ความเดิมจากวันที่สอง เราจบภาระการเรื่อยเปื่อยที่ปู ณ.ร้าน No sign board ^-^

เช้าวันที่สาม ภาระกิจวันนี้คือการเดินและก็เดินให้มากขึ้นกว่าเดิม เริ่มต้นที่การเดินชมเมืองย่าน City hall เริ่มจาก St. Andrew's Cathedral
งดงามในวันฟ้าหม่น ทำไมต้องมาครึ้มในวันที่เดินชมเมืองด้วยนะ

How to go จากที่พัก เดินมาขึ้นป้ายรถเมล์ยอดฮิต นั่งสาย 80 เห็น โบสถ์ เห็นสถานี City hall ก็โดดลงเลยคะ

มุมด้านข้าง เดินผ่านแล้วสงสัยตึกอะไร

Supreme Court เดินผ่านแล้วเสียดายทำไมต้องปิดซ่อมด้วยนะ แต่ช้าก่อนไหนๆก็มาแล้ว ข้ามไปฟากตรงข้ามแล้วปีนปูนไปถ่ายรูปกันดีกว่า แอบขาสั่นมันสูงแฮะ

เดินเลาะด้านข้าง Supreme court เจอยานอวกาศ เห็นคนต่อแถวเข้าไปกันเป็นแถวเลย แสดงว่า นักกฏหมายทุกที่ ต้องแต่งขาว-ดำหรือเปล่าคะ

มองไปฝั่งตรงข้าม เจอ Parliament House สวยดีคะ อยากโดดจัง

ข้ามมาฝั่ง Parliament House เลาะด้านข้าง เห็นน้ำ มุมดี สะพานก็สวย

มองย้อนกลับไปจะเห็นจานบิน หรือ ตึก supreme court อันใหม่

เดินเรื่อยเปื่อยก็มาเจอ ท่าน Sir Stamford Raffles แต่แอบสงสัยทำไมด้านหลังท่านเปื้อนจัง

ตามไปเดินเที่ยวด้วยครับ

เจอแล้วคะ ของกิน ไอศครีม 1 เหรียญ จัดไป รสทุเรียน 1 รสมิ้นท์ช็อคโกแลต 1

รสทุเรียนอร่อยเลิศ เหมือนกินเนื้อไปด้วยเลย ส่วนมิ้นท์ออกแนวขมเหมือนยา

ว่าแต่ตึกนี้ ตึกอะไรคะ ด้านหน้าก็ไม่ถ่าย เออ..เจอแล้ว The Arts Houseสวยดีคะ

ว่าแล้วก็เดินต่อ แผน ไม่มี แค่จะเดินไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึง Merlion

เดินเลี้ยวจนสุดมุมถนน เราเจอกันอีกแล้วคะ

ขณะนี้เราเดินเป็นรูปสี่เหลี่ยม ว่าแล้วก็ข้ามไปถ่าย อนุเสาวรีย์อะไร สักอย่างที่ความจำปลาทองนึกไม่ออกคะ ถือว่าช่วยหน่อยนะคะ

วันที่ไป เจอกองถ่ายหนังเรื่องอะไรก็ไม่รู้คะ รู้แต่ว่านางเอก ขาวมาก สวยสุดๆๆๆ แอบมองแล้วก็หาทางข้ามไป Merlion ดีกว่าคะ เริ่มร้อนแล้ว

มุดอุโมงค์อะไรซักอย่างเพื่อข้ามถนน รู้แต่ว่าสวยดีคะ

ในที่สุดเราก็มาถึงแล้วคะ จัดไปอีกมุมตอนกลางวัน

แล้วก็ Esplanade อีกมุม

ข้ามมา Esplanade เพื่อเดินไป marina bay sand hotel ผ่านโดมนี้ที่จะมีการแสดงดนตรี เมื่อคืนก็มี อพาท์เมนท์คุณป้ามาร้อง ชอบๆๆๆ

ตามไปเที่ยวต่อครับ ^^

จะไปหาเรือ ต้องเดินข้ามสะพาน helix กันก่อน สะพานที่ได้แรงบันดาลใจจากสาย DNA เกลียวคู่

