ขอสารภาพว่านั่งคิดตั้งแต่ สองทุ่ม ที่เริ่มขึ้นเวรว่าจะเริ่มหรือไม่เริ่มรีวิวนี้ดี
นั่งคลิกดูรูปไปเรื่อยๆ แม่เจ้าและ จ้าวแม่...แปดพันกว่ารูปทั้งทริปเกือบสามสัปดาห์ เฉพาะไอซ์แลนด์ก็ปาไปหลายพันละ
สวยบ้างไม่สวยบ้าง จะเลือกมายังไง จะเริ่มที่ไหนตรงไหนดี
กลัวว่าเลือกตรงนั้นมาจะหลุดตรงนี้ จะแบ่งเป็นกี่ตอนจะเอาไฮไลท์ลงอย่างเดียวหรือว่าค่อยๆเล่าไปดี (อันหลังนี้มีสิทธิล่มมากที่สุด เพราะเคยล่มมาแล้วอย่างเป็นทางการ)
แค่จะเลือกรูปเปิดก็คิดไม่ตก ก็แหม ประเทศบ้าอะไร ถ่ายมามั่วๆเอามาดูยังสวยอะ...OMG !!!
ท้ายทีสุดก็มาถูกอกถูกใจกับรูปข้างล่างนี้
แล้วก็ตัดสินใจได้ว่า รีวิวลงพันทิป ไม่ใช่ประกวด เดอะสตาร์ ไม่แคร์สื่อ ไม่หวังผลกดโหวด เพราะฉะนั้น ลงๆไปเหอะ นี่มันจะตีสองละ ชาวบ้านแถวนี้เค้าคงไม่ว่าอะไรเราหรอกหนะ...ชิมิ?
ทำไมต้องเป็นรูปนี้เหรอ?
รูปถนน หญ้า และภูเขา.... มันไอซ์แลนด์ตรงไหน?
เอาเป็นว่า รูปนี้ เข้ากับอารมณ์ของผมตอนนี้ที่สุดครับ ถนนที่หายไปกับภูเขา ไม่เห็นว่าจะต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวาหลังเนินข้างหน้า (เหมือนผมไม่รู้ว่าจะเลือกรูปไหนมาโพสดี ....นั่น...เข้ากันมะ?)
เอาแบบจริงจังนะ....คริๆ
ทริปนี้ ประทับใจเพราะได้ขับรถครับ แม้ว่าค่าเสียหายในการเช่าและค่าน้ำมัน จะเอามาซื้อมอเตอร์ไซด์ดีๆได้คันหนึ่งเลย...(แปลให้ชาวบ้านฟังก็คือแพงมว๊ากกก)
เพราะการขับรถเที่ยวเอง ทำให้ผมเข้าถึงไอซ์แลนด์ได้จริงๆครับ(แม้ว่า ถนนบางเส้นก็ไม่เอื้ออำนวย เราก็พยายามจะดั้นด้นเข้าไปไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง)
ถนนเส้นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนความงามและความน่าหลงไหลของผมต่อประเทศนี้
เพราะถนนเส้นนี้ เป็นถนนวงแหวนรอบเกาะ ขับไปสิบชาติก็ไม่สิ้นสุดครับ เพราะมันจะวนมาที่เดิม คริๆ
ภูเขาด้านหลังก็แปลกนะ ถ้าดูให้ดี ภูเขาบ้าอะไร ใหญ่โตโอฬาร แต่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ซักต้น มีที่ไหนกัน
มามะ ตามมา(แบบช้าๆ) เดี๋ยวผมจะค่อยๆเล่าเรื่องประเทศประหลาดนี้ให้ฟัง
[15 ส.ค. 54 01:53:47
]
ถ้าใครเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับประเทศนี้มาบ้าง ก็คงรู้ว่าด้วยทำเลที่ตั้ง ช่างไม่เอื้ออำนวยให้คนไทยไปเที่ยวเล้ย
ทำไมเหรอครับ?
ปรีกษาอากู๋ แล้วดูแผนที่โลดๆ ประเทศที่รูปร่างเหมือนนกกระทานี้ อยู่ก้ำกึ่งระหว่าง ยุโรปกับ อเมริกาเหนือ
แต่ใครจะรู้มั้ย....ถ้าว่ากันตามแผ่นเปลือกโลกแล้วละก้อ ไอซ์แลนด์อยู่ทั้งบนทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป (ก็เค้าอยู่บนรอยแยกของแผ่นทวีป อเมริกาและ แผ่นยูเรเชียหนะสิ)
บินตรงจากไทยได้มั้ย...
ตอบ ถึงเป็นนก ก็บินบ่ได้.....เพราะไกลเหมือนอยู่อีกซีกโลกเลยครับ
ใครจะนั่งเครื่องลำไหน ชั้นประหยัด ธุรกิจหรือ เฟิร์สคลาสไฮโซ ก็ต้องเปลี่ยนเครื่องทั้งนั้น (คนชอบบินตรงไม่ชอบแวะพักหมดสิทธ์ไปไอซ์แลนด์)
ขโมยเอาแผนที่ชาวบ้านมาให้ดู เพราะไม่มีปัญญาวาดเอง
เหมือนนกกระทามั้ยครับ ?
