สวัสดีค่ะอยากมาเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวคนเดียวของสาวสวยวัยงาม
อันเนื่องมาจากวันเสาร์เกิดเซ็งเบื่อขึ้นมาอยากไปกินซูชิปลาแซลมอล อยากเห็นฝรั่ง อยากดูชะนี อยากเห็นหอย เห็นปลา อยากไปย่านเก่าๆ อยากดูโชว์เด็ดๆ
ซึ่งสถานที่ที่น่าจะเป็นคำตอบที่ใกล้สุดที่ก็คือภูเก็ต(บ้านคือ ต.สิชล จ.นครศรีธรรมราช) โปรดทำใจในการอ่านนิดนึงนะคะเพราะว่าอิชั้นชอบเวิ่นไปเรื่อย มันจะยาวมากกก
อิชั้นเฮี้ยนเต็มที่เลยลุกขึ้นจัดกระเป๋า แล้วเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ก้อปปี้เพลสลงกระดาษแล้วปริ้นท์ออกมาได้สองหน้า จองตั๋วภูเก็ตแฟนตาซี ที่ ทัวร์คนภูเก็จ ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อได้โดยบังเอิญ ประมาณว่าจิ้มๆหน้าเพจเจอในตอนเย็นวันเสาร์ที่นึกอยากจะไปเลยกระนั้นเชียว
อันสิชลนั้นอยู่ตรงกลางระหว่าง ตัวจ.นครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อเล็งๆดูแล้ววันอาทิตย์จึงตัดสินใจขึ้นรถเมล์บขส.จากตลาดสิชลไปขึ้นรถตู้ที่ จ.สุราษฏร์ธานี ใช้เวลา1 ชั่วโมง ค่ารถเมล์ไปสุราษฏร์ 50บาท
ต่อด้วยขึ้นรถตู้ที่ถูกหลอกไปจ่าย350 T^T ทั้งที่ความจริงถ้าเดินไปอีกนิด(นิดทางไหนอันนี้ก็ไม่ทราบ น้องนายหัวเขาบอกระหว่างทาง)ก็จะมี รถตู้ราคา200 ทั้งที่ศึกษามาแล้วแต่อารามคิดว่าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอาจจะไม่อัพเดท
ทั้งยังรีบเร่งอยากไปเร็วๆเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรไม่คาดคิดขึ้นอีกเพราะไม่เคยไปเที่ยวภูเก็ตแบบไปเองเลย ที่เคยไปก็หลายปีมาแล้วมีคนขับพาไปโน่นนี่ตลอดล้วนแล้วแต่เลียบทะเล คราวนี้จะซิตี้ทัวร์ จึงคิดเอาง่ายเข้าว่าเลยหยวนๆรู้ว่าเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก(หน้าตาออกแนวสวยใสไร้สติค่ะ หลอกง่าย ไร้ปากเสียงว่างั้น -_-")
ในความไม่ดีไม่งามก็ยังพอมีความสวยงามอยู่เพราะว่าผู้ที่ร่วมชะตากรรมกับอิชั้นล้วนแล้วแต่เป็นฝรั่งตาน้ำข้าว และ ชาวเอเซียที่มาจากประเทศจีน จำนวนรวมแล้ว11 คน จีน4 ฝรั่ง6 ไทย1
รถกลางใหม่กลางเก่าที่ค่อนข้างเก่าชนิดที่ว่าถ้าจะเดินเฉียดรถให้ระวังมิเช่นนั้นอาจจะต้องไปฉีดยากันบาดทะยักได้ คับแคบเล็กกว่ารถตู้รุ่นใหม่ แอร์ก็พ่นลมอุ่นๆ ฝรั่งตัวโตเบียดกัน อิชั้นเลือกนั่งหลังสุดในตอนแรกเพราะเห็นว่ามีชาวเอเชียหัวดำๆนั่งอยู่ และหญิงไทยใจหาญอย่างอิชั้นยังมีเชื้อของความกลัวฝรั่งอยู่บ้างที่ติดมาทางสายเลือดแต่ปางบรรพ์
ทว่ากลัวอย่างไรกลับได้เยี่ยงนั้นเมื่อจู่ๆพ่อยอดขมองอิ่มผมทองคนหนึ่งกลับค้อมตัวแทบหักครึ่งมานั่งเบียดแนบชิดกับอิชั้น ด้วยความเป็นหญิงจึงมิกล้ามองแม้แต่เสี้ยวขนตาเขาได้แต่นั่งเกร็ง
ได้ยินฝรั่งผู้หญิงที่มาด้วยกันถามพ่อผมทองของอิชั้นว่าจะเปลี่ยนที่นั่งไหม
พ่อฝรั่งคนดีก็ปฏิเสธ เอาแล้วโว้ยยย เมืองไทยจะขาดดุลเสียหญิงงามไปให้เมืองฝรั่งไหม ว๊ายยลุ้นๆ แอร่ะ ที่ไหนได้-_-" พ่อยอดขมองอิ่มพริ้มเพราไม่แม้แต่จะเหลือบมองมา ได้แต่นั่งแขนชนแขนขาชนขากันไปสักพัก
พอรถแล่นมารับฝรั่งอีกกรุ๊ป นายหัว(คนขับรถ)ก็ตะโกนถาม
"พี๋คนไทยอีมานั่งข้างหน้าม๊ายย ข้างหลังหมันหฟัด"(แปลว่า พี่คนไทยครับจะมานั่งข้างหน้าไหมครับ ข้างหลังมันสะเทือนนะครับ)
อิชั้นตกใจกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนที่นั่งเอาฝรั่งข้างหน้ามานั่งข้างหลังแทนที่อิชั้น สงสารพ่อคุณแต่ละคนตัวอย่างกับตึก ขืนให้มานั่งเบียดข้างหลังอีกมีหวังได้เห็นฝรั่งเป็นลมแน่ๆ จึงปฏิเสธไปว่า ม๊ายปรืออ (แปลว่า ไม่เป็นไรค่ะ อิชั้นนั่งได้)
ก็นั่งกันไปแบบหัวสั่นหัวคลอนได้ 2ชม. อิชั้นก็เห็นว่าข้างๆคนขับเป็นที่นั่งว่างๆ เอ๊ะ ว่างงงง ว้าวววว ที่นั่งว่าง หรือว่าที่น้องนายหัวเขาชวนหมายถึงให้ไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ว่าแล้วเมื่อมีการพักกลางทาง15นาทีจึงไปเจรจา ก็พบว่า แท้จริงแล้วน้องนายหัวต้องการให้อิชั้นมานั่งข้างๆเขามิได้จะขอแลกเปลี่ยนที่นั่งให้ฝรั่งมานั่งเบียดข้างหลังแต่อย่างใด อิชั้นจึงยินยอม
