ตอนที่ 1 : Roma - Vaticano - Siena - Pisa - Firenze
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10936767/E10936767.html
ตอนที่ 2 : Rimini - San Marino - Bologna - Venezia
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10964969/E10964969.html
ตอนที่ 3 : Verona - Genova
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11000509/E11000509.html
เข้าสู่ตอนที่ 4 ครับ สำหรับรีวิวทริปฮันนีมูน 1 เดือนในยุโรป แบบเรื่อยเปื่อย ในช่วง 11 มี.ค. - 10 เม.ย. 54 ที่ผ่านมา จากความเดิมในภาคแรกที่ตะลุยเที่ยวกรุงโรม วาติกัน ดูบอลโรมดาร์บี้ ต่อด้วย เซียน่า, ปิซ่า และ ฟลอเรนซ์ ผ่านไปทั้งหมด 8 วัน ต่อด้วย ตอนที่ 2 ไปเยือน ริมินี่, ซาน มาริโน่, โบโลญญ่า และ เวนิซ ใช้เวลาไป 4 วัน และตอนที่ 3 เที่ยว เวโรน่า กับ เจนัว อีก 3 วัน รวมแล้วทริปนี้ผ่านกันมา 15 วัน ก็ครึ่งเดือนพอดิบพอดี
ในตอนที่ 4 นี้ ผมจะเปลี่ยนแนวมาเรื่อยเปื่อยนอก อิตาลี ในแถบฝรั่งเศสตอนใต้ มี นีซ เป็นที่พัก-ที่กินหลัก เที่ยว โมนาโก ก่อนจะกลับเข้า อิตาลี อีกครั้ง แวะ ตูริน และเข้าสู่ มิลาน แวบไปดูสนาม และพิพิธภัณฑ์ ซาน ซิโร่ ก่อนอำลาแดนพิซซ่า มุ่งหน้าไปยัง สวิตเซอร์แลนด์ ในตอนต่อไป เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ติดตามกันต่อเลยนะครับ
ผมมาถึง นีซ ที่ ฝรั่งเศส แล้ว วันรุ่งขึ้นก็ต้องหาอะไรกินก่อน ย่านสถานีรถไฟนี่เต็มไปด้วยร้านอาหารเอเชียเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นคนเวียดนามมาตั้งรกรากกันที่นี่
จากคุณ : il giallorossiร้านนี้ชื่อ MI-AM ครับ ขายอาหารเอเชียแทบทุกชาติ รวมทั้งไทยด้วย รสชาตินี่เยี่ยมมากๆ ทั้งที่ดูเผินๆเหมือนไม่ค่อยน่าทานเท่าไหร่ หรือผมจะเริ่มคิดถึงอาหารไทยแล้วมั้ง
จากคุณ : il giallorossiเจ้าของร้านน่ารักครับ ไม่รู้ว่าเป็นคนจีนหรือเวียดนาม เธออนุญาตให้ผมถ่ายรูปในร้านได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องถ่ายเธอติดไปด้วยนะ ไม่งั้นไม่ยอม เออ ... มีงี้ด้วย
จากคุณ : il giallorossiหลังจากอิ่มท้องแล้วก็เริ่มออกเดินทาง ....... จากหน้าสถานีรถไฟ นีซ ครับ ......
จากคุณ : il giallorossiด้วยความที่พักผ่อนแบบเต็มที่ (ตื่นสายนั่นแหล่ะ) กว่าจะได้ขึ้นรถไฟ ก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว .....
จากคุณ : il giallorossiวันนี้จุดมุ่งหมายอยู่ที่ โมนาโก ครับ ราชรัฐเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจาก นีซ สามารถนั่งรถไฟมาถึงได้เลย
ออกจาก นีซ มาไม่ถึงชั่วโมง ก็มาถึงสถานี Monte-Carlo แล้วครับ ลักษณะจะเป็นอุโมงค์ใต้ดิน เพราะเค้าสร้างสถานีฝังอยู่ในเนินเขา ตามแนวเส้นทางรถไฟของฝรั่งเศส
ทีแรกผมดูจาก google earth ก็คิดว่าสถานีอยู่ไกลจากตัวเมือง แต่จริงๆแล้วเดินตามทางเรื่อยๆออกมา มันมาโผล่ใจกลางเมืองเลย
ที่เห็นนี้คือถนน อัลแบร์ ที่ 1 แฟนๆ F1 คงคุ้นๆกันดี เพราะเป็นบริเวณออกสตาร์ทของ โมนาโก กรังปรีซ์ นั่นเอง
รถ F1 จะวิ่งขึ้นไปทางนี้ ก่อนเลี้ยวขวาตรงหน้าปากทางขึ้นสถานีรถไฟ ผมแทบจะหลับตานึกภาพไปด้วยเลย
จากคุณ : il giallorossiอาคารบริเวณด้านหน้า อ่าวโมนาโก ครับ
จากคุณ : il giallorossiที่เห็นขอบสีแดง-ขาว นี่ใช้กับรถ F1 โดยเฉพาะเลย แต่ถึงเวลาแข่งจริงแถวนี้เดินผ่านไม่ได้เลยครับ เพราะจะมีแนวรั้วกั้นเต็มไปหมด
จากคุณ : il giallorossiเอาล่ะ มาถึง โมนาโก ทั้งที ตามประสาคนบ้าบอล ผมเลยขอภรรยามาดูสนามฟุตบอลประจำเมืองก่อนเลย
จากหน้าสถานีรถไฟ ผมซื้อตั๋วแบบเหมา 1 วัน ราคาแค่ 3 ยูโร ไม่นานก็มาถึง Stade Louis II
สนามแห่งนี้ จุผู้ชมได้ไม่เยอะครับ แค่ราวๆ 18,500 คน เท่านั้น แต่มีความสำคัญตรงที่ใช้เป็นสังเวียนแข่งฟุตบอล ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ เป็นประจำทุกปี
