเปล่า ... เช่นอาจจะมีคนมาลักลอบล่าสัตว์ หรือมีกลุ่มพวกลักลอบตัดไม้อยู่ในป่า ฯลฯ

เพราะเมื่อก่อนก็อนุญาตให้รายการอื่นเข้ามาทำ ทั้ง ๆ ที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พื้นที่เปราะบางมานานแล้ว คนมาท่องเที่ยว ถ่ายรายการ ก็อนุญาต ... แต่อยู่ดี ๆ  มาห้ามรายการนี้ ซึ่งเป็นรายการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติไทย ที่น่าจะมีคนติดตามดูเยอะที่สุดแล้วมั้ง

ถ้าไม่ต้องการให้คนขึ้นมารบกวนสัตว์ป่า เนื่องจากเป็นพื้นที่เปราะบาง หัวหน้าอุทยานน่าจะทำเรื่องไปที่กรมอุทยานแห่งชาติ แล้วห้ามคนขึ้นเป็นการถาวร เว้นแต่เพื่อการศึกษา หรือตรวจสอบพื้นที่ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงดีกว่า .... จะได้ไม่โดนคนมองว่าเป็นการสองมาตรฐานด้วย

จากคุณ : เ ห็ ด ห อ ม [31 ก.ค. 54 16:08:57 ]
ความเห็นที่ 13

แค่นำเสนอก็จะจับแต่ที่สร้างบ้านบนยอดดอยดันเฉย

จากคุณ : langtang [31 ก.ค. 54 16:23:00 ]
ความเห็นที่ 14

เห็นด้วยกับ คห.12

"ถ้าไม่ต้องการให้คนขึ้นมารบกวนสัตว์ป่า เนื่องจากเป็นพื้นที่เปราะบาง หัวหน้าอุทยานน่าจะทำเรื่องไปที่กรมอุทยานแห่งชาติ แล้วห้ามคนขึ้นเป็นการถาวร เว้นแต่เพื่อการศึกษา หรือตรวจสอบพื้นที่ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงดีกว่า .... จะได้ไม่โดนคนมองว่าเป็นการสองมาตรฐานด้วย"

จากคุณ : เ ห็ ด ห อ ม

---------------------------------------------------

งงจริงๆค่ะ ถ้าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเปราะบางขนาดนั้น ทำไม หัวหน้ากาญจนา ถึงไม่รีบแจ้งให้กรมอุทยานแห่งชาติปิดไปตั้งนานแล้ว หรือทำไมยังปล่อยให้อยู่ในเวบท่องเที่ยวชัยภูมิได้จนถึงบัดนี้ แถมบอกพิกัดชัดเจนขนาดนั้น เพราะคนที่อยากมาเที่ยว ถ้าเขาหาข้อมูลทางเนต ทุกคนก็ต้องเจอข้อมูลนี้ คนที่เข้าใจผิดคิดว่ามาเที่ยวได้ (แต่ต้องขออนุญาต) มันจะมากมายมหาศาลแค่ไหน นี่หรอกลัวคนรู้ กลัวคนมาเที่ยว มันง่ายกว่ามั้ยถ้าสั่งปิดห้ามเข้าไปเลยตั้งแต่ด่านแรก ได้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ในเมื่อเป็นองค์กรเดียวกัน ข้อมูลควรจะตรงกัน ชาวบ้านเขาจะได้ไม่สับสน เข้าใจผิด แล้วต้องมานั่งเถียงกันไม่รู้จบแบบนี้ แถมช่วยลดงานให้พี่ๆ จนท ด้วย

จากคุณ : funya [2 ส.ค. 54 03:07:46 ]
ความเห็นที่ 15

เรื่องการคอนเซปต์การอนุรักษ์เรื่องพื้นที่เปราะบางอันนี้เข้าใจและเห็นด้วยค่ะ แต่ในความเป็นจริงภูคิ้งก็โปรโมทในโลกไซเบอร์และในบล้อคต่างๆซึ่งเป็น target group ตรงๆและเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเพียงคีย์ชื่อก็เจอ เผลอๆมากกว่ารายการที่เสนอครึ่งชมนิดๆและนำเสนอเชิงอนุรักษ์ คิดว่ากลุ่มคนดูรายการนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนที่จะไปได้ วันหยุดอยู่บ้านก็จะมาดูกัน
เห็นด้วยกับคุณคห 12 ค่ะ ประเด็นพื้นที่เปราะบางไม่ใช่ประเด็นของเคสคุณติ๊ก เพราะไม่ได้เข้า และมีหนังสืออนุญาตจากกรามอุทยานฯ ซึ่งก็ทำตามขั้นตอนไม่ได้ข้ามขั้น
ถ้าภูคิ้งเปราะบางเสนอให้ปิดไปเลยค่ะให้เคลียร์ระหว่างหน่วยงานต่างๆด้วยกัน จะได้ต่อไปไม่ต้องมีกรณีใดๆอีก

