วันนี้ขอพาเที่ยวใกล้บ้านกันบ้างนะครับ ที่บอกว่าใกล้นี่ ใกล้จริงๆ ครับ เพราะห่างจากบ้านประมาณ 3-4 ป้ายรถเมล์เอง

จะว่าไปขับรถผ่านแทบทุกวัน แต่เคยเข้าไปชมแค่ครั้งเดียวเองมั้งครับแถมยังไม่เคยมีรูปเก็บไว้อีกต่างหาก

เลยถือโอกาสนี้ เข้าไปเที่ยวและเก็บภาพ และรวบรวมข้อมูล (ส่วนใหญ่เรียบเรียงจากคู่มือที่เขาแจกพร้อมบัตรเข้าชมและเว็บไซด์ของทางพิพิธภัณฑ์) มาฝากแล้วกันนะครับ

แม้ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจเลยยย.. ช่วงที่รู้สึกอยากไปก็เป็นช่วงฝนชุกซะเหลือเกิน ตกได้ตกดี ตกทุกวัน ไม่ยักกะหยุดพักมั่งเลย..เง้ออออ...

หลังจากรอแล้วรอเล่า เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ก็ไม่เห็นวี่แววว่าฟ้าใสซะที

เลยตัดสินใจออกลุยเดี่ยว ไม่แคร์ฟ้ากันเลยละกันนะคร้าบบ..

แล้วทั้งคืนนั้นก่อนหน้าฝนก็โปรยปรายทั้งคืน  กว่าจะขาดเม็ดได้ก็รุ่งเช้า แถมฟ้าขมุกขมัว งอึมครึมอยู่เช่นเดิม

แต่ขับมาถึงที่จอดรถของพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังไงก็ไม่ถอยละคร้าบบบ

การเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตั้งเด่นอยู่ริมถนนสุขุมวิท ที่วิ่งสู่ปากน้ำ หากมารถยนต์ส่วนตัว : ใช้เส้นทางด่วน ปลายทางที่บางนา – สมุทรปราการ ลงเส้นสุขุมวิท ตรงไปทางสำโรง พอผ่านบิกซีปู่เจ้า (คาร์ฟูร์เดิม) แล้วให้ชิดซ้าย ขับมาสักพักแล้วเลี้ยวซ้าย ไปกลับรถใต้สะพานเพื่อเข้าสู่ที่จอดรถพิพิธภัณฑ์

หรือถ้ามาจากทางสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมจากพระราม 2 หรือสุขสวัสดิ์ ขับรถผ่านช่วงสะพาน ขับเรื่อยๆ จนเห็นป้ายทางลงสำโรงชิดซ้ายแล้วขับลงตามทาง  ขับตรงไปแล้วกลับรถหน้าบิกซีปู่เจ้า ชิดซ้ายแล้วเลี้ยวซ้ายกลับรถเข้าพิพิธภัณฑ์

รถโดยสารสาธารณะ : รถเมล์สาย 25, 142, 365 รถปรับอากาศสาย ปอ.102, ปอ 507, ปอ. 508 ปอ.511, ปอ. 536

สามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

ด้านหน้าบริเวณขายบัตรเข้าชมคนไทย 150 บาท เด็กไม่เกิน 15 ปี 75 บาท
ส่วนผมใช้สิทธิ์คนปากน้ำในราคา 75 บาท (รวมธูปเทียน ดอกไม้ลอยน้ำแล้วนะครับ) นานๆ ได้ใช้บัตร ปชช. รับสิทธิพิเศษที 555

บรรยากาศหลังฝนตกอากาศชื้นๆ มีน้ำขังตามรายทางพอได้บรรยากาศ
ถึงเป็นวันอาทิตย์แต่คงเพราะเช้าอยู่ คนยังไม่หนาตา ยังไม่มีทัวร์มาลง บรรยากาศในการเดินชมจึงเป็นไปอย่างสบายๆ

แถมเจ้าหน้าที่มีเยอะ เลยได้รับบริการเป็นอย่างดี ทั้งไกด์พาชมสถานที่ แต่ผมอยากใช้เวลาแต่ละจุดนานหน่อย
เลยขอเดินชมเองดีกว่า แต่ท่านที่ยังไม่เคยมาผมแนะนำให้ไกด์พาชมดีกว่านะครับ จะได้ฟังประวัติ และรายละเอียดของสถานที่ด้วย

