หลังจากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทาง ไปทันรถ 7.00 น เพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟที่หนองคาย

แต่รอบนี้ไม่ได้นั่งเมล์ประจำทางหรอกนะ
เพราะว่า ตอนที่ออกมารอรถ ได้มีรถสองแถวมาหาผู้โดยสารก่อน
และที่สำคัญ ราคาเท่ากันกับขามา อยู่ที่ 40000 กีบ

เราก็กะว่าจะได้นอนเหยียดยาวบนรถสองแถว ประกอบกับเป็นพวกใจง่าย เลยตามขึ้นรถไป

ตามไปเที่ยววังเวียงต่อครับ  วันนี้ถึงแน่นะครับ

รถคันนี้วิ่งเร็วกว่ารถเมล์ เพราะถ้าปกติ ขึ้นรถรอบ 07.00 น. จะถึงเวียงจันทร์เวลาประมาณ 11.00 น.
แต่รถคันนี้มาถึงเวียงจันทร์เวลา 10.30 น. ซึ่งมีเวลาเหลือเพื่อที่จะขึ้นรถตุ๊กๆ(ที่เป็นรถคิวหรือรถท่า)เพื่อไปสะพานมิตรภาพ

เมื่อเราไปถึงตลาดเช้า ให้เดินออกจากตลาดเช้าแล้วเดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆจะพบคิวรถไปสะพานมิตรภาพ
เค้าจะถามว่า จะท่า(คอยให้เต็ม) หรือจะเหมา เมื่อเวลาเราเหลือ จึงไปรถท่า
ราคานี่ เค้าบอกเรามาก็หลายบาทอยู่ แต่เราต่อเท่ากับราคาปกติ คือ คนละ 6000 กีบ

พอมาถึงด่านก็ต้องผ่านพิธีการตามปกติ จ่ายค่ารถคนละ 20 บาท แต่เราจ่ายเงินกีบนะ คนละ 4000 กีบ  แล้วก็แวะซื้อข้าวจี่ + น้ำไว้เป็นเสียง รวม 20000 กีบ
ผ่านทุกอย่างมาก็ได้เวลาประมาณ 12.15 น เดินจากสะพานมิตรภาพ หอบปลาร้ามา 1 ไห มุ่งหน้าไปสถานีรถไฟหนองคาย ให้ทันรถไฟฟรี รอบเวลา 13.04 น.

ขอบใจหลายๆเด้อที่ติดตาม  ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปวัดภูแล้วเด้อ
------------------------------------------------
เราไปถึงสถานีเวลา 13.00 น.พอดีเดะๆ เนื่องจากจำเวลารถไฟออกผิด นึกว่าออกเวลา 13.34 น.
เดชะบุญ รถไฟไทย มาหลังเวลาไปหน่อย ทำให้เราได้รับประทานข้าวเที่ยงก่อนขึ้นรถ...

ปล.การนั่งรถไฟ ผู้โดยสารต้องมีตั๋วแม้จะเป็นรถฟรีก็ตาม วิธีการได้ตั๋วมาก็ไม่ยาก แค่ไปแสดงตนโดยใช้บัตรประชาชนแล้วก็รับตั๋วมา

บนรถโล่งมาก เพราะเป็นรถขบวน 418 รถท้องถิ่น จอดทุกสถานี
เป้าหมายที่จะไปก็คือ นครราชสีมา เพื่อต่อรถไฟฟรี ขบวนที่ 145

จอดทุกสถานีจริงๆ ของกินก็ถือว่ามีตลอดทาง

เมื่อขวบรถที่เรานั่งไปถึงที่หมายจากกำหนดการเดิม 19.25 น.
แต่เราไปถึงเวลา 20.30 น.

