ขอกล่าวสวัสดีทักทายเพื่อนสมาชิกในห้อง BP ทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมรีวิวครั้งแรกของผมนะครับ วันนี้จะมาเล่าถึงทริปยุโรป ที่มีโอกาสได้ไปมาในช่วงเดือน มีนา - เมษา ที่ผ่านมา เนื้อหาและภาพอาจจะไม่ละเอียดมากนัก เพราะเรื่องกล้องนี่ ผมเองก็เบสิคจริงๆ แถมไปแต่ละแห่ง ยังไม่ค่อยได้จดรายละเอียดด้วย ออกแนวตะลอน + ชะโงก มากกว่า ถือว่าเล่าสู่กันฟังแบบสบายๆแล้วกันครับ

ทริปนี้เกิดขึ้นจากที่ผมเองที่ชื่นชอบบอลอิตาลีมานาน อยากไปดู โรม่า ทีมรักเตะสักครั้งในชีวิต แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสเลย ทั้งเวลาและทุนทรัพย์ แห่ะๆ เมื่อ 10 ปีก่อนเคยมา โรม กับกรุ๊ปทัวร์ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องทำตามโปรแกรมเค้าหมด อยากแตกแถวก็กลัวหลง กระทั่งปีนี้ มีจังหวะได้หยุดยาวไปฮันนีมูน 1 เดือน ระหว่าง 11 มี.ค. - 10 เม.ย. 54 เช็คโปรแกรมแข่ง เป็นช่วงเดียวกับที่เตะ โรมดาร์บี้ คือ 13 มี.ค. พอดีเสียด้วย โอกาสแบบนี้จะพลาดได้ไง ถือโอกาสควบรวมไปในตัว โดยวางโปรแกรมเที่ยว โรม ก่อน

ปล. บางสถานที่สำคัญๆ ดันถ่ายมาแต่คน ลืมถ่ายวิวเปล่าๆ เลยอาจไม่ได้นำลง แบบว่ามันเขินครับ

ผมไปถึง โรม เช้าวันศุกร์ (บอลเตะวันอาทิตย์) กะว่าเดินเล่นชมเมืองง่ายๆ แต่แล้วมันกลับเป็นวันที่ยุ่งสุดๆ เพราะเจอแจ็คพ็อต รถไฟใต้ดิน หยุดสไตร์ค พอดี ต้องใช้รถเมล์แทน เริ่มเดินเที่ยวจากแถวๆน้ำพุเทรวี่ ก่อน

ก่อนจะเดินทาง ผมวุ่นกับการเตรียมเอกสารขอวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน และตั๋วรถไฟเยอะมากๆ แพลนว่าจะไปเมืองนั้น เมืองนี้ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก เรื่องสถานที่เที่ยวเลยออกแนวไปลุยเอาดาบหน้า ต้องมาเสียเวลาอ่านแผนที่แบบมึนๆ แทบจะตลอดทริป

นี่เป็นหนึ่งในแผนที่ของ โรม ตามรายทางครับ

จากน้ำพุ ก็มุ่งหน้าไปยัง อนุสาวรีย์ Vittorio Emanuele II แต่ดันเจอม็อบป่วนอีก ตำรวจถึงกับต้องปิดถนนขวาง ตายล่ะ ทำไงดี ผมเลยเปลี่ยนแผนไป Pantheon ก่อน

ถึงแล้ว Pantheon สิ่งก่อสร้างสมัยโรมันโบราณ ที่ยังคงสภาพเดิมได้สมบูรณ์ที่สุด มาจนถึงทุกวันนี้

ภายใน Pantheon จะมีรูตรงกลางให้แสงสว่างลอดผ่านเข้ามาได้ รวมทั้งสายน้ำยามฝนตกด้วย

ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีครับ

ออกจาก Pantheon มา ม็อบก็ยังอยู่ คราวนี้หนักกว่าเดิม เพราะผมอยู่ท่ามกลางวงล้อมของตำรวจ แทบจะออกไปไหนไม่ได้ แล้วยังมีเสียงระเบิดควันดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอยู่ในสมรภูมิรบยังไง ยังงั้น

เจอแบบนี้ เซ็งเลยครับ

เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่น แต่ดูแล้วเหมือนจะขำๆกัน ประมาณว่ามีม็อบจนชินแล้ว

ด้านบนก็มี เฮลิคอปเตอร์ คอยสังเกตการณ์

หลังเอาตัวรอดหลุดมาได้ ผมเลยเดินไปตั้งหลักที่ Piazza Navona จิบกาแฟแถวๆนั้น รอไปก่อน

สังเกตุกลุ่มธงแดงๆ มุมล่างซ้าย นั่นแหล่ะครับ หนึ่งในกลุ่มพวกม็อบ

กลับมาที่อนุสาวรีย์ Vittorio Emanuele II อีกครั้ง คราวนี้เหตุการณ์สงบแล้ว

เดินไปถึง โคลอสเซียม หรือ Colosseo โดยสวัสดิภาพ

Colosseo ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมาทุกสำนัก ทั้งยุคเก่า ยุคกลาง และยุคไซเบอร์ที่โหวตกันทางอินเตอร์เน็ตครับ

ด้านใน ....

