วันนี้นกน้อยยังคงพาไปเที่ยว "ญี่ปุ่น" กันต่อ


ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในการท่องเที่ยว รวมถึงวิธีเดินทาง


มีทั้งเที่ยวแบบ One-day trip หรือบางครั้งต้องออกต่างเมืองไปค้างคืน


เมืองที่จะมาแนะนำในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คู่ควรแก่การไปมา


เดินทางทั้งง่ายและสะดวก ทิวทัศน์สวยงาม ที่สำคัญสามารถเที่ยวแบบ ไปเช้าเย็นกลับ ได้

หลายๆคนคงคุ้นกับ เมือง Kamakura 鎌倉 (ที่มีองค์พระใหญ่ Daibutsu 大仏)


แต่สำหรับคนที่เคยไปมาแล้ว หรือ ยังไม่เคยแต่ต้องการความเก๋ไม่ซ้ำใคร


วันนี้มีอีกทางเลือกหนึ่ง แทนที่จะนั่งรถไฟผ่านตึกรามบ้านช่อง วิวเดิมๆ


เรามานั่งรถไฟน่ารักหวานเย็น ชิมบรรยากาศริมทะเล สบายๆ ไปเที่ยวกัน


และเส้นทางที่จะไปในครั้งนี้คือ แท่น แทน แท้น Enoshima 江ノ島

"เอะโนะชิหมะ"


ตั้งอยู่ในเขต Fujisawa 藤沢市 จังหวัด Kanagawa 神奈川県


(ติดกับเขต Kamakura 鎌倉市 ที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน)


เป็นเกาะเล็กๆอยู่ปากแม่น้ำ Katase 片瀬川


อยู่บนชายฝั่ง Shonan 湘南 ของอ่าว Sagami 相模湾


(แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเขตคันโตเมื่อปี 1923 ก็มีต้นกำเนิดมาจากใต้อ่าวนี้เอง)


เรื่องจากภาพ ในสมัยโบราณ ชาวบ้านจะต้องรอให้น้ำลดถึงจะสามารถเดินข้ามไปที่เกาะได้


แถมวิวช่างดีเหลือเกิน เพราะระหว่างทางยังสามารถมองเห็น "ฟูจิซัง" ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

การเดินทางในครั้งนี้ ก็ง่ายแสนง่ายอีกแล้ว ตั้งต้นที่ สถานี Shinjuku 新宿駅


เดินทางด้วย Enoshima-Kamakura Freepass ของ Odakyu 江の島–鎌倉フリーパス


ราคาสำหรับผู้ใหญ่เพียงคนละ 1,430 เยน (เด็ก 720 เยน)


สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Odakyu Enoshima-Kamakura Freepass

ครอบคลุมเส้นทางเดินทางจาก Shinjuku ไปลง Fujisawa ด้วย Odakyu "Romance Car"


และเส้นทางรถไฟหวานเย็นตลอดสายจาก Fujisawa-Enoshima-Kamakura ด้วย "Enoden"


สามาถซื้อได้เองจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ หรือ ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ (สะดวกทั้งสองทาง)


(ระหว่างรอรถไฟหนาวสะท้านทรวงมาก สั่นหงึกๆๆๆๆ )

จาก Shinjuku เลือกนั่งขบวนด่วนพิเศษ Kaisoku-Kyukou 快速急行 ใช้เวลาเดินทางเพียง 54 นาที

เมื่อถึงสถานี Fujisawa 藤沢駅 แล้วให้เดินออกจากสถานีไปฝั่งตรงข้าม


ตามป้ายที่เขียนว่า 江の電のりば (Enoden Noriba) เพื่อขึ้นขบวนหวานเย็นต่อ

江ノ電で遊びましょう!!