เราก็ต้องรีบลงจากรถ แล้วไปขอตั๋วรถไฟฟรีขบวนที่ 145 รถเร็ว รอบเวลา 21.15 น. เพื่อมุ่งหน้าต่อ อุบลราชธานี

แต่เดชะบุญ การรถไฟไทย เมื่อขบวนรถเราไปสาย ขบวนรถอื่นก็สายด้วย เป็นผลให้เราได้ไปนั่งรับประทานอาหารนั่นเอง

เมื่อรถไฟผ่านชุมทางถนนจิระ  เราก็ดูข้างทางว่ามีอาหารอะไรน่ากินบ้าง

จนสายตามาบรรจบกับร้านนี้

เดินออกจากสถานีรถไฟนครราชสีมา ไปทางขวามือเรื่อยๆ ร้านนี้จะอยู่ใกล้ๆกับร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ซึ่งทั้งหมดอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟนั่นเอง

ก็ด้วยความที่เราซัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปหลายมื้อ ทำให้มื้อนี้ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบจะไหล


เอามาให้ชมจานเดียวพอ  เพราะอีกจานนี่โดนเขมือบไปแล้ว

หลังจากอิ่มสบายท้อง ก็หาซื้อน้ำท่าให้เรียบร้อยขึ้นรถไฟไปต่อ (มาสาย 1 ชั่วโมง)
แล้วก็ถึงสถานีรถไฟอุบลราชธานี(ไม่ได้ถ่ายตอนไปถึง) เมื่อเวลา 05.10 น. (มาถึงตรงเวลา)
ก็นั่งติดแหง็กอยู่ในสถานี เพราะหาทางไปบขส.ไม่ถูก
จนกระทั่งไปเจอแผนที่ที่เทศบาลจัดไว้ให้ ก็ต้องสบถออกมา เพราะสถานีรถไฟนี้อยู่อ.วารินชำราบ
แล้วบขส.มันอยู่อ.เมือง แล้วจะไปยังไง  ค่ารถรับจ้างนี่ก็หลายตังค์อยู่ ซื้อข้าวกินได้คนละจานเลยนะนั่น

นั่งเครียดได้สักพักก็ตัดสินใจ เดินฝ่าออกมาท่ามกลางความมืด ไปหาเอาดาบหน้าดีกว่า จนมาพบคนวิ่งออกกำลังกาย รปภ. ป้ากำลังไปจ่ายตลาด เลยทำให้รู้ว่าที่อุบลฯนี่มีรถสองแถววิ่งไปเป็นเส้นทางๆ ค่ารถนี่สบายๆ คนละ 10 บาทตลอดสาย
จากสถานีรถไฟไปบขส.นี่ขึ้นสาย 2

พอมาถึงบขส.ก็ฝากปลาร้าไว้กับร้านขายของชำเพราะไม่มีที่รับฝากอื่น ค่าฝากนี่ 50 บาท
หาตั๋วไปช่องแม็ก ซึ่งถ้าไปรถประจำทางอุบลฯ-ปากเซ ราคาคนละ 200 บาท รอบเช้าสุดนี่ 09.30 น.
แต่เรารอไม่ได้ เลยไปรถตู้ อุบลฯ-ช่องแม็ก คนละ 100 บาท(เต็มแล้วออกเลย)แล้วค่อยไปหารถต่อเอง
ระหว่างทางแค่ 94 กม. เราเจอด่านไป 4 ด่าน แถถมบอกให้ผู้โดยสารตรวจฉี่ทุกรอบ

อันนี้รูป
*************************************
พอมาถึงก็ ซัดข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำก่อนเข้าด่านอีก

โอ้วว เป็นการเดินทางที่เมามันส์มากครับ
ผมรอลุ้นตอนไปวัดภู ฮ่าๆ เพราะผมยังไม่ได้ไปที่นี่ :D

เข้าด่าน ทำพิธีการ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

เข้าลาว ด่านนี้เสียคนละ 50 บาท แต่เรามีแต่เงินกีบ เค้าคิด คนละ 10000 กีบ

แล้วก็เดินออกไปเรื่อยๆจนสุดทาง ก็จะพบกับคิวรถไปปากเซ ราคาคนละ 80 บาท

แต่เราก็มีแต่เงินกีบ (แลกไว้นาน และยังไม่หมด) คนละ 20000 กีบ

เมื่อมาถึงปากเซ ก็ต้องหาทางไปวัดภู

ที่คิดได้ก็มี 1.เหมา  2.เช่ารถ  3.ไปกับทัวร์

เราไม่คิดไรมาก ก็เลยเช่ารถไปกันเองดีกว่า ราคาค่าเช่ารถจักรยานยนต์ 60000 กีบ/12ชม.

