สวัสดีค่ะ อาจจะไม่คุ้นล๊อคอินกันเท่าไหร่นัก
เพราะเราไม่เคยมารีวิวในห้องนี้เลย ปกติจะเข้ามาหาข้อมูลมากกว่า
แต่คราวนี้ไปเที่ยวมาแล้วเลยอยากจะมาแชร์ข้อมูล
และความสวยงามของสถานที่ที่ได้ไปมา ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันค่ะ

ครั้งนี้เป็นรีวิวครั้งแรกของเรา ถ้าผิดพลาดอะไรยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ

เปิดตัวกันด้วย สถานที่ที่เราชอบมากที่สุดในทริปนี้
Mt.Tateyama / Tateyama Kurobe Alpine Route
(ดูรูปประกอบที่ความคิดเห็นที่ 2 นะคะ)

สวัสดีครับ  รอตามไปเที่ยวด้วยครับ

สวัสดีค่ะ คุณเล็กทาโร่

รอสักครู่นะคะ ตอนนี้เรามีปัญหาโพสรูปไม่ได้อ่ะค่ะ
ขอลองเทสสักแป๊บนะคะ

ได้แล้วค่ะ ดีใจๆ ฮ่าๆๆๆๆ

ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงโอบงค่ะ เป็นวันหยุดยาวหน้าร้อน
เราเลยได้โอกาสไปเที่ยวพักผ่อนไปในตัว และเนื่องด้วยเมืองที่เราอยู่อากาศร้อนมาก
เราเลยพยายามหาสถานที่ที่อากาศเย็น เลยมาลงตัวกับทริปนี้

เรามาญี่ปุ่นเพื่อฝึกงานค่ะ ฉะนั้นวีซ่าที่ได้จะไม่สามารถซื้อ JR Pass ได้
ก็เลยต้องไปแบบคนเบี้ยน้อยหอยน้อย เดินทางโดยรถบัสเป็นส่วนใหญ่
ช้าบ้างอะไรบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้รีบไปไหน ประหยัดเงินไว้สำหรับทริปอื่นๆ ที่กำลังจะตามมาค่ะ ^^

เราออกเดินทางจาก Nagoya ไป Takayama โดย JR Bus
ราคาค่าโดยสาร 2900 เยนสำหรับตั๋วแบบเที่ยวเดียว และ 5000 เยนสำหรับตั๋วแบบไปกลับค่ะ
ใช้เวลาเดินทางปกติ 3 ชม. แต่วันที่เราไปรถติดมาก เลยกลายเป็น 4 ชม.ถ้วนค่ะ เย้ๆๆๆ ดีใจได้ของแถม - -"

พอไปถึงก็เที่ยงพอดี เลยจัดอาหารชื่อดังของแถวนั้นเป็นอาหารเที่ยงซะเลย
Hida Beef ที่ร้านใกล้ๆ Takayama station ชื่อร้าน Ajikura ค่ะ

มารอชมค่ะ

เอาของไปเก็บที่ที่พักแล้ว ยังมีเวลาเหลือช่วงบ่าย เลยออกไปเดินเที่ยวย่อยอาหารกลางวันที่กินเข้าไป

เราซื้อ Sarubobo Bus 1 Day Pass สนนราคา 600 เยน เพื่อจะเที่ยวรอบๆ เมือง Takayama ค่ะ
รถจะมีสองสายคือ Machinami Bus กับ Sarubobo Bus ค่ะ
เรานั่ง Sarubobo Bus ก่อน เพื่อจะไป Hida no Sato ค่ะ

@  เกาะขอบจอ ตามชมด้วยคนครับ

Hida no Sato เป็นเหมือน Open Air Museum
ที่มีบ้าน Folk สมัยก่อนของญี่ปุ่นให้ชมกันค่ะ

ค่าเข้าชม 700 เยนเท่ากันทั้งคนญี่ปุ่น และต่างชาติค่ะ

ตามไปเที่ยวและมาเป็นกำลังใจให้รีวิวแรกคร๊า^^

ภายในจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ และวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้นค่ะ
มีบ้านหลายหลังให้เราเลือกชม เราเองเข้าไปไม่ครบทุกหลังนะคะ เพราะเห็นว่าคล้ายๆ กัน
แต่ละบ้านก็จะมีชื่อเรียก ซึ่งคาดว่าเป็นชื่อของเจ้าของค่ะ

มานั่งชมรีวิวแรกด้วยครับ...พค.หน้าก็จะไปเที่ยวที่นี่เลยขอตามดูหน่อยนะครับ...

