นกน้อยพาเที่ยว - ญี่ปุ่น 'HAKONE' ตอน 1 นั่งรถรางชมวิวบนยอดเขา

ตื่นเช้ากันอีกวัน เสื้อผ้าหน้าผมพร้อม มุ่งหน้าตรงดิ่งไปที่สถาณีชินจูกุ เพราะจุดเริ่มต้นของทริป ฮาโกะเนะ เริ่มต้นจากที่นี่นั่นเอง

ไปตอนเช้าแบบนี้ ได้สัมผัสบรรยากาศ Rush hour ของญี่ปุ่นแบบเต็มๆ รู้ๆกันดีอยู่ว่าช่วงเช้าก่อนไปทำงานและช่วงเย็นหลังเลิกงาน

เป็นช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถไฟอย่างเป็นที่สุด เพราะกระแสมหาชนบรรดา Salary man และ OL


จะพาให้เราขยับเขยื้อนขึ้นรถไฟได้โดยไม่ต้องเสียแรงเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจากแถวที่ต่อขบวนรถไฟยาวเหยียด

จะสามารถเบียดยัดเข้าไปได้หมด คนที่อยู่ริมประตูคงแปลกใจว่าทำไมอยู่ดีๆฉันถึงได้ถูกดันมาอยู่ริมขอบสุดประตูอีกฝั่งได้

คนญี่ปุ่นทุกคนให้ความร่วมมือและเห็นอกเห็นใจกัน จึงสามารถทำให้ทุกคนที่อยู่ในช่วงเร่งรีบขึ้นรถไฟไปได้ทันพร้อมๆกัน

(ขอบคุณภาพจาก http://www.landor.com)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:27:55 ]
ความเห็นที่ 1

ท่ามกลางกระแสมหาชนที่วุ่นวายเหลือเกิน กว่าจะไปถึง Ticket office ได้เล่นเอาเหนื่อยพอควร

สายรถไฟที่เราจะขึ้นไปเที่ยวกันนั้นคือ Odakyu Odawara Line (小田急小田原線)

ด้วยขบวน Romance car หรือ Limited Express (特急) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 85 นาที

แต่ว่าถ้าไม่อยากเสียเงินเพิ่มก็สามารถรอขบวน Rapid express (快速急行) ก็ได้เหมือนกัน

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:28:30 ]
ความเห็นที่ 2

ที่ Ticket office จะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Hakone Free Pass (箱根フリ―パス) ได้

โดยสามารถใช้พาสนี้เที่ยวฮาโกเนะได้ในราคาที่เซฟกว่าแยกจ่ายโดยมีขายสำหรับ 2 วันและ 3 วันเท่านั้น

ถึงตั้งใจจะไปเช้าเย็นกลับก็ต้องซื้อแบบ 2 วันเพราะไม่ว่าจะยังไงก็คุ้มกว่าจ่ายแยกอยู่ดี ควักกันไปคนละ 5,000 เยน

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:28:55 ]
ความเห็นที่ 3

Hakone Free Pass จะรวมตั๋วรถไฟไป-กลับ ชินจูกุ-โอดาวะระ และเมื่อไปถึงแล้วสามารถใช้ตั๋วนี้ขึ้นพาหนะขนส่งต่างๆได้ฟรี

เฉพาะในฮาโกเนะซึ่งมีทั้งหมด 7 ประเภทไม่ว่าจะเป็น Hakone Tozan Train, Hakone Tozan Cablecar,

Hakona Tozan Ropeway, Hakone Sightseeing Cruise, Hakone Tozen Bus ถ้าได้นั่งกันหมดนี่ แค่นี้ก็รู้สึกคุ้มแล้ว

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Free Pass นี้เป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ต่างๆอีกกว่า 80 แห่งได้อีกด้วย

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:29:24 ]
ความเห็นที่ 4

นั่ง Romance car มาจนสุดสายที่สถาณี Hakone-Yumoto (箱根湯本)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:29:46 ]
ความเห็นที่ 5

สำหรับคนที่มีเวลาสามารถแวะลงที่สถาณี Odawara (小田原) ก่อนเพื่อไปเที่ยวปราสาทโอดาวะระก่อนได้

ที่สถาณี Hakone-Yumoto นี้เราสามารถเปลี่ยนขบวนไปขึ้น Hakone Tozan Train ได้

โดยรถไฟขบวนนี้จะวิ่งตั้งแต่ Hakone-Yumoto – Gora ที่เป็นเป้าหมายต่อไปของเรานั่นเอง

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:30:55 ]
ความเห็นที่ 6

ให้ข้อมูลไว้หน่อยละกันสำหรับคนที่มีเวลาและอยากจะแวะชมที่ ปราสาทโอดาวะระ (小田原城)


ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอดะวะระ สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1447 ในตระกูลของ Odawara Hojo

หลังจากนั้นมาตกอยู่ในการปกครองของโชกุนโทกุกาวะ อิเอยาซึ ในสมัยเอโดะ และส่งทอดต่อตามยุคสมัยจึงได้มีการปรับปรุงเรื่อยมา

จนกระทั่งมีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี 1960 หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเขตคันโต

ปัจจุบันได้เปิดให้เข้าชมโดยภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุที่สำคัญมากมายในอดีต มีทั้งหมด 3 ส่วนแบ่งเป็น 5 ชั้น

และบนชั้นบนสุดสามารถขึ้นไปชมวิวสามารถมองเห็นอ่าว Sagami ได้ เสียค่าเข้าชม 400 เยน

ในบริเวณรอบๆยังมีสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามให้เดินชมกันอีกด้วย

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:31:30 ]
ความเห็นที่ 7

(ขอบคุณภาพข้างบนจาก http://www.jcastle.com)

จากสถาณี Hakone-Yumoto เราแค่เดินไปฝั่งตรงข้ามก็สามารถขึ้น Hakone Tozan Train (箱根登山電車) ได้เลย

คำว่า Tozan (登山) มีความหมายว่าไต่เขา เพราะนับตั้งแต่นี้ไปเราจะทำการไต่เขากัน ด้วยความสูงที่เพิ่มขึ้นทีละนิดๆ

เช่นที่สถานี Odawara อยู่บนความสูง 26 m ส่วนที่สถาณีนี้อยู่บนความสูง 108 m

และจากนี้ด้วย Hakone Tozan Train เราจะไปที่สถาณีปลายทาง Gora ที่ความสูง 553 m กัน ตื่นเต้นๆ

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:32:28 ]
ความเห็นที่ 8

Mountain Railway (Hakone Tozan Train) เริ่มต้นที่สถาณี Hakone-Yumoto มีระยะทาง 15 ก.ม.

ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีไปสุดสายที่สถาณี Gora เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 1919 โดยการก่อสร้างเส้นทางรถไฟนี้

กระทำขึ้นโดยให้กระทบกับธรรมชาติน้อยที่สุดเนื่องจาก Hakone ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสวนสาธารณะแห่งชาติ

ผู้โดยสารสามารถเห็นวิวทิวทัศน์อันเป็นธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์ได้ตลอดการเดินทางบนทางรถไฟสายนี้

ตอนขาขึ้น รถไฟจะสลับเปลี่ยนทิศทางหัวขบวนทั้งหมด 3 ครั้งในการไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ

(ขอบคุณภาพจาก http://www.japan-guide.com)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:33:20 ]
ความเห็นที่ 9

โดยวิวธรรมชาติอันแสนงดงามสามารถชมได้ตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิที่จะได้ชมดอกซากุระ

หรือช่วงฤดูร้อนที่จะได้ชมดอกไม้ Hydrengea ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะพบกับใบไม้

ผลัดใบเป็นสีแดงสีเหลืองสลับกันสวยงาม ส่วนในช่วงฤดูหนาวก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน

และที่ไม่น่าพลาคือบริเวณสะพานเหล็ก Deyama Bridge ที่อยู่บนความสูง 43 m จะเห็นธารน้ำใสที่

อยู่เบื้องล่าง รถไฟสายนี้ถือว่าเป็นรถไฟผู้น้องของ Rhatische Bahn ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ด้วย

(ขอบคุณภาพจาก http://www.superstock.com)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:34:03 ]
ความเห็นที่ 10

โดยส่วนตัวแล้วมีความชอบรถไฟสายโรแมนติกนี้เป็นพิเศษ เพราะขนาดที่เล็กคิกขุกะทัดรัด สีสันหน้าตาน่ารัก

เลยมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาขึ้นรถไฟขบวนนี้ ยิ่งครั้งนี้ได้พาเพื่อนๆมาตามรอยความชอบของเราอีก ยิ่งรู้สึกมีความสุขเข้าไปใหญ่

ภายในขบวนมีเส้นทางท่องเที่ยวทั้งหมดแบ่งเป็นสัดส่วนว่านั่งพาหนะแบบนี้จะไปได้ถึงที่ไหนบ้าง

มีระบุความสูงและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแต่ละสถาณีให้ด้วย ด้านในเป็นที่นั่งแบบ 2 ฝั่ง มาทีไรไม่เคยได้นั่ง

เพราะนักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ จึงต้องเน้นที่ไว้สำหรับให้ยืนมากหน่อย

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:34:34 ]
ความเห็นที่ 11

คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่มาก็จะมากันเป็นครอบครัว หรือ เป็นคณะผู้สูงอายุซะมากกว่า วัยรุ่นเห็นค่อนข้างน้อย