เดินไปไม่เท่าไหร่ก็หมดวันแล้ว เสียเวลากับม็อบไปร่วมชั่วโมง

วันเสาร์ ผมใช้เวลาไปกับ วาติกัน ทั้งวัน เริ่มจากดูพิพิธภัณฑ์ ในช่วงเช้า ด้วยความที่ไม่ได้จองบัตรไปก่อนล่วงหน้า เลยต้องเข้าคิวเกือบชั่วโมงเหมือนกันครับ

อันนี้น่าจะเป็นภาพ The School of Athens ของ Raffaello คนมุงกันเยอะมาก

หอสวดมนต์ Sistine กับภาพวาดชื่อ The Last Judgment ของ Michelangelo

ภาพวาดบนเพดานครับ ผมถ่ายมาไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ของจริงงามมาก มารู้อีกที อ้าว เค้าห้ามถ่ายนี่หว่า ไม่ทันแล้ว

ช่วงบ่าย เข้าไปดูโบสถ์ St. Peter หรือ Basilica di San Pietro ครับ

ภายในก็อลังการสมคำร่ำลือ

ยอดโดม ....

แผ่นป้ายสลักรายนามพระสันตะปาปา ที่พระศพฝังไว้ที่โบสถ์แห่งนี้ครับ

ตั้งแต่องค์แรกจนถึง สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ 2

งานแกะสลักที่โด่งดัง Pieta ของ Michelangelo ต้องมีกระจกกั้นไว้

ชั้นใต้ดิน เป็นสถานที่ฝังพระศพ พระสันตะปาปา แน่นอนว่าห้ามถ่ายภาพครับ

เอาล่ะ ปิดท้ายด้วยการพิชิตยอดโดม St. Peter ไหนๆก็มาแล้ว ต้องพิชิตให้ได้สักครั้ง

จำได้ว่าต้องเสียค่าขึ้น 7 ยูโร มีลิฟท์ขึ้นไปส่วนหนึ่ง และต้องเดินขึ้นบันไดเวียนต่อ ขึ้นแล้วขึ้นอีก จนกลายเป็นคลานแทน

ทริปนี้น่าตื่นเต้นจัง เจอม็อบด้วย
รอชมอยู่นะครับ

แต่พอถึงยอดแล้ว มองลงมาด้านล่าง มันหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ ได้เห็นโรมแบบเต็มตา ลมก็แรงสุดๆ

มุมนี้มองไปเห็นหลังคา Stadio Olimpico ด้วย พรุ่งนี้จะได้สัมผัส โรมดาร์บี้ แล้ว

วันที่สอง หมดเวลากับ วาติกัน ไปทั้งวัน ทีแรกว่าช่วงบ่ายๆ จะเดินไปหาช็อป โรม่า ต้องยกยอดไปวันอาทิตย์จนได้  ต้องไปโดยที่ไม่รู้ด้วยว่าเค้าเปิดวันอาทิตย์หรือเปล่า (จริงๆช็อปมันอยู่ไม่ไกลกับ Vittorio Emenuele II เลย แต่ผมเช็คไม่ดีเอง คือไม่ได้เช็คไปก่อน เลยไม่ได้ไปวันแรก)

วันอาทิตย์ บอลเตะบ่ายสาม ไม่ใช่คู่ดึก อย่างที่ผมหวังไว้ คือผมอยากสัมผัสดาร์บี้กลางคืนมากกว่า มันคลาสสิคดีแม้ว่าจะดูอันตรายก็เหอะ ก่อนบอลเตะผมแวะไปช็อป โรม่า ก่อน อยู่ตรง Piazza Colonna ได้เสื้อแข่งมาตัวนึงครับ

แน่นอนว่าด้านหลังต้องปักชื่อนักเตะในดวงใจเบอร์ 1 ต๊อตติ อิอิ

ตั๋วดูบอลครับ ผมฝากญาติซื้ออีกที เลยไม่แน่ใจว่าซื้อมาทางไหน แต่เห็นจากหลังตั๋วน่าจะเป็น listicket.it ครับ

มาถึงโรมแล้ว ต้องสัมผัสบรรยากาศ โรมดาร์บี้ ล่ะครับ

เกมใกล้จะเริ่ม ฝั่ง Curva Nord แฟนลาซิโอ คึกคักกันใหญ่

ฝั่ง Curva Sud ของโรม่า ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน พร้อมรบ เอ้ย พร้อมเชียร์

เกมนี้ดาราดังลงครบเลย ทั้ง ต๊อตติ และ เด รอสซี่ 2 ลูกหม้อหมาป่า

แล้ว ต๊อตติ ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง จัดการเหมา 2 ลูก ทั้งฟรีคิก และจุดโทษ

