หายหน้าไปครึ่งเดือนกันเลยทีเดียว .. กลับมาพาเที่ยวต่อแล้วนะคะ อิอิ

Day7: Lauterbrunnen - Jungfraujoch - Grindelwald - Murren

แพลนเที่ยววันนี้เราจะขึ้น Jungfraujoch กันแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเจอกับลูกทัวร์จีน เกาหลี ไต้หวันมากมายที่จะขึ้นไปถึงบริเวณนั้นในช่วงสายๆ

ถ้าให้เทียบระหว่าง Matterhorn กับ Jungfraujoch เราชอบทั้งคู่ แต่ออกจะชอบ Jungfraujoch มากกว่านิดหน่อย

อากาศวันนี้ก็ปลอดโปร่งโล่งสบายมากๆ .. ฟ้าใส แดดจ้าเหมือนเดิม วันนี้เราจะใช้ Swiss Pass ทั้งหมด

ยกเว้นตอนขึ้น Jungfraujoch เราจะใช้บัตรที่ใช้ขึ้น Jungfrau ต่างหาก ที่เราซื้อมาแล้วจาก Agency ในเมืองไทย

หมวกกันหนาว ถุงมือ เสื้อโค้ท รองเท้าที่ยึดเกาะดีๆหน่อย พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่า  

รูปเปิด Day7 ที่ปิดท้ายไว้ที่กระทู้ Day6

ใครใคร่กดเก็บเข้าคลังกระทู้ให้ ก็จะยินดีมากนะคะ ขอบคุณค่า :)

ย้อนไปวันเก่าๆ .. ติดตามได้จ้า

Day1: [West Europe in April] Italy - Rome ตกเครื่องบิน วิ่งขึ้นรถไฟ เดินเดินและเดิน

Day2: [West Europe in April] 2 Italy - Vatican - Florence เข้าวาติกันแบบหวิดๆ ปิดท้ายด้วยพระอาทิตย์ตกดินที่ฟลอเรนซ์

Day3: [West Europe in April] 3 Italy - Pisa ไปเอนๆเอียงๆ สูดอากาศดีๆที่ปิซ่า แต่เกือบจะไม่มีตั๋วรถไฟกลับฟลอเรนซ์

Day4: [West Europe in April] 4 Italy - Venice ขึ้นรถไฟ ล่องเรือ เมืองโรแมนติกลอยน้ำที่เวนิส

Day5: [West Europe in April] 5 Italy (Venice) - Switzerland (Brig) เก็บตกเมืองแห่งคลอง ก่อนจะยิงยาวไปเมืองในฝัน

Day6: [West Europe in April] 6 Switzerland พาไปสัมผัสอากาศติดลบที่Zermatt เกร๋ๆ แล้วไปนอนพักที่เมืองเล็กๆชื่อ Lauterbrunnen

เส้นทางที่จะขึ้นไป Jungfraujoch นั้น ที่เราเคยหาข้อมูลไว้หลักๆมี 2 ทาง ส่วนใหญ่พวกเราที่ไปเที่ยวกันมักจะตั้งหลักกันที่ Interlaken Ost

หรือบางคนเช่นเราเป็นต้น อาจจะไปตั้งหลักที่ Lauterbrunnen หรือบางคนไปอีกฝั่งคือ Grindelwald

หรืออาจจะเป็นเมืองอื่นๆที่อยู่ในละแวกนี้ก็ว่ากันไป

แต่หลักๆแล้วเราต้องศึกษาก่อนว่าพักที่เมืองไหน แล้วจากตรงนั้นจะขึ้นรถไฟสายไหน เพื่อไป Jungfraujoch จะได้ซื้อตั๋ว และวางแผนได้ถูกนะคะ

จากรูปจะเห็นว่าหากตั้งหลักที่ Interlaken Ost ต้องดูให้ดีว่าขบวนรถไฟวิ่งขึ้นทาง Lauterbrunnen หรือ Grindelwald

จากนั้น 2 ขบวนนี้จะมาบรรจบกันที่ Kleine Scheidegg ก่อนจะต้องเปลี่ยนขบวนอีกทีเพื่อขึ้นไปยัง Jungfraujoch ค่ะ

เราเลือกพักที่ Lauterbrunnen ดังนั้นเวลาเราจะขึ้นรถไฟเพื่อไป Jungfraujoch เราสามารถขึ้นรถไฟต่อไปได้เลย ไม่ต้องกลับไปตั้งหลักที่ Interlaken Ost อีก

