วันนี้จะแนะนำอุทยานแห่งชาติ Vatnajökull กันซักเล็กน้อย (ใช้โปรแกรม Google Translate แปลและแก้ไขข้อความบางส่วน)

Vatnajökull National Park ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของธารน้ำแข็ง Vatnajökull และพื้นที่โดยรอบ รวมถึงสวนสาธารณะแห่งชาติก่อนหน้านี้ที่อยู่ใน Skaftafell ของทิศตะวันตกเฉียงใต้และ Jökulsárgljúfur ของภาคเหนือ ดังนั้นอุทยานแห่งชาตินี้จึงครอบคลุมพื้นที่ 13% ของไอซ์แลนด์และจัดว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป

โดยทั่วไปสวนสาธารณะแห่งชาติได้รับการคุ้มครองพื้นที่ที่มีการพิจารณาที่ไม่ซ้ำกัน เนื่องจากลักษณะหรือมรดกทางวัฒนธรรม คุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติ Vatnajökull เป็นหลักความหลากหลายมากของคุณสมบัติภูมิทัศน์ที่สร้างขึ้นโดยการรวมกันของแม่น้ำ น้ำแข็ง ธารน้ำแข็ง และภูเขาไฟ รวมถึงกิจกรรมความร้อนใต้พิภพ

Vatnajökull เป็นธารน้ำแข็งใหญ่ที่สุดของยุโรปมีพื้นที่ของพื้นผิวได้ 8,100 ตร.กม. น้ำแข็งส่วนใหญ่จะมีความหนา 400-600 เมตรและมีความหนาที่สุดถึง 950 เมตร น้ำแข็งปกคลุมภูเขา หุบเขา และที่ราบ ซึ่งยังซ่อนอยู่ในภูเขาไฟตอนกลางบางส่วน  ทั้ง Bárðarbunga ที่ใหญ่ที่สุดและ Grímsvötn ที่ยังปะทุอยู่ ในขณะที่ชั้นน้ำแข็งที่เพิ่มขึ้นอยู่สูงสุดกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในขณะที่ฐานธารน้ำแข็งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 300 เมตร ไม่มีที่ใดในไอซ์แลนด์ที่มีน้ำไหลลงสู่ทะเลมากกว่าด้านทิศใต้ของ Vatnajökull ที่ซึ่งน้ำปริมาณมากถูกจัดเก็บอยู่

ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.vatnajokulsthjodgardur.is/english/education/
http://www.icetourist.is/

หม่ำอาหารเช้าเป็นข้าวผัดไข่ หลังจากนั้นออกไปถ่ายรูปบริเวณรอบๆ ที่พัก

..

..

..

แวะถามที่ reception เกี่ยวกับทัวร์แทร็กเตอร์ที่จะขับไปบริเวณจุดชมวิวแถวๆ นี้ แต่ไม่ได้ซื้อทัวร์เพราะพยากรณ์อากาศวันนี้ฝนตกทั้งวัน อากาศจะกลับมาแจ่มใส่ขึ้นตอนเย็นๆ

เช้านี้ฝนตกพร้อมกับฟ้าที่มืดครึ้มมีแต่เมฆเต็มไปหมด

มาถึงหน้ากลาเซีย Jokulsalon ฝนตกพรำๆ แต่ก็ทำให้เปียกเพราะไปยืนถ่ายรูป Glacier Lagoon

สักพักเดินเข้าไปนั่งในร้านกาแฟ เจอนักท่องเที่ยวนั่งหลบฝนกันแน่นเลยวุ้ย เห็นบอกว่ามีเรือออกไปทัวร์กลาเซียด้วย ทั้งๆ ที่ตามโบรชัวร์บอกว่าจะเปิดในสัปดาห์หน้า เข้าไปถามมีรอบ 12:10 ราคา 20 ยูโร

อากาศเย็นมาก เพราะฝนตกและอยู่ท่ามกลางธารน้ำแข็ง ไกด์หยิบน้ำแข็งขึ้นมาบอกว่าก้อนนี้มีอายุกว่าพันปี แล้วใช้ฆ้อนทุบเป็นก้อนเล็กๆ เอามาให้ทุกคนชิม ในที่สุดก็ได้กินแล้ว น้ำแข็งพันปี

ตามมาเที่ยวต่อครับ

ดูรอยยิ้มของคุณแฟน มีความสุขมากที่ได้นั่งเรือชมน้ำแข็ง ท่ามกลางสายฝนและอากาศที่หนาวเหน็บ

มีชาวต่างชาติพาลูกมานั่งเรือด้วย อายุน่าจะประมาณ 5 ขวบ ไม่บ่น ไม่ร้อง นั่งดู ยืนดู อายเลยเรา