แต่ ร้านเช่ารถอยู่ไหน ก็เลยต้องเดินหาด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว มีรภรับจ้าง(เค้าเรียกว่ารถอะไรจำไม่ได้) มาบอกว่าไปไหมๆ ที่จะไปนั่นไกลนะ คนละ 5000 เอง

เราก็คิดว่า คงไม่ไกลหรอก โดนหลอกอีกแน่ๆ 5000 นี่กินน้ำได้ 1 ขวดเลยนะนั่น  ก็เลยเดินหาเอง  

นี่ก็คงเป็นพระราชวัง (เดินผ่านโดยบังเอิญ)

ตอนนั้นเช่ารถเวลา 13.00 น. แต่ด้วยความที่อยากจะไปวัดภูที่เดียว เลยต่อราคาว่าจะเอารถมาคืนตอน 16.00 น. นี่ขอราคา 40000 กีบได้มั้ย  
ด้วยเสน่ห์ที่มีอยู่ เป็นผลให้เค้าตอบตกลง (ประหยัดไป 20000 กีบ)
เติมน้ำมัน 25000 กีบ แล้วก็ซิ่งโลด
ปล. ขับชิดขวาเน้อ

การไปวัดภู เท่าที่ทราบนี่ไปได้ 2 ทาง
1. ก็คือทางที่เราไป
2.คือทางที่ต้องเอารถขึ้นบนบั๊ค(แพขนานยนต์)ข้ามแม่น้ำโขง

ซึ่งทางที่เราไปนี้ ปัจจุบันก็เปิดใช้แล้ว เพียงแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

ช่วงแรกก็ทางลาดยางอย่างดี  โดยขับออกจากปากเซ
ย้อนกลับมาข้ามสะพานข้ามโขงทางเดียวกันกับที่จะไปช่องเม็กนั่นแหละ

ขับมาได้สัก 3 กิโลเมตรก็จะเจอทางเลี้ยวซ้าย จะมีป้ายใหญ่ๆบอกว่า วัดภู ยินดีต้อนรับ ประมาณนั้นนะ

ระยะทางก็ประมาณ 47 กิโลเมตร 12 กิโลเมตรสุดท้ายนี่ทางลูกรัง

วิวข้างทางงามๆ

ถนนโล่งๆ บิดไปได้ 80 กม./ชม.

ข้อควรระวัง ก็มีตำรวจ ดักจับความเร็ว  แล้วก็แพะกับวัวเจ้าถิ่น เพราะมันเดินข้ามกันแบบชิวๆ

แล้วก็มาถึงซะที  ลงจากรถ บิดตูดซะหน่อย เพราะเมื่อยมาก

เวลาเปิดทำการของที่นี่

ลืมรูป เวลาเปิดทำการ

ค่าเข้าชมก็คนละ 30000 กีบ

ก่อนหน้าจะซื้อตั๋วก็จะมีพนักงานจดแจ้งว่ามากี่คน แล้วนำใบที่พนักงานให้เพื่อมาชำระเงินและรับตั๋ว(อีกที่นึง)

หลังจากนั้นก็เอาตั๋วมาให้ที่นี่(ทางเดินเข้าชม)ทำตำหนิตั๋วหรือตรวจตั๋วนั่นเอง

เดินมาได้สักพักก็จะเจอ

แล้วก็สิ่งที่เห็นด้านหน้า

พอหันหลังกลับมาก็จะเจอทางเข้าจริงๆ ที่สมัยก่อนเค้าเข้ากันทางนี้(มั้ง)

