ตอนที่ 1 Roma - Vaticano - Siena - Pisa - Firenze
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10936767/E10936767.html

ตอนที่ 2 Rimini - San Marino - Bologna - Venezia
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10964969/E10964969.html

มาถึงตอนที่ 3 แล้วครับ สำหรับรีวิวทริปฮันนีมูน 1 เดือนในยุโรป แบบเรื่อยเปื่อย ไปเรื่อยๆ ที่ผมและภรรยาจัดกันเอง ระหว่าง 11 มี.ค. - 10 เม.ย. 54 ที่ผ่านมา จากความเดิมในภาคแรกที่ตะลุยเที่ยวกรุงโรม วาติกัน ดูบอลโรมดาร์บี้ ต่อด้วย เซียน่า, ปิซ่า และ ฟลอเรนซ์ ผ่านไปทั้งหมด 8 วัน ต่อด้วย ตอนที่ 2 ไปเยือน ริมินี่, ซาน มาริโน่, โบโลญญ่า และ เวนิซ ใช้เวลาไป 4 วัน รวมแล้วก็เกือบๆครึ่งทางแล้วครับ

ในตอนที่ 3 นี้ ยังคงอยู่ใน อิตาลี โดยจะเดิืนทางไปยังเมือง เวโรน่า ก่อนจะแวะที่ เจนัว แล้วเดินทางเข้าสู่เมือง นีซ ของฝรั่งเศส ต่อไป ติดตามชมกันต่อได้เลยครับ

ผมอำลา เวนิซ มุ่งหน้าเข้าสู่ เวโรน่า เมืองสำคัญทางเหนืออีกแห่งของ อิตาลี

รถไฟก็โล่งเหมือนเดิม ทั้งโบกี้มีแค่เราสองคน โรแมนติกไปอีกแบบ ...

มาถึง เวโรน่า แล้วครับ แดดกำลังแรงได้ที่เลย

จุดแรกที่ต้องชมก่อนคือ Arena แห่งเมืองเวโรน่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง เป็นสนามกีฬาโรมันโบราณ แบบเดียวกับ Colosseo ที่โรม แต่เล็กกว่า และยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์

ถ้ามีบัตร Verona Card จะเข้าชมด้านใน Arena ได้เลย โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มครับ เหมาไปแล้ว

ของผมไปซื้อแบบ 2 วันมา ราคา 15 ยูโร

ได้เห็นภายใน Arena แล้วถึงกับอึ้งเลยครับ ว่าสมบูรณ์จริงๆ ทุกวันนี้ยังใช้จัดคอนเสิร์ตอยู่เลย

นี่ก็กำลังเตรียมการรองรับคอนเสิร์ตใหญ่ในอีก 2 เดือนข้างหน้า

โปสเตอร์ของงานที่ว่าครับ บรรยากาศดูขลัง และได้อารมณ์ไม่น้อย

ถ้าอยากเห็นวิวมุมสูง ก็ต้องออกกำลังขาเพิ่มอีกหน่อยครับ ขึ้นไปชั้นบนสุด

มุมมองจากอัฒจันทร์ชั้นบน ....

ส่วนหนึ่งของผนังชั้นบนสุดที่ยังเหลืออยู่ กลายเป็นจุดเด่นของ Arena ในยุคนี้

มองออกไปข้างนอกมุมนี้จะเห็น Palazzo Barbieri ศาลาว่าการเมือง เวโรน่า ด้วย

หลังจากหามื้อเที่ยงทานที่ Piazza Bra แถวๆ Arena ผมก็เดินเข้ามาที่ย่านชุมชนใจกลางเมือง

จัตุรัสตรงนี้มีชื่อว่า Piazza delle Erbe มีจุดเด่นตรงตลาดขนาดย่อม เป็นเอกลักษณ์ที่ต่างจากจัตุรัสใหญ่ของเมืองอื่นๆ