ตอนเข้าไปถึงรู้สึกมีการจัดรำแก้บนถวายด้วย

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ถือได้วาเป็น งานประติมากรรมลอยตัวช้างทองแดงที่ใช้เทคนิคการเคาะขึ้นรูปด้วยมือ ที่มีความสูงใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง  จากหัวช้างลงมาสู่ฐาน วัดได้ 43.6 เมตร หรือประมาณความสูงของตึก 14 ชั้น พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณสร้างขึ้นจากความคิดและจินตนาการของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์  ต้องการจะรักษาของโบราณที่ท่านสะสม รวมถึงรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินไทย จึงได้สร้างตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดเก็บโบราณวัตถุที่มีค่าเหล่านี้ไว้เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความเหมาะสม ความสูงเฉพาะตัวช้าง 29 เมตร ความสูงของช้างรวมอาคาร 43.6 เมตร ความกว้างของช้าง 12 เมตร ความยาวของตัวช้าง 39 เมตร น้ำหนักของลำตัวช้าง 150 ตัน น้ำหนักของเศียรช้าง 100 ตัน

มีของจัดไว้สำหรับผู้ต้องการซื้อถวายด้วยครับ

โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ และการตกแต่ง สร้างแบบอย่างในสถาปัตยกรรมไทยแต่โบราณยึดถือคติ  “เขาพระสุเมรุ” เป็นหลักในการสร้างสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่กลางเมือง โดยถือว่าสถาปัตยกรรมนั้นเป็นเขาพระสุเมรุ เป็นหลักของโลกและจักรวาล แต่ส่วนใหญ่มักเป็นพระธาติหรือเจดีย์ แต่ที่นี่ใช้รูปช้างเอราวัณขนาดใหญ่แทนเขาพระสุเมรุ ซึ่งแตกต่างจากที่เราคุ้นเคย  จากการยึดถือคติดังกล่าวและแบ่งพื้นที่การจัดแสดงตามคติความเชื่อเรื่องไตรภูมิของคนไทย คือบาดาล โลกมนุษย์ และสวรรค์ดาวดึงส์

THE UNDERWORLD : บาดาล
คือบริเวณชั้นล่างสุดของอาคาร ตามคติไตรภูมิ พื้นที่ใต้เขาพระสุเมรุ เป็นนาคพิภพ หรือที่อยู่ของเหล่าพญานาค ซึ่งมีหน้าที่เฝ้ารักษาสมบัติของแผ่นดิน ภายในจึงถูกออกแบบมาให้มีรูปปั้นมนุษย์นาคอยู่ในวิมานที่ประทับของพญานาคอยู่กลางห้องที่รายล้อมด้วยทรัพย์สมบัติโบราณต่างๆ เช่นเครื่องถ้วยเบญจรงค์ ถ้วยชามสังคโลก เครื่องถ้วยจีน เทวรูป เครื่องเรือนโบราณต่างๆ อีกมากมาย
ยิ่งมาเดินในช่วงผู้คนบางตา เงียบๆ แอร์เย็นๆ เลยได้บรรยากาศขลังๆ กึ่งหลอนนิดๆ ดีนะครับ
ศิลปะที่ท่านเจ้าของสะสมไว้ เยอะ สวย และมีคุณค่าน่าชมจริงๆ ถ้ามาที่นี่อย่าพลาดการเข้าชมนะครับ
เสียดายที่บริเวณนี้ห้ามถ่ายภาพ เลยไม่มีบรรยากาศมาฝากกันนะครับ

THE EARTH : โลกมนุษย์
ขึ้นมาจากส่วนบาดาลมาเข้าสู่บริเวณอาคารที่รองรับช้างเอราวัณอยู่ ซึ่งเปรียบเสมือนโลกมนุษย์ หรืออีกนัยหนึ่งคือเขาพระสุเมรุตามคติไตรภูมินั่นเอง ก้าวแรกพบกับความยิ่งใหญ่ และงานศิลปะวิจิตรบรรจง โดยเฉพาะงานปูนปั้น และงานกระจกสีบนเพดานที่สวยเด่นสะดุดตาจริงๆ ซึ่งงานตกแต่งภายในอาคารนี้ถูกตกแต่งด้วยศิลปกรรมผสมผสานระหว่างไทยกับตะวันตกได้อย่างสวยงาม