อากาศร้อนมาก น้องสาวก็จ้ำไม่พูดไม่จา สงสัยกำลังคิดว่าโดนพี่สาวหลอกมาเดินทนที่สิงคโปร์ จากสะพานเราก็ทะลุห้างไรสักอย่าง วนสองรอบ หาทางไป Casino

สุดท้ายลองขึ้นลิฟท์ที่เขียนว่า Casino restrurant ออกจากลิฟท์เจอ ร้านอาหารอย่างหรู งงสองวิ เดินไปดูตรงระเบียงอ่ะนะ เจอแล้ว ด้านล่างเป็น casino ถามเลย หนูจะไป Casino.....

หลงมัวเมาอยู่หลายชั่วโมงต้องออกเดินทางต่อแล้ว ชอบจังมีน้ำอัดลมฟรี

ออกมาด้านหน้า Casino เดินไปป้ายรถเมล์ ยืนอ่าน 2 วิ อ่อ มันมีสาย 133 ไปลง Bugis ได้

แสดงว่าจริงๆแล้วจากหน้า Esplanade ต้องสามารถนั่งรถเมล์มา Casino ได้ แล้วเดินทำไมเนี่ย....

ถ้าอยากรู้ว่าไปcasinoง่ายๆทำงัยต้องตามดูวันที่ 4 ให้ได้นะคะ

จาก Bugis อยากไป maxwell เลยข้ามถนน หาทางไปตึก Park view ขึ้นสาย 80 ยอดฮิต ลงตรงข้าม วัดเขี้ยวแก้ว พอดี เจ๋ง หิวแล้ว

Maxwell ศูนย์อาหาร จะอยู่เยื้องๆกับวัดเขี้ยวแก้ว ว่าแล้วก็ลุยกันดีกว่า ไปต่อแถวซื้อปลาดิบ ที่ร้านโจ๊กเจ้าดัง (Zhen Zhen Porridge) รอไป 30 นาที

รอข้าวมันไก่ Tian Tian Chicken Rice อีก 30 นาที จะหมดวันแล้วเจ้าคะ กินเสร็จปาไปเกือบ 4 โมงเย็น

ภาระกิจของวันยังไม่จบง่ายๆนะ เราต้องไหว้พระเขี้ยวแก้ว ขอพรให้เดินทางปลอดภัย

ไหว้พระเสร็จก็เดินเล่น China town แบบขำๆๆ ด่วนๆๆ เจอร้านนี้ที่เค้าว่าน้ำหอมถูก เช็คแล้ว ถูกกว่า duty free บ้านเรา ครึ่งหนึ่ง

เห็นผู้สาวน่ารักดี เลยถ่ายรูปมาฝากคะ

เดินพ้นมุมนี้ก็จะเจอวัดแขก แอบถ่ายไกลๆๆ แล้วก็ออกเดินทางต่อ

แล้วก็เดินมาทาง MRT แต่เราไม่ขึ้น จะไปรถเมล์ ต้องข้ามสะพานลอยไป น้องสาวบอกว่ายังไม่จบอีกเหรอ ยังจ้า เดี๋ยวกลับที่พัก ไปเปลี่ยนรองเท้าแล้วไปต่อกันเถอะ หนุกๆๆๆ แรงยังเหลือ

จาก China town นั่งสาย 2 กลับที่พักได้ โดยเดินไปทาง Clarke Quay ขึ้นแล้วลงป้ายรถเมล์ ตรงข้าม เกลังซอย 7

ปะฉะดะกับกองทุเรียนมหาศาล คนที่นี่แปลกดีนั่งกินทุเรียนกันเป็นโต๊ะๆเลย น้องสาวว่ากลิ่นเหมือนชะนี

เลยเห็นแก่คนขายหน้าตาดี ไปเลือกกะเค้าหน่อย แต่ว่าไอ้ที่เค้าการันตี มันเป็นชะนีเน่าคะ เหม็นได้อีก

