มาต่อกันที่ฮ่องกงเลยแล้วกานนนนน
สำหรับภาคนี้ (พูดซะดูยิ่งใหญ่) ต้องยอมรับว่าจำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะเริ่มเขียนเมื่อผ่านมาปีหนึ่งแล้ว = =;; (ความผิด จขกท เต็มๆ) ทุกอย่างเลือนลางเต็มทีค่ะ เลือนลางมากกระทั่งเราถอดใจจะไม่เขียนไปเสียแล้ว เพราะเขียนไป ไม่ปะติดปะต่อก็คงไม่สนุกนัก
อย่างไรก็ตาม มานึกย้อนดู สถานที่ที่เราไปในฮ่องกง หลายแห่งเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีคนไทยไป ไม่ค่อยมีคนเขียนถึง หากจะทิ้งขว้างเสีย ก็น่าเสียดาย( ผู้อ่าน: พูดสวยหรูมาก จริงๆ ก็ความผิดเอ็งทั้งนั้น ที่หยุดเขียน หายหัวไปเป็นปีๆ!!!) แงงงงงง T^T
แต่ยอมรับว่า ข้อมูลหลายอย่างมันไม่ครบ มันลืมเลือน จนถึงอาจผิดพลาดได้ ดังนั้นจากนี้ ขอให้ผู้อ่านทุกท่านใช้วิจารณญานอย่างสูงในการรับชม เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ควรมีผู้ปกครองแนะนำ ค่ะ
ตอน ที่ 1 นอนในสนามบินเซินเจิ้น+เปิดบัญชี+มือถือ
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8868837/E8868837.html
ตอน ที่ 2 รถไฟ+เซี่ยงไฮ้ “อ้าวว ไปไม่ได้แล้วเหรอ!!"
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8871658/E8871658.html
ตอน ที่ 3 very Shanghai
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8876104/E8876104.html
ตอน ที่ 4 suzhou เมืองสวนงาม
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8892168/E8892168.html
ตอน ที่ 5 หนึ่งในใต้หล้า หวงซาน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8903430/E8903430.html
ตอน ที่ 6 Hangzhou กับเรื่องราวของตั๋วรถไฟ (ในช่วงตรุษจีน)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8910394/E8910394.html
ตอน ที่ 7 นานกิง นานจริง กับเรื่องราวของตั๋วรถไฟ (ในช่วงตรุษจีน)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8934668/E8934668.html
ตอน ที่ 8 Nanking(นานกิง) Nanjing(นานจริง) กับเรื่องราวของตั๋วเครื่องบิน(ในช่วงตรุษจีน)
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8942804/E8942804.html
ตอน ที่ 9 "คืนนั้นบนรถไฟไร้ที่นั่ง"
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8990841/E8990841.html
ตอน ที่ 10 อาทิตย์ขึ้นที่ "ลั่วหยาง (ลกเอี๋ยง)"
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9044903/E9044903.html
ตอน ที่ 11 xian รอนานจนถึงพ.ศ.ไหนแล้วเนี่ยยยย
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11140218/E11140218.html
เอาล่ะค่ะ กลับมาสู่โลกเมื่อ 1+ ปีก่อนอีกครั้ง เมื่อเรากับเพื่อน สองซำเหมา ทุลักทุเลมาถึงฮ่องกงกันจนได้นั้น ก็พบว่า เสินเจิ้น ฮ่องกง เพียงข้ามคลอง โลกก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง
ที่ฮ่องกงนี้ ทุกอย่างสว่างไสว มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ผู้คนแต่งตัวดีๆ สวยๆ ทีนี้ทุกท่านลองนึกภาพดู พวกเราสองคนจัดเตรียมข้าวของ มาสำหรับท่องเที่ยวแรมเดือน ย่อมเลือกแต่เสื้อผ้า ใช้ง่ายถ่ายคล่อง รูปทรงไม่สวย เน้นใช้งานจริง ทีนี้ในแผ่นดินใหญ่มันก็ไม่เท่าไหร่ ดูๆ ไปเราก็เหมือนนักท่องเที่ยวธรรมดา แต่พอข้ามคลองมาฮ่องกงนี่สิพี่น้อง!!!! โอ้ว่าอนิจจา ตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าล้วนไร้ราคาสิ้น อาาา T^T คนเขาก็มองกัน จนเราถึงกับแล่นไปซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยนใส่เพิ่ม เสียเงินเสียทองกันตอนจบทริปนี่ล่ะพี่น้อง