น้องนายหัวบอกว่า นึกว่าพี่ถูกใจฝรั่งคนนั้น อิชั้นก็แอบมองขณะที่รับประทานข้าว เออเว้ย หล่อมาก ขบเผาะกำลังดี หน้าตาออกแนวโซนสแกนดิเนเวียนิดๆ แต่ก็ย้ายมานั่งข้างน้องนายหัวเพราะอยากให้พ่อผมทองได้นั่งสบายๆไม่ต้องเบียดกันมากนัก ครั้นรถจะแล่นไป น้องฝรั่งผู้หญิงก็ตะโกนมาว่า ขาด1คน เป็นภาษาไทย สำเนียงน่ารักเชียว
อิชั้นก็เหวอเล็กน้อยเพราะอนุมานได้ว่าน้องเขาน่าจะเข้าใจผิดว่าอิชั้นยังไม่ขึ้นรถ เลยหันขวับไปมอง ก็เห็นพ่อผมทองของอิชั้นชี้ไปยังข้างตัวเขาซึ่งเคยเป็นที่นั่งของอิชั้นพร้อมทำหน้าตาเลิกลั่กตกใจ ประหนึ่งว่ามายเดียร์ของผมยังไม่ขึ้นรถ นั่นไงคนสวยว่าแล้ว ก็เลยหันไปยิ้มสยามให้และบอกว่า ไอแอมเฮี้ยยย hahaha ฝรั่งจีนไทยประสานหัวเราะกันขำขัน
ก็ยังคิดเอาเนาะถึงเริ่มต้นไม่ค่อยเจิดเท่าไหร่ เพราะถูกคนไทยด้วยกันหลอกฟันเงิน แต่คนต่างชาติที่ร่วมทางกันในระยะสั้นๆก็น่ารักน่าเอ็นดู เอาใจใส่เราขนาดนี้ก็นับเป็นเรื่องดีที่ได้พบเจอ ถ้าไม่ถูกหลอกให้ขึ้นรถคันนี้คงไม่ได้มาเจอเหตุการณ์น่ารักๆแบบนี้เนาะ
ก็เดินทางไปอีก2ชม. จึงถึงจ.ภูเก็ต ให้น้องนายหัวจอดให้ลงตรงอนุสาวรีย์ ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร หรือท่านผู้หญิงจัน และคุณมุก แล้วก็ข้ามถนนไปแชะเสียหน่อยว่า อิชั้นมาถึงภูเก็ตแล้วนะจ๊ะ
ปล. เป็นคนที่ถ่ายรูปไม่เป็นเลยกล้องดิจิตอลที่ใช้อยู่ก็เก่าเต็มที เรียกได้ว่ากดชัตเตอร์เป็นอย่างเดียว(กล้อง โกดัก M883 )และไม่ค่อยมีหัวทางด้านถ่ายรูปเท่าไหร่นะคะ^^" โปรดทำใจในการรับชมภาพ
วัวพ่อแม่ลูกทางเข้าไปพิพิธภัณฑ์ค่ะ
จากนั้นก็เดินไปราว150เมตร เข้าไปทางซ้ายมือซึ่งเป็นทางไปท่าเรือบางโรง เพื่อไปสู่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติถลางซึ่งต้องข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่ง ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สำหรับคนไทย20บาทถ้วน
และเราจะมาเข้าโหมดวิชาการกันเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะภายในพิพิธภัณฑ์ไม่สามารถถ่ายรูปได้จึงขอเล่าให้อ่านล่ะกันค่ะ เมื่อเข้าไปก็จะพบบอร์ดประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ พวกภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ตามที่ต่างๆ มีโชว์พวกลูกปัดดิน กำไลสัมฤทธิ์
ว่ายาวไปถึงสมัยทวารวดี สมัยที่ภูเก็ตมีชื่อเรียก junkceylon จังซีลอน แล้วเพี้ยนกร่อนภาษากันมาเรื่อยจนเป็นถลาง และต่อมาก็ภูเก็จ ที่แปลว่า ภูเขาเกล็ดแก้ว แล้วจึงมาเป็นภูเก็ตอย่างทุกวันนี้ ร่ายมาถึงสมัยสุโขทัย อยุธยา ที่มีพระยาถลาง เป็นเจ้าเมืองถลางหรือภูเก็ต ด้วยความที่ดีบุกเป็นสินแร่ที่มีค่าจึงมีการทำสัญญากันกับฝรั่ง เรื่องการผูกขาดทำเหมืองดีบุก และภาษีต่างๆมากมายหลายสิ่ง
จวบจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ที่มีการปรับเปลี่ยนการปกครอง ด้วยเหตุผลทางการบ้านการเมืองในสมัย ร.4-ร.5 ที่เกิดกบฏอั้งยี่จนทำให้ต้องแต่งตั้งผู้ที่อั้งยี่ยกย่องเป็นคนของทางการ นั่นก็คือ หลวงบำรุงจีนประเทศ ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกรอบตอนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไทยหัวค่ะ
มาเล่าต่อว่าในพิพิธภัณฑ์ถลางมีอะไรอีกบ้าง เมื่อเข้าไปข้างในก็จะพบหินชนิดต่างๆ วางเรียงรายสองข้าง ตรงกลางก็ก็จะมีพวกปูนปั้น แผ่นศิลา ลูกปัด ต่างๆที่มีอายุ2000-2500กว่าปีมาแล้วจัดแสดง พวกลูกปัดที่มีการแกะสลักด้วยน้ำยาพิเศษเป็นรูปบุคคล อิทธิพลของโรมันก็สามารถหาพบได้ที่นี่ค่ะ นอกจากนี้ยังมีแผ่นศิลาฤกษ์ น่าจะใช่นะ เป็นอักษรปัลลวะ ภาษาทมิฬ แสดงอิทธิพลของอินเดียที่เข้ามาสู่คาบสมุทรอินโดจีน พูดถึงการรวมตัวของพ่อค้าอินเดียสร้างบ่อน้ำ