ถึงซื่อว่าไอซ์แลนด์ แต่ว่าไม่หนาวอย่างที่คิดนะครับ
ดูสิมีสีขาวเป็นหย่อมๆ อันนั้นหนะ หิมะ แต่สีเขียวเกือบทั้งประเทศ
เอะทำไมเป็นอย่างนั้นหละ ประเทศในแถบเส้นอาร์กติก ทำไมยังเขียวได้เขียวดี
อันนี้ยกความดีความชอบให้คุณพี่กระแสน้ำอุ่นกัฟสตรีม..ที่แวะเวียนมาโอบอุ้มไอซ์แลนด์ ทำให้ไม่หนาวอย่างที่ควรจะเป็น
นอกจากจะทำให้ชาวบ้านชาวเมือง อย่างนิวยอร์ก ลอนดอน และนอร์เวย์อิจฉาจากพี่กัฟฯแล้ว ไอซ์แลนด์ยังมีของเด็ดอีกเยอะ
ใครเอาความรู้เรื่องกระแสน้ำอุ่นคืนอาจารย์ไปแล้ว ไปขอรับคืนมาซักนิดแล้วจะร้องอ้อ เสียงสูง
[15 ส.ค. 54 02:10:22
]
ทริปนี้ผมใช้บริการ "คุณคะ" บินไปออสโล นอร์เวย์แล้วต่อเครื่องไป กรุงเรกยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ด้วยสายการบินแห่งชาติ(ไม่ใช่แห่งญาติ) ชื่อว่า IcelandAir
มีเวลาต่อเครืองมากมาย เลยหนีไปเที่ยวออสโล(ค่ารถแพงมาก แต่ด้วยกลัวจะเบื่อสนามบินไม่ก็จะผลาญเงินกับการช้อปปิ้ง เลยยอมนั่งรถไป)
ก่อนออกจากเมืองไทยก็ได้รับข่าวร้ายจากออสโล ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้าน ทำให้ผมต้องเข้าไปให้เห็นกับตา
ท้ายที่สุดก็ได้คลอดกระทู้ รายงานสด เปลี่ยนอาชีพจากหมอเป็นนักข่าวหัวเห็ด รายงานสภาพกรุงออสโลมาให้เพื่อนๆได้ชมไปแล้น
[15 ส.ค. 54 02:20:56
]
อยากเล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง ก็กลัวคนจะเบื่อกับ พศ คศ...ต่างๆนาๆ งั้นเล่าแบบบ้านๆถ้าจะดีกว่ามานั่งเลคเชอร์
ไอซ์แลนด์นั่นถือว่าเป็นแผ่นดินที่ยังหนุ่มยังแน่น จะว่าเป็นเด็กๆก็ได้เมื่อเทียบกับ แผ่นดินยุโรป เอเซีย อาฟริกา หรือ อเมริกาก็ตาม ที่ว่าเด็กๆเนี๊ยก็อายุอานามไม่กี่ล้านปีครับ
ตรงนี้เลยทำให้ดินส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์ มีลักษณะพิเศษคือ ตื้นครับ
หมายความว่า ด้วยระยะเวลาที่ไม่นานพอทำให้หินที่เกิดขึ้นหลังการดันตัวของแผ่นเปลือกโลก จากการระเบิดของภูเขาไฟ สลายเป็นดินได้แค่เล็กน้อย
นั่นทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์นั่น ไม่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นไม้ใหญ่ รากของต้นไม้ไม่สามารถยืนต้นบนดินที่ตื้นได้
แต่อย่างไรก็ตาม ดินที่เกิดการย่อยสลายบางส่วนนี้ก็มีแร่ธาตุอาหารมากมาย ทำให้ในหน้าร้อน มีหญ้าเจริญเติบโตดี
ไอซ์แลนด์มีหญ้ามากซะจนเหลือกินเหลือใช้( ใครจะลองไปกินก็ไม่ว่านะครับ) จนส่งออกขายให้ประเทศในยุโรปอื่นๆใช้เลี้ยงสัตว์ เวลาเที่ยวในไอซ์แลนด์ก็จะเห็นว่าเค้าม้วนหญ้าเป็นมัดๆแล้วเอาพลาสติกคลุมไว้
รูปนี้ถ่ายตอนเครื่องบินร่อนลง ตกใจนึกว่าร่อนลงฉุกเฉินที่ไหน
โอ้...นี่หรือคือสนามบิน ทำไมมันช่างโล่งเตียนเช่นนี้
[15 ส.ค. 54 02:38:05
]
ก่อนที่จะลืม ขอเอารูปเจ้าเครื่องบินลำนี้ให้ดูก่อน
ไม่ใช่เครื่องที่พาผมมาไอซ์แลนด์นะครับ แต่เห็นจอดอยู่ที่สนามบิน Keykjavik
ที่ต้องเอามาโพสให้ดูก็เพราะว่า เครืองบินของไอซ์แลนด์แอร์ได้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของภูเขาไฟครับ ลำที่ผมมาคือเจ้า เฮกล่า
ส่วนลำนี้ใครตาดี ก็จะรู้ว่า มันชื่อ Eyjafjallajokull เจ้าภูเขาไฟที่เป็นตัวการทำให้หลายๆคนติดอยู่ในยุโรปตอนที่มันระเบิดปีที่แล้วไงครับ
[15 ส.ค. 54 02:44:42
]
หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้วก็ออกมาเจอคุณลุงที่มารอเอารถให้ครับ หลังจากตรวจสภาพรถกันแล้วก็ได้เวลาเข้าเมืองเรกยาวิก
ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินประมาณสี่สิบกว่ากิโลเมตร อากาศตอนนั้นขมุกขมัว
ผมกับเพื่อนตกลงกันว่า เค้าจะเป็นคนขับซะส่วนใหญ่ เนื่องจากว่าไม่มีข้อมูลเรื่องสถานที่ต่างๆ และถ่ายรูปไม่เป็น ผมจึงรับอาสาเป็นเนวิเกเตอร์และช่างภาพไปโดยดี เหมือนทริป นิวซีแลนด์ไม่มีผิด
ตอนแรกเราตั้งสติและกติกากันก่อนว่า ครั้งนี้ต้องใช้สติให้มากกว่าทริปนิวซีแลนด์เพราะว่า ความเร็วที่กำหนดที่นี่คือ 90 Km/hr ไม่ใช่หนึ่งร้อยเหมือนนิวซีแลนด์
กล้องจับความเร็วมีอยู่มากมาย และอาจจะไม่มีป้ายเตือน ที่สำคัญ ค่าปรับแพงมากกกกกกกกกกกกกก ไม่เอาอีกแล้วเสียดายเงิน
นี่ครับเจ้ารถน้อยหอยสังข์ของเรา
เห็นเล็กๆอย่างนี้ค่าตัวแพงมาก เพราะว่าเป็นเกียร์อัตโนมัติและธรรมดาได้ในคันเดียว(ก็ผมขับแบบเกียร์กระปุกไม่เป็นแล้ว)
[15 ส.ค. 54 02:53:25
]