เอาล่ะ ขอลองเดินดูตลาดก่อน อิอิ

ตามมาเที่ยวด้วยครับ ที่สนามกีฬาเเห่งนี้สมัยก่อนผมเคยเข้ามาดูโอเปร่า มันได้อารมณ์สุดๆผมจําช่วงเดือนไม่ได้อ่ะ เเต่จะมีช่วงนึงที่เค้าเเสดงโอเปร่ากันยาวเลย มันไม่ได้ออกเเนวโอเปร่าหรูหราเเต่ออกเเนวโอเปร่าชิวๆสนุกมากกว่า ช่วงรอร้องก็เล่นเวฟกันไปสนุกสนานดีครับ

เห็นผลไม้สดๆ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องลิ้มลองรสชาติครับ เปรี้ยวสะใจดีจริงๆ

กินเสร็จแล้วก็เริ่มเดินเที่ยวต่อ ........ เริ่มจากน้ำพุเก๋ๆ ใจกลางจัตุรัส

อาคารใหญ่ที่อยู่ตรง Piazza Erbe เคยเป็นพระราชวังในอดีตชื่อ Palazzo Maffei เดิมตอนสร้างใหม่ๆมี 2 ชั้น ก่อนจะสร้างชั้นที่ 3 เพิ่มไป ปัจจุบันชั้นล่างกลายเป็นร้านค้าช็อปปิ้งไปแล้ว

ส่วนหอคอยสูงๆด้านซ้าย คือหอระฆัง Gardello ครับ มีอายุเก่าแก่มากกว่า 600 ปี

มองไปทางด้านขวาจะเห็นหอคอย Lamberti ครับ จำได้ว่าถ้ามี Verona Card เสียค่าขึ้นแค่ 2 ยูโร

ทีแรกผมก็ว่าจะขึ้น เพราะมีลิฟท์ภายใน แต่วันนั้นเจอแจ็คพ็อต ลิฟท์ดันขัดข้อง ต้องเดินขึ้นไป เลยขอแค่ยืนดูข้างล่างดีกว่า แห่ะๆ

ไม่ไกลจากหอคอย Lamberti จะมีพระราชวังชื่อ Palazzo della Ragione ครับ

ในอดีตเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองเมือง

หันกลับมาอีกฝั่งเป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงอีกแห่ง Piazza dei Signori หรือ Piazza Dante

จะสังเกตเห็นรูปปั้นสีขาวทางซ้าย คืออนุสาวรีย์ Dante กวีชื่อก้องโลกนั่นเอง

เดินเที่ยวต่อ นึกถึง เวโรน่า สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว ต้องเป็นที่นี่เลย บ้านของจูเลียต (Casa di Giulietta) ตำนาน "โรมีโอ กับ จูเลียต" ของ วิลเลียม เชคสเปียร์ ......

เคยมาเมื่อ 10 ปีก่อน ยังเห็นป้ายชัด ทำไมตอนนี้เละเทะไปหมด ใครเป็นนายกเทศมนตรีเมืองนี้เนี่ย .......

ผมเดินไปถึงหน้าทางเข้า ตกใจเลย ทำไมตำรวจเต็มไปหมด มีม็อบเหมือน โรม อีกรึเปล่าเนี่ย ปรากฏว่าไม่ใช่ เค้ากำลังซ้อมหนีไฟกันอยู่ครับ ใจหายแวบ

รอสักพัก เจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้เข้าได้ ทางสะดวกแล้ว ...

สังเกตที่ผนังทั้ง 2 ด้าน มีแต่รอยเขียนเต็มไปหมด เหมือนเค้าตั้งใจทาสีขาวมาให้บรรดาคู่รักละเลงเขียนโดยเฉพาะไปเลย ไม่ต้องเขียนแบบหลบๆซ่อนๆกันอีก

ด้านในจะมีรูปหล่อสำริดของ จูเลียต ตั้งอยู่ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสนใจถ่ายรูปมากที่สุด

มองไปทางด้านบนทางขวา จะเห็นระเบียงนี้อยู่ ว่ากันว่า โรมีโอ ปีนเข้าไปหา จูเลียต ทางนี้ครับ

ด้วยความอยากรู้ อยากเห็น เลยต้องเข้าไปสำรวจภายในบ้านจริงๆเลย

จุดนี้คือระเบียงที่ว่าครับ จูเลียต เปิดหน้าต่างรอไว้อยู่แล้ว

มุมมองจากระเบียงครับ ....