อันนี้ที่เค้ากำลังบูรณะ

ทางเดินชั้นต่อมา

ด้านขวาของรูปด้านบนนะ

เดินต่อมาเรื่อย พบบันไดสัก 3 ขั้นได้

อันนี้อยู่ทางซ้าย(มั้ง)

คราวนี้เราก็จะเจอบันไดนี้ แต่ห้ามผ่าน
ให้เดินอ้อมเอา  เค้าจะมีบันไดไว้ให้

กราบนมัสการ

เจอทางเดินเกือบเรียบอีกที

แล้วเราก็จะเจอบันไดทางขึ้น ซึ่งชันมาก ก็ระมัดระวังกันหน่อย

ภาพเขียวๆ ซึ่งปกคลุมอารยธรรม

จากนั้นเราก็จะมาเจอวิหารชั้นบนสุด

ภายในวิหาร ก็จะเจอพระพุทธประธาน

อ้อมไปด้านหลังก็จะเจอหินแกะสลักก้อนใหญ่

ด้านข้างวิหาร

อีกด้านนึง

ภายในวิหาร มุมเงยขึ้นไปทางหลังคา

ก่อนออกมาชมทัศนียภาพมุมสูง

ทิวทัศน์มุมสูง เห็นภาพอย่างกว้างๆ

เขียวดีจริงๆ

ขากลับก็มาเจอ

อยากรู้จังว่า ตอนที่ยังสมบูรณ์นี่ จะเป็นอย่างไร

ขากลับแล้ว

ป้ายเ้กี่ยวกับการบูรณะ (มั้ง)

ตอนขากลับก็ลองเดินทางตรงกลางระหว่างอ่างน้ำทั้งสอง

พอมองย้อนกลับเข้าไปอีกทีนึง ก็สวยไปอีกแบบ

แล้วก็บึ่งรถออกมา เพื่อให้ทันส่งรถเวลา 16.00 น.

ระหว่างทางก็เจอแพะกับวัวเดินตัดหน้ารถ (ระวังด้วยนะ)

หลังจากนั้นก็โบกรถรับจ้างเพื่อให้มาส่งที่ท่ารถตู้ไปช่องเม็ก คนละ 5000 กีบ

เพราะเดินมาเมื่อตอนเช้าเลยรู้ว่าไกลและต้องรีบไปให้ทันรถไปช่องเม็ก (เนื่องจากคนน้อยทำให้ต้องจ่ายค่ารถคนละ 25000 กีบ)

และต้องต่อรถจากช่องเม็กไปบขส.อุบลฯ ซึ่งรถหมดเวลา 17.45 น.(คันสุดท้าย)

เดินจากด่านฯไปถึงบขส.ก็พอดีเวลาเป๊ะๆ รถคันสุดท้ายออกพอดี

ถึงบขส.ก็แวะเอาปลาร้าก่อน แล้วค่อยไปหาที่พักในตัวเมืองอุบลฯ
หาข้อมูลในนี้มาก่อนแล้ว เห็นว่าแถวๆหลังโลตัสนี่มีที่พัก ก็เลยตามไป

นั่งรถสองแถวสาย 10  คนละ10 บาท

ลงหน้าโลตัสด้วยสภาพที่ไม่มีใครอยากคุยด้วย โทรหาที่พัก ปากกฏว่ามาถูกใจกับที่นี่ คืนละ 450 บาท (อันนี้รูปแทน)

ตอนไปถึงก็เกือบๆ 2 ทุ่มแล้ว ก็เลยไม่ได้ถ่ายด้านหน้าไว้
เอารูปภายในมาฝากดีกว่า
ข้อดี
1. ใหม่   2.กว้าง   3.สะอาด   4.มีระเบียง   5.เงียบ
ข้อเสีย
1.ลึกเดินไกลจากปากซอย(ถ้ามีรถก็ไม่เป็นไร)

จากเตียงไปทีวี

มุมจากประตูห้องไประเบียง

ในห้องน้ำ

ชักโครก  มีสายฉีด

กว่าจะอาบน้ำ ทานอาหารเย็น ได้นอนก็เที่ยงคืน

พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับกทม.ด้วยรถไฟฟรีเพื่อประชาชน

ซึ่งมีเพียงขบวนเดียวคือ ขบวนรถเร็วที่146 ออกเวลา 8.45 น. ถึงกทม. 21.00 น.

