เเละเเล้วก็มาถึงวันที่3ของทริปบาหลีของผม ซึ่งเนื่องจากวันที่4ไฟล์ทออกตอนเที่ยง ดังนั้นสถานที่จะไปจึงมีเเค่ Uluwatu ดังนั้นจึงขอรีวิวรวบวันที่3-4ไว้ในกระทู้เดียวกันเลยละกันนะครับ
สำหรับใครที่สนใจ สามารถย้อนอ่านตอนที่1เเละ2ได้ที่ลิงค์นี้ครับ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10994282/E10994282.html

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11000094/E11000094.html

วันที่3ในบาหลี ผมตื่นขึ้นมาสูดอากาศเย็นๆ เนื่องจากวันนี้ไม่มีโปรเเกรมชมตลาดเช้า ผมจึงเลือกที่จะเดินเล่นเก็บรูปมุมต่างๆของTegal Sari ที่พักสุดฮิตของห้องบลู (เดี๋ยวจะรีวิวให้ชมเเยกไปอีกกระทู้นะครับ)

สำหรับ Tegal Sari นั้น ผมให้คะเเนนเต็มเลยครับ บรรยากาศดี ห้องพักสะอาด เเละที่สำคัญที่สุด พนักงานทุกคนน่ารักมาก ยิ้มเเย้มเเจ่มใส ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี เดินสวนทุกครั้ง ทักทายทุกครั้ง เมื่อวานตอนผมกลับจากTirta Empul พร้อมข้าวของพะรุงพะรังจากการชอปชนิดขาดสติ พนักงานก็เสนอตัวเข้ามาช่วยถือ เเต่ผมปฏิเสธไปเพราะของไม่หนักมาก ตอนcheck out ทาง frontก็ทักทาย ถามว่าไปเที่ยวไหนต่อ พักที่ไหน ขอให้มีความสุขกับการเดินทาง บางทีคำพูดเล็กๆน้อยๆก็สร้างความประทับใจใหญ่ๆได้ ว่าไหมครับ ?

สำหรับโปรเเกรมวันนี้ สถานที่เเรกที่จะไปคือ Pura Taman Ayun

จากอูบุดมาถึงที่นี่ใช้เวลาไม่นานมากนัก ประมาณ 30 นาทีก็ถึง ไม่รู้ว่าเพราะผมมาถึงเเต่เช้ารึเปล่า คนเลยน้อยมาก

เมื่อเข้ามาในบริเวณวัดจะเห็นซุ้มประตูอันนี้เด่นอยู่กลางลานกว้าง เเต่เราไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ของกษัตริย์ในสมัยก่อนเท่านั้น นักท่องเที่ยวตาดำๆ(เเละตาฟ้าๆ) ต้องเดินรอบๆเพื่อชมพื้นที่ภายในเเทน

ที่นี่มีต้นลั่นทมเยอะมาก เเต่ละต้นก็ใหญ่มาก น่าเสียดายที่ช่วงที่ผมไปดันไม่มีดอก ถ้ามีดอกคงได้บรรยากาศมากกว่านี้

ระหว่างพื้นที่ด้านนอก กับตัววัดด้านใน(ที่ห้ามนักท่องเที่ยวเข้า)จะถูกกันด้วยผนังอิฐสูงเฉพาะด้านหน้า

พอผ่านบานประตูเล็กๆเข้าไป จากกำเเพงสูงจะเหลือเพียงกำเเพงเตี้ยๆประมาณ140 cm.ทำให้ผมสามารถชมพื้นที่ภายในได้

ด้านตรงข้ามกับบริเวณวัดจะเป็นที่ตั้งของร้านขายภาพวาด มีภาพสวยๆหลายรูปทีเดียว ใครที่ชอบอาจเผื่อเวลาเเวะชมภาพของที่นี่ได้ครับ

ขนาดของวัดไม่ใหญ่มาก ทางเดินก็ปูด้วยอิฐเดินสบายๆ น่าเสียดายที่ไม่มีต้นไม้ให้ร่มเงาเท่าที่ควร เลยต้องเดินตากเเดดหัวเเดงไปตามๆกัน

สำหรับพื้นที่ในวัดนั้นถัดจากกำเเพงเข้าไปจะมีคูน้ำเล็กๆกั้นอีกชั้น เคยอ่านรีวิวเเล้วพบว่าจะำมีบัวอยู่ในคูด้วย เเต่ตอนผมไปทำไมไม่มี? วาย?