มีกลองมโหระทึกสัมฤทธิ์พร้อมวิธีสร้างให้ดูให้อ่านด้วยค่ะ น่าสนใจมากเพราะมีการใช้ขี้ผึ้งในการทำประกอบกับไม้ไผ่สาน มีการเคลือบสารด้วยน้ำมูลวัว ดินเหนียวกรองด้วยตะแกรง ทาแล้วรอให้แห้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วมาต่อด้วยน้ำมูลวัวผสมทรายละเอียดอีกรอบ แยกชิ้นกันหลอม มีท่อระบายขี้ผึ้งออกตอนเทสัมฤทธิ์ลงไป อ่านแล้วทึ่งกับภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนจริงๆค่ะ กลองนี้สันนิฐานกันว่าเป็นเครื่องมือบอกยศศักดิ์ฐานะ ประมาณเครื่องประกอบยศค่ะ
รูปหินทรายแกะสลักของพระนารายณ์และเทพบริวาร ไปเรื่อยจนถึงการพูดถึงการทำเหมืองแร่อีกนิดหน่อย ต่อจากนั้นก็กล่าวถึงชนชาติที่เข้ามาในภูเก็ตซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนจากไกลโพ้นทะเล ที่มามีสัมพันธ์กับสาวไทย จนกำเนิดลูกครึ่งที่เรียกว่า บาบ๋า เรียกรวมกันไปหมดทั้งลูกครึ่งหญิงและชาย
มีห้องจำลองชีวิตชาวบ้านในสมัย ปลายรัชกาลที่5 ที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนที่มาเผชิญโชคจนได้เป็นนายหัวในสมัยนั้นค่ะ เช่น อ๋องบุ้นเทียม พ่อตาของพระพิทักษ์ชินประชา ต้นตระกูลตัณฑวณิช ซึ่งเป็นร้านแลกเปลี่ยนเงินตราในสมัยนั้นโดยใช้ลูกคิดในการคิดอัตราเงินต่างๆ รวมไปถึงเครื่องแต่งกายต่างๆ พวกผ้านุ่ง ยันเครื่องประดับ และรองเท้า โชว์ เสื้อในสมัยต่างๆซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างจีนและอิสลาม รวมไปถึง การนำผ้าลูกไม้ของฝรั่งมาใช้ในงานเสื้อผ้าในยุคต่างๆของภูเก็ตค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือการทำเหมือง กล้องยาสูบ ที่เอาไว้สูบฝิ่นจัดแสดงให้ดูด้วย และอาวุธต่างๆทั้งปืนหลากหลายชนิด ดาบ ทวน หอก ดาบญี่ปุ่น ดาบพร้า เยอะแยะมากมายหลายสิ่ง
จากนั้นก็มาดูด้านนอกมีจำลองบ้านในสมัยก่อนมาให้ดูกันด้วยค่ะ รวมทั้งพวกเรือขุดเรือโบราณ
ก็จบการไปพิพิธภัณฑ์ถลางเพียงแค่นี้
จากนั้นอิชั้นก็เดินออกมาเลียบฝั่งถนนไปทางป้อมตำรวจ รอรถสองแถว สาย ภูเก็ต สารสินที่จะผ่านเข้าเมือง ค่ารถสองแถวสีฟ้าน้ำเงินก็20-30 บาท แล้วแต่ระยะทางอิชั้นจ่ายไป30ค่ะเพราะเข้าไปจอดถึงบริเวณคิวรถสองแถว ซึ่งจะใกล้แหล่งที่พักเมืองเก่าที่อิชั้นเล็งไว้ นั่นคือเกสเฮ้าส์แถบนั้น
ในเมืองภูเก็ตมีรถหลายชนิด ในกรณีที่มีหญิงงามไปหมดที่ขับรถไม่เป็นอย่างอิชั้นได้อาศัย รถสองแถว สีฟ้าสีน้ำเงินจะวิ่งในช่วงเวลาราวๆ7.30 ถึง18.00 แต่ละสายก็มีเวลาไม่แน่นอนต่างกัน ถ้าจะไปเยี่ยงอิชั้นนี้ก็ต้องพยายามกลับให้ถึงที่พักก่อนเวลาสี่โมงเย็นเป็นอันดีที่สุดแล้วเอาเวลาที่เหลือเดินเที่ยวรอบย่านเมืองเก่าได้จนมืดค่ำกันไปเลย
มีรถโพท้อง สีชมพู 10บาท ตลอดสาย จะเป็นรถคันใหญ่สักหน่อย มีหลายสาย แต่ละสายก็วิ่งเกือบๆรอบเมือง และมีตั้งแต่เช้ายันสามทุ่มเลยค่ะ
รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อันนี้จะแพงต้องพยายามต่อราคาไว้นะคะ กับรถตุ๊กๆสองแถวที่เป็นสีเหลืองกับสีแดง อันนี้ก็ต้องต่อรองราคาค่ะ เพราะเขาจะชาร์ตเยอะเกินจริงไว้เสมอ ถ้าไปคนเดียวไม่คุ้ม แต่ถ้าไปเป็นแก้งค์แนะนำเลยค่ะ เพราะถ้ารอรถสองแถวสีน้ำเงินอย่างอิชั้นจะหวาดหวั่นพรั่นพรึงมากค่ะว่าจะมาเมื่อไหร่ จะตกรถไหมหนอ ลุ้นจนปวดติ่งปวดตับ บางสายเช่นสาย ราไวย์ เขาจะวิ่งชนิดเต่าเรียกทวดในระยะต้นๆ แล้วจะกลายเป็นม้าลาวิ่งเหยาะๆในระยะกลางยันถึงจุดหมาย
ถ้าใครขับรถมอเตอร์ไซค์เป็นก็สามารถเช่าได้ค่ะ รายวันราวๆ150-200บาทประหยัดและสะดวกเข้าไปอีก
ลวดลายตึกย่านเมืองเก่า
