ย้อนอ่านตอนเเรกได้ที่นี่ครับ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10994282/E10994282.html
สำหรับวันนี้เป็นวันที่2ในบาหลี ซึ่งวันนี้จะเป็นวันตะลุยที่เที่ยวยอดฮิตของบาหลี ไม่ว่าจะเป็นวัดเบซากี วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ พร้อมเเล้วตามมาเลยครับ

หลังจากเมื่อวานเหนื่อยมาทั้งวัน พอถึงที่พักก็หลับเป็นตาย เเต่ก่อนนอนก็ไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งเเต่6.30 เพื่อที่จะได้มีเวลาไปเดินชมตลาดเช้าของอูบุดก่อนที่เท็ดดี้จะมารับตอน9.00

ที่Tegal Sari จะมีทางเข้าโรงเเรม2ด้าน ด้านหนึ่งจะเป็นถนนเส้นที่ออกไปยังร้านDirty Duck ส่วนอีกทางจะออกทางด้านMonkey Forest

อากาศยามเช้าที่อูบุดดีมาก ไม่ร้อนเเละไำม่หนาวจนเกินไป สามารถเดินเล่นตากเเสงเเดดอ่อนๆยามเช้าได้เเบบสบายๆ

เคยอ่านเจอว่า ที่บาหลี ทุกอย่างจะเริ่มช้ากว่าปกติน่าจะจริง เพราะผมออกเดินเล่นตอนเกือบๆ7.00 ถนนเงียบมาก ถ้าเป็นไทยยังจะดูพลุกพล่านกว่านี้ เเถมเพื่อนของผมทุกคนก็เนียนทำตัวเเบบชาวบาหลีคือ นอนอุตุกันหมด ผมจึงต้องเดินเล่นยามเช้าคนเดียว

ถนนMonkey Forest จะเป็นถนนที่ตั้งของเกสต์เฮ้าส์จำนวนมาก ซึ่งที่พักเเต่ละเเห่งก็ล้วนเเต่ตกเเต่งกันอย่างสวยงามชนิดไม่มีใครยอมใคร การเดินเล่นยามเช้า อากาศเย็นๆ ดูที่พักสวยๆ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ไม่เลวทีเดียว

สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ผมเชื่อว่าคุณสามารถใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆในการเดินเล่นบนถนนเส้นนี้ เพราะมีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปได้มากมาย เเถมพนักงานเเต่ละเเห่งล้วนเเต่อัธยาศัยดี

น่าเสียดายที่ผมมีเวลาไม่มากสำหรับเช้านี้ ที่พักหลายๆเเห่งสวยสะดุดตามาก เเต่ก็ไม่สามารถหยุดโอ้เอ้ถ่ายรูปนานๆได้ เพราะไม่งั้นโปรเเกรมของวันนี้จะรวนไปเสียหมด

เวลามาเที่ยวบาหลี จะสังเกตได้ว่ารูปปั้นหน้าประตูทางเข้ามักจะสวมโสร่งสีขาว-ดำ ซึ่งสีขาวเป็นตัวเเทนเเห่งความดีงาม สีดำเป็นตัวเเทนเเห่งความชั่วร้าย การใส่โสร่งสีขาว-ดำ จึงเป็นเสมือนผู้ที่ทำหน้าที่กลั่นกรองสิ่งที่จะเข้ามาในอาณาเขตที่ตนเองดูเเล หรือพูดง่ายๆคือเป็นสีเเสดงถึงหน้าที่ผู้เฝ้าอารักขาหรือยามนั่นเอง

ในบาหลีนั้นผู้คนส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาฮินดูเป็นหลัก ซึ่งมีมากกว่า80% โดยเเนวความเชื่อเเบบฮินดูนั้นเชื่อว่าในทุกๆเเห่ง ล้วนเเต่มีเทพเจ้าสถิตย์อยู่ ดังนั้นชาวบาหลีมักจะมีพิธีกรรมบูชาเทพเจ้ากันตลอดทั้งปี

สวยมากครับ

นอกเรื่องนิดนึง เจอต้นนี้เลื้อยไต่ผนังอยู่ สวยเเปลกดี ไม่รู้ว่าต้นอะไร จะถามใครก็ไม่ได้ เพราะไม่มีคนอยู่เเถวนั้น ถ้าใครรู้จัก ช่วยบอกด้วยนะครับ:)