ENODEN

เข้าไปชานชาลารอรถไฟสักพักก็มา มีแค่ขบวนเดียวนะ


รถไฟขาเข้าจะเขียนไว้ว่า 藤沢 ปลายทางคือ Fujisawa


ส่วนรถไฟขาออกที่เราจะขึ้น เขียนว่า 鎌倉 ปลายทาง Kamakura


แต่เราจะลงระหว่างทางที่สถานี Enoshima

น่าสนุก  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

ด้านบนประตู มีป้ายไฟกระพริบๆบอกตลอดทาง ว่าตอนนี้เรามาถึงสถานีไหนกันแล้ว


ชอบจัง รถไฟสไตล์โบราณแบบนี้ น่ารักมากเลย

ใช้เวลาเดินทางจาก สถานี Fujisawa 藤沢駅


ถึง สถานี Enoshima 江ノ島駅 เพียง 10 นาที

ถึงแล้ว Enoshima

เริ่มออกตะลุยกันเลย


วันนี้โชคดีจัง ฟ้าสีสวยมาก อากาศแจ่มใส ไร้เงาเมฆฝน


ยังงี้จะได้เจอ ฟูจิซัง มั้ยน้า

ระหว่างทางมีรถขาย "โมจิเสียบไม้ย่าง" น่ารักเชียว


นี่ละน้า เสน่ห์ของชานเมือ

เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเจอกับป้าบยอกทาง


ให้เดินลอดอุโมงค์ไปสะพ้านข้ามเกาะ


จากบริเวณนี้จะมองเห็นทะเลแล้ว  ชิลล์กับบรรยากาศชายหาด


ทั้งไออุ่นจากแสงแดด เสียงนกร้อง และ ลมที่พัดผ่าน มันช่างมีความสุขเหลือเกิน

ผ่านอุโมงค์มาแล้ว ขึ้นมาก็จะเห็นสะพานข้ามฝั่งอยู่ตรงหน้าเลย


สะพานนี้มีชื่อเรียกว่า Subana Douri 洲鼻通り

ด้านข้างทั้งสองฝั่งก็จะเป็นชายหาด (หาดทรายไม่สวยเหมือนบ้านเรานะ)


ถ้าเป็นหน้าร้อน คนญี่ปุ่นมักจะมานอนอาบแดดเล่นน้ำกันคับคั่ง

แต่ตอนนี้ยังหน้าหนาวอยู่ เลยมีนั่งกันอยู่แค่คู่รัก 2 คนนี้ คงจู๋จี๋กันสบายเลย

แต่น่าเสียดาย ถึงแม้วันนี้จะฟ้าโปร่ง แต่เราก็เห็นฟูจิซังแบบไม่เต็มตา


เพราะมีเมฆก้อนโตมาบังไว้อยู่ แถมมีทีท่าว่าจะไม่เคลื่อนตัวหายไปไหนง่ายๆซะด้วย


ถ้าวันไหนฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆ คงจะได้เห็นภาพสวยๆแบบนี้

ถนนมุ่งหน้าสู่เกาะเป้าหมายของเรา โรแมนติกจัง

Welcome to Enoshima Island


ようこそ　江の島へ

ถึงเกาะแล้วนะครับ พอถึงก็มีร้านค้าเรียงรายรอต้อนรับเราอยู่ตลอดทาง


ทั้งของที่ระลึก ของกินเล่น ร้านอาหาร ใครที่หิวอยู่ อดใจไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งหยุดกินตรงนี้


ถ้าหิวมาก ลองแวะซื้อ ปลาหมึกปิ้ง ปลาหมึกย่าง แถวๆนั้นลองท้องไปก่อน

ถ้าเลี้ยวไปทางขวามือจะเป็น สปาชื่อดังของที่นี่ Enoshima Island Spa


แต่ว่าไม่ได้เข้าไปหรอก เพราะไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น แต่เท่าที่ดูรู้สึกจะหรูหราอลังการมากทีเดียว


ใครที่อยากจะแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติก็สามารถแข่ที่นี่ได้ (โซนแก้ผ้า)


หรืออยากจะแช่น้ำจิบบรรยากาศสวยๆก็ทำได้ (โซนชุดว่ายน้ำ)

กลับมาเดินเที่ยวต่อดีกว่า ร้านค้าก็จะเป็นบ้านคนไปด้วย บรรยากาศจึงดูสบายๆเป็นกันเอง


