รีวิวเล็กๆ **เที่ยวภูเก็ตคนเดียวแบบว่าขับรถไม่เป็น**

สวัสดีค่ะอยากมาเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวคนเดียวของสาวสวยวัยงาม
อันเนื่องมาจากวันเสาร์เกิดเซ็งเบื่อขึ้นมาอยากไปกินซูชิปลาแซลมอล อยากเห็นฝรั่ง อยากดูชะนี อยากเห็นหอย เห็นปลา อยากไปย่านเก่าๆ อยากดูโชว์เด็ดๆ

ซึ่งสถานที่ที่น่าจะเป็นคำตอบที่ใกล้สุดที่ก็คือภูเก็ต(บ้านคือ ต.สิชล จ.นครศรีธรรมราช) โปรดทำใจในการอ่านนิดนึงนะคะเพราะว่าอิชั้นชอบเวิ่นไปเรื่อย มันจะยาวมากกก

อิชั้นเฮี้ยนเต็มที่เลยลุกขึ้นจัดกระเป๋า แล้วเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ก้อปปี้เพลสลงกระดาษแล้วปริ้นท์ออกมาได้สองหน้า จองตั๋วภูเก็ตแฟนตาซี ที่ ทัวร์คนภูเก็จ ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อได้โดยบังเอิญ ประมาณว่าจิ้มๆหน้าเพจเจอในตอนเย็นวันเสาร์ที่นึกอยากจะไปเลยกระนั้นเชียว

อันสิชลนั้นอยู่ตรงกลางระหว่าง ตัวจ.นครศรีธรรมราช และ จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อเล็งๆดูแล้ววันอาทิตย์จึงตัดสินใจขึ้นรถเมล์บขส.จากตลาดสิชลไปขึ้นรถตู้ที่ จ.สุราษฏร์ธานี   ใช้เวลา1 ชั่วโมง ค่ารถเมล์ไปสุราษฏร์ 50บาท

ต่อด้วยขึ้นรถตู้ที่ถูกหลอกไปจ่าย350 T^T ทั้งที่ความจริงถ้าเดินไปอีกนิด(นิดทางไหนอันนี้ก็ไม่ทราบ น้องนายหัวเขาบอกระหว่างทาง)ก็จะมี รถตู้ราคา200 ทั้งที่ศึกษามาแล้วแต่อารามคิดว่าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอาจจะไม่อัพเดท

ทั้งยังรีบเร่งอยากไปเร็วๆเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรไม่คาดคิดขึ้นอีกเพราะไม่เคยไปเที่ยวภูเก็ตแบบไปเองเลย ที่เคยไปก็หลายปีมาแล้วมีคนขับพาไปโน่นนี่ตลอดล้วนแล้วแต่เลียบทะเล คราวนี้จะซิตี้ทัวร์ จึงคิดเอาง่ายเข้าว่าเลยหยวนๆรู้ว่าเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก(หน้าตาออกแนวสวยใสไร้สติค่ะ หลอกง่าย ไร้ปากเสียงว่างั้น -_-")

ในความไม่ดีไม่งามก็ยังพอมีความสวยงามอยู่เพราะว่าผู้ที่ร่วมชะตากรรมกับอิชั้นล้วนแล้วแต่เป็นฝรั่งตาน้ำข้าว และ ชาวเอเซียที่มาจากประเทศจีน จำนวนรวมแล้ว11 คน จีน4 ฝรั่ง6 ไทย1

รถกลางใหม่กลางเก่าที่ค่อนข้างเก่าชนิดที่ว่าถ้าจะเดินเฉียดรถให้ระวังมิเช่นนั้นอาจจะต้องไปฉีดยากันบาดทะยักได้ คับแคบเล็กกว่ารถตู้รุ่นใหม่ แอร์ก็พ่นลมอุ่นๆ ฝรั่งตัวโตเบียดกัน  อิชั้นเลือกนั่งหลังสุดในตอนแรกเพราะเห็นว่ามีชาวเอเชียหัวดำๆนั่งอยู่ และหญิงไทยใจหาญอย่างอิชั้นยังมีเชื้อของความกลัวฝรั่งอยู่บ้างที่ติดมาทางสายเลือดแต่ปางบรรพ์

ทว่ากลัวอย่างไรกลับได้เยี่ยงนั้นเมื่อจู่ๆพ่อยอดขมองอิ่มผมทองคนหนึ่งกลับค้อมตัวแทบหักครึ่งมานั่งเบียดแนบชิดกับอิชั้น ด้วยความเป็นหญิงจึงมิกล้ามองแม้แต่เสี้ยวขนตาเขาได้แต่นั่งเกร็ง

ได้ยินฝรั่งผู้หญิงที่มาด้วยกันถามพ่อผมทองของอิชั้นว่าจะเปลี่ยนที่นั่งไหม
พ่อฝรั่งคนดีก็ปฏิเสธ เอาแล้วโว้ยยย เมืองไทยจะขาดดุลเสียหญิงงามไปให้เมืองฝรั่งไหม ว๊ายยลุ้นๆ แอร่ะ ที่ไหนได้-_-" พ่อยอดขมองอิ่มพริ้มเพราไม่แม้แต่จะเหลือบมองมา ได้แต่นั่งแขนชนแขนขาชนขากันไปสักพัก

พอรถแล่นมารับฝรั่งอีกกรุ๊ป นายหัว(คนขับรถ)ก็ตะโกนถาม
"พี๋คนไทยอีมานั่งข้างหน้าม๊ายย ข้างหลังหมันหฟัด"(แปลว่า พี่คนไทยครับจะมานั่งข้างหน้าไหมครับ ข้างหลังมันสะเทือนนะครับ)

อิชั้นตกใจกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนที่นั่งเอาฝรั่งข้างหน้ามานั่งข้างหลังแทนที่อิชั้น สงสารพ่อคุณแต่ละคนตัวอย่างกับตึก ขืนให้มานั่งเบียดข้างหลังอีกมีหวังได้เห็นฝรั่งเป็นลมแน่ๆ จึงปฏิเสธไปว่า ม๊ายปรืออ (แปลว่า ไม่เป็นไรค่ะ อิชั้นนั่งได้)

ก็นั่งกันไปแบบหัวสั่นหัวคลอนได้ 2ชม. อิชั้นก็เห็นว่าข้างๆคนขับเป็นที่นั่งว่างๆ เอ๊ะ ว่างงงง ว้าวววว ที่นั่งว่าง หรือว่าที่น้องนายหัวเขาชวนหมายถึงให้ไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ว่าแล้วเมื่อมีการพักกลางทาง15นาทีจึงไปเจรจา ก็พบว่า แท้จริงแล้วน้องนายหัวต้องการให้อิชั้นมานั่งข้างๆเขามิได้จะขอแลกเปลี่ยนที่นั่งให้ฝรั่งมานั่งเบียดข้างหลังแต่อย่างใด อิชั้นจึงยินยอม

