ก่อนอื่น ขออนุญาตกล่าวออกตัวก่อนว่า เป็นการทำรีวิวครั้งแรก หลังจากที่แอบสิงอยู่นาน

แต่เนื่องจากข้อมูลที่ได้ไปท่องเที่ยวมา อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิกทั้งหลาย

และขอขอบคุณทุกกระทู้ที่ให้ข้อมูลมาก่อนหน้านี้อีกด้วย


ขออภัยที่รูปไม่ค่อยสวยนะ

มาให้กำลังใจมือใหม่คะ ขนาดภาพไม่สวยนะเนี่ย


ถ้าสวยจะขนาดไหนคะ เขียวขจีดีจัง เห็นแล้วสดชื่นมาก ไปมาช่วงไหนคะ


ภูเขาคล้ายแถวๆ พังงาเลยคะ แต่คงไม่เขียวเท่า


จะแอบดูวังเวียงด้วยคะ ได้ยินฝรั่งหลายคนชื่นชมความงามของเมืองนี้มากมาย จะรอชมนะคะ

เริ่มเดินทางวันที่ 23 กรกฏาคม 2554
หลังจากที่ดูข้อมูลของเพื่อนๆอยู่สักพักหนึ่ง จึงมั่นใจว่าไปได้แน่ๆ
ด้วยงบประมาณ 8000 บาท เราจะทำอย่างไร
ก็เลยมาลงตัวที่ รถไฟนั่นเอง

ซึ่งรถไฟก็มีหลายขบวนที่ไปหนองคาย
เช่น ขบวนที่ 77 ด่วนดีเซลราง ถึงเวลา 05.05 น.
ขบวนที่ 69 ด่วน ถึงเวลา 08.25 น.
ขบวนที่ 133 เร็ว (อันนี้ฟรี) ถึงเวลา 09.45 น.

แต่ที่เราไปก็ ขบวนรถด่วนดีเซลราง เนื่องจากต้องการไปถึงวังเวียงก่อนมืด จัดไป 2 ที่นั่ง ราคา 506 บาท

สวยครับ  ใครว่าไม่สวย  ตามไปเที่ยวด้วยครับ

ตามไปด้วยคนนะครับ

เที่ยวสไตล์นี้ป้าชอบ ไปเอง ไปโล้ดดดดดดดดดด ไปแบบประหยัด ไปด้วยรถไฟได้บรรยากาศดีมากคะ


ตั้งงบ 8000 บาท แต่ป้าขอแอบทายว่า เกินชัวร์ป๊าด


จะอยู่ดึกเป็นเพื่อนนะคะ

ออกจากสถานีรถไฟบางซื่อเวลาประมาณ 19.20 น. (ช้าเนื่องจากฝนตกหนัก)
ก่าจะไปถึงก็เกือบ 07.00 น.แล้ว

พอไปถึงก็ล้างหน้า แปลงฟัน (ค่าห้องน้ำคนละ 3 บาท)

คราวนี้ก็มีทางเลือกอยู่ 3 ทางเพื่อไปเวียงจันทร์
1.ไปบขส.เพื่อขึ้นรถไปเวียงจันทร์ ค่ารถไปบขส.ก็คนละ 50 บาท
2.รอรถไฟไปท่านาแล้ง คนละ 20 บาท
3.(อันนี้ที่เราเลือก)

ที่เราเลือกคือ เดินจากสถานีรถไฟหนองคาย เพื่อที่จะไปด่านทางออกสะพานมิตรภาพ

เนื่องจากว่าพยาธิในลำไส้ส่งเสียงโห่ร้อง จึงเดินไปร้านอาหารที่หน้าสถานี แล้วถามลุงที่ร้าน  
เค้าก็บอกว่า : สะพานหน่ะใกล้นิดเดียวเอง เดินไปก็ได้

เรา : อ้อ แบบนี้เซฟค่ารถไปอีกคนละ 20 บาท ก็เลยเดินไป

ระหว่างทางก็มีร้านซุปเปอร์มาเก็ตให้ซื้อเสบียงตุน และร้านข้าวให้รับประทานด้วย
ด้วยงบแบบจำกัดก็เลยพกไปหมด

ในรูปนี่หมดๆไปเยอะแล้ว  (ราคาสเบียงรวม 440 บาท อาหารเช้าอีก 55 บาท)

