สวัสดีค่ะชาวบลูพลาเนตผู้มีใจรักในการเดินทาง
กลางวสันตฤดูที่ผ่านมา สาวข้างบ้านมีโอกาสไปเยือนเมืองน่ารักเมืองหนึ่ง ที่แม้หากผ่านเลยไปก็ยังอดเหลียวหลังกลับมามองไม่ได้ เมืองที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีวิถีปฏิบัติที่ดีงามและควรค่าแก่การอนุรักษ์ การเดินทางมาที่นี่ ทำให้สัมผัสได้ครบทุกอรรถรสในการท่องเที่ยวจริงๆค่ะ เมืองเลย
มาร่วมเดินทางไปพร้อมกันนะคะ แล้วคุณจะพบว่าเมืองนี้มีดีกว่าที่คิดจริงๆ คนปาด
ทุกความคิดเห็น
ทุกกำลังใจที่มีให้กันเสมอมาค่ะ
จังหวัดเลย มีระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 520 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,424 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีความหลากหลายของภูมิประเทศ และสภาพอากาศโดยรวมเย็นสบายตลอดทั้งปี
สำหรับทริปนี้เรามีเวลา 4 วัน 3 คืนในการเที่ยวเมืองเลยค่ะ ฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเก็บสถานที่ท่องเที่ยวได้ครบทั่วทุกเขตอำเภอ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามภูสูงต่างๆ นั้นไม่ได้มีโอกาสแวะไปสัมผัสเลย เนื่องจากคงต้องมีเวลาที่เอื้ออำนวยมากกว่านี้ มาดูโปรแกรมการเดินทางแบบคร่าวๆ ของเรากันค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจจะจัดทริปไปเที่ยวบ้างนะคะ
วันที่ 1 ออกจากกรุงเทพฯเช้า ใช้ทางหลวง 1(ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองสระบุรี ผ่านตรงไปจนถึงสามแยกพุแค ใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอำเภอชัยบาดาล อำเภอวิเชียรบุรี ตัวเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก และเข้าสู่จังหวัดเลยตามทางหลวงหมายเลข 203 มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองก่อน (คืนที่ 1 พักในตัวเมืองเลย)
วันที่ 2 เก็บสถานที่เที่ยวในตัวเมือง และแวะไปอำเภอใกล้เคียงคือ อำเภอหนองหินและอำเภอเอราวัณ ช่วงบ่ายมุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงคาน (คืนที่ 2 พักที่เชียงคาน)
วันที่ 3 ช่วงเช้าเที่ยวรอบๆ เชียงคาน พอสายมุ่งหน้าสู่อำเภอด่านซ้าย เก็บที่เที่ยวจนหนำใจแล้วก็มุ่งลงใต้ในช่วงเย็นกลับลงมาทางอำเภอหล่มสัก ค้างในเมืองพักผ่อนกันอีกสักคืนก่อนเข้ากรุงเทพฯค่ะ (คืนที่ 3 พักที่หล่มสัก) หรือหากใครอึดจะออกจากด่านซ้ายมุ่งตรงเข้ากรุงเทพฯเลยก็ได้นะคะ จะได้ประหยัดเวลากันอีกหนึ่งคืน แต่ทริปนี้พวกเราชิลๆ ค่ะ เลยแวะพักคนพักรถที่เมืองหล่มสักอีกคืน
ทราบเส้นทางเที่ยวกันไปแล้ว ต่อไปก็ตามมาเก็บภาพความประทับใจในการเดินทางทริปนี้พร้อมๆกันเลยค่ะ
เข้าสู่ตัวเมืองเลยในช่วงบ่าย สถานที่แรกที่แวะไปเที่ยวกันคือ ศาลเจ้าพ่อกุดป่อง เป็นศาลเจ้าที่เคารพสักการะของชาวเมืองเลยและผู้คนต่างถิ่นที่ผ่านไปมาค่ะ
สิ่งก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน สวยงามทีเดียว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และในบริเวณเดียวกัน ก็เป็นที่ตั้งของศาลหลักเมืองค่ะ สร้างเมื่อพ.ศ. 2525
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัวเสาหลักเมืองมีความสูงประมาณ 139 เซนติเมตร ทำด้วยไม้ราชพฤกษ์แกะสลักเป็นรูปหัวเม็ดทรงมัณฑน์ ลงรักปิดทองทั้งองค์ (คำว่า มัณฑน์ หรือ มัณฑนะ , มัณฑน , มัณฑนา ตามพจนานุกรมหมายถึง เครื่องประดับ เครื่องตกแต่ง)
ด้านหลังของศาลเจ้าและศาลหลักเมือง จะเป็น สวนสาธารณะกุดป่อง ค่ะ ซึ่งถูกกั้นจากบริเวณศาลเจ้าด้วยบึงน้ำเล็กๆ แต่ก็มีสะพานปูนให้เดินข้ามไปถึงกันได้ค่ะ
งั้นก็เดินข้ามไปเที่ยวกันสักหน่อยดีกว่าเนอะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีบึงน้ำขนานกั้นระหว่างสวนสาธารณะกับถนน ซึ่งเป็นเขตเทศบาลเมือง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เดินเข้าสู่สวนสาธารณะแล้ว ลองนึกภาพช่วงเช้าๆ หรือตอนเย็น น่าจะมีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย มาเดินเล่นหรือพาครอบครัวมานั่งพักผ่อนกันเยอะทีเดียว บรรยากาศดูสบายๆ ร่มรื่นดีค่ะ
มีสวนสนุกเล็กๆ สำหรับคุณหนูน้อยด้วยนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ออกจากที่นั่นวิ่งรถมาอีกไม่ไกล ก็มาสะดุดตากับสะพานแขวนแห่งนี้ มันคือที่ไหนกันนะ? เลยจอดรถลงมาดูกัน ที่แท้ก็คือ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ ป่าเลิงใหญ่ นั่นเองค่ะ โดยจากถนนบริเวณเทศบาลเมืองเลยจะต้องเดินข้ามสะพานแขวนนี้ไปอีกฝั่งเพื่อเข้าสู่สวนสาธารณะ
โดยสะพานแขวนนี้สร้างเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำเลย ที่ไหลผ่านตัวเมืองบริเวณนี้เช่นกันค่ะ เราได้แค่ยืนเก็บภาพสะพานแขวนอยู่ฝั่งนี้ ไม่ได้เดินข้ามไปอีกฟากที่เป็นสวนอ่ะ
ตามคุณปริมไปเที่ยวเมืองเลยด้วยค่ะ
ทำให้นึกได้ว่าไม่ได้ไปนานมากแล้วจริงๆ
ประมาณสี่โมงเย็นหลังจากเดินทางและเที่ยวกันมาจนเหนื่อยได้ที่ ก็เข้าไปเช็คอินที่พักในคืนแรกของพวกเรากันค่ะ บ้านฟ้าดาว แฟมิลี่ รีสอร์ท ตั้งอยู่บนถนนสายเลย เชียงคาน วิ่งรถออกมาจากตัวเมืองเลยประมาณ 8 กิโลเมตร ทางเข้าไปยังรีสอร์ทจะอยู่ทางซ้ายมือเส้นที่จะมุ่งหน้าสู่เชียงคานนั่นแหละค่ะ เข้าซอยไปประมาณ 200 เมตรน่าจะได้
ตามไปด้วยครับน้องปริม
ภาพสีสรรสดใสดีจัง ขอตามไปด้วยคนนะครับ
จากคุณ : inint&anant
เข้ามาด้านในรีสอร์ทกันแล้วค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณMemories pink : คุณแอนมาคนแรกเลยนะคะ มาค่ะตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ เช้าๆแบบนี้อากาศดีทีเดียว
คุณม่วงมหากาฬ : พี่ณเดชขา อิอิ มาค่ะตามมาไวไวนะ
คุณinint&anant : ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวด้วยกันนะคะคุณอิน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บริเวณล๊อบบี้...
เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งจะเน้นงานไม้จำพวกหวาย และมีหมอนปักลายไทยสีหวานๆ ดูเข้ากันได้ดีค่ะ
บ้านพักที่นี่จะมีหลายแบบนะคะ รูปนี้จะเป็นแบบโซนห้องพักค่ะ จะอยู่ใกล้ๆ กับล๊อบบี้เลย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แต่พวกเราพักกันอีกโซนหนึ่งค่ะ ซึ่งอยู่อีกฝั่งของรีสอร์ท ตามมาเลยค่ะ ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไปเที่ยวเมืองเลยด้วยคนครับ
จากคุณ : เล็กทาโร่รูปสวยจังค่ะ ตามไปเที่ยวเลยด้วยคนนะคะ
จากคุณ : น้ำตาลกะข้าวตัง
นี่แหละถึงแล้ว...บ้านพักของพวกเรา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ด้านหน้าบ้านพักค่ะ ภายในบ้านแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และมีส่วนครัวกับห้องนั่งเล่นด้วยนะ
เดินเข้ามาชมด้านในพร้อมกันนะคะ มีกระดานไม้เล็กๆ ไว้ข้ามบ่อเลี้ยงปลาเข้าสู่ตัวบ้านด้วยแหละ...เก๋เนอะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีชุดโต๊ะและเก้าอี้ไม้ไว้นั่นเล่นบริเวณหน้าบ้าน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บ่อปลาและต้นไม้ชุ่มน้ำประดับอยู่บริเวณรอบๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เข้ามาในตัวบ้านจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณเล็กทาโร่ : สวัสดีค่ะคุณเล็ก ตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ
คุณน้ำตาลกะข้าวตัง : ขอบคุณที่แวะมาทักทายเช่นกันค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีชุดเก้าอี้หวายไว้สำหรับนั่งเล่น ดูโทรทัศน์และอ่านหนังสือ
ถัดเข้ามาด้านใน ภายในบริเวณห้องนั่งเล่นเช่นกัน มีเตียงหวายเล็กๆ ไว้ให้นอนเล่นกันด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เดินเข้ามาอีกก็จะเป็นในส่วนของครัวค่ะ โซนนี้พวกเราแทบไม่ได้ใช้กันเลย เพราะเดี๋ยวตอนเย็นก็ต้องออกไปทานข้าวข้างนอกกันอยู่แล้วด้วย มีเพียงตู้เย็นเท่านั้นที่พอได้ใช้ประโยชน์แช่ขนมและเครื่องดื่มบ้าง
และนี่คือห้องนอนของเราค่ะ จากที่มีทั้งหมดสามห้องด้วยกัน เป็นห้องเล็กๆ ไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีผ้าเช็ดตัว และเครื่องอาบน้ำให้พร้อม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แล้วก็ได้เวลาเปิดกระเป๋า เอาเสื้อผ้าออกมาจัดแล้วค่ะ ทริปนี้เป็นปฐมฤกษ์ในการเดินทางของเจ้า Tag 5 ด้วยนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Give แรกของเดือน มอบให้กระทู้นี้เลยครับคุณปริม ฮี่ๆ
จากคุณ : chartchy
เก็บสัมภาระเข้าที่เรียบร้อยก็ออกไปหาอะไรทานกันในตลาดตัวเมืองเลยค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นี่แหละตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดินของชาวเมืองเลย
อาจจะดูไม่ยิ่งใหญ่ ไม่ครึกครื้นฟู่ฟ่าเท่าเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ แต่มันทำให้เห็นวิถีชีวิตยามค่ำคืนของผู้คนที่นี่ค่ะ ขอแนะนำเลยนะคะ ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวที่เมืองไหนก็ตาม ให้ลองออกไปเดินตลาดเช้าหรือตลาดยามเย็นของเมืองนั้นๆ ดู แล้วจะได้พบ ได้เห็น ได้เจออะไรที่แตกต่างมากมาย โดยเฉพาะการใช้ชีวิตประจำวันของคนเมืองนั้นๆ
คุณchartchy : สวัสดีค่ะคุณชาติ ขอบคุณสำหรับกีบและคำทักทายค่า ฮี่ ฮี่
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขากลับเดินมายังจุดที่รถจอดริมถนน ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ กับตลาดโต้รุ่งนั่นแหละ และช่วงนั้นก็ราวๆ สองทุ่มเห็นจะได้ แต่บริเวณรอบๆ เริ่มจะเงียบซะแล้ว ร้านรวงเริ่มปิดทำการ รถราวิ่งผ่านไปมาน้อยลง แต่กลับดูไม่น่ากลัวนะคะ ต่างจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรอย่างเห็นได้ชัด มีแสงสีให้ชมตลอดเวลาไม่เคยหลับใหล
เข้าที่พักก็มานั่งเล่นคุยเล่นกันและดูโทรทัศน์สักพักจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ยังมีโปรแกรมเที่ยวรอพวกเราไปเยือนอีกเยอะ
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นเรื่องปกติ ถ้านอนแปลกที่แปลกทางจะต้องตื่นแต่เช้า ประมาณหกโมงนิดๆ ก็ได้เวลาออกมาสูดอากาศดีๆ ยามเช้ากันแล้วค่ะ
ขอไปส่องจังหวัดเลยด้วยคนค่ะ^^
จากคุณ : สามแซ่
ภายในรีสอร์ทถึงจะมีบ้านพักเพียงไม่กี่หลัง แต่ก็มีเนื้อที่เยอะกว้างขวางทีเดียว พื้นที่ว่างส่วนใหญ่จึงถูกตกแต่งเป็นสวนเล็กๆ กับสนามหญ้าไว้ให้ผู้มาเยือนได้นั่งเล่นเดินเล่นกัน
แล้วก็ได้เวลาอาหารเช้ากันแล้วค่ะ อาคารไม้หลังคาสูงโปร่งนี้ก็คือที่รับประทานอาหารเช้าของผู้ที่มาเข้าพัก
คุณสามแซ่ : ยินดีค่ะ ได้ลูกทัวร์เพิมอีกหนึ่งแล้ววววว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อวานมีเฉพาะกลุ่มของพวกเราที่มาเข้าพัก เช้าวันนี้จึงดูเงียบๆ สบายๆ เหมือนเป็นรีสอร์ทของพวกเราจริงๆ
อาหารเช้าถูกจัดเตรียมโดยเจ้าของรีสอร์ทคนสวยและพนักงานอีกหนึ่งคน ด้วยเวลาอันไม่นานทุกอย่างก็พร้อมสรรพ
รายการอาหารเช้าที่นี่มีไม่มากนักนะคะ จะมีข้าวต้มเครื่อง ขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ และที่เห็นเป็นห่อใบตองนั่นก็คือ ข้าวเหนียวสังขยาค่ะ เป็นเจ้าอร่อยและขายดีมากที่ตลาดเช้าตัวเมืองเลย คุณเจ้าของเธออุตส่าห์ไปรอคิวซื้อมาเพื่อให้พวกเราได้ชิมกันค่ะ ลองแล้วก็อร่อยจริงๆ นะ