ระหว่างที่เดินเล่นยามเช้า ก็ลองเล็งๆทำเลหาร้านอาหารบรรยากาศดีๆสำหรับมื้อค่ำวันนี้ไปด้วยเลยทีเดียว

ร้านอาหารสวยๆเยอะมากกกกก ตัดสินใจไม่ถูก ร้านนั้นก็ดี ร้านนี้ก็สวย

จากTegal Sariมาถึงตลาดอูบุดระยะทางประมาณ1.50 กม. ใช้เวลาเดินเเบบเรื่อยเปื่อยๆประมาณ 20นาที ก็จะมาโผล่ยังถนนเส้นหลักของอูบุด

ตามไปด้วย คน คิดถึงบาหลี  

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

จากเเยกนี้ถ้าเลี้ยวขวาจะเจอตลาดเช้า เเต่ผมอยากไปดูลาดเลา Lotus Cafe จึงเลือกที่จะเลี้ยวซ้าย ระหว่างทางไปยังLotus Cafeก็จะเจอถนนเส้นนี้ น่ารักดี ชอบๆๆ

เดินไปสัก100 เมตรจากเเยกก็ถึง Lotus Cafe

ร้านอาหารร้านนี้ บรรยากาศดีมากกกกก เเถมตอนกลางคืนยังมีโชว์โดยมีฉากหลังเป็นLotus Temple ด้วย

ร้านอาหารร้านนี้จะอยู่ในบริเวณวัด ทานอาหารไป ชมการเเสดงไป พร้อมมองวัดโดยมีสระบัวเป็นforgroundนับว่าเป้นอีกร้านที่น่ามาทานอาหารเย็น

ผมเดินเล่นอยู่ในวัดนี้ไม่นาน ก็ออกมาเพื่อที่จะไปชมตลาดเช้าของบาหลี

ออกจากLotus Cafe'ก็เดินย้อนมาทางเดิมเพื่อไปบังตลาดเช้า ระหว่างทางก็จะผ่าน Ubud Palaceจะเห็นชาวบาหลีัเตรียมอุปกรณ์สำหรับบูชาเทพเจ้าเเละเตรียมอุปกรณ์สำหรับการเเสดง

เลยจากUbud Palaceมาไม่ไกลเท่าไร ก็มาถึงตลาดเช้า

ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นพวกผักผลไม้ เเละกระทงดอกไม้สำหรับบูชา ซึ่งระหว่างที่ผมเดินในตลาด พบว่าชาวบาหลีซื้อกระทงดอกไม้กันเกือบทุกคน เป้นการเเสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างชีวิตเเละเทพเจ้า

นอกจากนั้นก็ยังมีพวกเครื่องจักรสานไว้ขายนักท่องเที่ยว

ตลาดที่นี่ เเสงสวยมากกก ผมเสียเวลาถ่ายรูปเพลินจน8โมงกว่า พอดูเวลาก็ต้องรีบกลับ เพราะต้องเดินกลับซึ่งใช้เวลา20นาที

ขากลับผมเลือกกลับอีกเส้นทางนึง เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเเละถือเป็นการสำรวจกลายๆ

เนื่องด้วยขากลับต้องรีบเดิน เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสักเท่าไร

เเละเเล้วก็กลับมาถึง Tegal sariจนได้

พอเกือบๆ9.00 น ก็เดินมาที่Lobby เพื่อมาเจอTeddy ตามที่นัดกันไว้

พอขึ้นรถ ก็คุยกันถึงโปรเเกรมวันนี้กับTeddy ซึ่งที่เเรกที่จะไปคือนาขั้นบันได Tegallalang ซึ่งจะอยู่ริมถนนระหว่างทางไป Tirta Empul ซึ่งใช้เวลาเดินทางจาก Ubud ประมาณ 30-45นาที

นาขั้นบันไดที่นี่ขนาดไม่ใหญ่มาก เเต่สวยดี ทั้งมุม ทั้งระดับความเหลื่อมระหว่างขั้น เเละต้นมะพร้าว ดูลงตัวเหมือนมีคนออกเเบบไว้เลย

มุมหนึ่งของที่นี่มีร้านกาเเฟตั้งอยู่ด้วย สำหรับใครที่อยากนั่งชมวิวนานๆ ก็สามารถจิบกาเเฟไป ชมวิวไปได้ด้วยครับ