ถัดจากคูน้ำเข้าไปก็จะเป็นอาคารที่มีหลังคาซ้อนเป็นชั้นๆ คล้ายๆกับวัดอื่นๆของบาหลี

เเต่สิ่งที่ทำให้Taman Ayunมีความเเตกต่างคือ จำนวนชั้นของหลังคาจะสูงกว่าที่อื่นเนื่องจากเป็นวัดของกษัตริย์(หลักการเดียวกับจำนวนชั้นของฉัตรในบ้านเราคือยิ่งตำเเหน่งสูง จำนวนชั้นยิ่งมาก )

โดยจำนวนชั้นที่มากสุดที่มีคือ11ชั้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างสำหรับวรรณะสูงสุด ซึ่งได้เเก่องค์กษัตริย์เท่านั้น

สำหรับทริปผม ผมว่าข้อเสียใหญ่ๆข้อสำคัญเลยก็คือผมดันเลือกไปวัด Besakih เป็นวัดเเรก มันเลยทำให้เวลามาดูที่อื่นเลยรู้สึกเฉยๆ(ยกเว้นในกรณีที่วัดนั้นๆบรรยากาศดีเเละโดดเด่นเฉพาะตัว)

ซึ่งในทริปที่ผมไำปนั้น วัดTirta Empul ผมประทับใจในบรรยากาศ เเละภาพน้ำใส่ๆที่ผุดขึ้นมาในสระ
ส่วนPura Ulun Danu Bratan อันนี้เเค่ทะเลสาบก็สร้างความประทับใจ ยิ่งเจอต้นไม้สวยๆยิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่
Tanalot นั้นไม่ต้องพูดถึง เรื่องวิวก็กินขาดอยู่เเล้ว
สรุป!ที่พิมพ์ยืดยาวมาทั้งหมดนั้นเพื่อจะบอกว่า ทั้งทริปผมชอบที่นี่น้อยที่สุด (อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

หรืออาจจะเพราะผมคาดหวังกับที่นี่ไว้เยอะ เห็นรีวิวส่วนใหญ่จะชอบที่นี่กัน พอมาถึงเลยรู้สึกเเบบ...เเค่เนี้ย!

หรืออาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้ศึกษาประวัติที่นี่เเบบละเอียดมั้ง ผมเลยไม่ค่อย"อิน"

เเต่ที่นี่compositionหลังคาซ้อนชั้นของอาคารเเต่ละหลัีงเหลื่อมกันสวยดี ผมเลยถ่ายรูปหลังคาที่นี่มาซะโชก

หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนผมว่าหลังคาเส้นๆสีดำๆนั้นทำมาจากอะไร ถามจากTeddyได้ความว่าทำมาจากฝอยๆที่อยู่ตรงโคนใบของต้นปาล์มชนิดหนึ่ง ซึ่งเดิมมีอยู่เป็นจำนวนมากในป่าของบาหลี

เมื่อปีนไปเกี่ยวเอาเส้นๆนี้ลงจากต้นได้ ก็จะนำมาทำารสางเเล้วมัดรวมกันเป็นมัดเล็กๆ เเล้วค่อยมามัดรวมกันเป็นเเพอีกที วิธีการคล้ายๆหลังคามุงจากบ้านเรา เพียงเเต่ของเค้าจะไม่ทำเป็นเเพๆยาวๆ เเต่จะไปมัดเป็นเเพกับโครงหลังคาเลยทีเดียว

ผมถามTeddyว่าทำไมหลังคาเเบบนี้จึงใช้เฉพาะกับวัีด เป็นข้อห้ามอะไรสำหรับการนำมาทำหลังคาอาคารประเภทอื่นๆหรือเปล่า Teddyตอบว่าไม่ได้ห้าม เพียงเเต่หลังคาประเภทนี้เเพง เพราะเดี๋ยวนี้ต้นปาล์มชนิดนี้เหลืออยู่น้อย เเละเมื่อเทียบกับหลังคากระเบื้องเเล้ว อายุการใช้งาน/ราคา/ความสะดวกในการก่อสร้าง มีมากกว่า คนจึงไม่ใช้(คงเหตุผลคล้ายๆทำไมคนไทยไม่ใช้หลังคาเเป้นเกล็ด)

ผมใช้เวลากับTaman Ayunเเค่ไม่ถึงชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อเพื่อไป Pura Ulun Danu Bratan โดยระหว่างทางเเอบขอให้Teddyพาเเวะชิมกาเเฟบาหลีซะหน่อย

ถ้าพูดถึงกาเเฟบาหลี จะไม่พูดถึงกาเเฟชะมดก็จะกระไรอยู่ กาเเฟชะมดนั้นเป็นกาเเฟที่ได้จากการให้ชะมดกินเมล็ดกาเเฟ เเล้วรอมัน"อึ"ออกมา(ออกมายังเป็นเมล็ดอยู่ครับ) เเล้วค่อยนำไปคั่ว บด เเล้วเอามาชงเป็นกาเเฟ

โดยสรรพคุณที่คอกาเเฟทั้งหลายต่างเยินยอกาเเฟชะมดไว้คือน้ำย่อยในกระเพาะ(หรือลำไส้ไม่เเน่ใจเหมือนกัน)จะทำปฏิกริยากับเมล็ดกาเเฟ ทำให้กาเเฟมีรสชาติ/กลิ่น(รวมทั้งราคา)ขั้นเทพ

พอเดินไปถึงร้าน ก็จะมีโต๊ะให้เรานั่ง ผมเห็นว่าไหนๆก็จะดื่มกาเเฟเเล้ว เลยเอาเค้ก(ที่ซื้อจากร้าน Cafe' Wayanเมื่อคืน)ติดมือมาทานด้วยซะเลย