จากที่เคยเล่าไว้ พวกเรามีเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ที่มาเที่ยวฮ่องกงพอดิบพอดี พวกเขาจะไปมาเก๊าต่อ ในเย็นวันถัดจากที่เรามาถึง เรามีเวลาเที่ยวด้วยกันเล็กน้อย
(หมายเหตุ ภาพส่วนหนึ่งที่ประกอบกระทู้นี้ เราได้มาจากเพื่อนที่ไปฮ่องกงอีกกลุ่ม จับมาผสมรวมกันที่พวกเราถ่ายเอง)
เพื่อนพาไปกินติ่มซำร้านหนึ่งค่ะ แรกสุด เพื่อนเราบอกว่า ชั้นศึกษามาดี ร้านนี้ถือเป็นติ่มซำอันดับหนึ่งในยุทธจักรฮ่องกง และเนื่องจากฮ่องกงนั้น เป็นจ้าวแห่งติ่มซำ ติ่มซำร้านนี้ จึงถือว่าเป็นติ่มซำที่อร่อยที่สุดในโลก เชื่อชั้น ชั้นศึกษามาดี ซึ่งพวกเราก็เชื่อค่ะ และก็พากันไปที่ร้านติ่มซำแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้จะมาหักมุมเรื่องรสชาติอาหารนา แค่จะมาเล่าให้ฟังว่า การกินติ่มซำอร่อยๆ นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อนเราถ่างขี้ตาตื่นมาตั้งแต่เช้า (ประมาณ 9-10.00 น ซึ่งถือว่าเช้ามากที่ฮ่องกง) เพื่อมารับบัตรคิวเบอร์ 80 กว่าๆ และรอจนร้านเปิดในช่วงบ่าย จากนั้นยืนตากน้ำค้างถ่างพุง รอ79 เบอร์ข้างหน้ามันกินเสร็จ จ่ายเงินและลุกไป ร้านติ่มซำดังกล่าว ก็ไม่ใช่ร้าน 5 ห้อง 10 โต๊ะ แต่เป็นร้านห้อง(เล็กๆ) ที่มีแค่ประมาณ 5-7 โต๊ะ เบอร์หนึ่งๆ ก็ใช่จะมาแค่คนเดียว เขามากันเป็นฝูงๆ ทั้งนั้น สรุปก็คือ เราใช้เวลายืนรอคิวอยู่หน้าร้าน นานถึง 4 ชั่วโมง!! ประมาณว่า กุไปเที่ยวดิสนีย์กลับมา คงยังไม่ได้คิว ประมาณนั้น
เราหิวโซ สโลเสลเดินเข้ามากัน ขณะนั้นปากเริ่มสั่นเพราะน้ำตาลต่ำกันแล้ว จ๊อกๆๆๆๆๆๆ (เสียงท้องร้อง)
ในที่สุดอาหารก็มาค่ะ ฟ้าหลังฝนมักจะสวยเสมอ อาหารเขาอร่อย สมเป็นหนึ่งในยุทธจักรจริงๆ มาดูทีละอันกันดีกว่า
----
ติ่มซำร้านนี้ จำไม่ได้เสียแล้วว่ามันต้องลงสถานีไหนแน่ๆ ก็เลยไม่กล้าเขียนลงไปอ่ะ แต่จำได้ว่า เป็นร้านที่ หนังสือท่องเที่ยวเล่มไหนๆ ก็เขียนไว้ เพราะดังจริงอะไรจริง คาดว่าหาไม่ยากเลยค่ะ
อันนี้ก๋วยเตี๋ยวหลอด เรากินแล้วอร่อยดี แต่เพื่อนบอกไม่ใช่ว้อยยย มันอร่อยมวากกกกกก ฮว้ากกกกกก แป้งก็นุ่ม ไส้ก็เต็มคำ หอมหวลยวนใจยิ่งนัก
จากคุณ : aey_omuอันนี้อร่อยเด็ดที่สุดในร้อน ขนมปังยัดไส้(คล้ายๆ จะเป็น)หมูแดง อร่อยมากจริงๆ ค่ะ
ที่กัดแล้วเอามาถ่ายครึ่งกลางๆ นี้ เพราะอยากให้ได้ดูไส้ข้างใน ไม่ใช่เพราะทนไม่ไหว เผลอกัดไปก่อนหรอกนะ จริงๆ นะ! เชื่อสิ!
มาดูซากโดยรวม จะเห็นว่าบนโต๊ะมีเมนูพร้อมหน้าตาอาหารอยู่ สั่งไม่ยาก แค่จิ้มๆ คนขายก็คุยภาษาอังกฤษออก จีนกลางก็ได้
จากคุณ : aey_omuหลังกินเสร็จ เราก็ลาเพื่อนๆ และแยกทางกัน (ม่ายยยย) เพื่อนๆ ของเราลงเรือไปมาเก๊า ส่วนชีวิตของเราที่ฮ่องกงเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
สถานที่ที่เราไปกันต่อ คือ symphony of light การแสดงดังกล่าวนี้ เป็นการแสดงของตึก!! โดยตึกฝั่งฮ่องกง จะเปิดๆ ปิดๆ ไฟบนตึก ให้เข้าจังหวะเพลง (ดังนั้น เราจึงต้องดูจากฝั่งเกาลูนค่ะ) จำได้ว่า เมื่อสี่ซ้าห้าปีก่อน สมัยเพิ่งเริ่มแร่ด เที่ยวเองใหม่ๆ นั้น เราฝันอยากไปฮ่องกง และไปดูการแสดงชิ้นนี้มาก ในที่สุด ก็ถึงวันนี้เสียที