แต่ก็น่าแปลกทั้งๆที่การมาเที่ยวที่นี่ถือว่าทรหดอยู่ไม่น้อย เพราะว่ามีสภาพเป็นภูเขาเวลาเดินก็ต้องใช้แรงเยอะ

แต่ไม่สามารถทำอะไรผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นได้ เพราะว่าแข็งแรงกันมาก เดินเป็นเดินไม่มีบ่นเหนื่อยหอบให้เห็นเลยต้องขอยกนิ้วให้

(เพราะเพื่อนเราบางคนยังบ่นแทบทุกครั้งที่เห็นทางลาดทางชัน)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:34:57 ]
ความเห็นที่ 12

กว่า 40 นาทีบนรถไฟพวกเราชมวิวตลอด 2 ข้างทางกันอย่างเพลิดเพลิน ยิ่งสูงยิ่งสวย

ขึ้นมาแล้วทำให้เห็นว่าต้นไม้เยอะมากมองไปทางไหนมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด

ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาแห่งนี้ถึงมีความเป็นธรรมชาติแสนบริสุทธิ์และสวยงามขนาดนี้

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:36:15 ]
ความเห็นที่ 13

เผลอแป้บเดียวเราก็มาถึงสถาณีปลายทาง Gora 強羅駅

มาถึงตอนเที่ยงพอดี แวะนอกสถาณีหาอะไรหม่ำก่อนดีกว่า

ที่สถาณีนี้มีสถาณที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญเข้าฟรีด้วยนั่นก็คือ สวนสาธารณะโกระ นั่นเอง

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:36:36 ]
ความเห็นที่ 14

จากทางออกสถานีจะเห็นร้านค้ามากมายให้เดินตรงขึ้นมาก่อนและสังเกตทางด้านซ้ายมือจะพบกับทางแยก

พร้อมป้ายขนาดใหญ่สีน้ำตาล มองไปเห็นเป็นทางชันที่จะต้องขึ้นไปข้างบนสุด แสดงว่า งานนี้ต้องมีไต่เขาเรียกเหงื่อกันหน่อยแล้วล่ะ

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:37:06 ]
ความเห็นที่ 15

หันไปด้านหลังจะเป็นภูเขา Myojogatake 明星ヶ岳山 และบนนั้นถ้ามองดีๆจะเห็นว่ามีการตัดแต่งให้เป็นรูป “大”

ที่มีความหมายว่า ใหญ่ ถ้ามาช่วงหน้าร้อนประมาณเดือนสิงหาคมจะมีการจุดไฟรอบตัวอักษรนี้

ในเทศกาลเก่าแก่ของชาวญี่ปุ่นโอบ้ง お盆祭り เรียกว่า Daimonjiyaki Bonfire 大文字焼き

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:38:03 ]
ความเห็นที่ 16

ตรงบริเวณทางขึ้นจะมีสถาณที่ให้บริการเฉพาะบ่อแช่น้ำร้อนตามธรรมชาติหรือ “องเซ็น” เท่านั้น

แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ทั้งหมดเพราะมีหลายแห่งที่ให้บริการพร้อมที่พักด้วย

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:39:15 ]
ความเห็นที่ 17

ที่ฮาโกเนะก็ถือว่ามีชื่อเสียงในด้านของน้ำพุร้อน Onsen มากๆด้วย

ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ตั้งใจจะมาพักสไตล์เรียวกัง 旅館 พร้อมทั้งแช่น้ำพุร้อนให้สบายอารมณ์

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:39:53 ]
ความเห็นที่ 19

Hakone Gora Park 箱根強羅公園 เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา

ทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ในมุมโปร่งของฮาโกเนะซ้ำยังตกแต่งสุดหรูด้วยสไตล์ฝรั่งเศสจึงทำให้สถานที่แห่งนี้มีเสน่ห์ให้อารมณ์ไม่เหมือนที่ไหน

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:41:18 ]
ความเห็นที่ 20

เหมาะสำหรับเดินผ่อนคลายอารมณ์พร้อมกับอากาศที่แสนจะบริสุทธิ์ (อากาศดีมาก ประทับใจก็ตรงนี้แหละ)

เนื่องจากเป็นเนินเขา ด้านในจึงค่อนข้างสลับซับซ้อนมีหลายขั้นต้องขึ้นบันไดกันหลายช่วงหน่อยแต่ก็ทำให้ดูคล้ายกับเขาวงกตดี

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:43:31 ]
ความเห็นที่ 21

บริเวณโซนกลางจะมีลานน้ำพุขนาดใหญ่ด้านในมีเรือนกระจก (Greenhouse) อยู่ 2 หลัง เรือนแรกเป็นพืชเขตร้อน