เมื่อนั่งปุ๊ป พนักงานก็จะมาถามว่าจะรับกาเเฟชะมดที่ท่าน เพื่อนผมฟังกรรมวิธีเเล้วไม่ค่อยกล้า เลยสั่งมาเเค่3เเก้ว เเบบเอามาชิมๆให้ได้ชื่อว่า"ตรูเคยกินกาเเฟชะมดเเล้ว" นอกจากนั้นบนโต๊ะจะมีชาเเละโกโก้ชนิดต่างๆบริการฟรี ชงได้เองตามสบาย

หน้าตาของกาเเฟชะมด เเก้วละประมาณ 200กว่าบาท(ถ้าหาทานในไทยเเก้วละเป็นพันนะเออ) คุณเพื่อนของผมจิบไปจึ๋งเดียวก็วาง บอกไม่อร่อย ผมกับเพื่อนอีกคนเลยต้องเเบ่งกันคนละเเก้วครึ่ง ซึ่งกาเเฟที่นี่เค้าชงเเปลกๆคือ ชงทั้งๆที่มีกากกาเเฟตกอยู่ก้นเเก้วเต็มไปหมด คนเท่าไรก็ละลายไม่หมด ผมเลยดื่มปนๆกันไปทั้งกากซะเลย

ในความคิดผม(ซึ่งไม่ใช่กูรูกาเเฟ) ผมว่า........ไม่อร่อยอ่ะ ดีนะที่มีเค้กมากินเเกล้มเเก้ฝืดคอ ไม่งั้นคงเเย่ จะไม่กินก็เสียดาย(aka.งก) ซึ่งตอนเเรกคุยกะเพื่อนที่เเบ่งกันกินคนละ1.5เเก้วว่าคืนนี้ตาสว่างทั้งคืนเเน่ ที่ไหนได้ ขึ้นรถปุ๊ป...คร่อก!!!

หลังจากทำตัวเป็นไก่ได้พลอยได้พักใหญ่ ก็ออกเดินทางต่อ ระหว่างเดินออกก็เจอลูกโกโก้...โอ้วเพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย

สถานที่ต่อไปที่จะไปคือPura Ulun Danu Bratan ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปบนเขา ใช้เวลาเดินทางเกือบๆ1ชม. เเต่ทางไม่วกวนเหมือนขึ้นดอย คนขี้เมารถสบายใจได้

ระหว่างทางก่อนถึงBratanจะมีฟาร์มปลูกสตอเบอร์รี่เยอะมาก Teddyบอกว่าขากลับจะซื้อเลี้ยงพวกผม หึๆๆๆ เสร็จโจร

รูปถ่ายสวยมาก

วัดเเห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบBratanซึ่งเดิมเป็นปากปล่องภูเขาไฟโบราณ(อันนี้ไม่ชัวร์นะครับ) จึงอยู่ค่อนข้างสูง ชาวบาหลีจะผันน้ำจากทะเลสาบเเห่งนี้ให้ค่อยๆไหลลงมายังพื้นที่เกษตรกรรม

ขอบคุณคุณ EMBOI นะครับ นึกว่าจะต้องนั่งรีวิวคนเดียวเเบบปราศจากคนปาดเสียเเล้ว
เมื่อมีการเพาะปลูกชาวนาย่อมต้องทำพิธีบูชาเทพเจ้าเพื่อให้ผลผลิตเจริญงอกงาม(เหมือนพิธีเเรกนาของไทย) จึงได้สร้างวัดเเห่งนี้ขึ้นมา

โดยเดิมทีนั้นเริ่มสร้างจากวัดหลังเล็กสุดกลางน้ำก่อน เเล้วพอคนมากขึ้น ศรัทธามากขึ้นก็สร้างอีกหลังกลางน้ำเหมือนกัน เเล้วค่อยๆขยายมาสร้างเพิ่มบนบก

บริเวณมุมทั้ง4ของตัววัดกลางน้ำจะมีรูปปั้นกบอยู่ สาเหตุว่าทำไมต้องเป็นกบ? Teddyบอกว่ากบเป็นสัญลักษณ์เเห่งท้องนา ในเมื่อวัดนี้สร้างเพื่อใช้ประกอบพิธีเกี่ยวกับการทำนา จึงใช้กบเป็นเสมือนยามอารักขา

ตัววัดที่ตั้งอยู่กลางน้ำมีขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งต่อมาพอมีการขยายเเละต่อเติมอาคาร จึงเปลี่ยนมาสร้างบนบกริมทะเลสาบเเทน

โดยตัววัดที่อยู่กลางน้ำนั้นคนที่สามารถเข้าไปได้จะมีเฉพาะนักบวชผู้ทำพิธีเท่านั้น

วัดนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก (เล็กกว่า Taman Ayunด้วยซ้ำ)เเต่บรรยากาศดีมาก ผมใช้เวลาที่นี่นานทีเดียว มุมนั้นก็ดี มุมนี้ก็สวย เเถมอากาศยังเย็นอีก ขนาดตอนที่ผมไปเป็นตอนเที่ยงเเท้ๆ