หลัีงจากนั้นก็เดินทางต่อ ตอนเเรกตั้งใจว่าจะเเวะ Tirta Empulก่อน เเต่เท็ดดี้เเนะนำว่าไปBesakihก่อนน่าจะดีกว่า เพราะเพื่อนผมหลายคนขาชอป ไว้เเวะที่นี่เป็นที่สุดท้าย จะได้ชอปกันเเบบไม่ต้องพะวง

ระหว่างทางไปยังวัดBesakih จะสามารถชมวิวทะเลสาปBatur โดยมีภูเขาไฟเป็นฉากหลัง

บริเวณริมทะเลสาบจะมีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ด้วย น่าเสียดายที่ผมมีเวลาไม่มาก จึงไม่สามารถลงไปชมหมู่บ้านนี้ได้

จากนาขั้นบันได ไปยังวัดBesakih ใช้เวลาประมาณ1.30 ชม ระหว่างทางเป็นป่าสลับหมู่บ้านเล็กๆเป็นระยะๆ นั่งชมวิวเพลินๆ ทำให้รู้สึกว่าไม่นานเท่าที่คาดไว้

ผมเดินทางมาถึงวัด Besakih ตอนเกือบๆ11 โมงกว่าๆ ซึ่งเเน่นอน สถานที่เเห่งนี้นั้นขึ้นชื่อเรื่องมาเฟียคอยบังคับนักท่องเที่ยวให้บริจาคเงินรายละมากๆก่อนที่จะเข้าวัด เเต่Teddyได้เตรียมโสร่ง ผ้าผูกเอว เเละหมวก(สำหรับผู้ชาย) เเละTeddy ก็ทำหน้าที่เป็นไกด์เองเลย ประกอบกับตอนที่ผมไป นักท่องเที่ยวยังมาไม่มาก พวกมาเฟียก็ยังน้อย ผมเเละเพื่อนจึงเดินผ่านเข้ามาด้านในอย่างปราศจากใครมารบกวนเเม้เเต่คนเดียว

วัดBesakihเป็นวัดหลักของเกาะบาหลี ซึ่งจะประกอบด้วยวัย่อยๆหลายสิบวัดรวมกัน โดยในเเต่ละวัดก็จะเป็นการสร้างเพื่อบูชาเทพที่สถิตย์ในเเต่ละสถานที่ ในชั้นล่างๆมักเป็นเทพเเห่งท้องทะเลหรือสถานที่ที่อยู่ต่ำๆ(ต่ำนี้หมายถึงตำเเหน่งที่ตั้งนะครับ ไม่ได้หมายถึงยศ)ส่วนวัดที่อยู่ด้านบนจะเป็นวัดที่ใช้บูชาเทพเเห่งภูเขาหรือท้องฟ้า

ด้วยเหตุที่มีวัดเป็นจำนวนมาก เราจึงสามารถเห็นชาวบาหลีมาทำพิธีบูชาเทพเจ้าได้ตลอดทั้งปี โดยประเพณีเเละช่วงเวลาการบูชานั้นก็จะขึ้นอยู่กับว่าชุมชนนั้นๆมีกำหนดว่าเป็นเมื่อใด ซึ่งต่างจากไทยที่เราจะทำบุญหรือประกอบพิธีกรรมอย่างเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกันพร้อมกันทั้งประเทศ

สำหรับทุกคนที่มาถึงที่นี่ จะพบกับบันไดนี้กันทุกคน เพราะเป็นบันไดหลักสำหรับชาวฮินดูใช้เดินขึ้นไปประกอบพิะีบูชาเทพเจ้า สำหรับนักท่องเที่ยวนั้น สามารถเดินขึ้นบันไดนี้สำหรับถ่ายรูปได้นิดหน่อย เเต่ไม่สามารถเดินไปจนสุดด้านบนเพื่อเข้าไปยังพื้นที่ประกอบพิธีได้

เป็นที่น่าสังเกตุว่าพืชพันธุ์บนเกาะเเห่งนี้สีสันสวยงาม เเดงเป็นเเดง เขียวเป็นเขียว ซึ่ง(ผมคิดเองเออเอง)น่าจะเป็นเหตุเนื่องจากที่นี่มีภูเขาไฟ จึงทำให้มีเเร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้จึงงอกงามดีเป็นพิเศษ

Teddyพาผมค่อยๆเดินขึ้นบันไดเพื่อชมวัด ยิ่งสูงขึ้นไป วิวทิวทัศน์ยิ่งน่าตื่นตา เพราะทำให้ผมสามารถเห็นความยิ่งใหญ่ของวัดเเห่งนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น