เริ่มที่ขนมปังปิ้งกับกาแฟร้อนๆ ก่อนละกันนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตามมาด้วยข้าวต้มไก่ฉีกร้อนๆ อร่อยๆ อุ่นสบายท้องดีจัง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อิ่มแล้วก็ขอเดินเล่นย่อยอาหารสักหน่อยเถอะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บภาพรอเวลาเพื่อนๆ ที่ยังหม่ำอาหารเช้าอยู่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากจัดการอาหารเช้ากันเรียบร้อย ก็เก็บสัมภาระเพื่อเช็คเอาท์ออกเดินทางกันต่อค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีภาพความประทับใจของที่พักอยู่ในความทรงจำกลับมาด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จุดหมายแรกของวันที่สองนี้คือ การไปเที่ยวชม โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ผานาง ผาเกิ้ง ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเอราวัณค่ะ ขับเลยจากตัวเมืองเลยมาไม่ไกล
คำว่า บ้านเล็กในป่าใหญ่ เป็นชื่อที่คุ้นหูคุ้นตาและดูมีความหมายไพเราะมากในความทรงจำของเราค่ะ เคยได้ยินชื่อโครงการนี้ตั้งแต่สมัยยังเด็ก แต่ไม่เคยรู้หรอกว่าโครงการนี้สร้างคุณประโยชน์ สร้างงาน สร้างอาชีพอะไรให้กับชาวบ้านที่นี่บ้าง ตีความหมายเอาเองแต่เพียงว่า น่าจะเป็นโครงการอนุรักษ์ให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสันติ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แต่มาวันนี้เมื่อมาเห็นกับตาตัวเอง ก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเรานั้นเข้าใจความหมายของมันไม่ผิดหรอก บางทีอาจจะรับรู้ถึงประโยชน์ของโครงการนี้น้อยไปด้วยซ้ำ
จากถนนใหญ่เข้ามาไม่ไกล ผ่านแนวต้นไม้ใหญ่อันร่มรื่นก็มาถึงที่ทำการของโครงการแล้วค่ะ
ที่นี่มีการส่งเสริมการเลี้ยงกบและปลาดุกด้วยนะคะ ตอนพวกเราไปจะมีเจ้าหน้าที่โครงการพาเยี่ยมชมส่วนต่างๆ ค่ะ เห็นมีชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงมาขอซื้อพันธุ์กบ เพื่อเอาไปเพาะเลี้ยงเองเป็นอาชีพเสริมด้วยนะคะ
ตรงนี้จะเป็นแปลงผักสาธิตค่ะ ที่เห็นก็จะเป็นผักพื้นบ้านถั่วไป เช่น ฟักทอง มะเขือ พริกและถั่วฝักยาว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มุมนี้เป็นโรงเรือนเพาะเห็ดค่ะ ผลผลิตก็เก็บไปขายกันสร้างรายได้ให้กับกลุ่ม หรือบางทีก็มีผู้สนใจมาขอซื้อหัวเชื้อไปเพาะเองบ้างก็มีนะคะ
ไปด้วยนะ สบายดีบ'
โหลลลๆๆๆๆ ขอไปด้วยคนได้ไหมครับคุณปริม ยังไม่เคยไปเลย อยากไปเลย แต่ขอแบบไม่เลยนะครับ อิอิ
จากคุณ : Coffee Blended
ออกจากอำเภอเอราวัณมุ่งหน้าสู่อำเภอหนองหิน ชื่อก็บอกเป็นนัยๆอยู่ว่าน่าจะมีหินเยอะ แล้วเราจะไปที่ไหนกันล่ะ ถ้าไม่ใช่ที่นี่ สวนหินผางาม
สวนหินผางาม เป็นสวนหินปูนอายุเฉลี่ยประมาณ 250 ล้านปี เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนชายฝั่งระดับตื้น ต่อมาเปลือกโลกยกตัวขึ้นและผ่านสภาพอากาศต่างๆมานานหลายล้านปี ทำให้ภูเขามีลักษณะสวยงามแปลกตา
บริเวณด้านหน้าทางเข้าสวนหิน ได้ถูกดัดแปลงทำเป็นสวนสวยๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกันด้วยนะ
คุณแม่จีน-ไท : ตามมาเลยค่ะ จะพาไปขึ้นจุมชมวิวแล้วนะคะ
คุณCoffee Blended : คุณกาแฟ ตามมาเลยแบบติดๆนะ รับรองไม่เลยไม่หลงค่า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อาคารนี้คือศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ใครที่สนใจต้องการเจ้าหน้าที่นำชมสวนหินและบริเวณรอบๆ ก็ติดต่อได้ที่ศูนย์แห่งนี้ค่ะ ค่าบริการนำชม 100 บาทต่อกลุ่ม (กลุ่มละไม่เกิน 10 คน) โดยจะมีมัคคุเทศก์ตัวน้อยเป็นน้องๆนักเรียนที่มาหารายได้เสริมในวันหยุด มาคอยบริการพาพวกเราเที่ยวชมค่ะ
เส้นทางเดินชมสวนหินก็มีจุดน่าสนใจหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นภูเขารูปทรงแปลกคล้ายกับสัตว์และจุดชมวิวยอดเขาผาบ่อง ซึ่งพวกเราเลือกที่จะขึ้นไปยังจุดชมวิวนี้ค่ะ โดยทางขึ้นไปจุดชมวิวจะต้องนั่งรถแทรกเตอร์ของทางศูนย์อ้อมไปทางด้านหลังแนวเขาค่ะ แต่ไม่ไกลนะคะนั่งรถแป๊บเดียวถึง แต่หากเดินก็ไกลเอาเรื่องอยู่น่ะ ค่าบริการนั่งรถแทรกเตอร์จะต้องเสียต่างหากกับค่าไกด์พาชมนะคะ โดยเสียเพียงคนละ 15 บาท รวมเวลารอรับกลับด้วยนะ
ขอปิดบังโฉมหน้าคุณเพื่อนๆ กันนิดนึงนะ เดี๋ยวชีมาเห็นอาจจะเหวี่ยงได้
นั่งดูวิวชิลๆ ลมพัดเย็นสบายๆ ไม่นานก็ถึงทางขึ้นจุดชมวิวแล้วค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เริ่มเดินขึ้นกันแล้วค่ะ นำทางโดยไกด์ตัวน้อยส่วนหนทางค่อนข้างสะดวกนะคะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จะทำเป็นบันไดเหล็กสลับกับทางเดินหินธรรมชาติไว้ให้เดินตลอดทาง และก็ขึ้นไปไม่ไกลนะคะราวๆ 200 เมตรน่าจะได้ แต่จริงๆขอบอกว่าเหนื่อยมาก เพราะบันไดมันชันเหลือเกิน หายใจแทบไม่ทัน
แต่พวกเราก็ขึ้นมาถึงกันจนได้ จุดชมวิวผาบ่อง ค่ะ
เห็นภูเขาหินปูนสูงใหญ่ลดหลั่นกันไปอยู่เบื้องหน้า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แต่เหมือนฝนฟ้าไม่เป็นใจเอาซะเลย ขึ้นมายืนบนจุดชมวิวได้ยังไม่ทันหายเหนื่อย ฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาเม็ดใหญ่มาก บริเวณนั้นก็ไม่มีที่หลบฝนซะด้วย จึงต้องรีบเดินกลับลงมายังด้านล่างกันโดยด่วน อาศัยแนวร่มไม้ระหว่างทางคอยบังเม็ดฝนตลอดทาง