ซึ่งขบวนนี้จะไปผ่านเมือง Wengen ก่อน ก่อนจะขึ้นไปถึง Jungfraujoch ค่ะ

ปล. รูปจาก Google ค่ะ

กดเข้าคลังไว้ก่อน จะตามรอยบ้างค่ะ

ตามไปเที่ยวด้วยครับ

ทีนี้ใน Official Website - Jungfraujoch เค้าจะมีบอกหมดเลยว่ามีเส้นทางไหนให้บริการบ้าง จากเมืองไหนไปเมืองไหน ผ่านทางไหน ลองเข้าไปดูกันได้ค่ะ [Click] 

หากเราขึ้นจาก Interlaken Ost จะไป Lauterbrunnen ต้องขึ้นขบวนสีฟ้าเหลือง (Berner Oberland-Bahn)

จาก Lauterbrunnen จะไป Jungfraujoch ก็ต้องไปแวะเปลี่ยนขบวนที่ Kleine Scheidegg ก่อน อันนี้ก็ต้องขึ้นขบวนสีเขียวเหลือง (Wengernalpbahn)

เสร็จแล้วถึงจะไปขึ้นขบวนสีแดงคาดเหลือง (Jungfraubahn) ที่สถานี Kleine Scheidegg ทีนี้ก็ยิงยาวขึ้น Jungfraujoch เลยค่ะ ถึงเลย

เห็นฟ้าใส แล้วอิจฉาจัง เราไปฟ้าปิดแหละ

สวัสดีค่าคุณ +G@To+ ตอนเราไป ฟ้ามาปิดเอาตอนวันหลังๆที่อยู่ฝรั่งเศสแล้ว แอบเซ็งเหมือนกันค่ะ จะเปิดให้ตลอดทริปหน่อยก็ไม่ได้นิ

ดูขบวนรถไฟกันเป็นแล้ว ทีนี้มาดู Timetable กันบ้าง จะได้กะเวลาขึ้น-ลงถูก

เช้านี้เราจะนั่งจาก Lauterbrunnen ไปเปลี่ยนขบวนที่ Kleine Scheidegg โดยออกจาก Lauterbrunnen ตอน 06.59 น.

เพื่อจะไปถึง Kleine Scheidegg ตอน 07.39 น. ซึ่งถ้าเราเข้าใจไม่ผิด + จากปสก.ที่ไป รถไฟจะจอดรอจนถึง 08.00 น. ถึงจะออกเดินทาง

แล้วจะไปถึง Jungfraujoch ตอนเวลา 08.52 น. ซึ่งจากที่เราเดินตามแพลนนี้ ก็รู้สึกว่าโอเคเลยนะ ขึ้นไปถึงบนนั้นคนยังไม่ค่อยเยอะมาก และเราชิงเดินขึ้นไปบนจุดชมวิวก่อนเลย เพื่อจะเก็บภาพแบบไม่มีผู้คนมาฝากกัน ^_^

*** Swiss Pass ถ้าจำไม่ผิดน่าจะนั่งได้ถึง Kleine Scheidegg จากนั้นต้องใช้ตั๋ว Jungfraujoch นะคะ (อันนี้ใครช่วยเฟิมทีนะคะ แหะๆ นานแล้วหลงลืม)

ขออนุญาตปาดค่ะ ตามมาดูรูปสวย ๆ ด้วยคน
ชอบมาก ๆๆๆ รูปสวย ๆ จากสวิสเนี่ย ดูกี่ทีก็ไม่มีเบื่อค่ะ อิอิ

แต่ถ้าซื้อตั๋ว Jungfraujoch มาแบบนั่งได้ตั้งแต่ Interlaken Ost แบบนี้ก็น่าจะใช้ได้เลย ไม่ต้องใช้ Swiss Pass แล้วค่ะ

บนตั๋วจะระบุไว้ว่าขึ้นจาก Interlaken Ost ถึง Jungfraujoch ได้เลย โดยจะขึ้น-ลงฝั่งไหนก็ได้ อันนี้เราซื้อพร้อม Swiss Pass ผ่าน Agency ในไทย สนนราคาตอนนั้นก็ 3,400 THB ได้ค่ะ