เดินไปเรื่อยๆ เพราะอากาศดี ก็มาถึงด่านซะที หอบของมาเยอะ งกไปได้คนละ 20 หน่ะ

มาปุ๊บก็ไปขอใบสีฟ้าๆที่เจ้าหน้าที่ที่นั่งที่โต๊ะ เพื่อมากรอกรายละเอียด

หลังจากนั้นก็เอาไปยื่นในช่อง (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

แล้วก็มาซื้อตั๋วเพื่อไปฝั่งโน้น
ราคา คนละ 20 บาท

แล้วเราก็ต้องนั่งรอสักครู่ เมื่อผู้โดยสารมาเพียงพอแล้ว
เขาจะขอเก็บตั๋วแล้วขึ้นรถ

รถก็หน้าตาแบบนี้ มีทั้งรถตู้และรถบัส

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมให้กำลังใจหลายๆเด้อ

วิวข้างทางที่มองไปทางไหนก็คือแม่น้ำโขง

พอไปถึงก็ขอเอกสารจากฝั่งลาวมากรอกรายละเอียด

เดินเข้าช่วงทำพิธีการผ่านแดน

เสียค่าธรรมเนียมคนละ 40 บาท

ไปด้วยครับ คุณขวด

หลังจากผ่านแดนมาแล้วก็จะมีที่แลกเงินซึ่งเป็นธนาคาร (อันนี้ไม่ทราบจริงๆว่าราคาดีกว่ารึป่าว เพราะเราแลกที่เวียงจันทร์)

และก็จะมีคนมาถามว่าไปไหนๆ ไปเวียงจันทร์มั้ย บลา บลาๆ ซึ่งราคาก็หลายบาทอยู่

แต่เราถามจากฝั่งไทยมาแล้วว่าคนละเท่าไหร่ เค้าบอกว่าไม่เกิน 25 บาท

เราก็เลยไม่ไป และพยายามมองคนท้องถิ่นไว้ว่าเค้าเข้าเมืองกันยังไง

สรุปว่า เค้าเดินข้ามถนนไปยืนรอที่ป้ายรถเมล์ และจะมีรถมารับ มีทั้งรถโดยสารประจำทาง รถตุ๊กๆประจำทางด้วย
อันนี้เราจ่ายคนละ 25 บาท

เรานั่งรถตุ๊กมาคนละ 25 บาท เค้ามาส่งให้ถึงตลาดเช้า เราก็ไปแลกเงินที่ในห้างฝั่งตรงข้ามนั่นเอง

หลังจากนั้นฝนก็ตกอย่างหนัก ถึงหนักมาก

ต้องวิ่งฝ่าสายฝนไปท่ารถ เพื่อต่อรถไปวังเวียง

ราคาค่ารถที่มีคนมาเสนอก็ 350 บาท 300 250 บาทตามลำดับ (เห็นว่าเป็นรถตู้นะ)

แต่ก็ด้วยความงก ก็เลยไม่ไป

มาไปกับเจ้านี่ดีกว่า ราคาคนละ 40,000 กีบ

(แต่ก่อน 30,000 กีบ) เราก็นึกว่าจะเหมือนกับเวียดนามรึป่าว

ก็เลยไปสืบทั้งขาไปขากลับ และก็ถามชาวบ้าน ซึ่งคำตอบก็คือ ราคาเท่ากันหมด หึหึ

ดูบรรยากาศกันให้ทั่วดีกว่า  ตอนนั้นไปถึงเวลาประมาณ 10.00 น

อีกสักรูปนะ จะได้ไม่ขึ้นผิดคัน

ตามไปเที่ยววังเวียงด้วยคน อีกรอบนะคะ วังเวียงฤดูฝน น่าจะสวยมาก

ระหว่างรอรถออก ผู้โดยสารเต็ม

ก็เข้าห้องน้ำก่อน  คนละ 1000 กีบ

ซื้อเสบียงตุนอีก (หมูยอ) 28,000 กีบ

แล้วก็ได้เวลารถออก 11.30 น. ผู้โดยสารเต็มคันรถ มีทั้งไทย ลาว เกาหลี ฝรั่ง

ทางไม่โหดมาก ใครผ่านแม่ฮ่องสอนบ้านเรามาได้ก็สะดวกโยธิน

ไม่แหวะแน่นอน ระหว่างทางมีแวะให้ไปยิงกระต่ายเหมือนที่กระทู้อื่นๆบอกด้วย

ฝรั่งข้างหลังเลยรีบวิ่งไปลองสักครั้ง สาวๆก็ไปในๆหน่อย แก่ๆก็ข้างทางเลย

หลังจากนั้นไม่นาน รถก็ขับอยู่ ปรากฏมีเสียง ปัง!!! ดังๆข้างๆเรา

เกาหลีสดุ้งตื่น ควันโขมง รถขับต่อ

สักพักจอดแล้วก็รู้ว่า ยางหลัง ข้างๆเราแตก!!!