รูปธารน้ำแข็งคงพอแค่นี้ เพราะฝนตกรูปไม่สวย

แนะนำให้ไปดูรูปเพิ่มเติมในกระทู้ของคุณหมอ MedicinePath แทน เพราะไปถ่ายตอนวันที่อากาศสดใส และใช้กล้องดี ภาพสวยมากครับ
------------------กลาเซียร์ ใน ไอซ์แลนด์ เยอะจริงไรจริง-------------
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10857552/E10857552.html

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

ร้านกาแฟที่จัดทัวร์ชมธารน้ำแข็ง มีเพียงร้านเดียวครับ ได้ข้อมูลมาว่าเป็นสัมปทาน

ป้าย

ประวัติ

น้องแฟนไม่ค่อยสบาย ระหว่างนั่งรอเห็นแมวน้ำเลยซูมเข้าไปได้แค่นี้

ออกเดินทางต่อ ข้ามสะพานมาอีกฝั่งเพื่อถ่ายรูปเพิ่มเติม

น้ำแข็งที่แตกเป็นก้อนเล็กๆ ไหลลงสู่ทะเลพร้อมน้ำ

ขับรถผ่านบริเวณบ้านเป็นหลังๆ น่าจะเป็นที่พักและโรงแรม เพราะอยู่ใกล้กับธารน้ำแข็ง Jokulsalon ตอนที่ถ่ายนี่เผอิญเมฆฝนยังเคลื่อนมาไม่ถึง ทำให้มีแดดส่อง

ทิวเขาที่เป็น ภูเขาที่มีหิมะปกคลุม ภูเขาสีดำ ภูเขาสีน้ำตาล เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต

ตามมาเที่ยวด้วยครับ

โฮะ โฮะ โชคดีจริงๆ ที่ยังพอมีแดดเป็นบางแห่ง

ขับรถต่อ หยุดลงไปถ่ายรูป

เกือบสิบรอบได้ จนได้รูปกลาเซียร์ที่ต่อเนื่องกัน

ใกล้ธารน้ำแข็งได้มากที่สุดแค่นี้ครับ เพราะทางเดินไม่มี รถเข้าก็ไม่ได้

กลาเซียร์นี้เป็นผืนใหญ่และกว้างมากครับ จำชื่อไม่ได้ อยู่ติดๆ กัน

เมื่อกี๊เป็นภาพถ่ายด้านข้าง คราวนี้ถ่ายด้านหน้าครับ

มาถึง Svinafellsjokull Glacier ที่เป็นจุดสำหรับเดินแทร็กโดยบริษัททัวร์

น้ำแข็งมีสีดำปนเพราะมีดินอยู่เยอะมาก

เดินขึ้นไปบนจุดชมวิวด้านบน

มองลงไปด้านล่าง เห็นคนขุดน้ำแข็ง สงสัยไกด์มาขุดร่องทางเดินให้กับลูกทัวร์

มองแล้วเหมือนลิ้นมั๊ยครับ เป็นที่มาของชื่อการเดินแทร็กว่า Glacier walk, Svinafellsjokull Glacier Tongue, Iceland

ข้อมูลจาก http://www.panoramio.com/photo/27971885

พื้นที่แห่งนี้ยังมีความงามซ่อนอยู่

..

ออกเดินทางต่อ เห็นพื้นที่สีขาวไกลๆ ตอนแรกนึกว่าทะเล แต่พอเข้าไปใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นธารน้ำแข็ง

ภูเขาที่มีหิมะปกคลุม อยู่ใกล้ๆ กับกลาเซียร์ มีแดดหลงอยู่พอดี

ขับต่อไป เจอภูเขาขวางอยู่ข้างหน้า

อ๋อ ที่แท้มีสะพานเบี่ยงนี่เอง นึกว่าต้องขับลอดอุโมงค์

มองดูพิลึกดีจริงๆ

เดินทางต่อ จนมาถึงทางใต้ของไอซ์แลนด์ พบ Dverghamrar ซึ่งเป็นกลุ่มหินรูปหกเหลี่ยมที่มีชื่อเสียง

ลักษณะทางธรณีวิทยา

จุดหมายของพวกเราคือไปดูกลุ่มหินหกเหลี่ยมที่เรียกว่า Laves prismées แต่ไม่พบ

ดูในแผนที่ระบุว่าต้องขับรถไปตามถนนหมายเลข 1 จาก Kirkjubæjarklaustur มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกมุ่งตรงไปยังเมือง Höfn ประมาณ 15 กิโลเมตร

Dverghamrar, (“Dwarf crags”) rocks with hexagonal columns by the roadside. Such columns are often found where lava has flowed into water and been abruptly cooled.