ยินดีให้ปาดค่า คุณ Freedom of Life ไปเที่ยวซ้ำกันอีกรอบเนอะ อิอิ

เนื่องจากวันนี้ตื่นเช้ามว๊ากกกก .. เพื่อไปขึ้นรถไฟให้ทันตอน 06.59 จำได้ว่าวันนั้นออกมาจากที่พัก ฟ้ายังมืดอยู่เลย หนาวด้วย

สองคนผัวเมียเดินหนาวกันไปขึ้นรถไฟ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ที่สำคัญเราเตรียมเสบียงไปหม่ำกันบนรถไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

เสบียงที่ว่านี่ไม่ใช่อะไรที่ไหน นมสุดอร่อยที่เราชอบมากจริงๆ แหะๆ มันคือ Ovo Drink

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่า โอวัลตินที่สวิสมันอร่อยกว่าที่เมืองไทย ^^

ปล. รูปจาก Google นะคะ ตอนกินไม่ได้ถ่ายไว้ 555

กินกับบิสกิตยี่ห้อเดียวกัน .. เพิ่มความเป็นโอวัลตินเข้าไปอีก อร่อยมาก แค่นี้เราก็อิ่มแล้ว นมคนละขวดแกล้มกับ Ovomaltine

แผล่บๆ อยากกินอีก ^^

นั่งรถไฟไปกินไป .. ด้วยความที่ขึ้นขบวนเช้ามากของวันนั้น ในขบวนเลยจะมีแต่เจ้าหน้าที่ที่ต้องขึ้นไปปฎิบัติหน้าที่ที่สถานีด้านบนทั้งนั้นเลย

เห็นเครื่องแต่งกายเค้าแล้ว .. เราเริ่มจะหนาวๆแล้วว่าเราจะรอดไหม เค้าใส่ตั้งหลายชั้น แถมเป็นเนื้อผ้าแบบกันน้ำอีกด้วย

แอบมีหลับไปบ้าง .. ง่วงจริงๆ ตื่นมาอีกทีใกล้ๆจะถึง Kleine Scheidegg แล้ว บรรยากาศยามเช้าที่สถานี Kleine Scheidegg ค่ะ

ขบวนสีแบบนี้ล่ะค่ะที่เราจะขึ้นไป Jungfraujoch กัน อย่างที่บอกรถไฟจะจอดรอรับคนแป๊บนึง แล้วถึงจะออกเดินทาง เลยทำให้เรามีเวลาเข้าห้องน้ำ ถ่ายรูปอะไรนิดๆหน่อยๆ แต่อย่ามัวแต่ถ่ายเพลินนะคะ เดี๋ยวตกรถไฟ อิอิ

สถานี Kleine Scheidegg

เต็มไปด้วยหิมะ .. แดดเริ่มมาแล้วค่ะ เราลุ้นตลอดทางว่าขึ้นไปแล้วฟ้าจะเปิดมั้ยนะ

หิมะหนาๆนุ่มๆ .. ขาวเนียนจริงๆ

อยากกิน Ovo drink จัง

ระหว่างทางจะมีแวะพักให้ลงไปถ่ายรูปได้ด้วยนะคะ พอดีเราไม่ได้ถ่ายรูปมา

สถานีแรกเราไม่รู้ว่าให้ลงได้ ก็เลยนั่งอยู่บนรถไฟ ส่วนสถานีที่สองเราลง แต่ลงไปเข้าห้องน้ำค่ะ 555

คือมันจะเป็นช่องกระจกให้มองออกไปด้านนอกได้ จำได้ว่าแดดจ้ามาก ไม่สามารถมองได้นานจริงๆ แสบตา ถึงแม้จะใส่แว่นกันแดดแล้วก็ตาม แถมถ่ายรูปก็ไม่เวิก เพราะย้อนแสงกระจุย 555

ถ้าจำไม่ผิดจะจอดสถานี Eigerwand (Eiger Wall) กับ Eismeer (Sea of Ice) ใครอยากลงก็ลงไปได้นะคะ แต่จอดไม่นานค่ะ แป๊บเดียวต้องคอยดูชาวบ้านด้วยนะคะ ถ้าเค้าเริ่มกลับไปที่รถไฟกันแล้ว ก็รีบเดินกลับไปค่ะ เดี๋ยวตกรถไฟ