ภูเขาที่เห็นในรูปเพื่อนๆ ว่ารูปทรงเหมือนอะไรคะ น้องไกด์ของเราบอกว่าเหมือนเต่า มองไปเราก็ว่าเหมือนจริงๆนะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พอลงมาจากจุดชมวิวเพื่อหลบฝนยังเพิงพักด้านล่างไม่นานฝนก็หยุดตกค่ะ...ซะงั้น ก็เลยนั่งรถแทรกเตอร์กลับออกมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อเปลี่ยนมายังรถของพวกเราแล้วขับตามถนนลาดยางเส้นเดิมที่วิ่งเข้ามายังสวนหินนี่แหละ วิ่งรถเข้าไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จนสุดปลายของถนนที่เป็นทางลาดยาง ก็จะพบกับน้ำตกเล็กๆ แห่งหนึ่งค่ะ
ถึงแล้วค่ะน้ำตกเพียงดิน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
น้ำตกเพียงดิน เป็นน้ำตกขนาดเล็กอยู่เลยสวนหินผางามมาไม่ไกล บริเวณน้ำตกมีร้านอาหารพื้นบ้านไว้บริการสำหรับผู้มาเล่นน้ำ หรือมานั่งเล่นด้วยนะคะ
บริเวณด้านข้างตัวน้ำตก จะมีทางเดินเป็นบันไดหินลงไปชมด้านล่าง แต่ต้องเดินอย่างระมัดระวังนะคะ เพราะมันลื่นมากอ่ะ
เป็นน้ำตกขนาดเล็กมีไม่กี่ชั้นเอง แต่ก็สวยและบรรยากาศโดยรอบดูสดชื่นทีเดียว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สามารถเล่นน้ำได้ที่แอ่งน้ำบริเวณนี้ค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พวกเราออกจากตัวน้ำตกกันในช่วงบ่าย มุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป...อำเภอเชียงคานค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกือบหนึ่งปีก่อนหน้านี้เราเคยมาที่นี้เพียงลำพังค่ะ เป็นทริปแรกที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเลยล่ะ มาอยู่ที่นี่ 3 วัน 2 คืน และกลับกรุงเทพฯไปด้วยความประทับใจกับเมืองน่ารักเมืองนี้
สามารถย้อนกลับไปติดตามความทรงจำดีๆ และเรื่องราวความประทับใจของเรากับเมืองนี้ได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9882727/E9882727.html
ถ้าถามว่าเชียงคานในวันนี้เป็นอย่างไร แตกต่างจากในวันวานที่เคยมาเยือนเมื่อปีก่อนโน้นหรือไม่ คำตอบคือ...แตกต่างค่ะ
แต่อย่าเพิ่งคิดในแง่ลบกันไปก่อนนะคะ เหรียญย่อมมีสองด้านค่ะ ถึงแม้เชียงคานในวันนี้จะมีความเจริญทางด้านวัตถุเข้ามามากขึ้น แต่สิ่งดีๆ และสวยงามน่าชื่นชมก็ยังมีอยู่
มาค่ะ ... เราจะพาไปเดินเล่นที่ถนนชายโขง ไปดูความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของเมืองนี้กัน
เชียงคาน...เมืองแห่งบ้านไม้ริมโขง คำนิยามที่ดึงดูดนักเดินทางให้มาเยือนเมืองแห่งนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปัจจุบันนี้บ้านไม้หลังเก่าหลายหลังถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นที่พักอาศัยเพื่อรองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดความเป็นบ้านไม้อยู่เช่นเดิม เพียงแต่มีการปรับปรุงให้มีความมั่นคงและและแตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจมากขึ้น
ในขณะเดียวกันบ้านไม้หลังเก่าจริงๆ ก็ยังหาดูได้อยู่บนถนนเส้นนี้ แต่จะยังคงอยู่ให้ได้เห็นกันอีกนานแค่ไหนนั้น ก็คงต้องขึ้นอยู่กับการจัดการของคนริมโขงแห่งนี้ เพราะพวกเขาคือเจ้าของบ้าน
เป็นธรรมดาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เจ้าของบ้านก็ต้องปรับตัวและดำรงชีพให้เข้าแวดล้อมที่ต่างไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ร้านรวงสมัยใหม่ตกแต่งแนวร่วมสมัยก็มีมากขึ้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อสนองตอบความต้องการของนักท่องเที่ยวล้วนๆ เพราะมีอุปสงค์จึงต้องมีอุปทานตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่สินค้าพื้นเมืองก็ยังมีให้ได้ซื้อหาอยู่เช่นกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อุตสาหกรรมในครัวเรือนของชาวเชียงคาน ที่คนรุ่นกลางถึงรุ่นเก่ายังคงอนุรักษ์ไว้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความเป็นตัวตนเหล่านี้จะยั่งยืนอยู่ได้นานหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่เราให้ความสำคัญและร่วมกันสนับสนุนเพื่อต่อลมหายใจต่อไป
วันที่พวกเราไปเป็นวันธรรมดานักท่องเที่ยวน้อยมาก ส่งผลให้ร้านรวงต่างๆบริเวณถนนคนเดินเปิดขายเพียงไม่กี่ร้าน
นานๆ จะได้เดินสวนกับกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วยกันเอง ทำให้ได้สัมผัสเนื้อแท้ของเชียงคานจริงๆมากขึ้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เดินผ่านวัดศรีคุณเมือง ซึ่งตั้งอยู่ช่วงกลางของถนนริมโขง แม้เวลาผ่านไปและสังคมภายนอกวัดพัฒนาไปเพียงไร แต่วัดนี้ก็ยังสวยสงบงามเช่นเคย
ตอนเย็นๆ เหล่าภิกษุจะพากันมากวาดลานวัดและทำความสะอาดบริเวณรอบวัด เป็นภาพประทับจิตของผู้ไปเยือน แต่คงเป็นภาพคุ้นชินของผู้คนที่นี่ไปแล้ว
มาเดินเลียบเลาะริมน้ำโขงกันบ้าง สายน้ำในวันนี้ยังคงไหลเอื่อยเหมือนเช่นวันวาน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การนั่งมองสายน้ำยามเย็น เฝ้ารออาทิตย์อัสดง ให้สายลมแผ่วมาปะทะใบหน้า ถือเป็นความสุขเล็กๆ ในความทรงจำ