เปลี่ยนกันแค่ 3 คน แต่เร็วมาก

เหมือนกับว่าเกิดบ่อย เลยชำนาญ

ตอนนี้ก็ขอเข้าห้องน้ำไปก่อน เราพคิดว่าน่าจะนาน เสียไป 1000 กีบ

ออกมาก็เสร็จแล้ว

น่าสนุกครับ

พอมาถึงวังเวียงก็เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว

อยากอาบน้ำมากๆ กะว่าจะเดินหาที่พัก พอข้ามสนามบินมาแล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของ โทนี่เกสเฮ้า เข้ามาติดต่อ ถามว่ามีที่พักรึยัง

เราก็กลัวจะโดนฟัน

ก็เลยทำเป็นไม่สนใจ แต่พอเค้าบอกว่า คนละ 25000 กีบเอง เราก็หูผึ่งเลย

และด้วยความใจง่าย ก็เลยตามเค้ามา แล้วก็ตกลงพักที่นี่ (รูปแทนเอามาจากเว๊ปเค้า)

สภาพห้องโดยรวมดี กว้างมากเราอยู่ชั้น 2

ที่ห้องไม่มีทีวี แต่ถ้าจะเอาต้องอยู่ชั้นล่าง

มีน้ำอุ่นด้วย  และนี่เป็นวิวที่ถ่ายจากห้องพัก

ปล.โรงแรมนี้ไม่ติดน้ำซองนะจ๊ะ ก็เลยเงียบๆเบาๆ

หลังจากได้อาบน้ำ อาบท่ากันแล้ว

ก็ได้เวลาให้อาหารพยาธิกัน

อาหารที่นี่ราคาถูกที่สุดก็ 10000 กีบ

เราก็เลยไปไปชิมหอยเชอรี่ปิ้ง ราคา 2000 กีบ อะไรไม่รู้ปิ้งอีก 3000 กีบ
น้ำปั่นอีก 5000 กีบ ซื้อเบียร์กลับห้องอีก 10000 กีบ
และสุดท้ายก็ ข้าวเหนียว หมูชิ้นใหญ่ปิ้ง คิดราคาเป็นขีดนะ
ข้าวเหนี่ยวนี่ 3000 กีบ หมูนี่ขีดละ 8000 กีบ 2 ขีด 16000 กีบ รวม 19000 กีบ
ซื้อที่ถนนที่มีรถเข็นเยอะๆคล้ายๆกับว่าถนนคนเดิน เพราะรถห้ามผ่าน

หลังจากนั้นก็จิบเบียร์ชมพระอาทิตย์ตก

สักพักฝนตกด้วย

แล้วก็จดๆรายการใช้จ่ายเงิน เพราะเงินมันเยอะ ใช้จ่ายระวังๆ

พร้อมทั้งเตรียมแผนเที่ยววันพรุ่งนี้ต่อ

อันนี้เป็นแผนที่

วันรุ่งขึ้น ตื่นมาตอนเช้า ฟาดมาม่าไปคนละห่อ  (ประหยัดไปได้ 1 มื้อ)

สำหรับผู้ที่จะมาที่นี่ บางที่พักมีน้ำร้อน ชา กาแฟชง ให้บริการฟรีนะ

แต่เราไม่รู้ เลยพกกาต้มน้ำไฟฟ้ามาเองพร้อมกับไข่ไก่ 4 ฟอง

หลังจากนั้นก็ไปเช่าจักรยานมา 10000 กีบ ปั่นไปเรื่อยๆ ไปดูตลาด ดูบขส. ดูบ้านเรียน

ข้างทางเค้าก็มีป้ายรณรงค์ด้วย

มาถึงบขส.