จากคุณ : il giallorossiนอกเหนือจากนี้ก็ใช้เป็นสนามเหย้าของทีม โมนาโก ครับ มีช็อปเล็กๆของทีมในสนามด้วย น่าเศร้าที่ล่าสุดพวกเค้าเพิ่งร่วงตกชั้นจาก ลีก เอิง เมื่อซีซั่นก่อน หลังจากอยู่ในลีกสูงสุด ฝรั่งเศส มานานถึง 35 ปี ซีซั่น 2011-12 นี้ต้องไปเล่น ลีก เดอซ์ แทน
แม้ว่าจะตั้งอยู่ในราชรัฐโมนาโก ก็จริง แต่ทีมโมนาโก ถือเป็นทีมฟุตบอลสัญชาติฝรั่งเศส นะครับ ลงเล่นในระบบฟุตบอลฝรั่งเศส มาตลอด เคยยิ่งใหญ่เป็นถึงแชมป์ ลีก เอิง 7 สมัยมาแล้ว ที่ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นทีมสัญชาติโมนาโก ได้ ก็เพราะ ราชรัฐโมนาโก ไม่ได้เป็นสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า นั่นเอง
มุมนี้ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของสนามเลย จะมีเสาลักษณะเป็นแท่งโค้งๆ 9 โค้งด้วยกัน
นอกจากจะใช้เป็นสนามฟุตบอลแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นสำนักงาน ศูนย์ประชุม และที่ทำการย่อยของมหาวิทยาลัยโมนาโก ด้วยครับ
น่าเสียดายจริงๆที่ผมไม่อาจเข้าไปข้างในตัวสนามได้ ประตูทุกบานล็อกหมด และแน่นอน ไม่มีเจ้าหน้าที่สักคน
เข้าใจว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ อาจจะปิดทำการพอดี เซ็งอยู่นิดๆครับ
เอาล่ะ หารถเมล์เข้าเมืองดีกว่า ได้เวลาหามื้อเที่ยงทานแล้ว
จากคุณ : il giallorossiผมมาลงที่นี่ครับ Salle du Canton บริเวณ Fontvieille เป็นทางผ่านพอดี
จากคุณ : il giallorossiสาเหตุที่ลงตรงนี้เพราะมันสะดุดตากับป้ายร้านอาหารครับ
ชั้นล่างมี Carrefour กับ McDonald อยู่ อาหารคงไม่น่าจะแพงมาก สุดท้ายก็เลือก Mc ครับ ง่ายดี พูดน้อยด้วย อิอิ
กินเสร็จ เที่ยวต่อเลย คราวนี้เดินขึ้นไปเที่ยวพระราชวังของเจ้าชาย อัลแบร์ ที่สอง แห่งโมนาโก กันครับ
จากคุณ : il giallorossiระหว่างที่เดินขึ้นไป หันกลับมามองมาที่อ่าวโมนาโก วิวสวยมาก ไม่แปลกใจที่บรรดามหาเศรษฐีชอบมาอาศัยอยู่กัน
จากคุณ : il giallorossiก่อนจะผ่านประตูเข้าไปด้านใน มีป้ายห้ามเรื่องแต่งกายไม่สุภาพด้วยครับ
ใครพิเรนทร์มาแบบกึ่งนู้ด ไม่ดูตาม้าตาเรือ เดินเข้าไปในวังโดนรวบแน่ๆ ......
มาถึงเขตพระราชวังแล้วครับ ดูเผินๆ เหมือนสร้างเป็นแบบผสมผสานปราสาทโบราณเข้ากับอาคารยุโรปยุคกลาง
จากคุณ : il giallorossiฝั่งตรงข้ามมีร้านค้าล่อตานักท่องเที่ยว ถือเป็นของฝากจาก โมนาโก กลับบ้าน
จากคุณ : il giallorossiบนนี้มีจุดชมวิวที่มองไปเห็น Stade Louis II ได้ด้วย
จากคุณ : il giallorossiเดินต่อไปชม มหาวิหารเซนต์ นิโกลัส แห่งโมนาโก หรือชื่อทางการคือ Cathedrale Notre-Dame-Immaculee de Monaco
วิหารแห่งนี้ใช้เป็นที่ฝังพระศพของราชวงศ์ Grimaldi รวมถึง เจ้าชายเรนิเยร์ ที่ 3 และเจ้าหญิงเกรซ ครับ
ภายในของมหาวิหาร .......
จากคุณ : il giallorossiเจ้าหญิงเกรซ หรือ เกรซ เคลลี่ (Grace Kelly) อดีตนักแสดงชาวอเมริกัน ที่กลายมาเป็นเจ้าหญิงแห่งโมนาโก หลังจากเข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายเรนิเยร์ ที่ 3 เป็นที่รักของชาวโมนาโก เป็นอย่างมาก เมื่อพระองค์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1982 ทำให้ชาวโมนาโก อยู่ในความโศกเศร้าถึงที่สุด
เจ้าชาย เรนิเยร์ ที่ 3 จึงทรงมีรับสั่งให้ทำป้ายระลึกถึงเจ้าหญิงเกรซ ติดอยู่ทั่ว โมนาโก ครับ
เท่าที่จำได้ผ่านตา ผมชอบภาพนี้มากที่สุด เพราะเป็นพิธีเสกสมรสของ เจ้าชาย เรนิเยร์ ที่ 3 กับเจ้าหญิงเกรซ ยืนดูอยู่นานเลยครับ
จากคุณ : il giallorossiไม่ไกลจากวิหาร จะมีอาคารขนาดใหญ่ ภายในมีพิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์ หรือโลกใต้ทะเล นั่นเองครับ
จากคุณ : il giallorossiบรรยากาศภายในโซนของโลกใต้ทะเล ..........