อยู่ตรงนั้นคนเดียว มันปล่าวเปลี่ยวมากนะคะ 555 รถไฟไม่ได้มีมาบ่อยๆนะ

ขอตัดมาที่ Jungfraujoch เลยนะคะ .. เป้าหมายแรกของเราวันนี้คือ ขึ้นมาที่จุดชมวิวก่อนเลย และเราก็หวังว่าฟ้าจะเปิดและมันจะยังไม่มีคน

แล้วเราก็สมหวังค่ะ .. ฟ้าเปิด และยังไม่มีใครขึ้นมาเลย นอกจากเราสองคน

มันอร่อยดีนะคะ คุณ tottui เราชอบ อิอิ

เคยบอกไปแล้วในวันที่เราขึ้น Matterhorn ว่า หิมะส่วนที่อยู่ใกล้ๆประตูนั้น ค่อนข้างจะละลาย และทำให้ลื่นมาก ดังนั้นเดินระวังๆด้วยนะคะ เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกไปซะก่อน

วิวสวยมากจริงๆ แล้วก็หนาวมากด้วยค่ะ เนื่องจากอากาศหนาวอยู่แล้วบวกกับมีลมพัดอีก ยิ่งทำให้หนาวขึ้นไปอีก จำได้ว่าถ่ายรูป กดชัตเตอร์ลำบากมาก

ตอนกดต้องถอดถุงมือออก .. แล้วรีบกด รีบใส่กลับ 555

แดดจ้า .. แต่ก็บ่ยั่น จังหวะนี้ถ่ายไปเรื่อยๆ จริงๆรีบถ่ายด้วย กลัวคนตามขึ้นมาเยอะ จนถ่ายติดแต่คน

ผลัดกันถ่ายไปก่อน .. อิอิ

ขึ้นเขาด้วยคนนะคะ^^

สวยเป๊ะมาก .. หนาวไปถึงข้างใน .. โรแมนติกจัง อยากอยู่บนนี้นานๆ แต่สงสัยมือจะแข็งตายซะก่อน

มาค่ะๆ คุณ LittleEntchen

ถึงเวลาตั้งขาตั้งกล้องแล้ว .. หาทำเลก่อนเลย เนื่องจากพื้นเป็นหิมะที่มีละลายบ้างนิดหน่อย และมีลมพัดแรง

ดังนั้นทางที่ดีเอากระเป๋ากล้องหนักๆห้อยถ่วงขาตั้งกล้องไว้ด้วยนะคะ .. เดี๋ยวจะล้มเพราะลมพัดซะก่อน

ตั้งเสร็จอะไรเสร็จ .. ก็เต๊ะท่ากันเร้ยยยย

ไหนๆก็ตั้งขาตั้งกล้องแล้ว .. ก็ขออีกรูปนะ สวีทไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะยังไม่มีใครขึ้นมาเลย อิอิ 

เต๊ะท่าถ่ายกันได้อีกไม่กี่ชอท .. ทัวร์พี่เกาฯก็ขึ้นมาพอดี หมดเวลาของเราแล้วสิ เพราะป้ามาถึง ป้าก็โล้งเล้งๆ แล้วก็ไปยืนแนบเสาธงสวิส แต่เรายังเล็งกล้องไปทางนั้นอยู่เลยอะ T_T

อีกคนก็นั่งแปะลงไปกับหิมะ โดยที่ไม่ได้ดูว่าตำแหน่งที่นั่งลงไปนั้น มันไปบังไลน์ถ่ายรูปของใครหรือเปล่า T_T เศร้ารอบสอง

สุดท้าย .. เราสองคนก็ได้แต่เก็บขาตั้งกล้อง แล้วก็รีบย้ายกองไปอีกจุดนึงก่อนที่ป้าเหล่านี้จะตามไปดีกว่า ไบ๋บาย

ย้ายมาอีกจุดชมวิว .. ที่สวยไม่แพ้กัน

ต้องยอมหน้าสู้แดด .. มิงั้นถ่ายออกมาหน้าดำ 555

กลาเซียร์ .. หรือเปล่าไม่รู้นะ แต่กว้างมาก สวยมากจริงๆ

จุดชมวิวตรงนี้ .. พื้นเป็นตะแกรง รูๆแบบนี้นะคะ ใครอย่าอุตริใส่รองเท้าส้นสูง หรือส้นแหลมมาเชียว มีหวังได้ตกร่องกันไม่ต้องเดินเลยทีนี้ อิอิ