ณ ที่เเห่งนี้Teddyต้องเหนื่อยเป็นพิเศษเพราะัเพื่อนของผมเเต่ละคนต่างอยากถ่ายรูปกันเยอะๆ Teddyจึงต้องทำหน้าที่ตากล้องจำเป็นหนักกว่าปกติ ส่วนผมชิ่งมาเดินถ่ายรูปเอารอบๆทะเลสาบ

เนื่องด้วยอากาศดี พืชพันธุ์ที่นี่จึงดูอุดมสมบูรณ์ สีสันสวยงามมากกกกก

มองไปริมฝั่งอีกด้านของทะเลสาบมีกอหญ้าสวยๆขึ้นอยู่เเน่นขนัด มีคนมาถ่ายรูป Pre Weddingกันด้วย

สำหรับสถานที่นี้ถือว่าเป็สถานที่ที่ "ต้องมา"ของบาหลีนะครับ

พอบ่ายกว่า ผมก็ต้องออกจากวัด เพราะไม่งั้นเดี๋ยวตารางที่วางไว้จะเคลื่อนหมด

ตอนเเรกว่าจะรีบเดินออกไปเลย ซึ่งทางเดินออกนั้นจะผ่านสวนเล็กๆซึ่งอยู่ติดกับลานจอดรถ

ปรากฏว่าสวนเล็กๆที่ว่านั้น มีมุมสวยๆอยู่เยอะทีเดียว จากที่ตั้งใจจะรีบจ้ำๆๆ ก้กลายเป็นอีเรื่อยเฉื่อยเเฉะ ถ่ายรูปกันอีก

ต้นไม้เขียวๆ อากาศเย็นๆ อย่างนี้จะอดใจไม่ถ่ายรูปได้ไำง

ที่บาหลีนี่อาคารเก่าๆหลายๆหลังดูตอนเเรกเฉยๆ เเต่พอถ่ายรูปออกมาพบว่า ขึ้นกล้องมากกกกก

หลังคาสีน้ำตาลตัดกับเครื่องยอดสีทองโดยมีฉากหลังเป็นทะเลสาบสีฟ้า....โอยยยยย

ในที่สุดก็บังคับตัวเองให้ออกจากที่นี่จนได้ ระยะทางตรงทางออกไม่เกิน300เมตร ผมเเละเพื่อนใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงกว่า

แวะมาชมครับ และมาตามต่อครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

รูปสวยมากค่ะ
ดูครบทุกกระทู้แล้ว ข้อมูลละเอียดดีมาก ๆ
มีแผนจะไป countdown มีแต่คนทักท้วง ฝนตก รรเต็ม ของแพง ฯลฯ
เราจะได้ส่งกระทู้คุณไปบิ๊วท์อีกรอบ 555
ไม่งั้นคงต้องฉายเดี่ยว
ขออนุญาตลอกการบ้านด้วยนะคะ

หลังจากออกจากBratan Teddyก็เเวะซื้อสตอเบอร์รี่ให้ทานตามสัญญา ซึ่งตอนซื้อเเม่ค้าดันยื่นมาให้ชิม จากเดิมที่จะให้Teddyเลี้ยงก็กลายเป็นซซื้อเพิ่มเองอีก3กล่องใหญ่ เพราะอร่อยมากกกก ลูกใหญ่ หวาน(ไม่เปรี้ยวอย่าวบ้านเรา)กรอบ เเต่เพื่อนผมบางคนไม่ชอบ เพราะว่าจืดเกิน
สตอเบอร์รี่ที่นี่ถูกมากกล่องใหญ่ประมาณ0.5 Kg.เเค่60บาทเอง กินกันเปรมเลยทีเดียว

เนื่องจากเพื่อนติดใจสตอเบอร์รี่มาก เลยขอให้Teddyเเวะซื้อเพิ่มระหว่างนั้นผมเลยวิ่งมาถ่ายรูปวัด ซึ่งถามจากTeddyได้ความว่าเป็นวัดประจำครอบครัวผู้มีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง มิน่า ถึงได้อลังการงานสร้างนัก
ตามประเพณีบาหลีนั้นเมื่อบรรพบุรุษจากไป ลูกชายจะเป็นคนทำพิธีบูชาบรรพบุรุษ ดังนั้นลูกชายจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชาวบาหลี ซึ่งเเม้เเต่Teddyเองก็เล่าให้ฟังว่าพ่อตาเขามีลูกสาวอย่างเดียว3คน จึงต้องรับหลานตัวเองมาเป็นลูกบุญธรรมเพื่อสืบต่อประเพณี ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมไม่เเต่งเขยเข้าบ้าน Teddyให้เหตุผลว่า เมื่อเเต่งเข้ามา เขยจะถูกปฏิบัติเหมือนผู้หญิงคนอื่นในบ้าน คือไม่มีสิทธิ์มีเสียง ผู้ชายจึงไม่ค่อยนิยมยอมเป็ยเขยเเต่งเข้าบ้านพ่อตา