บรรดาคุณลุงคุณป้าแต่ละร้านก็อัธยาศัยดี เรียกลูกค้ากันน่ารักเชียว ชวนคุยตลอดเลย


ร้านนี้ซื้อของที่ระลึกได้นะ ข้างบนไม่มีร้านไหนของเยอะเท่าร้านนี้แล้ว อยู่ร้านแรกขวามือเลย

เดินมาเรื่อยๆ ชักจะรู้สึกว่าหันไปทางไหนก็เจอเจ้านี่ เห็นขยุกขยิกๆรวมๆกันน่าจักจี้


ที่แท้ "ปลาข้าวสาร" เป็นสินค้าโอทอปของเกาะแห่งนี้น่ะเอง


ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Shirasu しらす จะกินเพียวๆแบบนี้เลยก็ไม่แปลก

หรือจะเอามาโปะเป็นข้าวหน้าต่างๆก็ดูน่ากินไม่เบา


ใครอยากสั่งเป็น เค้าเรียกว่า Shirasu-Don しらす丼


แต่ก่อนสั่งเหลือบดูราคาซะก่อนนะ

หน้าตาน่าลิ้มลองเชียว ไข่สดๆกับปลาจิ๋วสดๆ

อิ่มท้องกันแล้ว เดินขึ้นมาเรื่อยๆจนสุดทาง จนพบกับเสาโทริอิสีแดงแปร๊ดดด

แวะมาชมภาพสวยๆที่ญี่ปุ่นด้วยคนจ้า

นั่นหมายความว่าเบื้องหลังของเสานี้คือ ศาลเจ้า Enoshima Jinja 江島神社

เป็นที่ประดิษฐานของเทพแห่งโชคลาภประจำเกาะแห่งนี้นั่นคือ


ท่าน Benten (คนละชื่อกับเจ้าหนู Ben10 นะ) หรือ Benzaiten 弁財天

และภายในศาลเจ้าแห่งนี้ยังแบ่งออกเป็นอีก 3 ศาลเล็ก แยกอยู่ทั่วทั้งเกาะ

เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าทั้ง 3 องค์

Okutsuno-miya (TAGIRI-HIME-no-MIKOTO)

Nakatsuno-miya (ICHIKISHIMA-HIME-no-MIKOTO)

Hetsuno-miya (TAGITSU-HIME-no-MIKOTO)

ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน เรามารุ้จักประวัติศาสตร์ของเกาะและวัดแห่งนี้กันหน่อยดีกว่า

ปกติเวลาได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับ เทพและอสูร มักจะมีความรู้สึกหลายอย่าง ไม่ว่าจะสุข เศร้า หรือ ทึ่ง


แต่ครั้งนี้ กลับแตกต่าง เพราะเรื่องราวที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ เป็นอะไรที่น่ารักมากๆเลย

มังกรห้าเศียรกับท่านเบนเทน


ในอดีตกาลนานมาแล้ว ชาวบ้านอาศัยอยู่บนเกาะกันอย่างสงบสุข


แต่ภายใต้ทะเลสาปนั้นมีถ้ำที่มีอสูรกายน่ากลัวซ่อนเร้นกายอยู่


ชาวบ้านไม่คาดคิดถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัว วันหนึ่งอสูรกายเผยตัวและถล่มเผาบ้านเมือง


อสูรกายที่ว่านั้นคือมังกร และไม่ได้เป็นมังกรพ่นไฟธรรมดา เพราะมีถึงห้าหัว!


ชาวบ้านพากันหวาดผวา ต้องเซ่นไหว้อสูรกายตนนี้ด้วยหญิงสาว แต่ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไรนัก


ทันใดนั้นเอง มีประกายแสงจากท้องฟ้า ปรากฎกายพร้อมกับเทพสตรีที่งดงามหาที่ใดเปรียบ

และบริเวณที่เทพองค์นี้ปรากฎกายขึ้น คือ เกาะศักดิ์สิทธิ์ เกาะเอะโนะชิมะ นั่นเอง


เจ้ามังกรก็โผล่ออกมาทันที เพราะทนเห็นเทพเบนเทนที่งดงามอยู่เฉยๆต่อหน้าต่อตาไม่ได้


แต่เจ้ามังกรไม่ได้มาเพื่อต่อสู้ แต่กลับตกหลุมรักท่านเทพเข้าอย่างจัง พร้อมทั้งขอร้องให้ท่านเทพไปใช้ชีวิตร่วมกันซะอีกแน่ะ