เนื้อน่ากินมาก คงจะนุ่มสุดๆ ชอบญี่ปุ่นบ้านนอกๆแบบนี้จังเลยค่ะ

ภายในบ้าน (ซึ่งเราเองก็จำไม่ได้ว่าหลังไหนค่ะ ฮ่าๆๆ)

ลักษณะบ้านที่เรากำลังชมกันอยู่ค่ะ
คิดว่าบ้านลักษณะนี้ น่าจะมีประโยชน์ในช่วงหน้าหนาวที่หิมะตกเยอะๆ
หลังคาน่าจะช่วยให้หิมะไม่ค้างบนหลังคามากจนเกินไป และช่วยกันลมค่ะ

มารอชมค่ะ จะได้ตัดสินใจได้ว่าทริปเดือนตุลาจะไปดีมั๊ย หรือว่ารอไปทริปหน้าที่มีหิมะ จะได้สวยๆ ขาวๆ เหมือนเมืองในการ์ตูน

Hida no Sato บรรยากาศดีมากๆ ค่ะ แต่แดดแรงใช้ได้
เราเองก็เกรียมกันไปเลยทีเดียว เหอ เหอ เหอ

ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 1 ชม. ก็บอกลา Hida no Sato เพื่อจะไปเที่ยวที่อื่นต่อค่ะ
ที่ใกล้ๆ กันมีที่เที่ยวอื่นๆ แต่เราไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
เลยกลับเข้าไปที่ Takayama station เพื่อเที่ยวในเมือง Takayama
เปลี่ยนมานั่งรถสาย Machinami เพื่อไปที่วัด Kokubunji ค่ะ

วัด Kokubunji เป็นวัดเก่าแก่ของเมือง Takayama
อายุน่าจะประมาณ 1200 ปีได้ (ถ้าเราฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ผิดนะคะ)
แต่เป็นวัดเล็กค่ะ ที่น่าสนใจสำหรับเราคือ ศาลเจ้า Sarubobo หน้าวัดค่ะ

เมือง Takayama จะมีสัญลักษณ์อยู่ 2 อย่างคือ Sarubobo กับ กระต่ายค่ะ
ของที่ระลึกส่วนใหญ่ก็จะเป็นเจ้าสองตัวนี้แหละค่ะ

บินตามไปด้วยคนจ้า ^^

หลังจากนี้เราก็ไปเดินเล่นที่ Sanmachi Dori หรือย่านเมืองเก่าที่นี่ค่ะ
(รูปเดี๋ยวจะตามมาที่หลังนะคะ เพราที่นี่ใกล้ที่พัก เราไปมาทั้งหมด 3 รอบค่ะ)
จากนั้นก็กลับที่พัก และนอนยาวตื่นมาอีกทีตอนหกโมงเช้า เพื่อจะไปตลาดเช้าค่ะ
บรรยากาศตลาดเช้า หรือ Jinja Mae Asaichi ค่ะ

ที่ Takayama จะมีตลาดเช้าสองที่ค่ะ คือ Jinja Mae Asaichi กับ Miyagawa Asaichi
เราเลือกไปที่ Jinja Mae Asaichi เพราะใกล้ที่พักมากกว่าค่ะ
ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นผักและผลไม้ท้องถิ่นของ Takayama ค่ะ
ส่วนเราพวกไม่ชอบกินผักก็ได้แต่ดูอ่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ

สะพานแดง หรือ Nagabashi ยามเช้าค่ะ
เราว่าถ้าแม่น้ำมีน้ำเยอะกว่านี้น่าจะสวยกว่านี้มากเลยค่ะ ^^
(แอบเห็นว่าตรงข้ามกับสะพานแดง มันมีสะพานเขียวด้วยอ่ะค่ะ)

หลังจากนี้ก็เข้า Family mart หาของกินรองท้องก่อนไป Shirakawago ค่ะ

จาก Takayama ไป Shirakawago นั้น จะมีรถบัสของ Nohi Bus ให้บริการค่ะ
ราคาค่ารถไปกลับอยู่ที่ 4300 เยน ตั๋วเที่ยวเดียวราคา 2400 เยนค่ะ
แต่เราโชคดีที่วันนั้นที่ที่เราพัก เค้าจัดทัวร์พอดี เลยได้ไปในราคา 2500 เยน เย้ๆๆๆ ^^