กระจกสี : เพดานของอาคารทรงโดมเป็นงานกระจกสีฝีมือศิลปินชาวเยอรมันชื่อว่า Jakob Schwarzkopf จริงๆแล้วงานกระจกสีเป็นงานศิลปะในวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งเคยฝากผลงานไว้ตามโบสถ์ วิหารและสถานที่สำคัญในประเทศแถบยุโรป อเมริกาและตะวันออกกลาง

หลังจากการออกแบบลวดลายแล้วได้สั่งกระจกสีตามกรรมวิธีโบราณจากเยอรมนี คือการเป่าแก้ว แล้วรีดให้เรียบ แล้วจึงทำการวาดลวดลายที่ออกแบบไว้เพิ่มเข้าไป ส่วนการติดตั้งก็ต้องใช้วิธีการพิเศษโดยช่างจากประเทศเยอรมันกันทีเดียว งานกระจกสีชิ้นนี้เป็นงานศิลปะในแนวทางกึ่งนามธรรมแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับโลกมนุษย์ ประกอบด้วยทวีปทั้งห้าอยู่ตรงกลางมีดวงอาทิตย์ส่องแสงและให้พลังงานแก่สรรพชีวิต ทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยจักรราศี 12 ราศีและบริเวณขอบนอกสุดเป็นภาพมนุษย์ที่แสดงอากัปกิริยาต่างนานา

ศิลปินใช้สีเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 4 ได้แก่ สีเหลืองคือดิน สีแดงคือไฟ สีขาวคือลมและสีฟ้าคือน้ำ เมื่อการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ทำให้ภายในอาคารทรงโดมหรือชั้นโลกมนุษย์มีแสงสว่างสอดส่องเข้ามาผ่านเพดานกระจกสีประดุจดั่งความดีงามที่ส่งมายังโลกมนุษย์

ปูนปั้นประดับเบญจรงค์ :  เป็นอีกงานที่โดดเด่นของที่นี่ งานปูนปั้นอันวิจิตรบรรจงภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เป็นฝีมือของอาจารย์สำรวย เอมโอษฐ์ ช่างเมืองเพชรบุรี ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในการสร้างสรรค์งานปูนปั้นแบบโบราณ

ขอเป็นคนแรกครับ อิอิ

ไปด้วยนะครับ

โดยมีกรรมวิธีที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นหลัก เพราะปูนตำหรือปูนโบราณนั้นมีคุณสมบัติที่แห้งช้า จึงทำให้การตกแต่งลวดลายต่างๆ ได้ง่ายกว่าการใช้ปูนซีเมนต์ อีกทั้งประกอบกับความสวยงามวิจิตรบรรจงของเครื่องถ้วยเบญจรงค์ที่มีสีสันหลากหลาย ทำให้เกิดความสวยงามมากขึ้น

One Light One Shadow ...ด้วยความยินดีครับ กำลังหงอยๆ ว่ารีวิวอยู่คนเดียวเลยคร้าบ

ส่วนวิธีการทำคือนำหินฟลูออไรด์ ปูนขาว ปูนกินหมาก หินทรายแดง มาตำให้ละเอียด แล้วนำกระดาษฟางแช่น้ำให้เปื่อย มาตำผสมกับปูน นำกาวหนังควายเคี่ยวผสมกับน้ำตาลอ้อย ข้าวเหนียวต้มสุก ทรายละเอียด นำส่วนผสมทั้งหมดนี้มาตำรวมกัน โดยถ้าต้องการปูนตำเป็นสีชมพูก็จะต้องใส่หินทรายแดงและปูนกินหมากมากกว่าหินฟลูออไรด์ แต่ถ้าอยากให้ปูนตำเป็นสีขาว ก็จะใส่ปูนขาวและหินฟลูออไรด์มากกว่า ซึ่งหินฟลูออไรด์นั้นจะทำให้เกิดสีขาวนวลแตกต่างจากการใช้สีโดยทั่วๆ ไป หลังจากหมักปูนที่ผสมรวมกันจนได้ที่ประมาณสามคืน จึงนำปูนที่หมักได้มาปั้นลวดลาย แล้วใช้เครื่องถ้วยเบญจรงค์ประดับตกแต่ง