ระหว่างทาง Teddyพาผมเเวะชมการประกอบพิธีกรรมของชาวฮินดู ซึ่งสามารถให้นักท่องเที่ยวสังเกตุการณ์อยู่บริเวณริมๆที่ทำพิธีได้

พิธีที่ผมชมเป็นพิะีบูชาเทพทั้ง3ของศาสนาฮินดูคือพระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ 3 เทพ ผู้ยิ่งใหญ่เเหง่ศาสนาฮินดู ระหว่างทำพิธีนักบวชจะสั่นกระดิ่งเป็นจังหวะ เพื่อให้ผู้ร่วมพิธีมีสมาธิ เเละจดจ่ออยู่กับพิธีกรรมตรงหน้า

ระหว่างทำพิธี นักท่องเที่ยวอย่างพวกผมก็ต้องสำรวมเป็นพิเศษ ไม่ส่งเสียงดัง หรือเดินวุ่นวายเข้าในพื้นที่ทำพิธี

สักพัก Teddyก็ชวนเดินขึ้นไปชมวัดด้านบนต่อ จึงต้องค่อยๆออกจากบริเวณทำพิธีอย่างเงียบๆ

เดินขึ้นไปเรื่องๆ ระหว่างทางจะมีเเม่ค้าคอยขายน้ำดื่มเพื่อดับกระหาย เเละมีร้านขายของที่ระลึกประปราย เเต่ผมไม่ได้ซื้ออะไร เพราะตอนนั้นมัวเเต่ถ่ายรูปเพลิน

ผมเดินขึ้นไปถึงวัดที่อยู่ด้านบนสุด พบว่ามีนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย เเละตัววัดก็สวยทีเดียว ถ้าใครมาก็กัดฟันเดินขึ้นมาด้านบนหน่อยนะครับ วิวสวยคุ้มเหนื่อย น่าเสียดายผมมีเเต่ภาพที่มีผมกะเพื่อนๆด้วย ไม่มีภาพเเบบไม่มีคนเลยT_T

หลังจากใช้เวลากับที่นี่พักใหญ่ Teddy ก็เตือนว่าได้เวลาเเล้ว พอดูนาฬิกาก็ผมว่าผมเดินเล่นไปเเล้วกว่า 2 ชม

ขาลง Teddyพาลงอีกทางเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่างทางมีเด็กขายโปสการ์ด ตอนเเรกคิดว่าสถานที่ท่องเที่ยวต้องเเพงเเน่ เลยไม่ซื้อ เเต่พอเที่ยวจนถึงวันสุดท้ายพบว่า ที่นี่ถูกที่สุด T_T ตรูหนอตรู ทิฐิทำตรูซะเเล้ว

ระหว่างเดินลง ก็จะสวนกับชาวบาหลีที่ขนของมาประกอบพิธีบูชาเทพเจ้า เเยกๆกันไปในเเต่ละวัด

เมื่อเดินลงมาถึงด้านล่าง ก็จะมาบรรจบกับบันไดหลักที่เห็นเมื่อตอนเดินเข้ามา

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าเเล้ว สมควรที่จะต้องกล่าวอำลาBesakihเเล้ว

ระหว่างที่เดินออกมา ก็พบว่าชาวบาหลีบางส่วนที่ประกอบพิธีเสร็จเเล้วก็เริ่มทยอยกลับกันบ้างเเล้ว

หลังจากนั้ Teddy ก็พาไปทานอาหารกลางวัน ตอนเเรกผมอยากไปทานที่ริมทะเลสาบBaturเเต่เกรงว่าเวลาจะไม่ทัน จึงเปลี่ยนเเผนมาทานอาหารกลางวันที่จุดชมวิวภูเขาไฟบาตูร์เเทน

สำหรับราคาอาหารมื้อนี้อยู่ที่หัวละ80000 รูเปียะห์หรือประมาณ285 บ.net.เเต่ไม่มีน้ำเปล่า มีชา กาเเฟเเทน
สำหรับอาหารก็พอทานได้ ถือว่าจ่ายเงินมาชมวิวละกัน