ลองดูห้องอื่นๆในบ้านบ้าง ห้องนี้น่าจะเป็นห้องนอนของ จูเลียต ครับ

บ้านจูเลียต นี่ดูไฮเทคดีจังแฮะ มีคอมพิวเตอร์ให้ส่ง อีเมล์ ไปถึง จูเลียต ด้วย

หรือจะส่งแบบคลาสสิค หยอดตู้ไปรษณีย์เอาก็ได้ครับ อิอิ น่ารักดี

ออกมาจากบ้านจูเลียต จะเจอช็อปของทีม เฮลลาส เวโรน่า 1 ในทีมฟุตบอลอาชีพของเมืองครับ

คอบอล อิตาลี อย่างผม ต้องขอแวะเข้าไปดูหน่อย

บรรยากาศภายในร้านค้า มีเสื้อทุกชนิดของทีม ตั้งแต่ชุดแข่ง ชุดซ้อม แม้กระทั่งเสื้อกั๊ก

โปสเตอร์ใบนี้เป็นความภาคภูมิใจของแฟนๆ เวโรน่า มากครับ

วันที่พวกเค้าฉลอง สคูเด็ตโต้ ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ เมื่อปี 1985 สนามแทบแตกเลยทีเดียว

คห. 13 น่ากินมากกกก

อิตาลี่สวยมากค่ะ ขอบคุณที่รีวิว

เจ้าหน้าที่ร้านหยิบวารสารแจกฟรีมาให้ด้วยครับ คงเห็นผมเป็นชาวต่างชาติ เลยแนะนำอดีตความเป็นมาที่เคยรุ่งเรืองให้ฟังเสียนานเลย

ที่ด้านล่างของช็อป เป็นร้านเสื้อผ้า และเย็บปักถักร้อย ปักชื่อผมเป็นที่ระลึกให้ฟรีด้วย คนที่นี่ใจดีจริงๆแฮะ ว่าแล้วก็ขอหาที่นั่งจิบกาแฟเอาแรงก่อน

เข้าช่วงเย็นแล้วครับ ยังเหลือเวลาอีกหน่อย เลยเดินไปดูโบสถ์ต่างๆ

เริ่มจาก Sant’Anastasia โบสถ์สไตล์โกธิค ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง

ภายใน Sant’Anastasia ครับ ....

เดินต่อไปยัง Duomo แห่งเมืองเวโรน่า ...... เข้าไปทันก่อนปิดแบบเฉียดฉิวจริงๆ

ส่วนหนึ่งจากด้านใน Duomo ครับ ...

ออกมาจาก Duomo ไม่รู้จะไปไหนต่อ ผมเลยเดินเรื่อยเปื่อย ลัดเลาะไปตามริมแม่น้ำ Adige ดูวิวไปเรื่อยๆ

ผ่าน Forte San Leonardo ป้อมปราการที่สำคัญในอดีตของ เวโรน่า

โบสถ์ San Giorgio in Braida .....

ถือเป็นโบสถ์เก่าแก่ของเมือง มีอายุราวๆ 500 ปีครับ

สะพาน Vittoria หรือสะพานแห่งชัยชนะ จะมีรูปปั้นตรงเชิงสะพาน ต่างจากสะพานอื่นๆในเมือง

เห็นปราสาท San Pietro อยู่ไกลๆครับ

ด้านล่างของตัวปราสาท จะเป็นโรงละครโรมันโบราณ ที่ผมแพลนว่าจะมาในวันถัดไป

เดินกลับเข้าตัวเมืองอีกครั้ง ผ่าน Teatro Nuovo โรงภาพยนตร์ใหญ่ของเมือง

อยู่จนค่ำเลยครับ ได้เห็นบรรยากาศของ Arena ตอนกลางคืน ก็สวยไปอีกแบบ

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมชวนภรรยาไปดูสนามฟุตบอลประจำเมืองครับ สอบถามจากที่พักมาว่านั่งรถเมล์ไปไม่ไกลเท่าไหร่

