"เที่ยวเอง" ตะลุยเดี่ยว Scandinavian Trip: ตอน "Finland" ดินแดนป่าสนไทก้า ซานตาคลอส และกวางเรนเดียร์

“เที่ยวเอง” อยากแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบไม่ง้อทัวร์ ขอเล่าเรื่องราวหลากหลายแง่มุมของทริปตะลุยสแกนดิเนเวียคนเดียว ทริปนี้เป็นทริปใหญ่ที่วางแผนได้ยากมาก ในการวางแผนจำเป็นต้องกำหนดวันเดินทางให้แน่นอนตั้งแต่แรกเลยจึงจะคำนวณค่าใช้จ่ายที่เกือบจะถูกต้อง 100% ได้เนื่องจากราคาตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ ตั๋วเรือ และโรงแรมที่พักของแต่ละวันจะไม่เท่ากัน ราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามวันและฤดูกาล เช่น ราคาของวันศุกร์หรือวันสุดสัปดาห์จะแพงกว่าวันธรรมดา ช่วงฤดูร้อน (เดือนมิ.ย.-ส.ค.) ราคาจะแพงที่สุด ฤดูหนาวจะถูกที่สุด นอกจากนี้ในบางวันหรือบางฤดูก็ไม่มีขบวนรถไฟหรือเรือให้บริการตามเวลาที่ต้องการ เรียกว่ากว่าจะวางแผนได้ลงตัวต้องเตรียมตัวกันเป็นเดือนๆ ทีเดียว สุดท้ายก็สำเร็จเป็นแพลน 8 วัน 6 คืน คือ Bangkok-Helsinki-Tallinn-Stockholm-Oslo-Bergen-Myrdal-Flåm-Oslo-Bangkok ใครอยากอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เข้า FB แล้ว search “เที่ยวเอง” ก็เจอเลย กดไลค์ได้เลยครับ

เมื่อวีซ่าผ่านและออกตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยก็จัดการเข้าอินเตอร์เน็ตไปจองตั๋วเรือ ตั๋วรถไฟ และโรงแรมออนไลน์ไว้ล่วงหน้าเลยเพราะราคาค่าตั๋วรถไฟในอินเตอร์เน็ตนั้นถูกกว่าการไปซื้อที่หน้าเคาน์เตอร์ พร้อมออกเดินทาง

วันแรก
ผมบินด้วยสายการบิน Finn Air ไปยังกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ประมาณ 10 ชั่วโมง 5 นาทีก็เดินทางถึงสนามบิน Vantaa Lentokenttä กรุงเฮลซิงกิ อยู่ทางทิศเหนือห่างจากตัวเมืองเฮลซิงกิราว 19 กิโลเมตร

นั่งรถ Regional Bus (Airport Bus) สาย 615T ด้านหน้าสนามบิน จ่ายค่าตั๋ว one-way regional ticket (seutulippu) ไป 4 ยูโร อีกประมาณ 40 นาทีต่อมา คนขับก็พาผมมาหยุดอยู่ที่สถานีรถเมล์/บัสของกรุงเฮลซิงกิซึ่งเรียกว่า Rautatientori ซึ่งเป็นด้านข้างของสถานีรถไฟ Rautatieasema Järnvägsstation สถานีรถไฟกลางของเฮลซิงกินั่นเอง ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่สถานีรถไฟ 3 ยูโร ฝากไปเลยได้ทั้งวัน

ราว 08.40 น. ผมพร้อมแล้วสำหรับการเที่ยวทั่วกรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ เดินตัวเบาไปหาเครื่องขายตั๋ววันสำหรับโดยสารพาหนะในเฮลซิงกิ กดปุ่มซื้อตั๋ว Single-charge card, day ticket 1 วัน ราคา 7 ยูโร ตั๋วชนิดนี้สามารถใช้โดยสารพาหนะในเฮลซิงกิได้ทุกประเภท ได้แก่ รถเมล์, รถราง (raitiovaunu), รถไฟใต้ดิน และ Suomenlinna ferry