วันกลับนี่ จะมาขึ้นรถที่นี่ก็ได้ ราคาเดิม หรือจะโบกที่บขส.เก่า(หน้าสนามบิน)ก็ได้  ราคาเดิม

แต่ถ้าใครจะกลับรถตู้ก็มาขึ้นที่นี่ หรือซื้อตามเอเย่นส์ก็ได้ ราคาประมาณ 55000 - 60000 กีบ บริการรับที่ที่พักเลย

ปั่นๆไปเรื่อยๆก็หลุดมาที่รีสอร์ทหนึ่ง เห็นว่าได้รับสัมปทานมา ต้องเก็บค่าเข้า เพื่อไปถ้ำ

วิวหลังรีสอร์ท

กระเช้า เวลาข้ามฟากไปถ้ำ

ขากลับ ก็มาเจอตลาด

แดดแรงมาก เราก็นึกว่าเมืองหนาว ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ากันแดด ครีมกันแดดมาซะด้วย

เข้าไปดูตลาดสด

มีขายหลายอย่างเลย

ระหว่างนั้นก็เข้าห้องน้ำไปอีก 1000 กีบ

ก่อนที่สายตาจะมาพบกับร้านนี้ มาถึงที่แล้วต้องลอง

(ราคาส้มตำ 10000 กีบ ซื้อแถวๆที่พักก็ราคานี้)

ได้ตำกระท้อนมา 1 จาน

:D ตามอ่านอยู่นะครับ

ว่าแต่ตอนผมไปไม่เห็นกระเช้าข้ามแม่น้ำ มันอยู่ตรงไหนหว่า ^^'

เท่านั้นยัีงไม่พอ เดินไปหน่อย จัดเฝอมีกอีก 1 ที่ แล้วกินกับหมูยอที่พกไปด้วย ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

เนื่องจากถ่ายจากหลายกล้อง เพราะกล้องหลักมันผีเข้าผีออก บางทีจับโฟกัสไม่ได้ ก็เลยต้องใช้มือถือช่วย เป็นผลให้ภาพออกมาไม่สม่ำเสมอ เหมือนไม่อยู่กะร่องกะรอย
-------------------------------------------------

หลังจากนั้น ทนความร้อนไม่ไหว ทั้งเมืองไม่มีใครบ้าออกมามาปั่นจักรยานตอนบ่าย

เราเลยได้ข้อสรุปว่า กลับห้องไปนอนดีกว่า ก็กลับห้อง พร้อมไข่อีก 5 ฟอง ฟองละ 1000 กีบ

ปั่นๆรถถีบ ก็ระวังรถใหญ่ๆกันด้วยนะ เพราะถนนมี 2 เลนเอง

กลับมานอนตีพุงอยู่ที่ห้อง ตื่นมาตอน 5 โมงเย็น แดดยังร้อนอยู่

รอจน เกือบๆ 6 โมงเย็นเห็นจะได้ ปั่นรถถีบออกไปชมสะพานดีกว่า

ค่าผ่านทาง 6000 กีบ เพราะเป็นจักรยาน
ราคานี้รวมแล้วทั้งไป-กลับ

วิวจากกลางสะพาน

อีกด้านนึง เดี๋ยวจะหาว่ามีด้านเดียว

ชอบสะพานนี้ ตรงที่ก่อนทางขึ้นสะพานจะมีหัวระเบิดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้งสองข้าง สูงสัก เมตรได้มั้ง

ขากลับก็เลยแวะส่งรถ แล้วก็เดินไปชมเมืองเรื่อยๆ

อันนี้ตู้ไปรษณีย์เค้า

เดินมาเรื่อยๆจากไปรษณีย์ ก็จะพบร้านแบบนี้เยอะๆ

แล้วก็จะเจอร้านขายข้าวจี่ โรตี แบบนี้เยอะๆ ราคาเริ่มต้นที่ 10000 กีบ

แล้วก็จะเจอฝรั่งถอดเสื้อเยอะๆด้วย

สักพักก็มาหยุดอยู่กับเจ้าสิ่งนี้

ไก่ปิ้ง กับบาร์บีคิว เห็นว่ากันว่าอร่อย ไม้ละ 5000 กีบ

ซัดไป 2 ไม้ 10000 กีบ

เบียร์ 10000 กีบ

แล้วกลับมานั่งกินมาม่าที่ห้อง T_T คนละ 2 ห่อ

นอนหลับเต็มตื่น

เช้ามาก็มาม่าคนละห่อ

แล้วออกไปเช่ารถเครื่อง(รถจักรยานยนต์) มีอยู่ร้านเดียวที่คิดราคา 30000 กีบ ตลอด 24 ชม.