ขั้นตอนการทำงานปูนปั้นประดับเบญจรงค์ เริ่มจากนำเหล็กและลวดมาดัดเพื่อขึ้นเป็นโครงรูปร่างต่างๆ แล้วนำลวดตะแกรงมาหุ้มทับ  แล้วจึงใช้ปูนซีเมนต์พอกหุ้มโครงลวดนั้นไว้ เมื่อปูนซีเมนต์แห้งจึงใช้ปูนตำที่หมักไว้นั้นมาปั้นลวดลายตามที่ต้องการแล้วจึงนำเครื่องถ้วยเบญจรงค์ประเภท ช้อน ฝาถ้วยชา ถ้วยชาจีนมาตัด ให้ได้กับขนาดที่ต้องการแล้วประดับลงไปทีละชิ้น  ซึ่งเครื่องถ้วยเบญจรงค์เป็นของที่สั่งทำใหม่ทั้งหมดส่วนใหญ่จะสั่งทำที่ประเทศไทย แต่บางส่วนก็มาจากประเทศจีน

ปูนปั้นลวดลายไทยอ่อนช้อย

ภาพสวยจังเลยค่ะ

ตามไปชมด้วยอีกคน  ^  ^

ตกแต่งลวดลายได้สวยงามแปลกตา

P r i m t a a ...ได้เลยครับ แวะมาเที่ยวแถวนี้บ้าง สวยดีเหมือนกันนะครับ

บริเวณซุ้มหน้าบันไดทางขึ้นสู่ชั้นสองครับ

จะไปหลายทีละ ม่ะได้ไปซะที อยู่เซนทรัลใกล้ๆนี่เอง...

เสาหุ้มดีบุก : เสาทั้งสี่ต้นภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณประดับด้วยดีบุกดุนลายจากฝีมือช่างชาวนครศรีธรรมราชและช่างเชียงใหม่ ซึ่งชำนาญการทำเครื่องถมและเครื่อง เงินอันเป็นงานดุนโลหะประเภทหนึ่ง

tuman47 ...ผมยิ่งใกล้ นี่เพิ่งไปครั้งที่สองเอง วันหลังแวะมาชมนะครับ

เรื่องราวศาสนาสำคัญของโลกประกอบด้วยศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์  ศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธนิกายมหายาน(ประวัติเจ้าแม่กวนอิม) ซึ่งแต่ละต้นจะใช้ระยะเวลาในการทำงานประมาณสามปี เสาทั้งสี่จึงเป็นเสาแห่งความกตัญญูและเสาสี่ศาสนา ค้ำจุนโลก

เพ่งดูดีๆ แต่ละเสาพูดถึงศาสนาต่างๆ หลายศาสนาเลยละครับ

น่าจะเป็นเจ้าแม่กวนอิมนะครับ

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ อยู่ไม่ไกล แต่ไม่เคยไปเลยครับ

ตามไปดูจะเบาได้ไง ช้างตั้ง 3 หัว ล้อเล่นนะ

Koon Shy_Tour Dee ...อยากให้ลองมาเที่ยวชมดู ไม่ผิดหวังแน่ๆ ครับ

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์แห่งความเมตา ซึ่งถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความกรุณาที่ช่วยเหลือให้พ้นทุกข์ อันประกอบด้วยความรักที่ปราศจากเงื่อนไข มีให้กับทุกชีวิต ซึ่งความเมตากรุณาที่แท้จริงนั้นต้องขยายไปสู่ฝ่ายตรงข้ามหคือศัตูด้วย ด้วยเหหตุนี้ท่านจึงประดิษฐานเป็นประธานของโลกมนุษย์นี้ อยู่ในซุ้มหน้าบันไดทางขึ้นอาคารนั่นเองครับ

แม่จีน-ไท (GT2007) ...ช้างไม่เบา แต่คนพาชมตัวเบาคร้าบบ...