เรามาถึงก่อนเวลา 15 นาที ทว่า!!!...พวกเราประมาทไป มีคนนั่งจับจองอัฒจรรย์หมดแล้วทุกพื้นที่ ฮึ่ม! อย่างไรก็ตาม ยังมีซอกมุมเล็กๆ น้อยๆ ที่พอให้เด็กสาวตัวเล็กๆ น่าสงสารสองคนแทรกเข้าไปได้ เราพยายามหาที่ที่มันกลางๆ หน่อย เห็นว่างอยู่รูหนึ่งก็กะจะเข้าไปแจม ทันใดนั้นเอง! ก็มีเด็กชายวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง รีบวิ่งมาแย่งจองพื้นที่ ฮึ่ย! เราประมาทไปอีกแล้ว ไม่นึกว่าจะมีศัตรูเยอะอย่างนี้ เพื่อนที่ไปด้วยกันกรี๊ดกร๊าดขึ้นมาทันที "แกกกก การแข่งขันสูง ต้องสวยมากแน่ๆ เลย" (อืม ตรรกะ - -;; แต่ก็จริงนะเนีย)
ในที่สุดพวกเราก็หาที่ลงได้ โดยไม่เบียด หรือบัง หรือยื้อแย่งใครมา และการแสดงก็เริ่มขึ้น
การแสดงเริ่มด้วยการบรรยาย พอให้ทุกคนเริ่มฮือฮา จากนั้นตึกต่างๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ดับไฟกันหมด(มั้ง...คือจริงๆ จำไม่ค่อยได้แล้ว) จากนั้นเพลงก็เริ่มบรรเลงขึ้น และตึกต่างๆ ก็เริ่มค่อยๆ เปิดขึ้น แต่ละตึกจะเปิดไฟประดับ ที่อวดโฉมเป็นรูปร่างต่างๆ กัน บ้างก็ต่างจากที่เห็นปกติ บ้างก็คล้ายเดิม จากนั้น ไฟของแต่ละตึกก็จะ ปิดๆ เปิดๆ สลับกันไปมาตามจังหวะเพลง บางครั้งจะมีการยิงแสงเลเซอร์ออกมา ตระการตามากค่ะ (เอ๊ะเดี๊ยว! นี่เป็นการสปอยล์คนที่ไม่เคยดูรึเปล่านะ)
ผ่่านไป 10 นาที
เพื่อนตรูที่ตื่นเต้นกิ๊วก๊าวในตอนแรก ก็เริ่มง่วง - -;; (เจ้าตัวยืนยันว่าสวยมากค่ะ แต่มันแอบนานหน่อย)
ส่วนตัวคิดว่าการแสดงตระการตามากค่ะ ไม่ใช่เพราะมันสวยอย่างเดียว แต่เพราะนี่เป็นการแสดงที่ต้องใช้ความร่วมมือจากตึกต่างๆ ซึ่ง...ทุกท่านคงเดาออกว่า ตึกที่สูงใหญ่พอจะเปิดไฟ แล้วให้อีกฝั่งแม่น้ำเห็นนั้น ต้องสูงใหญ่มาก ต้องเป็นของเจ้าของที่ร่ำรวย มีอำนาจมาก พูดง่ายๆ ว่า การแสดง symphony of light ในแง่หนึ่ง เป็นการแสดงแสนยานุภาพ ของกลุ่มพันธมิตรธุรกิจแห่งฮ่องกง ในทั่วโลกได้เกรงขามนั่นเอง
หลังการแสดงจบ เราเดินไปตามอ่าว จะมีทางที่เรียกว่า avenue of star อยู่ เป็นสถานที่ที่จะมีเหล่าคนดัง มาประทับฝ่ามือไว้บนพื้น ให้แฟนๆ อย่างเราได้ลองประกบมือดาราดูบ้าง พวกเราเสียเวลาอยู่กันที่สถานที่นี้นานมาก เพื่อจะได้จับมือ(ผ่านรอยประทับ)กับหลินชิงเสีย(กรี๊ดๆ) และเหล่าดาราที่พวกเราชอบ ที่นานนั้นก็เพราะ ทั้งต้องต่อรอคิว และต้องพยายามถ่ายให้ได้มุมงามๆ ด้วย (แน่นอนว่าคนก่อนหน้าเราก็ทำงี้ ถึงได้ช้ากันทั้งแถว 5555)
จากคุณ : aey_omuเราเดินออกมาด้านนอก และพบกับร้าน mister softee
ร้าน mister softee เป็นร้านไอศกรีมเคลื่อนที่ ตัวร้านมีลักษณะเป็นรถขนาดใหญ่ ทาสีสันต์สวยงามน่ารัก บนเกาะฮ่องกง มีรถแบบนี้อยู่หลายคัน อารมณ์ว่าคงเป็นเฟรนไชส์กันกระมัง ไม่มีที่ หรือเวลาเปิดที่แน่ชัด อยากขับไปเปิด หรือขายที่ไหนก็ที่นั่น โบกให้จอดขายไอศกรีม เหมือนรถขายไอศกรีมบ้านเราก็ไม่ได้ (จขกท เคยโบก)
ไอศกรีมยี่ห้อนี้ เป็นไอศกรีมที่ดังมากค่ะ ด้วยลักษณะของร้านดังที่กล่าวมา สงสัยมันจะเร้าใจดี และด้วยรสชาติของไอศกรีมที่ไม่ธรรมดา เนื้อครีมนุ่มลิ้น หวานมัน เด็ดทั้งเนื้อ เด็ดทั้งรสแตะลิ้น อาาาาา อยากกินอีกจัง