กรี๊ด จะตีสามละยังไม่ถีงไหน ขอพากระโดดไปกลางเมืองเรกยาวิกเลยดีกว่า
อย่างที่บอกว่าสนามบินห่างจากตัวเมืองประมาณ สี่สิบกว่ากิโลเมตร
ด้วยความไม่เคยชินเส้นทางเราเลยตั้งสติขับช้าๆ ปล่อยชาวบ้านเค้าแซงไปก่อนครับ
ลมบริเวณสนามบินพัดแรงมาก ตอนขับรถจะรู้เลยว่ารถมันเหวี่ยงขนาดไหน
หลังจากขับมาถึงที่พักเรียบร้อยแล้ว ประมาณห้าโมงเย็น ฟ้ายังไม่มืดครับ แต่ก็ไม่สดใส...เป็นแบบนี้เกือบทั้งทริปเลย แต่ความสวยของไอซ์แลนด์ก็ไม่ได้ลดลงเลย
คนไอซ์แลนด์ดิก หรือไอซ์แลดน์เดอร์ โดยแท้นั้น มีต้นกำเนิดมาจากพวกไวกิ้ง หรือนอร์เวย์ครับ หลักฐานที่พบการตั้งถิ่นฐานนั้นย้อนไปถึงประมาณแปดร้อยกว่าปีก่อน คริสตศักราช
ตอนนั้นนอกจากไวกิ้งแล้วยังมีคนที่อพยบตามเข้ามา คือพวกทาสชาวไอริช ล่องเรือกันมาและมาลงหลักปักฐานกันที่นี่
ปัจจุบันนี้ ขาวไอซ์แลนด์มีประมาณ สามแสนกว่าคนเท่านั้นเอง อันนี้คนประชากรทั้งประเทศแล้วนะครับ
เป็นเชื้อชาติไอซ์แลนด์ดิก ประมาณสองแสนเกือบสามแสนคน ที่เหลือก็เป็นพวกที่อพยบเข้าไป มาอันดับหนึงก็คนโปลครับ เกือบหมื่นคน มีคนไทยด้วยนะครับ ประมาณห้าร้อยกว่าคน
ขนาดของประเทศประมาณ แสนตารางกิโลเมตร คิดง่ายๆ ความหนาแน่นของประชากรคือ สามคนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร... เหงาแย่เลย
ถนนเส้นนี้มีชื่อว่า Laugavegur ถนนคนเดินหลักของเมือง วันที่ผมไปเป็นเย็นวันเสาร์ ยังโหลงเหลงเลยครับ
[15 ส.ค. 54 03:02:32
]
เอะเพื่อนใครมายืนตรงนี้ มารับกลับบ้านด้วย
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 03:04:28
]
เผื่อใครได้ตามรอย บอกลายแทงไว้ซะเลย
ตึกสีแดงแปร๊ดดดดด นี้ เป็นบาร์ครับ มานั่งชิวๆดื่มได้เมาท์ได้ เป็นแบบมิกซ์ ชายได้ หญิงได้ เพศที่สามทีสี่ ที่ห้า ก็ยังได้
ส่วนประตูสีชมพูด้านขวามือ ร้านเดียวกันแต่แบ่งเป็นแบบเฉพาะกิจ ขึ้นไปชั้นสอง ไปฮาเฮกันได้ คริๆ อยากรู้ต้องไป
[15 ส.ค. 54 03:07:22
]
ช่วงนี้พักสายตาไปกับตึกสีสวยๆ กันก่อนนะครับ
ร้านขายเสื้อผ้าแต่ผมไม่ได้เข้าไป แต่ติดใจสีเหลืองของร้านเลยเก็บมาฝาก
[15 ส.ค. 54 03:09:03
]
ร้านนี้ขายนาฬิกาครับ
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 03:12:22
]
ร้านอาหารอิตาเลียน ที่คนนั่งเต็มตลอดเวลาครับ เปิดมานานมากในหนังสือยังแนะนำให้ไปทาน แต่ผมขอผ่าน
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 03:14:04
]
นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำการรัฐบาลครับ
ไม่ได้โม้นะครับ จริงๆ ก็แหม บ้านเค้ามีประชากรแค่สามแสนกว่าคน ที่ทำงานรัฐบาลเลยไม่ต้องใหญ่โตมาก แต่ก็ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียวนะครับ ยังมีอีกหลายที่ แต่ว่าขนาดก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
มาเล่าเรื่องการเมืองกันซักนิด
ก่อนที่จะมาเป็นไอซ์แลนด์ทุกวันนี้ ก็ผ่านการถูกครอบครองโดยนอร์เวย์มาก่อนนะครับ หลังจากนอร์เวย์ก็ยังมีเดนมาร์กเข้ามามีอิทธิพลต่อ
ยังครับยังไม่หมด ในยุโรปนั้นมีการระบาดของกาฬโรค มีผลต่อไอซ์แลนด์ถึงสองครั้ง
ครั้งแรกได้ทำให้คนตายไปเกือบห้าสิบเปอร์เซนต์ ครั้งที่สอง ก็อีกเกือบสามสิบเปอร์เซนต์
ตอนนั้นไอซ์แลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่จนมากที่สุดในยุโรปเลย
small pox ยังตามมาเล่นงานคนไอซ์แลนด์อีก จนประชากรเหลือน้อยลงมาก
หลังโรคระบาดผ่านไป ในปี 1783 ภูเขาไฟ Laki ได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ครั้งนั้น พืชพันธ์และหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ได้ตายไปกว่าครึ่งประเทศ
เรียกได้ว่าชาวไอซ์แลนด์ได้รับความลำบากมามากมาย
แต่ท้ายที่สุดประมาณ 1944 ที่ผ่านมา คนไอซ์แลนด์ก็ได้เรียกตัวเองว่าเป็น Republic of Iceland ซะที
[15 ส.ค. 54 03:29:32
]
เดินมาเรื่อยๆ เราก็ถึงถนน Austurstraeti อย่าถามผมว่าอ่านว่าอะไร เพราะขนาดได้ไกด์หนุ่มน้อยชาวไอซ์แลนด์ สอนออกเสียง ผมยังยอมแพ้ครับ อิๆๆ ออกเสียงได้ยากเหลือเกิน
ถนนเส้นนี้เป็นที่ตั้งของซุปเปอร์มาร์เกตที่เปิดยี่สิบสี่ชม. ด้านขวามือ (พอดีไม่ได้ถ่ายด้านหน้ามา) เผื่อว่าใครได้มาเรกยาวิกจะได้แวะมาใช้
ผมมาหาซื้อผลไม้และของรองท้องที่นี่หลายครั้งครับ
ส่วนอาหารหลักนั้น ทำกินเองในอพาร์ตเม้น ได้กินอาหารไทยทุกวันเลย ดีใจๆ
ลืมเล่าอีกอย่าง ไอซ์แลนด์นั้นได้ชื่อว่าเป็นเมือง Cashless ครับ