เรามันพวกหลงรักสีเขียวๆ ของต้นไม้ใบหญ้า และอากาศบริสุทธิ์
มาเจอ Shirakawago เข้าไป หลงรักกันเลยทีเดียวค่ะ ชอบมาก

และจากการที่เราไปทัวร์นี่เอง ทำให้ได้เพื่อนใหม่มาสองคน (เราไปเที่ยวคนเดียวค่ะ)
เป็นชาวไต้หวันหนึ่ง ชาวญี่ปุ่นหนึ่ง ซึ่งเค้าก็มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน
ก็เลยไปด้วยกันซะเลยค่ะ มิตรภาพดีๆ เกิดขึ้นเสมอ ถ้าเราเปิดใจค่ะ ^^

อยากไปๆ ขอแอบตามไปเที่ยวด้วยครับ

โพสซ้ำค่ะ

ตามมารำลึกถึง takayama  ค่ะ  อยากกลับไปอีกจัง

อยากไปๆ  ขอแอบตามไปด้วยนะครับ

คิดถึงที่นี่เหมือนกัน ทากายาม่า

หน้า Open Air Museum ใน Shirakawago ค่ะ
อันนี้เราไม่ได้เข้า เพราะต้องเสียตังค์ซ้ำซ้อน เลยถ่ายได้แค่ข้างหน้าค่ะ

ตุ๊กตา Sarubobo ค่ะ
คนที่เห็นใครก็ไม่รู้นะคะ ไม่ใช่ จขกท. หรอกค่ะ เอิ๊กๆๆ

เที่ยวเสร็จก็กลับมาหาข้าวทานที่ Takayama กันค่ะ
แต่เพื่อนคนไต้หวันจะกลับเลย เราเลยไปกับเพื่อนคนญี่ปุ่นสองคนค่ะ
เพื่อนคนญี่ปุ่นอยากทานโฮบะมิโซะ หรือ มิโซะย่างบนใบไม้ อาหารพื้นเมืองของแถวนี้ค่ะ
เราก็เลยจัดให้เธอ ส่วนตัวเรานั้นคาดว่าจะกินไม่ได้ชัวร์ เลยจัด Tempura Soba ดีกว่า
อันนี้หน้าตาของเจ้า "โฮบะมิโซะ" ค่ะ

แล้วก็ไปเดินซื้อของที่ Sanmachi Dori หรือย่านเมืองเก่านั่นเองค่ะ
เราก็ได้แหวนใส่เล่นมาหนึ่งวง ราคาไม่แพงเลยจากร้านนี้ค่ะ Dekoboko
ร้านนี้ขายพวกเครื่องประดับจากคริสตัลและพลอยค่ะ สวยดี

ของขึ้นชื่ออีกอย่างของเมืองนี้ มันคือเหล้าญี่ปุ่นค่ะ
บนถนนสายนี้จะมีร้านขายเหล้าญี่ปุ่นเยอะมาก
จริงๆ เราก็อยากชิมนะ แต่กลัวจะน๊อคอยู่ตรงนั้น เลยขอบายไปหาขนมหวานกินดีกว่า

บรรยากาศย่านเมืองเก่ายามเช้าก่อนไป Shirakawago ค่ะ
(ดีใจที่เดินไปเพราะถนนเป็นของเราคนเดียว ฮ่าๆๆ)

เดินไปสักพัก ก็จะไปหาขนมกินค่ะ
เพื่อนคนญี่ปุ่น (อีกแล้ว) เธออยากกินขนมพื้นเมืองของที่นี่อีกเช่นกัน
มันคือ Warabimochi ค่ะ เอาก็เอาวะ ลองกินดู
ปรากฎว่าอร่อยเกินคาด กินกับน้ำชาเข้ากันได้ดีทีเดียวค่ะ ^^

กินขนมเสร็จ ก็ไปต่อที่ Takayama Jinja ค่ะ
ลักษณะน่าจะเป็นที่ว่าการอำเภอในสมัยก่อน มีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มากมายถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
รวมถึงตัวอาคาร ที่ได้รับการบูรณะอย่างถูกวิธี ทำให้คงความแข็งแรงและสวยงามตามแบบฉบับโบราณ

ห้องครัวค่ะ ดูแล้วน่าจะทำเลี้ยงคนทั้งหมดเลยล่ะ ใหญ่มาก

ห้องประหารนักโทษในสมัยก่อนค่ะ หลอนนิดๆ ไม่น่าเดินไปดูเลยเรา - -"