น้องนายหัวบอกว่า นึกว่าพี่ถูกใจฝรั่งคนนั้น อิชั้นก็แอบมองขณะที่รับประทานข้าว เออเว้ย หล่อมาก ขบเผาะกำลังดี หน้าตาออกแนวโซนสแกนดิเนเวียนิดๆ  แต่ก็ย้ายมานั่งข้างน้องนายหัวเพราะอยากให้พ่อผมทองได้นั่งสบายๆไม่ต้องเบียดกันมากนัก ครั้นรถจะแล่นไป น้องฝรั่งผู้หญิงก็ตะโกนมาว่า ขาด1คน เป็นภาษาไทย สำเนียงน่ารักเชียว

อิชั้นก็เหวอเล็กน้อยเพราะอนุมานได้ว่าน้องเขาน่าจะเข้าใจผิดว่าอิชั้นยังไม่ขึ้นรถ เลยหันขวับไปมอง ก็เห็นพ่อผมทองของอิชั้นชี้ไปยังข้างตัวเขาซึ่งเคยเป็นที่นั่งของอิชั้นพร้อมทำหน้าตาเลิกลั่กตกใจ ประหนึ่งว่ามายเดียร์ของผมยังไม่ขึ้นรถ   นั่นไงคนสวยว่าแล้ว ก็เลยหันไปยิ้มสยามให้และบอกว่า ไอแอมเฮี้ยยย  hahaha ฝรั่งจีนไทยประสานหัวเราะกันขำขัน  

ก็ยังคิดเอาเนาะถึงเริ่มต้นไม่ค่อยเจิดเท่าไหร่ เพราะถูกคนไทยด้วยกันหลอกฟันเงิน แต่คนต่างชาติที่ร่วมทางกันในระยะสั้นๆก็น่ารักน่าเอ็นดู เอาใจใส่เราขนาดนี้ก็นับเป็นเรื่องดีที่ได้พบเจอ ถ้าไม่ถูกหลอกให้ขึ้นรถคันนี้คงไม่ได้มาเจอเหตุการณ์น่ารักๆแบบนี้เนาะ

ก็เดินทางไปอีก2ชม. จึงถึงจ.ภูเก็ต ให้น้องนายหัวจอดให้ลงตรงอนุสาวรีย์ ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร หรือท่านผู้หญิงจัน และคุณมุก แล้วก็ข้ามถนนไปแชะเสียหน่อยว่า อิชั้นมาถึงภูเก็ตแล้วนะจ๊ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:18:32 ]
ความเห็นที่ 1

ปล. เป็นคนที่ถ่ายรูปไม่เป็นเลยกล้องดิจิตอลที่ใช้อยู่ก็เก่าเต็มที เรียกได้ว่ากดชัตเตอร์เป็นอย่างเดียว(กล้อง โกดัก M883 )และไม่ค่อยมีหัวทางด้านถ่ายรูปเท่าไหร่นะคะ^^" โปรดทำใจในการรับชมภาพ

วัวพ่อแม่ลูกทางเข้าไปพิพิธภัณฑ์ค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:19:37 ]
ความเห็นที่ 2

จากนั้นก็เดินไปราว150เมตร เข้าไปทางซ้ายมือซึ่งเป็นทางไปท่าเรือบางโรง เพื่อไปสู่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติถลางซึ่งต้องข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่ง  ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สำหรับคนไทย20บาทถ้วน

และเราจะมาเข้าโหมดวิชาการกันเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะภายในพิพิธภัณฑ์ไม่สามารถถ่ายรูปได้จึงขอเล่าให้อ่านล่ะกันค่ะ  เมื่อเข้าไปก็จะพบบอร์ดประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ พวกภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ตามที่ต่างๆ มีโชว์พวกลูกปัดดิน กำไลสัมฤทธิ์

ว่ายาวไปถึงสมัยทวารวดี สมัยที่ภูเก็ตมีชื่อเรียก junkceylon  จังซีลอน  แล้วเพี้ยนกร่อนภาษากันมาเรื่อยจนเป็นถลาง และต่อมาก็ภูเก็จ ที่แปลว่า ภูเขาเกล็ดแก้ว แล้วจึงมาเป็นภูเก็ตอย่างทุกวันนี้  ร่ายมาถึงสมัยสุโขทัย อยุธยา ที่มีพระยาถลาง เป็นเจ้าเมืองถลางหรือภูเก็ต ด้วยความที่ดีบุกเป็นสินแร่ที่มีค่าจึงมีการทำสัญญากันกับฝรั่ง เรื่องการผูกขาดทำเหมืองดีบุก และภาษีต่างๆมากมายหลายสิ่ง

จวบจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ที่มีการปรับเปลี่ยนการปกครอง ด้วยเหตุผลทางการบ้านการเมืองในสมัย ร.4-ร.5 ที่เกิดกบฏอั้งยี่จนทำให้ต้องแต่งตั้งผู้ที่อั้งยี่ยกย่องเป็นคนของทางการ นั่นก็คือ หลวงบำรุงจีนประเทศ  ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกรอบตอนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไทยหัวค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:20:31 ]
ความเห็นที่ 3

มาเล่าต่อว่าในพิพิธภัณฑ์ถลางมีอะไรอีกบ้าง เมื่อเข้าไปข้างในก็จะพบหินชนิดต่างๆ วางเรียงรายสองข้าง ตรงกลางก็ก็จะมีพวกปูนปั้น แผ่นศิลา ลูกปัด ต่างๆที่มีอายุ2000-2500กว่าปีมาแล้วจัดแสดง พวกลูกปัดที่มีการแกะสลักด้วยน้ำยาพิเศษเป็นรูปบุคคล อิทธิพลของโรมันก็สามารถหาพบได้ที่นี่ค่ะ นอกจากนี้ยังมีแผ่นศิลาฤกษ์ น่าจะใช่นะ เป็นอักษรปัลลวะ ภาษาทมิฬ แสดงอิทธิพลของอินเดียที่เข้ามาสู่คาบสมุทรอินโดจีน พูดถึงการรวมตัวของพ่อค้าอินเดียสร้างบ่อน้ำ    

มีกลองมโหระทึกสัมฤทธิ์พร้อมวิธีสร้างให้ดูให้อ่านด้วยค่ะ น่าสนใจมากเพราะมีการใช้ขี้ผึ้งในการทำประกอบกับไม้ไผ่สาน  มีการเคลือบสารด้วยน้ำมูลวัว ดินเหนียวกรองด้วยตะแกรง ทาแล้วรอให้แห้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วมาต่อด้วยน้ำมูลวัวผสมทรายละเอียดอีกรอบ แยกชิ้นกันหลอม มีท่อระบายขี้ผึ้งออกตอนเทสัมฤทธิ์ลงไป อ่านแล้วทึ่งกับภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนจริงๆค่ะ กลองนี้สันนิฐานกันว่าเป็นเครื่องมือบอกยศศักดิ์ฐานะ ประมาณเครื่องประกอบยศค่ะ

รูปหินทรายแกะสลักของพระนารายณ์และเทพบริวาร ไปเรื่อยจนถึงการพูดถึงการทำเหมืองแร่อีกนิดหน่อย ต่อจากนั้นก็กล่าวถึงชนชาติที่เข้ามาในภูเก็ตซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนจากไกลโพ้นทะเล ที่มามีสัมพันธ์กับสาวไทย จนกำเนิดลูกครึ่งที่เรียกว่า บาบ๋า  เรียกรวมกันไปหมดทั้งลูกครึ่งหญิงและชาย