บันไดเงิน-บันไดทอง  เป็นบันไดจากโลกมนุษย์ทอดไปสู่สวรรค์ถ้าตามความเชื่อเราต้องขึ้นทางบันไดเงิน (สีขาว) และลงทางบันไดทอง (สีชมพู) เพราะงั้นตลอดเวลาจะได้เจ้าหน้าที่บอกผู้คนที่เข้ามาขึ้นทางบันไดสีขาวนะค้า  ลงทางบันไดสีชมพูนะค้า (พึ่งนึกขึ้นได้เหมือนกันเคยมาคราวที่แล้ว ขึ้นลงสลับกันเป็นไรป่าวหว่า..)

เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว

ที่ยึดราวบันไดยังเป็นรูปช้างเลยละครับ

กินนร-กินนรี เป็นเหล่าอมนุษย์ในป่าหิมพานต์ บางคัมภีร์กล่าวว่าอยู่เชิงเขาไกรลาส เป็นบริวารของพระอิศวร

นั่งเด่นอยู่ที่หัวบันได

คนธรรพ์ กึ่งเทพกึ่งมนุษย์ มีหน้าที่ขับร้อง บรรเลงตนตรี บำเรอทวยเทพต่างๆ

อาศัยอยู่ที่ดินแดนระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์

ก่อนถึงชั้นบนสุดมีช่องกระจกให้เห็นวิวจากมุมสูงด้วย

ตามไปเที่ยวด้วยคน

ระหว่างทางขึ้นมีให้เลือกระหว่าลิฟต์ กับบันไดวน ถ้าเลือกทางบรรไดก็เหนื่อยพอควรเลย แต่มีภาพเหล่านางฟ้าเป็นเพื่อนตลอดทาง

tonhok... ได้เลยครับ เที่ยวด้วยกันหลายๆ คนไม่เหงาดีคร้าบ

TAVATIMSA HAEVEN : สวรรค์ดาวดึงส์
ภายในท้องช้างถือเป็นสวรรค์ดาวดึงส์ เพราะเหมือนว่าเป็นยอดเขาพระสุเมรุ เป็นที่ประทับของพระอินทร์ผู้เป็นเทวดาของเหล่าเทวดา คอยพิทักษ์รักษาโลกและมนุษย์ผู้มีศิลธรรม  ภายในห้องนี้อยู่ในโทนสีฟ้าสวยงาม และบรรยากาศการจัดไฟสลัว ทำให้ดูเย็นและสงบมาก

มีพระพุทธรูปปางลีลาเป็นประธาน ซึ่งแสดงเรื่องราวพุทธประวัติ “เสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์” เบื้อหลังพระประธานจึงมีบันไดสามแถว หมายถึงบันไดแก้ว บันไดเงิน และบันไดทอง ที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์

บนเพดานห้องถูกตกแต่งด้วยจิตรกรรมสีฝุ่นรูปสุริยจักรวาล  จากช่างฝีมือชาวเยอรมัน คนเดียวกับที่สร้างผลงานกระจกสีที่เพดานอาคารทรงโดมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ศิลปินผู้ออกแบบอาศัยความโค้งของท้องช้างโดยออกแบบภาพวาดเป็นรูปสุริยจักรวาลในลักษณะร่วมสมัย มีดวงดาวต่างๆในระบบสุริยจักรวาลเรียงรายอยู่ในท้องฟ้าจนสุดขอบจักรวาลภาพ

จิตรกรรมสีฝุ่นนี้เป็นการวาดภาพแบบโบราณของทางยุโรปเช่นเดียวกับการวาดภาพของไทย โดยเริ่มจากทำความสะอาดพื้นปูนที่จะวาดให้เรียบร้อย จากนั้นทาสีรองพื้นทิ้งไว้ให้แห้งก่อนทาทับทั้งหมดสามรอบ แล้วนำกระดาษไขมาปรุตามลายเส้นของภาพจิตรกรรม ใช้สีฝุ่นตบไปตามรอยปรุของกระดาษไข ซึ่งจะได้โครงร่างของภาพเขียนก่อนที่จะลงสี จากนั้นจึงค่อยลงสีตามที่ออกแบบไว้ ภาพจิตรกรรมสุริยจักรวาลเป็นภาพขอบฟ้าอันเวิ้งว้าง ประกอบด้วยดวงดาวต่างๆ ทางช้างเผือก กลุ่มอุกกาบาต ดาวหาง ซึ่งเป็นสรรพสิ่งที่อยู่ร่วมกันในจักรวาล และเราก็คือสิ่งมีชีวิตเล็กๆในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล

พระพุทธสิหิงส์ เป็นองค์จำลองมาจากพิพธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระพุทธรูปประดิษฐานในพระวิมาน หมายถึงพุทธประวัติตอน “โปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์” เป็นเรื่องราวที่พระพุทธองค์เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนดาวดึงส์และเทศนาพุทธมารดา เป็นเวลา 3 เดือน เมื่อครบกำหนดพระพุทธองค์จึงเสด็จลงมายังโลกมนุษย์

นั่งพักสงบๆ ให้หายเหนื่อยแล้ว ลงมาด้านล่าง ซึ่งชั้นล่างนี้เป็นที่จัดวางวัตถุโบราณที่น่าสนใจอีกหลายชิ้นเลย (แต่ห้ามถ่ายภาพที่วัตถุโบราณครับ)

ลวดลายเหนือซุ้มประตู

บรรยากาศแนวสลัวๆ ได้บรรยากาศดี

ข้างตอนตอนนี้แดดออก สลับฝนตกตลอดเวลา

ออกมาชมข้างนอกบ้างครับ พระอินทร์ทรงประทับช้างเอราวัณตั้งที่ด้านหน้าทางเข้า

สามารถนำบัตรไปรับดอกไม้ธูปเทียนสักการะได้ครับ

จากนั้นได้เวลานำดอกบัวไปลอยน้ำ ตามความเชื่อว่าจะได้ลอยสิ่งร้ายๆ ออกไปครับ

บรรยากาศผู้ตอนตอนนำดอกบัวมาลอยน้ำ

หลังจากนั้นตั้งใจเดินชมส่วนสุดท้าย คือสวนโดยรอยที่สมมุติให้เป็นป่าหิมพานต์ ฝนตกมาอีกแล้วครับ คราวนี้เม็ดใหญ่เลย เลยต้องเข้าไปหลบฝนดูลาดเลา ว่าจะเดินต่อ หรือจะต้องตัดใจกลับละครับ

ฝนตกร่วม 20 นาทีเลย แต่ระหว่างฝนซา มีสนุกอยู่ตัวเดียว เล่นน้ำฝน ส่งเสียงใดอย่างมีความสุข เลยแอบถ่ายรูปมาหน่อย

ป่าหิมพานต์
บริเวณโดยรอบเป็นอุทยานพันธุ์ไม้ในวรรณคดี และมีประติมากรรมปูนปั้นรูปสัตว์หิมพานต์ เช่น กินนร กินนรี พญานาค คชสีห์ ราชสีห์ เป็นต้น ซึ่งิงมาจากคติไตรภูมิที่บริเวณโดยรอบเขาพระสุเมรุ จะเป็นป่าหิมพานต์ ซึ่งมีสิงสาราสัตว์ในจินตนาการต่างๆ มากมาย

มีดอกไม้หลากหลายเลย โดยเฉพาะดอกบัว มีหลายสีสวยๆ ทั้งนั้นเลย

ดอกบัวสีเหลืองสดใส

มีสีม่วงแซมก็สวยไปอีกแบบ

เดินเล่นรอบๆ ป่าหิมพานต์กันนะครับ

ซุ่มอยู่ตรงพุ่มไม้ก็มี

ที่นั่งพักระหว่างทาง นี่ถ้าฝนไม่ตก ใต้เงาไม้ครึ้มๆ อย่างงี้ นั่งพักผ่อนสบายเลย

ดอกไม้สีสดๆ

หรือสีขาวเย็นตา ก็มีให้ชมตลอดเส้นทาง

ดอกบัวอีกดอกที่สีสันประทับใจมาก

มีสัตว์ในวรรณคดีหลากหลายให้ได้ศึกษากัน

อยู่ตรงนี้อีกคู่หนึ่งครับ

มีจุดให้อาหารปลา พร้อมชมปลาสีสันสวยงาม

ติดตามชมด้วยคนครับ
ในท้องช้าง สงบ นิ่ง เยือกเย็นจริงๆครับ
หลายคนอาจคิดว่าค่าเข้าราคาสูง แต่ผมว่าคุ้มนะ