ไม่ต้องแปลกใจที่หาเครื่องเอทีเอมกดเงินสดได้ยากมาก
ผมเดินหากับเพื่อนตั้งนานกว่าจะเจอ แถมกดไม่ได้เพราะว่าเครื่องเสียอีกต่างหาก
ผ่านไปตั้งครึ่งทริปกว่าจะหาที่กดเงินอีกครั้งได้ แถมกดมาก็แทบจะไม่ได้ใช้
ทำไมเหรอครับ
ไอซ์แลนด์นั้น ใช้ บัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้กับสินค้าและร้านค้าแทบทุกชนิดเลยครับ
ถ้ามีคนขายก็ไม่ต้องกลัวเลย ไม่ว่าจะซื้อกี่โครนเค้ารับบัตรหมด แต่ว่าอาจจะต้องเตรียมไอดีการ์ด (เพื่อนผมยื่นบัตรประชาชนไทยสมาร์ทการ์ดให้ดูเลย) หรือ พาสปอร์ตให้เค้าดูด้วย
ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมือไม่มีคนขายเช่น ปั๊มน้ำมันครับ
เพราะบัตรที่จะใช้ได้ต้องเป็นบัตรทีมีพิน ซึ่งคนละระบบกับบ้านเรา
แต่เราสามารถซื้อบัตรเติมเงินเหมือนบัตรวันทูคอลบ้านเราเอาไว้เติมน้ำมันได้นะครับ ผมซื้อไว้ห้าพันโครน เติมเต็มถังหมด
ปล. เงินร้อยโครนประมาณ ยี่สิบหกบาทบ้านเรา คิดง่ายๆก็หารสี่ไปเลยครับ
[15 ส.ค. 54 03:40:00
]
ผมชอบร้านหนังสือนี้จัง อยู่ตรงข้ามกับซุปเปอร์มาเกตด้านบนครับ
ออกแบบได้สวยและมีที่นั่งให้อ่านหนังสือและดูวิวไปด้วย
[15 ส.ค. 54 03:42:20
]
Parliament เล็กๆน่ารัก
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 03:44:05
]
โบสถ์ข้างๆ ชื่อว่า Domkirkja
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 03:47:00
]
ขอแอบแว๊ปไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งครับ
ห้องน้ำไอซ์แลนด์เก๋ไก๋ ที่สำคัญฟรีครับ
[15 ส.ค. 54 03:51:29
]
Ice Bar ไม่ได้แวะเข้าไปครับ เพราะว่ามีบาร์เฉพาะกิจอยู่แล้ว อิๆ
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 03:52:59
]
เดินไปซักแป๊บ เจอร้านอาหารไทยด้วยครับ ชื่อว่าครัวไทย เสียดายไม่ได้แวะเข้าไปทักทาย
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 03:55:16
]
เรื่องราวของเรกยาวิกและไอซ์แลนด์ยังไม่จบนะครับ แต่ผมกำลังจะจบชิวิตครับ ง่วงแล้วอะ สงสัยเจทแลท จะหายไปซะแล้ว
ปกติเกือบหกโมงเช้าถึงง่วง
สองชม.โพสไปได้ยี่สิบความเห็น OMG !!!
ลาไปด้วยแก้วนี้เดี๋ยวสายๆตื่นมาจะพาไปเที่ยวเรกยาวิกต่อนะครับ
[15 ส.ค. 54 03:59:13
]
อ่านแล้วตื่นเต้นดีจังค่ะ รอชมนะคะ
จากคุณ : ป้าฟู
[15 ส.ค. 54 05:04:47
]
ติดตามมาตลอดตั้งแต่ตี2แล้ว
รีวิวสนุกดีครับ เห็นแล้วอยากไปบ้าง
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่านต่อ :)
[15 ส.ค. 54 05:06:31
]
ขอบคุณสำหรับรูปสวย ๆ ค่ะ
จากคุณ : มาดามไร่องุ่น
[15 ส.ค. 54 05:45:38
]
@ ตามอ่านซะเพลินเลยครับ ..
จากคุณ : MRBIG173
[15 ส.ค. 54 06:44:51
]
รออ่านต่อจ้า
จากคุณ : เขียนบน iPhone (tan_www)
[15 ส.ค. 54 07:36:09
]
มารอฟังต่อครับ น่าไปจริงๆ ไอซ์แลนด์
[15 ส.ค. 54 08:13:15
]
รอชมวิวสวยๆด้วยครับ
จากคุณ : ฟองสบู่
[15 ส.ค. 54 08:24:15
]
โอ้ว จอร์จ... มันยอดมากครับ... ถ่ายซะเพียบ รอชมนะครับ
จากคุณ : white koala
[15 ส.ค. 54 08:26:02
]
ไปมาแล้วเหมือนกันครับ ไปติดอยู่ที่โน่นตอนช่วงที่ภูเขาไฟระเบิดพอดีเลย
ผมชอบนะครับประเทศนี้ ดูสงบ สะอาด สบายๆ
แต่ถ้าคนชอบแสงสีก็จะไม่ชอบไปเลย
[15 ส.ค. 54 08:28:49
]
มารออ่านค่ะ
[15 ส.ค. 54 08:42:28
]
ชอบมากครับ อ่านเพลินเลย
จากคุณ : มาสามวิหกอาแปด
[15 ส.ค. 54 08:56:38
]
อยากไป แต่ไม่รู้จะไปยังไง กับใคร แงๆๆ
จากคุณ : SOYU_K
[15 ส.ค. 54 09:46:12
]
หวัดดีครับคุณหมอ เสียดายจังที่คุณหมอเพิ่งเขียนรีวิวตอนตี 2 เพราะเมื่อคืนทำงานถึงตี 1 กว่าๆ
ที่ถามผมมาว่าเจอฝนเหมือนที่คุณหมอเจอหรือไม่ ของผมเจอฝนจังๆ 5 วันจาก 11 วันครับ วันที่ฝนไม่ตก บางวันเมฆก็เยอะครับ
ตอนแรกจะไปตอนเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคมเหมือนกันครับ เพราะคิดว่าหน้าร้อนจะเจอฝนน้อยหน่อย แต่ตอนหาข้อมูลเห็นค่าที่พัก ค่าเช่ารถแพงขึ้นเยอะเลย เลยมาตอนเดือนพฤษภาคมดีกว่า
[15 ส.ค. 54 09:57:25
]
รอชมต่อค่ะ ขอบคุณนะคะ
จากคุณ : cascar
[15 ส.ค. 54 10:35:35
]
นานๆจะมีรีวิว Iceland ซักที รอชมต่ออยู่นะคะ
จากคุณ : Angel without wings
[15 ส.ค. 54 10:59:59
]
รอติดตามอยู่นะค่ะ
จากคุณ : pastelschool
[15 ส.ค. 54 11:35:10
]
ติดตามด้วยความตื่นเต้นค่ะ ภาพสวยมากๆ
จากคุณ : Japansainlook
[15 ส.ค. 54 11:49:30
]
..