เมื่อถึงคิวรถ อิชั้นก็เริ่มเปิดแผนที่แล้วเดินเลียบไปในถนนเยาวราช กลางถนนเยาวราชก็จะถึงสี่แยก ซ้ายจะเป็นถนนกระบี่เป็นทางไปพิพิธภัณฑ์ไทยหัว แต่ที่อิชั้นจะไปคือถนนถลางจึงต้องเลี้ยวขวาที่สี่แยก เดินหาที่พักไปเรื่อยๆก็เจอค่ะ ที่พักแรกเริ่มที่จะพักดันมีห้องพักน้อย แล้วกลอนก็ล็อกไม่ได้ วุ้ย สาวงามหน้าตาเป็นอาวุธอย่างอิชั้นหรือจะกล้าพัก ก็ต้องย้ายไปที่ไม่ห่างกันนัก สนนราคาก็350-450 พักหลายวันมีลดให้อีกต่างหาก สถานที่พึ่งพิงสุดท้ายของอิชั้นคือ ถลางเกสเฮ้าส์
อิชั้นลงพัก3วัน เป็นห้องแอร์ มีน้ำอุ่น ไม่มีโทรทัศน์ มีตู้เสื้อผ้า มีwifi ให้ใช้ฟรีแต่ต้องเอาโน้ตบุ้คไปเองนะคะ โต๊ะเครื่องแป้งและเตียงขนาดคิงไซส์ พื้นและเพดานเป็นไม้ค่ะ สะอาดพอใช้สบายพอควร มีอาหารเช้าให้ระหว่าง7-10โมงเช้า เป็นชาหรือกาแฟ ขนมปัง เนย แยม และกล้วยหอม มีกลอนใหญ่เป้งเป็นที่พอใจของอิชั้นเป็นยิ่งนัก
พอเช็คอินเสร็จก็เริ่มลงไปเดินเที่ยวย่านเมืองเก่ากันเลยค่ะ เมื่อเดินจากที่พักไม่เท่าไหร่จะเห็นซอยรมณีย์ที่ได้ยินมาว่าเป็นซอยที่เคยมีหญิงค้าบริการในสมัยร้อยปีก่อนโน้น ตัวตึกก็สวยงามตามท้องเรื่อง เข้าไปด้านในก็เป็นลักษณะเดียวกันน่ามองน่าชมมากค่ะ ระหว่างทางก็แวะดูลวดลายสลักกันไปบ้าง ถนนถลางนี่ส่วนใหญ่แล้วจะเดินสายไฟไปตามผนังบ้านเรือนค่ะเลยไม่เกะกะขวางตาอย่างถนนสายอื่นๆในแถบนี้
จากคุณ : จอมนางเดินจนเมื่อยก็แวะกลับมานั่งพักที่เกสเฮ้าต์ รอรถตู้จากภูเก็ตแฟนตาซีมารับในเวลา 5โมงเย็นกว่าๆ ออฟชั่นครบครัน ทั้งดูโชว์อลังการ รถรับส่งที่หรูหราแอร์เย็นฉ่ำและบุพเฟต์นานาชาติที่เลิศรส สนนราคา เพียงแค่1500
ก่อนการแสดงก็มีซุ้มต่างๆให้ไปเดินดูของไปเล่นเกมส์ กิจกรรมขี่ช้าง แต่งชุดไทยถ่ายรูป และมีเวทีแสดงกลางแจ้งด้วยค่ะ ฆ่าเวลาเข้าไปดูโชว์ใหญ่
โชว์ใหญ่จะเป็นในลักษณะการเล่าเรื่องการกำเนิดของเมืองแฟนตาซี เจ้าชายกมลาตามหาหญิงงามที่ถูกพวกอธรรมจับตัวไป หนุกพอใช้ค่ะ แต่ที่ชอบมากๆคือ ตอนไก่ตัวอ้วนๆขาวๆฝูงใหญ่ราวสิบกว่าตัววิ่งดุ๊กๆๆจากฟากเวทีหนึ่งไปอีกฟากเวทีหนึ่ง ฝึกกันเก่งจริงๆ ไหนจะแพะอีก เรียงกันมาเป็นแถว แล้วก็มีกายกรรมบนกบาล เอ๊ย บนเพดานให้ต้องแหงนหน้าขึ้นมองและลุ้นด้วยความหวาดเสียว และที่เด็ดมากคือช้างค่ะน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ กว่าการแสดงจะจบและกลับถึงที่พักก็เกือบเที่ยงคืนกันเลยทีเดียว
ถ่ายระหว่างรถแล่นไปภูเก็ตแฟนตาซี อ่าวกมลา
จากคุณ : จอมนางตั๋วที่เอาโค้ดไปรับมา แถวยาวมากค่ะส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
จากคุณ : จอมนางขี่ช้างกันได้ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดราคา40บาท
จากคุณ : จอมนางไปกินบุพเฟต์ร้านนี้ค่ะ ได้กินซูชิแซลมอลสมใจอยากไม่ต้องไปที่อื่นแล้ววว
จากคุณ : จอมนางถึงเวลาเขาจะตีฆ้องร้องเป่า เป็นหลายภาษาให้เข้าไปชมการแสดงในนี้ค่ะ
จากคุณ : จอมนางเช้าวันต่อมาก็นั่งรถสองแถวสีน้ำเงินไปยังแหลมพันวา เพื่อไปดูปลาที่ภูเก็ตอควาเรียมค่าเข้า 50 บาท มีทั้งปลาไทยปลาเทศ หอย กุ้ง แมงกะพรุน ปะการังประดามี ปลาน้ำจืดปลาน้ำเค็ม ปลาน้ำกร่อย สัตว์ทะเลลึกหน้าตาประหลาดๆ และโดมปลาที่สามารถเดินลอดเห็นท้องปลาเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์O_O(อันนี้ล้อเล่น แหะๆ)
จากคุณ : จอมนางถ่ายได้แต่พวกนิ่งๆ พวกที่ว่ายไปว่ายมา อิชั้นไม่สามารถ T^T
จากคุณ : จอมนางจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว ตามไปด้วยคนนะ
จากคุณ : รักคนห้องนี้ใกล้กันนั้นมีท่าเรือไม่ทราบว่าท่าเรืออะไรและเห็นเรือหางยาวจอดทอดสมออยู่ริมทะเลที่แหลมพันวาค่ะ ริมทะเลสามารถเดินทอดน่องได้ค่ะมีบางคนออกวิ่งจ๊อกกิ้งกลางแดด โอ้ววมายกัสส!! แน่นอนค่ะว่าไม่ใช่คนไทยแน่
ก็รอๆรถสองแถวสีน้ำเงินที่มีคิวสุดสายในสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำนี่ล่ะค่ะ ถ้าใครเคยไปสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่อยุธยาขอบอกว่าที่นี่เล็กกว่าประมาณสองเท่าครึ่งเห็นจะได้ค่ะ
คั่นด้วยปูเสฉวนยักษ์ค่ะ