ยิงตรงมุมที่ผมนั่งพอดีเลย

มาด ต๊อตติ หลังไปดีใจกับแฟนๆที่ Curva Sud

จบเกม โรม่า เอาชนะ ลาซิโอ ไปได้ 2-0

ผมลงแค่บางส่วน ใครสนใจเกมนี้ เข้าไปดูเต็มๆได้ในนี้นะครับ
http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2011/06/S10737588/S10737588.html

หลังเกม เดินออกจากสนามมา เห็นมีแฟนบอลวิ่งตามรถนักเตะด้วย ยังกะไล่ตามรถ AF

เสียดายครับ ไม่ได้อยู่ฉลองให้เต็มคราบต่ออีกวัน

รุ่งเช้าผมออกจาก โรม มุ่งสู่ เซียน่า ด้วยรถไฟ (ใช้ Eurail pass) ด้วยความไม่คุ้น เพราะไม่เคยมา ทำให้เกือบจะพลาด มารู้ทีหลังว่ามันไม่มีรถไฟจาก โรม ไป เซียน่า โดยตรง เปิ่นได้อีก

ไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Chiusi-Chianciano Terme ก่อนครับ

เอาล่ะ ถึง เซียน่า แล้ว ลุยกันเลยครับ ผ่านเข้าเขตเมืองเก่าที่ประตู Camollia

วันนี้ทั้งเมืองค่อนข้างเงียบครับ เดินผ่าน Piazza Salimbeni ใจหวิวๆชอบกล

จากนั้นไม่ไกลก็ถึง Piazza del Campo ใจกลางของเมือง เซียน่า ที่เห็นอาคารด้านหน้านี้คือ Palazzo Pubblico หรือศาลาว่าการเมืองครับ

ตรงนี้แหล่ะที่ใช้จัดเทศกาลแข่งม้า Palio ที่มีชื่อเสียงทุกๆปี

แถวนี้มีร้านอาหารเรียงเป็นแถวเลย แต่ราคาโหดๆทั้งนั้น ถือเป็นค่าชมบรรยากาศสวยๆ

อีกที่หนึ่งที่เป็นจุดสำคัญคือ Duomo แห่งเซียน่า ครับ งดงามตระการตามาก

ภายในเหมือนว่าจะเน้นสีโทนขาวสลับดำ ผมนึกถึงสีประจำเมืองเลย เดาเอาล้วนๆ

ตอนปีนโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ว่าเหนื่อยหนักแล้ว มาลองขึ้นหอระฆังข้างๆ Duomo ที่ เซียน่า บ้าง ก็เหนื่อยไม่ต่างกัน แต่วิวสวยมาก เห็น Piazza del Campo แบบเดียวกับในโปสการ์ดเลย

ใกล้จะหมดวันแล้วครับ ผมเดินกลับที่พัก ระหว่างทางก็เจอสนามของทีม เซียน่า โดยบังเอิญ ต้องแวะเสียหน่อย

สนามแห่งนี้เดิมมีชื่อเดียวกับของ ฟิออเรนติน่า คือ Stadio Artemio Franchi แต่ปัจจุบันใส่คำว่า Montepaschi Arena ตามชื่อสปอนเซอร์หลักที่เป็นธนาคาร ต่อท้ายไปด้วย ธนาคารแห่งเซียน่า นี่ดังและเก่าแก่มากๆ มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1472 โน่น

ที่นั่งรอบๆครับ เป็นสนามที่เล็ก แต่ดูอบอุ่น และมุมมองใกล้สนามมาก คนละเรื่องกับ Olimpico เลย

ซีซั่นนี้ ทีม เซียน่า ได้กลับมาเล่นใน เซเรีย อา อีกครั้ง เราคงได้เห็นที่นี่กันบ่อยครั้งขึ้น

วันต่อมา ออกจาก เซียน่า ไป ปิซ่า ครับ ถึงประมาณเที่ยงครึ่ง

หลายคนบอกว่า ปิซ่า มีที่เที่ยวน้อย ทั้งเมืองรู้จักอยู่ที่เดียวคือ หอเอนปิซ่า สัญลักษณ์ของเมือง ผมก็ว่าจริงนะ

จะขึ้นหอเอน ต้องไปซื้อตั๋ว และฝากกระเป๋าในล็อกเกอร์ เพราะทางแคบและค่อนข้างลื่นครับ เอาแค่กล้องติดตัวไปก็พอ

ขึ้นไปดูวิวข้างบน ก็เห็นได้ทั่วเมือง รวมถึง Arena Garibaldi สนามของทีม ปิซ่า ด้วย