สาเหตุที่เค้านั่งกินเป็นโต๊ะ เพิ่งเริ่มมีเป็นกระแสตามที่ท่องเที่ยวหรือที่ที่มีopen area กว้างๆ เนื่องจาก คิงทุเรียน เป็นผลไม้ที่ถูกสั่งห้ามผ่านเขตต่างๆทั่วเกาะ เช่น ห้ามนำขึ้นรถสาธารณะทุกชนิด(mrt, bus, shuttle) ลิฟต์คอนโด ลิฟต์สาธารณะบางแห่ง และอีกหลายๆที่(สังเกตุป้ายห้ามรูปทุเรียน) ดังนั้น เพื่อสนองความอยากของ loverทั้งหลาย จึงจัดพร้อมเป็นล่ำเป็นสัน แถมทิชชู่ฟรีอีก

ทุเรียนที่นี่มาจากมาเลย์ ไม่อร่อยเป็นอย่างยิ่ง คนส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสทุเรียนไทย จึงชมชอบแต่ของเค้าและว่าดี....เราเป็น durian loverตัวยง รับไม่ได้กับของที่นี่ อยู่มาเกือบ 10 ปียังทำใจได้ลำบากเลย

ตามมาเก็บข้อมูลไว้ไปต้นปีหน้า  ขอบคุณสำหรับรีวิวและภาพสวยๆ นะครับ

เหมาะแก่การเดินชิลๆพักผ่อนมากครับ เห็นแล้วสบายใจจัง

คุณ เล็กทาโร่ : ขอบคุณคะ ที่ติดตามดูมาทุกกระทู้

คุณ แมลงภู่บนหูกระต่าย : ต้องเกาะติดแล้วคะ ใกล้จะหลงแล้ว

คุณ Rena : แสดงว่าน้องสาวสันนิษฐานถูก เจ้าตัวแสบก็บอกว่าเค้ากลัวเหม็นมั้ง แต่ก็ดีเป็นสัดเป็นส่วนดีคะ ส่วนตัวเองไม่ได้ชอบทุเรียนเท่าไหร่ แต่น้องสาวชอบชะนีมาก เลยอยากลอง ตามประสาคนตามใจน้อง

คุณ noiwanwannoi : ขอบคุณคะ ตามสบายเลยนะคะ

คุณ  Destiny-Boy : ปกติก็เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร ไปเที่ยวเลย เดินไปเรื่อยๆๆ ก็ลืมถ่ายรูปโน้นนี่ตามประสาคนเฉื่อยคะ อิอิ

หลังจากกลับที่พัก เปลี่ยนรองเท้า ก็ได้เวลาช็อปปิ้งกันแล้ว เริ่มจาก Orchard road ไปสิ้นสุดที่ Mustafa

How to go : ทั้ง 2 ที่ สามารถนั่ง MRT ไปได้อย่างสบาย ไป Orchard ลง MRT orchard ส่วน Mustafa ลงสถานี Farrer park

เดินจนขาแข็ง ขากลับจาก Mustafa เลยขี้เกียจขึ้น MRT อยากนั่งรถ busสาย 67 แต่รถเต็ม ใกล้จะเที่ยงคืน เลยเสี่ยงขึ้น 65 ปรากฏว่าหลง มันไปอีกด้านของชีวิต มืดก็มืด

โชคดีเจอพี่คนไทย เค้าบอกทางกลับมาที่พักได้ อยากขอบคุณพี่คนนั้นอย่างแรงเลยคะ ไม่งั้นสองศรีพี่น้องตอนนี้ก็ยังคงเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ที่โน่นแน่ๆ

คาดว่าทิศที่หลงคงไกลมาก นั่งย้อนไปมาเป็น ชั่วโมงเลยคะ

กลับมาถึงหน้า รร. น้ำตาจะไหล กลัวด้วย หิวด้วย เลยไปจัดการความหิวก่อนเลย ที่ร้านMongkok Dim Sum อยู่หน้าปากซอย เกลัง 8 ข้าวผัดหยางโจว อร่อยมากๆๆๆๆ

จบวันที่ 3 ขอแตกกระทู้ไปวันที่ 4 เลยล่ะกัน เราใกล้จะกลับบ้านแล้วคะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