เดินไป .. ก็หวาดเสียวไปเหมือนกัน โล่งๆง่ะ

ยังไม่มีใครขึ้นมา .. เราก็เลยขอถ่าย Post - Wedding ซะหน่อย อิอิ

ตามมาเที่ยวด้วยครับ
ฟ้าใส วิวสวยครับ อิจฉาๆ

ขอบคุณที่รีวิวให้ชมครับ

ลานกว้างๆแบบนี้ .. ก็ต้องมีคนมาเล่นสกีกันสิเนอะ เห็นแล้วอยากเล่นเป็นบ้าง จะเหมือนกับเล่น Ice Skate อย่างที่บ้านเรามั้ยอะ

ขอบคุณค่า คุณ ฟองสบู่ ไปเที่ยวด้วยกันนะคะ

เวิ้งว้าง กว้างใหญ่จริงๆ .. เนี่ยหละดูไปนานๆเริ่มน่ากลัว 555

เพิ่งจะมาถ่ายตอนลงมาแล้ว .. เกือบเที่ยงแล้วละมั้ง ถ้าจำไม่ผิด ติดลบนิดหน่อยพองาม

โต๋เต๋บนนั้นอยู่พักนึง .. แบบไม่รีบ + รอรถไฟรอบถัดไปมาด้วย เดินไปมาก็เจอครอบครัวคนไทย มากัน 3 แม่ลูก ก็เลยคุยกัน แนะนำกันนิดหน่อย ได้พูดภาษาไทยบ้างอะไรบ้าง เวลาไปเที่ยวนานๆยาวๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ แหะๆ

ซักพักก็ได้เวลาลงแล้วค่ะ .. คนที่เพิ่งขึ้นมาช่วงบ่ายก็เยอะเหมือนกัน ส่วนเรามาตั้งกะเช้าแล้ว ขอตัวก่อนล่ะ บะบายยย

ขาลง .. แวะจอดรับคนที่สถานี Eigergletscher เพราะมีบางคนก็ลงสถานีนี้เพื่อมาเล่นสกีก็มี หรือแม้แต่ปีนเขา นี่ก็มาแบบอุปกรณ์พร้อมมากๆเลยอะ

ยังไม่ได้เห็นขบวนรถไฟที่ขึ้นไปที่ Jungfraujoch แบบเต็มๆใช่ม๊า จัดไปค่ะ สีแดงแรงฤทธิ์ตามสไตล์ของสวิสเค้าล่ะ

อีกมุม .. รถไฟที่นี่ใหม่ และสะอาดจริงๆ ยอมรับเลย

ขาลง .. ก็นั่งลงไปที่สถานี Kleine Scheidegg เหมือนเดิมนะคะ เราแพลนว่าจะนั่งลงทางฝั่ง Grindelwald จะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เมื่อเช้านั่งขึ้นมาทาง Lauterbrunnen แล้วนิเนอะ

นั่งให้ถูกฝั่งนะคะ .. ดูป้ายโลดเลยค่า

ขบวนเขียวเหลืองนี่ล่ะค่ะ .. จะพาเราลงไปที่เมือง Grindelwald กัน แต่นั่งให้ถูกฝั่งนะคะ

ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆนะคะ .. บนๆยังมีหิมะปกคลุมอยู่เยอะเลยค่ะ

แดดจ้ามากจริงๆ .. จ้องนานๆไม่ได้ ต้องพักตาเป็นระยะๆ

มีกระเช้าบริการด้วย .. เข้าใจว่าส่วนใหญ่คนที่ใช้บริการน่าจะเป็นพวกที่ขึ้นมาเล่นสกีนะคะ ส่วนเราไม่ได้ขึ้นค่ะ นั่งรถไฟผ่านเลยถ่ายมา

อีกรูป .. อยากนั่งเหมือนกันนะ ดูหวาดเสียวดีพิลึก โล่งๆเนอะ

บรรยากาศฝั่ง Grindelwald ก็แปลกไปอีกแบบ ไม่เหมือนฝั่ง Lauterbrunnen ที่เราขึ้นมาเมื่อเช้า

เอ๊า แปะรูปผิดอีก เอาใหม่ๆ

บรรยากาศฝั่งนี้จะเป็นแนวนี้หมดเลย .. ชมไปเพลินๆนะคะ

เขียวๆ .. เริ่มเห็นบ้านคนแล้วค่ะ

มองลงไปเห็นเมือง Grindelwald ด้านล่าง .. สวยจัง

สภาพความเป็นอยู่ของคนที่นี่ .. ดีจนอยากจะมาลองอยู่ที่นี่ซักพัก อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆเราว่าปอดเราน่าจะสะอาดมากๆเลย อากาศดีได้อีก

สถานีเล็กๆระหว่างทางค่ะ

ลงมาเรื่อยๆแล้ว ..