ชอบๆ ชอบ ประเทศนี้มากๆ
อยากชมต่อจ๊ะ
..
[15 ส.ค. 54 12:19:04
]
บ้านเมืองเขาสะอาดจังนะคะ รอชมต่อค่ะ^^
จากคุณ : สามแซ่
[15 ส.ค. 54 12:38:19
]
งามมั๊กๆๆ ชอบเมืองที่สวย สงบแบบนี้
ขอบคุณมากๆค่ะ ^^
[15 ส.ค. 54 13:02:02
]
มาเข้าคิวรอชมด้วยอีกคนครับบบบบ
จากคุณ : กฤชพลอยากไปไอซ์แลนด์จัง แต่คงได้แต่ดู T_T
ตอนไปอากาศกี่องศาครับ
[15 ส.ค. 54 14:27:19
]
เห็นแค่ภาพเปิดก็กรี๊ดแล้วค่ะ
น่าไปเที่ยวจังเลย
[15 ส.ค. 54 14:39:39
]
ตึกต่างๆบริเวณถนนคนเดินรวมถึงบรรยากาศสวยมากเลยครับ
จากคุณ : Destiny-Boy
[15 ส.ค. 54 14:59:10
]
เล่าเรื่องได้สนุกมากๆ
รอติดตามชมเนวิเกเตอร์ต่อนะครับ
[15 ส.ค. 54 15:47:35
]
ว้าว ! ไปกับใครคะ ขออิจฉาคนนั้นอ่ะค่ะ
จากคุณ : สะหวอย7
[15 ส.ค. 54 15:53:27
]
แหะๆ กลับมาต่อให้แล้วครับ นอนยาวเลย ตื่นมาบ่ายสอง...กี้สสสส ปวดหลังมากมายเหมือนฝันว่าไปแบกข้าวสารมาร้อยกระสอบ....
หนาวมั้ย?
ต้องตอบว่า ชิวๆครับ สองชิวในที่นี้คือ
ชิวแรก ถ้าไม่มีลม มีแดดออกมาให้เห็นบ้าง ก็เรียกว่า ชิวๆ เดินสบาย ประมาณ สิบองศาปลายๆ สเวตเตอร์ซักตัวก็เก๋ได้
แต่ชิวที่สอง คือ ชิวหนาวสั่น จะเกิดขึ้นเมื่อแดดหายไป ลมมา อันนี้ เดินชิวแบบหนาวสั่น เพราะจะกลายเป็น สิบองศาต้นๆไม่ก็กลายเป็นเลขตัวเดียวไปเลยครับ
ไปเดินกันต่อดีกว่า
พาเดินย้อนกลับมาที่ถนน Skolavoroustigur เพราะจุดมุ่งหมายของผมคือHallgrimskirkja เอาง่ายๆ ก็โบสถ์รูปร่างประหลาด คล้ายออแกนยักษ์ หรือหินบะซอลต์มาวางเรียงกันนั่นเอง
[15 ส.ค. 54 16:04:58
]
มาปาดครับ
จากคุณ : หน่องครับ
[15 ส.ค. 54 16:15:00
]
ตอนไปถึงเจ้าโบสถ์นี้ก็ปาไปจะสามทุ่มครึ่งครับ เพราะมัวแต่เดินชิวๆ กันอยู่ คริๆ
จริงๆผมวางแผนว่าจะไปดูวิวมุมสูงของเรกยาวิกจากเจ้าหอคอยข้างบน แต่วันนั้นอากาศปิด และไปถึงก็ดึกแล้ว เลยกะว่าวันที่กลับมาเรกยาวิกอีกทีอาจจะได้กลับมา
แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เข้าไปดูข้างในหรือขึ้นไปข้างบน
แต่ แต่ และ แต่ ก็ใช่ว่าผมจะไม่มีวิวมุมสูงของเมืองมาให้ดูให้ชมนะครับ ตามกันต่อไป เดี๋ยวจะเสาะหามาให้ดูจนได้
แบบย่อๆ โบสถ์ที่มีชื่ออ่านยากนี้ใช้เวลาสร้างถึง 34 ปี คือ คศ. 1940-74 คนที่ออกแบบชื่อก็อ่านยากพอกัน Gudjon Samuelsson ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นตอนที่มันสร้างเสร็จครับ
โบสถ์นีพึ่งเสร็จสิ้นการบูรณะเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ใครมาก่อนหน้านั้นอาจจะมีผ้าคลุมและนั่งร้านบดบังให้รำคาญใจ แต่ตอนนี้ไปชมได้แบบเต็มๆ
แทบจะเรียกโบสถ์นี้ว่าเป็น Iconic ของเมืองเรกยาวิกเลยทีเดียว เพราะแปลกดีไม่มีที่ไหน ใครเห็นใครก็รู้ว่าเป็นโบสถ์ของเมืองนี้
ด้วยความสูงกว่า 75 เมตร แถมอยู่บนเนินของเมือง ทำให้วันที่อากาศดีๆ สามารถมองเห็นได้ไกลถึงกว่า ยี่สิบกม.