ในร้านจะเเบ่งเป็น2โซนคือ Outdoor กับ Indoor ส่วนOutdoorนั้นหนาวมาก(ขนาดตอนบ่ายนะเนี่ย)ส่วนด้านในก็ขวันโขมงเพราะมีเตาปิ้งสะเต๊ะ ผมเลือกนั่งด้านนอกเพราะยอมหนาวดีกว่าต้องนั่งรมควันตัวเอง

จากโต๊ะ จะสามารถชมวิวภูเขาไฟบาตูร์เเละร่องรอยลาวาที่ไหลออกมา(ที่เป็นสีดำๆน่ะครับ)

ซึ่งในปัจจุบันนี้ภูเขาไฟบาตูร์ยังมีชีวิตอยู่ เเต่ก็สงบมานาน บริเวณที่เป้นลาวาจึงกลายเป็นเหมืองสำหรับขุดหินภูเขาไฟมาใช้ในการก่อสร้าง

ลืมบอกไปว่า ที่Besakihนั้นถ้าอากาศดีๆจะสามารถเห็นภูเขาไฟอากุงได้ ตอนผมไป หมอกลงจนมองไม่เห็นยอด เเต่พอมานั่งทานอาหารก็พบว่าอากุงผู้ขี้อายก็ปรากฎโฉมให้ได้เห็นจนได้ :)

หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ Teddy ก็พาผมมุ่งหน้าไปยัง Tirta Empul หรือวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์

วัดนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก เเต่ร่มรื่น บรรยากาศดีมาก

บรรยากาศดีชนิดที่ทางรัฐบาลได้มาสร้างบ้านพักประธานาธิบดีไว้ที่นี่ เอาไว้ให้มาอยู่ยามมาปฏิบัติภารกิจที่บาหลี

บริเวณกลางวัดจะมีตาน้ำผุดขึ้นมา ซึ่งชาวบาหลีเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เราจึงสามารถเห็นทั้งชาวบาหลีเเละชาวต่างชาติมาอาบน้ำที่นี่

งานเเกะสลักในวัดนี้เป้นอีกอย่างที่ผมอยากให้สังเกตุกัน ละเอียด สวยงามมากครับ

ถึงเเม้อาณาบริเวณของวัดนั้นจะไม่ใหญ่มาก เเต่ผมเเละเพื่อนก็ใช้เวลาที่นี่กันนานพอสมควร

อาจเป็นเพราะบรรยากาศดีๆ มีเสียงน้ำพุ เเละความสงบของสถานที่ ที่เป็นตัวดึงดูดให้ผมใช้เวลากับที่นี่นานเป็นพิเศษ

นอกจากบรรยากาศ งานเเกะสลักสวยๆก็กินเวลาในการชมไปอีกเยอะทีเดียว

ด้านที่เป็นบ้านพักประธานาธิบดีนั้นจะอยู่บนเนิน จึงต้องมีการทำกำเเพงกันดินถล่ม โดยใช้หินมาเรียงอัดๆกัน สวยเเปลกตาดีครับ

เเถมมีทางลงเชื่อมจากบ้านพักตรงมาถึงลานวัดได้โดยตรง เเหม่...น่าอิจฉาจริง

พอสมควรเเก่เวลาก็เดินทางออกจากตัววัด

สิ่งที่ขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่คือตลาดหน้าวัด ที่สินค้าราคาถูกมาก(ถ้าคุณต่อได้)

Teddyซึ่งหลังจากพาผมชมวัดเสร็จก็บอกทริคเล็กๆน้อยๆในการซื้อของที่นี่ไว้ว่าให้ต่อราคาลง80% เเบบของ100 ให้ต่อเหลือ20 พอ เเละอย่าใจร้อนรีบซื้อร้านเเรกๆ เพราะจะไม่ค่อยลด ให้เดินไปเรื่อยๆ ยิ่งใกล้ทางออก ของยิ่งถูก(ซึ่งผมพิสูจน์มาเเล้วพบว่าจริงทั้ง2ข้อ)

พอเข้าโซนร้านค้า ผมกับเพื่อนก็เเตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง เพราะเเม่ค้าเเต่ละร้านต่างดึงตัวให้เข้าไปชมสินค้าในร้าน นัดกันว่าอีก1 ชม เจอกันที่รถ พบว่าเมื่อผ่านไป1 ชม. ไม่มีใครปรากฏตัวเลย ต้องเดินย้อนไปตาม เพราะเเต่ละคนชอปกันอย่างเมามัน(สินค้าน่ารัก เเต่ต่อราคาสนุกจนลืมเวลา)