ดูวิวจนจุใจแล้ว ลงดีกว่า

รู้สึกว่าอากาศข้างในหอเย็นกว่าข้างนอกพอสมควรครับ หินอ่อนนี่เก็บความเย็นดีมากๆ

ป้ายนี้บอกถึงประวัติการสร้างหอครับ บอกหมดว่าเอนตอนไหน เสร็จเมื่อไหร่ ใช้เวลาสร้างนานมาก เพราะมีช่วงที่หยุดชะงักไปด้วย รวมแล้วเกือบ 200 ปีเลยครับ จึงจะเสร็จสมบูรณ์

บริเวณรอบๆหอเอน มีจุดที่น่าสนใจอยู่รอบๆ ดังในภาพนี้ จาก หอเอน ไล่ขึ้นด้านบน คือ Duomo และ Battistero di San Giovanni หรือหอศีลจุ่ม สามารถซื้อเป็นตั๋วรวมได้เลย ยกเว้นหอเอน ที่ต้องซื้อแยกต่างหากครับ

ใกล้ค่ำแล้วครับ ไปสถานีรถไฟเดินทางต่อ จุดหมายอยู่ที่ ฟลอเรนซ์ ....

ถึง ฟลอเรนซ์ แล้วก็ขอหาอะไรกินก่อนเลย ย่านใกล้สถานีรถไฟส่วนใหญ่มักจะเป็นร้านแบบครอบครัว เค้าเรียกกันว่า Trattoria ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก พรุ่งนี้ว่ากันใหม่

รุ่งขึ้นได้เวลาเริ่มสำรวจเมืองครับ ที่นี่ชื่อเมืองภาษาถิ่นจะเรียกว่า ฟีเรนเซ่ (Firenze) เวลาจะสื่อสารควรอย่างยิ่งเลยครับที่ต้องใช้ชื่อเมืองเป็นภาษาเค้า นอกจากเพื่อให้คุยกันรู้เรื่องแล้ว ผมว่าถือเป็นการให้เกียรติเค้าด้วยนะ

ถึงเวลานี้เห็นหออะไรก็ผวาแล้วครับ ปีนมาจนขาเคล็ดแล้ว เห็นทั้งโดมของ Duomo และหอระฆังแห่ง Giotto มันช่างดูสูงเหลือเกิน ผมก็ไหวแค่ที่เดียว ต้องเลือกเอาสักที่ ซึ่งก็เลือกไม่ยากเลยครับคือขึ้นหอระฆัง เพราะอะไรน่ะเหรอ .....

วิวจากหอระฆัง ทำให้เห็นยอดโดม Duomo หรือโบสถ์ Santa Maria del Fiore คู่กับเมืองได้อย่างชัดเจนนั่นเอง

สังเกตดีๆ จะเห็นกลุ่มคนที่ปีนขึ้นไปถึงยอดโดม Duomo ด้วย แต่ผมคงปีนต่อไม่ไหวล่ะครับ ขอบายดีกว่า

อีกหนึ่งในมุมที่น่าสนใจคือถนนสายนี้ครับ ชื่อ Ricasoli ถนนแคบๆที่ทั้งตรงและยาวดีจริงๆ

กลับลงมาด้านล่าง ผ่าน ประตูสวรรค์ หรือ Porta del Paradiso ที่หอศีลจุ่ม San Giovanni

จากนั้นก็เดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆเมืองครับ ที่นี่มองไปตรงไหนก็ดูอาร์ตไปหมด แม้แต่ฝาท่อบนพื้น ....

รถที่วิ่งในเขตเมืองเก่า บางคันนี่ก็ไซส์เล็กสุดๆจริงๆ โดนชนแรงๆได้ปลิวแน่

ที่มีเวลาเดินเล่น เพราะผมมีนัดจองคิวดู David ตัวจริงไว้ครับ ที่ Galleria dell’Accademia ซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าแล้ว

ให้ดูแค่ป้ายหน้าทางเข้านะครับ ข้างในห้ามถ่ายรูปตามระเบียบ เดี๋ยวหนังสือภาพเค้าจะขายไม่ออก

ค่ำนี้ชักเบื่ออาหารแบบเลี่ยนๆแล้วครับ ผ่านไปเจอร้านขายของเอเชีย เลยชวนภรรยามาดินเนอร์ ปาร์ตี้มาม่า แทน ดูราคาแล้วก็นะ แพงกว่าเมืองไทย 4 เท่า แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ก็ของมันมาไกล อีกอย่างถูกกว่ากินร้านอาหารเยอะ

วันต่อมา เปลี่ยนไปเที่ยวอีกมุมของเมืองครับ เริ่มจากวิหาร Santa Croce จะมีอนุสาวรีย์ Dante อยู่ข้างๆ

ภายในจะมีอนุสรณ์ที่ฝังศพของศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิเช่น Michelangelo และ Galileo เป็นต้น

จริงๆในนี้มีอนุสรณ์ของ Dante ด้วยนะครับ แต่ไม่มีศพอยู่ เพราะ Dante เสียชีวิตที่เมืองราเวนน่า แล้วผู้ครองเมืองนั้นไม่ยินยอมให้นำร่างกลับเขากลับมาฝังที่ ฟีเรนเซ่ บ้านเกิด เลยต้องฝังศพจริงไว้ที่นั่น