แต่ท่านเทพได้ปฏิเสธ และท่านบอกว่า ท่านไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับใครก็ตาม ที่ชอบเข่นฆ่าชาวบ้านบริสุทธิ์ได้


ไม่เพีงแต่สร้างความผิดหวังให้กับเจ้ามังกร มิหนำซ้ำเจ้ามังกรยังสำนึกผิดในสิ่งที่ได้ทำลงไปอีกต่างหาก

หลังจากนั้น เจ้ามังกรให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายชาวบ้านอีก แถมยังคอยปกป้องชาวบ้านจากภัยธรรมชาติอีกด้วย


ท่านเทพได้เชื่อในคำมั่นสัญญา และ ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับเจ้ามังกร


เจ้ามังกรมุ่งหน้าไปทางใต้ และสถิตอยู่ในเขาลูกหนึ่งตรงข้ามกับเกาะเอะโนะชิหมะ


เขาลูกนั้นมีชื่อว่า เขาปากมังกร หรือ Tatsu no Kuchi Yama 龍口山


เฝ้ามองท่านเทพเบนเทน และคอยปกป้องเกาะนับจากนั้นเป็นต้นมา


ได้อ่านเรื่องราวแล้วเป็นยังไงกันบ้าง คิดเหมือนกันรึเปล่าครับ ว่าน่ารักมากๆเลย

ทางเดินขึ้นสู่ศาลเจ้า เราจะต้องไต่เข้าขึ้นไปเรื่อยๆจากจุดนี้

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่าา

แวะล้างมือ บ้วนปาก ชำระกายใจให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าไปด้านใน

ถึงแล้ว ศาลเจ้า Hetsu no Miya 辺津宮


เดินลอดผ่านห่วงด้านหน้า เพื่อโชคลลาภในทุกๆด้านนะครับ

ไม่ต้องสงสัย งานไม้แกะสลักเหนือประตู คือ ท่านเทพเบนเทนผู้งดงาม อย่างแน่นอน

ด้านหลัง เป็นรูปปั้นมังกรห้าเศียร มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ชำระล้างด้วย

ใครไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มีวิธีบอกให้ทำตามด้วยนะ

อย่าลืมวางกลับคืนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เผื่อแผ่ให้ผู้อื่นที่มาใช้ต่อด้วยนะครับ

เดินต่อไปตามทาง มีแผ่นป้ายเขียนขอพรให้สมหวังในเรื่องความรักให้ด้วย

ดอกบ๊วย บานสะพรั่งเต็มต้นรอเรามาชื่นชม

เกาะ Enoshima เป็นเกาะที่มีเสน่ห์ เพราะถึงแม้จะไม่ได้เป็นหน้าซากุระบาน


ก็มีดอกไม้สวยๆให้ชมได้ตลอดทั้งปี สับเปลี่ยนเวียนสายพันธุ์และสีสันไปเรื่อยๆ


อย่างช่วงที่ไปเป็นปลายหนาว ยังไม่เข้าใบไม้ผลิดี ก็มีดอกบ๊วยสีหวานๆให้ได้ชื่นชม

เป็นตำนานที่น่ารักจริงๆค่ะ โดยเฉพาะรูปการ์ตูน ที่ท่านมังกรมองท่านเทพ....ท่านมังกรทำหน้าตาน่าร๊ากกก

ขอบคุณ ... คุณนกน้อย มากค่ะ ที่พาเที่ยว พร้อมความข้อมูลดีๆ

เห็นมั้ยล่ะ ขนาดเจ้าเหมียวยังอดใจไม่ได้


กับความงามของดอกบ๊วย ที่บานสะพรั่งเต็มต้นขนาดนี้

โผล่หน้าออกไปด้านข้าง ตกใจว่าเดินขึ้นมาสูงขนาดนี้ตั้งกะเมื่อไหร่


ดูวิวสิ สวยงามเหลือเกิน ถ้าอยากนั่งชิลล์ชมวิวตรงนี้สักพักก็ไม่ว่ากันนะ

เดินมาอีกไม่ไกล ก็พบกับศาลเจ้าหลังที่สอง สีแดงสด โดดเด่นตั้งตระหง่าน

ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อว่า Nakatsuno Miya 中津宮


ดูจากภาพน่าจะรู้ว่า สามารถขอพรให้สมหวังเรื่องความรักได้

เดินต่อมา มีสวนเล็กๆให้พักผ่อนดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติ


และสามารถมองเห็นทะเลสาปได้ชัดเจนที่สุดจากจุดนี้ด้วย

ถ่ายรูปแผนที่กันไว้เผื่อหลง

เดินมาตลอดทาง ทนหิวมาตั้งแต่ทางเข้า เพื่อมาหาอะไรหม่ำข้างบน จะได้อิ่มทั้งท้องทั้งตา เพราะยิ่งสูงวิวก็ยิ่งสวย จริงมั้ย


บางร้านยังมีระเบียงให้ออกไปนั่งกินรับแสงแดดอุ่น ลมพัดเย็นๆ กินน้ำทะเลหอมหวล


ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ พร้อมความประทับใจ


และอาหารที่สั่งไม่ใช่อะไรอื่นไปได้ ต้องเป็น ปลาข้าวสาร Shirasu ของขึ้นชื่อที่นี่แน่นอน


แต่ไม่กล้าพอกินแบบสดๆ ขอเป็นแบบเทมปุระละกัน

"ซุปสาหร่าย" ของที่นี่


อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ต้องไปชิมให้ได้

พอหนังท้องตึง หนังตาต้องห้ามหย่อน เพราะยังมีอีกหลายที่ที่เราต้องไป


มองไปไกลๆเห็นโขดหินกลางน้ำมั้ย นั่นแหละเป้าหมายของเรา


ส่วนใครอยากจะขึ้นไปหอชมวิว หรือ เข้าไปชม Aquarium Enoshima-suizokukan 江ノ島水族館 ก็ได้


ขึ้นอยู่กับเวลาของแต่ละคนจะอำนวย

มีป้ายบอกทิศตลอดทาง รับรองไม่ต้องกลัวหลง


เมื่อกี้เราไปวัดหัวใจมาแล้ว เส้นทางต่อไป มุ่งหน้าไปทางวัดมังกร

จะมีภาพตอนน้ำลดมะ

อยากเห็นทะเลแหวก@ญี่ปุ่ย.....

ทางเดินระหว่างทาง เข้าเขตของศาลเจ้า แอบมีคู่รักมาด้วย

ถึงแล้วศาลเจ้าแห่งที่สาม มีชื่อว่า Okutsu no Miya 奥津宮

มีถ้ำมังกรด้วย ดูขลังมาก ถ้ามาตอนกลางคืน คงน่ากลัวพอดู บรื๋อ~

หลังจากสักการะครบทั้ง 3 แห่งแล้ว เดินลัดเลาะ ขึ้นลง เขา (เหนื่อยมาก)


จนออกไปด้านนอก เพื่อลงไปยังโขดหินด้านหลังเขา ที่เมื่อครู่มองเห็นจากไกลๆ


ถ้าใครอยากเดินลอดถ้ำ ก็สามารถเข้าไปเดินเล่นด้านใน Iwaya Cave ได้ คนละ 500 เยน

มองเห็นสีเขียวๆมั้ย นั่นล่ะเจ้าสาหร่ายแสนอร่อย ที่เมื่อครู่กินลงไป

มีนกอินทรีย์บินโฉบเฉี่ยว ให้เรายลความงามกันอย่างใกล้ชิด


แต่ถ่ายรูปไว้ไม่ทัน เพราะบินกันไวฉิว อย่างกับเครื่องบินเจ็ท

ไม่ต้องขูดสาหร่ายกลับบ้านไปต้มกินนะครับ เพราะเค้ามีขายแบบ อบแห้ง เอาไว้ให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านเรียบร้อย

เดี๋ยวตอนหน้ากลับมาขึ้นรถไฟ Enoden ไปเที่ยวเมือง Kamakura กันต่อ

สนใจเข้าไปอ่านตอนอื่นกันได้ที่บล้อกนะครับ

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=birdfreedom&month=25-06-2011&group=1&gblog=9

พบกับนกน้อยพาเที่ยวกันได้ใหม่ ตอนหน้า

ถ้ามีโอกาส จะไปจะที่นี่สักครั้งจัง
ขอบคุณมากสำหรับรีวิวนะคะ ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

..