จากคุณ : il giallorossiมีปลารูปร่างหน้าตาประหลาดเต็มไปหมด
จากคุณ : il giallorossiมาสะดุดตาที่ปลาชนิดนี้ครับ พรางตัวได้สุดยอดมาก กลมกลืนกับหินไปเลย
จากคุณ : il giallorossiแม้หินจะเป็นสีดำ ปลาชนิดนี้ก็ไม่หวั่น พร้อมเปลี่ยนสีเพื่อพรางตัวหลบภัย
จากคุณ : il giallorossiโซนนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมตัวอย่างสัตว์หายากในท้องทะเล แบบว่าดูเพลินเลยครับ
จากคุณ : il giallorossiปาดดด
ข้ามจากอิตาลี่มาเยือนโมนาโกต่อนะครับ เพิ่งรู้ว่ามี Aquarium ด้วย
ภาพจากวีดิโอ เจ้าชายทรงตรัสแนะนำพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ พร้อมกับต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
ปัจจุบันเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 ทรงเป็นทั้งเจ้าของ และผู้อุปถัมภ์ สืบต่อจากพระราชบิดา เจ้าชายเรนิเยร์ ที่ 3 ครับ
ตรงทางออกจะมีช็อปของพิพิธภัณฑ์ให้เลือกซื้อของที่ระลึก เอาล่ะ ได้เวลาออกจากพระราชวังแล้ว
เดินทางไม่ยากครับ เพราะมีป้ายรถเมล์อยู่ในวังเลย กลับเข้าเมืองสะดวกมาก ไม่ต้องเดินลง หรือถ้าใครจะเอารถมาเอง ก็มีที่จอดกว้างขวางมากเช่นกัน
นั่งรถเมล์มาลงที่นี่ครับ ปากอุโมงค์ F1 หนึ่งเดียวในโลก ใต้โรงแรม Fairmont
จากคุณ : il giallorossiที่บริเวณทางเดินใกล้อุโมงค์ตรงนี้แหล่ะ เป็นถนน The Champions Promenade ที่จะมีแผ่นป้ายรอยเท้านักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์จากทั่วโลก อารมณ์เดียวกับ Hollywood Walk of Fame ที่ อเมริกา เลย
นักเตะที่จะได้ประทับรอยเท้าแบบถาวรบนทางเดินนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ได้รางวัล Golden Foot จากการโหวต หรือเป็นนักเตะระดับตำนาน / ซูเปอร์สตาร์ รุ่นเก่า ที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะมีคณะกรรมการคอยคัดเลือกเข้ามาประทับรอยเท้า ปีละ 4-5 คน เป็นการให้เกียรติในฐานะ All-time legend
ปัจจุบันมีรอยเท้าของ All-time legend ทั้งหมด 36 คน รวมกับเจ้าของรางวัล Golden Foot อีก 8 คน ก็เป็น 44 คนครับ
เอาล่ะ เป้าหมายผมอยู่ที่การตามหารอยเท้า ต๊อตติ นักฟุตบอลคนโปรด ......
จากแผ่นป้ายทั้งหมด 44 คน ผมคงลงหมดไม่ไหว ขอคัดมาเพียงส่วนหนึ่งนะครับ
ตามมาชมคร้าบบบ ^ ^
จากคุณ : Phmatzueตามไปเที่ยวด้วยครับ
จากคุณ : เล็กทาโร่คนแรกเลย เป็นรอยเท้าของ ดีเอโก้ มาราโดน่า เทพเจ้าของนาโปลี ชาวอาร์เจนไตน์ แชมป์โลก 1986 ประเดิมเป็นรอยเท้าแรกสุดบนนถนนสายนี้
จากคุณ : il giallorossiอันนี้ของ โรแบร์โต้ บาจโจ้ เทพบุตรเปียทองคำ ตำนานของ ยูเว่ และทีมชาติอิตาลี
จะสังเกตเห็นว่ามีสัญลักษณ์ Golden Foot 2003 ปั้มอยู่ด้านบนด้วย ซึ่ง บาจโจ้ เป็นคนแรกที่ได้รางวัลนี้ครับ
ไม่เพียงแต่รอยเท้าเท่านั้น ถ้าเป็นผู้รักษาประตูระดับตำนานทีมชาติอิตาลี และ ยูเว่ อย่าง ดิโน่ ซอฟฟ์ แชมป์โลก 1982 ก็จะปั้มมือแทน
จากคุณ : il giallorossiตามมาด้วยรอยเท้าของ โรนัลโด้ Golden Foot 2006 สุดยอดตำนานทีมชาติบราซิล ดาวซัลโวตลอดกาลของฟุตบอลโลก
คนนี้ดีกรียาวเป็นหางว่าว ทั้งแชมป์โลก 1994 และ 2002 รวมถึง บัลลง ดอร์ 2 สมัย ปี 1997 และ 2002
คนต่อมาคือตำนานและขวัญใจสาวก ยูเว่ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ครับ แชมป์โลก 2006 ได้ Golden Foot 2007 ด้วย
จากคุณ : il giallorossiเข้ามาเที่ยวแบบเรื่อยเปื่อย เหมือกัลลค่ะ
จากคุณ : bsczaสุดยอดเพลย์เมคเกอร์ฝรั่งเศส ซีเนอดีน ซีดาน อดีตดาวเตะ ยูเว่ เคยได้แชมป์โลก 1998 และ บัลลง ดอร์ ในปีเดียวกัน
จากคุณ : il giallorossiมาถึง Golden Foot 2009 ครับ โรนัลดินโญ่ นั่นเอง เคยได้ บัลลง ดอร์ ปี 2005
ขอบอกว่าลายเซ็นสุดยอดมากๆ ทำเอานึกไปถึงทรงผมเจ้าตัวเลย
ตามมาเที่ยวด้วยติดๆๆครับ
จากคุณ : วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับและแล้วก็มาถึงขวัญใจผม ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ แชมป์โลก 2006 นักเตะที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่ โรม่า เคยมีมา เล่นให้ทีมหมาป่าทีมเดียวมาตลอดอาชีพค้าแข้ง เพิ่งได้รางวัล Golden Foot 2010 มาเป็นคนล่าสุด
นับถึงตอนนี้ รอยเท้า ต๊อตติ เป็นรอยเท้าสุดท้ายบนถนนสายนี้ครับ ยังใหม่เอี่ยมอยู่เลย
ไหนๆก็มาแล้ว ขอทาบรอยเท้าป๋า เป็นที่ระลึกหน่อยแล้วกัน อิอิ
จากคุณ : il giallorossiจะเห็นว่าถัดจากรอยเท้าของ ต๊อตติ ก็ยังเหลือที่ให้วางแผ่นป้ายได้อีกพอสมควร รอตำนานยอดนักเตะคนอื่นๆมาประทับรอยเท้าต่อไป ซึ่งยังมีซูเปอร์สตาร์ในอดีตอีกหลายคนเลย ที่ยังไม่ได้มาประทับไว้ อย่างเช่น เปเล่, โยฮัน ครอยฟ์, รุด กุลลิท, มาร์โก ฟาน บาสเท่น, เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์, จูเซ็ปเป้ แบร์โกมี่, เปาโล มัลดินี่ ฯลฯ