จากนั้นก็เดินข้าม Ponte Vecchio สะพานชื่อดัง สัญลักษณ์ของเมืองไปอีกฟากครับ คนเยอะมากๆ

เหตุที่คนเยอะ ส่วนหนึ่งก็เพราะบนสะพานนี้มีร้านค้าให้ช็อปปิ้งตลอดทางนั่นเอง

เดินทางถึงพระราชวัง Pitti แล้วครับ ที่วังนี้ผมจ่ายเงินซื้อตั๋วไปล่วงหน้าด้วย แต่แล้วพอเดินผ่านประตูเข้าไปถึงกับช็อค เพราะวันนี้เค้าเปิดให้เข้าชมฟรีครับ ไม่เสียเงินแม้แต่ยูโรเดียว อ้าว ผมจ่ายไปแล้ว 18 ยูโร ทำไมคนรับจองไม่บอกล่ะ ผมพยายามเดินถามเจ้าหน้าที่หลายๆคน ในที่สุดก็ถึงบางอ้อ ....

ก็เพราะวันนี้ (17 มี.ค. 54) มันเป็นวันครบรอบ 150 ปี ของการรวมชาติ อิตาลี พอดีเป๊ะ ทำให้พิพิธภัณฑ์ของรัฐ ทุกแห่งทั่วประเทศ เปิดให้ประชาชนเข้าฟรีหมด โอย.... ทุกคนดีใจ แต่ผมกับภรรยาคอตกเลยครับ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาบอกให้ไปที่เคานเตอร์ขายตั๋ว เพื่อเคลมเงินคืน !! แล้วก็ได้คืนเต็มจำนวนจริงๆ ทำเอาหน้าบานทันทีเลย อิอิ

หลังเที่ยววังเสร็จ ก็เดินกลับมาที่ Ponte Vecchio อีกรอบ หาอะไรกินแถวนั้น ต้องระวังให้มากๆเลย ย่านริมแม่น้ำใกล้สะพานนี้ เพราะร้านส่วนใหญ่ มักจะไม่ติดราคาหน้าร้าน และราคาก็โคตรแพงมหาโหดจริงๆ เช่น โค้ก แก้วละ 10 ยูโร เป็นต้น (เกือบโดนแล้ว)

เอาล่ะครับ จุดหมายต่อไปอยู่ที่ Palazzo Vecchio หรือศาลาว่าการเมืองฟลอเรนซ์ นั่นเอง

บริเวณด้านหน้าของ Palazzo Vecchio น่าจะเป็นใจกลางหลักของเมืองมากกว่าตรง Duomo เสียอีก ตั้งอยู่ที่ Piazza della Signoria ครับ คนล้นหลามมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว

ทางเข้าครับ สังเกตรูปปั้นทางฝั่งซ้าย คือ David นั่นเอง จำลองมาจากของจริงใน Galleria dell’Accademia

ที่จริงแล้ว David ตัวจริงในพิพิธภัณฑ์ เคยตั้งอยู่ที่จุดนี้มาก่อน เมื่อของจริงถูกเก็บไป ไม่ให้โดนแดดโดนฝน เลยทำแบบจำลองตัวนี้ขึ้นมา ซึ่งก็จำลองมาได้เหมือนมากๆ

ภายใน Palazzo Vecchio ครับ มีตราสัญลักษณ์ของเมืองอย่างเด่นชัด

จากนั้นผมเดินออกมาเพื่อไปยัง พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Uffizi แหล่งรวมงานศิลปะชั้นยอดของโลก แต่เจอศิลปินคนนี้ก่อนครับ ชื่อ Tadeusz Machalski ได้ยินคนแถวนั้นบอกว่าเค้ามาเล่นดนตรีที่นี่ประจำ จนกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของที่นี่ไปด้วย

มาถึงหน้า Uffizi แล้วครับ มีรูปปั้นเก๊ มายืนคอยให้เด็กๆถ่ายรูปด้วย

ภาพส่วนหนึ่งใน Uffizi ครับ จริงๆผมเข้าใจว่าในนี้ห้ามถ่ายรูป เพราะทุกผลงานจะมีป้ายบอกไว้หมด ยกเว้นผลงานชิ้นนี้ เลยคิดว่าเค้าคงให้ถ่ายได้ อิอิ

ที่นี่ก็เปิดให้เข้าชมฟรีในวันพิเศษนี้เช่นกัน ผมที่จ่ายเงินไปล่วงหน้าแล้ว ก็ไปขอเงินคืนได้ตามระเบียบ สรุปว่าวันนี้ได้เงินเพิ่มมาในกระเป๋ารวมแล้วถึง 50 ยูโรเลย

ออกจาก Uffizi มา ก็มาเดินกลับที่พัก เดินไปก็คิดไป คืนนี้กินอะไรดี ......