หลังจากนี้ พวกเราจะพบร้าน mister softee อีกหลายครั้ง และเราต่อคิวซื้อไอศกรีมทุกครั้งไป
เราเดินกินไอศกรีมกันมา ผ่านพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ผ่านโรงแรมเพนนินซูลา ลงใต้ดินเพื่อข้ามถนน และโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง บนถนนซึ่งขนานกันไป กับทางรถไฟฟ้าที่อยู่ใต้ดิน ถนนสายนี้ สองข้างทางรถ เต็มไปด้วยผู้คน และร้านรวงหลายแบบ นัยน์ว่าคงเป็นสายเศรษฐกิจของฮ่องกง
เราขึ้นรถเมล์สองชั้นกันที่นี่
----
รถเมล์สองชั้นของที่นี่ดูยิ่งใหญ่อลังการมากค่ะ เป็นรถแบบใหม่ ติดแอร์ทั้งชั้นบนล่าง รูปทรงผอมเพรียวลม ที่จริงทางฝั่งเกาะฮ่องกง (คือเขตหนึ่งของฮ่องกง เป็นเกาะใหญ่) มีรถเมล์สองชั้น ชนิดลมโกรก เป็นรถรางคลาสสิค โด่งดังและมีหนังสือทัวร์พูดกันมากมานานแล้ว แต่เราเห็นว่า ไม่ค่อยมีคนพูดถึงรถเมล์ธรรมดาๆ ของทางฝั่งเกาลูน (เขตที่ติดกับแผ่นดินใหญ่) ที่มีสองชั้นเหมือนกันนัก
รถเมล์สองชั้นที่ว่า ที่จริงก็เป็นรถเมล์ธรรมดาๆ ที่มีสองชั้นนั่นแหละค่ะ แต่เราอยากจะแนะนำให้ลองนั่งดู เพราะเมื่อนั่งบนชั้นสอง โดยเฉพาะที่นั่งหน้าสุด จะให้บรรยากาศที่ไม่ธรรมดา คือรู้สึกราวกับว่า เราบินผ่านวิวทิวทัศน์ด้านล่างไปอย่างนั้นล่ะ (เว่อร์มาก)
ยิ่งเมื่อนั่งบนถนนสายเศรษฐกิจแห่งนี้ เราจะผ่านย่านเศรษฐกิจหลายย่าน เห็นแสงสี และความเป็นตัวตน ของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงแห่งนี้ได้
แต่ค่ำคืนนั้นยังไม่จบ (หึๆ) เราลงรถกันที่บริเวณย่านมงกก คือที่จริง นั่งมาได้สักพัก เพิ่งนึกได้ว่า เออ ที่นั่งมานี่ รู้กันแล้วเหรอฟระว่าจะลงตรงไหน เราเลยเดาๆ กันค่ะ ว่าเอ ตรงนี้คงเป็นมงกกแล้วมั้ง แล้วก็กระโดดลง ฮ่าๆๆๆ (ก่อนลงก็ต้องกดกริ่ง ดังนั้น ถ้าจะลงกระทันหันก็แอบลำบากหน่อย) ที่จริง จะลงตรงไหน ไม่ยากเลยค่ะ ที่พักเราอยู่ในบริเวณมงกก ติดถนนใหญ่ ดังนั้น หากใจเย็นๆ นั่งรถต่อไปอีกหน่อย เราจะเห็นทิวทัศน์คุ้นตาชัดเจน แต่เราใจเร็ว ลงเร็วไปนิด เหะๆๆ แต่ไม่เป็นไร เดินเที่ยวต่อ
ย่านมงกกนี้ จะว่าไปคงแทบไม่ต้องแนะนำ เพราะคนไทยแทบจะยกกันไปเที่ยวทั้งประเทศอยู่แล้ว และมงกกนี้ ก็เป็นย่านที่พักชั้นนำ(ในด้านราคาถูก ปลอดภัย) แถวๆ นี้มีร้านน่าสนใจสองส่วน คือเรื่องร้านรวงที่เปิดกันเป็นตึกแถว ที่นี่เป็นแหล่งเสื้อผ้าแบรนด์ ชนิดหรูปานกลาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า คล้ายๆ ว่ามีพันทิปขนาดย่อมๆ มาตั้งติดๆ กัน อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นคู่หนุ่มสาวมาก็คงดี เพราะสาวเจ้าจะได้เลือกเสื้อผ้า ส่วนแฟนหนุ่ม หลังช็อปเป็นเพื่อน ก็เดินดูเครื่องใช้ไฟฟ้าแก้เซ็ง (ส่วนพวกเราสองคนนั้น เข้าร้านเสื้อผ้า และไปหาเครื่องใช้ไฟฟ้า) มีเรื่องเล่านิดหน่อย คือน้องชายเรา เป็นพวกบ้าคอมมากค่ะ มันอยากได้ลำโพง altec lanzing (เขียนถูกมั้ยเนี่ย = =) หลังพี่สาวจากบ้านไปแรมเดือน มันก็โทรมาราวกับเป็นห่วงมาก แต่ใช้ตรูเดินหาลำโพงให้มันทั้งฮ่องกง กรอดดดด ถ้าใครเป็นแฟนๆ ลำโพงยี่ห้อนี้ ที่ฮ่องกงนี่ มีร้านขายอยู่หลายร้านค่ะ แต่ต้องเผื่อเวลานิดนึง คือบางรุ่นเขาจะไม่มีสต็อก ใช้เวลา 1-2 วันทำการ ในการเรียกของมาให้ค่ะ