จากคุณ : จอมนางแล้วไปดูทะเลกันอีกฟาก ทะเลสีสวยอ่ะชอบๆ รอรถสองแถวไปดูทะเลไปมีความสุขมากมายจ้า
จากคุณ : จอมนางบ่ายแล้วเลยไปสะพานหินกินส้มตำปูม้าหนึ่งครกอย่างสำเริงใจ ถึงย่านที่พักก็ตอนบ่ายแก่ๆก็ไปพิพิธภัณฑ์ไทยหัว(ถนนกระบี่) ซึ่งอยู่ใกล้เกสเฮ้าส์ที่พัก ค่าเข้า50บาท พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เดิมทีเป็นตึกอั้งม่อเหลา หรือเรียกว่าตึกฝรั่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนและดนตรีในสมัยเมื่อเกือบๆ80ปีที่แล้วค่ะ ครูสอนดนตรีคนสำคัญชื่อว่า ซึง สุ่นปิ๊น จะมีห้องเฉพาะของท่านด้วย เพราะได้รับการยกย่องทางด้านการทุ่มเทให้ลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ในการเขียนตัวโน้ตลงบนกระดาษไขแล้วเอาไปตีพิมพ์เป็นเล่มๆกันเลยค่ะ
ด้านในก็อีกเช่นเคยที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ลักษณะตึกเหล่านี้จะมีช่องรับแสงที่ทำเป็นสวนน้ำเล็กๆตรงกลางตึกพอดิบพอดี เป็นตึกสองชั้นมีสิบกว่าห้อง แต่ละห้องก็จะแสดงถึงเรื่องราวของคนจีนโพ้นทะเลที่โล้สำเภาออกมาเผชิญโชค มีตัวอย่างหนังสือเดินทางให้ดูด้วยค่ะเป็นกระดาษแผ่นเดียวเขียนภาษาไทยโบราณแต่โบราณไม่มากพออ่านออก มีการบ่งบอกถึงค่านิยมของคนภูเก็ตในสมัยนั้นด้วยเพลงกล่อมลูกด้วยค่ะ
ลูกสาวชาวตีนเล งามงามทั้งเพ ไว้ให้จีนเหมือง
คนไทยไปขอ พ่อแม่เขาเคือง ไว้ให้จีนเหมือน เออะ
แล้วก็ร่ายยาวถึงประวัติศาสตร์ของการทำเหมืองดีบุกมีเครื่องมือทำเหมืองดีบุก เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของชาวภูเก็ตที่เป็นลูกครึ่งจีนในสมัยนั้น รวมไปถึงอาหารต่างๆ การเมืองเรื่องอั้งยี่ และการธนาคารที่นำสมัยในรัชกาลที่5
อั้งยี่ที่สำคัญมีสองกลุ่ม คือกลุ่ม อั้งยี่หยี่หิ้น (อ.กะทู้) และอั้งยี่ ปูนเถ้าก๋ง(อ.ทุ่งคา) เป็นอั้งยี่ที่ไม่เกี่ยวกับอั้งยี่แผ่นดินใหญ่นะคะแยกเป็นเอกเทศค่ะ สำคัญเพราะเป็นการจับกลุ่มเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมในการทำงานเหมือง จนเกิดจลาจลและในที่สุดก็ต้องมีการยกเอาผู้นำที่พอจะคุยกันได้มาเป็นคนของทางการประมาณนั้นเลยค่ะ
การจลาจลจึงค่อยๆหมดไปในต้น รัชกาลที่6 ส่วนใหญ่ชาวจีนที่โล้สำเภามาทำเหมืองเมื่อแรกมาก็จะเสื่อผืนหมอนใบ แล้วมาเข้ากลุ่มกับผู้ที่ชื่อแซ่เดียวกันเพื่อไปทำงานค่ะ รักใคร่นับถือกันแบบพี่น้อง แซ่ที่สำคัญที่สุดในภูเก็ตเห็นจะเป็น แซ่ตัน เพราะได้รับราชการกันหลายท่านมากมาย และได้รับพระราชทานนามสกุลด้วยค่ะ นั่นคือ ตัณฑวณิช นั่นเอง
ที่สะดุดตาอิชั้นมากที่สุด คือ ท่านตันต๋ำ หรือหลวงอร่ามสาครเขต และท่านตันเอ่งกี้ หรือ ขุนวิเศษนุกูลกิจ สะดุดจนจดและจำได้ เพราะท่านหล่อดีค่ะ555 เสียดายเขาไม่ให้ถ่ายภาพ( ได้อะไรไหมเนี่ย ^^ )
มีการกล่าวถึงการทำงานแบบกตัญญูรู้คุณต่อบรรพบุรุษและแผ่นดินที่มาทำมาหากิน มีกงสี กงส้อ(สโมสร) มีโรงเรียนภูเก็ตฮัวบุ๋น ก็คือตึกพิพิธภัณฑ์ไทยหัวนี่ล่ะค่ะเป็นโรงเรียนแห่งจีนแห่งแรกของภูเก็ตค่ะ จริงๆจดไว้ยาวมากค่ะแต่เกรงว่าจะเบื่อกันเสียก่อนเลยเล่าให้ฟังคร่าวๆแค่นี้ล่ะกันนะคะ
ขอตามไปเที่ยวภูเก็ตด้วยคนนะครับ ^ ^
จากคุณ : โรแมนติกเรื้อรังสนุกดี
จากคุณ : thursday_s***ตามสบายเลยค่ะ ฮ่าๆๆนึกว่าจะไม่มีใครมาทักทายเสียแล้ว ปลื้มๆๆ***
แล้วอิชั้นก็เดินมาเรื่อยถ่ายภาพไปตึกย่านเก่าไปเรื่อยๆ เจาะโน่นนี่บ้างตามประสา เพราะเป็นศิลปะผสมระหว่างจีนกับฝรั่งลวดลายต่างๆจึงน่าสนใจดีค่ะ อย่างเช่น ไม้แกะสลัก ถ้าเป็นรูปมังกรก็จะไว้กำจัดสิ่งชั่วร้าย หงส์แทนความสงบร่มเย็น ค้างคาวแทนโชคลาภ ดอกพุดตานแทนความมั่งคั่ง ร่ำรวยมียศศักดิ์ และผลท้อแทนความยั่งยืนค่ะ
เจาะหงส์ ซึ่งแสดงความสงบร่มเย็นมาให้ดูกันค่ะ น่าจะใช่หงส์แหละเนาะ
จากคุณ : จอมนางเห็นภาพนี้หลายท่านอาจจะเกาหนังศีรษะ ถ่ายมาทำไม ฮิฮิ