ส่วนอีกเรือนเป็นดอกไม้นานาพันธุ์ถ้าใครมีเวลาชิลล์ๆ ลองนั่งจิบชาที่ร้าน Hakuun-do Chaen Teahouse ได้

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:44:21 ]
ความเห็นที่ 22

หลังจากนั้นถ้าเดินเข้าไปด้านในจะเป็น Rose Garden ローズガ―デン ที่มีพันธุ์กุหลาบกว่า 140 ชนิดและมีมากกว่า 1,000 ต้น

แต่น่าเสียดายช่วงที่ไปดอกไม้ก็เหลือแต่กิ่งก้านแล้ว แต่ก็ยังมีบางต้นที่ยังมีดอกกุหลาบที่สามารถบานให้ได้ยลโฉมอยู่บ้าง

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:45:33 ]
ความเห็นที่ 23

โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเดือน 6 และ ช่วงเดือน 10-11

ถ้าได้มาช่วงนี้ดอกกุหลาบคงแข่งกันบานท่าทางจะสวยงามน่าดู

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:45:50 ]
ความเห็นที่ 24

โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเดือน 6 และ ช่วงเดือน 10-11

ถ้าได้มาช่วงนี้ดอกกุหลาบคงแข่งกันบานท่าทางจะสวยงามน่าดู

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:46:06 ]
ความเห็นที่ 25

ส่วนบริเวณอื่นทั่วทั้งสวนก็จะมีดอกไม้นานาพันธ์สลับกันบานต่างช่วงเวลากันไป สามารถชมพันธุ์ไม้ได้ตลอดทั้งปี

ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.hakone-tozan.co.jp/gorapark/index.html

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:46:45 ]
ความเห็นที่ 26

และที่นี่ยังมีให้บริการงานปั้นงานฝีมือด้วย ถ้าใครสนใจอยากมีงานฝีมือเป็นของตัวเอง

สามารถแวะลองทำได้ที่ Crafthouse クラフトハウス โดยเสียค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 1,000 เยน

ใช้เวลาตั้งแต่ 30 นาที~1 ช.ม. ขึ้น อยู่กับแบบที่เลือก ลองดูข้อมูลได้ที่นี่ http://www.crafthouse.org/

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:47:49 ]
ความเห็นที่ 27

หลังจากเดินเที่ยวเรียกเหงื่อและปล่อยให้ท้องหิวมาสักพักแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะฝากท้องไว้ที่แถวนี้ซะหน่อย

ย่านนี้จากที่มองๆดูแล้ว มีร้านอาหารค่อนข้างน้อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เราบังเอิญไปสะดุดตากับร้านๆหนึ่งตั้งแต่ตอนขาขึ้นเนิน

ถ้าไม่ดูป้ายก็คงไม่รู้ว่าร้านนี้ขายอะไร เพราะหน้าร้านเป็นประตูไม้แบบเลื่อนติดกระจกบานเล็กๆไม่มีรูปหรืออาหารตัวอย่างโชว์

มีเพียงป้ายและธงสีขาวที่ปักไว้ด้านหน้าบ้านทรงญี่ปุ่นสไตล์โบราณสุดแสนคลาสสิคนั้นเขียนไว้ว่า “とんかつ 里久”

อ่านว่า Tonkatsu Rikyu จึงได้รู้ว่าร้านนี้เป็นขายหมูทอด Tonkatsu อาหารสุดโปรดของเรานั่นเอง

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:48:31 ]
ความเห็นที่ 28

ความรู้สึกบอกว่าร้านสไตล์นี้จะต้องมีความโดดเด่นไม่เหมือนที่ไหนในเรื่องของรสชาดและวัตถุดิบแน่ๆ

เมื่อเข้าไปในร้านก็จะพบกับคุณลุงเจ้าของร้าน ต้อนรับเราด้วยโทนเสียงนุ่มๆนิ่งๆว่า “Irasshaimase いらっしゃいませ”

และเชิญพวกเรา 3 คนนั่งที่หน้าเคานเตอร์ ด้านในที่นั่งค่อนข้างน้อยมีเฉพาะบริเวณเคานเตอร์เท่านั้น

เพื่อที่ว่าลูกค้าทุกคนที่เข้ามาจะได้เห็นกรรมวิธีในการทำตั้งแต่เริ่มแรกกันเลยทีเดียว

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:49:07 ]
ความเห็นที่ 29

เมนูที่แปะไส้ที่ข้างขวาเขียนเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเพียวๆ และมีราคาที่เขียนเป็นตัวคันจิกำกับไว้เท่านั้น

เริ่มอ่านทีละเมนูให้เพื่อนฟังพร้อมกับราคา ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ แล้วกระซิบบอกเพื่อนๆว่า