ร้านอีกประเภทหนึ่งคือ ร้านรวงที่เปิดอยู่ตามถนน ชนิดปิดถนนขายกันนั้นแหละ ส่วนใหญ่เป็นของก็อปต่างๆ อารมณ์ประมาณสำเพ็งบ้านเรา อย่างไรก็ตาม หลังจากรอนแรมตามแผ่นดินใหญ่ เราพบว่า ของพวกนี้ส่วนใหญ่ส่งมาจากเสินเจิ้น และอย่างที่ได้กล่าวไป ข้ามคลองชีวิตเปลี่ยน ค่าเงินก็เปลี่ยน ของหลายชิ้น ที่เสินเจิ้นราคาถูกกว่ามากกกกกกก หากจะซื้อต้องระวังเสียใจด้วยค่ะ
----
ถ่ายจากบนรถค่ะ
เช้าวันถัดมา อันที่จริงก็จำไม่ได้หรอกว่าไปไหน กร๊ากกกๆๆ จำได้แต่ลางๆ ว่า พวกเราไปเที่ยวบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลกกัน
บริเวณนั้นเป็นย่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ที่ดูแล้วเหมือนอยู่คนละโลกกับเรามาก และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ที่ดูเหมือนมีแต่คนไฮๆ เขามาอยู่กัน บ้านเรือนร้านรวงต่างๆ วางตัวเป็นชั้นๆ ขึ้นไปตามภูเขา ด้วยความสูงและความชัน บวกกับความไฮเทคของฮ่องกง จึงได้มีการสร้างบันไดเลื่อนขนาดอภิมหายาวขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานของผู้พักอาศัยในแถบนี้
ตอนที่ไปถึงเรารู้สึกแปลกใจมาก ภูเขาที่เราเห็นนั้น มันไม่เหมือนภูเขาสักนิด มันถูกร้านรวง บ้านเรือน ห้างสรรพสินค้ารอบๆ ปิดตายไว้จนหมด เห็นแต่เพียงระดับขั้นของบ้านเรือนเรียงซ้อนๆ กันขึ้นไปเท่านั้น เห็นแล้ว เรารู้สึกแปลกๆ นิดๆ หวนคิดถึง พวกเมืองในภูเขาที่เราไปเห็นมา ครั้งหนึ่งเคยไปที่จิ่วเฟิน ที่ไต้หวัน สมัยนั้น จิ่วเฟินยังไม่ดังนัก นักท่องเที่ยวพอตัว แต่ไม่มาก เราเห็นบ้านเรือนเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ก็จริง แต่ยังเห็นภูเขาทั้งลูก เห็นความเขียวขจี และได้กลิ่นไอของขุนเขาลอยออกมา บางทีแต่ก่อน ที่แห่งนี้ก็อาจเคยเป็นเช่นนั้น แต่ ณ วันนี้ เราไม่ได้กลิ่นไอของขุนเขาออกมาเลยแม้แต่น้อย
พูดถึงบันไดเลื่อน ตอนแรกนึกว่าเป็นบันไดยาวม้วนเดียวจบ แต่อันที่จริงแล้ว บันได้เลื่อนจะมีพักยก เป็นระยะๆ แม้กระนั้นก็ยังตื่นตาตื่นใจ
ที่เราประทับใจที่สุด คือ ทาร์ตไข่ ว่าที่จริง ทาร์ตไข่เป็นของชื่อดังของมาเก๊า แต่ร้านTai cheong bakery จากฮ่องกงแห่งนี้ กลับเป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ประมาณว่า มีบุคคลสำคัญมากินอยู่เป็นประจำ ทั้งยังราคาไม่แพงนัก เราไม่รอช้า รีบซื้อหามากินโดยพลัน
วิธีหาร้านก็ไม่ยาก คือเดินมั่วๆ เดี๋ยวก็เจอ ฮ่าๆๆ พูดจริงๆ ค่ะ ตอนแรกเรากะจะเดินดูแถวนั้นทั่วๆ ก่อน แล้วค่อยไปซื้อกิน แต่เดินไปเดินมาดันไปเจอร้านก่อนซะนี่ เลยถือเดินกินซะเลย
----
สังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีคนรอกินอยู่อย่างใกล้ชิด หลังถ่ายเสร็จ
จากนั้น ไปต่อกันที่ศูนย์กลางของเกาะฮ่องกง (ฮ่องกง ฝั่งเกาะฮ่องกง งงไหม) ภารกิจสำคัญที่อยากมา คืออยากมานั่งรถสองชั้น(เมื่อคืนยังไม่พอใจ) และชมบ้านเมืองไปด้วย
route การเดินทางก็มีอยู่หลายสาย แต่ค่าเดินทางไม่แพงนัก ถ้าแนะนำ เราคิดว่า ลองหาแผนที่มาดู และลองนั่งหลายๆ สายดูก็สนุกดีค่ะ
route ที่เรานั่ง อย่าถามว่าผ่านอะไร ฮ่าๆๆๆ คือจำได้แต่ว่า มันผ่ากลางเกาะในแนวนอน
สำหรับบ้านเมืองนั้น มีบางช่วงที่ดูสวยงาม คลาสสิคมาก คืออาจจะไม่ใช่ว่า ตึกรามมันสวยงาม แต่คือย่านชุมชนที่พลุกพล่านแห่งนี้ มีเสน่ห์แบบย่านธุรกิจเก่าแก่ ที่ซึ่งมีประวัติยาวนาน และชวนให้เรานึกถึงภาพยนตร์คลาสสิคหลายๆ เรื่อง แต่....บางช่วง ก็เป็นย่านชุมชนธรรมดานะ อย่างไรก็ตาม การนั่งรถชมวิวจากชั้นสอง อยู่เหนือความวุ่นวายเบื้องล่าง ก็ชวนให้ผ่อนคลายอย่างมากค่ะ