จากลักษณะการออกแบบนี้ ก็ได้ไอเดียมาจาก Valcanic Basalt หรือหินบะซอลต์จากภูเขาไฟที่มีมากมายในไอซ์แลนด์ครับ
ชื่อของโบสถ์นั้นได้มาจาก นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียง นามเต็มๆว่า Reverend Hallgrimur Petursson
ใครไปเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าร้อน ตรงกับวันอาทิตย์ อย่าลืมไปดูคอนเสริตของออแกนกว่า 5,775 pipe
[15 ส.ค. 54 16:18:21
]
เริ่มหิวแล้ว พาไปเดินหาอะไรกินกันดีกว่าครับ
สำหรับเพื่อนๆที่พักโรงแรมแล้วไม่มีที่ทำอาหาร แต่คิดถึงอาหารเอเซีย ทีนี่หาไม่ยากครับ
บนถนน Laugavegur นั้นมีร้านอาหารเอเซียอยู่หลายร้าน
มีทั้งอาหารจีน อาหารญี่ปุ่น และอาหารไทย
ร้านนี้หาได้ง่ายๆเลย ตึกสีเหลืองแต่ผมไม่ได้เข้าไปทานนะครับ เลยบอกไม่ได้ว่ารดชาดเป็นยังไง
[15 ส.ค. 54 16:26:07
]
มาถึงเมืองเรกยาวิกแล้ว ถ้าไม่ได้ลองเนื้อปลาสดๆ ก็คงน่าเสียดายมาก
ผมเดินตามหาร้านซูชิอยู่หลายร้าน ตัดสินใจเข้าร้านนี้เพราะว่าราคาไม่แพงมาก ทำเลดี อยู่บนถนนช้อปปิ้ง นั่งดูคนเดินไปเดินมาได้ด้วย
ชื่อว่าร้าน Sushi Bar ครับ
[15 ส.ค. 54 16:28:28
]
เมนูมีซูชิให้เลือกหลายแบบ
จะเลือกเป็นคำๆหรือจะเอามาเป็นเซทเลยก็ได้ครับ
ผมกับเพื่อนเลือกมาแบบเซทสองคน แล้วสั่งเพิ่มหน้าที่อยากทาน อย่าง ร้อปสเตอร์ เนื้อวาฬ
รดชาดใช้ได้เลยครับ เนื้อปลาหวานมากและสดจริงไรจริง
คนปั้นซูชิก็สด คริๆ
[15 ส.ค. 54 16:31:09
]
รูปบางส่วนผมใช้ไอโฟนถ่ายบนแอปพริเคชั่น เลยทำให้รูปแปลกๆไปนะครับ
ระหว่างรอซูชิ ก็กรึ๊บซะหน่อย
ค่าเสียหายของเบียร์ขวดนี้ เกือบพันโครน...หารด้วยสี่ก็ไม่ต่างจากราคาที่ญี่ปุ่นเท่าไหร่นะ
[15 ส.ค. 54 16:33:41
]
มาแล้วๆ ซูชิของเรา
แซลม่อนหวานมาก...
ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากพ่อหนุ่มน้อยไอซ์แลนด์ดิกว่า การจับปลาหรือตกปลาในไอซ์แลนด์นั้นต้องได้รับอนุญาต ต้องมีไลเซนต์เหมือนการขับรถเลย
แต่ราคาแพงกว่ามาก
การจับปลาโดยเฉพาะแซลม่อนนั่น มีการกำหนดไว้ว่า สามารถจับได้ช่วงไหน ฤดูไหน และพันธ์ไหน ไม่ใช่ว่าสุ่มสี่สุ่มห้าจะเอาเบ็ดไปตกได้เลยนะครับ
ถ้าโดนจับขึ้นมาเรื่องใหญ่เลย โดนปรับแพงมหาศาล
ที่เค้าต้องกำหนดไว้แบบนี้ก็เพราะว่า ทั้งบนไอซ์แลนด์และรอบๆเกาะนั้น อุดมสมบรูณ์ไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด
นี่ก็เพราะคุณพี่ กัฟสตรีมอีกแล้ว
คนไอซ์แลนด์ค่อนข้างจะหวงทรัพยากรที่มีอยู่ค่อนข้างมาก อาจจะเป็นเพราะว่า นี่เป็นแหล่งเงินแหล่งทองของเค้าก็ได้
พ่อหนุ่มบอกว่า ทุกๆปี มีคนอเมริกันและคนยุโรปหลายคนอยากจะมาตกปลาในไอซ์แลนด์เยอะมาก ทำให้รัฐบาลต้องตั้งราคาค่าใบอนุญาตไว้สูงๆ
[15 ส.ค. 54 16:39:32
]
ด้านขวาล่าง สองคำนั้นคือ ร้อปสเตอร์ครับ แค่ดูต่อมน้ำลายผมยังทำงานหนักเลย
รูปไม่ค่อยชัด ไม่รู้ว่าตอนนั้นมือสั่นด้วยความหิวหรือเปล่า
[15 ส.ค. 54 16:41:46
]
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วย เนื้อวาฬครับ
นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้ลองชิมเนื้อวาฬ ครั้งแรกที่ญี่ปุ่น เพื่อนมันยุให้ลองทานดู
ครั้งสุดท้ายที่ผมลองคือที่เบอร์เกน นอร์เวย์
บอกตามตรงว่าคงไม่ลองอีกแล้ว สามครั้ง ผมไม่เห็นว่าเนื้อมันจะอร่อยตรงไหนเลย มันมีกลิ่นเฉพาะ ไม่ถึงกับเหม็นแต่ก็ไม่หอม
เนื้อก็ไม่หวานเลย สรุปว่าไม่ปลื้มครับ แค่อยากลองให้รู้เท่านั้น