ก่อนกลับแวะไปชมที่จุดชมวิว อยู่บริเวณด้านหลังของจุดรับดอกไม้ธูปเทียน จะได้เห็นช้างเอราวัณในมุมสูงหน่อย ส่วนในภาพคือบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ถ้าอยากมาไหว้เฉยๆ ก็สามารถมาไหว้ได้ตรงนี้ ต้องต้องเสียบัตรผ่านประตูครับ

Mr.Cellophane ...ผมว่าลายละเอียดเค้าดีครับ น่าสนับสนุนกับการสร้างศิลปะสวยๆ ให้ได้ชม ผมก็ถือว่าคุ้มมากครับ

ของที่ระลึกจำหน่ายภายใน น่ารักดีนะครับ

นี่ก็น่าสนใจ แต่วันนั้นไม่ได้หยิบกลับบ้านสักอันเลยครับ

บริเวณทางออกแล้วครับ ระหว่างเดินกลับไปที่จอดรถ (จริงๆ เค้ามีรถรับส่ง) แต่อยากเล่นชมวิวเรื่อยๆ ระหว่างทาง

สะพานสีสวยดีนะครับ

รายละเอียดของสะพาน มีสัตว์ในวรรณคดีประดับอยู่เยอะเลย

ก่อนถึงรถ เจอดอกรักริมทาง

สวยมากครับ  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

ปิดท้ายด้วยดอกไม้สีสวย

อยากแนะนำให้เพื่อนลองมาชมที่นี่ และหากมีเวลาทั้งวัน ก็มีที่ให้นั่งเล่นเย็นใจ หรือร้านอาหาร ร้านกาแฟให้นั่ง แต้ถ้าอยากไปเที่ยวต่อ เมืองโบราณ หรือบางปู ก็อยู่ไม่ไกลนัก สามารถเที่ยวต่อได้หลากหลายบรรยากาศดี

จากการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณครั้งนี้ ความรู้สึกต่างจากครั้งแรกที่มามาก
เพราะครั้งนี้ มีเวล่อยู่นานกว่า จากการเดินหามุมถ่ายรูปกลายเป็นว่าเรามีเวลาชมศิลปะแต่ละชิ้นนานขึ้น
ได้มองเห็นความสวยงามของศิลปะแต่ละชิ้น เป็นความสวยที่มากขึ้น
เป็นความประทับใจ และอยากชวนเพื่อนๆ ลองหาเวลามาเที่ยวปากน้ำ ที่อยู่ใกล้แค่นี้เองครับ

เล็กทาโร่ ...ขอบคุณมากครับ

น่าเที่ยวดีครับ มีดอกไม้สวยๆเยอะเลย

ไว้มีโอกาสจะลองไปดูนะครับ

ต้องขอโทษคุณเดี่ยวด้วยนะคะ มาไม่มันถ่ายทอดสดเลย จบซะแล้ว

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจและสวยงามมาก ๆ เลยค่ะ

คงต้องหาโอกาสลองไปเยี่ยมชมบ้าง จะได้เก็บภาพสวย ๆ แบบคุณเดี่ยวบ้าง

ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ

ผ่านบ่อย ๆ ไม่เคยแวะสักครั้ง สงสัยต้องไปบ้างแล้วล่ะเนี้ย

ขอบคุณมากครับ

ภาพสวยมากเลยคะ หลังฝนตกแบบนี้บรรยากาศดีจังนะคะ เคยไปแต่ตอนแดดร้อนเปรี้ยงม่ายไหวเลยละ เอคนปากน้ำมีลดราคาด้วยเหรอคะ น่าอิจฉาจัง ทีหลังต้องขอผู้ว่ากทม ให้ลดราคาแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพบ้างแล้วละคะ อยากใช้บัตรปชชบ้างเหมียนกัน

แอบมาเงียบๆีอีกแระ นึกอยู่ว่าจะเอามารีวิววันไหน อุอุ พลาดอีกแล้วเรา //

แวะมาชมครับ ภาพสวยงามมากๆเลยครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

สวยมากครับ..

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

ขอบคุณมากๆครับผม

Koon Shy_Tour Dee ...ดอกไม้เยอะจริงๆ ครับ ยิ่งบรรยากาศหลังฝนสดชื่นมากเลยครับ

Yai Klong_Tour Rai ...คุณบงคร้าบ.. เข้ามาให้กำลังใจก็ดีแล้วครับ วันหลังเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวแถวนี้ดูบ้างนะครับ มาพร้อม Khun Shy เลยครับ เดี๋ยวเป็นไกด์ให้เองเลยคร้าบบบ...