ออกไปด้านนอกสถานีรถบัส Rautatientori จัตุรัสแห่งนี้เป็นลานกว้างขวางมาก ด้านซ้ายมือของผมมีรูปปั้นของ Aleksis Kivi นักประพันธ์ผู้เขียนนวนิยายเรื่องสำคัญ “Seven Brothers” เป็นภาษาฟินนิชเป็นครั้งแรก ด้านหลังของรูปปั้นคือ Suomen Kansallisteatteri หรือโรงละครแห่งชาติฟินแลนด์

ไป Senaatintori หรือ Senate Square

เดินไปทางขวามือของตัวเองเมื่อเดินออกจากสถานี Rautatientori มองตรงไปข้างหน้าจะเห็นอาคารสีน้ำตาลอ่อนดูหน้ากว้างอลังการดีเหมือนกัน อาคารยาวๆ หลังนี้คือ Ateneumin taidemuseo หรือ Ateneum Art Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะนั่นเอง

ไป Senaatintori หรือ Senate Square

เดินไปทางขวามือของตัวเองเมื่อเดินออกจากสถานี Rautatientori มองตรงไปข้างหน้าจะเห็นอาคารสีน้ำตาลอ่อนดูหน้ากว้างอลังการดีเหมือนกัน อาคารยาวๆ หลังนี้คือ Ateneumin taidemuseo หรือ Ateneum Art Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะนั่นเอง

ข้ามถนนไปยังฝั่งพิพิธภัณฑ์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายแรก เดินอีกประมาณ 5 นาทีผ่านสถานีรถไฟใต้ดิน Kaisaniemi แล้วก็เห็นด้านข้างของ Helsingin Tuomiokirkko ที่จัตุรัส Senaatintori

Senaatintori หรือ Senate Square จัตุรัสขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเฮลซิงกิก็กล่าวได้ ตรงกลางจัตุรัสมีอนุสาวรีย์ของจักรพรรดิ Alexander ที่ 2 ผู้ยิ่งใหญ่

ส่วนบริเวณรอบๆ จัตุรัสมีอาคารสำคัญคือ Helsingin yliopisto หรือมหาวิทยาลัยแห่งเฮลซิงกิ และ Valtioneuvoston linna คืออาคารที่ทำการรัฐบาลของฟินแลนด์ จะสังเกตเห็นธงชาติฟินแลนด์โบกสะบัดอยู่บนยอดของอาคารทั้งสอง

Senaatintori เป็นที่ตั้งของ Helsingin Tuomiokirkko มหาวิหารแห่งเฮลซิงกิ สถานที่ที่ใครๆ เห็นเป็นต้องรู้ว่าอยู่ที่ประเทศฟินแลนด์ โบสถ์สไตล์นีโอคลาสสิกหลังคาโดมสีเขียวแห่งนี้เป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของเฮลซิงกิเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1830-1852 โดยฝีมือการออกแบบของ Carl Ludvig Engel นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในของโบสถ์ได้ฟรี

เดินตามถนน Aleksanterinkatu ถนนสายการค้าสำคัญของเมือง สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยร้านค้าช็อปของแบรนด์ดังๆ มากมาย แค่ 5 นาทีจะเริ่มเห็นบรรยากาศโล่งเหมือนเป็นท่าเรือ แล้วก็ไม่ผิด จากบริเวณท่าเรือ Halkolaituri นี้เดินข้ามสะพานสั้นๆ ที่เรียกว่า Rakkauden Silta หรือ The Bridge of Love ไปก็เป็นด้านหลังของโบสถ์รัสเซียนที่สำคัญที่สุดของเฮลซิงกิที่มีชื่อว่า Uspenskin katedraali

นี่คือ Uspenskin katedraali

Uspenskin katedraali โบสถ์คริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ออกแบบโดยสถาปนิกชาวรัสเซีย Alexey Gornostaev หลังจากเขาเสียชีวิตจึงได้มีการก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1862–1868 โบสถ์สีอิฐหลังนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่สูงนักที่บริเวณคาบสมุทร Katajanokka ใกล้กับ Market Square ของเฮลซิงกิ สามารถเข้าไปชมภายในตัวโบสถ์ได้ฟรี