คืนก่อนโซ้ยมาม่า วันนี้กลับไปเข้าร้านอาหารอีกครั้ง เลือกร้าน BONDI บรรยากาศด้านในสวยทีเดียว

เมนูแนะนำของที่นี่คือ ไข่ทอดไส้แฮมชีส นุ่มชุ่มลิ้นมาก ใครแวะมา ลองสั่งทานดูครับ

เช้าวันต่อมา ผมต้องออกจาก ฟลอเรนซ์ ราวๆเที่ยง ดังนั้นมีเวลาว่างช่วงเช้า ต้องเติมเต็มอะไรให้ครบกับเมืองนี้เสียหน่อย ใช่ครับอย่างน้อยไม่ได้ดูบอลที่นี่ ก็อยากเห็นสนาม Artemio Franchi ด้วยตาตัวเองสักครั้ง

ผมเลยขอภรรยา (ที่ยังไม่อยากตื่น) ลุยเดี่ยวมาที่สนาม ทีแรกจะนั่งรถไฟมา แต่ต้องรอเที่ยวรถนานมากเกิน เลยตัดสินใจนั่งรถเมล์แทน เปลี่ยนรถไป 2 ต่อก็มาถึงจนได้

แต่น่าเสียดายครับ ที่นี่ไม่ใช่ เซียน่า ที่อยู่ๆจะเดินผ่านประตูเข้าไปได้ง่ายๆ ทุกประตูรอบสนามปิดหมด แน่นหนาและมิดชิด ผมเลยได้แต่ยืนรอสักพัก เห็นข้างในมีรถจอดอยู่หลายคัน เผื่อจะมีเจ้าหน้าที่ผ่านเข้า-ออก จะลองขอดู แต่ก็ไม่มีใครเลย

อย่างที่พอจะรู้กัน สนามฟุตบอลแทบจะทั้งหมดในอิตาลี เป็นของเทศบาลเมือง หรือไม่ก็ของรัฐฯ มีแค่สนามใหม่ของ ยูเวนตุส เท่านั้น ที่ทีมเป็นเจ้าของเองอย่างแท้จริง หน้าตาก็เลยเหมือนสนามในบ้านเรา คือใช้เช่าเพื่อแข่งบอลอย่างเดียว จะไม่มี Stadium Tour เหมือนพวก อังกฤษ เค้า พวกถ้วยรางวัลต่างๆจะไปถูกเก็บไว้ในศูนย์ฝึกซ้อมบ้าง หรือคลับของทีม ที่ไม่ได้เปิดให้แฟนบอลทั่วไปเข้าชม มีที่เดียวคือเน้นทำตรงนี้คือ ซาน ซิโร่ ครับ ดูจะคิดเรื่องหัวการตลาดได้มากที่สุดแล้ว ไม่งั้นแฟนคลับบ่นตายเลย ส่วนสนามอื่นๆก็ล้อมรั้วแน่น ให้แฟนบอลขาจรแบบผม ตะลอนขอมั่วเข้าฟรีต่อไป อิอิ

ส่วนผม สำหรับสนามนี้คงหมดหวัง ได้แต่สอดกล้องเข้าไปถ่าย ได้เห็นเก้าอี้ในสนามเท่านี้ครับ เสียดายเหมือนกัน

เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม มีช็อปของทีม ฟิออเรนติน่า อยู่ด้วย แต่ดันมาเช้าไป เค้ายังไม่เปิด ต้องรออีกชั่วโมง

ผมเองไม่อยากรอแล้วต้องวิ่งหอบตอนกลับ คิดว่าคงไม่ได้เข้าสนามแล้ว ไหนจะห่วงภรรยาด้วย ขอเก็บภาพรอบๆสนามสักหน่อยก็พอ

แถวนั้นมีป้ายโปรโมตแข่ง มวยไทย ด้วยครับ Fight Club Boxing มวยไทย เรามาดังถึงนี่เลย น่าปลื้มใจครับ

เอาล่ะ ได้เวลากลับจริงๆแล้ว ....

จากสนาม มีสถานีรถไฟอยู่ไม่ไกล ชื่อ Campo di Marte ที่แฟนบอลมักจะใช้เดินทางประจำในวันแข่ง ขากลับไม่มีปัญหาเรื่องเวลาครับ เพราะมีรถไฟเข้าสถานีหลักทุกครึ่งชั่วโมง

ติดตามชมครับ

นั่งรถไฟใช้เวลาราวๆ 10 นาที ก็มาถึงสถานีหลัก Santa Maria Novella ครับ กลับไปขนสัมภาระ รอจนใกล้ๆเที่ยง ถึงเวลาต้องอำลา ฟลอเรนซ์ ......