จากนั้นเราเดินช็อป และไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ กับที่จัดแสดงผลงานศิลปะกัน ที่นี่มี Hongkong art center ซึ่งจัดแสดงผลงานของศิลปิน หมุนเวียน ผลัดเปลี่ยนไปเรื่อย แล้วแต่จะมาช่วงไหน ตรงนี้เราถ่ายรูปมาไม่ได้ค่ะ
แนะนำนิดหนึ่ง คือฮ่องกงนี้ จะมีงานแสดงดนตรี จากศิลปินระดับโลกมาเป็นระยะ ทุกท่านสามารถซื้อหาบัตรได้จาก thaiticketmajor เอ้ย...ล้อเล่น ได้ตามเคาท์เตอร์ที่เขาจัดขาย ซึ่งคนต่างชาติอย่างเรา มักหาไม่ค่อยเจอ Hongkong art center นี้ เป็นหนึ่งในแหล่งขายบัตรค่ะ
เราจะไปดูนักเปียโนคนหนึ่งเหมือนกัน แต่เสียดาย ช้าไป บัตรหมดแล้ว
ถัดมา เราเดินทางกันต่อ ย่ำค่ำนี้ เราจะขึ้น the peak กันค่ะ
เรามากันถึง the peak (เร็วมาก) กร๊าาาาาา และช็อคกับคิวที่ยาวเป็นหางว่าว อย่างไรก็ตาม แม้คิวจะยาว ก็รอไม่นานนัก สักพักเราก็ได้ขึ้น peaktram
รถด่วนขบวนนี้ สร้างขึ้นไต่สันเขา ทำให้มันวิ่งขึ้นชันสูงและเร็วมาก ผู้โดยสารจึงเห็นโลกเบื้องล่างตะแคงตัว ทำมุมไป ซึ่งดูแปลกตา และกลายเป็นที่นิยมชมชอบ จากที่เราได้สัมผัสมา คิดว่าอีกอย่าง คือความรู้สึกคล้ายเล่นรถไฟเหาะ แต่ไม่ตีลังกา ท่ามกลางธรรมชาติของภูเขา มองลงไป ช่างตัดกับสภาพบ้านเมืองวุ่นวายข้างล่าง เป็นอีกกิจกรรมที่ชวนให้มาเที่ยวค่ะ
----
บรรยากาศขณะเดินหาสถานี peak tram
เราขึ้นถึงยอดในที่สุด แต่ทว่า วันนั้นก็ไม่ใช่วันของเรา ฟ้าปิด มีเพียงหมอกและความมืดมน เราเดินเล่นสักพัก ก็พบทางเดินลงไปข้างล่าง เข้าใจว่า the peak มีทางสำหรับคนเดินขึ้นลงด้วย ทางนั้นเป็นทางเลาะสันเขา หากฟ้าเปิด คงสามารถมองไล่ลงไป เห็น peaktram วิ่งขึ้นลง เห็นภาพเมืองฮ่องกง มันคงสวยจับใจ แต่นี่มองอะไรไม่เห็น ก็ได้แต่เสียดายอยู่ลึกๆ เรานั่งเล่นในเก๋งจีนที่พบตามทางระยะหนึ่ง ก็เดินกลับขึ้นมา และต่อคิวลงจาก the peak
ลงมาถึงด้านล่าง ก็ถึงเวลา symphony of life พอดี เราเห็นตึกที่อยู่รอบๆ แข่งกันเปิดไฟ กระพริบวิบวับไปตามจังหวะเพลง โชคดีจริงๆ ที่ได้เห็น
คืนนั้นเรานอนหลับใหล ด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่สุขใจ
----
อีกหนึ่งบรรยากาศตอนเดินไปขึ้นแทรม
วันถัดมา เราตื่นเช้า ไปที่ที่เราอยากไป เพื่อนเราชอบสัตว์มาก และชอบขี่ม้า วันนี้เลยขอไปตลาดปลาทอง (งงฝร่ะ) ตลาดปลาทองของที่นี่... คือ เผอิญว่า จขกท ไม่เลี้ยงปลาทอง เพราะตอนเด็กๆ เคยทำมันตาย เลยไม่ค่อยรู้ว่า เมืองไทยเขาขายกันยังไง แต่เพื่อนคอมเมนท์มาว่า ตลาดปลาทองที่นี่แจ่มมาก มีปลามากมายหลายชนิด (อ้าว ไม่ได้ขายแต่ปลาทองเหรอ) มีพืชน้ำเยอะมาก มาให้เลือกกันเป็นตู้ๆ และแต่ละร้าน ก็จะจัดตกแต่งตู้ปลา เอามาโชว์กัน ใครชอบเลี้ยงปลา จัดตู้ปลา มาดูคง ถึงซื้อกลับไปไม่ได้ แต่คงได้ไอเดียไปมากโข
--------
ไม่ได้ถ่ายรูปมาซะงั้น งั้นแถมรูป symphony of light ระยะประชิดจากฝั่งฮ่องกงไปก่อนค่ะ
ถัดมา แถวบ้าน จขกท ขายดอกไม้เยอะ เลยอยากไปตลาดดอกไม้ที่นี่