เดินข้ามถนนใหญ่ด้านข้างของโบสถ์ไป พอเลี้ยวขวาไปก็เห็นท่าเรือท่องเที่ยวจอดรอนักท่องเที่ยวใช้บริการนั่งเรือไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ บริเวณท่าเรือนี้เรียกว่า Kauppatori หรือ Market Square

ที่ Kauppatori นี้เป็นแหล่งชุมนุมค้าขายสินค้าพื้นเมืองมากมาย เช่น ของที่ระลึก เสื้อผ้าไหมพรม ถุงมือ ถุงเท้า หมวกที่ทำจากขนสัตว์ต่างๆ เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์จากกวางเรนเดียร์ อาหารพื้นเมืองซึ่งราคาค่อนข้างถูกแล้วคือประมาณจานละ 6-11 ยูโร

ใช้ตั๋ววันที่ซื้อมานั่งเรือ HKL ferry ไป Suomenlinna ประมาณ 15 นาทีก็ถึง Main quay บนเกาะ Iso Mustasaari ของ Suomenlinna แล้ว

Suomenlinna (Castle of Finland) หรือ Sveaborg ชื่อเดิมคือ Viapori เป็นป้อมปราการทางทะเลอยู่บนเกาะนอกชายฝั่งกรุงเฮลซิงกิ ป้อมโบราณนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1748 ตามพระราชประสงค์ของกษัตริย์สวีเดนซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ปกครองฟินแลนด์เพื่อป้องกันการรุกรานขยายอาณาเขตของรัสเซีย ต่อมาในปีค.ศ. 1991 Suomenlinna ได้รับการบรรจุให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO

บนเกาะมีพิพิธภัณฑ์ โฮสเทล ร้านอาหารมากมาย และสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง ได้แก่ Suomenlinnan kirkko โบสถ์สำคัญของ Suomenlinna ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่เดินไปถึง

เดินข้ามสะพานไปอีกเกาะหนึ่งแล้วเดินลอดอุโมงค์ไปก็จะถึงลานโล่งที่เรียกว่า Suuri linnanpiha หรือ The Great Courtyard ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Ehrensvärdin หรือสุสานของ Augustin Ehrensvärd สถาปนิกชาวสวีเดนผู้ออกแบบและก่อสร้างป้อมปราการแห่งนี้

เดินต่อไปตามเส้นทางหลักของเกาะจนถึงหน้าผาริมทะเลมีปืนใหญ่เรียงรายพร้อมป้องกันข้าศึกหลายกระบอก บริเวณนี้เรียกว่า Kustaanmiekka

เลยต่อไปอีกจะเป็นป้อมปราการหินที่พร้อมด้วยปืนใหญ่หันหน้าออกสู่ท้องทะเล เดินลงจากบนป้อมไปด้านล่างจะถึงจุดท่องเที่ยวสำคัญของเกาะคือ Kuninkaanportti หรือ The King’s Gate

เที่ยงตรงพอดีเรือออกจากท่ามุ่งหน้ากลับไปยัง Kauppatori อีกครั้ง 15 นาทีต่อมาเรือก็จอดที่ท่า Kauppatori

พักกินอาหารกลางวันที่ตลาดแห่งนี้ มื้อนี้ขอลองชิม paella อาหารพื้นเมืองของฟินแลนด์แต่ดัดแปลงให้ถูกปากคนไทยเพราะคนขายเป็นคนอีสานบ้านเฮานี่เอง เมนูที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนมีลักษณะคล้ายข้าวผัดแต่ใช้ข้าวเมล็ดใหญ่คล้ายข้าวรีซอตโต้ของอิตาลี ผัดกับถั่วลันเตา มะกอก มะเขือเทศ กินกับกุ้งชุบแป้งทอด กุ้งสดตัวใหญ่หรือกุ้งเล็กๆ ก็ได้ และเนื้อปลาแซลมอนสดๆ จากทะเล รสชาติไม่ธรรมดาถือว่าอร่อยเลยนะครับ สนนราคาก็ไม่แพง จานนี้ 6 ยูโรเท่านั้น