เริ่มหารถเมล์ขึ้นจากแถวๆประตูเมือง Porta Nuova

ประมาณ 7-8 ป้าย ก็มาถึงสนาม Marcantonio Bentegodi

สนามเหย้าของ เฮลลาส เวโรน่า (Hellas Verona) และ คิเอโว่ เวโรน่า (Chievo Verona) 2 ทีมฟุตบอลประจำเมือง

ผมก็เดินคลำๆแบบเดิมไปรอบๆสนาม ปรากฏว่าเห็นมีประตูเปิดครับ

เอาล่ะ งานนี้ท่องไว้ ด้าน.. ได้.. อาย.. อด..

เดินเข้าไปเจอเจ้าหน้าที่ ก็ขออนุญาตเข้ามาถ่ายรูปในสนาม อำเค้าด้วยว่าเป็นแฟนทีม เวโรน่า เค้าก็เดินพาเข้ามาด้วยความเต็มใจเลยครับ

บรรยากาศภายในสนาม Bentegodi ครับ

ที่นี่เป็นหนึ่งในสังเวียนแข้ง ฟุตบอลโลก 1990 ที่ อิตาลี เป็นเจ้าภาพด้วย

แม้สนามจะดูเก่า แต่ผมชอบความโค้งเว้าของอัฒจันทร์ และลายเส้นหลังคาของที่นี่นะ

อีกมุมครับ ...

ดูจนได้เวลาอันสมควร ก็อำลาเจ้าหน้าที่สนาม ขอตัวกลับก่อน

วันนี้โชคดีแฮะ ถ้าไม่เจอเค้า คงไม่ได้เข้ามาในนี้

เดินออกมาด้านนอกสนามแล้วครับ

ตามไปด้วย

ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม มีร้านกาแฟอยู่ เลยเข้ามาหาอะไรกินนิดหน่อย เจ้าของเป็นแฟนบอล เวโรน่า ตัวยงเลย

เค้าเล่าให้ฟังว่าในเมืองนี้ แฟนๆ เฮลลาส เวโรน่า (หรือเรียกสั้นๆว่า เวโรน่า เฉยๆ) จะมีเยอะกว่า คิเอโว่ เวโรน่า  พอสมควร แม้ว่าปัจจุบัน เฮลลาส จะเล่นอยู่ในระดับแค่ เลก้า โปร ปรีม่า กลับกัน คิเอโว่ ได้เล่นลีกสูงสุดอย่าง เซเรีย อา ก็ตาม แฟนๆ คิเอโว่ ก็ยังน้อยกว่าอยู่ดี

น่ายินดีที่ล่าสุด เวโรน่า สามารถชนะเพลย์ออฟ ได้เลื่อนชั้นสู่ เซเรีย บี จนได้ ไม่แน่อีกไม่นานเกินรอ ชาวเมืองเวโรน่า อาจได้เห็นเกม เวโรน่า ดาร์บี้ ในลีกสูงสุดอีกครั้ง

เอาล่ะครับ จบเรื่องฟุตบอลที่ เวโรน่า ไปแล้ว ก็เที่ยวต่อ

หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต้องที่นี่ Castelvecchio

เดินผ่านประตูมา สะดุดตากับเป็ดที่เล่นน้ำทันทีครับ ตัวใหญ่มากๆ

Castelvecchio คือปราสาทเก่าแก่ของเมือง เป็นป้อมปราการที่สำคัญในอดีต

ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ

ภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงรูปปั้นโบราณเยอะมากๆ ทำเอาผมเดินวนไปมาอย่างกับเขาวงกตเลย

จุดนี้เป็นสะพานที่ก่อด้วยหิน ว่ากันว่าขณะที่สร้าง ถือเป็นสะพานที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว

ปิดท้ายที่ โรงละครโรมันโบราณ หรือ Teatro Romano

ภายในจะมีพิพิธภัณฑ์โบราณคดี รวบรวมศิลปะล้ำค่ามากมายครับ

บริเวณอัฒจันทร์ของ Teatro Romano ที่ยังคงความสมบูรณ์ ขาดส่วนที่พังไปตรงเวที ในอดีตเป็นอาคารตั้งอยู่

มุมมองจากด้านล่างครับ

ผมขึ้นไปอำลาเมือง เวโรน่า ที่จุดชมวิวบนสุดของที่นี่ เป็นภาพความทรงจำที่ประทับใจ ติดตาผมไปเลย

พรุ่งนี้ต้องไปเมืองอื่นต่อแล้ว ......

วันรุ่งขึ้น เตรียมตัวเดินทางออกจากสถานี Verona Porta Nuova ครับ

ผ่านเมือง เบรสชา ครับ ....

แฟนๆ โรแบร์โต้ บาจโจ้ เทพบุตรเปียทองคำ คงรู้จักเมืองนี้เป็นอย่างดี เพราะ บาจโจ้ เคยมาเล่นฟุตบอลที่นี่ 4 ปีเต็ม ก่อนแขวนสตั๊ด

บนรถไฟมี นสพ.แจกอ่านแก้เบื่อด้วย

คืนนี้ผมต้องเข้า ฝรั่งเศส แล้วครับ มีเวลา 1 วัน เลยเลือกที่จะเที่ยว เจนัว ซึ่งเป็นทางผ่าน โดยรถไฟต้องไปเปลี่ยนขบวนที่ มิลาน ก่อน

จริงๆผมไม่ได้แพลนมาที่นี่แต่แรก เพราะอยากไปล่องใต้ลุยแถวๆ นาโปลี, ปอมเปอี, คาปรี, ซอร์เรนโต้ และ อมาลฟี แต่พอได้คุยกับญาติผู้ใหญ่ แล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะมีความเสี่ยงอันตรายจากมิจฉาชีพมากกว่า และผมไม่อยากให้ ทริปฮันนีมูน กร่อยด้วย

เอาล่ะ มาถึงสถานี Genova Piazza Principe แล้วครับ

ด้านหน้าของสถานีรถไฟ Piazza Principe

ที่ เจนัว ยังมีสถานีใหญ่อีกแห่งชื่อ Brignole ซึ่งก็ใหญ่โต และเก่าแก่ไม่แพ้กัน

ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม จะมีรูปปั้นของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส หรือภาษาอิตาเลียนคือ Cristoforo Colombo นักเดินเรือชื่อก้องโลก ชาวเมืองเจนัว ตั้งตระหง่านอยู่ บอกให้รู้ว่ามาถึง เจนัว แล้วนะ

ใจกลางเมือง เจนัว ที่ Piazza De Ferrari ผมยกให้เป็น Piazza ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของ อิตาลี เลย

เจนัว หรือ เจโนว่า  (Genova) ในภาษาอิตาเลียน ถือเป็นเมืองท่าอันดับ 1 ของประเทศ และเป็นลำดับต้นๆของยุโรปเลยทีเดียว

แม้จะดังเรื่องท่าเรือ แต่ภายในใจกลางเมืองก็สวยงาม และดูจะปลอดภัยกว่าหลายๆเมืองที่ผ่านมาด้วย

อาคารที่เห็นนี้คือ Teatro Carlo Felice โรงละครโอเปร่า แห่ง เจนัว ครับ ด้านหน้าจะมีอนุสาวรีย์ จูเซ็ปเป้ การิบัลดี้ วีรบุรุษของชาวอิตาเลียน ตั้งอยู่ด้วย

ด้วยความที่มา เจนัว แบบไม่ได้เตรียมตัวเท่าไหร่ แผนที่จึงจำเป็นมากๆ ใช้เวลาคลำกันพอสมควร