เวลานั้นเพิ่งผ่านตรุษจีนมา (โอยยย นึกแล้ว ยังนึกถึงคืนนั้นบนรถไฟ) ยังมีพวกดอกไม้ ที่ดูใช้เป็นของขวัญ ใช้ตกแต่งในพิธีที่เป็นมงคลอยู่ เห็นชัดคือต้นส้มจี๊ด เขาขายกันเป็นต้นๆ และคนก็ซื้อกันเยอะมากๆ ที่เมืองไทยเราไม่ค่อยเห็นขายกันนัก อีกอย่างที่แตกต่าง คือเรื่องการจัดดอกไม้ บ้านเราจะดูหลากหลาย และจัดโชว์กันมากกว่า สำหรับตัวสินค้า ส่วนใหญ่ คิดว่าดอกไม้ไม่หนีกันนัก แต่ฮ่องกงก็จะมีดอกไม้เมืองจีนบ้าง (แต่ไม่มาก) ส่วนบ้านเรา ดอกไม้จะหนักไม้เมืองร้อน และมีพวกไม้เมืองหนาวเสริม โดยรวมคิดว่าหลากหลายกว่า (แต่อันที่จริงก็คงจะหลากหลายกว่าน่ะแหละ ก็บ้านเราใหญ่กว่า และภูมิอากาศหลากหลายกว่า) นอกจากนี้ เราไม่เห็นร้านขายใบไม้โดยเฉพาะเลย
หลังเดินฉุยฉายในตลาดเสร็จ ท้องก็เริ่มว่าง เราจึงขอนำทุกท่าน สู่ร้านอาหารหวานชั้นนำของฮ่องกง ร้านsweet dynasty
ร้านนี้อยู่แถวๆ ที่ดู symphony of life ค่ะ อันที่จริง เราก็อยากจะอธิบายว่าเดินไปยังไงอย่างไร แต่คือมันจำไม่ได้แล้วอ่ะ T T อย่างไรก็ตาม ร้านนี้ดังมากค่ะ หาจากเน็ทเจอได้ไม่ยาก
มาเริ่มกันเลย เราสั่งของกินมีชื่อของร้านมาลอง พร้อมๆ กับของโปรดสมัยอยู่ไทย(ฟังดูหรู เหมือนอยู่เมืองนอกมานาน) ดูซิว่า รสชาติจะเป็นอย่างไร
โดยรวม ร้านนี้ของหวานอร่อยสมชื่อ ความหวานนั้นละมุนลิ้น ในขณะที่เนื้อขนมทำได้ละเอียด ละลายไปในปาก สั่งอะไรก็อร่อยทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ขอแอบกระซิบสักเล็กน้อย คือบัวลอยน้ำขิงของที่นี่ เทียบกับอย่างอื่นแล้วด้อยกว่า ด้วยว่าทำงาดำได้ไม่ละเอียด และหอมเท่าร้านในเมืองไทย ส่วนน้ำขิงก็แอบหวานไป ไม่เผ็ดร้อนสะใจเจ๊เลยเจรงๆ แต่อย่างอื่นอร่อยมากค่ะ ฟันเฟิร์ม
---
บัวลอยน้ำขิง อย่างไรก็ตาม ถ้าใครชอบหวานหน่อย อาจจะชอบมากก็ได้ค่ะ
มาต่อกันที่พุดดิ้งมะม่วง อร่อยมวากกก กร๊าาาาา
จากคุณ : aey_omuข้ามไปเร็วๆ ไปต่อกันที่จุดมุ่งหมาย ไฮไลท์ของเราวันนี้ สนามแข่งม้า!!!!
เนื่องด้วยเพื่อนเรานั้นชอบสัตว์มาก ไม่เพียงแต่ปลาทองเท่านั้น แต่ยังชอบขี่ม้าด้วย วันนี้เลยขอไปสนามแข่งม้า เปิดหูเปิดตาซะหน่อย เรานั่งรถไฟใต้ดิน ต่อแล้วต่ออีกกันหลายเที่ยวมาก ไปซะไกลเชียว แต่สถานีไหนนั้น จำไม่ได้แล้ว กร๊าาาาาาา ทุกท่านสามารถหาทางไปสนามแข่งม้าได้จากหนังสือนำเที่ยว หรือใบปลิวทั่วไปในฮ่องกงค่ะ ไม่ถือเป็นสถานที่ลึกลับแต่อย่างใด
เพื่อนบอกว่า สนามแข่งม้าที่นี่นั้น เป็นสนามใหญ่โต ได้มาตรฐานโลก เมื่อแรกเข้าไปก็รู้สึกถึงความโอ่อ่า สง่างาม จริงจัง แต่ไม่รู้ทำไม ถึงมีตุ๊กตาม้าแข่งสีฉูดฉาดวางตั้งอยู่ เลยถ่ายรูปซะหน่อย
สนามม้าที่นี่ อนุญาตให้พวกเราเข้าไปได้ โดยมีค่าเข้าราคาไม่แพงนัก (แต่ถ้าจะพนันนั้น ก็แน่นอน อีกราคาหนึ่ง และต้องทำเรื่องอะไรอีกเล็กน้อย) เมื่อเข้าไปได้ เราก็รีบเข้าไป เกาะขอบสนามทันที
จากคุณ : aey_omuนี่เป็นครั้งแรก ที่ จขกท ได้ดูการแข่งม้า แม้ว่าจะดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ก็เร้าใจดี ดูเหมือนที่นี่จะมี "ดารา" ทั้ง "ดาราคน" คือจ๊อกกี้ และ "ดาราม้า" คือม้าแข่งชื่อดังต่างๆ หลังจบการแข่งขันในแต่ละรอบ กล้องก็จะถ่ายไปยังดาราม้า-คน ที่ได้ชัยชนะ ผู้คนที่เชียร์อยู่ก็จะเฮเสียงขรม ในขณะที่เหล่าลุงๆ ผู้พ่ายแพ้ ก็จะทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในคอ เป็นบรรยากาศที่ตลกดีเหมือนกันค่ะ
ดูบรรยากาศในสนามม้ากันหน่อย