ตามไปเที่ยว+ชิม ด้วยครับ

ออกมาก็เดินผ่านร้าน Dango หน้า Takayama Jinja
คนเยอะมากจริงๆ สงสัยจะอร่อยแฮะ แต่ก็ไม่ได้ลองเพราะขี้เกียจต่อแถว

จบวันนี้ด้วยการไปชมดอกไม้ไฟที่ Hida Furukawa
ครั้งนี้ก็ไปด้วยทัวร์ของที่พักเหมือนเดิม คิดคนละ 300 เยนค่ะ
แต่เรากะเพื่อนคนญี่ปุ่นไม่ต้องเสียเพิ่ม เพราะซื้อทัวร์ไป Shirakawago แล้ว
Guesthouse นี้เลยได้ใจเราไปเต็มๆ เลยค่ะ ^^

เราว่าเราโชคดีนะ ที่ไปเที่ยวช่วงนี้เพราะมีงานเทศกาลมากมายหลายที่
ทำให้เราได้สัมผัสญี่ปุ่นในอีกรูปแบบนึง ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของเค้าจริงๆ ชอบมากค่ะ

ขอพักไปดูทงอีสักครู่ เดี๋ยวมาต่อกันอีกสองที่ที่เหลือนะคะ ^^

มารอชมนะค่ะ

ยังตามกันอยู่รึเปล่าคะ เรากลับมาต่อแล้วนะ ^^

วันที่สามของการเดินทางเราไปที่ Kamikochi ซึ่งเป็นอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Chubu
จาก Takayama เราเดินทางโดย Nohi Bus อีกเช่นเคย ราคาตั๋วไปกลับอยู่ที่ 4900 เยน
ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.ครึ่ง เปลี่ยนรถหนึ่งครั้งที่ Hirayu Onsen

ที่เที่ยวจุดแรก จะต้องลงรถบัสก่อน แต่เราพลาดค่ะ ไม่ยอมลงรถบัส
เลยอดเที่ยวจุดนี้ไป เสียดายมาก เลยต้องไปที่จุดที่สองเลยคือ Kappa Bashi Bridge สวยมากๆ ค่ะ

มุมนี้มองจากบนสะพานค่ะ อากาศเย็นสบายสมใจจริงๆ
น้ำในแม่น้ำก็ใส และเย็นจับจิตค่ะ ชอบ ^^

ใน Kamikochi จุดท่องเที่ยวแต่ละจุดจะอยู่ห่างกันค่อนข้างมาก
ต้องใช้พลังกายพลังใจอันเข้มแข็ง และ "เดิน" ค่ะ ฮ่าๆๆๆ

เดินจากจุดนี้ไปอีก 45 นาที จะเจอสะพานอีกสะพานชื่อว่า Myojin Bridge ค่ะ
มีสะพานเยอะมากจริงๆ ณ จุดนี้

บนสะพาน Myojin ค่ะ

เราข้ามสะพาน Myojin ไปเพื่อจะไปชม Myojin pond ค่ะ
ตรงนี้ต้องเสียค่าเข้าชม 300 เยนนะคะ มีบ่อน้ำทั้งหมด 2 บ่อ บ่อนี้คือ Myojin Ichi no Ike ค่ะ

Myojin Ni no Ike ค่ะ

จริงๆ ตั้งใจว่าจะเดินไปจุดที่สี่คือ Tokusawa แต่สังขารไม่อำนวยแล้วอ่ะค่ะ
เพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปต่อที่ Japan Alps คาดว่าต้องเดินเยอะเหมือนกัน
แล้วอีกอย่างคนรอขึ้นรถบัสเยอะมากๆ เรากลัวจะกลับไปไม่ทันเที่ยวรถไฟไป Toyama ก็เลยตัดใจ กลับเลยดีกว่า เสียดายยังเที่ยวไม่ทั่วเลย T^T

กลับมาที่ Takayama station เรานั่งรถไฟ Ltd.Express ไป Toyama
เพื่อจะได้ขึ้น Japan Alps แต่เช้า เพราะคาดว่าคนต้องเยอะมากแน่ๆ
ค่าโดยสารรถไฟอยู่ที่ 2770 เยนค่ะ เป็น Non-reserved seat นะคะ
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่ง แต่คนไม่เยอะเราเลยได้นั่งชมวิวไปเรื่อย โชคดีมากๆ ค่ะ