ส่วนคนดังที่มีรอยเท้าแล้ว นอกเหนือจากที่ผมโพส ยังมีชื่อของ ชุสต์ ฟงแตง, ยูเซบิโอ, จานนี่ ริเวร่า, อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่, มิเชล พลาตินี่, พาเวล เนดเวด, ลุยจิ ริว่า, จอร์จ เวอาห์, จอร์จ เบสต์, อังเดร เชฟเชนโก้, เฟเรนซ์ ปุสกัส, เรมงด์ โกปา, จาชินโต้ ฟัคเค็ตติ, ซิโก้, แกร์ด มุลเลอร์, เปาโล รอสซี่, ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ, โรมาริโอ, อัลดาเอียร์, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, คาร์ลไฮนซ์ รุมเมนิเก้, เรเน่ ฮิกิต้า, ฮูโก้ ซานเชซ, ดุงก้า และ ฟร้านซ์ เบคเคนบาวเออร์ เป็นต้น (ผมเรียงชื่อตามลำดับของป้ายเลย ทั้งเก่า-ใหม่ ปนกัน)
ต้องมาคอยลุ้นกันครับว่าในปีนี้ จะมีรอยเท้าซูเปอร์สตาร์คนใดเพิ่มขึ้นมาบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าจะมีนักเตะปัจจุบันที่อายุเกิน 29 ปี มาในฐานะ Golden Foot 2011 อีก 1 คนด้วย ปีนี้มีลุ้นรางวัลกันเยอะ ทั้งหมดมี เดวิด เบ็คแฮม, จานลุยจิ บุฟฟ่อน, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ซามูเอล เอโต้, ไรอัน กิ๊กส์, อีเกร์ กาซิยาส, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, การ์เลส ปูโยล, ราอูล กอนซาเลซ และ ชาบี้ เอร์นานเดซ เพียงคนเดียวในนี้ที่จะได้รางวัลต่อจาก ต๊อตติ ไป รักใครชอบใครก็เข้าไปโหวตกันได้ที่ http://www.goldenfoot.com ครับ ใกล้จะปิดโหวตและประกาศผลแล้ว
ส่วนท่านใดที่สนใจถนนสายนี้เป็นพิเศษ ผมมีอีกเวอร์ชั่นที่โพสไว้ในห้องศุภชลาศัย เชิญคลิกที่นี่ครับ
http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2011/07/S10855571/S10855571.html#37
ตรงสุดทางเดินของแผ่นป้ายรอยเท้า ด้านบนจะเป็นศูนย์ประชุม Grimaldi Forum
จากคุณ : il giallorossiแฟนฟุตบอลยุโรปคงจะคุ้นกับ Grimaldi Forum กันดี เพราะที่นี่จะใช้เป็นเวทีจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม อยู่ทุกปีนั่นเอง
จากคุณ : il giallorossiหมดเรื่องฟุตบอลที่ โมนาโก แล้ว ความสนใจผมก็อยู่ที่ track ของ F1 ต่อ
ระหว่างทางเดินกลับผ่าน โค้งอันลือลั่น หน้าโรงแรม Fairmont ครับ
ไม่มี F1 ก็ดู Ferrari Italia ไปก่อน ซิ่งกระจายครับ
จากคุณ : il giallorossiผ่านหน้า คาสิโน ครับ ฝนเริ่มลงเม็ดไล่หลังมาแล้ว .......
จากคุณ : il giallorossiเดินต่อมาเรื่อยๆ ผ่านร้านค้าแบรนด์เนมเยอะเหมือนกัน แต่ดูจะปิดกันหมดแล้ว
จากคุณ : il giallorossiหันไปมองที่ท่าเรือด้านซ้าย มีเรือยอร์ชลำหรู จอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
จากคุณ : il giallorossiลองซูมเข้าไปดู แหม... มันน่าลงไปแช่น้ำอุ่นจริงๆ ว่าไหมครับ
เดินต่อลงไปตามถนนเรื่อยๆ สุดทางก็ถึงปากสถานีรถไฟ โมนาโก พอดี เที่ยวแค่ครึ่งวันก็ครบแล้ว เมืองนี้
จากคุณ : il giallorossiไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่ แต่เป็นครึ่งวันที่ประทับใจมากจริงๆ
ได้เวลากลับ นีซ แล้วครับ
เช้าวันต่อมา อากาศไม่เอื้ออำนวยเลยครับ ฝนตกหนัก ผมกะว่าจะไปเที่ยวหมู่บ้าน Eze
อุตส่าห์นั่งรถไฟไปถึงแล้วด้วย แต่หารถเข้าไปในหมู่บ้านไม่ได้ แถมเป็นวันอาทิตย์อีก Information ปิดหมดเลย
สุดท้ายก็เสียเที่ยว ต้องกลับมาเดินเล่นในตัวเมือง นีซ ครับ บรรยากาศชุ่มฉ่ำมาก
จากคุณ : il giallorossiน่าเสียดายตรงที่เป็นวันอาทิตย์ ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดหมด ที่เปิดก็ไม่ค่อยน่าสนใจ ภรรยาผมเซ็งเลย
วันนี้วันหยุดก็จริง แต่คนที่นี่ไม่ได้ขลุกอยู่แต่ในบ้าน มาขลุกกันอยู่หน้าโรงหนังเต็มไปหมด ผมก็ดูไม่ออกว่าคนเยอะมาก หรือโรงหนังเค้าเล็กกันแน่
หลังจากนั้นฝนเทลงมาอย่างหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมกับภรรยาเดินเข้าเขตเมืองเก่า ยังพอฝ่าฝนเก็บภาพส่วนตัวได้ แต่ไม่ได้ถ่ายวิวเดี่ยวมา เลยไม่ได้นำลงนะครับ
ช่วงเวลาที่ ฝรั่งเศส ของผมมีเท่านี้ ยังดีที่ได้เที่ยว โมนาโก ไปแล้วเมื่อวาน พรุ่งนี้จะกลับเข้า อิตาลี อีกครั้งล่ะ
รุ่งขึ้น หลังออกจากสถานี นีซ ผมต่อรถไฟข้ามพรหมแดนมาลงที่ เวนติมิย่า อีกครั้ง เตรียมเดินทางไป ตูริน ครับ
แต่เนื่องจากไม่มีรถไฟสายตรง เลยต้องไปเปลี่ยนขบวนที่ คูเนโอ ก่อน
รถไฟขยับขบวน ออกจาก เวนติมิย่า แล้วครับ .........
จากคุณ : il giallorossiแต่แล้วหลังออกจาก เวนติมิย่า ผมก็ประหลาดใจสุดๆเมื่อไม่กี่ป้ายต่อมา กลับกลายเป็นป้ายของ ฝรั่งเศส ไปแทน เฮ้ยนี่เราขึ้นผิดขบวนหรือเปล่า
มารู้ทีหลังว่าทางรถไฟสายนี้ วกกินพื้นที่เข้าพรหมแดนฝรั่งเศส ก่อนเข้ามา อิตาลี อีกหนครับ เชื่อมกันมั่วเลย
นั่งมา 2 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึง คูเนโอ จนได้
อากาศที่นี่หนาวสุดๆเลยครับ ผมคิดว่าไม่น่าจะถึง 5 องศา
มาถึง ตูริน ที่สถานี Torino Porta Nuova ประมาณบ่ายสองครับ .....