ภาพจาก http://www.panoramio.com/photo/28666041

ข้อมูลจาก http://enjoyiceland.is/Places/all_regions/attractions/Natural_wonders/230/default.aspx

มองวิวเหมือนภูเขาไฟกำลังพ่นควัน อิอิ

เดินทางต่อไปยังที่พัก เพราะเย็นมากแล้ว เจอหมู่บ้านอยู่ติดเขาที่มีน้ำตกเล็กๆ อีกแล้ว

ซูมเข้าไปนิดนึง

หันกลับไป แปลกตาดีครับ

น้ำตกระหว่างทาง

นี่ก็น้ำตก

ขับไปเรื่อยๆ ชมวิวข้างทาง

ที่พักเป็นหลังๆ อยู่ริมเขา สวยดี แต่ไม่ได้จองไว้

ถนนเลียบชายฝั่ง เห็นเขาลูกนี้สวยดี เสียดายมีเสาไฟฟ้าบัง

ที่แท้เริ่มเข้าเมืองนี่เอง

น่าจะเป็นโรงแรมที่พัก มีน้ำตกด้วย แต่ภาพไม่ชัด

ขับต่อไปเจอเขาหัวโล้น มีหญ้าสีเขียวขึ้นแล้ว เพราะทางใต้ของไอซ์แลนด์ อุณหภูมิสูงกว่าทางตะวันตก ตะวันออก และตอนเหนือ ค่อนข้างเยอะ

มีน้ำตกอีกแล้วครับ

มาถึงทุ่งหินลาวามีพื้นที่ใหญ่มากหลายตารางกิโลเมตร

โน่นก็ใช่

มีรอยคราบสีเทาดำ เป็นรอยของน้ำตก แต่ตอนนี้น้ำน้อยมาก

เห็นสัญลักษณ์รูปหินแบบนี้ ใกล้ถึงที่พักแล้ว ถ้าดูจากแผนที่ของที่พัก

ถึงแล้วเมือง Vik

มีกลาเซียร์อยู่หลังที่พักด้วย ตามแผนที่เป๊ะ

ที่พักเจ้าของฟาร์มเสตย์

ที่พักของพวกเรา

ห้องนอน

ห้องครัว มีเตาอบด้วย แต่ไม่ได้ใช้

มีเครื่องครัวแต่ไม่ครบ และมีที่ชงกาแฟด้วยแต่สกปรก

มองออกไปนอกหน้าต่าง มีทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ และเห็นทิวเขาด้วย

ถึงเวลากินข้าวแล้ว ดีใจจัง

กินอิ่มแล้ว ถึงเวลาอาบน้ำ ห้องน้ำใช้ได้ แต่ถ้าล็อกประตูแล้ว จะเปิดยากมาก จึงไม่กล้าล็อก ใครอยากดูก็ดูไป เพราะหน้าต่างก็ติดทุ่งหญ้า เห็นม้ามายืนกินหญ้าแล้วมองเข้ามา ยังไม่อายเลย

อาบน้ำเสร็จ เดินไปห้องนั่งเล่น เซ็งมาก ไม่มีเน็ต ไม่มีโทรทัศน์ หาแผนที่ก็ไม่มี

ไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ลุยต่อ

มุ่งหน้าสู่เมืองเรกยาวิก เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์

น่าเที่ยวมากๆค่ะ

ตามมาเที่ยวครับ คุณ Seksom เจอฝนเยอะหรือเปล่าครับ

ของผมเกือบทุกวันเลย ถ่ายรูปด้วยความยากลำบาก แต่โชคดีบางทีฟ้าเปิดก็รีบยิงรูปไม่ยั้ง
เพื่อนคนไอซ์แลนด์บอกว่า ปกติก็เป็นแบบนี้แหละ วันฝนตกมีมากกว่าวันฝนไม่ตกอีก

หวัดดีครับคุณหมอ ของผมเจอฝนจังๆ 5 วันจาก 11 วันครับ วันที่ฝนไม่ตก บางวันเมฆก็เยอะครับ

ตอนแรกจะไปตอนเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคมเหมือนกันครับ เพราะคิดว่าหน้าร้อนจะเจอฝนน้อยหน่อย แต่ตอนหาข้อมูลเห็นค่าที่พัก ค่าเช่ารถแพงขึ้นเยอะเลย  เลยมาตอนเดือนพฤษภาคมดีกว่า

ที่ Svinafellsjokull Glacier ตอนเราไป(เดือนมิถุนายน) กลาเซียร์ด้านล่างทั้งหมดกลายเป็นสีดำ เพราะถูกปกคลุมด้วยเถ้าถ่านจากการปะทุของภูเขาไฟ กริมส์วอท์ เมื่อเดือนพฤษภาคมอ่ะค่ะ

ปล. ช่วงที่ไปเจอฝนนิดหน่อยวันเดียวจาก 5 วันอ่ะค่ะ

ติดตามชมรีวิวสวยๆอีกค่ะ
อยากไปสัมผัสบรรยากาศดีๆวิวสวยแบบนี้บ้าง  

ไปตั้งไกล ยังหาข้าวที่นั่น กินได้อีกนะครับ
เก่งจิงๆ