รูปวิวระหว่างทางไป Toyama ค่ะ

และแล้วก็มาถึง Hilight ของทริปนี้ วันนี้เราตื่นตีสี่กว่าๆ ค่ะ รถไฟเที่ยวแรกออก 5.44 น.
ก่อนเดินทางใช้บริการฝากกระเป๋าไปยังปลายทางของโรงแรมที่เราพักค่ะ
ราคาอยู่ที่ 1200 เยน ก็ต้องยอมจ่ายค่ะ เพราะถ้าเอากระเป๋าไปด้วย คงจะเป็นภาระน่าดู แล้วจะเที่ยวไม่สนุกเอา ^^

เดินทางโดยรถไฟท้องถิ่น Dentetsu ค่ะ ที่นี่เราซื้อตั๋วเซ็ทมาเลยราคา 9230 เยน ไปได้ถึง Ogisawa station
จะได้ไม่ต้องไปแย่งซื้อตั๋วกับคนอื่น เพราะมั่นใจว่าคนเยอะชัวร์

รถไฟที่เราจะนั่งไปกันค่ะ

นั่งรถไฟไปประมาณหนึ่งชม. ก็จะไปถึงสถานีที่จะขึ้น Cable car ค่ะ
และที่ตกใจมากกว่านั้นคือ คน ค่ะ เยอะมาก มาจากไหนกันก็ไม่รู้
เรามาถึงประมาณ 6.30 น. แต่ต้องรอขึ้น Cable car เที่ยว 7.00 น. ค่ะ ฮ่าๆๆๆ รอเง้กกันไป

แต่ก็ได้ขึ้นในที่สุด เย้ๆๆๆ
หน้าตาของเจ้า Cable car เป็นแบบนี้ค่ะ

จาก Cable car ก็ต้องไปต่อ Highland Bus เพื่อไปที่ Murodo ซึ่งเป็นจุดหลักในการท่องเที่ยวของที่นี่ค่ะ

ระหว่างทางที่นั่งรถบัสไป คนขับก็จะทำหน้าที่ไกด์ด้วยการบรรยายสถานที่ที่เราผ่านไป
เช่นที่นี่เป็นจุดชมวิวน้ำตกที่สูงที่สุดในย่านนี้ (เค้าว่างั้นนะ)

ลืมรูปค่ะ ขออภัย

และนั่นคือ Murodo ค่ะ จุดที่เราจะไปกัน
ประมาณกลางเดือนเมษาถึงปลายเดือนพฤษภา ที่นี่จะมี Snow corridor หรือกำแพงหิมะ สูงประมาณ 20 เมตร
เราเองก็วางแผนว่าจะมาดูตอนปลายเดือนพฤษภาที่ผ่านมา แต่ก็อดเพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ
แต่มาตอนนี้ก็ไม่เสียใจเลย เพราะเราว่าเราชอบสีเขียวๆ มากกว่าค่ะ ^^

เราลงรถบัสที่จุดนี้ แล้วเดินเที่ยวรอบๆ ค่ะ ไปดูกันว่ามีอะไรมั่ง

พอออกมาจากตัวอาคารก็สัมผัสกับอากาศเย็นสดชื่น ไม่หนาวเกินไป
ที่เห็นในรูปเป็นน้ำที่ผุดขึ้นมาค่ะ ดื่มได้ เราก็กรอกใส่ขวดมาลองชิมดู เออ อร่อยดีแฮะ ^^

เดินวนไปทางซ้ายมือ ซึ่งจะมีทางเดินปูอิฐไว้ให้อย่างดี
เพื่อป้องกันคนที่มาเที่ยวไปเหยียบต้นไม้หายากของที่นี่

จุดเด่นของที่นี่คงหนีไม่พ้นพันธุ์ไม้ที่เค้าเรียกว่า Alpine plant มีเยอะมากจริงๆ ค่ะ
แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าต้นอะไรมั่ง รู้แค่ว่ามันเป็นเหมือนต้นหญ้าเล็กๆ ที่มีดอกสีสวยๆ น่ารักดีค่ะ

สวยงาม ธรรมชาติๆ สุดยอดค่ะ
อยากไปๆๆ

เดินไปสักพัก ก็จะเจอกับ Mikuriga Pond
ในหน้าหนาวบ่อน้ำแห่งนี้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะทั้งหมด
ซึ่งตอนนี้แม้จะเป็นหน้าร้อน แต่ก็ยังมีหิมะหลงเหลือให้เห็นบ้าง

แล้วเราก็เดินไปดูบ่อกำมะถันค่ะ เดินลงไปไกลเหมือนกัน และทางชัน
แถมพอลงไปถึงยังต้องสูดไอกำมะถันอีก เหอๆๆ ไม่น่าลงไปเลยจริงๆ