“เห้ย ชั้นขอโทษว่ะ พาแกเข้ามาร้านนี้ก่อนที่จะดูดีๆ ท่าทางของเค้าจะดีจริงว่ะ เพราะตั้งราคาสูงลิบลิ่วมาก”

พูดไปพลางกลัวเพื่อนหนีออกจากร้านเหมือนกัน เพราะว่า ไม่ได้ตั้งใจจะมากินแพงขนาดนี้ สรุปแล้วพวกเรามีความเห็นตรงกันว่า

“เอาเถอะ ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ก็ของเค้าดีจริง จ่ายแพงแค่ไหนก็ยอมวะ สักครั้งในชีวิต” และนั่นถือเป็นการตัดสินใจที่เฉียบแหลมมาก

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:49:54 ]
ความเห็นที่ 30

พวกเราสั่งเมนูเดียวกันนั่นคือ Rosu-katsu Set ロースかつ定食 สนนราคาเพียง 2,400 เยน

ด้วยความที่รู้ว่าจะต้องเป็นของดีที่ไม่เหมือนที่ไหนและหากินได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เราจึงไม่เสียดายและเลิกสนใจเรื่องราคาไปเลย

พอเราออเดอร์เสร็จปุ้บคุณลุงและคุณป้าผู้ช่วยอีกสองคนจึงเริ่มปฏิบัติการนำวัตถุดิบต่างนานาออกมา

และเริ่มทำให้เราเห็นตั้งแต่ขั้นตอนแรกให้เห็นกันจะจะ ระหว่างที่พวกเรานั่งรอ ก็มีลูกค้าเปิดประตูเข้ามาเรื่อยๆทำท่าทางสนใจจะกิน

แต่สักพักหลังจากอ่านเมนูแล้วก็ลุกออกจากร้านไปเลย สงสัยจะสู้ราคาไม่ไหวกระมัง

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:50:25 ]
ความเห็นที่ 31

คุณลุงก็ทำหน้าเฉยๆมากเหมือนกับว่าวันๆนึงคงเจอลูกค้าเข้ามานั่งแล้วก็ลุกออกจากร้านบ่อยจนเป็นเรื่องปกติ

ทำให้เรามองเห็นว่า ถ้าเป็นคนอื่นคงอาจจะเสียเซลฟ์ หรือ ต้องปรับตัวปรับราคาให้ถูกลง เพื่อที่จะได้มีลูกค้ามากขึ้น

แต่สำหรับคุณลุงคงไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะด้วยความภูมิใจในสูตรและวัตถุดิบ จึงได้มั่นใจว่าราคานี้ึเป็นราคาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

(ขอบคุณภาพจาก http://www.rikyu.info)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:52:56 ]
ความเห็นที่ 32

พูดกันมาตั้งนานว่าวัตถุดิบดีอย่างนั้นของไม่เหมือนใครอย่างนี้ ถึงขนาดเชียร์ออกนอกหน้านอกตา

ยังไงก็คงต้องขอพูดสักหน่อยว่าของๆคุณลุงเค้ามีที่มาและดียังไง วัตถุดิบหลักที่ว่านี้คือ เนื้อหมู ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นจุดขายของร้านนี้

และไม่เหมือนใครที่ไหนตรงที่เป็น หมูดำ 黒豚 ที่เลือกคัดสรรมาอย่างดีจากเกาะในแถบคิวชู Kagoshima 鹿児島

กรรมวิธีในการทำแต่ละขั้นตอนก็ละเมียดละไม เริ่มจากขั้นตอนแรกคือนำเนื้อหมูสดๆออกจากตู้เย็นที่หั่นเตรียมเอาไว้แล้วอย่างดี

เนื้อหมูชิ้นค่อนข้างใหญ่ คิดว่าคงนำมาหั่นครึ่งเพื่อสำหรับเสิร์ฟได้ 2 ที่ แต่ผิดคาดทั้งชิ้นนั้นแหละคือของคนๆเดียวกินเลย

(ขอบคุณภาพจาก http://www.rikyu.info)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:53:30 ]
ความเห็นที่ 33

เนื้อที่คุณลุงนำออกมาคือเนื้อสันที่มีน้ำหนักประมาณ 220g หลังจากนั้นนำชิ้นเนื้อไปคลุกแป้งสาลีให้ทั่วทั้งชิ้น

และนำไปคลุกกับชามที่ตอกไข่ไก่เอาไว้ให้ทั่วทั้งชิ้นก่อนนำลงไปคลุกกับเกล็ดขนมปังกรอบที่ทำเองกับมือ

ก่อนตบด้วยมือเบาๆเพื่อให้เกล็ดขนมปังเกาะเนื้ออย่างได้สัดส่วนและนำไปทอดลกระทะที่มีน้ำมันเดือดๆร้อนๆรออยู่