ไอซ์แลนด์และญี่ปุ่นเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังนิยมล่าวาฬเพื่อการค้าและรับประทานนะครับ
แม้ว่ามีกระแสกดดันจากนานาชาติให้ยกเลิกการล่าวาฬ แต่ว่าทั้งสองประเทศก็ยังไม่ตอบสนองต่อกระแสกดดันนี้
ถ้ามองในแง่ของวัฒนธรรม ผมก็มองว่านี่คงเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษเค้าทำกันมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว ซึ่งก็ทำเพื่อการดำรงชีพไม่ใช่กีฬาหรือความสนุกสนาน
การที่จะให้ทั้งสองประเทศต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งทีทำมานาน ก็คงเป็นเรื่องยากไม่น้อย
[15 ส.ค. 54 16:49:48
]
ต่อไปผมจะพาไปดูวิวของเรกยาวิกจากมุมสูง
นี่เป็นอีกหนึ่งที่ ที่อยากจะแนะนำให้ไปครับ ผมชอบที่นี่มาก
ที่นี่ถูกเรียกว่า Perlan ถามคนไอซ์แลนด์ คนไหนก็ต้องรู้จัก
มันคือเจ้าถังเก็บน้ำร้อนขนาดใหญ่ทรงกระบอกที่มีโดมกระจกใหญ่อยู่ด้านบน
ภายในโดมแก้มนี้มีภัตราคารชื่อดังตั้งอยู่ แต่เพื่อนๆสามารถขึ้นไปชมวิวได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปทานอาหารนะครับ
Perlan อยู่ห่างจากตัวเมืองแค่ สองกม. จริงๆแล้วจากในเมืองก็สามารถมองเห็นได้ เพราะว่ามันอยู่บนเนิน
เปิดตั้งแต่สิบโมงถึงสี่ทุ่ม สามารถมาชมวิวมุมสูงและรับอากาศที่ได้ชื่อว่า สะอาดแห่งหนึ่งในโลกได้แบบฟรี
ทำไมอากาศถึงสะอาดเหรอครับ เพราะไอซ์แลนด์ เค้าเรียกตัวเองได้เต็มปากว่า กรีน ซิตี้ ซึ่งก็ไม่ผิดจากความเป็นจริง
คนไอซ์แลนด์รู้ดีว่า สภาพแวดล้อมบ้านเค้านั้นสำคัญขนาดไหน
เศรษฐกิจของไอซ์แลนด์าล้วนขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การเพาะปลูก การจับปลา
สิ่งที่ไอซ์แลนด์ได้มาทนแทนจากการที่ต้องอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่
(ห่างจากนอร์เวย์เกือบพันกิโลเมตร ห่างจากเกาะกรีนแลนด์เกือบสามร้อยกิโลเมตร)
นั่นคือ ความร้อนจากแหล่งใต้ดิน
ทุกวันนี้คนไอซ์แลนด์มีน้ำร้อนใช้เหลือเฟือเพราะรัฐบาลนำน้ำใต้ดินที่ถูกต้มเรียบร้อยแล้วมาผลิตกระแสไฟฟ้า
(ในขณะที่ประเทศอื่นๆกำลังปวดหัวกับวิกฤตน้ำมัน ก๊าซธรรมาชาติรวมไปถึงถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า แต่คนไอซ์แลนด์กลับมีพลังงานใต้พิภพเหลือเฟือ)
น้ำที่ผ่านการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว เย็นลงแต่ก็ยังร้อนอยู่ได้ถูกนำมาเก็บไว้ที่นี่แล้วส่งไปแจกจ่ายให้ประชาชนใช้อย่างเต็มที่
ดังนั้น เพื่อนๆที่จะทานน้ำก๊อก ควรปิดก๊อกไปที่น้ำเย็นก่อนแล้วค่อยทานนะครับ อย่าเหมือนเพื่อนผมที่จะเล่นง่ายๆเอาน้ำร้อนมาต้มมาม่าโดยตรง
เพราะน้ำนั้นมีการปนเปื้อนกัมมะถันอยู่ (ได้กลิ่นตอนที่เปิดน้ำเลยครับ)
ประเทศอื่นๆในยุโรปก็เหมือนกัน น้ำร้อนจะมีลักษณะขุ่น ไม่ควรนำมาดื่มนะครับ
รูปนี้ผมยืมมาจากในอินเตอร์เนต เพราะว่า มาค้นดูรูปตัวเองแล้วลืมถ่ายด้านนอกไว้
[15 ส.ค. 54 17:09:42
]
ขึ้นลิฟท์มาแล้วออกมาชมวิวสวยๆของเรกยาวิกได้เลย
โบถส์ Hallgrimskirkja ที่ผมพาไปเมื่อกี้นี้ ก็เห็นได้ชัดเจนจากที่นี่
ถามว่าจะเดินมาได้มั้ย??? ก็น่าจะได้นะครับ ดูแล้วไม่ไกลมาก แต่ถ้าใครเช่ารถขับมาไม่ถึงสิบนาที
[15 ส.ค. 54 17:14:22
]
ตึกสูงหาได้ยากในกรุงเรกยาวิกครับ เพราะมีพื้นที่เหลือเฟือ
จากมุมนี้จะเห็นว่า เรกยาวิกอยู่ติดกับทะเล บรรยากาศดีมาก...