มีห้องจำลองชีวิตชาวบ้านในสมัย ปลายรัชกาลที่5 ที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนที่มาเผชิญโชคจนได้เป็นนายหัวในสมัยนั้นค่ะ  เช่น อ๋องบุ้นเทียม พ่อตาของพระพิทักษ์ชินประชา ต้นตระกูลตัณฑวณิช ซึ่งเป็นร้านแลกเปลี่ยนเงินตราในสมัยนั้นโดยใช้ลูกคิดในการคิดอัตราเงินต่างๆ รวมไปถึงเครื่องแต่งกายต่างๆ พวกผ้านุ่ง ยันเครื่องประดับ และรองเท้า โชว์ เสื้อในสมัยต่างๆซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างจีนและอิสลาม รวมไปถึง การนำผ้าลูกไม้ของฝรั่งมาใช้ในงานเสื้อผ้าในยุคต่างๆของภูเก็ตค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:24:16 ]
ความเห็นที่ 4

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือการทำเหมือง  กล้องยาสูบ ที่เอาไว้สูบฝิ่นจัดแสดงให้ดูด้วย  และอาวุธต่างๆทั้งปืนหลากหลายชนิด ดาบ ทวน หอก ดาบญี่ปุ่น ดาบพร้า เยอะแยะมากมายหลายสิ่ง  


จากนั้นก็มาดูด้านนอกมีจำลองบ้านในสมัยก่อนมาให้ดูกันด้วยค่ะ  รวมทั้งพวกเรือขุดเรือโบราณ
ก็จบการไปพิพิธภัณฑ์ถลางเพียงแค่นี้

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:25:02 ]
ความเห็นที่ 5

จากนั้นอิชั้นก็เดินออกมาเลียบฝั่งถนนไปทางป้อมตำรวจ รอรถสองแถว สาย ภูเก็ต สารสินที่จะผ่านเข้าเมือง ค่ารถสองแถวสีฟ้าน้ำเงินก็20-30 บาท แล้วแต่ระยะทางอิชั้นจ่ายไป30ค่ะเพราะเข้าไปจอดถึงบริเวณคิวรถสองแถว ซึ่งจะใกล้แหล่งที่พักเมืองเก่าที่อิชั้นเล็งไว้ นั่นคือเกสเฮ้าส์แถบนั้น  

ในเมืองภูเก็ตมีรถหลายชนิด ในกรณีที่มีหญิงงามไปหมดที่ขับรถไม่เป็นอย่างอิชั้นได้อาศัย   รถสองแถว สีฟ้าสีน้ำเงินจะวิ่งในช่วงเวลาราวๆ7.30 ถึง18.00 แต่ละสายก็มีเวลาไม่แน่นอนต่างกัน ถ้าจะไปเยี่ยงอิชั้นนี้ก็ต้องพยายามกลับให้ถึงที่พักก่อนเวลาสี่โมงเย็นเป็นอันดีที่สุดแล้วเอาเวลาที่เหลือเดินเที่ยวรอบย่านเมืองเก่าได้จนมืดค่ำกันไปเลย
   มีรถโพท้อง สีชมพู 10บาท ตลอดสาย จะเป็นรถคันใหญ่สักหน่อย มีหลายสาย แต่ละสายก็วิ่งเกือบๆรอบเมือง และมีตั้งแต่เช้ายันสามทุ่มเลยค่ะ  

รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อันนี้จะแพงต้องพยายามต่อราคาไว้นะคะ กับรถตุ๊กๆสองแถวที่เป็นสีเหลืองกับสีแดง อันนี้ก็ต้องต่อรองราคาค่ะ เพราะเขาจะชาร์ตเยอะเกินจริงไว้เสมอ ถ้าไปคนเดียวไม่คุ้ม แต่ถ้าไปเป็นแก้งค์แนะนำเลยค่ะ เพราะถ้ารอรถสองแถวสีน้ำเงินอย่างอิชั้นจะหวาดหวั่นพรั่นพรึงมากค่ะว่าจะมาเมื่อไหร่ จะตกรถไหมหนอ  ลุ้นจนปวดติ่งปวดตับ บางสายเช่นสาย ราไวย์ เขาจะวิ่งชนิดเต่าเรียกทวดในระยะต้นๆ แล้วจะกลายเป็นม้าลาวิ่งเหยาะๆในระยะกลางยันถึงจุดหมาย

ถ้าใครขับรถมอเตอร์ไซค์เป็นก็สามารถเช่าได้ค่ะ รายวันราวๆ150-200บาทประหยัดและสะดวกเข้าไปอีก

ลวดลายตึกย่านเมืองเก่า

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:26:21 ]
ความเห็นที่ 6

เมื่อถึงคิวรถ อิชั้นก็เริ่มเปิดแผนที่แล้วเดินเลียบไปในถนนเยาวราช  กลางถนนเยาวราชก็จะถึงสี่แยก ซ้ายจะเป็นถนนกระบี่เป็นทางไปพิพิธภัณฑ์ไทยหัว แต่ที่อิชั้นจะไปคือถนนถลางจึงต้องเลี้ยวขวาที่สี่แยก เดินหาที่พักไปเรื่อยๆก็เจอค่ะ ที่พักแรกเริ่มที่จะพักดันมีห้องพักน้อย แล้วกลอนก็ล็อกไม่ได้  วุ้ย สาวงามหน้าตาเป็นอาวุธอย่างอิชั้นหรือจะกล้าพัก ก็ต้องย้ายไปที่ไม่ห่างกันนัก  สนนราคาก็350-450 พักหลายวันมีลดให้อีกต่างหาก สถานที่พึ่งพิงสุดท้ายของอิชั้นคือ ถลางเกสเฮ้าส์

อิชั้นลงพัก3วัน เป็นห้องแอร์ มีน้ำอุ่น ไม่มีโทรทัศน์ มีตู้เสื้อผ้า มีwifi ให้ใช้ฟรีแต่ต้องเอาโน้ตบุ้คไปเองนะคะ โต๊ะเครื่องแป้งและเตียงขนาดคิงไซส์ พื้นและเพดานเป็นไม้ค่ะ สะอาดพอใช้สบายพอควร มีอาหารเช้าให้ระหว่าง7-10โมงเช้า เป็นชาหรือกาแฟ ขนมปัง เนย แยม และกล้วยหอม มีกลอนใหญ่เป้งเป็นที่พอใจของอิชั้นเป็นยิ่งนัก

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:27:48 ]
ความเห็นที่ 7

พอเช็คอินเสร็จก็เริ่มลงไปเดินเที่ยวย่านเมืองเก่ากันเลยค่ะ เมื่อเดินจากที่พักไม่เท่าไหร่จะเห็นซอยรมณีย์ที่ได้ยินมาว่าเป็นซอยที่เคยมีหญิงค้าบริการในสมัยร้อยปีก่อนโน้น ตัวตึกก็สวยงามตามท้องเรื่อง เข้าไปด้านในก็เป็นลักษณะเดียวกันน่ามองน่าชมมากค่ะ  ระหว่างทางก็แวะดูลวดลายสลักกันไปบ้าง  ถนนถลางนี่ส่วนใหญ่แล้วจะเดินสายไฟไปตามผนังบ้านเรือนค่ะเลยไม่เกะกะขวางตาอย่างถนนสายอื่นๆในแถบนี้