ให้ดูกระเบื้องร้อยปีค่ะ นำเข้าจากอิตาลีเชียวนา
แล้วก็แวะกินขนมกับชาในร้านแถวถนนเยาวราชค่ะ อาหารการกินค่อนข้างใช้ได้ ตอนเย็นๆจะมีพวกก๋วยเตี๋ยวฮกเกี้ยน ก๋วยเตี๋ยวหมูและเนื้อ แต่ตอนเช้าจะมีทั้งโรตีแขก และขนมจีนอร่อยๆให้ทานกันจนถึงเที่ยงก็จะหมดค่ะ แต่ถ้าเดินทางถนนถลางอีกฟากก็จะยังพอมีขนมจีนให้ทานอยู่นะ
จากคุณ : จอมนางย่านเมืองเก่าค่ะ สายไฟเก็บเป็นระเบียบมาก
จากคุณ : จอมนางวันต่อมาก็ไปไหว้พระที่วัดฉลองค่ะ มีหลวงพ่อแช่ม มีหอหุ่นขี้ผึ้งขลังดีค่ะ นั่งรถสองแถวสีน้ำเงินภูเก็ตอ่าวฉลองไปค่ะเจอชาวฝรั่งเศสสามคนพ่อแม่ลูกก็ได้สปีคอังกฤษผสมฝรั่งเศสกันสนุกสนานเพราะความรู้ด้านภาษาของอิชั้นเปอตี๊ดอะลิตเติ้ลบิททั้งสองภาษา ครอบครัวนี้น่ารักดีค่ะถามไปถามมาได้ความว่าหนีน้ำท่วมจากทางเหนือมาเที่ยวใต้กัน ท่าทางทั้งสามคนก็คงได้รับรู้ถึงกิตติศัพท์ราคารถที่ไม่ยุติธรรมเลยแอบถามอิชั้น อิชั้นก็บอกที่ไปเนี่ยราคาถูกแล้วคนละ30บาทลงอ่าวฉลองสุดทางลุงคนขับก็ดูซื่อสัตย์สุจริตดีค่ะ
อิชั้นลงที่วัดฉลอง ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกตกใจใหญ่นึกว่าถึงแล้ว ก็บอกไปว่ายังไม่ถึงของคุณยังต้องไปอีก แหปอะไนซ์เดย์ โอเครอวัวร์ค่ะ แล้วอิชั้นก็ลงเดินดุ่มๆเพื่อจะไปเยี่ยมเพื่อนของน้องสาวที่เป็นอัมพฤกษ์ซึ่งบ้านอยู่หลังวัดฉลองพอดิบพอดี ที่นี่บังเอิญเจอคุณลุงคนหนึ่งเป็นวินมอเตอร์ไซค์ เลยเหมารับส่งบ้านเพื่อนของน้องสาวและไปพิพิธภัณฑ์หอยต่อรวมแล้วราคา100บาทค่ะซึ่งนับว่าถูกมากเพราะหนทางช่างไกลได้ใจ
ตรงนี้แหละค่ะมีหุ่นขี้ผึ้ง ด้านในเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ประตูมีลวดลายแกะสลักไม้ด้วยค่ะ แต่ถ่ายลำบากเพราะว่ามีกระจกกั้นมันสะท้อนแสงอ่า เดินไปเดินมา ได้ยินแต่เสียงโน๊ะๆ เน๊ะๆ อ๋อทัวร์ญี่ปุ่นลงนี่เอง555
จากคุณ : จอมนางจากนั้นก็ไปดูหอยค่ะ ที่พิพิธภัณฑ์หอย ทางไปหาดราไวย์ เป็นตึกสีโอวัลตินอ่อนๆ หอยจะอยู่ชั้นใต้ดินค่ะค่าเข้า100บาท ชั้นบนจะขายผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากหอยล้วนๆ หันไปทางไหนก็เห็นแต่หอยนานาพันธุ์กันทั้งชั้นใต้ดินและชั้นบนดินกันเลยทีเดียว ที่จัดว่าเด่นคือไข่มุกทองคำหนัก140กะรัต อันโตใหญ่กว่าไข่นกกระทานิดหน่อยค่ะ
ที่อลังการก็พวกซากฟอสซิลต่างๆที่ใหญ่ยักษ์บักเอ้ก นอกนั้นก็ว่ากันถึงหอยชนิดต่างๆมีทั้งกินพืชพวกส่าหร่ายหรือตะไคร่น้ำเป็นอาหารกินหอยด้วยกันเอง ทากทะเล ลิ่มทะเล หรือกินซากสัตว์ที่ตายแล้ว รวมไปถึงกินโพลิปหรือดอกปะการัง หอยที่กำจัดต้นไม้วัชพืชทะเลที่ตนไม่กินเพื่อให้ต้นไม้ทะเลที่ตัวเองกินได้แพร่พันธุ์อย่างสะดวก(หอยฉลาดอ่า^^ )
ไข่มุกอันข้างบนมาจากหอยอันนี้ค่ะ
จากคุณ : จอมนาง@@@มาเล่าต่อกันถึงเรื่องหอยๆ@@@
มีหอยที่กินปลากินปู หอยสองฝาที่จะไม่มีฟันมีแต่เหงือกไว้กรองอาหารที่เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
หอยมีฟันซ่อนอยู่ในเนื้อรอขย้ำเหยื่ออย่างเลือดเย็น หอยกระดึ๊บๆเร็วและหอยทากคลานช้าขึ้นบกได้
หอยที่รับรู้ทางกลิ่น และหอยที่รับรู้ทางตา หอยบางชนิดมีตาค่าท่านผู้ชม ไม่ได้มีแค่สองตาด้วย ตาอย่างกะสับปะรสเพียงแต่เรียงยาวตามแนวกาบหอย บางตัวมีตา10ตาหรือ12ตา ว้าววว โฟกัสยังไงเนี่ย
มีหอยพิธีหรือหอยสังข์ที่มีที่มาจากคาบสมุทรอินเดีย และยังมีหอยสองเพศสามารถผลิตสเปิร์มเร่งให้หอยรอบตัวเกิดการผสมพันธุ์กันเป็นกลุ่มได้ ทำได้แม้แต่ผสมพันธุ์กับตัวเอง อย่างเช่นหอยมือเสือโอ้แม่จ้าววว! มีหอยที่เหมือนจิ้งจกด้วยค่ะแบบสลัดเท้าตัวเองล่อศัตรูก่อนหนี หรือล่อเหยื่อก่อนวกกลับมางาบ อย่างหอยมะเฟืองกับหอยกระต่าย ร้ายจริงๆหึหึ
หอยที่มีกำลังภายในบีบรัดเหยื่อแล้วค่อยเขมือบ อย่างหอยจุกพราหมณ์ แล้วก็หอยมีพิษอย่างเช่นหอยเต้าปูน สีสันจะชวนเวียนหัวเหมือนจะสวยงามอย่าได้ไปแตะเชียวนะคะมันจะปล่อยเข็มพิษออกมาทำให้มนุษย์ตัวโตๆอย่างเราตายได้เลยค่ะ ^^"