จบตอนแรกแล้วครับ ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตาม แล้วพบกันใหม่ในภาค 2 มีไป Rimini-San Marino-Bologna ราวๆสัปดาห์หน้าครับ

สวยมากครับ

ขอบคุณสำหรับรูปสวย ๆ ค่ะ

@ นอกจากอยู่ในสมรภูมิม็อบแล้ว ยังได้ไปอยู่ในสมรภูมิลูกหนังด้วย
   ว่าแต่ทริปนี้ คุณ il giallorossi เก็บได้กี่สนามครับ ..

ขอบคุณสำหรับรีวิว
ภาพสวยค่ะ

น่าอิจฉาได้ชมลูกหนังและบรรยากาศสนามสดๆ.. ขอบคุณรูปสถาปัตย์งามๆด้วยครับ

รีวิวหลายเมืองได้กระชับดีจังครับ
ขอบคุณครับ

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

บรรยากาศช่วงแรกๆ ทำให้ลุ้นระทึกสุดๆ ทีเดียว

ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ

ไปช่วงใกล้ๆกันเลยค่ะ เลยทำให้รู้ว่าที่อิตาลีนี่ม๊อบถี่เหมือนกันนะเนี่ย เพราะวันแรกที่เหยียบอิตาลี เราก็เจอม๊อบเหมือนกัน รถไฟใต้ดินปิดหมด เดินเอาอย่างเดียวเลย ขาแทบหลุด

แต่ไม่ได้ไปอยู่ในหมู่ม๊อบแบบคุณนะคะ ฮ่าๆ ไม่งั้นได้เป็นนักข่าว ถ่ายรูปเก็บกลับมาแบบคุณแน่เลย

ตามมาให้กีบยกสองจากห้องศุภฯฮะ

ดูอีกที ก็ยังยืนยันว่า รูปสวยมากๆเลยค่ะ แถมเที่ยวได้หลายเมืองมาก ไปทีคุ้มเลยนะนั่น

..

อยากไปเรื่อยเปื่อยสักเดือนนึงแบบนี้มั้งจังค่ะ

..

อยากไปชมโคลอวเซี่ยมแบบนี้บ้างจังครับ
และที่สำคัญอยากไปดูบอลอิตาลีสดถึงขอบสนามแบบนี้บ้างครับ

อยากตามรอยคุณ il giallorossi บ้าง

ฮันนีมูน 1 เดือน.....

มาดูรูปอิตาลีสวยๆครับ

เดือนตค.ว่าจะกลับไปเยี่ยมอีกซักที ห่างหายไปสามปีละกับประเทศนี้

ทั้งหมดทั้งหลายทั้งมวล
อยากขอทราบว่า จขกท.หมดไปเท่าไหร่คะเนี่ยยย?

ปล. อยากไปฮันนีมูนบ้างงงงงงงงงงง T T
แต่ยังไม่มีใครมาขอเลย

อยากไปบ้าง  
ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆค่ะ

แวะมาอิจฉารอบที่ 150


เสียดายที่โรม ไม่น่าเจอม๊อบเลยเนอะ
ไม่งั้นจะโรแมติคกว่านี้แยะอ่า

สวยมากครับ  ขอบคุณครับ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ครับ ขอแจกกิฟท์ไปเรื่อยๆเลย

คุณ sanamluang, คุณ Matterhorn
เกี่ยวกับม็อบนี่ เป็นอะไรที่ผมไม่เคยเจอและคาดไม่ถึงจริงๆ ภรรยาผม (ไม่เคยมาอิตาลี) ยังถามเลย เธอพาฉันมาประเทศอะไรเนี่ย? ตอนนั้นกังวลเรื่องความปลอดภัยมากที่สุดแล้ว แต่พอได้รับการบอกกล่าวจากคนแถวๆนั้นว่าเป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวก็เลิกไปเอง ก็โล่งใจขึ้นเยอะ

คุณ MRBIG173
ผมตั้งใจมาดูบอลแค่ โรมดาร์บี้ เกมเดียวครับ ส่วนดูสนามเฉยๆ 9 แห่ง มีทั้งแบบทัวร์สนาม ให้คนพาเข้า หรือเดินเข้าไปเองเลย รวมแล้วก็ 10 สนาม แต่ทั้งหมดก็ต้องเนียน ไม่ประเจิดประเจ้อด้วยนะครับ กลัวทำทริปฮันนีมูนกร่อย

คุณ พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง
ไปใกล้ๆกันมาก ผมแอบเห็นรีวิวแวบๆแล้วครับ สวยงามมากๆ แล้วจะเข้าไปอ่านแบบละเอียดยิบอีกครั้งพร้อมคอมเมนต์นะครับ

คุณ Phmatzue, คุณ Atmosphere, คุณ มาดามไร่องุ่น, คุณ NIR.L, คุณ white koala, คุณ ฟองสบู่, คุณ +G@To+, คุณ โอลีพ/แม่น้องเซ้นต์ (olives), คุณ Destiny-Boy, คุณ world_peace, คุณ MedicinePath, คุณ สาวหน้าใส, คุณ เล็กทาโร่
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมและคอมเมนต์นะครับ