ถ่ายไปเรื่อยๆ

เข้ามาชมอีกที เราไปตอน ต้น มิ.ย. เห็นเขียวๆเยอะกว่านี้ อันนี้เห็นแต่หิมะ ^^
ชอบๆๆๆ ตอนลงผ่านทาง Grindelwald  เหมือนกัน สวยๆๆ ค่ะ
ติดใจที่นี่มาก คิดเลยว่าจะต้องหาทางกลับมาอีกให้ได้

วิ่งสลับไปสลับมาในรถไฟ .. ด้านซ้ายบ้าง ขวาบ้าง

บ้านสีไม้แบบนี้ .. หน้าต่างแดงแบบนี้ มีให้เห็นทั่วไปหมดเลยล่ะค่ะ สวยเนาะ

เมืองเล็กๆ ชานชาลามีไม่มากค่ะ

เงียบๆไม่พลุกพล่าน .. บรรยากาศดี

ถ่ายจากชานชาลา 1A เราเปลี่ยนขบวนเป็นฟ้าเหลืองแล้ว .. จะนั่งกลับไปที่ Lauterbrunnen ละ

ข้างทาง .. สวยๆ มองเพลินๆไม่เคยเบื่อเลย

หน้าต่างแดง .. มาอีกแล้ว สวยเนาะเข้ากับบรรยากาศมากจริงๆ

ไม่มีคำบรรยาย .. รู้แต่ยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์อยู่เป็นระยะๆ

... บางอย่างไม่ต้องทำอะไรมากมาย ก็สวยได้ ดูดีได้เนาะ

มุมสูง

เข้าโค้งสบายๆ

ไม่นานก็ถึงที่พักที่ Lauterbrunnen ละค่า ..

วิวสวยจังเลยนะคะ  ชมเพลินเลย

เราพักกันแป๊บนึง .. ล้างหน้าล้างตา แล้วก็ออกเที่ยวต่อ 555 จุดหมายต่อไปคือ Murren ค่ะ :)

ซึ่งจะต้องขึ้นกระเช้าอันใหญ่บิ๊กเบิ้มนี้ไปก่อน หาไม่ยากค่ะอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ เดินไปนิดเดียว .. โชว์ Swiss Pass โลดค่ะ

เชิญค่าคุณ Red-Rose-14Feb

เทียบสเกลแล้ว .. กระเช้าดูใหญ่มากจริงๆ 555

ขึ้นมาแล้ว .. โอววว มองลงไป หวาดเสียวเหมือนกันนะเนี่ย บรื๋ออ

พอขึ้นไปสุดแล้ว .. ต้องไปขึ้นรถไฟอีกต่อนะคะ เป็นรถไฟขบวนน้อยๆ ที่เคลื่อนที่โดยรางรถไฟที่เป็นฟันซี่ๆ อย่างที่เคยรีวิวให้ดูไปแล้ว เพราะทางขึ้นค่อนข้างชันและแคบ

แป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ Murren เป็นเมืองเล็กๆ สงบๆจริงๆ

เดินชมเมือง .. เพลินๆ

ไปเที่ยวกันสองคน ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ขาตั้งกล้อง .. พอดียังไม่ได้หุบขา เลยยาวเก้งก้างอย่างนี้แล

ด้านหลังยังคงมีหิมะให้เราเห็นกันอยู่

ซูมเข้าไปแล้ว .. อยากจะกระโดดลงบนหิมะจริงๆ ดูหนานุ่มละเอียดจังเลย

อีกนะ ..