ขากลับแสนทรมานไม่น่าให้ลุงวินมอไซค์กลับไปก่อนเล้ยยย ต้องรอรถสองแถวสีน้ำเงินไปหนึ่งชั่วโมง แล้วรถก็หอยทากเรียกทวดเทียดกันเลยทีเดียว โชคดีพอพ้นเขตหมู่บ้านห่างๆเป็นเขตเมืองเขาก็เร่งรถให้เร็วขึ้น คิดไปแล้วก็พอจะนึกออกว่าทำไมถึงได้ขับช้าๆนั่นเพราะรถคิวนี้มีน้อยไม่อยากให้ชาวบ้านทั่วไปต้องพลาดเลยค่อยๆแล่นให้เห็นโดยทั่วกันว่าผมกำลังจะเข้าเมืองแล้วนะคร้าบบบใครจะไปรีบวิ่งออกมาจากบ้านก็ยังทันคร้าบบบ
ถึงในย่านเมืองเก่าแล้วก็เดินๆเพื่อจะไปบ้านชินประชาระหว่างทางก็เจอสถาปัตยกรรมสวยๆแต่ดูเก่าๆถามๆคนงานในรั้วบ้านนั้นเขาบอกว่าบ้านนี้ยังมีคนอยู่ แต่ทำเป็นออฟฟิศสำนักงานกฎหมายไปด้วย อิชั้นเกรงใจเลยถ่ายมาให้ดูแค่นี้อีกทั้งใกล้จะถึงเวลาที่บ้านชินประชาจะปิดแล้วด้วยเลยไม่ได้เข้าไปไหว้เจ้าของบ้าน ขอโทษนะคะ
จากคุณ : จอมนางแล้วจากนั้นก็ไปบ้านชินประชา บ้านหลังนี้เป็นของเอกชนที่สืบเชื้อสายจากพระพิทักษ์ชินประชา ท่านตันม่าเสียง ต้นตระกูลตัณฑวณิช เปิดชั้นล่างให้ชม ค่าเข้าชม100 คุ้มมากมายค่ะ ถ่ายรูปมาเยอะเชียวแต่รูปที่พอจะโชว์ได้มีน้อย แหะๆ
ภายในของบ้าน มีแต่ของสวยๆงามๆถูกอกถูกใจ ตัวบ้านก็มีอายุราวๆ108 ปี
เป็นตึกอั้งม่อเหลาตึกแรกของภูเก็ตเลยค่ะ สร้างสมัยปลายรัชกาลที่5 เครื่องเรือนต่างๆนำเข้ามาจากหลายประเทศ เก้าอี้ไม้สลักหุ้มผ้าไหมมาจากยุโรป กระเบื้องมาจากอิตาลี ชุดรับแขกประดับมุกมาจากจีน ผสมผสานกันอย่างลงตัวและแน่นอนมีช่องตรงกลางเหมือนพิพิธภัณฑ์ไทยหัวเปี๊ยบ ทำเป็นสวนน้ำเล็กๆกลางบ้านสวยดีค่ะ
ด้านในบ้านถ่ายรูปได้ค่ะ นี่คือประตูทางเข้าบ้านด้านหน้าค่ะ
จากคุณ : จอมนางมีห้องนอนในสมัยร้อยปีก่อน ภาพออกมาไม่เจิดเท่าไหร่ขมุกขมัวเหมือนมีดรายไอซ์ปกคลุม เฮ้อ... ดูแค่ฉากกั้นในห้องก็แล้วกันนะคะ แหะๆ
จากคุณ : จอมนางตะเกียงโบราณที่วางไว้บนตู้โชว์
จากคุณ : จอมนางแม่มณีเข้ากระจกบานนี้แล้วจะหายไปอยู่ในยุคไหนเนี่ย ^^"
จากคุณ : จอมนางแล้วไม่มีรูปสาวสวย...ฉายา "จอมนาง" ให้ชมบ้างหรือครับ...
หรือเป็นเพียงแค่คำอวดอ้าง...คำยกย่องที่เกินจริง.....หุหุ
ปาดดด .....รีวิวได้สนุกจังค่ะ ^^
จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่ายคลังสมบัติ การแต่งกายของชาวภูเก็ตในสมัยนั้น
หญิงที่เป็นลูกครึ่งจีน หรือบาบ๋าจะมีปิ่นกับเข็มกลัดเป็นชุดๆ เรียกว่า กอสั่งเป็นเข็มกลัดติดเสื้อสามชุด อาจจะทำเป็นช่อดอกไม้ทอง หรือฝังเพชรพลอย เสื้อก็จะมียุคสมัยที่ต่างกันไปค่ะ
2443-2463 จะเป็นชุดครุยตัวยาวผ้าป่านรูเปีย อิทธิพลแขก
2463-2473 จะเป็นคาเบยาลินดา จะมีลูกไม้ประดับ จากโปรตุเกส ฮอลันดา อังกฤษ
2473-2483 จะเป็นคาเบยากูบี ฉลุลายริมเสื้อแทนเย็บลูกไม้
2483-2500 จะเป็นเคเบยาซูแลม ซึ่งคล้ายกับที่ใส่กันในปัจจุบันค่ะ
อ่ะคลังสมบัติส่วนหนึ่งของบ้านชินประชา
อันนี้ยังไม่รวมเครื่องสวมศีรษะ(ฮั่วก๋วย) สำหรับเจ้าสาวที่ประดับพลอยประดับมุกด้วยนะคะ ไม่สามารถถ่ายมาได้ค่ะ อิอิ ทรงผมสมัยนั้นจะเป็นทรง ชักอีโบย กับอีเปง ประมาณเกล้าๆเบี่ยงมวยโตๆค่ะ
#39 ก็จินตนาการกันไปค่ะ555555
#40 ขอบคุณค่ะมือใหม่หัดวิว :)
ครัวโบราณร้อยปี ดูแน่นหนาแข็งแรงมากค่ะ
ลงภาพผิดซะงั้น อันนี้เป็นตึกบริษัทปาปาดัม ตึกบริษัทปาปาดัมสอนทำขนม+ภัตตาคาร ตัวตึกมีเจ้าของคนเดียวกับบ้านชินประชาแต่แบ่งให้เช่าจะอยู่ติดกับบ้านชินประชาเลยค่ะ
เครื่องกรองน้ำโบราณค่ะ จริงๆมีพัดลมโบราณที่ใช้ตะเกียงจ่อใต้ฐานให้ความร้อนด้วยนะคะ แต่ว่าภาพออกมาเหลือจะฝืนค่ะ มิอยากทำร้ายสายตาและจิตใจผู้คนไปมากกว่านี้อีกแล้ว อ่ะฮือออTT^TT
จากคุณ : จอมนางเขียนสนุกมากค่ะ ขอปาดก่อนตามดูต่อ