[15 ส.ค. 54 17:17:19
]
ตึกนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้ทำอะไร แต่รูปร่างสวยดีครับ
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 17:19:09
]
ว้าวๆ ซูชิน่ากิน
[15 ส.ค. 54 17:20:10
]
เจ้านี่เหมือนแผนที่ ที่บอกเราว่า แต่ละสถานที่ หรือภูเขาสำคัญๆอยู่ห่างจากเราทางทิศไหน ไกลเท่าไหร่
จากคุณ : MedicinePath
[15 ส.ค. 54 17:21:13
]
ซูชิอร่อยมากครับ คุณวันไลท์ฯ อยากกินอีกแล้ว....ราคาก็ไม่แพงมากนะครับ อาจจะพอๆกับบ้านเรา แต่ว่าปลาสดมากๆ
วิวของเรกยาวิกอีกด้าน มีแต่บ้านเตี้ยๆ ดูแล้วสบายตาดีจัง
[15 ส.ค. 54 17:25:03
]
สวนสาธารณะใกล้ๆ Perlan ยังมีไอน้ำพวยพุ่งออกมา
แผ่นดินบ้านนี้เมืองนี้เค้ามีความร้อนเหลือเฟือจริงๆ
[15 ส.ค. 54 17:27:03
]
สนามบินอีกแห่งของไอซ์แลนด์นั้นอยู่ในตัวเมืองเลย ใกล้มากๆ ผมนึกว่ามีแต่เชียงใหม่ที่มีสนามบินใกล้เมืองขนาดนี้นะ
วันหลังผมได้ใช้บริการสนามบินนี้บินไปกรีนแลนด์ ไว้จะเอามาเล่าให้ฟังอีกที
[15 ส.ค. 54 17:29:49
]
คงจบเกี่ยวกับเมือง เรกยาวิกไว้แค่นี้ แต่ว่าเรื่องของไอซ์แลนด์ยังมีอีกเยอะ ไว้ครั้งหน้าผมจะพาไปขับรถเล่น ชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์
มีอะไรสวยๆและเรื่องราวของประเทศนี้ให้เล่าอีกเยอะครับ
[15 ส.ค. 54 17:37:25
]
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆนะคะ..ประเทศนี้น่าสนใจมากๆ เพราะไม่ใช่ Main Destinations ของนักท่องเที่ยวทั่วๆไป จึงไม่ค่อยได้เห็นภาพมากนัก..ชอบที่มีร้านอาหารครัวไทยด้วย..มีคนไทยอยู่ทุกที่บนโลกนี้จริงๆ
[15 ส.ค. 54 19:05:25
]
เห็นแล้วอยากจะตามรอยไปบ้างจริงๆ
ทำไมถึงได้มีแต่มุมสวยๆ วิวเด็ดๆ เต็มไปหมดเลยเนี่ย
แต่พอเปิดสมุดบัญชีดูแล้ว เฮ้อ....สงสัยจะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหวแน่ๆ ^_^
[15 ส.ค. 54 19:16:45
]
สุดยอดเลยครับ สวยมากๆๆ
ดีใจที่คุณหมอตัดสินใจรีวิวให้ชาวบีพีได้ชมกันครับ ^^
[15 ส.ค. 54 19:32:59
]
สวยมากกกกแล้วก็เล่าได้สนุกกกกกมากกกด้วยครับ...จะตามชมต่อนะครับ
จากคุณ : mordek1
[15 ส.ค. 54 20:36:51
]
น่าไปมากค่ะ รอชมรีวิวต่อนะคะ
จากคุณ : Blue Whale
[15 ส.ค. 54 20:58:36
]
ขอบคุณสำหรับรีวิวสวย ๆ กับประเทศที่หาชมได้ยากนะครับ
ถ้าบุญพาวาสนาส่ง ก็คงได้ไปมั่งซักวัน
ตอนนี้ก็เกาะกระทู้ชมไปก่อน
[15 ส.ค. 54 22:06:14
]
ตามมาเที่ยวด้วยครับ
จากคุณ : tiger's nest
[15 ส.ค. 54 22:29:16
]
รูปสวยมากค่ะคุณหมอ
[15 ส.ค. 54 22:35:09
]
สวยมากเลยครับ
จากคุณ : เล็กทาโร่
[16 ส.ค. 54 00:49:55
]
มาแล้วรีวิวที่รอคอย สมกับเป็นบุคคลที่ผมอิจฉาสุดแห่งปีจริงๆ คนอะไรเที่ยวเก่ง แถมเที่ยวแต่ละที่ น่าสนใจทั้งนั้น ฮือๆๆ
รับเด็กยกกระเป๋าไหมครับคุณหมอ จะขอสมัครครับ
[16 ส.ค. 54 00:52:33
]
ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ
จากคุณ : bremerton
[16 ส.ค. 54 10:40:21
]
เมืองน่ารักมากคะ
บ้านหลังเล็กๆ กิ๊บเก๋มากคะ
ขอบคุณภาพสวยๆ นะคะ
[16 ส.ค. 54 19:34:01
]
ขอบคุณนะคะ เป็นอีกหนึ่งประเทศในฝัน น่าตามรอยมาก ๆ ค่ะ
[16 ส.ค. 54 19:56:55
]
ขอบคุณที่นำภาพมาฝากนะครับ
จากคุณ : Campusman
[17 ส.ค. 54 12:36:56
]
ตามมาดูอีกรอบ สวยมากกๆ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
จากคุณ : Japansainlook
[18 ส.ค. 54 15:14:37
]
ตามคุณหมอ มาชมเมืองที่ไม่ค่อยได้เห็นความงามกันค่ะ
[18 ส.ค. 54 16:54:45
]
ตามมาชมรีวิวสนุก ๆ ภาพสวยๆ ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
[18 ส.ค. 54 18:24:02
]
น่าตามไปเที่ยวบ้าง ขอบคุณสำหรับรีวิวและภาพสวยๆ นะครับ
จากคุณ : noiwanwannoi
[18 ส.ค. 54 19:25:59
]
น่าอิจฉาคุณหมอจริง ๆ
จากคุณ : lichil69
[22 ส.ค. 54 14:39:55
]
อยากเป็นคุณหมอออออออออออออ MedicinePath!!!
ขนาดได้ไปเรียนอยู่อังกฤษตั้งปีครึ่ง ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลยค่ะ ไปแค่ฝรั่งเศสกับสวิตแค่นั้นเอง
ปีหน้าไม่รอดแน่ๆ ถ้าเงินพอนะคะ 5555
[23 ส.ค. 54 01:14:18
]
----------------------Iceland ดินแดนที่ต้องไป (2) My life my experience---------------
จากคุณ : MedicinePath
[25 ส.ค. 54 14:14:27
]
ตามชมภาพสวยๆเรื่องราวน่าติดตามมากๆครับ
จากคุณ : mongnoi
[25 ส.ค. 54 15:19:40
]
หลงรัก Iceland
จากคุณ : Tikgazza
[3 พ.ย. 54 23:35:23
]
จากคุณ : เซ็งอูฐ
[24 พ.ย. 54 10:08:27
]
60.
เป็น Reykjavik university เป็นอาคารหลังใหม่ของมหาวิทยาลัยค่ะ คิดว่าพึ่งเสร็จเมื่อ 2 ปีที่แล้วค่ะ
ใช้กล้องอะไรค่ะ lens ด้วย
ภาพสวยมากๆ
[26 พ.ย. 54 21:24:30
]
กรี๊ดดดดด ดีใจดีใจ เป็นประเทศที่แผลนไว้จะไปปีหน้าค่ะ ดีใจดีใจ ชอบที่สุดเลย ต้องติดตามจนกว่าจะจบทริปนี้
จากคุณ : Mrs.beechythebaboon
[27 พ.ย. 54 22:47:37
]