หลังจากเดินเล่นที่ริมโขงยามเย็น ก็เข้าสู่ที่พักของเราในคืนนี้ โรงแรมสุขสมบูรณ์ เป็นที่พักซึ่งด้านหน้าติดถนนชายโชง ด้านหลังบ้านติดริมน้ำโขง บรรยากาศดีใช้ได้เลย
พอพลบค่ำหลังจากจัดการกับอาหารเย็น ก็มาเอาจักรยานของที่พักชวนกันกับเพื่อนๆ ปั่นเที่ยวให้ทั่วถนนชายโขงกันเลยทีเดียว
ถนนคนเดินค่ำนี้ยังพอมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารให้ได้เข้าไปอุดหนุนได้บ้าง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเราที่จะขาดไม่ได้เลยยามออกเดินทางไกลบ้าน ก็คือการส่งโปสการ์ดค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เป็นความนิยมทางวัตถุเล็กๆ น้อยๆ และราคาเบาๆ สำหรับนักเดินทางอย่างเราค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังเลือกโปสการ์ดจนถูกใจและสนุกกับการปั่นจักรยานชมเมืองยามค่ำคืนกันพักใหญ่ ก็ได้เวลากลับที่พักกันแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คืนนั้นนอนหลับสบายมากเพราะร่างกายเหนื่อยล้ากับการเดินทางมาตลอดทั้งวัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีห้ากว่าๆ ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว พอฟ้าเริ่มสว่างก็ชวนกันไปกับเพื่อนอีกคน ไปเที่ยวชมตลาดเช้าของเชียงคานกันค่ะ พวกเราเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ ช้าๆ ไม่รีบค่ะ
ตลาดเช้าที่นี่ครึกครื้นดีไม่น้อย ผู้คนในตลาดเกือบทั้งหมดเป็นคนท้องถิ่น มีนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ หลงมาเดินไม่กี่คน
เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย เลยอยู่ได้
คุณปริมขา...ขอมาสดชื่นยามเช้าด้วยนะคะ
ผลิตผลส่วนใหญ่ที่วางขายก็เก็บมาจากไร่สวนของคนในพื้นที่ทั้งนั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณYukung : คุณยู มาถึงก็โยนมุขเลยนะคะ
คุณYai Klong_Tour Rai : ตุณบงมาแล้ววววววว ตามมาเที่ยวกันค่ะ เดี๋ยวจะพาไปชมดอกไม้สวยๆนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายดูจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี การได้มาเดินตลาดเช้าที่นี่ทำให้เราได้เห็นความเป็นอยู่ของชาวเชียงคานอย่างแท้จริงได้ชัดเจนขึ้น
จุดประสงค์หลักอีกอย่างของการมาเดินตลาดในเช้านี้ก็คือ การมาซื้อข้าวเหนียวนึ่งไปใส่บาตรค่ะ ซึ่งในตลาดสดจะมีอยู่เจ้าหนึ่งที่จะนึ่งข้าวเหนียวขายโดยเฉพาะ พอได้ข้าวเหนียวแล้วก็ไม่ลืมที่จะซื้อปาท่องโก๋ยัดไส้ อาหารว่างขึ้นชื่อของที่นี่ไปให้เพื่อนๆ ที่บ้านพักได้ชิมกันด้วย
กลับมาทันเวลารอใส่บาตรพอดีเลยค่ะ มีคุณป้าและคุณยายชาวเชียงคานมาปูเสื่อนั่งรอพระอยู่ก่อนแล้ว พอพวกเราเดินไปนั่งรอใกล้ๆ พวกท่านก็เชื้อเชิญให้มานั่งใกล้ๆกัน พร้อมถามสารทุกข์สุกดิบของผู้มาเยือนอย่างเราๆ อบอุ่นและประทับใจจังค่ะ
ราวๆ หกโมงครึ่ง พระสงฆ์และสามเณรก็ทยอยเดินเรียงแถวมารับบาตรแล้วค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ข้าวเหนียวนึ่งหนึ่งหยิบมือ...ต่ออายุพระพุทธศาสนา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รับบาตรเสร็จก็ให้พรแก่ญาติโยมค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แล้วก็เดินเรียงแถวไปบิณฑบาตโปรดสาธุชนที่อื่นต่อ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ใส่บาตรเสร็จและล่ำลาขอบคุณในไมตรีจิตของคุณป้าคุณยาย ก็พากันมาเดินสูดอากาศดีๆ ยามเช้าที่ริมน้ำโขงส่งท้ายเมืองนี้กันอีกครั้ง
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ ก่อนออกจากเมืองนี้ก็ไปแวะที่แก่งคุดคู้กันด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินใหญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขง และอยู่บริเวณช่วงโค้งของลำน้ำโขงพอดี ทำให้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวไหลผ่านแก่ง
ช่วงเวลาที่พวกเรามากันนี้เป็นช่วงหน้าน้ำพอดี ระดับน้ำจึงสูงท่วมจนมองไม่เห็นแก่ง แนะนำว่าหากท่านใดต้องการจะมาเที่ยวเพื่อให้เห็นแก่งจริงๆ จะต้องมาในช่วงหน้าแล้งในราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม จึงจะสามารถเห็นเกาะแก่งได้อย่างชัดเจน
ขับรถออกมาจากแก่งคุดคู้ได้ไม่ไกล วิ่งเส้นที่จะกลับเข้าตัวเมืองเชียงคาน ก็จะพบกันร้านขายมะพร้าวแก้วริมถนนตลอดข้างทาง จึงแวะอุดหนุนกันสักหน่อย
แถมยังได้เห็นถึงกรรมวิธีการทำกันแบบใกล้ๆเลยด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และที่เที่ยวแห่งสุดท้ายที่แวะก่อนออกจากเชียงคานก็คือ วัดท่าแขก ค่ะ แวะไปทำบุญไหว้พระกันสักหน่อย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วัดท่าแขกเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ถ้ามาจากตัวเมืองเชียงคานจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงหมู่บ้านน้อยและแก่งคุดคู้ไม่ไกล
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในวัดมีพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ให้กราบไว้กันหลายจุด ทั้งในพระอุโบสถและกลางแจ้งบริเวณใต้ร่มไม้ด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในพระอุโบสถบางส่วนยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างปรับปรุง แต่ก็ยังพอมองเห็นสถาปัตยกรรมของประตูและหน้าต่างรอบๆ พระอุโบสถซึ่งเป็นงานไม้แกะสลักอย่างสวยงาม