จากคุณ : il giallorossiในเมื่อมาถึงเอาบ่ายแก่ๆแบบนี้ ก็รู้ได้เลยว่ามีเวลาเที่ยวแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะคืนนี้ผมต้องไปนอนที่ มิลาน ดังนั้นการลุย ตูริน เป็นครั้งแรกในชีวิต ก็ไม่ต่างอะไรกับชะโงกทัวร์ ที่มีเวลาจำกัดสุดๆ
ตูริน หรือ ภาษาอิตาเลียนคือ โตริโน่ (Torino) ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของอิตาลี รองจาก โรม, มิลาน และ นาโปลี เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ แหล่งผลิตรถ Fiat ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอิตาลี หลังรวมชาติได้ในปี 1861 ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ฟลอเรนซ์ และ โรม มาจนถึงในปัจจุบัน
ที่เห็นนี้คือโบสถ์ San Filippo Neri ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดใน ตูริน ครับ
จากคุณ : il giallorossiบรรยากาศด้านใน ......
จากคุณ : il giallorossiจากนั้นเดินไปตามถนน Accademia delle Scienze จะเจอพิพิธภัณฑ์อียิปต์ แห่งตูริน หรือ Museo Egizio
ในพิพิธภัณฑ์มีการรวบรวมศิลปะจากอียิปต์โบราณ ว่ากันว่าสำคัญเป็นที่สองรองจากพิพิธภัณฑ์ที่ ไคโร เลยครับ
ตึกถัดไปจะเป็น Palazzo Carignano ครับ เป็นอาคารแบบบาร็อค อายุมากกว่า 300 ปี เคยเป็นวังเก่ามาก่อน
จากคุณ : il giallorossiภายในครับ สวยงามมากๆ ......
จากคุณ : il giallorossiเดินทะลุออกมาอีกฝั่งจะเป็น Piazza Carlo Alberto เป็นที่ตั้งของหอสมุดแห่งชาติ ตูริน
จากคุณ : il giallorossiเดินต่อมาไม่ไกล จะถึงจัตุรัสใหญ่ที่สุดกลางเมือง Piazza Castello
ตรงกลางจะมีพระราชวัง Madama และปราสาทเก่า Casaforte degli Acaja อายุมากกว่า 400 ปี
เอาล่ะ ตอนนี้ผมกำลังเดินไปหา Mole Antonelliana สัญลักษณ์ของ ตูริน อยู่ครับ .......
จากคุณ : il giallorossiระหว่างทางเจอแผงลอยขายหนังสือ และดีวีดี ฟุตบอล มีทั้ง ยูเวนตุส และ โตริโน่ ปะปนกันไป
จากคุณ : il giallorossiว้าววว น่าไปจังเลยค่ะ สงสัยต้องรีบหาจังหวะ ตามรอย จขกท ไปเสียแล้ว
ขอบคุณที่พาเที่ยวนะค้าา
อาคารคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยตูริน ...... นักศึกษาไฟแรงเพียบ
จากคุณ : il giallorossiเอาล่ะครับ ถึงแล้ว Mole Antonelliana สัญลักษณ์แห่งตูริน ......
น่าเสียดายที่ผมเข้าไปข้างในไม่ได้ เพราะเป็นวันจันทร์ พิพิธภัณฑ์หยุดกันเกือบทั่วโลก (ยกเว้น วาติกัน ที่หยุดวันอาทิตย์) น่าเสียดายสุดๆ ได้แต่เก็บภาพงามๆไปรอบๆเท่านั้น
บริเวณภายในนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์แห่งชาติของอิตาลี อยู่ด้วย ถือเป็นเมืองที่พิพิธภัณฑ์เยอะจริงๆ
จากคุณ : il giallorossiบริเวณนี้คือ Piazza Vittorio Veneto ใจกลาง ตูริน
มองไปที่เห็นอาคารมีโดมด้านหน้าคือ โบสถ์ Gran Madre di Dio โดยจะมีแม่น้ำโป กั้นอยู่ ต้องข้ามสะพานไปก่อนครับ
เข้ามาชมค่ะ
ท่าทางจะเป็นคอบอลนะคะเนี่ย
ซัมเมอร์ที่ผ่านมา ยุโรปอาการแปรปรวนมากเลย บางอาทิตย์ก็ฝนตกตลอด
ถ้ามาเที่ยวแล้วเจอแต่อากาศดีเนี่ย ถือว่าโชคดีมากๆเลยค่ะ
ยังพอมีเวลาเหลืออีกราวๆ 1 ชั่วโมง ผมเองก็อยากดูสนามฟุตบอลที่นี่ แต่ต้องเลือกระหว่าง Olimpico กับ Juventus Arena ที่รู้อยู่แล้วว่ายังสร้างไม่เสร็จ สุดท้ายผมก็เลือกไปดูสนามใหม่ เลยมาหารถเมล์แถวๆนี้ (ไม่แน่ใจเรื่องสาย แต่ถ้าจำไม่ผิด ต่อเดียวก็น่าจะถึงครับ)
วันนี้ยังพอมีโชคอยู่บ้าง เ้พราะเทศบาลเค้าจัดกิจกรรมตั้งบูธโปรโมตเมืองพอดี ผมเลยได้โอกาสถามทางจากที่นี่ เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำดีมากๆเลย
เอาล่ะนั่งมาราวๆ 20 นาที ก็ถึงบริเวณสนามจนได้
Juventus Arena สนามใหม่เอี่ยมของพลพรรคม้าลาย ตูริน ........
เท่าที่ดูน่าจะสร้างไปได้ราวๆ 70% อันนี้เป็นภาพเมื่อปลายเดือน มีนา นะครับ ผ่านมาแล้ว 5 เดือน น่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
จากคุณ : il giallorossiยูเว่ เป็นทีมแรกของอิตาลี ที่กำลังจะมีสนามเป็นของตัวเองครับ ทีมอื่นๆก็ได้แต่มองตาปริบๆ เช่าเทศบาลต่อไป อยู่ได้ไม่นานก็ต้องหารถนั่งกลับไปที่สถานีรถไฟ ดันเจอแจ็คพอตรถติด เล่นเอาเกือบตกรถไฟเหมือนกัน แห่ะๆ
หลังจากนั้นไม่ค่อยได้เก็บภาพระหว่างเดินทางครับ เพราะเพลียกันมาก นั่งรถไฟไป มิลาน เข้าที่พักก็แทบสลบเลย
ยังตามเที่ยวอยู่ ปาด อีกทีค่ะ
จากคุณ : bsczaเดินทางมาถึง มิลาน แล้ว วันรุ่งขึ้นก็เริ่มเดินสำรวจเมืองครับ ระหว่างที่เดินก็นึกถึงภาพวาด The Last Supper ของ ลีโอนาร์โด้ ดา วินชี่ ขึ้นมา ....