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:29:25 ]
ความเห็นที่ 8

เดินจนเมื่อยก็แวะกลับมานั่งพักที่เกสเฮ้าต์ รอรถตู้จากภูเก็ตแฟนตาซีมารับในเวลา 5โมงเย็นกว่าๆ  ออฟชั่นครบครัน ทั้งดูโชว์อลังการ รถรับส่งที่หรูหราแอร์เย็นฉ่ำและบุพเฟต์นานาชาติที่เลิศรส สนนราคา เพียงแค่1500

ก่อนการแสดงก็มีซุ้มต่างๆให้ไปเดินดูของไปเล่นเกมส์ กิจกรรมขี่ช้าง แต่งชุดไทยถ่ายรูป และมีเวทีแสดงกลางแจ้งด้วยค่ะ ฆ่าเวลาเข้าไปดูโชว์ใหญ่

โชว์ใหญ่จะเป็นในลักษณะการเล่าเรื่องการกำเนิดของเมืองแฟนตาซี เจ้าชายกมลาตามหาหญิงงามที่ถูกพวกอธรรมจับตัวไป หนุกพอใช้ค่ะ แต่ที่ชอบมากๆคือ ตอนไก่ตัวอ้วนๆขาวๆฝูงใหญ่ราวสิบกว่าตัววิ่งดุ๊กๆๆจากฟากเวทีหนึ่งไปอีกฟากเวทีหนึ่ง ฝึกกันเก่งจริงๆ ไหนจะแพะอีก เรียงกันมาเป็นแถว แล้วก็มีกายกรรมบนกบาล เอ๊ย บนเพดานให้ต้องแหงนหน้าขึ้นมองและลุ้นด้วยความหวาดเสียว และที่เด็ดมากคือช้างค่ะน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ กว่าการแสดงจะจบและกลับถึงที่พักก็เกือบเที่ยงคืนกันเลยทีเดียว

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:32:07 ]
ความเห็นที่ 9

ถ่ายระหว่างรถแล่นไปภูเก็ตแฟนตาซี อ่าวกมลา

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:33:41 ]
ความเห็นที่ 10

ตั๋วที่เอาโค้ดไปรับมา แถวยาวมากค่ะส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:37:20 ]
ความเห็นที่ 11

ขี่ช้างกันได้ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดราคา40บาท

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:39:32 ]
ความเห็นที่ 12

ไปกินบุพเฟต์ร้านนี้ค่ะ ได้กินซูชิแซลมอลสมใจอยากไม่ต้องไปที่อื่นแล้ววว

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:41:43 ]
ความเห็นที่ 13

ถึงเวลาเขาจะตีฆ้องร้องเป่า เป็นหลายภาษาให้เข้าไปชมการแสดงในนี้ค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:42:34 ]
ความเห็นที่ 14

เช้าวันต่อมาก็นั่งรถสองแถวสีน้ำเงินไปยังแหลมพันวา เพื่อไปดูปลาที่ภูเก็ตอควาเรียมค่าเข้า 50 บาท มีทั้งปลาไทยปลาเทศ หอย กุ้ง แมงกะพรุน ปะการังประดามี ปลาน้ำจืดปลาน้ำเค็ม ปลาน้ำกร่อย สัตว์ทะเลลึกหน้าตาประหลาดๆ และโดมปลาที่สามารถเดินลอดเห็นท้องปลาเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์O_O(อันนี้ล้อเล่น แหะๆ)

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:43:42 ]
ความเห็นที่ 15

ถ่ายได้แต่พวกนิ่งๆ พวกที่ว่ายไปว่ายมา อิชั้นไม่สามารถ T^T

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:46:10 ]
ความเห็นที่ 16

จัดกระเป๋าเสร็จแล้ว ตามไปด้วยคนนะ

จากคุณ : รักคนห้องนี้ [31 ส.ค. 54 21:47:35 ]
ความเห็นที่ 17

ใกล้กันนั้นมีท่าเรือไม่ทราบว่าท่าเรืออะไรและเห็นเรือหางยาวจอดทอดสมออยู่ริมทะเลที่แหลมพันวาค่ะ ริมทะเลสามารถเดินทอดน่องได้ค่ะมีบางคนออกวิ่งจ๊อกกิ้งกลางแดด โอ้ววมายกัสส!! แน่นอนค่ะว่าไม่ใช่คนไทยแน่
ก็รอๆรถสองแถวสีน้ำเงินที่มีคิวสุดสายในสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำนี่ล่ะค่ะ ถ้าใครเคยไปสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่อยุธยาขอบอกว่าที่นี่เล็กกว่าประมาณสองเท่าครึ่งเห็นจะได้ค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:48:11 ]
ความเห็นที่ 18

คั่นด้วยปูเสฉวนยักษ์ค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:51:36 ]
ความเห็นที่ 19

แล้วไปดูทะเลกันอีกฟาก ทะเลสีสวยอ่ะชอบๆ รอรถสองแถวไปดูทะเลไปมีความสุขมากมายจ้า

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:52:38 ]
ความเห็นที่ 20

บ่ายแล้วเลยไปสะพานหินกินส้มตำปูม้าหนึ่งครกอย่างสำเริงใจ ถึงย่านที่พักก็ตอนบ่ายแก่ๆก็ไปพิพิธภัณฑ์ไทยหัว(ถนนกระบี่) ซึ่งอยู่ใกล้เกสเฮ้าส์ที่พัก ค่าเข้า50บาท พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เดิมทีเป็นตึกอั้งม่อเหลา หรือเรียกว่าตึกฝรั่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนและดนตรีในสมัยเมื่อเกือบๆ80ปีที่แล้วค่ะ ครูสอนดนตรีคนสำคัญชื่อว่า ซึง สุ่นปิ๊น จะมีห้องเฉพาะของท่านด้วย เพราะได้รับการยกย่องทางด้านการทุ่มเทให้ลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ในการเขียนตัวโน้ตลงบนกระดาษไขแล้วเอาไปตีพิมพ์เป็นเล่มๆกันเลยค่ะ

ด้านในก็อีกเช่นเคยที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ลักษณะตึกเหล่านี้จะมีช่องรับแสงที่ทำเป็นสวนน้ำเล็กๆตรงกลางตึกพอดิบพอดี เป็นตึกสองชั้นมีสิบกว่าห้อง แต่ละห้องก็จะแสดงถึงเรื่องราวของคนจีนโพ้นทะเลที่โล้สำเภาออกมาเผชิญโชค มีตัวอย่างหนังสือเดินทางให้ดูด้วยค่ะเป็นกระดาษแผ่นเดียวเขียนภาษาไทยโบราณแต่โบราณไม่มากพออ่านออก มีการบ่งบอกถึงค่านิยมของคนภูเก็ตในสมัยนั้นด้วยเพลงกล่อมลูกด้วยค่ะ

ลูกสาวชาวตีนเล  งามงามทั้งเพ   ไว้ให้จีนเหมือง
คนไทยไปขอ  พ่อแม่เขาเคือง ไว้ให้จีนเหมือน เออะ