ความอร่อยถือว่าอยู่ตรงที่จังหวะการทอดนี้แหละ คุณลุงบอกว่าต้องให้เนื้อด้านในสุกพอดีและให้ด้านนอกเป็นสีเหลืองทองอร่าม

ต้องทอดในปริมาณน้ำมันที่พอเหมาะและในเวลาที่พอดี จึงจะได้  Rosu-katsu ในรสชาดที่สุดยอดออกมา

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:54:00 ]
ความเห็นที่ 34

หลังจากทอดเสร็จแล้วก็พักสะเด็ดน้ำมันไว้ครู่หนึ่งก่อนนำมาวางลงบนจานที่จัดเตรียมไว้

พร้อมกะหล่ำปลีซอยละเอียดกองโต หน้าตาดูน่าทานที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยก็ว่าได้ เราจึงเริ่มบรรเลงคำแรกพร้อมกับซอสสูตรพิเศษ

ที่เข้ากับเนื้อหมูดำชุบแป้งทอดกรอบได้อย่างดี ไร้ที่ติ มื้อนี้ช่างแสนอร่อย มีความสุขจริงๆ

สำหรับใครที่อยากทำความรู้จักกับร้านนี้ก่อน เข้ามาดูรายละเอียดได้ที่นี่ http://www.rikyu.info

อย่าลืมไปทานกันให้ได้นะ ร้านนี้ Recommend おススメで〜す

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:54:25 ]
ความเห็นที่ 35

ระหว่างทางที่ขึ้นมาสถาณีโกระนั้นยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจอีก 1 แห่ง นั่นคือ

Hakone Open-air Museum 箱根彫刻の森美術館

ตั้งอยู่บริเวณของสวน Fuji Hakone Izu National Park 富士箱根伊豆国立公園 เปิดให้บริการในปี 1969

เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งแห่งแรกของญี่ปุ่นที่รวบรวมและจัดแสดงผลงานทั้งภาพวาดและรูปปั้นกลางแจ้ง

ของศิลปินชื่อดังระดับมาสเตอร์พีซจากทั่วโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น Henry Moore, Rodin, Bourdelle, Miro, Vangi,

Taro Okamoto บนเนื้อที่กว่า 70,000 ตารางเมตร และเพิ่งฉลองครบรอบ 42 ปีไปเมื่อ 1 ส.ค. 2011 ที่ผ่านมานี้เอง

(ขอบคุณภาพจาก http://www.traveljapanblog.com)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:55:12 ]
ความเห็นที่ 36

บริเวณด้านในมี Exhibition hall รวมทั้งหมด 5 ฮอลล์ซึ่งรวมพื้นที่จัดแสดงพิเศษเฉพาะผลงานของ Picasso กว่า 300 ชิ้น

ที่ Picasso Pavillion ピカソ館 และผลงานศิลป์ประติมากรรมกลางแจ้งด้านนอกมีจัดแสดงมากกว่า 120 ชิ้น

ด้วยการจัดวางที่จะทำให้เราเพลิดเพลินและเด็กๆก็สามารถสนุกได้ด้วย ส่วนที่แปลกไม่เหมือนใครคือมีโซนสำหรับอาบน้ำเท้า

Footbath Spa หรือเรียกว่า “Hot Foot” ほっとふっと ในแบบพิเศษสุดๆด้วยน้ำพุร้อนธรรมชาติจากขุนเขา

(ขอบคุณภาพจาก http://www.flickr.com)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:55:51 ]
ความเห็นที่ 37

วิธีการเดินทางมานั้นก็ง่ายนิดเดียว นั่งรถไฟสายโรแมนติก Hakone Tozan Train มาลงที่สถาณี Choukoku no mori 彫刻の森

ก่อนถึงสถาณีโกระเพียงสถาณีเดียว และเดินต่อเพียง 1 นาที ก็ถึงแล้ว การมาที่นี่นอกจากจะได้ความรู้แล้วยังได้คุณค่าทั้งทางสายตา

และจิตใจอย่างล้นเหลือและที่สำคัญการได้สัมผัสผลงานศิลป์ของศิลปินท่ามกลางธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์นี้ช่างสุนทรีย์เกินบรรยาย

เสียค่าเข้าชมคนละ 1,600 เยน

(ขอบคุณภาพจาก http://www.japan-i.jp)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:57:46 ]
ความเห็นที่ 38

กลับมาที่สถาณีโกระกันต่อ อย่างที่บอกไปแล้วว่า Hakone Tozan Train มาสุดทางที่สถาณีนี้

และถ้าจะขึ้นไปต่อ ก็ต้องเปลี่ยนขบวนซึ่งคราวนี้เราจะนั่ง Hakone Tozan Cable Car 箱根登山ケーブルカ― กัน

โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าเรามี Hakone Free Pass แล้ว

โดยเป้าหมายของเรารอบนี้คือลงสุดป้ายที่สถาณี Sounzan 早雲山駅

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:58:25 ]
ความเห็นที่ 39

Hakona Tozan Cablecar เริ่มต้นที่สถาณี Gora และสุดสายที่สถาณี Sounzan

โดยจะวิ่งขึ้นเป็นเส้นตรงมีระยะทาง 1.2 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 9 นาที ได้รับการออกแบบและสร้างโดยฝีมือชาวสวิส

ด้วยสไตล์ที่เป็นกระจกขนาดใหญ่รอบด้านเอื้ออำนวยให้ผู้โดยสารได้เห็นวิวทิวทัศน์รอบทิศทางตลอด 4 ฤดู

ความแตกต่างของระดับความสูงระหว่าง 2 สถาณีนี้อยู่ที่ 214 เมตร เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 1922

ส่วนเคเบิลคาร์สุดเท่สีแดงดำขบวนนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อมีนาคม 1995 และจุผู้โดยสารได้มากถึง 250 คน

สามารถมองเห็นภูเขา Kami และ เขา Myojogatake ที่มีสัญลักษณ์ 大 และมีทั้งหมด 4 สถาณี

สามารถไปยังสถาณที่ท่องเที่ยวอื่นๆได้อีก เช่น Gora Park, Museum of Art, Hakone Sounzan Museum

(ขอบคุณภาพจาก http://www.superstock.com)

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 10:59:00 ]
ความเห็นที่ 40

แอบบอกนิดว่า จริงๆแล้วถ้าใครที่อยากจะไป Gora Park แต่ไม่อยากจะเดินขึ้นเนินเขาให้เหนื่อยสามารถนั่ง Cable Car

แวะลงที่สถาณี Koen-shimo (公園下駅) และเดินต่ออีกประมาณ 2-3 นาทีก็ถึง

แต่ก็จะไม่ได้เดินผ่านร้าน Tonkatsu Rikyu นะ (ถ้าอยากกินก็ต้องเดินย้อนลงมาอีกอยู่ดี วิธีแรกดีกว่าๆ)

ส่วนตอนหน้าจะพาไปชิมไข่ดำกันครับ

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 11:01:09 ]
ความเห็นที่ 41

เห็นแล้วคิดถึงจัง ถ่ายรูปสวยดีครับ บรรยายก็ดี

จากคุณ : [~AlphaBeta~] [5 ก.ย. 54 11:15:17 ]
ความเห็นที่ 42

มารอจองคิวล่องเรือที่ทะเลสาบด้วยคนครับ....

จากคุณ : LVP@HEART [5 ก.ย. 54 11:44:50 ]
ความเห็นที่ 43

ตามมาเที่ยวฮาโกเนะด้วยคนค่ะ
เกือบเที่ยงละ เปิดมาเจอทงคัตสึหมูดำแล้ว "หิววววววว..น่าหม่ำมาก"

ขอถามนิดนึงนะคะ
.. rush hour ตอนเช้าของคนโตเกียวเนี่ย กี่โมงถึงกี่โมงคะ..

จากคุณ : ฮิโนเดะ [5 ก.ย. 54 11:57:01 ]
ความเห็นที่ 44

ขอบคุณ คุณ[~AlphaBeta~] และ คุณ  LVP@HEART ครับ

ตอบคุณ  ฮิโนเดะ Rush Hour ของคนโตเกียวนี่ เริ่มประมาณ 7 โมงครึ่ง
ถ้าให้พีคสุดๆน่าจะเป็นช่วง 8-9 โมงเช้า เพราะตอนนั้นไปเรียนขึ้นรถไฟขบวนเช้าตลอด
โดนเบียดเป็นปลากระป๋องทุกที ส่วนตอนเย็นก็หลังเลิกงานแต่จะไม่แน่นเท่าช่วงเช้าครับ

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 12:51:57 ]
ความเห็นที่ 45

รอไปเที่ยวต่อนะค่ะ กำลังจะไปเส้นทางนี้อยู่เลยค่ะ

บัตร Hakone Free Pass รวม bus ที่จะไป gotemba ด้วยไหมค่ะ

จากคุณ : aor-naja [5 ก.ย. 54 12:59:17 ]
ความเห็นที่ 46

เป็นรีวิวฮาโกเนะที่น่าสนใจมาก  มีอะไรให้อ่านหลายเรื่องเลยทีเดียว  จขกท.ก็น่ารัก ^^