บ่ายโมงเดินตามถนน Pohjoisesplanadi ย้อนกลับไปทาง Uspenskin katedraali ระหว่างทางผ่าน Presidentinlinna (Presidential Palace) เลยแวะถ่ายรูปสักหน่อยเพราะไม่สามารถเข้าไปในบริเวณได้ มีรั้วสูงและทหารยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้า

เดินกลับไปยังด้านหน้าของสถานีรถไฟซึ่งมีป้ายเขียนไว้เลยว่า Rautatieasema Järnvägsstation

ที่หมายต่อไปคืออาคารรัฐสภาซึ่งอยู่ทางขวามือตามแผนที่ เดินข้ามถนนใหญ่หน้าสถานีรถไฟซึ่งพลุกพล่านจอแจด้วยผู้คน รถยนต์ และรถรางที่วิ่งสวนไปมา เดินเลี้ยวขวาและเดินไปตามถนน Kaivokatu และเลี้ยวขวาอีกทีเข้าถนนสายใหญ่ Mannerheimintie จากนั้นก็เดินตรงลูกเดียวก็จะถึง Eduskuntatalo

Eduskuntatalo คืออาคารรัฐสภาของประเทศฟินแลนด์ มีรูปปั้นของบุคคลสำคัญของประเทศหลายท่าน เท่าที่รู้ก็คือรูปปั้นของ Kyösti Kallio ประธานาธิบดีคนที่ 4 ของฟินแลนด์ บริเวณนี้มีชื่อเรียกว่าย่าน Töölö

ไม่ไกลกันคือ Suomen Kansallismuseo หรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฟินแลนด์นั่นเอง

ใช้เวลาเดินวนไปวนมาหา Temppeliaukion kirkko อยู่พักใหญ่เพราะถนนแถวนี้เป็นสายสั้นๆ แคบๆ และค่อนข้างสับสน ส่วนตัวโบสถ์ก็ไม่ได้มีลักษณะเป็นอาคารสูงโผล่ขึ้นมาให้เห็นชัดเจน แต่กลับเป็นโบสถ์ที่อยู่ใต้เนินหินขนาดใหญ่เหมือนอยู่ในถ้ำ ยิ่งทำให้สังเกตเห็นได้ยากขึ้นอีก

Temppeliaukion kirkko หรือ Temppeliaukio (Temple Square) โบสถ์คริสต์นิกายลูเธอรันออกแบบโดยทีมสถาปนิกและสองพี่น้อง Timo และ Tuomo Suomalainen สร้างโดยการขุดเจาะโพรงหินแกรนิตเข้าไปสร้างเป็นโบสถ์อยู่ภายใน โบสถ์หินทรงกลมหน้าตาประหลาดที่มองยังไงก็ไม่เหมือนโบสถ์นี้เปิดใช้ในปี 1969

เดินต่อไปทางทิศเหนือของเมืองตามถนน Mannerheimintie เลียบสวนสาธารณะ Hesperianpuisto ริมทะเลสาบ Töölönlahti ไปเรื่อยๆ จะเห็น Suomen Kansallisooppera หรือโรงอุปราการแห่งชาติฟินแลนด์เป็นอาคารสไตล์โมเดิร์น เดินต่อไปอีกเกือบ 10 นาทีก็ถึง Olympiastadion สนามกีฬาโอลิมปิกปี 1934 ซึ่งกรุงเฮลซิงกิเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน

ไม่ไกลจากสนามกีฬาโอลิมปิกเป็นสนามฟุตบอลของสโมสร HJK Helsinki ทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของวงการลูกหนังฟินแลนด์ที่มีชื่อว่า Sonera Stadium หรือ FINNAIR Stadium ถัดไปอีกเป็น Helsingin Jäähalli สนามแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็ง