MrHeng & KooKKiK ...ลองแวะดูนะครับ ไม่ผิดหวังแน่ๆ ผมรับรอง

คุณชายชอบเที่ยว... ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวด้วยกันเช่นกันนะครับ

kamonda... บรรยากาศหลังฝนแลกมาด้วยการอดถ่ายรูปฟ้าสวยๆ ครับ แต่ก็ชุ่มๆ เย็นดีนะครับ

เก๊กฮวยเย็น... ไม่ได้แบบ แต่ปุบปับก็นึกอยากรีวิวขึ้นมาอ่ะครับ เลยไม่ได้บอกล่วงหน้าคร้าบ 5555

กัปตันลูกชุบ / ลอยล่องคนเดียว ...ขอบคุณมากๆ เช่นกันนะครับ สำหรับกำลังใจ

ขอบคุณมากๆครับ
ภาพสวยมากๆครับ ตามเที่ยวด้วยคนนะครับ

 ถ่ายรูปสวยมากค่ะ 

มาเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณด้วยคนนะครับ สารภาพว่าไม่ค่อยได้ไปแถวนั้นเท่าไหร่เลย แหะแหะ

ปล รู้สึกคุณเดี่ยวจะชอบถ่ายดอกไม้นะ น่าจะกัดฟันซื้อ macro ไปเลย รับรองได้ภาพงามๆเพิ่มอีกตรึม

paipaiphuart / สาวหน้าใส ...ขอบคุณมากๆ ครับ

Coffee Blended ...สารภาพว่า เลนส์มาโครน่ะ ไปลูบๆ คลำๆ มาหลายรอบแล้ว แต่ยังตัดใจไม่ได้ซะที 555

ตามไปเที่ยวและสักการะสิ่งศํกดิ์สิทธิ์ด้วยคนครับ

เคยเห็นแต่รูปปั้นช้างไกลๆจากภายนอกรู้สึกว่าใหญ่มาก ภายในยังสวยงามอีก เห็นนรีวิวนี้แล้วทำให้อยากไปมากเลยครับ

เห็นรีวิวนี้ แล้วอยากไปเที่ยวตาม จขกท.เลย

รูปสวย และรีวิวได้ละเอียด มากๆ ครับ  ^^

ภาพสวยมากครับ

noiwanwannoi ...ยินดีคร้าบ

keep it up ...ใช่ครับมองไกลๆ ยิ่งใหญ่อลังการมาก แต่ด้านในก็สวยมากด้วยนะครับ

ไฮเปอร์ แมเนีย ...มีเวลาแวะมาชมนะครับ สวยจริงครับ

Destiny-Boy...ขอบคุณมากๆครับ

รีวิวได้ละเอียด ข้อมูลดีมาก และ ภาพสวยมากครับ

ขอบคุณมากครับที่นำเที่ยว

ภาพสวยมากค่ะ รีวิวได้ละเอียด ย้ายมาอยู่สป. หลายปีแล้วยังไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวเลย ขอบคุณสำหรับรีวิวนะค่ะ

ผึ้งกะว่าวันแม่จะพาแม่ไปเที่ยวด้วยคะ ได้ชมรี่วิวแล้วขอบคุณนะคะ

ฟองสบู่ ...ขอบคุณที่มาเที่ยวด้วยกันครับ ตามชมรีวิวยุโรปของคุณฟองสบู่อยู่ สวยมากเลยครับ

tong&ice ...ขอบคุณที่แวะเช่นกันครับ

ผึ้งตัวกลม ...อย่าลืมพาคุณแม่ไปชมนะคร้าบ..

ไม่เคยไปเลยค่ะ 

hollaneung ...สนับสนุนให้ไปเต็มที่เลยครับ แหะ แหะ.. เจอพอดีรอชมรอลุ้นกับรีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ต่อไปของคุณ hollaneung อยู่นะคร้าบ...

ขอบคุณมากค่ะที่พาเที่ยว

ดูเพลินจัง ขอบคุณนะคะ ภาพหน้าฝนสวยมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ  อยู่ใกล้จริงค่ะ แต่ก็ยังไม่เคยไปเลย