แล้วก็ร่ายยาวถึงประวัติศาสตร์ของการทำเหมืองดีบุกมีเครื่องมือทำเหมืองดีบุก เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของชาวภูเก็ตที่เป็นลูกครึ่งจีนในสมัยนั้น รวมไปถึงอาหารต่างๆ การเมืองเรื่องอั้งยี่ และการธนาคารที่นำสมัยในรัชกาลที่5
อั้งยี่ที่สำคัญมีสองกลุ่ม คือกลุ่ม อั้งยี่หยี่หิ้น (อ.กะทู้) และอั้งยี่ ปูนเถ้าก๋ง(อ.ทุ่งคา) เป็นอั้งยี่ที่ไม่เกี่ยวกับอั้งยี่แผ่นดินใหญ่นะคะแยกเป็นเอกเทศค่ะ  สำคัญเพราะเป็นการจับกลุ่มเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมในการทำงานเหมือง จนเกิดจลาจลและในที่สุดก็ต้องมีการยกเอาผู้นำที่พอจะคุยกันได้มาเป็นคนของทางการประมาณนั้นเลยค่ะ

การจลาจลจึงค่อยๆหมดไปในต้น รัชกาลที่6  ส่วนใหญ่ชาวจีนที่โล้สำเภามาทำเหมืองเมื่อแรกมาก็จะเสื่อผืนหมอนใบ แล้วมาเข้ากลุ่มกับผู้ที่ชื่อแซ่เดียวกันเพื่อไปทำงานค่ะ รักใคร่นับถือกันแบบพี่น้อง แซ่ที่สำคัญที่สุดในภูเก็ตเห็นจะเป็น แซ่ตัน เพราะได้รับราชการกันหลายท่านมากมาย และได้รับพระราชทานนามสกุลด้วยค่ะ นั่นคือ ตัณฑวณิช นั่นเอง

ที่สะดุดตาอิชั้นมากที่สุด คือ ท่านตันต๋ำ  หรือหลวงอร่ามสาครเขต และท่านตันเอ่งกี้ หรือ ขุนวิเศษนุกูลกิจ สะดุดจนจดและจำได้ เพราะท่านหล่อดีค่ะ555 เสียดายเขาไม่ให้ถ่ายภาพ( ได้อะไรไหมเนี่ย ^^ )

มีการกล่าวถึงการทำงานแบบกตัญญูรู้คุณต่อบรรพบุรุษและแผ่นดินที่มาทำมาหากิน มีกงสี กงส้อ(สโมสร) มีโรงเรียนภูเก็ตฮัวบุ๋น ก็คือตึกพิพิธภัณฑ์ไทยหัวนี่ล่ะค่ะเป็นโรงเรียนแห่งจีนแห่งแรกของภูเก็ตค่ะ จริงๆจดไว้ยาวมากค่ะแต่เกรงว่าจะเบื่อกันเสียก่อนเลยเล่าให้ฟังคร่าวๆแค่นี้ล่ะกันนะคะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:54:07 ]
ความเห็นที่ 21

ขอตามไปเที่ยวภูเก็ตด้วยคนนะครับ ^ ^

จากคุณ : โรแมนติกเรื้อรัง [31 ส.ค. 54 21:54:40 ]
ความเห็นที่ 22

สนุกดี

จากคุณ : thursday_s [31 ส.ค. 54 21:57:11 ]
ความเห็นที่ 23

***ตามสบายเลยค่ะ ฮ่าๆๆนึกว่าจะไม่มีใครมาทักทายเสียแล้ว ปลื้มๆๆ***

แล้วอิชั้นก็เดินมาเรื่อยถ่ายภาพไปตึกย่านเก่าไปเรื่อยๆ เจาะโน่นนี่บ้างตามประสา เพราะเป็นศิลปะผสมระหว่างจีนกับฝรั่งลวดลายต่างๆจึงน่าสนใจดีค่ะ อย่างเช่น ไม้แกะสลัก ถ้าเป็นรูปมังกรก็จะไว้กำจัดสิ่งชั่วร้าย  หงส์แทนความสงบร่มเย็น  ค้างคาวแทนโชคลาภ ดอกพุดตานแทนความมั่งคั่ง ร่ำรวยมียศศักดิ์ และผลท้อแทนความยั่งยืนค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:58:37 ]
ความเห็นที่ 24

เจาะหงส์ ซึ่งแสดงความสงบร่มเย็นมาให้ดูกันค่ะ น่าจะใช่หงส์แหละเนาะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 21:59:41 ]
ความเห็นที่ 25

เห็นภาพนี้หลายท่านอาจจะเกาหนังศีรษะ ถ่ายมาทำไม ฮิฮิ
ให้ดูกระเบื้องร้อยปีค่ะ นำเข้าจากอิตาลีเชียวนา

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:01:43 ]
ความเห็นที่ 26

แล้วก็แวะกินขนมกับชาในร้านแถวถนนเยาวราชค่ะ อาหารการกินค่อนข้างใช้ได้ ตอนเย็นๆจะมีพวกก๋วยเตี๋ยวฮกเกี้ยน ก๋วยเตี๋ยวหมูและเนื้อ  แต่ตอนเช้าจะมีทั้งโรตีแขก และขนมจีนอร่อยๆให้ทานกันจนถึงเที่ยงก็จะหมดค่ะ แต่ถ้าเดินทางถนนถลางอีกฟากก็จะยังพอมีขนมจีนให้ทานอยู่นะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:02:51 ]
ความเห็นที่ 27

ย่านเมืองเก่าค่ะ สายไฟเก็บเป็นระเบียบมาก

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:03:48 ]
ความเห็นที่ 28

วันต่อมาก็ไปไหว้พระที่วัดฉลองค่ะ มีหลวงพ่อแช่ม มีหอหุ่นขี้ผึ้งขลังดีค่ะ นั่งรถสองแถวสีน้ำเงินภูเก็ตอ่าวฉลองไปค่ะเจอชาวฝรั่งเศสสามคนพ่อแม่ลูกก็ได้สปีคอังกฤษผสมฝรั่งเศสกันสนุกสนานเพราะความรู้ด้านภาษาของอิชั้นเปอตี๊ดอะลิตเติ้ลบิททั้งสองภาษา ครอบครัวนี้น่ารักดีค่ะถามไปถามมาได้ความว่าหนีน้ำท่วมจากทางเหนือมาเที่ยวใต้กัน ท่าทางทั้งสามคนก็คงได้รับรู้ถึงกิตติศัพท์ราคารถที่ไม่ยุติธรรมเลยแอบถามอิชั้น อิชั้นก็บอกที่ไปเนี่ยราคาถูกแล้วคนละ30บาทลงอ่าวฉลองสุดทางลุงคนขับก็ดูซื่อสัตย์สุจริตดีค่ะ

อิชั้นลงที่วัดฉลอง ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกตกใจใหญ่นึกว่าถึงแล้ว ก็บอกไปว่ายังไม่ถึงของคุณยังต้องไปอีก แหปอะไนซ์เดย์ โอเครอวัวร์ค่ะ แล้วอิชั้นก็ลงเดินดุ่มๆเพื่อจะไปเยี่ยมเพื่อนของน้องสาวที่เป็นอัมพฤกษ์ซึ่งบ้านอยู่หลังวัดฉลองพอดิบพอดี ที่นี่บังเอิญเจอคุณลุงคนหนึ่งเป็นวินมอเตอร์ไซค์ เลยเหมารับส่งบ้านเพื่อนของน้องสาวและไปพิพิธภัณฑ์หอยต่อรวมแล้วราคา100บาทค่ะซึ่งนับว่าถูกมากเพราะหนทางช่างไกลได้ใจ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:05:03 ]
ความเห็นที่ 29