จากคุณ : ลอร่า อิงกัลส์ ~* [5 ก.ย. 54 13:25:02 ]
ความเห็นที่ 47

ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ

รอชิมไข่ดำด้วยค่ะ

จากคุณ : แป๋วแว๋ว [5 ก.ย. 54 13:27:52 ]
ความเห็นที่ 48

เห็นรีวิวแล้วอยากกินทงคัตซึจังครับ

จากคุณ : tottui [5 ก.ย. 54 14:16:28 ]
ความเห็นที่ 49

ไปช่วงไหนคะ อากาศช่วงกันยาที่ฮาโกเน่เป็นไงบ้าง เริ่มเห็นใบไม้แดงๆรึยัง ^^

ว่าจะไปมั่งอ่ะ เหมือนอากาศจะเย็นๆ

จากคุณ : ทำไมต้องล็อกอิน [5 ก.ย. 54 14:44:45 ]
ความเห็นที่ 50

- ตอบคุณ aor-naja

  Hakone Free Pass ครอบคลุมถึง Gotemba Outlet ครับ สามารถนั่ง Tozan bus ได้ และจะนั่งจากสถานีโกะระก็สามารถทำได้เหมือนกัน แต่ตอนกลับจะไม่สามารถนั่งรถบัสที่วิ่งตรงจาก Gotemba-Tokyo ได้ จะต้องใช้บริการของ Odakyu โดยต้องผ่านสถานี Yumoto หรือ Odawara  ครับ

- ตอบคุณ ลอร่า อิงกัลส์ ~*

  ชมออกสื่อเลย ขอบคุณครับ ^^

- ตอบคุณ แป๋วแว๋ว

  เดี๋ยวตอนหน้าพาไปชิมแน่นอน

- ตอบคุณ tottui

  คนโพสยังหิวเลยครับ

- ตอบคุณ ทำไมต้องล็อกอิน

  ไปช่วงหน้าหนาวครับ อากาศเย็น ถ้าไปช่วงกันยาคิดว่าใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีนะครับ

จากคุณ : Bird Freedom [5 ก.ย. 54 15:06:24 ]
ความเห็นที่ 51

เห็นแล้วอยากไปนั่งรถไฟเส้นนี้ชมวิวสวยงามแบบนี้บ้างจังเลยครับ

จากคุณ : Destiny-Boy [5 ก.ย. 54 17:12:49 ]
ความเห็นที่ 52

น่ากินมากกกกกกกกก

หมูดำทอดนะครับ น่ากิน ^^

จากคุณ : eurasianbrown [5 ก.ย. 54 19:25:30 ]
ความเห็นที่ 53

ขอบคุณสำหรับรีวิวรูปสวยๆพร้อมรายละเอียดค่ะ  ลูกสาว

จากคุณ : สาวหน้าใส [5 ก.ย. 54 19:35:37 ]
ความเห็นที่ 54

ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ

จากคุณ : เล็กทาโร่ [5 ก.ย. 54 22:35:15 ]
ความเห็นที่ 55

ทงคัตสึน่ากินมากกก ถึงแม้ราคาจะแพง แต่เมื่อเห็นกรรมวิธีและส่วนประกอบที่ใช้หมูดำแล้ว ถือว่าน่าลองมากๆครับ

จากคุณ : Coffee Blended [6 ก.ย. 54 00:57:09 ]
ความเห็นที่ 56

เข้ามาเห็นข้าวหมูทอด ทำเอาหิวเลยค่ะ อิอิ

จากคุณ : KenTakU [6 ก.ย. 54 18:16:41 ]
ความเห็นที่ 57

หมูดำขายดี อิอิ

ป.ล. ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ

จากคุณ : Bird Freedom [7 ก.ย. 54 13:54:05 ]
ความเห็นที่ 58

... อาหารน่าทานจังค่ะ ...

จากคุณ : kungtalay [8 ก.ย. 54 11:52:08 ]
ความเห็นที่ 59

ข้อมูลละเอียดมากครับ ไม่มีอะไรตอบแทน ให้กีฟละกัน ขอบคุณมากครับ

จากคุณ : Rachkhun [17 พ.ย. 54 17:04:12 ]
ความเห็นที่ 61

รถไฟน่านั่งมากค่ะ แค่ชื่อก็ยิ้มแล้ว โรแมนซ์คาร์  ขอตามไปเที่ยวต่อนะคะ

จากคุณ : annie_popei [23 พ.ย. 54 10:46:20 ]
ความเห็นที่ 62

ถ้าใช้บัตร Hakone free pass สามารถขึ้นสถานีอื่นได้ไหมค่ะ ถ้าพักแถวๆที่ Kawasaki station ค่ะ ควรไปขึ้นที่ไหนดี แล้วบัตรสามารถซื้อที่ไหนได้บ้างค่ะ

จากคุณ : Linna [1 ธ.ค. 55 19:48:21 ]A:101.109.176.255 X: TicketID:383904