Palazzo Ducale หรือพระราชวังดอจ วังของผู้ครองนคร แบบเดียวกับที่ เวนิซ ครับ

โซนนี้เป็นที่จอดรถครับ เวสป้าตรึม ตามแบบฉบับพี่เลี่ยน

บอกตามตรงว่า ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เจนัว มีรถไฟใต้ดินด้วย เพิ่งรู้เมื่อได้เห็นทางลงนี่เอง

ลองดูแผนที่ดีกว่า จะไปไหนต่อดี ผมเหลือบไปเห็นอะไรทางขวา นั่นมันสนาม Marassi นี่นา โอย อยากไปๆ

แต่มันไม่มีรถไฟใต้ดินไปถึง ต้องหารถเมล์นั่งเอา ลองดูแล้วกัน

รถเมล์มาจอดตรง Piazzale Atleti Azzurri d’Italia ครับ ด้านหน้าสนามเลย

ถึงแล้วครับ Marassi หรือชื่อทางการคือ Luigi Ferraris ของทีม เจนัว และ ซามพ์โดเรีย

สไตล์ของสนามจะคล้ายๆแบบ อังกฤษ คือเป็นอัฒจันทร์ 4 ด้าน มีหลังคาคลุมหมด

มีจุดเด่นตรงเสาหอคอยนี่แหล่ะครับ

เดินหาทางเข้ารอบๆสนาม เจอแต่รั้วปิดกั้นหมด แหงล่ะ มันไม่มีบอลแข่งนี่

กระทั่งมาเจอมุมนี้ ประตูเปิดโล่งเห็นทางเดินใต้ถุนสนามเลย ต้องลองเดินเข้าไปดูหน่อย

ปรากฏว่ามีช็อปใหญ่ของทีม ซามพ์โดเรีย เปิดอยู่

ผมลองเข้าไปถามเกี่ยวกับเรื่องเข้าสนาม เค้าบอกว่าไม่มีทางเลย แม้แต่ตัวเค้าเองยังเข้าไม่ได้ ผมก็เลยจำใจ ดูแค่ข้างนอกก็ได้อ่ะ

เดินออกมาจากสนามไม่ไกล เจอช็อปรวมของทั้ง เจนัว และ ซามพ์โดเรีย ในร้านเดียวกัน แฟนๆเข้าไปไม่ตีกันตายรึเนี่ย

เอาล่ะ ได้เวลานั่งรถกลับเข้าใจกลางเมืองอีกครั้ง ....

ช่วงระหว่างรอรถเมล์ครับ ผู้คนที่นี่ดูมีชีวิตชีวามาก (ตอน ซามพ์โดเรีย ตกชั้น ไม่รู้จะเป็นยังไงกันบ้างนะ)

ระหว่างนั่งรถเมล์กลับไปยังตัวเมืองครับ .....

กลับมาถึง Piazza De Ferrari เจ้าหน้าที่กำลังถอดธงชาติฉลองเทศกาลรวมชาติ ที่คลุม การิบัลดี้ พอดี

เสียดายเหมือนกันครับ ผมมีเวลาเที่ยว เจนัว แค่วันเดียว ก่อนกลับเลยไปเยือนบ้านของ โคลัมบัส ปิดท้าย

ด้านหน้าตัวอาคารครับ ....

เหลือโครงสร้างอยู่เพียงเท่านี้ในปัจจุบัน

จะว่าไปดูเผินๆ มีลักษณะคล้ายๆปราสาทเก่าหลังย่อมเลยครับ มีพื้นที่สวนบริเวณรอบๆด้วย

ได้เวลาออกจาก เจนัว แล้วครับ ขึ้นรถไฟแล้ว ....