ตรงนี้แหละค่ะมีหุ่นขี้ผึ้ง ด้านในเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ประตูมีลวดลายแกะสลักไม้ด้วยค่ะ แต่ถ่ายลำบากเพราะว่ามีกระจกกั้นมันสะท้อนแสงอ่า เดินไปเดินมา ได้ยินแต่เสียงโน๊ะๆ เน๊ะๆ อ๋อทัวร์ญี่ปุ่นลงนี่เอง555

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:07:24 ]
ความเห็นที่ 30

จากนั้นก็ไปดูหอยค่ะ ที่พิพิธภัณฑ์หอย ทางไปหาดราไวย์ เป็นตึกสีโอวัลตินอ่อนๆ หอยจะอยู่ชั้นใต้ดินค่ะค่าเข้า100บาท ชั้นบนจะขายผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากหอยล้วนๆ หันไปทางไหนก็เห็นแต่หอยนานาพันธุ์กันทั้งชั้นใต้ดินและชั้นบนดินกันเลยทีเดียว ที่จัดว่าเด่นคือไข่มุกทองคำหนัก140กะรัต อันโตใหญ่กว่าไข่นกกระทานิดหน่อยค่ะ  

ที่อลังการก็พวกซากฟอสซิลต่างๆที่ใหญ่ยักษ์บักเอ้ก นอกนั้นก็ว่ากันถึงหอยชนิดต่างๆมีทั้งกินพืชพวกส่าหร่ายหรือตะไคร่น้ำเป็นอาหารกินหอยด้วยกันเอง ทากทะเล ลิ่มทะเล หรือกินซากสัตว์ที่ตายแล้ว รวมไปถึงกินโพลิปหรือดอกปะการัง หอยที่กำจัดต้นไม้วัชพืชทะเลที่ตนไม่กินเพื่อให้ต้นไม้ทะเลที่ตัวเองกินได้แพร่พันธุ์อย่างสะดวก(หอยฉลาดอ่า^^ )

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:08:33 ]
ความเห็นที่ 31

ไข่มุกอันข้างบนมาจากหอยอันนี้ค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:09:17 ]
ความเห็นที่ 32

@@@มาเล่าต่อกันถึงเรื่องหอยๆ@@@

มีหอยที่กินปลากินปู หอยสองฝาที่จะไม่มีฟันมีแต่เหงือกไว้กรองอาหารที่เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
หอยมีฟันซ่อนอยู่ในเนื้อรอขย้ำเหยื่ออย่างเลือดเย็น หอยกระดึ๊บๆเร็วและหอยทากคลานช้าขึ้นบกได้
หอยที่รับรู้ทางกลิ่น และหอยที่รับรู้ทางตา หอยบางชนิดมีตาค่าท่านผู้ชม ไม่ได้มีแค่สองตาด้วย ตาอย่างกะสับปะรสเพียงแต่เรียงยาวตามแนวกาบหอย บางตัวมีตา10ตาหรือ12ตา ว้าววว โฟกัสยังไงเนี่ย

มีหอยพิธีหรือหอยสังข์ที่มีที่มาจากคาบสมุทรอินเดีย  และยังมีหอยสองเพศสามารถผลิตสเปิร์มเร่งให้หอยรอบตัวเกิดการผสมพันธุ์กันเป็นกลุ่มได้  ทำได้แม้แต่ผสมพันธุ์กับตัวเอง อย่างเช่นหอยมือเสือโอ้แม่จ้าววว! มีหอยที่เหมือนจิ้งจกด้วยค่ะแบบสลัดเท้าตัวเองล่อศัตรูก่อนหนี หรือล่อเหยื่อก่อนวกกลับมางาบ อย่างหอยมะเฟืองกับหอยกระต่าย ร้ายจริงๆหึหึ  

หอยที่มีกำลังภายในบีบรัดเหยื่อแล้วค่อยเขมือบ อย่างหอยจุกพราหมณ์ แล้วก็หอยมีพิษอย่างเช่นหอยเต้าปูน สีสันจะชวนเวียนหัวเหมือนจะสวยงามอย่าได้ไปแตะเชียวนะคะมันจะปล่อยเข็มพิษออกมาทำให้มนุษย์ตัวโตๆอย่างเราตายได้เลยค่ะ ^^"

ขากลับแสนทรมานไม่น่าให้ลุงวินมอไซค์กลับไปก่อนเล้ยยย ต้องรอรถสองแถวสีน้ำเงินไปหนึ่งชั่วโมง แล้วรถก็หอยทากเรียกทวดเทียดกันเลยทีเดียว โชคดีพอพ้นเขตหมู่บ้านห่างๆเป็นเขตเมืองเขาก็เร่งรถให้เร็วขึ้น คิดไปแล้วก็พอจะนึกออกว่าทำไมถึงได้ขับช้าๆนั่นเพราะรถคิวนี้มีน้อยไม่อยากให้ชาวบ้านทั่วไปต้องพลาดเลยค่อยๆแล่นให้เห็นโดยทั่วกันว่าผมกำลังจะเข้าเมืองแล้วนะคร้าบบบใครจะไปรีบวิ่งออกมาจากบ้านก็ยังทันคร้าบบบ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:11:10 ]
ความเห็นที่ 33

ถึงในย่านเมืองเก่าแล้วก็เดินๆเพื่อจะไปบ้านชินประชาระหว่างทางก็เจอสถาปัตยกรรมสวยๆแต่ดูเก่าๆถามๆคนงานในรั้วบ้านนั้นเขาบอกว่าบ้านนี้ยังมีคนอยู่ แต่ทำเป็นออฟฟิศสำนักงานกฎหมายไปด้วย อิชั้นเกรงใจเลยถ่ายมาให้ดูแค่นี้อีกทั้งใกล้จะถึงเวลาที่บ้านชินประชาจะปิดแล้วด้วยเลยไม่ได้เข้าไปไหว้เจ้าของบ้าน ขอโทษนะคะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:12:53 ]
ความเห็นที่ 34

แล้วจากนั้นก็ไปบ้านชินประชา  บ้านหลังนี้เป็นของเอกชนที่สืบเชื้อสายจากพระพิทักษ์ชินประชา ท่านตันม่าเสียง ต้นตระกูลตัณฑวณิช เปิดชั้นล่างให้ชม ค่าเข้าชม100 คุ้มมากมายค่ะ ถ่ายรูปมาเยอะเชียวแต่รูปที่พอจะโชว์ได้มีน้อย แหะๆ
ภายในของบ้าน มีแต่ของสวยๆงามๆถูกอกถูกใจ ตัวบ้านก็มีอายุราวๆ108 ปี