เสร็จจากสนามม้า ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย
เนื่องจากพวกเราหิวกันมาก จึงแวะกินข้าวในฟู้ดเซ็นเตอร์ของห้างLangham(ลังแฮม?) หนึ่งในห้างที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง
อันที่จริง ห้างนี้อยู่ใกล้ที่พักของเรามาก แต่เราก็มองข้าม มัวไปช็อปที่โน่นที่นี่เพลิน ที่ห้างนี้มีแบรนด์ดังๆ ทั้งของฮ่องกง ของต่างประเทศ แข่งขันกันลดราคาตลอดเวลา ช่วงที่เราไปไม่ใช่ high season ก็จริง แต่ก็ยังมีการลดราคาอยู่พอตัว
เรากินข้าวกันเลยเวลาไปหน่อย ทำให้โชคร้ายมาเยือนอีกครั้ง (สรุปว่าทริปนี้ มีแต่เรื่องโชคร้ายว่างั้น) เรือข้ามฟาก จากฮ่องกงไปมาเก๊านั้น มีอยู่แทบจะตลอดเวลา แต่หากออกตัวในช่วงเย็น จำได้ลางๆ ว่า เย็นกว่า 5 โมงเย็นเป็นต้นไป (จำไม่ได้อ่าค่ะ อันนี้) ราคาจะเปลี่ยน ขณะนั้น 4 โมงกว่าแล้ว แต่ยังต้องลงรถใต้ดิน และเดินอีกเล็กน้อยกว่าจะถึงท่าเรือ พวกเราลืมคิดเรื่องเวลาไป จึงต้องรีบแทบตาย กระ:-)กระสน เพราะกลัวเสียเงินเพิ่มกัน
เรามาทันในวินาทีสุดท้าย และได้ราคาช่วงกลางวัน เฮ้อ T^T
เรือออกตัวและมุ่งหน้าสู่เกาะมาเก๊าโดยพลัน เดิมที่ เราคิดแบบบ้านๆ ว่า คงเป็นเรือแบบเปิดประทุนสี่ด้าน ลมโกรก คล้ายๆ หางยาว แต่คงมีที่นั่งชัดเจนหน่อย ใครมาไม่ทันก็ยืนเอา (คิดได้จริงๆ ตรู) ที่ไหนได้ กลายเป็นเรือเฟอรี่ลำโต ปิดทึบทุกด้าน มีแอร์ และมีบริการหนังให้ดู บรรยากาศคล้ายขึ้นเครื่องบินไปซะงั้น
เรามาถึงมาเก๊า ในช่วงที่ท้องฟ้ามืดไปหมดแล้ว
-------
ม้ามาแล้วจ้าาาา
ใช้กล้อง ซูมจากระยะไกลมาก ภาพจึงไม่ละเอียดนัก
คิดว่า ทุกท่านคงสังเกตได้ ว่าตอนนี้เรารีวิวไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าใดนัก
นอกจากเรื่องลืมแล้ว สาเหตุสำคัญคือ เราเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทุ่มเทให้กับการช็อปปิ้ง ฮ่าๆๆๆ มีห้างที่ไหน มีสองซำเหมาที่นั่น ช็อปกันไว้ลายสนั่นเกาะมาก (ซื้อไม่ซื้ออีกเรื่อง) เราเสียเงินที่ฮ่องกงนี้ เกือบเท่ากับครึ่งหนึ่งของเงินที่ใช้ในแผ่นดินใหญ่!!
แต่เรื่องช็อปปิ้งนี่ ไม่รู้จะรีวิวยังไงดีค่ะ ฮ่าๆๆๆ ไม่สันทัด แถมรูปเริปก็ไม่ค่อยได้ถ่าย เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเอาที่ช็อปมารีวิว
สุดท้ายก็เลยตัดเอาที่เที่ยวมารีวิวเป็นท่อนๆ
เจอกันตอนหน้า ตอนสุดท้ายเด้อค่าาาา
----
นอกจากส้มจี๊ดแล้ว ตลาดดอกไม้ยังนิยมขายต้นสีส้ม ไม่ทราบชื่อ เราเห็นแล้วประทับใจมาก จึงขอนำมาฝากทุกท่านค่ะ มันดูน่ารักดี
ขอปาดหน่อยครับ รีวิวกันยาวมาก ก่อนผมเป็นสมาชิกซะอีก วันนี้ผมไล่อ่านทั้งวันตั้งแต่เช้าแล้ว สนุกมาก ๆ ครับ เป็นกำลังใจให้รีวิวไปจนจบครับ จะตามอ่านตลอดเลยจ๊ะ อ่านมา 12 ตอนล่ะ รู้สึกเหมือนได้เป็นเพื่อนสนิทกับ จขกท ไปแล้ว 555+
จากคุณ : lnwraijinตามดูต่อนะคะ
ขอบคุณสำหรับการรีวิวค่ะ
ฮ่าๆๆ ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ
ดีใจๆ มีเพื่อนเพิ่มขึ้นแล้ว ^o^
อ่านแล้วสนุกเหมือนได้ไปด้วยเลยค่ะ
จากคุณ : nifedipineตอนใหม่มาแว้ววว
ตอนที่ 13 macau วันเบาๆ ในอ้อเหมิน
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11144327/E11144327.html
เห็นสนามม้าบรรยากาศท่าทางน่าสนุกครับ เชียร์ม้ากัน
จากคุณ : Destiny-Boyตามมาเทียวฮ่องกงค่ะ พุดดิ้งมะม่วงน่ากินมาก