นอกจากนี้ การจัดการกับร่างของผู้วายชนม์นั้นจะใช้การเผา โดยเมื่อมีคนจากไปครอบครัวจะทำตุ๊กตาวัวขนาดที่ตัวโหญ่มากพอที่จะใช้บริเวณลำตัวของวัวเป็นที่บรรจุศพ เเล้วจึงทำการเผาร่างพร้อมกับวัวไปพร้อมกันเลย สาเหตุที่ใช้วัวก็เพราะวัวเป็นพาหนะของพระพรหม การเผาร่างผู้ตายไปกับวัวจึงเป็นเสมือนการส่งร่างผู้เสียชีวิตให้ไปอยู่กับเทพเจ้า
เเต่เนื่องจากการเผาเเบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก หากคริอบครัวใดยังไม่มีเงินมากพอก็จะใช้วิธีการฝังร่างรอไว้จนกว่าจะพร้อมเเล้วค่อยทำพิธี

เเม้เเต่Teddyเองเขาก็บอกว่าลูกคนเเรก กะคนที่2นั้นเป็นลูกสาว มาโล่งอกตอนที่ได้คนที่3เป็นชาย ซึ่งเขาบอกว่าถ้าเป็นหญิงอีกก็คงต้องมีเพิ่ม เป็นการเเสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมเเละความเชื่อที่เเตกต่างกันไปของเเต่ละประเทศ

โอ่ย เล่าเสียยืดยาว ตัดกลับมาที่หลังจากซื้อสตอเบอร์รี่เสร็จ ผมก็มาทานอาหารกลางวันที่นี่ Saranum Eco Restaurant

ที่นี่เป็นทั้งรีสอร์ทเเละร้านอาหาร ซึ่งมีทั้งเเบบบุฟเฟต์เเละ A La Cart

สำหรับมื้อนี้ผมเลือกทานเเบบบุฟเฟต์เพราะต้องการประหยัดเวลา

รีสอร์ทจะเเยกโซนชัดเจน ถ้ามาทานอาหารจะเลี้ยวขวา ส่วนด้านซ้ายจะเป็นที่ตั้งของรีสอร์ท

เมื่อมองลงไปด้านล่างก็จะเห็นบ้านพักเเบบเป็นหลังๆ ติดกับเเปลงนาขั้นบันได

ผมเลือกนั่งริมระเบียงเพื่อที่จะได้ทานอาหารไป ชมวิวไปพร้อมๆกัน

สำหรับอาหารในไลน์ก็จะมีพวกสลัด ต้ม/ผัด/เเกง/ทอด ไปตามเรื่อง

สำหรับรสชาติ เอาเป็นว่าถ้าไม่คาดหวังอะไรมากก็ถือว่าพอทานได้ เเต่ไม่ถึงกับ โอ้โห! อร่อยจังเลย อย่างว่าเน้นวิวเป็นหลักนี่นา

ระหว่างนั่งทาน ก็ดูชาวนาใช้วัวไถนาไปพลาง ซึ่งสาเหตุที่ใช้วัว ไม่ใช่เพราะไม่เจริญ เเต่รถไถมันไต่นาขั้นบันไดม่ายด้ายยยยยยยยย

เห็นรีวิวคนที่มีทานอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะทานอาหารเเล้วกลับ เเต่ผมเห็นว่าไหนๆก็ไหนๆเเล้ว ขอนั่งรถรางลงไปชมรีสอร์ทด้านล่างซะหน่อย

ถามทางพนักงานว่าขอลงไปชมรีสอร์ทด้านล่างได้ไหม พนักงานก็ดีใจหาย พาขึ้นรถรางลงไปส่งถึงด้านล่างเลย

รูปสวยมากๆ เลยค่ะ มาขอเกาะขอบติดตาม

มาชมภาพสวยๆ ของบาหลีต่อครับ

ตามมาเที่ยวต่อค่ะ  ทริปวันนี้ขอลอกไปใช้คราวหน้ามั่งนะคะ  ปีนี้ไปน้อยวัน เที่ยวไม่ครบเลยจริง ๆ  

น่าไปจัง ขอมาปาดแล้วก็แอบเก็บข้อมูลก่อนแล้วกันนะคะ

พอผมลงมาถึงข้างล่างปรากฎว่าเงียบมากกกกก รีสอร์ทไม่มีคนเลย เเต่เรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยนี่ยังมีอยู่นะ

ที่ไม่มีเเขกน่าจะเป็นเพราะวันที่ผมไปเป็นวันจันทร์ เเละที่นี่อยู่ห่างจากสถานที่เที่ยวอื่นๆ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่นิยมมาพัก

สำหรับพวกเที่ยวเก็บเเต้ม(อย่างเช่นผม) ที่นี่คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการมาพักที่บาหลี เพราะไม่ค่อยสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่เที่ยวอื่นๆ(ยกเว้นBratan ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ใกล้ชนิดเดินไปได้อยู่ดี)