ลองหาทางไปดูเป็นอย่างแรกแล้วกัน ไปทั้งๆที่ไม่ได้แพลนอะไรล่วงหน้าไว้เลย
ลงรถไฟใต้ดินสายสีแดงมาลงสถานี Cardorna FNM หรือ Conciliazione สายในสายหนึ่ง แล้วแต่สะดวก
เดินเท้าต่อไม่นานก็มาถึงโบสถ์ Santa Maria delle Grazie ที่เป็นที่ตั้งของภาพวาดอันโด่งดังครับ
ตรงนี้เป็นประตูทางเข้าไปชมภาพครับ จะมีป้ายและธงสีชมพูติดไว้ว่า Cenacolo Vinciano หรือแปลเป็นอังกฤษก็คือ Last Supper นั่นเอง จะแยกส่วนมาในนี้ ไม่ได้อยู่ในตัวโบสถ์โดยตรง และอนุญาตให้ดูด้วยตาอย่างเดียว ห้ามถ่ายภาพใดๆเด็ดขาด
แต่น่าเสียดายที่ผมประมาทไปหน่อย ไม่ได้จองคิวไว้ เพราะนึกอยากมาก็มาเลย ปรากฏว่าต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์เท่านั้น walk-in หมดสิทธิ์เข้าชม ยกเว้นกรณีเดียวคือคนที่จองไว้ดันยกเลิก ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากเอามากๆ
ที่สำคัญคือคิวจองที่ว่า ยาวเหยียดถึง 4-5 วัน!!! ผมเลยถอดใจ แห่ะๆ ย้ำเลยว่าใครอยากมาดูภาพนี้ ต้องจองเท่านั้นครับ ต่างกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆที่ไปมา ถึงคิวจะเยอะยังไง ก็ walk-in ได้ ยกเว้นที่นี่ครับ
เอาล่ะ ลืมมันซะ มุ่งหน้าไปเป้าหมายสูงสุด (ที่มาเมืองนี้) ดีกว่า
สนามซาน ซิโร่ นั่นเอง ........
เริ่มจากลงรถไฟใต้ดินตรงแถวๆโบสถ์ Santa Maria delle Grazie ครับ ตรง Piazza Conciliazione
จากคุณ : il giallorossiรถไฟใต้ดินไปไม่ถึงสนามนะครับ ต้องมาลงที่สถานี Lotto Fiera แล้วต่อรถเมล์สาย 16
ที่เห็นนี้คือศูนย์กีฬา Lido di Milano เป็นจุดใกล้ๆที่ขึ้นรถเมล์ครับ
นั่งไปไม่ไกลก็เห็น สนามซาน ซิโร่ แล้วครับ อลังการมากๆ ......
สนามแห่งนี้มีชื่อทางการว่า Stadio Giuseppe Meazza เปิดใช้ตั้งแต่ปี 1926 ก่อนจะเปลี่ยนมาจากชื่อเดิมคือ ซาน ซิโร่ ในปี 1980 เพื่อให้เกียรติ จูเซ็ปเป้ เมียซซ่า นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลอิตาลี ซึ่งเคยค้าแข้งให้กับทั้ง อินเตอร์ และ มิลาน
อย่างไรก็ตาม เมียซซ่า เป็นที่จดจำในฐานะตำนานของทีมงูใหญ่ อินเตอร์ ที่เล่นมา 10 กว่าปี ไม่ใช่กับ มิลาน ที่เล่นแค่ 2 ปี ดังนั้น ทางสาวกรอสโซ่เนรี่ ก็จะเรียกชื่อสนามนี้ว่า ซาน ซิโร่ เหมือนเดิม ถึงขั้นที่วีดีโอเกม FIFA ยังต้องแยกสนามในเกมเป็น 2 แห่ง คนละชื่อเลยครับ จะได้ใส่กราฟฟิกแบนเนอร์แต่ละทีมได้แบบไม่ต้องกั๊ก
ลงรถตรงหน้าทางเข้าสนามครับ ........
จากคุณ : il giallorossiเอาล่ะ เดินเข้าไปข้างในกันดีกว่า .......
จากคุณ : il giallorossiสนามซาน ซิโร่ น่าจะเป็นสนามแห่งเดียวในอิตาลี เลยมั้งครับ ที่มีหัวการตลาดกับแฟนบอล ด้วยการทำพิพิธภัณฑ์ในตัวสนาม เพื่อเปิดให้แฟนบอลเข้าชม โดยทั้ง มิลาน และ อินเตอร์ ต้องลงทุนขอเช่าพื้นที่จากเทศบาลเมือง จากปกติที่ต้องจ่ายค่าเช่าเพื่อเตะฟุตบอลอยู่แล้ว รวมถึงมี Stadium Tour แบบที่ทีมในอังกฤษนิยมทำกัน
ปกติพิพิธภัณฑ์และทัวร์ จะเปิดทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นครับ จะปิดเพียงวันที่มีเกมเตะเท่านั้น ส่วนราคาถ้าใครดูพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว 7 ยูโร ถ้ารวมทัวร์สนามด้วยก็ 12.5 ยูโรครับ สำหรับผม ไหนๆมาแล้วก็ต้องดูให้ครบล่ะ
ส่วนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ครับ เริ่มจากทีมแชมป์โลก อินเตอร์ ก่อนแล้วกัน ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของตู้โชว์ถ้วยรางวัล
จากคุณ : il giallorossiความสำเร็จของ อินเตอร์ ในปีที่ผ่านมา ถือว่าต้องจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ทีมเลยครับ ทำให้ กัลโช่ ได้หน้าด้วย
ทางซ้ายคือชุดแข่งในเกมที่คว้าแชมป์ยุโรปที่ มาดริด ส่วนทางขวาเป็นเกมที่คว้าแชมป์สโมสรโลกที่ ยูเออี ครับ
มาดูทางฝั่ง มิลาน กันบ้าง เริ่มจากโซนถ้วยรางวัลก่อน
จากคุณ : il giallorossiชุดแข่งคว้าแชมป์ของ มิลาน ก็ไม่น้อยหน้า อินเตอร์ ครับ ตั้งใจมาประชันกันแบบสมน้ำสมเนื้อ
ทางซ้ายมาจากเกมที่คว้าแชมป์ยุโรปที่ เอเธนส์ ส่วนทางขวาเป็นเกมคว้าแชมป์สโมสรโลกที่ โยโกฮาม่า
เอาล่ะ ที่เหลือจะเป็นมุมกลางๆครับ อันนี้เป็นโมเดล ซาน ซิโร่ แบบไม้ล้วนๆ สวยดีเหมือนกัน
อ่านจากประวัติ โมเดลนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงที่มีการต่อเติมหลังคาเพื่อรองรับ ฟุตบอลโลก 1990 พอดีเลย
ด้านข้างพิพิธภัณฑ์ มีโซน Virtual Experience ให้แฟนๆได้สนุกกันด้วย
ที่เห็นนี้คือสนามฟุตบอลจำลองครับ
ผมลองเล่นกันสองคนกับภรรยา สนุกดีครับ จะมีลูกบอลคอมพิวเตอร์ให้หวด แน่นอนว่าผมชนะขาดลอย
หลังจากเดินจนทั่วพิพิธภัณฑ์แล้ว ก็เข้ามาสัมผัสบรรยากาศในสนามครับ
ต้องยอมรับว่า ซาน ซิโร่ ใหญ่โตและสวยงามมากๆ
ตรงกลาง อัฒจันทร์ฝั่งทิศตะวันออก เก้าอี้สีส้ม เป็นฝั่งเดียวที่มีแค่ 2 ชั้นครับ
ตามมาด้วย อัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ เก้าอี้สีน้ำเงิน
ติดๆกันมาจะเป็นอัฒจันทร์ฝั่งทิศตะวันตก เก้าอี้สีแดง ....