คุณป้าที่เห็นในรูปนั่น อายุเจ็ดสิบแล้วนะคะ แต่เดินเก่งกว่าเราอีก
แถมแกมาคนเดียวด้วยค่ะ สุดยอดมากๆ

บ่อกำมะถันนี้มีชื่อว่า Jigoku-dani หรือ Hell Valley ค่ะ
ตั้งชื่อได้เหมาะกับสถานที่จริงๆ

เห็นเค้าเดินหายกันไปทางนั้น น่าจะเป็นทางที่เดินขึ้นยอดเขาค่ะ
แต่เราไม่กะจะขึ้นยอดเขาอยู่แล้ว แถมต้องเดินฝ่าดงไอกำมะถันไปอีก
เลยเดินกลับดีกว่า ก่อนที่จะหายใจไม่ออก

แวะกินซอฟท์ครีมแล้วก็พักให้หายเหนื่อย ก็เดินต่อไปที่จุดชมวิว Mt.Tateyama ค่ะ
อากาศเริ่มแปรปรวน มีเมฆมาบังยอดเขา ทำให้มองไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ก็ยังสวย
เราว่ารูปที่ถ่ายมานี่ สวยไม่ได้ครึ่งของที่ตาเราเห็นนะคะ ^^

รูป Mt.Tateyama อีกสักรูป สวยจริงๆ ค่ะ ^^

เดินไปเรื่อยๆ ชมวิวไปค่ะ เพราะอากาศดีจริงๆ ก็เลยไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่
ทั้งๆ ที่เดินอยู่นานเหมือนกัน อันนี้เป็นบ่อน้ำอีกที่ค่ะ ชื่อ Midoriga Pond

เดินไปถ่ายรูปไปสักพัก ก็ได้เวลาเดินทางต่อ ต้องบอกลาที่นี่ซะแล้ว

จาก Murodo จะต้องนั่ง Trolley Bus ลอดอุโมงค์แคบๆ เพื่อไปขึ้น Ropeway ที่สถานี Daikanbo ค่ะ

วิว Kurobe Dam เมื่อมองจากสถานี Daikanbo ค่ะ

เดี๋ยวเราจะต้องนั่งเจ้านี่ไปกันค่ะ เหอๆๆ แอบกลัว ไม่ไปได้มั๊ยนี่

กลั้นใจนั่งไปใช้เวลาไม่นานนัก เราก็มาถึง Kurobedaira sation
จากที่นี่ต้องนั่ง Cable car อีกรอบ เพื่อไปที่ Kurobeko ค่ะ
ญี่ปุ่นในวันหยุดยาว คนเยอะจริงอะไรจริง

สวยจังคะ อยากไปๆ

ลงจาก Cable car แล้ว เราจะเดินไปตามสันเขื่อนค่ะ
ถ้าจะไปชมวิวตัวเขื่อนจากที่สูงก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 280 ขั้น จะไหวมั๊ยชั้น - -"

..

ขอนั่งชมธรรมชาติด้วยนะคะ

..

เอาน่า ยังไงก็มาถึงแล้ว
ไปหาของกินเพิ่มพลัง แล้วก็...ปีน ปีน ปีน สู้โว้ยยยยยยยย!

และแล้วเราก็ทำสำเร็จ ได้ชมวิวเขื่อนสมใจ วู้ฮู้

ณ จุดนี้ก็ถ่ายรูปมันเข้าไปค่ะ ให้สมกับที่ลำบากเดินขึ้นมา
Kurobe Dam อีกสักรูปแล้วกันนะคะ ^^

จากจุดนี้ต้องนั่ง Trolley Bus อีกรอบเพื่อไปที่สถานี Ogisawa ค่ะ
ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายใน Tateyama-Kurobe Alpine Route

รูประหว่างรอขึ้น Trolley Bus คนเยอะจริงๆ ค่ะ
แต่สามารถไปหมดในรอเดียว เพราะเค้าใช้รถหลายคัน แล้วก็ยืนกันไปด้วยค่ะ

Trolley Bus (รูปนี้ถ่ายตอนลงจากรถแล้วนะคะ ว่าจะถ่ายตอนขึ้นแต่ไม่ทัน)

จากสถานี Ogisawa เรานั่งรถบัสต่อไปยังสถานีรถไฟ Shinano-Omachi ค่ะ
ราคาอยู่ที่ 1330 เยน รถใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ถึงที่หมายค่ะ