ขอพรให้เดินทางต่อโดยปลอดภัย ก็มุ่งหน้ากันสู่จุดหมายปลายทางต่อไป โดยวิ่งรถจากเชียงคานมาที่ตัวเมืองเลย ตัดออกสู่ทางหลวงหมายเลข 203 เข้าสู่อำเภอภูเรือ แต่จุดหมายปลายทางของพวกเราที่แท้จริงอยู่ที่ด่านซ้ายค่ะ
เพียงแค่แวะทานข้าวและพักรถที่แถวภูเรือเท่านั้น แต่ก็ยังพอมีเวลาแวะชมความสวยงามของต้นไม้กันที่ คำนวณเนิร์สเซอร์รี่ ซึ่งเป็นร้านเพาะพันธุ์และจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับร้านหนึ่งในภูเรือค่ะ
น้องปริม มาขอลงชื่อไว้ก่อนนะครับเดี๋ยวมาอ่านอีกที วันนี้ยุ่งจัง
ขอไปด้วยคนนะคะ ยังไม่เคยไป "เลย"
มีต้นไม้สวยๆ ให้ซื้อหาไปประดับบ้านกันมากมายหลากหลายทีเดียว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เราชอบมากเลยต้นนี้ ฟูเซีย ค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อันนี้ดอกอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีป้ายบอก แต่ชอบตรงที่มีกลีบดอกสีม่วงเล็กๆ ตัดกับสีชมพูสวยดีค่ะ
ส่วนนี่ก็ไม่เคยจะทราบชื่ออีกตามเคย แต่เดาว่าน่าจะเป็นประเภทไม้ประดับนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณ BANBONDOI : แค่แวะมาทักทายกันก่อนก็ดีใจแล้วค่ะพี่เปี๊ยก แล้วอย่าลืมตามมาเก้บตกอีกรอบนะคะ
คุณZhuZhuJoopJoop : ได้สิคะ ตามมาเลยค่ะ ^^
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แต่อันนี้ กระบองเพชร ใช่มั๊ยน๊า
นอกจากนี้ยังมีต้นไม้สวยๆ งามๆ ให้ได้ชมอีกเยอะจนเก็บภาพมาถ่ายทอดได้ไม่หมดอ่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แล้วก็มาถึงอำเภอสุดท้ายในการเดินทางทริปนี้ของพวกเรา อำเภอด่านซ้ายนั่นเองค่ะ สถานที่แรกซึ่งจะพลาดไม่ได้เมื่อมาถึงด่านซ้ายก็คือ การมาสักการะ พระธาตุศรีสองรัก
องค์พระธาตุศรีสองรักจะมีรูปทรงเป็นศิลปกรรมแบบล้านช้างนะคะ มีฐานเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสอง องค์ระฆังทรงบัวเหลี่ยมคล้ายกับพระธาตุพนม พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นอุเทสิกเจดีย์ (หมายถึง เจดีย์ที่สร้างขึ้นโดยมีเจตนาอุทิศให้พระศาสนา โดยไม่กำหนดว่าจะต้องใช้เก็บรักษาสิ่งใด) เป็นการสร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยา (สมัยพระมหาจักรพรรดิ) และกรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง (สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช)
การไปสักการะพระธาตุศรีสองรัก ไม่ควรนำสิ่งของหรือดอกไม้แดงขึ้นบูชา และไม่ควรแต่งกายด้วยชุดสีแดงขึ้นไปนมัสการ เพราะองค์พระธาตุสร้างขึ้นเพื่อสัจจะและไมตรี แต่สีแดงนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง
ถัดเลยจากพระธาตุศรีสองรักไปเพียงเล็กน้อย บนเนินเขาจะเป็นที่ตั้งของ วัดเนรมิตวิปัสสนา ซึ่งพระอุโบสถและพระเจดีย์ภายในวัดต่างก็ก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง
มีพระอุโบสถขนาดใหญ่ เดี๋ยวเข้าไปชมด้านในพร้อมกันนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บรื้นๆๆๆๆ บิดคันเร่งเวสป้าตามมาชมรีวิวแบบสดๆติดขอบจอ ^^
จากคุณ : เวสป้าสยาม
หน้าทางเข้าพระอุโบสถมีองค์พระพุทธรูปหลายปางให้สักการะเช่นกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน คือ พระพุทธชินราชจำลอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถยังมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มในการก่อสร้างวัด ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้วประดิษฐานอยู่ด้วย
คุณเวสป้าสยาม : ไม่ได้ทักทายกันซะนานเลยนะคะ งั้นต้องบิดตามมาให้ทันนะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พอเดินออกมาภายนอก มองไปยังมณฑปด้านหลัง เป็นที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ เช่นกันค่ะ แต่ไม่ได้เก็บภาพมาเพราะแบตฯกล้องดันมาหมดซะก่อน
ปิดท้ายทริปนี้กันด้วยการมาเยี่ยมผีตาโขนกันที่นี่ค่ะ พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน ซึ่งตั้งอยู่ในวัดโพนชัย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีผีตาโขนมารอรับผู้มาเยือนถึงหน้าบันไดเลยนะนั่น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในวัดโพนชัยยังมีพระธาตุศรีสองรักจำลองตั้งอยู่ด้วยนะคะ ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่าพระธาตุองค์จริงค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อาคารพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนเป็นอาคารเรือนไม้ ซึ่งภายในจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองด่านซ้าย นิทรรศการผีตาโขน และการสาธิตการทำหน้ากากผีตาโขน โดยจะเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น. ค่ะ
อืม...ไม่นึกว่าเมืองเลยจะมีอะไรให้ชมมากมาย
ขอบคุณน้องปริมนะจ๊ะ ป้ากดเก็บเข้าคลังไว้แระ เผื่อวันหลังมีโอกาสจะได้ตามรอยถูก
จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล
พอเข้ามาด้านในพิพิธภัณฑ์ก็เจอเหล่าบรรดาผีๆ มารอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คิดถึงเลยมากกกกกกกกกกกกกกก ไปมาสองรอบ
ชอบด่านซ้ายมาก.....