จากคุณ : AEAHJAN [3 ส.ค. 54 09:23:01 ]
ความเห็นที่ 16

นั่นหมายถึงว่า ต่อไปนี้ในประเทศไทยห้ามมีรายการที่เกี่ยวกับสารคดีท่องเที่ยวอีกเลย

ซึ่งในความเป็นจริงคงทำไม่ได้หรอกค่ะ

จากคุณ : yzai [3 ส.ค. 54 14:13:21 ]
ความเห็นที่ 17

สิ่งที่สงสัยอีกเรื่องก็คือ ในเมื่อแต่ก่อนยังมีปล่อยให้คนเข้าไปท่องเที่ยวอยู่เนืองๆ ถ้าต้องการที่จะปิดเป็นพื้นที่ที่ไม่ให้ท่องเที่ยวจริง ทำไมจึงไม่ห้ามตั้งแต่ตอนนั้นล่ะคะ ทำไมจึงยังมีการอนุญาตบางกลุ่ม เป็นระยะๆ แล้วทำไมจึงเพิ่งเริ่มมาจริงจังตอนที่รายการนี้ไปถ่ายทำ ถ้าจะบอกว่าการที่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปท่องเที่ยวแล้วไม่เป็นการแผ่กระจายในวงกว้าง ก็ไม่ใช่เพราะต้องมีการบอกต่อๆ กันอยู่แล้ว และบางกลุ่มก็นำมาลงในเวปไซด์ และเวปท่องเที่ยวของ ททท ก็ยังมีการโปรโมทฯ ตรงนี้อยู่ ซึ่งจริงๆ ควรจะต้องไปจัดการในเรื่องเหล่านี้ก่อน จึงจะมาตัดสินบทลงโทษ หรือ ดำเนินคดีกับใคร

แต่อย่างไรก็เห็นด้วยนะคะว่า บางทีที่เป็นจุดที่ต้องการดำรงธรรมชาติไว้ให้สมบูรณ์ที่สุดไม่ควรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็ควรทำอะไรให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน จึงจะมาใช้กฎตัดสินลงโทษหรือดำเนินคดีกับประชาชน ซึ่งไม่งั้นมันจะเหมือนฝนตกไม่ทั่วฟ้า !!!!!!!!!!!!!!!!

จากคุณ : yzai [3 ส.ค. 54 14:18:53 ]
ความเห็นที่ 18

ตำรวจ ไม่ฟ้อง ติ๊กกรณีภูคิ้ง

จากเดลินิวส์วันนี้ค่ะ

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=156463

ส่วนความคืบหน้า คดี“ติ๊ก” เจษฎาภรณ์ ผลดี ดาราหนุ่มและพิธีกรชื่อดัง ถูกดร.กาญจนา นิตยะ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ แจ้งความจับดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน และลักลอบเข้าพื้นที่ป่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าบนภูคิ้ง โดยไม่ได้รับอนุญาต นั้น พ.ต.อ.สิทธิพันธุ์ พุฒทอง ผกก.เกษตรสมบูรณ์ เปิดเผยว่าได้รับรายงานจากพ.ต.ท.ศรายุทธ ดาวแจ้ง พนักงานสอบสวน ว่า"ติ๊ก"เจษฎาภรณ์ ว่าได้มอบหมายให้ทีมงานนำหนังสือชี้แจงว่าได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกรม อุทยานฯก่อนเข้าไปทำการถ่ายทำรายการในพื้นที่ดังกล่าวและมาให้ปากคำยืนยัน ทางตำรวจจึงสรุปสำนวนสั่งไม่ฟ้อง พร้อมส่งเรื่องดังกล่าวให้อัยการจังหวัดภูเขียว จ.ชัยภูมิ พิจารณาสั่งไม่ฟ้องต่อไป.

จากคุณ : yzai [วันแม่แห่งชาติ 54 02:11:49 ]
ความเห็นที่ 19

คดี ติ๊ก เจษฎาพร รุกป่าภูคิ้ง ถ่ายรายการเนวิเกเตอร์ จบแล้ว หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง

http://news.sanook.com/1048520-ยกฟ้อง-ติ๊ก-รุกป่าภูคิ้ง-ถ่ายเนวิเกเตอร์.html

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (17 ส.ค.) พ.ต.ท.ศรายุทธ ดาวแจ้ง พนักงานสอบสวน สภ.เกษตรสมบูรณ์ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ในส่วนคดีได้มีการดำเนินการสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องเสร็จสิ้นแล้ว หลังพระเอกพิธีกรชื่อดัง ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ส.ค.54 ที่ผ่านมา พร้อมทางทีมงานรายการเนวิเกเตอร์ที่ร่วมเป็นพยานในคดีนี้ ได้เดินทางมาร่วมให้ข้อมูลให้ปากคำ และขอยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการยื่นฟ้องคดีนี้

        "จากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายผู้แจ้งตัวแทนกรมอุทยานแห่งชาติฯ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องพระเอกดัง และรายการเนวิเกเตอร์ เพื่อส่งให้อัยการพิจารณาแล้ว ซึ่งก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้แล้วด้วยเช่นกัน  ซึ่งต่างฝ่ายก็มีเจตนาที่ดีร่วมกันป้องกันรักษาป่าและอยากให้เป็นกรณีศึกษาได้เป็นบทเรียนร่วมกันต่อไปมากกว่า ซึ่งคดีนี้สามารถเจรจากันได้และต่างฝ่ายก็ไม่ได้มีความติดใจอะไรต่อกัน พ.ต.ท.ศรายุทธ กล่าว

        พ.ต.ท.ศรายุทธ กล่าวต่อว่า ในส่วนข้อหาที่ถูกแจ้งดำเนินคดีใน 2 ข้อหา ในเรื่องการเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าของทีมงาน ที่ยอมรับว่ามีการเข้าไปจริง แต่ในบทละหุโทษ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ในมาตรา 37 ในข้อกฎหมายไม่ได้ระบุโทษไว้ และผู้แจ้งไม่ได้ติดใจเอาโทษเพิ่มเติม รวมทั้งคดีฝ่าผืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ทางผู้แจ้งเองก็ไม่ได้ระบุวัน เวลา ว่าเป็นเวลาฝ่าฝืนช่วงใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางอัยการจังหวัดชัยภูมิ จึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่อไปต้องดูอยู่ที่เจตนาของแต่ละฝ่าย

จากคุณ : yzai [19 ส.ค. 54 00:20:59 ]