ด้วยความที่ผมเปลี่ยนแผนไม่ไป นาโปลี เลยต้องไปเน้นเมืองทางเหนือเยอะขึ้น

ถัดจาก เจนัว ผมเลยตัดสินใจไป ฝรั่งเศส ชั่วคราวครับ นั่งรถไฟเลียบทะเลลิกูเรีย ไปเรื่อยๆ

ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึง เวนติมิย่า (Ventimiglia) เมืองพรหมแดน อิตาลี – ฝรั่งเศส ต้องเปลี่ยนรถไฟที่นี่

รถไฟขบวนใหม่ เป็นลายของราชรัฐโมนาโก เลยครับ เพราะเป็นเส้นทางผ่านโดยตรง

ภายในรถไฟครับ คนละแนวกับของ อิตาลี เลย ขบวนนี้ดูมีสีสันกว่าเยอะ

ปลายทางของขบวนจะไปสิ้นสุดที่เมือง กราซ ครับ แต่ผมจะลงก่อนที่ นีซ

ในที่สุดก็มาถึง นีซ จนได้ แทบสลบเลยครับ ...... ขอพักกับ อิตาลี ไว้ชั่วคราว แล้วจะกลับเข้าไปอีกที

จบรีวิวเรื่อยเปื่อย ตอนที่ 3 แล้วครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามทริปนี้ รอพบกับ ตอนที่ 4 Monaco - Torino - Milano นะครับ

มาเที่ยว Verona & Genoa ด้วยคนค่ะ
น่าเที่ยวมากเลย ท่าทางจขกท.จะชอบฟุตบอลมากๆ

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ ปีหน้าว่าจะไปยุโรปเหมือนกัน (เเต่คงไม่สามารถไปได้เดือนนึงเเน่ๆเลย)

อยากไปเที่ยวเรื่อยเปื่อยที่ยุโรปแบบนี้มั่ง

@  คลาสสิคสวยงามไปหมดเลยครับ ..  กระทู้นี้คุณ il giallorossi
    เก็บมาได้ตั้ง 3 สนามแน่ะ .. ทีแรกก็สงสัยว่า คิเอโว เวโรน่า คือ
    สโมสรคิเอโวในกัลโช่หรือปล่าว .. มาถึงตอนนี้รู้แล้ว ขอบคุณนะครับ

ตามมาเที่ยวและเก็บข้อมูลไปด้วยครับ

ขอบคุณครับ

ตามมาเที่ยวด้วยเหมือนเคยนะคับ บอกตรงๆว่ายังไม่เคยเห็นรีวิวเมือง verona หรือ genova เลย ส่วนใหญ่จะเห็นแต่เมืองท่องเที่ยวหลักๆ จะว่าไปก็สวยดีครับ คุณ il giallorossi นี่คงชอบบอลมากจิงๆเห็นแวะไปหลายสนามเลย อิอิ

รอชมฝรั่งเศสต่อนะครับ พอดีกิฟหมดแล้วเลยแจกคุณไม่ได้ ขอเป็น แทนนะคร้าบบบ

ตามมาเที่ยวเรื่อยๆ เปื่อยๆ ด้วยครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

คุณ วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ
โอ้... น่าอิจฉาจังครับ ผมอยากฟังโอเปร่าอิตาเลียน สักครั้ง ยังไม่มีโอกาสเลย ขอบคุณที่แวะมาชมครับ

คุณ LittleEntchen
ขอบคุณครับ เสียดายลืมถ่ายของกินอื่นๆมาด้วย จริงๆมีซื้อกินเยอะกว่านั้นครับ อิอิ

คุณ น้ำปลาพริกรสหวาน, คุณ tonhok
ขอบคุณที่เข้่ามาเรื่อยเปื่อยด้วยกันครับ

คุณ Pat :o), คุณ Coffee Blended
ใช่ครับ ผมคอบอลตัวยงเลย โดยเฉพาะบอลอิตาลี ทริปนี้ก็บุ๊กมาดู โรมดาร์บี้ ก่อน แต่ไม่กล้าดูเยอะครับ เกรงใจภรรยาที่เค้าเฉยๆกับบอล แต่ผมเป็นคนวางแผนเส้นทาง เลยแอบเนียนแวะไปตามสนามต่างๆบ่อยครั้ง คือปกติผมจะอยู่ในห้องศุภชลาศัย เป็นหลักครับ รีวิวชุดนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ

คุณ ellie@aggie
ถ้าได้สถานที่สนใจ อาจไม่ต้องใช้เวลามากเป็นเดือนครับ ทริปนี้ผมเรื่อยเปื่อยจริงๆ เพราะได้เวลาลงตัว และคิดว่าคงไม่ได้มาอีกนาน เลยขอเหมารวมไปเลย

