จากสวิส เราเข้ามาฝรั่งเศสแล้วค่ะ บ้านที่เรามาพักนี้ เป็นบ้านไม้สองชั้น  อายุ ร้อยกว่าปี ชั้นล่างมีเตาผิงโบราณที่ใช้ไม้ฟืนจริง ๆ ให้ความอบอุ่นไปถึงชั้นสองไปชม กัน นะคะ

รอชมอยู่ครับ

รอชมด้วยครับ หาข้อมูลอยู่พอดี

ขออภัยค่ะ คุณ เล็กทาโร่ และคุณ smiletommy   ไม่มีคำแก้ตัวค่ะ มีแต่คำขอโทษ   เรามาชมบ้านกันเลยนะคะ  หน้าบ้านค่ะ

ในบ้านเริ่มจากห้องอเนกประสงค์

ห้องครัว

มุมหนังสือ

เตาผิง มีที่ดับเพลิงอยู่ข้าง ๆด้วย

ดูห้องนอนกันบ้าง เตียงนอนเข้ากับบรรยากาศมาก

เตียง สามชั้น

ทุกคนชอบใจกันมาก

ถึงแม้เตียงจะแคบ แต่ก็สะอาดดีมาก

เตียงล่างจะกว้างกว่าเตียงบน

ห้องอาบน้ำ

ห้องส้วมบนพื้นไม้

สังเกตุว่า ตู้  โต๊ะ  เตียงที่ใช้ในบ้านนี้ ทำจากไม้ในป่าข้างบ้านนี้เอง ดูเก้าอี้หน้ากระจกแต่งตัว

หน้าตาเป็นแบบนี้

วัวตายแล้วเอาเขามาประดับบ้าน

เก็บกระดึงไว้เป็นที่ระลึก

เอา แอก มาใช้ประโยชน์ดัดแปลงเป็นที่แขวน

ที่เก็บเลื่อยชักสำหรับเลื่อยไม้ใหญ่

ที่เก็บเครื่องมือต่าง ๆ

เดี๋ยวเราออกไปดูนอกบ้านกันดีกว่า ลงไปข้างล่างกันเถอะ ข้างบันไดก็ใช้เป็นที่เก็บรองเท้า และของจุกจิก

หน้าบ้านมีลาน สันทนาการ

เก็บฟืนไว้เยอะมาก เรียงเก่งจริง ๆ

ข้างบ้านเรา

บ้านเราหลังนี้

รางน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง

เครื่องมือดับเพลิงของหมู่บ้าน

เคยเป็นรางอาหารสัตว์ เดี๋ยวนี้กลายมาเป็นกระถางดอกไม้ น่ารักดี

เดินมาเจอของอย่างนึงเป็นอุปกรณ์ในการทำนาของชาวนาไทยภาคกลางสมัยก่อนโน้น แต่สมัยนี้ไม่มีใครใช้แล้ว นั่นก็คือ  สีฝัด  ชาวนาสมัยก่อน ต้องเกี่ยว  นวด แล้วมาเข้าเครื่องสีฝัด ถึงได้ข้าวเปลือก พร้อมที่จะสะเป็นข้าวสาร แต่สมัยนี้ ไฮท์เทคโนโลยี่ ใช้รถเกี่ยว แล้วนวด ออกมาเป็นข้าวเปลือก พร้อมสีเลย มีใครรู้จัก  สีฝัด บ้าง เครื่องมันก็ใหญ่ เกินกว่าที่จะเอามาจากเมืองไทย เพื่อมาประดับบ้าน  ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องเป็นของที่ฝรั่งเศสนี้ แล้วทำไมถึงใช้เหมือนเมืองไทย ใคร เลียนแบบใคร ผู้รู้ ช่วยหน่อยค่ะ

เดินไกลจากบ้านพักมาหน่อย เมืองนอกก็ไม่ได้เนี๊ยบไปทุกอย่างถนนชำรุดก็มีเหมือนกัน

ลำธารเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน

ต้นไม้ตายเค๊าก็ตัดทำฟืน

กำแพงกันดินพัง

ดอกไม้ป่าข้างทางน่ารักมาก

เฟิร์น

หอยทาก

นี่ก็หอยทาก (เอสคาร์โก อบเนย ไม๊ )