เเต่ที่น่น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ ไม่ใช่มาเที่ยว เเบบมานั่งนิ่งๆ อ่านหนังสือ ใช้ชีวิตเเบบช้าๆ ตัดขาดจากโลกภายนอก(ซึ่งไม่ใช่เเนวผมอย่างเเรง 555)

ใช้เวลาอยู่ข้างล่างพักใหญ่ นอกจากผมกับเพื่อนก็เจอเเค่ฝรัง2คนที่มาทานอาหารเเล้วลงมาเดินเล่นเหมือนพวกผมเเละชาวนา เเค่นั้นเอง ไม่มีคนอื่นอีกเลย พอได้เวลา ผมก็ขึ้นรถลางกลับไปยังด้านบนซึ่งเป็นร้านอาหาร

สำหรับใครที่อยากปลีกวิเวก ที่Seranum Ecoนับเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณานะครับ

หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังหมู่บ้านJatiluwih(จาติลูวีห์)เพื่อชมนาขั้นบันได ระหว่างทางผ่านหมู่บ้านที่จัดงานฉลองอยู่ เลยถามTeddyว่าไอ้เสาไม้ไผ่สูงๆนี่หมายถึงอะไร Teddyบอกว่าเสานี้เเทนภูเขาสูงซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพเจ้า การนำสัญลักษณ์ของภูเขามาประดับก็เปรียบเสมือนการทำให้หมู่บ้านตนเข้าใกล้เทพเจ้ามากขึ้น

ส่วนธงขาวเเดงนั้นเป็นธงชาติของอินโด ซึ่งช่วงที่ผมไปเป็นช่วงหลังวันชาติไม่นาน สถานที่ต่างๆจึงยังคงประดับประดาธงเหล่านี้เพื่อเฉลิมฉลองอยู่

จากSeranum มายังJatiluwihใช้เวลาเกือบๆ45นาที พอมาถึงภาพที่เห็นก็คือเวิ้งนาขั้นบันได้สุดสายตา

มองไปลิบๆจะมีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ท่ามกลางนาข้าว

ถามว่านาที่นี่สวยไหม? ก็สวยนะ ใหญ่ไหม? ใหญ่มากกกเเต่ในความคิดผมไม่คุ้มกับที่เดินทางมาอ่ะ เหมือนตำเเหน่ง stepขั้นบันได ต้นไม้ที่ขึ้นมันเกะกะๆ สวยสู่ที่Tegallalamgไม่ได้(ย้ำ!ความเห็นส่วนตัว)

ที่Tegallalang ถึงเเม้ขนาดจะเล็กกว่านี้(มาก) เเต่compositionสวยกว่าเยอะ

บาหลีสวยมากกกกก  ตามไปเที่ยวด้วยครับ

ผมใช้เวลากับที่เเห่งนี้ไม่นาน ก็ออกเดินทางต่อไปยังTanalot ซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร นั่งรถชั่วโมงกว่า เเต่ระหว่างทางก็ได้คุยกับTeddyเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆทั้งของไทยเเละบาหลี จึงทำให้รู้สึกว่าใช้เวลาไม่นานนัก

พอมาถึงTanalot Teddyเห็นร้านขายทุเรียนเลยซื้อเลี้ยงพวกผม เเต่ผมไม่กินทุเรียน หน้าที่กินจึงตกเป็นของเพื่อนๆเเทน ซึ่งเพื่อนให้ความเห็นว่าทุเรียนไทยเเหล่มกว่ายิ่งนัก

ผมมาถึงTanalotประมาณ 4โมงเย็น เเดดยังเเรงอยู่เลยอ่า Teddyบอกว่าพระอาทิตย์จะตกตอนประมาณ 18.30

ที่นี่คลื่นเเรงมากกกกกกกกกกกกก

อาณาบริเวณของTanalotค่อนข้างกว้าง ประกอบด้วยเวิ้งหาดทรายเเละหน้าผา3-4เวิ้ง เเต่เนื่องจากเเดดเเรง ผมจึงเลือกเดินไปยังTanalot ซึ่งอยู่ใกล้สุดก่อน

Tanalotนั้นเป็นวิหารที่มีน้ำผุดขึ้นมาบริเวณถ้ำด้านล่าง ซึ่งน้ำที่ผุดขึ้นมาเป็นน้ำจืด ชาวบาหลีเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ผมไปเป็นช่วงน้ำลงพอดี จึงสามารถเดือนไปยังจุดที่เป็นน้ำผุดขึ้นมาได้ ซึ่งณจุดนั้นจะมีคนคอยทำพิธีให้ โดยให้เราเอามือไปรองรับน้ำที่ผุดขึ้นมา(เขาปั้นเป็นรูปงู3หัวมีน้ำไหลออกมาจากปาก)มาเเตะหน้าผาก เเล้วเจ้าหน้าที่จะเจิมเเป้งเเละทัดดอกไม้ให้

พอเสร็จพิธีก็บริจาคเงิน ซึ่งถึงเเม้ไม่บังคับ นักท่องเที่ยวทุกคนก็ยินดีจ่ายส่วนผม ได้สร้างชื่อเสียงให้ไทยด้วยการบริจากไป2000รูเปียะห์ ซึ่งตอนเเรกไม่ได้คิดอะไร แต่พอคิดไปคิดมา มันเเค่7บาทกว่านี่หว่า...มิน่ามองตรูเป็นตาเดียวกันเลย(คงนึกในใจไอ้นี่โคตรงก)...