คุณ vespa744, คุณ white koala
ขอบคุณที่แวะเข้ามาติดตามกันนะครับ

คุณ MRBIG173
ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวกันต่อครับ ผมยังต้องไปอีกหลายสนามเลย รอติดตามชมนะครับ

คุณ ฟองสบู่
ผมรอดูทริปปีหน้าของคุณอยู่นะครับ รีวิวผมอาจจะเนื้อหาไม่้แน่นมาก แต่หวังว่าจะพอเป็นไอเดียให้ได้บ้าง ขอบคุณที่ติดตามชมครับ

ขอบคุณรีวิวสวยๆครับ

สวยยอดดด

ขอบคุณครับสำหรับภาพสวยๆ และข้อมูลดีๆ

ที่ Casa di Giulietta นักท่องเที่ยวบางตาดีจังเลย
ตอนเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราต้องรอคิวสัมผัสรูปปั้นสำริดนานหลายนาที
และรอจังหวะถ่ายรูประเบียงว่างๆ นานเหมือนกัน
(เพราะจะมีโรมิโอกับจูเลียต จากทุกสารทิศ ผลัดกันโผล่หน้าออกมา
โบกมือ ถ่ายถาพกันหลายคู่)

จะรอติดตามตอนต่อไปครับ

สวยมากค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับรีวิวดีๆ

กิฟหมดแล้ว

ภาพสวยมาก ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

คุณ boy next door, คุณ pon de lourve, คุณ armearn, คุณ IKITAI, คุณ Us-Sama Iland
ขอบคุณที่แวะเข้ามาติดตามทริปนี้เช่นกันนะครับ

คุณ Naddh
ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ วันที่ผมไป บ้านจูเลียต คือ 23 มี.ค. ครับ ไปช่วงใกล้ๆกันเลย สงสัยที่คนเงียบ อาจจะเพราะการซ้อมหนีไฟนาน คนเลยหายไปดูที่อื่นก่อนมั้งครับ ผมคงเข้าไปตอนที่กำลังเปิดให้เข้าพอดี เลยโชคดีไม่ต้องรอคิว

ขอบคุณมากค่ะที่พาเที่ยว

กระทู้นี้ดูดีชวนให้อยากตามไปเที่ยวมากครับ

ขอบคุณครับ

โคลอสเซี่ยมที่เวโรน่านี่ ยังสมบูรณ์ดีจังเลยครับสามารถจัดคอนได้ด้วย
เห็นแล้วอยากไปชมคอนในนั้นจังเลยครับ

คุณ maychaegyeong, คุณ declare01
ขอบคุณที่แวะมาชมเช่นกันครับ ตามไปเที่ยวกันเรื่อยๆนะครับ

คุณ Destiny-Boy
ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวกันต่อครับ เกี่ยวกับ Arena ที่ เวโรน่า ยังสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่ได้ถูกรุกรานด้วยครับ ทุกวันนี้เลยยังได้จัดคอนเสิร์ตกันได้ ต่างจาก โรม ที่ถูกเผาทำลายบ้าง ขโมยหินไปบ้าง อัฒจันทร์ที่เป็นชั้นๆเลยไม่เหลือมาถึงตอนนี้

ขอบคุณมากครับที่พาไปเที่ยว

ตามมาเที่ยวเรื่อยเปื่อย ชมรีวิวรูปสวยๆอีกค่ะ  ชอบๆๆ  

ขอบคุณค่า อ่านสนุก น่าเที่ยวมาก รอตอนต่อไปคะ

คุณ เล็กทาโร่, คุณ สาวหน้าใส
ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวกันตลอดครับ

คุณ littlere
ขอบคุณเช่นกันครับ ตามไปเที่ยวกันต่อเรื่อยๆนะครับ

ไปติดตามกันต่อใน ตอนที่ 4 Nice - Monaco - Torino - Milano เลยครับ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11030134/E11030134.html