หลังจากนั้นผมก็เดินทางกลับที่พัก เอาของมานั่งเปรียบเทียบราคาให้เจ็บใจเล่นๆสำหรับคนที่ได้ของเเพงกว่า เยาะเย้ยกันพอหอมปากหอมคอก็เดินทางไปชมระบำเรงกอง

ความจริงควรจะดูบารอง เเต่ผมรู้สึกว่าการเเสดงดูเวลากลางคืนจะสวยกว่า เลยเลือกชมเรงกองเเทน โดยโทรไปที่front ของTegal Sari ให้เตรียมรถไปส่งที่Ubud Palace เเละซื้อตั๋วให้ด้วย ค่าตั๋วคนละ200กว่าบาท ส่วนค่ารถฟรี เพราะเป็นบริการของทางTegal Sariอยู่เเล้ว

เมื่อไปถึง จะได้รับสูจิบัตร ซึ่งจะมีรายละเอียดการเเสดง เพื่อให้ผู้ชมได้รู้ว่าโชว์เเต่ละชุดสื่อถึงอะไร เเต่!........ผมไม่ได้อ่าน มัวเเต่ถ่ายรูป

ถามว่าการเเสดงดีไหม ในความคิดผม ก็ดีนะ ไม่ได้น่าเบื่ออะไรมากมาย เเต่ของเเบบนี้เเล้วเเต่คนเนอะ

โชว์มีทั้งหมด5ชุดด้วยกัน ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม เริ่มตอน19.30 กว่าจะเสร็จก็เกือบ21.00

ผมพบว่าส่วนใหญ่คนที่มาชมจะเป็นฝรั่งเป็นหลัก เคยอ่านรีวิวเจอว่ามีฝรั่งบางคนเบื่อจนลุกออกไป เเต่รอบที่ผมชม ไม่มีนะ หรือผมไม่ได้สังเกตุก็ไม่รู้?

ถามว่าราคา 200กว่าบาทนี่คุ้มไหม? ผมว่าคุ้มนะ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นการเเสดงท้องถิ่น ศิลปะการเเต่งกาย ใครที่มาเที่ยวอยากให้หาเวลามาชมกันดูนะครับ

เเต่โชว์นี้อาจจะมีข้อเสียตรงที่เป็นโชว์ที่ขาดจุดดึงดูด ขาดไฮไลท์(อาจเป็นเพราะเป็นการเเสดงตามเเบบเเผนทางนาฏศิลป์ของบาหลี)ทำให้คนที่ไม่ชอบอะไรเเบบนี้เบื่อได้ ซึ่งรวมถึงเพื่อนผมด้วย -_-"

สำหรับการเเสดงชุดสุดท้ายจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระนารายน์เเละพาหนะของพระองค์ ซึ่งก็คือครุฑนั่นเอง

พอจบการเเสดง นักเเสดงทุกคนก็ออกมาทำความเคารพเเละกล่าวคำขอบคุณผู้ชม เป็นอันจบการเเสดงอย่างเป็นทางการ

หลังจากนั้นผมก็ออกมาทานอาหารค่ำ ซึ่งเดิมวางเเผนว่าจะไปทานที่ร้าน Nomad เเต่โต๊ะเต็ม เลยเเวะร้านขายของที่ระลึกเเถวๆนั้นถามดูว่ามีร้านอาหารเเนะนำบ้างไหม

คนขายเเนะนำว่าให้มาทานที่ร้าน Cafe' Wayan บนถนน Monkey Forest ซึ่งเป็นทางผ่านกลับไปยังที่พักของผมพอดี จึงเดินไปทานกันที่ร้านนี้เเทน

พอทานเเล้วพบว่า อาหารเค้าอร่อยทีเดียว ทั้งอาหารพื้นเมือง เเละพิซซ่า สำหรับใครที่มาขอให้ลองทาน ผัดหมีของเค้า เเละพิซซ่า Four Seasons อร่อยได้โล่ห์