จากคุณ : เกิดมาใจดำและจบท้ายด้วยไปไหว้เจ้ากันค่ะ ที่ศาลเจ้าแสงธรรม เพื่อส่งแสงรุ่งเรืองให้กับชีวิต ซึ่งอยู่ในละแวกที่พักก่อนจะกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นด้วยการเดินไปอีกฟากของถนนถลางที่ไม่ใช่ทางไปถนนกระบี่ ด้วยการเดินข้ามไฟแดงผ่านหน้าสวนสาธารณะแล้วเลี้ยวซ้ายตรงร้านดีแทคก็จะพบคิวรถตู้ภูเก็ตสุราษฏร์อยู่อีกฟากหนึ่งของถนนในราคา200บาทค่ะ
ปุเลงๆหัวโคลงเคลงต่อรถกลับบ้านอีก5ชม.เต็มๆรวมรถเมล์จากสุราษฏร์ไปตลาดสิชล
ขอได้รับการขอบคุณสำหรับการติดตามการเวิ่นไปเรื่อยของอิชั้น ขอบคุณค่ะ^^
สนุกมากครับ ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ
จากคุณ : เล็กทาโร่ก๊าก ก๊าก ก๊าก
รู้ได้ไงเนี่ย ว่า วัว 3 ตัวนั้น เป็นพ่อ แม่ ลูก กันอ่ะ
ตัวนึงอาจเป็นแค่กิ๊ก กะอีกตัวนึงก็ได้นะ ส่วนอีกตัวนึง อาจเป็นแค่เด็กอาเสี่ย ก็ได้นะ
#48 จริงด้วยค่ะ พ่อดำ แม่ก็ดำ ไหงลูกออกมาน้ำตาลแดงล่ะนั่น ว๊ากกกก
ตัวลูกรับแขกมากค่ะ หันมองตลอดๆ -_-"
รีวิวสนุก ชอบมากๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
รีวิว สนุกมากค่ะ กำลังจะไปเที่ยวภูเก็ตพอดี
จะได้ไปเที่ยวตามคุณจอมนางบ้าง โดยเฉพาะเมืองภูเก็ต
อยากดูบ้านเก่า ๆ บ้าง
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ ปีหน้าเดี๋ยวจะไปตามรอยนะคะ จองหางแดงข้ามปีไว้แล้ว
จากคุณ : seasonchange with smile...ตามมาเที่ยวภูเก็ตด้วยคนนะคะ
แต่ละที่สวยและน่าสนใจมากเลยนะคะ ^-^
เที่ยวคุ้มมาก หลายที่เลย อุ้ยไม่ได้ไปป่าตอง แหลมพรหมเทพ หาดราไวย์ ฯลฯ ฝั่งกะทู้เลยใช่ป่ะ เห็นไปแถบถลางและไล่ยาวมาจบที่วัดฉลอง อ.เมือง
ขอบคุณค่ะสำหรับภาพสวยๆ จ้า
ขอบคุณ สำหรับรีวิว สถานที่น่าสนใจ พร้อมคำบรรยาย ประวัติ เพิ่มเติมนี้ อีกด้วยค่ะ
จากคุณ : DangCola
คหที่ 13 เหมือนย้อนยุคสู่อดีตเลยค่ะ ^__^
จากคุณ : DOGHALLไม่มีอะไร แค่คิดถึงจขกท. ^^
จากคุณ : iamtanggreat review! thanks ka
จากคุณ : Tyrant Schnauzerขอบคุณคะ เอาไป 3 กิ๊ฟเลย
จากคุณ : เอ๋ (เอ๋ กจ.)ขอบคุณสำหรับรีวิว+ข้อมูลครับ
ข้อมูลเยอะดีมากเลยครับ อ่านแล้วได้ความรู้อีกเยอะเลย
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
จากคุณ : Sweet September Rainหลายๆที่ ยังม่ะมีโอกาสได้ไปเลยแฮะ...
จากคุณ : tuman47ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ารักๆค่ะ
จากคุณ : elmo_chill_chillขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ
จากคุณ : tonhokเล่าเรื่องสนุกจังค่ะ
ปีหน้าเราก็จะไปภูเก็ตเหมือนกัน จองตั๋วแอร์เอเชีย โปรไว้
จองกันข้ามปีเลยที่เดียว งานนี้ก็สงสัยจะได้ไปคนเดียว ขับรถไม่เป็นเหมือนกันหละค่ะ
ตามมาเที่ยวภูเก็ตด้วยคนนะคะ
อยากไปเดินเที่ยวชมตึกสวยๆ ย่านเมืองเก่าจังเลยค่ะ
อ่านแล้วได้ความรู้และสนุกมากค่ะ
จากคุณ : กาหยูนู๋ชอบตรง "ขบเผาะกำลังดี " 555 ใช้คำได้ใจจริงๆค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^
จากคุณ : สามแซ่ข้อมูลแน่นมาก ๆ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
จากคุณ : คนเดียวไม่เหงาเท่าสองคนน่าสนุกจังค่ะ เที่ยวชิลๆแบบนี้คนเดียว
อยากไปแบบนี้มั่ง
กระทู้สนุก คนทำตั้งใจทั้งภาพและบรรยาย ขอบคุณมาก
จากคุณ : apinpanแอบมาดูแถวๆบ้านด้วยคนค่ะ
คิดถึงมากมาย
ขอบคุณที่รีวิวนะคะ
ภาพสวยมากครับ
ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆนะครับ
รีวิวสนุกมากค่ะ ได้ความรู้ด้วย ขอบคุณนะคะ
คุณจอมนางมารีวิวห้องนี้อย่าลืมไปห้องถนนนักเขียนด้วยนะคะ รอติดตามเรื่องใหม่อยู่
จากคุณ : เอกจิตราเป็นการไปเที่ยวที่คุ้มค่ามากเลยค่ะ และยังเก็บสาระมาแบ่งปันเพื่อนๆด้วยอยากไปคนเดียวแบบนี้บ้างจัง ไปลุยต่างประเทศคนเดียวมาหลายครั้ง
แต่ทำไมเมืองไทยไม่กล้าไปเองซักที
รีวิวสนุกมากค่ะ ข้อมูลก็เยอะอ่านไปหัวเราะไปจะตามไปเร็วๆนี้แหละค่ะ ว่าจะไปฉลองวันเกิดครบ 20 ปี ไปคนเดียวเลยมาตามดูข้อมูลว่าจะไปตามรอยค่ะ :)
จากคุณ : namfon [4 ต.ค. 54 00:16:45 ]A:180.210.216.74 X: TicketID:332282