เช้าวันนี้เราออกจากที่พักประมาณ แปดโมงครึ่ง ฝนก็ตก ตามโปรแกรมว่าจะไปซื้อผัก ผลไม้ ที่ชาวบ้านเอามาขาย ก็เป็นอันงด เรากลับเข้า สวิส ทางเมือง เบนซินโซล่า เอ๊ย..ม่ายช่าย  ทางเมือง เบนลินโซน่า เราแวะที่ปราสาทหินด้วย มีปราสาทอะไรบ้างไปชมกันเลย

ปราสาทแรกที่เราแวะคือปราสาท ซาสโซ่ คอร์บาโร่

อยู่บนเนินเขา

ฝนตกหยิม ๆยังอุตส่าห์ กางร่ม เพื่อถ่ายรูป

ความเก่าของปราสาท

.

มองจากบนปราสาท

.

ตามชมนะคะ

.คุณ เรื่องของเรา เชิญชมปราสาทด้วยกันนะคะ

จากปราสาทคอร์บาโร ลงเขามา เราผ่านอีกปราสาทหนึ่งชื่อ มอนติเบลโล (Montebello)  แต่เราไม่ได้แวะ ได้แต่ถ่ายรูป จากบนรถ

.

แล้วเราก็มาถึงอีกปราสาทนึงชื่อ คาสเตล กรองด์ (Castelgrande)

ฝนก็ยังตกอยู่

.

ทางไปลิฟต์ เนื่องจากปราสาทนี้ใหญ่โตมาก ต้องขึ้นลิฟต์ไปชม แต่เราไม่ได้ชมเนื่องจากวันที่เราไปนั้นเป็นวันหยุดของเค๊า วันหยุดเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้วจ้า..

เราไม่ได้เข้าชมซักปราสาทเลย แย่จัง ได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทมาทราบว่าระหว่างปราสาท คาสเตลกรองด์กับปราสาทมอนติเบลโลมีทางเดินเชื่อมถึงกันได้โดยเดินบนกำแพงเมืองแบบนี้ (ขอบคุณข้อมูลและรูปจากกูเกิ้ล)

บริเวณใกล้ ๆ ปราสาทมีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับฟุตบอล

ลืมให้ดูดอกไม้บนปราสาท คอร์บาโร

ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณเอื้องเหมย เชิญค่ะ ดีใจที่มีคนไปเที่ยวด้วย
        เราออกจาก เบลลินโซนา การเดินทางของเราจะต้องผ่านเขา เซนต์  กอตทาร์ดซึ่งการเดินทางสมัยก่อน ต้องใช้เส้นทางบนเขา ต่อมาเมื่อปี 1980ได้มีการเจาะอุโมงค์เซนต์กอตทาร์ดสำหรับทางรถยนต์ ระยะทาง 16.4กม.
ทีแรกผู้นำทริปของเราจะใช้เส้นทางผ่านอุโมงค์ แต่พอใกล้อุโมงค์เข้ามาการจราจรติดขัดรถติดยาวมาก คาดว่าคงมีอุบัติเหตุ เลยเปลี่ยนไปใช้เส้นทางบนเขา  เราแอบ เฮ อยู่ในใจ เพราะเคยผ่านอุโมงค์นี้แล้ว เมื่อปี 2006 พอรถขึ้นเขา สมาชิกกระตู้วู้ กันใหญ่เมื่อเห็นหิมะ เลยได้จอดรถเล่นหิมะกัน

.

.

เดินขึ้นไปแล้วสไลด์ลงมา

.

รอยรถกวาดหิมะเพื่อให้รถยนต์ใช้พื้นที่ได้

เฮฮากันพอสมควรแล้วเราก็ไปต่อ

รถออกมาได้ไม่นานก็ถึงจุดพักรถ ตรงนี้มีโรงแรมมีร้านอาหาร (ที่เราแวะเล่นหิมะเมื่อกี๊นี้ เป็นจุดชมวิวไม่มีอะไรเลย)เราก็แวะอีก
     เราดูว่าเป็นนกอินทรีคู่แต่ไม่รู้ความหมาย ที่มาที่ไป

นี่ก็เหมือนกัน

ทางดี ๆก็มีให้เดิน..แต่ชอบลุยหิมะ อ่ะ

ชมวิวบริเวณรอบ ๆ

.

.