สุดท้ายแบบเนียนๆ

ฝูงสัตว์เลี้ยงซักอย่าง .. ที่เราแอบไปซูมมา แต่ดูไม่ออกว่าตัวอะไร

เดินเล่นที่ Murren พักนึง .. พอเริ่มเย็นแล้วก็เลยลงมาดีกว่า

มาเดินเล่นแถวที่พัก .. สามีเดินไปถ่ายรูป Staubbach fall มา ส่วนเรานอนปวดเท้าอยู่ที่ห้อง อิอิ

อันนี้จากหน้าต่างที่พัก .. เสียงน้ำตกดังก้องเลย

เดินไปใกล้อีกนิด .. อลังการเลย

ปิดท้ายด้วย .. ขบวนรถไฟสีฟ้าเหลือง ที่คอยพาเราไปโน่นไปนี่ ช่วงที่เราเที่ยวแถวนี้กัน รถไฟบ้านเค้าทั้งใหม่ ทั้งสะอาด น่านั่งเป็นที่สุด

จบไปแบบดื้อๆแบบนี้ .. กับ Day7 นะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันมาครึ่งทริปแล้ว จะพยายามมารีวิวให้ครบ 15 Days นะคะ อาศัยวันหยุดนี่แหละ วันทำงานนี่อย่าหวัง 555

Day 8 เราจะไป Luzern กันแล้วน๊าาาาา .. แปะรูปนี้อ่อยไว้ก่อนละกานนนนะคะ อย่าลืมติดตาม เพราะเราจะไปหาอาหารไทยในต่างแดนกินกันด้วย จะลงแดงอยู่แร้วววววววว

ขอบคุณทุกกิ๊ฟ ทุกคอมเม้นท์นะคะ ฝากเก็บกระทู้กันด้วยเน้อออ

ปล. ปกติไปไหนไม่ค่อยได้รีวิว .. พอเริ่มรีวิวก็เริ่มสนุก ทำให้นึกถึง Business Trip นึงที่เคยมีโอกาสได้ไป South Africa ไว้ทริปยาวนานนี้จบ จะมารีวิวย้อนอดีตให้ชมกันนะคะ ไปจริงๆละค่า ไบ๋บาย

สวยจังเลยค่ะ เห็นแล้วก็คิดถึงอยากกลับไปอีก ^^

ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ :)

สวยมากกกกกกกกกค่ะ. รูปก็สวยนางแบบก็งามค่ะ

เข้ามาชมค่ะ   ชอบหิมะขาวเนียน และวิวแบบสวิสที่สุดเลยค่ะ  ^_^

อยากไปนั่งรถไฟขึ้นเขาที่เต็มไปด้วยหิมะแบบนี้บ้างจังครับบรรยากาศดีมากๆ
บรรยากาศเส้นทางรถไฟในสวิตวิวสวยไม่แพ้ที่ใดในโลกเลยครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะค๊า .. คุณ Blue Whale, Red Blood, Freedom of Life, ชอบกินชอบเที่ยว, Destiny-Boy

* เมื่อวานหารูปรถไฟที่เราขึ้นไป Murren ไม่เจอ เพิ่งเจอตะกี้เลยเอามาฝากกันค่ะ เผื่อใครสนใจไปเดินเล่นแถว Murren

เป็นรถไฟขบวนเล็กๆ พอเพียง ไม่ใหม่ ไม่ทันสมัย แต่ก็ไม่โทรม ไม่สกปรกนะคะ ขึ้นเขาโดยใช้รางแบบฟันปลา ค่อยๆกระดึ้บๆขึ้นเขาไป อึดใจเดียวก็ถึงค่ะ

มุมมองสวยมากๆเลยค่ะ

รูปสวยจังค่ะ แถมฟ้าใสเชียว โชคดีจริงๆค่ะ สวิสนี่สวยจริงๆนะคะ ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
ต่อมอยากไปเที่ยวสวิสเริ่มทำงานอีกครั้ง หลังจากเคยพับแพลนเก็บไปแล้ว เพราะเลือกจะไปที่อื่นแทน
สงสัยคงจะได้หยิบแพลนมาปัดฝุ่นใหม่แน่เลย

วิวทั้งน้ำตก ท้องฟ้า หิมะสวยมากๆค่ะ  

ขอบคุณค่าคุณ SOYU_K, สาวหน้าใส

คุณ Angel without wings เรามาทำรีวิว ยังอยากจะไปอีกรอบเลยค่ะ 555

ภาพสวยมากๆครับ

อยากไปจัง

หิมะสวยมากๆ อยากไปเห็นสักครั้ง
จบรีวิวทริปนี้แล้วจะมีสรุปค่าใช้จ่ายให้ทราบบ้างไหมคะ

ขอบคุณค่ะ คุณ natthasak

คุณ sweeten กะว่าจะสรุปให้ค่ะ .. ขอไปดูรายละเอียดด้วยล่ะว่ายังมีครบอยู่หรือป่าว อิอิ