เป็นตึกอั้งม่อเหลาตึกแรกของภูเก็ตเลยค่ะ สร้างสมัยปลายรัชกาลที่5 เครื่องเรือนต่างๆนำเข้ามาจากหลายประเทศ เก้าอี้ไม้สลักหุ้มผ้าไหมมาจากยุโรป กระเบื้องมาจากอิตาลี ชุดรับแขกประดับมุกมาจากจีน ผสมผสานกันอย่างลงตัวและแน่นอนมีช่องตรงกลางเหมือนพิพิธภัณฑ์ไทยหัวเปี๊ยบ ทำเป็นสวนน้ำเล็กๆกลางบ้านสวยดีค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:14:05 ]
ความเห็นที่ 35

ด้านในบ้านถ่ายรูปได้ค่ะ นี่คือประตูทางเข้าบ้านด้านหน้าค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:14:52 ]
ความเห็นที่ 36

มีห้องนอนในสมัยร้อยปีก่อน ภาพออกมาไม่เจิดเท่าไหร่ขมุกขมัวเหมือนมีดรายไอซ์ปกคลุม เฮ้อ... ดูแค่ฉากกั้นในห้องก็แล้วกันนะคะ แหะๆ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:19:23 ]
ความเห็นที่ 37

ตะเกียงโบราณที่วางไว้บนตู้โชว์

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:20:36 ]
ความเห็นที่ 38

แม่มณีเข้ากระจกบานนี้แล้วจะหายไปอยู่ในยุคไหนเนี่ย ^^"

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:21:35 ]
ความเห็นที่ 39

แล้วไม่มีรูปสาวสวย...ฉายา "จอมนาง" ให้ชมบ้างหรือครับ...
หรือเป็นเพียงแค่คำอวดอ้าง...คำยกย่องที่เกินจริง.....หุหุ

จากคุณ : เล้ง (แก้วบางจาก) [31 ส.ค. 54 22:22:53 ]
ความเห็นที่ 40

ปาดดด .....รีวิวได้สนุกจังค่ะ  ^^

จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย [31 ส.ค. 54 22:28:59 ]
ความเห็นที่ 41

คลังสมบัติ การแต่งกายของชาวภูเก็ตในสมัยนั้น
หญิงที่เป็นลูกครึ่งจีน หรือบาบ๋าจะมีปิ่นกับเข็มกลัดเป็นชุดๆ เรียกว่า กอสั่งเป็นเข็มกลัดติดเสื้อสามชุด อาจจะทำเป็นช่อดอกไม้ทอง หรือฝังเพชรพลอย เสื้อก็จะมียุคสมัยที่ต่างกันไปค่ะ

2443-2463 จะเป็นชุดครุยตัวยาวผ้าป่านรูเปีย อิทธิพลแขก
2463-2473 จะเป็นคาเบยาลินดา จะมีลูกไม้ประดับ จากโปรตุเกส ฮอลันดา อังกฤษ
2473-2483 จะเป็นคาเบยากูบี  ฉลุลายริมเสื้อแทนเย็บลูกไม้
2483-2500 จะเป็นเคเบยาซูแลม ซึ่งคล้ายกับที่ใส่กันในปัจจุบันค่ะ

อ่ะคลังสมบัติส่วนหนึ่งของบ้านชินประชา  
อันนี้ยังไม่รวมเครื่องสวมศีรษะ(ฮั่วก๋วย) สำหรับเจ้าสาวที่ประดับพลอยประดับมุกด้วยนะคะ ไม่สามารถถ่ายมาได้ค่ะ อิอิ  ทรงผมสมัยนั้นจะเป็นทรง ชักอีโบย กับอีเปง ประมาณเกล้าๆเบี่ยงมวยโตๆค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:31:26 ]
ความเห็นที่ 42

#39 ก็จินตนาการกันไปค่ะ555555
#40 ขอบคุณค่ะมือใหม่หัดวิว :)

ครัวโบราณร้อยปี ดูแน่นหนาแข็งแรงมากค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:35:53 ]
ความเห็นที่ 43

ลงภาพผิดซะงั้น อันนี้เป็นตึกบริษัทปาปาดัม ตึกบริษัทปาปาดัมสอนทำขนม+ภัตตาคาร ตัวตึกมีเจ้าของคนเดียวกับบ้านชินประชาแต่แบ่งให้เช่าจะอยู่ติดกับบ้านชินประชาเลยค่ะ

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:38:05 ]
ความเห็นที่ 44

เครื่องกรองน้ำโบราณค่ะ จริงๆมีพัดลมโบราณที่ใช้ตะเกียงจ่อใต้ฐานให้ความร้อนด้วยนะคะ แต่ว่าภาพออกมาเหลือจะฝืนค่ะ มิอยากทำร้ายสายตาและจิตใจผู้คนไปมากกว่านี้อีกแล้ว อ่ะฮือออTT^TT

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:39:45 ]
ความเห็นที่ 45

เขียนสนุกมากค่ะ ขอปาดก่อนตามดูต่อ

จากคุณ : เกิดมาใจดำ [31 ส.ค. 54 22:40:58 ]
ความเห็นที่ 46

และจบท้ายด้วยไปไหว้เจ้ากันค่ะ ที่ศาลเจ้าแสงธรรม เพื่อส่งแสงรุ่งเรืองให้กับชีวิต ซึ่งอยู่ในละแวกที่พักก่อนจะกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นด้วยการเดินไปอีกฟากของถนนถลางที่ไม่ใช่ทางไปถนนกระบี่ ด้วยการเดินข้ามไฟแดงผ่านหน้าสวนสาธารณะแล้วเลี้ยวซ้ายตรงร้านดีแทคก็จะพบคิวรถตู้ภูเก็ตสุราษฏร์อยู่อีกฟากหนึ่งของถนนในราคา200บาทค่ะ

ปุเลงๆหัวโคลงเคลงต่อรถกลับบ้านอีก5ชม.เต็มๆรวมรถเมล์จากสุราษฏร์ไปตลาดสิชล

ขอได้รับการขอบคุณสำหรับการติดตามการเวิ่นไปเรื่อยของอิชั้น  ขอบคุณค่ะ^^

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:42:26 ]
ความเห็นที่ 47

สนุกมากครับ  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

จากคุณ : เล็กทาโร่ [31 ส.ค. 54 22:43:37 ]
ความเห็นที่ 48

ก๊าก ก๊าก ก๊าก

รู้ได้ไงเนี่ย ว่า วัว 3 ตัวนั้น เป็นพ่อ แม่ ลูก กันอ่ะ

ตัวนึงอาจเป็นแค่กิ๊ก กะอีกตัวนึงก็ได้นะ    ส่วนอีกตัวนึง อาจเป็นแค่เด็กอาเสี่ย ก็ได้นะ

จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ [31 ส.ค. 54 22:51:42 ]
ความเห็นที่ 49

#48 จริงด้วยค่ะ พ่อดำ แม่ก็ดำ ไหงลูกออกมาน้ำตาลแดงล่ะนั่น ว๊ากกกก
ตัวลูกรับแขกมากค่ะ หันมองตลอดๆ -_-"

จากคุณ : จอมนาง [31 ส.ค. 54 22:57:03 ]
ความเห็นที่ 50

รีวิวสนุก ชอบมากๆ ค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

จากคุณ : ย้ำคิดย้ำฝัน [31 ส.ค. 54 23:17:03 ]
ความเห็นที่ 51

รีวิว สนุกมากค่ะ กำลังจะไปเที่ยวภูเก็ตพอดี
จะได้ไปเที่ยวตามคุณจอมนางบ้าง โดยเฉพาะเมืองภูเก็ต
อยากดูบ้านเก่า ๆ บ้าง
ขอบคุณค่ะ