เด็กน้อย

อ้าว..คนนี้ร้องไห้

แต่สองคนนี้เล่นสนุกเชียว

น่าสนุกเนอะ..ขอเล่นด้วยนะ

พาน้องหมามาย่ำหิมะด้วย

รถกวาดหิมะ

ความหนาของหิมะ

.

อาคารนี้ดูเก่ามาก

ร้านอาหาร

ส่วนนี้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ แสดงยานพาหนะและความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อน

.

.ด้านหลังป้ายที่เห็นไกล ๆเป็นรูปปั้นคนขี่ม้า แสดงถึงการเดินทาง ความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อน

ลงจากเขากอตทาร์ดจุดหมายต่อไปคือเมือง Altdorf นี่คือวิวระหว่างทาง

.

.

เรามาถึงเมือง Altdorf ซึ่งเป็นเมืองที่เป็น ตำนานของ วิลเลียม เทล วีรบุรุษนักแม่นธนู ชาว สวิส เป็นผู้นำการต่อต้านการปกครองของราชวงศ์ ฮับส์บูร์ก

วันหนึ่ง ข้าหลวงผู้ปกครองเมืองบอกให้วิลเลียม เทล แสดงความจงรักภักดี โดยการยิงธนู ใส่ลูกแอปเปิล ซึ่งอยูบนหัวลูกชายของวิลเลียม ถ้าหากไม่ยิงจะมีความผิด วิลเลียมจำเป็นต้องยิง ซึ่งก็ยิงถูกลูกแอปเปิล และลูกชายก็ปลอดภัยดี ที่จริงวิลเลียมได้ซ่อนลูกธนูไว้ในอกเสื้ออีกลูกนึง ถ้าหากเขายิงแอปเปิลพลาดไปถูกลูกชาย เขาก็จะใช้ลูกธนูที่ซ่อนไว้ยิงข้าหลวง

.

.

.

.

.

สุสานของหมู่บ้าน

จากเมือง Altdorf  เราก็มาถึง ลูเซิร์นก่อนอื่นก็ต้องไปเยี่ยมสิงห์โต

ไต่ถามทุกข์สุข และโยนเหรียญกันเรียบร้อยแล้วเราก็จากมา

ถึงสะพานไม้ชาเพล

.

.

.

.

.

.

.

.

คู่ฮันนิมูนจากประเทศอะไรจำไม่ได้ ขอให้ถ่ายรูปให้

ร้านอาหาร

ร้านขนม

.

.

.

จากลูเซิร์น มาถึงบาเซิลซึ่งเป็นเมืองชายแดนติดสามประเทศ คือ สวิส เยอรมัน และฝรั่งเศส ที่พักเราอยู่ เยอรมัน สะพานนี้ข้ามแม่น้ำไรน์เชื่อมระหว่างเยอรมัน และฝรั่งเศส

เราอาบน้ำพักผ่อน จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเล็กสำหรับอีก 3 - 4 วันข้างหน้า จะไปที่ไหนบ้างติดตามนะคะ

มาตามเที่ยวต่อค่ะ  เด็กๆเล่นหิมะน่ารักจังเลย
รอเที่ยวต่อตอนหน้านะคะ

ดูรีวิวนี้แล้วมีความสุขจังค่ะ เหมือนได้ไปเล่นหิมะกับน้องๆเค้าด้วย

ตามมาเที่ยวต่อ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^

สวัสดีค่ะ
                 คุณRed-Rose-14Feb
                  น้องลิลลี่
                  คุณสามแซ่
                 ต้องขอโทษด้วยที่เว้นไปนานถึง สี่เดือน สาเหตุเพราะ น้ำท่วม
พอเสร็จจากน้ำท่วมก็ไปอินเดีย กลับมาเล่าเรื่องอินเดีย โน่น นี่ นั่น ไปเรื่อย
งานที่ร้างไปนาน ๆความเกียจคร้านก็เข้าครอบงำเพิ่งจะฮึดสะบัดเจ้าตัวขี้เกียจให้หลุดไปได้นี่แหละ
               มีรูปรีวิวตอนนี้ค้างอยู่อีกรูปนึง ถ่ายจากกลางสะพานจะมองเห็นสามประเทศคือด้านซ้ายสุดจะเป็นเยอรมัน แหลมตรงกลางเป็นสวิสและขวาสุดเป็นฝรั่งเศส

จากลูเซิร์นเรากลับมานอนที่บาเซิลเพื่อจัดกระเป๋าเดินทางสำหรับทริปใหม่อีกประมาณ 7 วันไปด้วยกันนะคะ