เราต้องตื่นตอน 07.00 น. เพื่อจัดกระเป๋าใหม่  อาบน้ำ หาเสบียง ขึ้นรถสองแถวสาย 2 ไปสุดสายที่สถานีรถไฟเลย

สรุป ทริปนี้ ทรมานตูด

สรุปค่าใช้จ่าย  ทั้งหมดนี้รวม 2 คนแล้ว
วัันแรก 23 ก.ค. 54
ค่าตั๋วรถไฟ กทม.- หนองคาย          506   บาท
ค่าของใช้จิปาถะ                     99   บาท
ค่าน้ำดื่ม + ค่าอาหารเย็น               50   บาท
        รวม                    685   บาท

วันที่สอง  24 ก.ค. 54
ค่าเสบียงทั้งหมด                     519   บาท
ค่าอาหารเช้า                         55   บาท
ค่ารถโดยสารข้ามสะพานมิตรภาพ            40   บาท
ค่าธรรมเนียมเข้าประเทศลาว               80   บาท
ค่ารถจากท่านาแล้งไปตลาดเช้า             50   บาท
          รวม(เงินไทย)            744   บาท
แลกเงินมา 5000 บาท ได้  1,337,000 กีบ (อัตราแลกเปลี่ยนที่ 267.50)
ค่าหมูยอ                        28000   กีบ
ค่ารถจากเวียงจันทร์ไปวังเวียง           80000   กีบ
ค่าเข้าห้องน้ำ 3 ครั้ง                 3000   กีบ
ค่าที่พัก                         50000   กีบ
ค่าเบียร์ + น้ำดื่ม+ ของกินเล่น         20000   กีบ
ค่าอาหารเย็น                      19000   กีบ
         รวม(เงินกีบ)          200,000   กีบ

วันที่สาม   25 ก.ค. 54
ค่าเช่ารถจักรยาน                    10000   กีบ
ค่าห้องน้ำที่ตลาด                     1000   กีบ
ค่าตำกระท้อน และเฝอ                20000   กีบ
ค่าไข่ไก่ 5 ฟอง                     5000   กีบ
ค่าน้ำปั่น + น้ำดื่มขวดใหญ่             15000   กีบ
ค่าข้ามฟากที่สะพาน                   6000   กีบ
ค่าไก่ปิ้ง + บาร์บีคิว                  10000   กีบ
ค่าเบียร์                           10000   กีบ
ค่าห้อง                            50000  กีบ
         รวม (เงินกีบ)           127,000  กีบ

เดี๋ยวนี้ที่ อุบลเขามีแท็คซี่มิตเตอร์แล้วครับ แต สองแถมย่อมถูกกว่า 555

วันที่สี่ 26 ก.ค. 54
ค่าเช่ารถจักรยานยนต์                30000   กีบ
ค่าน้ำมันเบนซิน                    20000   กีบ
ค่าปลาร้า + ปลาส้ม                73000   กีบ
ค่าน้ำดื่ม                        10000    กีบ
ค่าส้มตำ+ข้าวเหนียว+หมูย่าง           33000   กีบ
ค่าน้ำปั่น+สลัดผลไม้รวม              17000   กีบ
ค่าข้ามสะพาน+เข้าชมบลูลากูน          30000   กีบ
ค่าอาหารเย็น(อาหารอินเดีย)           38000   กีบ
ค่าเบียร์                         30000   กีบ
ค่าห้อง                          50000   กีบ
            รวม (เงินกีบ)       331,000  กีบ