แวะรับกระเป๋า แล้วก็ตีตั๋วรถไฟ Local ราคา 650 เยนเพื่อไป Matsumoto
จาก Matsumoto เรานั่งรถบัสกลับ Nagoya ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. (เมื่อยมาก - -") ราคาค่าโดยสาร 3460 เยนค่ะ

เป็นอันจบทริปของเราเพียงเท่านี้ค่ะ ทริปนี้ใช้เงินไปทั้งหมด 56140 เยน
รวมค่ารถ ค่าที่พัก อาหาร ของที่ระลึก ของฝากคนที่ทำงาน
เกินงบไปเพียบ ต้องกลับมากินแกลบอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ค่ะ ตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ

ใครอยากจะถามอะไรเราเกี่ยวกับที่ๆ เราไปเที่ยวมาก็ถามได้นะคะ
เพราะตอนนี้เรามีข้อมูลในมือค่อนข้างมากค่ะ อยากแชร์ให้คนที่กำลังจะไปเที่ยวที่นี่

ตอนที่เรามาถึงญี่ปุ่นใหม่ๆ (เมื่อสี่เดือนที่แล้ว) เราไปเกียวโต เราก็ว่าเราชอบเกียวโตที่สุดนะ
แต่พอได้ไปทาคายาม่า เราว่าเราหลงรักเมืองเล็กๆ เมืองนี้ซะแล้วล่ะค่ะ
น่ารักทั้งเมือง ทั้งคนจริงๆ ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปอีกแน่นอนค่ะ ^^

ขอจบรีวิวครั้งแรกของเราด้วยภาพนี้แล้วกันนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาชมกันค่ะ ^^

ที่ Shirakawago กับ Kappa Bashi Bridge สวยมากเลยครับ
เห็นแล้วประทับใจ 2 ที่นี่มากๆเลยครับ
เห็นรถ Cable car แล้วแอบเสียวแทนเลยครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

..

แวะมาชมรีวิวสวยๆครั้งแรกครับ

..

ขอถามคุณOyashirasu นิดนึงครับ ไม่ทราบว่ามีข้อมูลที่พัก Shirakawago รึเปล่าครับ?

ตอนนี้ผมหาข้อมูลจาก japaneseguesthouses สนใจจะพักเรียวกัง แบบ D (ตามประสาคนเบี้ยน้อยหอยน้อย T_T) แต่ว่ามีบ้านหลายหลังมาก หลายทำเลด้วย ราคาก็ไม่รู้ว่าแต่ละหลังราคาเท่าไร รู้แต่ว่าอยู่ในช่วง 7,000-10,000 เยน เลยไม่รู้จะเลือกหลังไหนดี...มีคำแนะนำมั้ยครับ ^^

เป็นทริปที่ทรหดจริงๆเลยครับ แต่ก็สวยงามคุ้มค่าจริงๆ ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยมากๆค่ะ

like รีวิวแรกขงคุณOyashirasuค่ะ

อยากทราบที่พักที่ทาคายาม่าค่ะ

มีเว็บไซต์ไหมคะ รบกวนขอหน่อยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

เคยไปพักที่ yamakyu  ลองsearch ดูนะคะ ประทับใจมากค่ะ

เหมือนฉากในหนังเรื่อง ลาสซามูไรเลย สววยจริงๆ

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆค่ะ ชอบมาก

Review สวยๆๆ

ชอบๆๆๆ

อยากได้ ข้อมูล

1. พักที่ไหนครับ เผื่อได้อะไร แถมแบบนี้บ้าง

2. เดินทาง จาก Toyama ไปทัวร์ไหนดี ราคาเท่าไรอ่ะ

เผื่อได้ไป Japan Alps ปีหน้า

@คุณ klum
พอดีเราไม่ได้พักที่ Shirakawago หน่ะค่ะ เลยไม่มีข้อมูลเรื่องนี้
แต่พอจะรู้มาบ้างว่ามีบ้านหลายหลังที่เปิดให้เข้าพักที่ Shirakawago
ลองเข้าไปดูข้อมูลที่ japan-guide.com นะคะ
เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะหาข้อมูลการเดินทางจากที่นั่น
ส่วนที่พักส่วนใหญ่เราจะดูจาก hostelworld.com ค่ะ

ที่ Shirakawago เห็นว่าจะเป็นที่พักแบบ Farm stay มากกว่าเรียวกังนะคะ
เราเองก็ไม่แน่ใจ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ยังไงถ้ามีเวลาจะลองหาข้อมูลเพิ่มเติมให้นะคะ แล้วจะหลังบ้านไปบอกค่ะ ^^