จากคุณ : il giallorossiจากนั้น ก็ได้เวลาสำรวจห้องแต่งตัวนักเตะของทั้ง 2 ทีมครับ มีเจ้าหน้าที่คอยพาชม
เริ่มจาก อินเตอร์ ก่อน เน้นโทนสีขาวแบบเรียบง่าย สื่อความหมายให้มีสมาธิมุ่งไปที่เกมเป็นหลัก
มาทางฝั่ง มิลาน บ้าง บอกได้ว่าบรรยากาศต่างกันแบบคนละเรื่องเลย
การตกแต่งห้องดูจะมีชีวิตชีวา สีสันสดใส เพื่อทำให้นักเตะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่กดดัน
ตรงนี้ต้องบอกว่าแล้วแต่เคล็ดของแต่ละฝั่งจริงๆ แนวคิดต่างกัน แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ทั้งคู่
ผมใช้เวลาอยู่ที่สนามเกือบๆ 2 ชั่วโมง เมื่อทัวร์สิ้นสุดลง ก็ถึงเวลาเดินทางต่อ
ขึ้นรถเมล์กลับตรงหน้าสนามครับ ไปต่อรถไฟใต้ดินที่สถานีเดิม
ท่านใดสนใจทัวร์-พิพิธภณฑ์ ซาน ซิโร่ แบบเวอร์ชั่นเต็ม คลิกที่นี่นะครับ
http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2011/07/S10855571/S10855571.html#111
ตามเที่ยวต่อค่ะ
ปล อัพดึกจังเลยนะคะเนี่ย
มาโผล่อีกทีที่สถานีข้างๆ Duomo เลย
จากคุณ : il giallorossiDuomo di Milano หรือมหาวิหารแห่ง มิลาน มหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใช้เวลาสร้างยาวนานเกือบ 600 ปีกว่าจะเสร็จ
ปัจจุบันถือเป็นมหาวิหารคริสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และถ้าไม่นับ St.Peter ในวาติกัน นี่คือมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดใน อิตาลี ครับ
สถาปัตยกรรมสุดอลังการแห่งนี้ เป็นสัญลักษณ์ของเมือง อย่างไม่ต้องสงสัย .........
จากคุณ : il giallorossiบรรยากาศภายในครับ ......
จากคุณ : il giallorossiในบริเวณ Piazza del Duomo ยังมีแหล่งช็อปปิ้งอย่าง Galleria Vittorio Emanuele II
จากคุณ : il giallorossiด้านในคัดมาแต่แบรนด์เนมระดับแพงหูฉี่ของโลกทั้งนั้น ผมอยู่ได้ไม่นานก็เดินออกมาแล้ว แห่ะๆ
จากคุณ : il giallorossiแหล่งช็อปผมต้องเป็นแถวนี้ครับ ใช้แบรนด์ธรรมดา เน้นความคุ้มค่า
จบแล้วครับ สำหรับ มิลาน รวมทั้งประเทศอิตาลี ด้วย วันรุ่งขึ้นต้องเดินทางต่อไปยัง สวิตเซอร์แลนด์
ติดตามกันได้ในตอนที่ 5 กับการเรื่อยเปื่อยที่ Jungfraujoch - Rheinfalls - Zurich - Luzern ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาเรื่อยเปื่อยด้วยกันครับ
ตามมาเที่ยวต่อด้วยครับ
อยากมีเวลาเที่ยวมากๆ ยังงี้มั่งครับ
น่าอิจฉาครับ
คุณ Coffee Blended
ขอบคุณที่ติดตามมาเรื่อยๆครับ โลกใต้ทะเลที่นี่ใหญ่มากๆ ภาพของผมแค่เสี้ยวเดียว มีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะครับ
คุณ Phmatzue
ขอบคุณที่ติดตามกันตลอดครับ
คุณ เล็กทาโร่
ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวกันตลอดครับ
คุณ bscza
ขอบคุณครับที่ตามมาเรื่อยเปื่อยกันต่อ
คุณ วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ
ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวกันต่อครับ
คุณ khunfreedom
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมเช่นกันครับ เที่ยวกันไปเรื่อยๆนะครับ
คุณ EndlessRoad
ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ ช่วงสัปดาห์แรกใน อิตาลี ผมแทบจะเจอมรสุมชีวิตกับสภาพอากาศเลยครับ ฝนตกมันได้ทุกวัน
ผมคอบอล อิตาลี ครับ ปกติอยู่ห้องศุภชลาศัย ตอนที่ 1 มีไปดู โรมดาร์บี้ ด้วย สนใจตามเข้าไปชมกันได้ที่ลิ้งค์ด้านบนครับ
คุณ LittleEntchen
ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวกันต่อครับ ไม่คิดว่าจะโพสนานเหมือนกัน ถึงต้องยกยอดตอบรีวิวมาเป็นวันรุ่งขึ้นแทน
คุณ ฟองสบู่
ผมเองก็อิจฉา คุณฟองสบู่ เช่นกัน อยากมีเวลาพาครอบครัวไปขับรถเล่นท่องยุโรปบ้าง ผมก็เป็นคนชอบขับรถเที่ยว แต่ยังไม่มีโอกาสเลยแฮะ
ขอบคุณที่ติดตามกันตลอดครับ
รอยเท้านักฟุตบอลที่โมนาโค มีของนักเตะอิตาลีเยอะมากนะครับ
และขอขอบคุณที่พาเที่ยว ซานซิโร ที่อยากไปชม มิลาน เตะกับ อินเตอร์ฯ
@ ตอนนี้มีเรื่องราว รูปภาพสำหรับคอบอลซะเต็มอิ่มเลย ..