จากนั้นเดินไปที่ถนนใหญ่ Nordenskiöldink ต่อเข้าถนน Mechelininkatu ตรงไปเรื่อยๆ จนเห็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ Sibeliuspark อยู่ทางขวามือก็ข้ามถนนแล้วเดินทะลุสวนไปอีกด้านหนึ่งสักพักก็จะเห็นกลุ่มทัวร์และ Sibelius-monumentti อนุสาวรีย์ Sibelius คีตกวีเอกของฟินแลนด์ที่ออกแบบเป็นแท่งเหล็ก 600 แท่งหล่อเป็นรูปออร์แกนลมขนาดใหญ่อยู่อีกฝั่งถนน

นั่งรถราง 3T ประมาณ 10 นาทีกลับไปยังสถานีรถไฟกลาง

ผมไปท่าเรือผิดท่าจึงตกเรือไป Tallinn รอบ 17.30 น. ต้องไปอีกท่าเรือหนึ่งคือ Tallink โดยกลับไปที่สถานีรถไฟกลางเหมือนเดิม นั่งรถเมล์สาย 15A ไป 15 นาทีก็ถึงท่าเรือ Helsinki Tallink หรือ Tulliterminaali รอเรือรอบสุดท้ายของวันนี้ซึ่งจะออกตอน 21.30 น. (เรือรอบ 17.30 น. ตั๋วเรือ one way ราคา 38 ยูโร) เรือจะถึง Tallinn เกือบเที่ยงคืน

23.30 น. เรือเดินทางถึงท่าเรือ Tallinn ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง นั่งแท็กซี่ที่จอดอยู่คันเดียวไปโรงแรม Tallink Express Hotel นั่งรถไปไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงโรงแรม โดนค่ารถไป 10 ยูโร

แค่วันแรกของการเที่ยวสแกนดิเนเวียก็เจอเรื่องดีและเรื่องวุ่นวายมากมาย ทั้งสนุก ทั้งเครียด ทั้งลุ้น ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บ ทั้งง่วง สารพัดความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวันเดียวกันจริงๆ

รอติดตามเรื่องราวประสบการณ์ “เที่ยวเอง” ต่อในวันที่สองของทริปนี้ที่ประเทศเอสโตเนียกันนะครับ ^_^

ไปเที่ยวด้วยคนนะครับ
จะได้ไม่เหงา

ไปเที่ยวด้วยคนคร๊า^^

อย่าลืมไปเที่ยวด้วยกันอีก 3 ประเทศแถบสแกนด้วยนะครับ ชักเริ่มเหงาละ 555

คิดถึงสแกนดิเนเวียมากๆ อยากกลับไปอีก

รอติดตามชมตอนต่อไปอยู่นะครับ

เก่งมากเลย ลุยเดี่ยวคนเดียว
รอตามดูต่อครับ

ขอบคุณมากครับ ^^ จะพยายามปั่นตอนใหม่ๆมาให้เร็วที่สุดครับ แต่ต้องแข่งกับงานประจำหน่อยนะครับ

ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ อยากไปประเทศหนาวๆแบบนี้บ้างค่ะ
ไว้ตามเที่ยวต่อนะคะ

ขอบคุณรีวิวครับ อยากไปๆ

ตอนท้ายๆทริปได้เจอหิมะแน่นอนครับ 55

ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
อยากทราบว่าไปช่วงไหนอ่ะคะ? อากาศเป็นอย่างไรบ้าง
และอยากทราบเรื่องพวกโทรศัพท์ มีซิมการ์ดแบบเติมเงินไม๊ เล่นเนทได้ไม๊ถ้าเอาไอโฟนไป
wifi มีเยอะไม๊
ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล. อาจจะต้องไปฟินแลนด์ช่วง พ.ย.ค่ะ เลยหาข่้อมูลไว้ก่อน เพราะได้ข่าวว่าช่วงนั้นหนาวมาก
ขอบคุณนะคะ

ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ   ไม่เคยไปฟินแลนด์สักที.... ชักสนใจ..