ป่าหลังหมู่บ้าน

ทางเดินจากถนนลงหมู่บ้าน

ป่าสน

นี่ก็สวย

ทางในหมู่บ้าน

มองจากถนนลงไป

เรามาถึงบ้านนี้มืดแล้วเก็บอาหารที่เหลือจากมื้อกลางวันมาเป็นมื้อเย็นต่อ แล้ว อาบน้ำนอน ตื่นเช้ามา ทำอาหารเช้า  เป็นข้าวต้ม หมูสับ  ไส้กรอก  กาแฟ  กินกันเรียบร้อยแล้วก็ออกมาเฮฮาหน้าบ้าน

พอได้เวลาแล้วก็ลาเจ้าของบ้าน (ค่าที่พักคนละ 18 ยูโร ไม่มีอาหารเช้า)

เรามาถึงมองบลังค์ ประมาณ แปดโมงครึ่งเป็นชุดแรกเลย ซื้อตั๋วเคเบิล  คนละ 38 ยูโร   ที่ซื้อตั๋ว

ที่ขึ้นเคเบิล

เคเบิลช่วงแรก

ยังเช้าอยู่มากไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นเลย  ที่เห็นนี่เป็นคนขายของข้างบน

เคเบิลช่วงที่ สอง มีแต่พวกเรา

หิมะขาวโพลนไปหมด

คนละมุม

ไม่มีคนอื่นเราก็สนุกกันเต็มที่

ฟ้าในรูปเป็นสีฟ้าสวยเชียว แต่ฟ้าของเราขาวแหงแก๋เลย

ขึ้นชั้นไหนก็ส่องแต่กล้อง แต่ไม่ยอมหยอดเงิน มันจะเห็นมั้ยเนี่ย..อิอิ

.

.

ทางเข้าถ้ำน้ำแข็ง

สูงไม่เท่ากัน

ป้ายต่าง ๆ

ป้ายอีก

ป้ายเตือน

เราขึ้นลิฟต์ไปอีกชั้นนึง

สวยอ่ะ

มาเที่ยวด้วยนะคะ  วิวสวยจัง

มองลงมาเป็นที่ทำการของพวกพยากรณ์อากาศ

ยินดีค่ะคุณ Red - Rose - 14Feb

ทำไมเรามองข้างหลังภาพนี้เหมือนเป็นทะเลเลย

เดินซอกแซกไปโผล่ตรงจุดเริ่มของนักปีนเขามี 3 คน ปีนขึ้นไป 1 คนแล้ว

อยู่ข้างล่างอีก 2 คน

ขึ้นไปได้สูงแระ

ต้องใช้อุปกรณ์ในการปีนเยอะมาก

คนที่ 2 ขึ้นไปแล้ว

พอสมควรแก่เวลาเราก็กลับลงมา.....ก่อนลงก็แวะร้านขายของที่ระลึก

ระหว่างนั่งเคเบิลลงมาก็ชมวิวเมืองชาโมนิกซ์

.

ร้านขายของที่ระลึกข้างล่างเพิ่งจะเริ่มเปิดร้าน

แต่เราไม่มีเวลาดูสินค้าเหล่านั้น เดินหารถ

จากฝรั่งเศสเรามุ่งหน้ากลับสวิส

ระหว่างทางเราแวะห้าง คาร์ฟูร์ ซื้ออาหารสด และผลไม้  จบทริป ชาโมนิกซ์ - มองบลังค์ แต่เพียงเท่านี้ คืนนี้เราจะไปนอนในอิตาลี แล้วคอยติดตามนะคะ

ตามมาให้กำลังใจและชมรูปสวยๆอีกค่ะ  

ธรรมชาติสวยงามมากๆเลยครับชอบบรรยากาศบ้านไม้กลางทุ่งหญ้า
อยากไปปีนมองบลังต์บ้างขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ
กิฟลุงหมดแล้วให้ของขวัญแทนคำขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆครับ

ที่หมายของเราคืนนี้คือ ริมทะเลสาบ แมกจิออเร่ ( Lago Maggiore)แต่เราก็แวะเที่ยวรายทางไปด้วย ไปด้วยกันนะคะ

ว้าว กำลังจะไปฝรั่งเศสมิถุนาปีนี้ค่ะ
กำลังเลือกอยู่เลยว่าจะไปไหนดี
เห็นอย่างนี้แล้วอยากไปเยี่ยมชาโมนิกซ์จริงๆ
ไม่ทราบว่า ใกล้ๆชาโมนิกซ์จะมีเมืองไหนที่น่าเที่ยวอีกรึเปล่าคะ (ถ้าไม่ได้ข้ามไปเจนีวาค่ะ)
:)