เเถมราคาๆไม่เเพงมากอีกด้วย สั่งกันกระจุย(ไม่เเพ้เมื่อวาน)ค่าเสียหายอยู่ที่650000 รูเปียะห์หรือ2400 บ/6คน
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยก็ไม่วายขอซื้อเค้กกันซะหน่อย ซื้อ5ชิ้นพูดทีเล่นทีจริงกะคนขายว่าไม่เเถมให้ผมหน่อยเหรอ พนักงานก็เเถมให้อีกชิน ชิ้นใหญ่ด้วย น่ารักจริงๆ พอซื้อเค้กเสร็จก็เดินกลับที่พัก ซึ่งต้องผ่านMonkey Forest ซึ่งเปลี่ยวพอสมควร ถ้าผู้หญิงมาคน-2คนไม่เเนะนำให้เดินมานะครับ เเต่ผมไปกัน6คน เลยสบายๆ
ถึงที่พักก็อาบน้ำนอน
ผมขอจบวันนี้ไว้ที่ภาพนี้ครับ ไว้กระทู้หน้าจะพาไปเที่ยวต่อในวันที่3ของทริปบาหลีของผมครับ สวัสดีครับ

@  บาหลีตอนเช้านี่เงียบมากจริงๆ ครับ .. ถ้าเดินไป monkey forest
    เข้าฟรีได้เลย ไม่เสียตังส์ .. อาหารมื้อค่ำน่าทานมากครับ

โปรแกรมวันนี้เหมือนกันเป๊ะ ๆ  เลยค่ะ ยกเว้นชมการแสดง กะอาหารค่ำ  ดีจังได้ไปเบซากีห์ช่วงที่เค้ามีงานพิธีด้วย ได้เห็นวัฒนธรรมาเค้าอย่างแท้จริง วันที่เราไปเค้ายังเพิ่งเตรียมข้าวของจัดงานเองค่ะ  วัดเลยเงียบ ๆ นิดนึง  รอชมต่อนะคะ  

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
เต็มอิ่มทั้งบรรยากาศและเนื้อหามากๆครับ

เพิ่งได้ชมบาหลีลึกๆ ก็รีวิวนี้แหละ ขอบคุณครับ

ตามมาเที่ยววันที่สอง

มารออ่านวันต่อๆ ไปอยู่ค่ะ
รูปสวย รีวิวสนุก จะไปเดือนหน้าแล้ว
มาแอบเก็บข้อมูล :)

ตามอ่านตามชมแบบจุใจจริงๆ รอเที่ยวต่อตอนหน้าครับ

อยากไปชมการแสดงแบบนี้ที่บาหลีจังครับ

รูปสวยมากๆๆๆๆ ขอบคุณนะครับ จะรอชมรีวิวต่อๆไปคับ
เหนพิซซ่าแล้วหิวขึ้นมาเรยย หน้าตาดีสุดๆ :)
รบกวนถาม จขกท.ครับว่า Dirty Duck, Cafe' Wayanนี่ เค้าชาร์จเพิ่มไม๊ครับ ถ้าจ่ายด้วยบัตรเครดิต
ขอบคุณครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านรีวิวนะครับ
@คุณGrunt if you like Monica Seles ผมไม่ทราบเรื่องค่าชาร์จบัตรเครดิต เพราะผมจ่ายสดอ่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับ เเต่ผมว่าถามพนักงานก่อนได้ครับ เพราะทั้ง2ร้านพนักงานน่ารักมาก Service mind สูงมากโดยเฉพาะCafe' Wayan :)
ติดตามวันที่3ได้ที่นี่ครับ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11004313/E11004313.html#1

แวะมาชมครับ ตามไปบาหลีด้วยครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

กิ๊ฟเดือนนี้หมดแล้ว ผมให้ แทนนะครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยมากๆค่ะ

ขอบคุณครับ   มาเก็บข้อมูลครับจะแบคแพคคนเดียวครับ  ยังหวั่นๆหลายอย่าง

ชอบบรรยากาศของภาพจังเลยค่ะ

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

รีวิวภาพสวยมาก และ
เข้ามาเก็บข้อมูล จะเดินทางไปปีหน้าค่ะ

วิวสวยมากค่ะ  อยากรู้ว่าโรงแรมนี้ สวย  สะอาด ดีไหม  ราคาเท่าไหร่?
ทริบวันที่สองนี้เวิร์คมากเลยค่ะ ขอคัดลอกทริปนี้เต็มๆ  อิอิ (แต่มีโปรแกรมไหนเสริม เพิ่มเติมไหมสำหรับวันนี้ แนะนำเลยนะคะ)
เจอกันทริปที่สามค่ะ>>>rose

ขอทราบราคาโรงแรมด่วนเลยค่ะ  จะจองแล้ว แนะนำด้วยคร้า