วันที่ห้่า  26 ก.ค.54
ค่ารถกลับจากวังเวียง - เวียงจันทร์             80000   กีบ
ค่ารถจากตลาดเช้าไปสะพานฯ                 12000   กีบ
ค่าข้าวจี่ + น้ำดื่ม                         20000   กีบ
ค่ารถจากด่านลาว-ด่านไทย                   8000    กีบ
                รวม(เงินกีบ)           120,000  กีบ
ค่าน้ำอัดลม + น้ำดื่มบนรถไฟ+ น้ำอื่นๆ            80   บาท
อาหารเืที่ยง                               65   บาท
ของกินจิปาถะ+ของกินบนรถไฟ                  90   บาท
อาหารเย็น (สเต็ก)                         164  บาท
น้ำ+เบียร์+จิปาถะ (ซื้อตุนไว้ใช้บนรถไฟ)           151  บาท
             รวม(เงินบาท)               550  บาท

วันที่หก   27 ก.ค. 54
ค่ารถสองแถวจากสถานีรถไฟอุบลฯ - บขส          20   บาท
ค่าฝากของ                                50   บาท
ค่ารถตู้จากบขส.-ช่องเม็ก                     200   บาท
ค่าเข้าห้องน้ำ                                6   บาท
ค่าอาหารเช้า(ส้มตำ+ข้าวเหนียว+ไก่ย่าง)            70   บาท
               รวม(เงินบาท)             346   บาท
ค่าธรรมเนียมเข้าลาว                        20000   กีบ
ค่ารถจากช่องเม็ก-ปากเซ                     20000   กีบ
ค่าเช่ารถจักรยานยนต์                        40000   กีบ
ค่าน้ำมันเบนซิน                            25000   กีบ
ค่าเข้าชมวัดภู                             60000   กีบ
ค่าเฝอ+กาแฟ                             27000   กีบ
ค่ารถรับจ้าง                               10000   กีบ
ค่ารถกลับปากเซ-ช่องเม็ก                     50000   กีบ
              รวม(เงินกีบ)              252,000  กีบ
ค่ารถจากช่องเม็ก-บขส.                       200   บาท
ค่ารถสองแถวจากบขส.-โลตัส                    20   บาท
ค่าห้องพัก                                 450   บาท
ค่าอาหารเย็น                               250   บาท
              รวม (เงินไทย)             920    บาท

วันที่เจ็ด  28 ก.ค. 54
ค่าอาหารเช้า                              70   บาท
ค่าน้ำดื่ม                                 20   บาท
ค่าอาหารเที่ยง                             60   บาท
ค่ารถโดยสารประจำทาง                       16   บาท
              รวม(เงินไทย)              166  บาท


    ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น            เงินไทย      3,411   บาท
                          เงินกีบ   1,030,000   กีบ (ประมาณ 4120 บาท)

สรุป เงินเหลือ  หึหึ

บูรณะนานมากๆ ตั้งแต่ไปเที่ยว 3ปีที่แล้ว เป็นหน้าร้อนคนเยอะ

หน้าฝนดูรกๆ  แต่ได้อีกอารมณืหนึ่ง

สุดยอดมากครับ

สั้นๆ
สุดยอดครับ!!!!!!!

เยี่ยมจริงๆ  เหมือนไปเอง

ขอบคุณครับ

เกาะตามติดไปด้วยคนครับ

ไปเที่ยวด้วยคนเจ้า

ขอบคุณสำหรับรีวิว+ข้อมูลมากเลยครับ

ตามมาดูต่อ  ขออนุญาตเก็บไว้เป็นแนวทางไปเที่ยวบ้างนะครับ

 ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ 

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมมาก


เและรีวิวนี้ทำให้ได้รู้ว่า มันยากและต้องใช้เวลาขนาดไหน


แต่ยังไงก็ตาม ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวที่อื่นให้อีก

สุดยอดครับ บริหารเงินได้เก่งมากๆ

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