ตรงTanalot จะมีคนมาเล่นว่าวหลายคน(คือขายด้วยน่ะเเหละ) มีว่าวสวยๆหลายเเบบเลย

พอเดินเล่นเเถวนั้นเสร็จ ก็ได้เวลาสำรวจบริเวณอื่นรอบๆ เเต่เเดดก็ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงเลย

ระหว่างเดินย้อนกลับมาก็เจอคนกำลังเปลี่ยนหลังคาอยู่ อืมมมม ทำเเบบนี้นี่เอง

มองTanalot จากมุมไกลๆก็จะเห็นเเบบนี้ ภาพที่หลายๆคนคงคุ้นเคยดี

ที่Tanalotนั้นก็เป็นอีก1ที่ที่มีร้านค้าเยอะมากกกกกก พอผมชวนเพื่อนเดินต่อไปเรื่อยๆ ทุกคนก็ส่ายหน้า ขอไปชอปดีกว่า ว่าเเล้วเลยนัดกันว่าไว้18.00ค่อยมาเจอกันเพื่อชมพระอาทิตย์ตก ใครอยากชอปก้เเยกไปได้

ผลคือ....เหลือผมคนเดียวที่เลือกเดินชมรอบๆTanalot ที่เหลือไปชอปกันหมดเลยT_T

เดินคนเดียวก็ได้ฟระ!

ใกล้ๆกันกับTanah Lot จะเป็นที่ตั้งของ Pura Batu Balong ซึ่งผมชอบวัดนี้มากกว่านะ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกตรงนี้ผมว่าสวยกว่าด้วย

เราสามารถเดินไปถึงประตูวัดได้เลย เเต่ตรงทางเดินอาจจะน่าเสียวไปนิดเพราะไม่มีอะไรกั้นเลย

มองเลยจากPura Batu Balong ไปจะเห็นร้านอาหารตั้งอยู่ริมผา วิวสวยเชียว ต้องไปสำรวจสักหน่อย

ร้านน่านั่งมาก บรรยากาศดี เเต่น่าเเปลกที่มีเเขกน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

เดินไปเดินมาสักพักใหญ่ๆ เเดดก็ค่อยๆอ่อนเเรงลง

จากเเสงเเดดสีขาวๆก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนๆ

ผมจึงเดินกลับไปหน้าTanah Lot เพื่อรอเพื่อนที่จุดนัดพบ ปรากฎทุกคนยัง-ไม่-มา

เอาไงดีหว่าตรู ....พระอาทิตย์ใกล้ตกเเล้ว

เลยเวลานัดไป15นาที พวกท่านจึงค่อยปรากฎตัว โชคดีที่พระอาทิตย์ยังอ้อยอิ่ง ไม่ยอมตก

จากที่ตระเวณดูเเล้วผมว่าPura Batu Balong เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการชมพระอาทิตย์ตก จึงลากเพื่อนไปที่นี่กัน

ว่าเเล้วก็ปักหลักรอชมพระอาทิตย์ตก

น่าเสียดายที่เมฆเยอะ เลยอดเห็นไข่เเดงจมน้ำ

ถึงไม่เห็นไข่เเดง เเต่บรรยากาศก็น่าประทับใจมากทีเดียวครับ

หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังที่พัก ซึ่งในคืนนี้ผมเลือกพักที่The Oasis Kuta อยู่ในตัวเมืองKuta หลังจากcheck-in เสร็จก็ไปทานอาหารเย็นที่ร้าน Made's Warung ซึ่งเป็นร้านขึ้นชื่อของที่นี่ รสชาติเเละราคาก้ไม่เป็นที่น่าผิดหวังสมชื่อเค้า น่าเสียดายที่กล้องเเบตหมด เลยไม่มีรูปมาฝากครับ

ถึงเเม้วันนี้จะดื่มกาเเฟไปเยอะ เเต่พอหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยเลย

ตื่นเช้ามาก็ขอสำรวจโรงเเรมเสียหน่อย ว่าเป็นยังไง

โรงเเรมนี้สวยดี เเต่สระน้ำไม่ค่อยสะอาด ห้องเก่า เเละพนักงานบริการไม่ค่อยดีเท่าไร ใครสนใจก็ลงชั่งน้ำหนักดูละกันนะครับ

ไว้เดี๋ยวผมจะรีวิวThe Oasis Kuta เเยกไว้ให้อีกกระทู้เป็นข้อมูลดูนะครับ

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็ออกเดินทาง โดยวันนี้ผมมีโปรเเกรมเเค่ที่เดียวคือ Uluwatu ซึ่ง Teddyบอกว่าให้ออกเช้าหน่อยเพราะกลัวรถติด เเล้วไปสนามบินไม่ทัน 10.00 น ผมจึงออกจากโรงเเรมตั้งเเต่7.30