เกาะกระทู้เมืองน่ารักอีกเมืองที่ผมชอบ เลย .... เลยอินเลิฟฟฟฟ
เกาะล้อไปด้วยคนนะครับ
คุณเตี้ยอ้วนชวนไถล : สวัสดีค่ะป้าเตี้ย ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่ช่วยเก้บเข้าคลังกระทู้ให้ด้วย ตามมาเที่ยวด้วยกันต่อนะคะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เหนื่อยนักก็นั่งพักกันก่อนมั๊ย ?
คุณชานมชงเอง : คุณชานมตามทันทักทายผีตาโขนพอดีเลยนะ
คะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่ต้องกลัวว่าจะนั่งคนเดียวจะเหงานะคะ เพราะมีเพื่อนๆมานั่งใกล้ๆ อีกเยอะแยะ
ตรงนี้จัดแสดงวิธีการทำหน้ากากผีตาโขนค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีแบบจำลองขบวนแห่ผีตาโขนบริเวณวัดโพนชัยด้วยนะคะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมืองเลย นอกจากภูกระดึงแล้ว ยังมีที่ให้เที่ยวอีกมากเชียวครับ
อยากไปเชียงคานมั่งจังเลย น้องปริมมีอะไรให้หม่ำบ้างครับเนี่ย
มื้อกลางวันพอดี
ยิ้มต้อนรับกันตลอด อัธยาศัยดีเป็นเลิศนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เดินกลับออกมาจากอาคารพิพิธภัณฑ์ มายังร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับผีตาโขน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีทั้งหน้ากากผีตาโขนขนาดต่างๆ พวงกุญแจ ที่ติดตู้เย็น ฯลฯ ก็ช่วยกันอุดหนุนมาบ้างเล้กน้อยค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ย่องตามมาด้วยค่ะ
เมืองเลย เมืองเล็กๆ แต่มีเสน่ห์ น่ารักมากเลย^^
จากคุณ : hollaneung
คุณBANBONDOI : พี่เป๊ยก มาปิดท้ายรีวิวพอดีเลยนะคะ ทริปนี้ไม่ได้ถ่ายรุปของกินเลยอ่ะค่ะ เสียใจด้วยนะคะ คงต้องหาหม่ำเองแล้วหล่ะค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และแล้วการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดเลยของเราก็สิ้นสุดลงที่อำเภอด่านซ้ายค่ะ ก่อนจะเดินทางกลับมาใช้ชีวิตปกติที่กรุงเทพกันต่อ ตลอดการเดินทางจะเห็นว่าในแต่ละอำเภอของจังหวัดเลยมีสิ่งที่น่าสนใจแตกต่างกัน บางแห่งมีความโดดเด่นทางธรรมชาติ บางแห่งโดดเด่นทางวัฒนธรรมประเพณี และแม้บางที่ความเจริญทางวัตถุก้าวกระโดดไปไกลแต่ก็ยังแอบแฝงไว้ซึ่งวิถีปฏิบัติที่ดีงามให้ได้เห็นกันอยู่ ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่ที่คนท้องถิ่นผู้เป็นเจ้าของบ้าน และคนนอกผู้ไปเยือนอย่างเราๆ ว่าจะร่วมมือกันรักษาสิ่งดีงามเหล่านั้นไว้ให้คงอยู่ได้นานแค่ไหน
อย่าลืมนะคะมีเวลามีโอกาสเมื่อไหร่ ก็ออกเดินทางกันเถอะค่ะ ทุกที่ล้วนมีบางสิ่งที่รอให้คุณไปค้นพบอยู่ แต่ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ขอให้พึงเคารพในกฎกติกาของสังคมนั้นๆ ด้วยนะคะ และรับรองว่าสิ่งที่คุณจะได้กลับมาต้องมีมากกว่ารอยยิ้มแน่นอนค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามและทุกกำลังใจค่ะ ทริปหน้าจะพาไปเที่ยวไหน อย่าลืมตามติดและติดตามกันนะคะ
มาตอนจบพอดีเลย ต้องขอบคุณน้องปริมสำหรับรีวิวมากครับ
อ่านแล้วอยากไปเยือนเชียงคานเลยครับ
ก่อนที่เมืองสงบๆแบบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้
ขอบคุณสำหรับรีวิว สดชื่นๆ สวย ๆ
รับเดือน กันยายน คร๊าา ^____^
ขอบคุณที่พาตลุยเมืองเลยนะครับ
จากคุณ : white koalaเข้ามาอ่าน แล้วเหมือนได้ไปเอง..
ได้ข้อมูลเยอะมาก
ขอบคุณค่ะสำหรับรีวิวสวยๆ พร้อมกับความสดชื่น
เมืองเลยนี่ สวยงาม น่าเที่ยว น่าสนใจ จังค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีิวิวนะคะ
ขออภัยอย่างแรงที่มาปาดไม่ทันครับ ช่วงนี้ภารกิจรัดตัว แหะๆ
บอกตามตรงว่ายังไม่เคยไปเที่ยวเลยครับ ได้แต่ผ่านตอนไปเพชรบูรณ์เฉยๆ
ที่พักน่ารักมาก ได้บรรยากาศสุดๆ เชียงคานก็น่าไป
ได้แต่ชมรีวิวคุณปริมไปก่อนแล้วกัน ขอบคุณที่่นำมาให้ชมด้วยครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะคุณปริม^^
จากคุณ : SCFMรักแล้ว รักเลยจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆ นะคะ
กิฟแรกของเดือนค่ะ
ให้กับจังหวัดที่ไปไม่ถึงซะที....."เลย".....