แวะมาเที่ยวชมอีกตอนครับ

บรรยากาศบนเกาะสวยจริงๆ


ป.ล. เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความงามสยบได้ซึ่งมังกร อิอิ

..

น่าไปจังเลยค่ะ มีคำถามนิดนึง
- ENOSHIMA กับ KAMAKURA สามารถไป-กลับวันเดียวจากโตเกียวได้ใช่มั๊ยคะ
- ตั๋วที่คุณซื้อ Enoshima-Kamakura Freepass  ครอบคลุมทั้งขาไปและกลับ หรือเปล่าคะ หรือต้องซื้อ 2 ใบ
ขอบคุณค่ะ

ตอบคุณ ฮิโนเดะ

สามารถไปวันเดียวกลับได้ และ freepass นี้ครอบคลุมทั้งไปและกลับรวมถึงรถไฟระหว่างเมืองแล้วครับ

Enoshima-Kamakura เป็นเส้นทางที่เคยวางแผนไว้ แต่ก็ต้องล้มเลิกไป
อ่านรีวิวแล้วคงต้องหาโอกาสไปให้ได้เลยค่ะ


ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ

น่าไปจัง ขอบคุณนะคะ

เคยไปบนเขาตอนแต่งงานใหม่ๆ ยังไม่แก่เท่านี้ ตอนนี้ให้ไปอีกไม่ไหวแล้ว คามากุระ เป็นเมืองที่ไปบ่อยที่สุด
ยิ่งอากาศเย็นๆ เดินสบาย พอหน้าร้อนก็ไปนั่งทานอาหารไทยริมทะเล เหมือนอยู่เมืองไทย

ขอมาเที่ยวด้วยคนค่ะ ตอนเราไปยังไม่มีโอกาสได้ข้ามไปที่เกาะ วันนั้นมาไหว้พระที่คามาคุระ เที่ยววัดเสร็จ ก็มาแวะวัดฮาเซเดระ แล้วมานั่งรถไฟสายเอโนะเดน มาลงที่สถานีเอโนะชิม่าค่ะ ได้แต่มองไกลๆ มีโอกาสคงได้กลับไป

เราก็เลยไปขึ้นโมโนเรล ที่สถานีโชนัน เอโนะชิม่าค่ะ นั่งไปลงสถานีโอฟุน่า แล้วใช้ตั๋วเจอาร์ พาสต่อ แบบว่าต้องใช้ตั๋วให้คุ้มค่ะ

จะรอให้พาไปเที่ยวต่อค่ะ

ขอบคุณที่พาเที่ยวครับ

พาเที่ยวแถมเล่านิทานให้ฟังด้วย  สนุกจัง ขอบคุณนะคะ

  ชอบมากๆค่ะ  รูปรีวิวสวยจริงๆ

^
^
ถึง คห 73  ขอตอบแทน จขกท
Tokyo - Enoshima ไปกลับวันเดียวได้เหลือเฟือ เหมือน กทม-บางแสน
เป็นเส้นทางรับแขกประจำของเราเลย ตอนเย็นๆก็ไปแวะกินข้าว yokohama ก่อนกลับ (แต่จะไม่คุ้มสำหรับคนที่ซื้อ pass มา)

อย่าง จขก ไปหน้าหนาวเดินชิวๆอากาศดี
เราเพิ่งไปล่าสุดคือ สองอาทิตย์ก่อน ไปเล่นทะเลด้วยหละ ร้อนโคตร กลับมาแทน อินเทรนด์ เด็กโตเกียวมากก

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

บรรยากาศบนเกาะสวยดีจังเลยครับ

ขอบคุณมากค่ะที่พาเที่ยว

น่ารักสไตล์ญี่ปุ่น