จาก Kuta ไปถึง Uluwatuใชเวลาไม่ถึงชั่วโมงดี อาจเป็นเพราะรถไม่ติด พอไปถึงพบว่า ไม่มีคนเลย เจอเเต่เจ้านี่

ตรงทางเข้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการโสร่งเเละผ้าผูกเอวสำหรับคนที่นุ่งสั้น พอเเต่งองค์เสร็จก็เดินเข้ามา ภาพที่เห็นคือหน้าผาสูงเเละมหาสมุทรอินเดีย

น้ำทะเลที่นี่สีสวยดี...เเต่ถ้าเทียบกะหลีเป๊ะ เราเเหล่มกว่าเยอะ

ณ ปลายของหน้าผาเป็นสถานที่ตั้งของวัด ทำเลดีเชียว

บริเวณริมผาจะมีทางเดินให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเลาะไปได้ เเต่ผมไม่ได้เดิน เพราะกลัวเสียเวลา

มองไปไกลๆจะเห็นเวิ้งผาหลายๆเวิ้ง

มองไปด้านล่างจะเห็นร่องรอยของหินที่ถูกเเรงคลื่นกัดเซาะ

ผมอยู่ที่ Uluwatu ประมาณ 40นาที ก้กลับ ก่อนถึงสนามบินเห็นว่ามีเวลาเหลือนนิดหน่อย เลยเเวะซื้อของฝากที่ร้านกฤษณาใกล้ๆกับสนามบิน

ร้านนี้เป็นร้านขายของฝากมีเเทบทุกอย่าง (อารมณ์ประมาณศูนย์ OTOP)ราคาถูก ไม่ต้องต่อ ใครไม่มีเวลาเเวะซื้อของฝากที่นี่ที่เดียวก็ได้

หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังสนามบินซึ่งอยู่ห่างจากร้านไปประมาณ5นาที ก่อนถึงทางเข้าจะเห็นรูปปั้นนี้

ถึงสนามบินขาออก ก็มีDuty Freeเล็กๆให้ชอปกันเเบบพอหอมปากหอมคอ

ว่าเเล้วก็ต้องกล่าวคำอำลาTeddy-Bali หวังว่าคงได้กลับมาใหม่
ขอเล่านิดนึง วันสุดท้ายเนื่องจากไม่ด้ตกลงราคากับTeddy จึงถามว่าเค้าจะคิดเท่าไหร่ Teddyคิด150000รูเปียะห์ ผมก็บอกไม่ได้หรอกกก(คือเเบบว่าจะให้เพิ่มหน่ะ ปรากฏTeddyเข้าใจผิดเลยลดให้เหลือ1เเสน เเต่ท้ายที่สุดเเล้วผมให้ไป3.5เเสนบวกทิปอีก6เเสน เพราะเค้าบริการดีจริง อะไรจริง เพื่อนๆปลื้ม)

ใช้เวลาบิน4.15 ชม ผมก้กลับมาถึงไทย พร้อมความประทับใจกับเกาะเล็กๆเเห่งนี้.....บาหลี เป็นการจบทริปBaliของผมครับ
ปล.เเต่เดียวจะมีรีวิวโรงเเรมทั้ง2เเห่งแบบสั้นๆให้นะครับ สำหรับกระทู้นี้ สวัสดีครับ :)

สวยงามมากค่ะ มาตอนจบพอดี

ตามมาเที่ยวต่อครับ รีวิวอ่านเพลินมาก รูปประกอบก็สวยทุกใบเลยครับ
ปีหน้าคงได้เจอกันครับทั้ง บาหลี และ คุณ Teddy ^^

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ทริปแบบทัวร์เลยค่ะ เพราะของเราก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน 555
ทั้งทริปชอบโปรแกรมวันนี้มากสุดแล้วค่ะ (หมายถึงทริปเราเองนะ)
พักที่โอเอซิสเหมือนกัน ทานอาหารเป็นร้านเดียวกันด้วย^^

ชอบมากครับ  ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเลนส์ ได้งดงามน่าติดตามจริงๆครับ
ขอบคุณครับ

มาเที่ยวต่อค่ะ  ชมรูปสวยๆเพลินเลย ชอบมากขอบคุณนะคะ

เล่าเรื่องได้น่าติดตามมากๆ เข้ามาแอบดูข้อมูลจะไปต้น ตค นี้แล้วค่ะ

อ่านรีวิวห้องพักที่ Tegal Sari Accommodations ได้ที่นี่ครับ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11013876/E11013876.html

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ

รบกวนถามหลายเรื่องเลยว่าจาก tanalot กลับมาพักที่ kuta ไกลไหมคะใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมง
2.ค่าเช่ารถพร้อมเท็ดดี้ วันละเท่าไหร่ รวมน้ำมันยังคะ

ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล  ละเอียดยิบๆๆๆๆ