ตอนจขกท.ไปเห็นอนุสาวรีย์ Sibelius แล้วเหวอบ้างไหมคะ

เราไปเห็นแล้วเหวอนิดๆ แบบว่าเดินตั้งไกล ดูในรูปนึกว่าใหญ่ แต่ของจริงมันเล็กกว่าที่คิดเยอะเลย 555

ขอบคุณสำหรับรีวิวรูปสวยมากๆค่ะ  

@คุณ Nutoun - ไปช่วงปลายพ.ค.ครับ อากาศกำลังดีเลย ประมาณ 12-15 องศา พวกซิมการ์ดมีอยู่แล้วครับ แต่ผมไม่ได้ซื้อ เพราะไม่ได้ใช้อ่ะครับ wifi มีอยู่แล้วครับ กลางทะเลยังมีเลย ถ้าไปช่วงพ.ย.หนาวเจี๊ยกแน่นอนครับ มืดเร็วด้วย อาจจะเที่ยวไม่จุใจ

@คุณ Clear Ice - งงเหมือนกันครับ ตอนแรกนึกว่าจะใหญ่กว่านี้ เดินมาอย่างไกล นึกว่าจะยิ่งใหญ่กว่านี้ 555

ฟินแลนด์ก็สวยดีนะครับ ขอบคุณที่พาเที่ยวพาชมนะครับ

ขอบคุณที่พาเที่ยวฟินแลนด์นะครับ ไม่ค่อยได้เห็นรีวิวประเทศนี้เท่าไหร่


รอชมตอนหน้าต่อครับ อยากตามไปเที่ยวด้วยตลอดทริปเลย

แต่งตัวน่ารักจังเลยค่ะ

เรากับแฟนชอบนอร์เวย์มากๆ

@  ดูแล้วสนุกดีครับ .. ใช้เป็นลายแทงสำหรับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ..

ขอบคุณค่ะ รอไปเที่ยวต่อค่ะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวที่ฟินแลนด์ครับ ปกติแทบไม่เคยเห็นรีวิวที่นี่ในห้องบลูเลย

ขอบคุณที่นำมาให้รับชมกันครับ

สวยมากครับ  น่าไปเที่ยวมั่ง  ขอบคุณครับ

ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะครับที่ให้ความสนใจ ตื่นเต้นมากกับการโพสต์ครั้งแรก 555

ใครอยากติดตามเพิ่มเติมเข้าไปไลค์เพจผมใน FB ได้เลยนะครับ เสิชว่า "เที่ยวเอง" ก็เจอเลยครับ ^^

ไปดูมาแล้วๆๆ มีเว็บด้วยนี่นา เด๋วจะไปใช้บริการบ้าง ลองคำนวนมาแล้ว ถูกกว่าทัวเป็นไหนๆ จขกท. มีอะไรเจ๋งๆแนะนำมั้ยคะ

ถ้าชอบประเทศไม่ฮอตฮิตมากและอยากลองไปประเทศแปลกๆ ดูบ้าง นอกจากประเทศแถบสแกนดิเวียแล้ว ประเทศแถบบอลติกและโปแลนด์ก็น่าสนใจครับ
เที่ยวเองแนะนำได้ครับ :)

เพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือนนี้เองค่ะ ไปคนเดียวเหมือนกัน
แต่มีเวลาอยู่เฮลซิงกิแค่วันเดียวเองค่ะ

รอชมรีวิวเมืองต่อๆ ไปนะคะ

อากาศเริ่มหนาวยังครับ

ชอบจังๆ รอติดตามอ่านต่อค่ะ เป็นกำลังใจให้เขียนกระทู้จนจบทริป

ตาม...ตาม ค่ะ

อีก 1-2 ปี แพลนจะไปเที่ยวสวีเดนเหมือนกัน

แต่ยังงงๆ อยู่....555+