แต่เราไปไม่ทัน รถหมดแล้ว ก็เลยไปได้ร้านข้างๆมา 30000 กีบ/ 12 ชม.
บ้างร้านก็ 40000 - 50000 กีบ

วันนี้ที่เช่ารถก็เพื่อที่จะไปท้ายเขื่อนอะไรสักอย่างนี่แหละ ที่ระหว่างทางจะมีคนขายปลาส้ม ปลาร้าเยอะๆหน่ะ ขับออกๆจากวังเวียงไทางใต้สัก 27 กม. ก็จะเจอ

อย่าลืม ขับชิดขวา

ในนี้ก็ของขายเยอะนะ  จะมีสารพัดปลาเลย

ลืมบอกไปว่า เติมน้ำมันไป 20000 กีบ

แล้วก็ซื้อปลาส้มมาเป็นของฝาก 55000 กีบ (ทานแล้วเหมือนปลาเค็มบ้านเราแต่รสออกส้มๆ)
ปลาร้าอีก 1 ไห 18000 กีบ
ซื้อน้ำเปล่า (เนื่องจากร้อนมาก)  3000 กีบ
น้ำอัดลม 7000 กีบ

ขับรถไป-กลับ 54 กม.

ผิวไหม้ ดำเหมือนหมี

เพื่อปลาร้า 1 ไห ปลาส้มหลายถุง แล้วแวะเอาไปเก็บที่ห้อง

ก่อนไปบลูลากูน เนื่องจากบ่ายโมงแล้วเลยไปทานส้มตำ+หมูย่าง 33000 กีบ
แวะดื่มน้ำปั่น 10000 กีบ/2แก้ว
สลัดผลไม้รวม 12000 กีบ ที่ร้านริมน้ำซอง

แล้วไปต่อบลูลากูน ไปทางสะพานที่เก็บเงินค่าข้ามเมื่อวาน
ค่าข้าม (รถเครื่อง) 10000 กีบ ทางก็ประมาณนี้

พอไปถึงก็จะเก็บค่าเข้าอีก คนละ 10000 กีบ รวม 20000 กีบ

วิวๆ เขียวจริงๆ

อีกมุม

ระหว่างทางกลับก็เจอเด็กๆ เข้ามาทักทาย "สบายดี สบายดี"

แล้วก็รีบปีนขึ้นบนราวสะพาน เพื่อให้เราถ่ายรูป

พอเด็กๆโดดลงไปพร้อมกับเสียงแชะ

เค้าก็หันมาโบกมือให้เราถ่ายอีก น่ารักมากๆเลย

หาอยู่นาน

กลับมาก็ขับรถเล่นสักแปป

ก็เหลือบไปเห็น

แล้วก็กลับห้อง ไปอาบน้ำ

ออกมาคืนรถ พร้อมกับไปรับประทานอาหารอินเดีย

ราคา 38000 กีบ

วันรุ่งขึ้น ตื่นเวลา 5.30 น. (หลังจากที่เมื่อคืนไปนั่งฟังเพลงกับเบยลาวไป 2 ขวด 30000 กีบ)
เพื่อมากินมาม่ารองท้องคนละห่อ
ชำระค่าห้อง 3 คืน เป็นเงิน 150,000 กีบ

ก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ ต้องไปให้ทันรถ 7.00 น เพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟที่หนองคาย

ขอพักก่อนนะ

เดี๋ยวจะกลับมา พร้อมกับภาค 2 วัดภูเด้อ

ตามมาเที่ยวจนเมาเบียร์ไปด้วยแล้วเนี่ย

ชอบทริปนี้จังเลย ลุยๆ อยากไปไหนก็ไป เจออะไรน่ากินก็แวะกิน

รอไปวัดพูด้วยคนนะคะ

ตามมาเก็บข้อมูล

ตามมาชมรีวิว+เก็บข้อมูลครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เคยไปวัดภูมาแล้วครับ แต่ยังไม่เคยไปวังเวียงซักที ขอมาเก็บข้อมูลไว้แล้วกันครับ **ถ้าถึงวัดภูแล้ว ให้ดีเลยไปปากเซ ดอนเดชด้วยจะคุ้มมากๆครับ

ตำกระท้อนชวนน้ำลายไหล อยากกินค่ะ  

ไปเที่ยววังเวียงด้วยคนครับ

มารอไปเที่ยววัดภูต่อครับ

ไปต่อกันที่ภาค 2 เลยนะ

คิดถึงวังเวียงจังเลย ^^