จากคุณ : viewdeejang [31 ส.ค. 54 23:47:47 ]
ความเห็นที่ 52

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ ปีหน้าเดี๋ยวจะไปตามรอยนะคะ จองหางแดงข้ามปีไว้แล้ว

จากคุณ : seasonchange with smile [31 ส.ค. 54 23:54:21 ]
ความเห็นที่ 53

...ตามมาเที่ยวภูเก็ตด้วยคนนะคะ   กะพริบตา

แต่ละที่สวยและน่าสนใจมากเลยนะคะ   ^-^

จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน [1 ก.ย. 54 00:08:52 ]
ความเห็นที่ 54

เที่ยวคุ้มมาก หลายที่เลย อุ้ยไม่ได้ไปป่าตอง แหลมพรหมเทพ หาดราไวย์ ฯลฯ ฝั่งกะทู้เลยใช่ป่ะ เห็นไปแถบถลางและไล่ยาวมาจบที่วัดฉลอง อ.เมือง


ขอบคุณค่ะสำหรับภาพสวยๆ จ้า

จากคุณ : คณิตยา [1 ก.ย. 54 00:11:41 ]
ความเห็นที่ 55

ขอบคุณ สำหรับรีวิว สถานที่น่าสนใจ พร้อมคำบรรยาย ประวัติ เพิ่มเติมนี้ อีกด้วยค่ะ

จากคุณ : DangCola [1 ก.ย. 54 00:45:00 ]
ความเห็นที่ 56

 

คหที่ 13   เหมือนย้อนยุคสู่อดีตเลยค่ะ  ^__^

จากคุณ : DOGHALL [1 ก.ย. 54 02:05:14 ]
ความเห็นที่ 57

ไม่มีอะไร แค่คิดถึงจขกท. ^^

จากคุณ : iamtang [1 ก.ย. 54 06:32:17 ]
ความเห็นที่ 58

great review! thanks ka

จากคุณ : Tyrant Schnauzer [1 ก.ย. 54 06:45:01 ]
ความเห็นที่ 59

ขอบคุณคะ เอาไป 3 กิ๊ฟเลย

จากคุณ : เอ๋ (เอ๋ กจ.) [1 ก.ย. 54 08:32:02 ]
ความเห็นที่ 60

ขอบคุณสำหรับรีวิว+ข้อมูลครับ
ข้อมูลเยอะดีมากเลยครับ อ่านแล้วได้ความรู้อีกเยอะเลย

จากคุณ : Destiny-Boy [1 ก.ย. 54 09:34:58 ]
ความเห็นที่ 61

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

จากคุณ : Sweet September Rain [1 ก.ย. 54 11:01:14 ]
ความเห็นที่ 62

หลายๆที่ ยังม่ะมีโอกาสได้ไปเลยแฮะ...

จากคุณ : tuman47 [1 ก.ย. 54 11:27:04 ]
ความเห็นที่ 63

ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ารักๆค่ะ

จากคุณ : elmo_chill_chill [1 ก.ย. 54 12:12:37 ]
ความเห็นที่ 64

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ

จากคุณ : tonhok [1 ก.ย. 54 14:02:01 ]
ความเห็นที่ 65

เล่าเรื่องสนุกจังค่ะ
ปีหน้าเราก็จะไปภูเก็ตเหมือนกัน จองตั๋วแอร์เอเชีย โปรไว้
จองกันข้ามปีเลยที่เดียว งานนี้ก็สงสัยจะได้ไปคนเดียว ขับรถไม่เป็นเหมือนกันหละค่ะ

จากคุณ : Baby_I Know_U Know [1 ก.ย. 54 14:33:58 ]
ความเห็นที่ 66

inlove

ตามมาเที่ยวภูเก็ตด้วยคนนะคะ

อยากไปเดินเที่ยวชมตึกสวยๆ ย่านเมืองเก่าจังเลยค่ะ

กะพริบตา

จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน [1 ก.ย. 54 14:42:24 ]
ความเห็นที่ 67

อ่านแล้วได้ความรู้และสนุกมากค่ะ

จากคุณ : กาหยู [1 ก.ย. 54 16:27:08 ]
ความเห็นที่ 68

นู๋ชอบตรง "ขบเผาะกำลังดี " 555 ใช้คำได้ใจจริงๆค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

จากคุณ : สามแซ่ [1 ก.ย. 54 16:28:59 ]
ความเห็นที่ 69

ข้อมูลแน่นมาก ๆ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

จากคุณ : คนเดียวไม่เหงาเท่าสองคน [1 ก.ย. 54 16:54:56 ]
ความเห็นที่ 70

น่าสนุกจังค่ะ เที่ยวชิลๆแบบนี้คนเดียว

อยากไปแบบนี้มั่ง

จากคุณ : Plara_S [1 ก.ย. 54 18:00:34 ]
ความเห็นที่ 71

กระทู้สนุก คนทำตั้งใจทั้งภาพและบรรยาย  ขอบคุณมาก

จากคุณ : apinpan [1 ก.ย. 54 22:19:06 ]
ความเห็นที่ 72

แอบมาดูแถวๆบ้านด้วยคนค่ะ

คิดถึงมากมาย

ขอบคุณที่รีวิวนะคะ

จากคุณ : LittleEntchen [2 ก.ย. 54 01:19:57 ]
ความเห็นที่ 73

ภาพสวยมากครับ

ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆนะครับ

จากคุณ : paipaiphuart [2 ก.ย. 54 03:20:23 ]
ความเห็นที่ 74

รีวิวสนุกมากค่ะ ได้ความรู้ด้วย ขอบคุณนะคะ  ดอกไม้

จากคุณ : สาวหน้าใส [3 ก.ย. 54 01:03:35 ]
ความเห็นที่ 75

คุณจอมนางมารีวิวห้องนี้อย่าลืมไปห้องถนนนักเขียนด้วยนะคะ  รอติดตามเรื่องใหม่อยู่

จากคุณ : เอกจิตรา [3 ก.ย. 54 14:16:52 ]
ความเห็นที่ 76

เป็นการไปเที่ยวที่คุ้มค่ามากเลยค่ะ และยังเก็บสาระมาแบ่งปันเพื่อนๆด้วยอยากไปคนเดียวแบบนี้บ้างจัง ไปลุยต่างประเทศคนเดียวมาหลายครั้ง
แต่ทำไมเมืองไทยไม่กล้าไปเองซักที

จากคุณ : ขนม-ผิง [24 ก.ย. 54 19:00:57 ]
ความเห็นที่ 77

รีวิวสนุกมากค่ะ ข้อมูลก็เยอะอ่านไปหัวเราะไปจะตามไปเร็วๆนี้แหละค่ะ ว่าจะไปฉลองวันเกิดครบ 20 ปี ไปคนเดียวเลยมาตามดูข้อมูลว่าจะไปตามรอยค่ะ :)

จากคุณ : namfon [4 ต.ค. 54 00:16:45 ]A:180.210.216.74 X: TicketID:332282