@คุณนางมารชุดส้ม
เราพักที่ J-Hoppers Hida Takayama ค่ะ
เป็นเกสท์เอาส์ขนาดเล็ก แต่บรรยากาศอบอุ่นดีนะคะ เราชอบค่ะ
ราคาก็ถูกอ่ะคะ ตามสไตล์เกสท์เอาส์
ลองเข้าไปดูได้ที่เว็บ hostelworld.com นะคะ
หรือไม่ก็พิมพ์คำว่า J-Hoppers ในกูเกิ้ลเลย ก็จะขึ้นมาหลายโลเกชั่นให้เลือกค่ะ
เพราะที่นี่เค้ามีเกสท์เอาส์อยู่หลายที่
จะบอกว่าตอนเราไปพักที่โอซาก้า ยังไม่ถูกใจเราเท่าที่ทาคายาม่านะคะ ^^

@คุณ Brad Pooh
ขอบคุณที่ชอบรีวิวเราค่ะ ตอบคำถามให้นะคะ

1. เราพักที่ J-Hoppers Hida Takayama ค่ะ อยู่ใกล้สถานีรถไฟทาคายาม่า
เวลาเราเลือกที่พัก เราจะเน้นเดินทางสะดวกอ่ะค่ะ เพราะเราไม่ใช่คนพื้นที่
อีกอย่างเราเคยไปหลงเดินหาที่พักในเกียวโต กับโอซาก้ามาแล้ว เพราะมันไกลสถานีรถไฟ เข็ดค่ะ ฮ่าๆๆๆ

2. เราว่าไปเองเลยดีกว่าค่ะ ถ้าคุณพอจะคุ้นเคยกับการเดินทางในญี่ปุ่นอยู่แล้ว
แต่ก็จะมีบางช่วงที่จะมีทัวร์ราคาถูก อันนี้เราบอกไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะเน้นเดินทางเอง
ยังไงถ้าได้ไปเห็นมา จะหลังบ้านไปบอกทีหลังนะคะ ^^

เห็นหลายคนถามกันเรื่องที่พัก เลยอยากแนะนำอีกอย่างนึงค่ะ
คือพวก Business hotel อย่างเช่น Toyoko-inn, Meitetsu-inn
ราคาห้องพัก ถ้าจองผ่านเว็บไซต์จะไม่แพงมาก ตอนเราไป Toyoma ก็พักที่ Toyoko-inn ค่ะ
มีให้ทุกอย่าง สะดวกมากในราคาสี่พันเยน คุ้มสุดๆ
แนะนำให้สำหรับเป็นตัวเลือก เพราะบางคนอาจจะไม่ชอบบรรยากาศแบบเกสท์เฮาส์ ที่จะดูวุ่นวายนิดหน่อยค่ะ

ขอบคุณครับ ไม่เคยไป Takayama แต่ชอบ Kyoto มากสุดเหมือนกัน ถ้าลองได้ไปเมืองนี้อาจจะเปลี่ยนใจแบบ จขกท ก็เป็นไปได้แฮะ เพราะว่าชอบเมืองเก่าๆ ไม่วุ่นวายมากไปนัก

Mt.Tateyama สวยจังค่ะ

.............................................................................................................................................................

ขออนุญาต คุณ  Oyashirasu ตอบเรื่องที่พักใน shirakawa-go นะคะ

เคยไปพักที่ shimizuinn ราคาถูก  อาจเดินไกลจากแหล่งท่องเทียวนิดนึง แต่ก็ไม่ไกลมากค่ะ

http://www.shimizuinn.com/index.html

ส่วนอันนี้เป็นข้อมูลที่พักใน Shirakawa-go ของคุณ ลอร่า อิงกัลส์ ~* ค่ะ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9189632/E9189632.html

คิดถึงทาคายาม่าค่ะ

อยากไปอยู่ซัก 3 วัน ซืมซับบรรยากาศให้เต็มอิ่ม

แต่ก็ได้แต่ฝัน

ขอบคุณสำหรับรีวิวดี ๆ ค่ะ

ตามไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยคนครับ

สวยมากๆครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆ

/ สวยมากๆเลยค่ะ

Shirakawago นี่มีเสน่ห์ทุกฤดูเลยจริงๆ

อยากไปจังเลยครับ สวยดี

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ

สวยมากๆเลยค่ะ น่าเที่ยว

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

ลูกพีชโดดเด้งมากๆค่ >_<