จากคุณ : บัวนลินไปแล เลย ด้วยคนคะ
จากคุณ : สายลมที่หวังดีห่างไกลเหลือเกินเข้ามาดูอีกรอบ
จะหลายรอบไปไหมเนี้ย
แต่คิดถึงเลยจริงๆเลยค่ะ
ตอนนี้คงอากาศดีมว๊ากกก โอ้ยๆๆ อยากไป อยากไป
คุณhollaneung : ใช่แล้วค่ะคุณหนึ่ง นี่ขนาดยังเก็บรายละเอียดไม่ครบทุกแห่งนะคะ ยังรู้สึกชอบเมืองนี้จริงๆ ถ้ามีเวลาอย่าลืมแวะไปบ้างนะคะ
คุณBANBONDOI : พี่เปี๊ยก ^^ สองหนุ่มปิดเทอมก็ลองจัดทริปไปนะคะ เชียงคานในวันนี้ถึงจะเปลี่ยนแปลงไปในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังน่าไปเที่ยวอยุ่นะคะ
ตุณP r i m t a a : ทริปนี้เป็นทริปที่สดชื่นจริงๆด้วยค่ะ เพราะระหว่างทางเจอฝนตลอด แต่ก็บรรยากาศดีไปอีกแบบนะคะ
คุณwhite koala : ขอบคุณเช่นกันค่ะ
คุณoct&dec : ขอบคุณที่แวะมาอ่านรีวิวค่ะ
คุณต้มส้มปลากระบอก : หวังว่าข้อมุลในรีวิวจะเป็นประโยชน์เผื่อคุณจะจัดทริปไปเที่ยวเมืองเลยไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณที่แวะมาค่ะ
คุณลุงหนวด & ต้นอ้อ : เมืองเลยเป็นเมืองที่มีที่เที่ยวเยอะและหลากหลายค่ะ ถ้ามีเวลาต้องไม่พลาดจัดโปรแกรมไปเที่ยวกันนะคะ
คุณKoon Shy_Tour Dee : มาไม่ทันปาดดดก็ไม่เป็นไรนะคะคุณป้อม แค่เข้ามาทักทายและตามไปเที่ยวผ่านรีวิวนี้ด้วยกันก็ดีใจแล้วค่ะ
คุณSCFM : ขอบคุณเช่นกันนะคะ ที่แวะมาทักทายกันสม่ำเสมอ
คุณบัวกอน้อยลอยชูช่อ : ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองนี้ รับรองเลยค่ะ ว่าจะหลงรักอย่างจริงจัง ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ
คุณบัวนลิน : ดีใจที่พี่บัวแวะมาค่ะ และขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
คุณสายลมที่หวังดีห่างไกลเหลือเกิน : ขอบคุณที่แวะมานะคะ ถ้ามีโอกาสต้องไม่พลาดไปแลด้วยตาตัวเองนะคะ
คิดถึงสวนสาฯกุดป่อง บรรยากาศตอนเย็น ตีซี้เด็กขอซ้อนท้ายจักรยาน 555+
จากคุณ : มายแอปเปิ้ลพาย..
เป็น ๔ วัน ๓ คืน ที่คุ้มค่ามากเลยครับ
ได้ภาพสวยๆ ประสบการณ์ท่องเที่ยวน่าตามรอยกลับมาเยอะเชียว
..
ตามน้องปริมคนสวยมาเที่ยวด้วยครับ
ทริปเดียวคุ้มเลยนะ มีน้ำตกเพียงดินที่ยังไม่เคยไป ไว้ครั้งหน้าจะไปชมบ้าง
ไปเที่ยวนี่คุ้มเลยครับไปหลายที่มากๆเลย ที่เลยนี่มีหลายสิ่งหลายอย่างน่าสนใจมากเลยครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
...ตามคุณปริมมาเที่ยวเลยด้วยคนนะคะ
พาไปแต่ที่สวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ ชอบเชียงคานมากๆ เลยค่ะ
ที่พักก็ดูน่าพักมากๆ เลยนะคะ ชอบจังเหมือนบ้านเลยค่ะแล้วก็ดูเงียบๆ ดีนะคะ ^-^
ตามเที่ยวเพลินเลยค่ะ ไปหลายที่เลย ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
จากคุณ : Red-Rose-14Feb
คุณมายแอปเปิ้ลพาย : ที่กุดป่องบรรยากาศดีมากเลยนะคะ เสียดายมีเวลานิดเดียว ณ จุดนั้น ที่จริงอยากนั่งพักนานๆ ด้วยซ้ำ
คุณPOGGHI : ขอบคุณที่แวะมานะคะ เป็นทริปที่ได้เที่ยวอย่างคุ้มค่ากับเวลาจริงๆ ค่ะ ประทับใจในทุกๆ แห่งเลยค่ะ
คุณtiger's nest : แอบเสียดายที่ไม่ทันได้ไปช่วงเทศกาลผีตาโขน ไม่งั้นคงได้สนุกกับบรรยากาศของงานนะคะ น้ำตกเพียงดินไปช่วงหน้าฝนแบบนี้น้ำเยอะหน่อย สวยเป็นพิเศษ
คุณDestiny-Boy : ขอบคุณที่แวะเข้ามาเช่นกันค่ะ
คุณปลายฟ้าที่ภูตะวัน : คุณตะวัน ขอบคุณอีกครั้งสำหรับชื่อดอกไม้ต่างๆ นะคะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นด้วยอ่ะ หากมีโอกาสต้องจัดทริปไปบ้างนะคะ
คุณRed-Rose-14Feb : ทริปนี้ไปหลายที่มาก เหนื่อยแต่ก็สนุกค่ะ ไปกับเพื่อนๆก็เฮฮากันไปตลอดทาง ขอบคุณที่แวะมาชมรีวิวนะคะ ขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกกำลังใจที่เข้ามาทักทายกันนะคะ
เน็ตที่บ้านหนีตามเฮอร์ริเคนไอรีนไปซะสองวัน เพิ่งจะเข้ามาเม้นท์ได้ก็วันนี้ค่ะ ดีจังที่เมืองเลยมีอะไรให้ดูมากมายนอกเหนือจากภูกระดึงและเชียงคาน วันหลังต้องขอตามรอยบ้าง....
จากคุณ : ป้าฟูละเอียดมากครับ บางที่ก็ยังไม่เคยไปเลย ส่งสัยคงต้องไปตามแลเลยกันซักหน่อยแล้ว
ขอบคุณ Review นี้มากครับเป็นประโยชน์ดี ไว้มาแบ่งปันกันอีกนะครับ
ตามมาเที่ยวเชียงคาน@เลย ด้วยคนนะคะ เพิ่งไปมาเหมือนกันค่ะ ^__^
จากคุณ : DOGHALL
ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยมากๆค่ะ
ตามไปเที่ยวเมืองเลยด้วยคน เมืองเลยเป็นเมืองน่ารักและสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลกันมาก ชอบมากมาย ขอบคุณสำหรับรีวิวและภาพสวยๆ นะครับ
จากคุณ : noiwanwannoiตามมาเที่ยวตอนนี้ยังทันไหมคะ