คุณ raccoongrizzly
กับช่วงเวลา 1 เดือน ผมมีงบค่าใช้จ่ายต่อคนไม่เกิน 1 แสนครับ และก็ทำได้ตามเป้า เพราะไม่ได้เน้นเรื่องกิน และที่พัก เท่าไหร่ หากกินดีอยู่ดี รับรองว่าคงไม่ได้มาแน่นอนทริปนี้

คุณ ha-meow
ขอบคุณที่ตามมาอยู่เป็นเพื่อนกันครับ

คุณ khuanclub
บางทีมีม็อบก็ช่วยให้โรแมนติกได้นะครับ ยิ่งตอนมีเสียงระเบิดลง ถือโอกาสปลอบภรรยาไปด้วย

ผมอาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับราคามากนัก เพราะไม่ค่อยเก็บเอกสารเป็นที่เป็นทางครับ อาศัยจำเอาบ้าง นานๆจะค้นที ถ้าท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับทริปนี้ หรือค่าตั๋วต่างๆที่ต้องการถามเป็นพิเศษ ยินดีตอบหมดนะครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ :)

คุณ Coffee Blended
ขอบคุณที่แวะมาชมครับ ผมกำลังตามอ่านซีรีส์อเมริกาของคุณอยู่เหมือนกัน สนุกมากๆ

ตามมาให้กีบ สนามประจำทีมค่ะ  

ขอบคุณครับสำหรับการพาทัวร์อิตาลี
เป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยากไปมาก แต่ยังไม่มีโอกาสซักที

อยากจะไปดูบอลด้วย  ยิ่งถ้าเป็นคู่ มิลาน - อินเตอร์ ละก็เยี่ยม

คุณ ป้าหนอน
ขอบคุณครับ อย่าลืมกลับมารีวิวทริป อิตาลี ด้วยนะ แทบรอชมไม่ไหวแล้วครับ

คุณ ชาวทัวร์
ขอบคุณที่แวะมาชมครับ ทริปนี้ผมมีไปทัวร์สนาม ซาน ซิโร่ ด้วย ไปก่อนเกม มิลานดาร์บี้ แค่ไม่กี่วัน เสียดา่ยที่ไปไม่ตรงวันแข่ง ไม่งั้นคงได้ขอภรรยาดูอีกเกมเป็นแน่ อย่าลืมติดตามต่อในภาคต่อๆไปนะครับ

ดูคนคึกคัุก บ้านเรือนเค้าก็สวยงาม เก๋ดีเหมือนกันนะค๊ะ

คุณ hollaneung
ขอบคุณที่แวะมาชมครับ ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาฮันนีมูนถึง 1 เดือนเต็ม แต่อยู่ๆทุกอย่างมันก็พร้อมและลงตัวพอดี และก็คงเป็นครั้งเดียวในชีวิตด้วย

อย่างหนึ่ง ผมก็ได้รู้ว่าชีวิตมันพลิกได้ตลอด สักวันคุณอาจมีโอกาสปลดปล่อยเต็มๆ 1 เดือนบ้างแน่ๆ แล้วจะรอดูรีวิวนะครับ

ไปติดตาม รีวิวเรื่อยเปื่อย กันต่อใน ตอนที่ 2 นะครับ

Rimini - San Marino - Bologna - Venezia
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10964969/E10964969.html

ว้าววว เมืองในฝันของใครหลายคนเลย น่าไปเที่ยวมากครับ สวยงามเชียว


และที่สำคัญได้เข้าไปชมเกมส์โรมดาร์บี้ฯด้วย โรม่า กับ ลาซิโอ


เดี๋ยวตามไปชมต่อเลยดีกว่าเนอะครับ ^^

คุณ P.S. i love you
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ครับ สำหรับสาวกหมาป่าเข้าสายเลือด ผมคิดว่าชัยชนะของ โรม่า ในโรมดาร์บี้ คือสิ่งที่สวยงามที่สุดของทริปนี้เลยล่ะ

ว้าว สวยมาก+คุมงบได้เก่งมากเลย
กด Like ให้ David ตัวปลอมด้วยค่ะ ถูกใจ

คุณ นัดคุง (Nileriver)
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมนะครับ ว่าแต่ผมเห็นมีคนพยายามใช้มือถือแอบถ่าย เดวิด ตัวจริงด้วยล่ะ

55+ ว่าแต่ยืนอยู่ตรงไหนหนอ

คุณนัดคุง หมายถึง เดวิด ตัวจริงยืนที่ไหนใ่ช่ไหมครับ

ตัวจริงตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Galleria dell’Accademia ตามป้ายใน คห.70 ครับ ปกติจะห้ามถ่ายภาพด้านใน (มีเจ้าหน้าที่คอยนั่งส่อง) แต่จะมีบางคนทำเป็นเนียนเอามือถือแนบลำตัวแล้วถ่าย บางทีก็ใช้เพื่อนยืนบังมุมเจ้าหน้าที่ก็มีครับ อิอิ