เย็นนี้ต้องช่วยกันเชียร์ทีมชาติไทยซะหน่อย ..
นับหรือยังครับว่า เก็บไปกี่สนามแล้ว ..
ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ
ถิ่นซานซิโร่นี่มีมนต์ขลังมากเลยครับ อยากไปดูดาบี้แมตเมืองมิลาน
ในสนามแห่งนี้มากเลยครับ
คุณ ชาวทัวร์, คุณ Destiny-Boy
ขอบคุณที่เข้ามาติดตามครับ ผมไป ซาน ซิโร่ ก่อนเกม มิลานดาร์บี้ แค่ไม่กี่วันเอง เสียดายเหมือนกันครับที่ไม่ได้ดูเกมนัดดังกล่าว ถ้าโปรแกรมเอื้อ คงไม่พลาดแน่
ยืนยันว่าสนามนี้สวยจริงๆ เคยไปดูมาหลายแห่ง แต่ ซาน ซิโร่ เป็นไม่กี่ที่ ที่ทำให้ ขนลุก ได้ แม้ไร้ผู้คนก็ตาม
คุณ MRBIG173
ออกจาก อิตาลี เรื่องบอลก็แทบไม่มีให้พูดถึงยาวเลยครับ จะไปมีอีกครั้งก็ตอนสุดท้ายที่ มิวนิค เลย มาถึงตอนนี้ผมนับได้ 9 สนามแล้วล่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันตลอดนะครับ คืนนี้ส่งใจเชียร์ทีมชาติไทยเต็มที่ !!
คุณ Salmon Lover
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเที่ยวด้วยกันครับ
เจ้าของร้านในรูปที่ 3 น่ารักดีค่ะ
ขอบคุณที่พาเที่ยวอีกเรื่อยๆนะคะ
ขอบคุณที่พาเที่ยวนะครับ...ตามตอนต่อไปด้วยใจระทึกครับ...เพราะปีหน้ากะว่าจะไปสวิสอยู่ครับ
จากคุณ : mordek1เพิ่งเข้ามาเจอค่ะ เป็นกระทู้ที่น่าอิจฉามากๆ
อยากเดินทางไปเรื่อยๆ อย่างงี้บ้างอ่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
เราชอบห้องแต่งตัวของอินเตอร์มิลานมากกว่าเอซีนะ
ชอบภาพเจ้าหญิงเกรซ เคลลี่มากเลยค่ะ สวยมากจริงๆ
แต่ละที่น่าไปทั้งนั้นเลยค่ะ ตามเที่ยวเพลินเลย
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
คุณ สาวหน้าใส
สาวๆเอเชีย ที่มาอยู่ นีซ ส่วนใหญ่หน้าตาดีทั้งนั้นเลยครับ เวลาคุย แอบกลัวว่าภรรยาจะเหล่เอาเหมือนกัน ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวตลอดนะครับ
คุณ mordek1
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมครับ รีวิวหน้าคงเป็น สวิตฯ รวมในกระทู้เดียวเลย น่าจะโพสได้คืนวันจันทร์หน้าครับ
คุณ Bpearl
จะว่าไปตลอด 1 เดือน ผมเจออุปสรรคไม่น้อยเช่นกัน ขอบคุณที่เข้ามาเรื่อยเปื่อยด้วยกันครับ
คุณ Pat :o)
ห้องเรียบๆแบบนี้ล่ะครับ ครองแชมป์ลีก 5 สมัยซ้อนมาแล้ว ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมครับ
คุณ Red-Rose-14Feb
ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวครับ ตอนนี้เพิ่งผ่านไปครึ่งทาง ยังต้องไปอีกหลายแห่งเลย ติดตามกันไปเรื่อยๆนะครับ
ตามมาชมต่อครับ ไปยุโรปหนึ่งเดือน น่าอิจฉาเสียนี่กระไร
จากคุณ : white koalaน่าอิจฉาจังเลยครับ อิอิ
จากคุณ : ข้าวซอยคอยเครื่องเคียง ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากเที่ยวแบบนี้บ้าง แต่ก่อนอื่นต้องเก็บตังค์ก่อน แต่ตอนนี้เกาะรีวิวไปเที่ยวด้วยคนคร้า
ขอบคุณครับสำหรับรีวิว
อิจฉาจังได้เข้าชมซานซิโรด้วย
เคยแต่ขับรถผ่านตอนสิบสามปีที่แล้ว
รู้สึกถึงความน่าเกรงขามแทนเหล่าทีมเยือน
(ผมเริ่มเชียร์อินเตอร์มาตั้งแต่ยุคโลธาร์ มัทเธอุท)
ขอบคุณนะครับที่พาชมสนามของทีมโปรด
วิหาร คห120สวยมากจังครับ
ยุโรปในฝัน ก็ยังเป็นฝันสำหรับลุงขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ
คุณ white koala
ขอบคุณที่ตามมาเที่ยวกันต่อครับ
คุณ ข้าวซอยคอยเครื่องเคียง
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมนะครับ
คุณ ลำหับ ณ เมืองดอกบัว
ขอบคุณครับ ตามเที่ยวกันต่อไปเรื่อยๆนะครับ
คุณ Naddh
โอ้โฮ บอกอายุเลยนะนี่ อิอิ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ
คุณ ลุงแบกเป้
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมครับ ทุกวันนี้ผมกลับมาก็ยังนึกถึงช่วงเวลาที่นั่น เหมือนกับฝันไปเช่นกัน เดี๋ยวผมขอตามคุณลุงไปฝันถึง แชงกรีล่า ด้วยคนนะครับ
แวะมาชมค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆนะคะ
คุณ แม่ครัวหัวป่า
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมนะครับ
ไปติดตามกันต่อในตอนที่ 5 เลยครับ Jungfraujoch - Rheinfall - Zurich - Luzern
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11085040/E11085040.html